วันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

รีเจนท์ชะอำเจ๋งทำโรงแรมเป็นบ้านทัวร์โลก
บุกITB2018นำยุโรปเที่ยวกินชุมชนทั่วไทย
บัตรคิงเพาเวอร์ลดตั๋วบินทั่วโลกทุกชั้น15%
ททท.-กรุงไทยจัดฟู้ดสตรีทไร้เงินสด1-4 มี.ค.
สมาชิกบางจากรับไปเลยส่วนลดทำพรบ.รถ
เที่ยวสร้างโลกใหม่ให้ฝูงกระทิงวังน้ำเขียว
ไม่ต้องกลัวอ้วนลงพุงแก้ไขได้ด้วยตัวเอง
จัดเต็ม@boonpartnerสังฆทานชุมชน
โรงแรมอัมราลดแบบไม่ยั้งห้องพัก20%
คมนาคมตื่นปรับใหญ่สนามบินลำปาง
เจ้าท่าเห่อสร้างท่าเรือท่องเที่ยวทั่วไทย
บินไทย-iFeeสบช่องแจกไมล์ROPเพิ่ม
เวียดนามตัดหน้าไทยผุดศูนย์ซ่อมMOR
พบกันวันอาทิตย์ที่ 2561 เวลา 11.00-12.00 น.กับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen    และบล็อกเกอร์ #gurutourza

ช่วงที่ 1 ติดตามธุรกิจของทายาท “เตชะไพบูลย์” จาก “เบญจพล อังแสงธรรม” ผู้นำทีมบริหารชุดใหม่แห่งอาณาจักร “เดอะ รีเจนท์ ชะอำ บีช รีสอร์ต” เนรมิตที่พักให้เป็น “บ้านหลังใหญ่” ของนักท่องเที่ยวคนไทยและชาวโลกมาเที่ยวซ้ำ ๆ เป็นมิตรกับท้องถิ่นและกระจายรายได้ถึงชุมชนรอบ ๆ หัวหิน ชะอำ โดยงัดเทรนด์แรง “Family Regency Bunk” มัดใจลูกค้า และเตรียมยกทีมบุกขายงานใหญ่สุดของโลกใน ITB 2018 กวาดเยอรมันมาไทยในฐานะกลุ่มเที่ยวซ้ำคนละ 70-80 ครั้ง

เบญจพล อังแสงธรรม
ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมรีเจนท์ ชะอำ เปิดเผยว่า เดอะ รีเจนท์ ชะอำ บีช รีสอร์ต 

         เบญจพล อังแสงธรรม ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมรีเจนท์ ชะอำ เปิดเผยว่า เดอะ รีเจนท์ ชะอำ บีช รีสอร์ต เพชรบุรี ของตระกูล “เตชะไพบูลย์” ก่อสร้างและเปิดบริการมาราว 36 ปี มีพื้นที่รีสอร์ตรวมร้านรีเทลแล้วไม่ต่ำกว่า 600 ไร่ ซึ่งพัฒนาปรับปรุงด้วยเงินลงทุนจำนวนมากต่อเนื่องเพื่อให้ทันสมัยอยู่ตลอด ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมากระแสตลาดครอบครัวจากกรุงเทพฯ เดินทางเข้ามาทำให้ยอดเข้าพักเติบโตสูงมาก จึงได้ทำโปรดักซ์ห้องพักเทรนด์ใหม่ “Family Regency Bunk มี ห้องผู้ใหญ่ 2 ห้อง และห้องเด็ก 2 ห้อง ออกแบบให้มีลักษณะคล้ายบ้านหลังที่สองของกลุ่มครอบครัว มีเพียง 12 ห้องเท่านั้น ทำให้บางครั้งไม่เพียงพอต่อความต้องการซึ่งนับเป็นบ้านหลังใหญ่ของนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ส่วนไฮไลต์ของรีสอร์ตเป็นศูนย์กลางรองรับตลาดการประชุมทั้งภายในประเทศและนานาชาติ

ขณะเดียวกันก็มีกิจกรรมให้ผู้ที่เข้ามาพักผ่อนจำนวนมากสามารถเลือกทำทั้งการใช้พลังน้อยหรือมากความสนใจในการผจญภัยตลอดการท่องเที่ยว โดยสามารถขับรถชมวิถีชีวิตโดยรอบรีสอร์ตได้

สนนราคาห้องพักเริ่มจากกว่า 2,000-5,000 บาทขึ้นไปต่อห้องต่อคืน พื้นที่โดยรอบสามารถเดินออกกำลังกายในสวนรอบรีสอร์ตด้วย ปี 2561 เตรียมจัดหาโปรดักซ์ใหม่ ๆ มาเสริมทัพ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม นี้ จะยกเครื่องห้องพักกว่า 70 ห้องให้มีความสดใหม่ขึ้นมา ผนวกกับการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับชุมชนรอบรีสอร์ตบริเวณหัวหิน-ชะอำ ซึ่งมีความสงบ ปี 2561 จึงมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามามากกว่าเป็นพิเศษ จากสหภาพยุโรปตลอดช่วงฤดูท่องเที่ยวธันวาคม 2560 - มกราคม 2561




ดังนั้นปีนี้จึงเตรียมเข้าร่วมมหกรรมการขายธุรกิจกับทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในงานท่องเที่ยวใหญ่สุดของโลกคือ International Travel Berlin 2018 ณ กรุงเบอร์ลิน เยอรมันี ช่วง 5-8 มีนาคม 2561 ได้อานิสงส์จาก ททท.ออกแบบ ไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน ดีไซน์ใหม่ ทำให้โรงแรมที่เช่าบูธเจรจาธุรกิจสะดวกมากขึ้น และเป็นงานเป้าหมายที่รีเจนท์ ชะอำฯ จะไปนำเสนอห้องพัก ทีมบริหารชุดใหม่ทำงานมา 13 เดือน ตอกย้ำความมั่นใจเรื่องการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าเป็นอย่างดีมาก เพราะนักท่องเที่ยวยุโรปมาพักรีเจนท์ชะอำ ซ้ำ ๆ (Repeater) ไม่ต่ำกว่า 70-80 ครั้ง จึงใช้คอนเซ็ปต์ Away from Home เป็นแม่เหล็กดึงดูดกำลังซื้อ ลูกค้าส่วนมากเป็นกลุ่มพำนักระยะยาวหรือ Longstay เฉลี่ย 12 สัปดาห์ต่อคนต่อทริป

รวมทั้งนักท่องเที่ยวยุโรป และเยอรมัน ที่เดินทางเข้ามาชะอำตลอดทั้งปี ช่วงฤดูท่องเที่ยวและนอกฤดูท่องเที่ยว ล้วนแล้วแต่ชอบไปกระจายรายได้สู่ชุมชน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เดินทางมาพักผ่อนซ้ำ ๆ ที่เดิม นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงออกไปทำความรู้จักกับชาวบ้านพร้อมกับอุดหนุนอาหารถิ่นในชุมชนด้วย



ปี 2561 ตั้งเป้าหมายจะเร่งทำการขายนำรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10 % เป็นการเติบโตต่อเนื่องมาจากปีที่ผ่านมาเติบโตดีมากในรอบ 5 ปี โดยจะมีปัจจัยบวกจากภายในประเทศคือ แนวโน้มการเลือกตั้งภายในประเทศที่นักท่องเที่ยวยุโรปต้องการจะเห็นสถานการณ์บ้านเมืองของคนไทยเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะที่ผ่านมาไทยเผชิญหลายวิกฤตจึงต้องการเห็นความสงบอย่างแท้จริง ส่วนเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจโลกผนวกกับค่าเงินบาทแข็งเกินไปทำให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวชะลอตัวลง เปรียบเทียบกับมาเลเซียแล้วค่าเงินริงกิตอ่อนลง นักท่องเที่ยวก็เริ่มที่จะคิดหนักต่อการเลือกมาเที่ยวเมืองไทย

แต่ทางออกที่ผ่อนปรนเรื่องนักท่องเที่ยวยุโรปกังวลต่อค่าเงินบาทแข็งนั้น ทางรีเจนท์ ชะอำ จะใช้วิธีทำกับคู่ค้าโดยเสริมเรื่องโปรโมชั่นแรง ๆ แต่จะไม่ใช้กลยุทธ์การลดราคา ซึ่งลดแล้วจะดึงราคากลับสู่ปกติได้ยากมาก

นายเบญจพลกล่าวว่าสำหรับตลาดในประเทศช่วงเทศกาลเดินทางหนาแน่นสงกรานต์ปีนี้ จะบูมขายเส้นทางหัวหิน-ชะอำ เน้นจุดแข็งเรื่องของความสงบ และธรรมชาติริมทะเล ในราคาสุดคุ้ม

สำหรับปลายปีนี้หัวหิน ชะอำ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมากจาก อินโดนีเซีย เวียดนาม เป็นผลมาจากมีโปรดักซ์ท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ทั้งสวนน้ำ ตลาดน้ำ Outlet อย่างไรก็ตามทางเอกชนต้องการให้รัฐบาลและหน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยโปรโมตหัวหิน ชะอำ รวมถึงขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ รถไฟความเร็วสูงที่จะเชื่อมต่อเข้ามายังหัวหิน ชะอำ เหมือนกับพัทยาที่มีรถไฟความเร็วสูงและจัดทำเป็นระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ตอนนี้มีเพียงหัวหิน ชะอำ รถบัสจากสุวรรณภูมิเข้าถึงเท่านั้น

“รีเจนท์ ชะอำ รีสอร์ต” เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจดาวรุ่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ที่พร้อมนำจุดแข็งเจ้าของพื้นที่ขนาดใหญ่ริมหาดและเงินลงทุน เนรมิตให้กลายเป็น “โฮมรีสอร์ต” ของคนไทยและต่างชาติได้ทุกวัน และยังเดินหน้าดึงดูดต่างชาติ โดยเฉพาะยุโรปกลุ่มเที่ยวซ้ำเข้ามากระจายรายได้สู่ชุมชนรอบบริเวณล่ำซำเติบโตอย่างเข้มแข็งเคียงข้างกันไป

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “บัตรคิงเพาเวอร์ลดตั๋วบินทั่วโลกได้ถึง20%”

กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ จัดเต็มให้ผู้ถือบัตร คิง เพาเวอร์ ผนึกความร่วมมือกับ บริษัท แอมเบอร์ แทรเวล จำกัด นำสายการบินแถวหน้าของโลกมอบรับสิทธิพิเศษให้สมาชิกคิง เพาเวอร์ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2561 โดยสามารถใช้บัตรซื้อตั๋วจาก 1.สายการบิน ETIHAD AIRWAYS แล้วรับส่วนลด ชั้นธุรกิจ และชั้นเฟิร์สคลาส 30% สำหรับ ชั้นประหยัด ส่วนลด 15% ในเที่ยวบินสู่ยุโรป บรัสเซลส์ แมนเชสเตอร์ โรม แฟรงก์เฟิร์ต เจนีวา ลอนดอน มิลาน มิวนิค ปารีส ซูริค และเส้นทางสู่อเมริกา ลอสแอนเจลิสและนิวยอร์ก

2.สายการบิน JET AIRWAYS พิเศษ บัตรโดยสารสายการบินชั้นธุรกิจ ไป – กลับ กรุงเทพฯ – เมืองมุมไบ พิเศษ 19,665 บาท* (3 เที่ยวบิน / วัน) ไป – กลับ กรุงเทพฯ – เมืองนิวเดลี พิเศษ 19,135 บาท* (2 เที่ยวบิน / วัน) รีบใช้สิทธิ์ดังก่าวเข้าไปสำรองที่นั่งระหว่างวันนี้ – 28 กุมภาพันธ์ 2561 และเดินทางได้ ถึง 15 พฤษภาคม 2561

3.ส่วนลดสูงสุด 20% สำหรับบัตรโดยสารสายการบินชั้นนำเส้นทางอื่น ๆ* สำรองที่นั่งและเดินทางได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2561 สอบถามเส้นทางเพิ่มเติมได้ที่ Amber Air Travels โทร. 0 2168 7300 – 9 (วันจันทร์ – วันศุกร์ 8.30 – 17.00 น.) หรือ www.amber.co.th

ข่าวที่ 2 “ททท.-กรุงไทยจัดสตรีทฟู้ดทัาวไทยไร้เงินสด1-4มีค."

นายกฤษณะ แก้วธำรงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ร่วมกับ ธนาคารกรุงไทย ออลออฟลัค และศูนย์การค้าสยามพารากอน จัดงานใหญ่ ครั้งแรกในไทย "Bangkok Street Food - The Legendary Collection" เทศกาลอาหารริมทางกลางกรุง ที่รวบรวมอาหารสตรีทฟู้ดสุดยอดต้นตำรับระดับตำนานกว่า 25 ร้านดัง ระหว่าง 1-4 มีนาคม 2561 พื้นที่กว่า 800 ตารางเมตร ณ ลานพาร์คพารากอน โดยได้จัดโปรโมชั่นพิเศษหนุนลูกค้าที่ใช้แอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" แทนเงินสด ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวหมุนเวียนเข้างานได้ถึง 1 ล้านคน

การจัดงาน "Bangkok Street Food - The Legendary Collection" เทศกาลอาหารริมทางกลางกรุง เป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ของ ททท.ขานรับนโยบายรัฐบาลทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางการเดินทางมาท่องเที่ยวเชิงอาหารสตรีทฟู้ดจากระดับท้องถิ่นสู่ระดับโลกได้ด้วย

พบกับร้านค้าดังอาหารนำเมนูอร่อยมาร่วมอย่างคับคั่ง ได้แก่ คั่วไก่สวนมะลิ ร้านหอยทอดชาวเล ข้าวขาหมูสุขุมวิทซอย 8 ก๋วยเตี๋ยวเนื้อนายอ้วนราชวัตร บะหมี่หมูแดงเฮียจ๋าย ก๋วยเตี๋ยวหลอดพลับพลาไชย ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาแม้นศรี ขนมจีนน้ำยาบางลำภู ก๋วยจั๊บน้ำข้นเชฟซ้ง กุยช่ายคุณแม่ กระเพาะปลาสะพานเหลือง ยำเจ๊ศรี ซาลาเปาสะพานเหลือง และร้านสไตล์ Food TUK TUK อาหารบนรถตุ๊กตุ๊ก Street Restaurant ร้านข้าวแกงยอดนิยมชาวกรุง และ Fruit Truck ผลไม้ที่ขนกันมาเป็นคันรถ ส่วนนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหิดลจะมาร่วมสร้างสีสันสไตล์ศิลปินเปิดหมวกริมทาง (Busker) ด้วย

นายสุวิชชา สุดใจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บิสิเนส อินโนเวชั่น ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เข้าร่วมสนับสนุนงาน "Bangkok Street Food - The Legendary Collection" เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้ากลุ่มที่ชื่นชอบอาหารการกินได้ร่วมสร้างประสบการณ์สังคมไร้เงินสด หันมาใช้แอพลิเคชั่นชำระเงินผ่านการสแกน QR Code  จากแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" บนโทรศัพท์มือถือของร้านค้า ซึ่งเพิ่มความสะดวกสบาย รวดเร็วและปลอดภัยทั้งผู้ค้าและผู้บริโภค

อีกทั้งทางธนาคารเตรียมมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้า 2 ส่วน ส่วนแรก ผู้ที่ใช้แอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" จ่ายภายในงาน Bangkok Street Food สามารถซื้อ "น้องวายุ เบอร์เกอร์" ในราคาเพียง 1 บาท มากกว่า 2,000 ชิ้นต่อวัน ส่วนที่ 2 รับส่วนลด 30% เมื่อซื้ออาหารต่าง ๆ ภายในงาน

โครงการ "Bangkok Street Food วางแผนจะจัดอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2561 ครั้งที่ 1 The Legendary Collection ระหว่าง1-4 มีนาคม 2561 ณ ลานพาร์คพารากอน ครั้งที่ 2 Songkran Krungthai: Taste of Thai Tradition ระหว่าง 12-16 เมษายน 2561 ครั้งที่ 3 Canopy Eat-up! ระหว่าง 14-17 มิถุนายน 2561 ครั้งที่ 4 Bangkok-Hongkong Street Battle ระหว่างวันที่ 1-5 สิงหาคม 2561 และครั้งสุดท้าย World Street Food Festival ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคม 2561

ข่าวที่ 3 “สมาชิกบางจากรับเลยส่วนลดทำพรบ.รถ3แบบ”

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมให้สิทธิพิเศษสุด ๆ แก่ผู้ถือบัตรสมาชิกบางจากทุกประเภท รับไปเลยส่วนลด พรบ. รถยนต์ ได้ตลอดทั้งปีตั้งแต่วันนี้ – 31 ธ.ค. 61 ด้วยขั้นตอนง่ายๆ..แค่โทร เพียงแจ้งหมายเลขบัตร 16 หลัก รับส่วนลดพิเศษจากราคาปกติ  ดังนี้
รถเก๋ง มูลค่า 645.21 บาท เหลือเพียง 495 บาท
รถกระบะ 2 ประตู มูลค่า 987 บาท เหลือเพียง 785 บาท
รถตู้ส่วนบุคคล มูลค่า 1,182 บาท เหลือเพียง 975 บาท

ขั้นตอนของการรับสิทธิ์ โทร. 02-157-8899 วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.30-17.00 น. โดย พ.ร.บ. รถยนต์ดังกล่าวรับประกันภัย โดย บมจ. เอเชียประกันภัย 1950

ช่วงที่ 2

@ผจญภัยในแดนกระทิง คลองปากั้ง วังน้ำเขียว



ยุคนี้การท่องเที่ยวกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทยไปแล้ว สิ่งที่ต้องทำและต้องมีคือจิตสำนึกดูแลรักษาธรรมชาติ พืช สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ไปพร้อม ๆ กัน

ทริปนี้จะชวนไป “แหล่งชมกระทิง คลองปากั้ง” อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ดินแดนอีกแห่งที่ได้ชื่อว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ไฮไลต์สำคัญยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงการเรียนรู้ของเหล่านักส่องสัตว์ที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้น ๆ บริเวณนี้มีดินโป่งอาหารเหลาของเหล่าฝูงกระทิง นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบก็จะร่วมกิจกรรมเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ และในช่วงนั้นก็มารวมพลังกันทำ “แอ่งดินโป่ง” เพิ่มแร่ธาตุในดินให้เป็นแหล่งอาหารระยะยาวของสัตว์ เรื่อยไปจนถึงการไปช่วยกันหอชมกระทิง ทุกกิจกรรมของการมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยวคือพลังการสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นต่อธรรมชาติและชุมชนรอบบริเวณที่ได้ใช้สถานที่จำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม มีรายได้เลี้ยงครอบครัว



เที่ยวไปทำความดีไปในการเที่ยวคลองปากั้ง วังน้ำเขียว สัก 2 วัน 1 คืน วันแรก ไปรวมตัวกับทางชมรมอาสาสมัครพิทักษ์กระทิงกับมัคคุเทศก์ตำบลวังหมี ในชุมชนซึ่งวางแนวบริหารจัดการต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยการประกอบอาหารท้องถิ่นให้ชิม วัตถุดิบก็ปลูกในชุมชนรอบพื้นที่ มีทั้งผักสดปลอดสารพิษ เห็ดสารพัดชนิดนำมาดีไซน์เป็นเมนูต่าง ๆ อร่อยเกินบรรยาย และยังมีอาหารถิ่น “หมี่โคราช”

รับประทานอาหารเสร็จทางเจ้าหน้าที่อุทยานจะมาให้ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและสัตว์ป่า สอนให้ลองสนุกกับการทำกิจกรรมหล่อปูนปลาสเตอร์รอยเท้าสัตว์ แล้วพาเดินลัดเลาะเส้นทางธรรมชาติระยะใกล้เรียกน้ำย่อยกันก่อนในช่วงบ่ายวันแรก



ก่อนตะวันตกดินก็ให้นักท่องเที่ยวกางเต็นท์ตั้งแคมป์ในจุดที่ได้รับอนุญาต นักท่องเที่ยวเชิงผจญภัยอาจจะนำอุปกรณ์เต็นท์ส่วนตัวไปเองหรือเช่าจากอุทยานก็ได้ ส่วนใครที่มีฝีมือทำอาหารก็แบ่งกำลังกันไปทำมื้อค่ำให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มรับประทาน เมื่อถึงเวลาก็เข้าเต็นท์ นอนนับดาวสัมผัสไอเย็น

ตื่นเช้าวันใหม่ขึ้นมา ลองชิมชิมข้าวต้มเห็ดหอมฝีมือชาวบ้านกลิ่นหอมอบอวลเรียกน้ำย่อยช่วงรับตะวันใหม่ แล้วยังมีเสียงนกนานาชนิดมาทักทายเป็นการเรียนรู้วิถีชีวิตนกในป่าไปด้วยได้ในตัว จากนั้นก็เตรียมตัวเริ่มเข้าสู่กิจกรรมลงพื้นที่สร้าง “แอ่งดินโป่ง” ฝีมือของพวกเราที่จะกลายเป็นแหล่งอาหารสำคัญของกระทิง และหากใครถนัดเรียงหินก็ช่วยกันไปปรับปรุงหอชมกระทิงและหอส่องสัตว์ และช่วยกันทำความสะอาดแหล่งท่องเที่ยว



การท่องเที่ยวทริปนี้นอกจากจะเติมความสุขให้ตัวเองและเพื่อน ๆ แล้ว ยังได้มีส่วนช่วยสร้างสรรค์การท่องเที่ยวชุมชนตามแหล่งธรรมชาติของประเทศให้คงอยู่อย่างยั่งยืน เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย เป็นภารกิจการท่องเที่ยวเชิงผจญภัยง่าย ๆ ทำได้ทุกเวลา

สนใจไปท่องเที่ยวและทำกิจกรรมดี ๆ ที่คลองปากั้ง ก็ลองสอบถามชมรมอาสาสมัครพิทักษ์กระทิงและมัคคุเทศก์วังหมี ได้ที่โทร. 089-838-6022

@อ้วนลงพุงอันตรายต้องแก้ไขพฤติกรรมส่วนตัว

คนอ้วนส่วนใหญ่มีไขมันที่หน้าท้อง และเพิ่มมากในช่องท้อง หรือ “อ้วนลงพุง” คนอ้วนลงพุง มีโอกาสเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงขึ้น อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต เพราะยิ่งรอบพุงใหญ่มากเท่าไร ไขมันยิ่งสะสมในช่องท้องมากเท่านั้น นำมาสู่การเป็น "โรคอ้วนลงพุง" ตามด้วยโรคเรื้อรังต่างๆ (เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง มะเร็ง) รอบพุงที่เพิ่มขึ้นทุก 5 เซนติเมตร (2 นิ้ว) เพิ่มโอกาสเกิดโรคเบาหวาน 3-5 เท่า

การที่จะดูว่า “อ้วนลงพุง” หรือไม่นั้น สามารถประเมินด้วยตาเปล่า หรือใช้สายวัดที่หาได้ทั่วไป วัดเส้นรอบพุงที่ระดับสะดือว่า วงรอบพุง ยาวกี่เซนติเมตร ทั้งนี้ผู้ชาย หากมากกว่า 90 เซนติเมตร (36 นิ้ว) หรือผู้หญิง หากมากกว่า 80 เซนติเมตร (32 นิ้ว) ถือว่า “อ้วนลงพุง” โดยจำง่ายๆ เส้นรอบพุง ต้องไม่

เกินส่วนสูงหารสอง เช่น สูง 180 เซนติเมตร รอบเอวต้องไม่เกิน 180 หาร 2 เท่ากับ 90 เซนติเมตร เส้นรอบพุงต้องไม่เกินนี้ ตัวเลขยิ่งมากยิ่งมีปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคภัยไข้เจ็บมากเป็นเงาตามตัว โดยเฉพาะเบาหวานและคณะ

เคล็ดลับจัดการปัญหาน้ำหนักและอ้วนลงพุง คือการควบคุมอารมณ์ความรู้สึก และเชื่อมั่นต่อการลดน้ำหนัก ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและออกกำลังกาย โดยควรออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง 30 นาทีต่อวัน อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์


ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “อุดหนุน@boonpartnerสังฆทานชุมชนท่องเที่ยว”



ใกล้วันสำคัญทางศาสนามาฆบูชา กลุ่มจิตอาสาในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ได้เปิด @boonpartner ให้บริการเครื่องสังฆทานด้วยความตั้งใจ จริงใจ ใส่ใจ และดีต่อทุกคน ทั้งต่อตนเอง ต่อพันธมิตรบุญผู้รับของไปทำบุญ และต่อโลก จึงได้คัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ดีต่อพันธมิตรคู่ค้าผู้ส่งจากาการนำผลิตภัณฑ์ชุมชนมานำเสนอ เช่น ผลิตภัณฑ์อุปโภคภัทรพัฒน์ สินค้าจากชุมชนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เช่น กาแฟดริปจากชาวเขาดอยผาหมี จ. เชียงราย ตระกร้าเสื่อ กกทอมือ จากบ้านโคกเมือง จ. บุรีรัมย์ ร้าน ล เยาวราช ต้นตำนานค้าปลีก ครีมแก้ส้นเท้าแตก Sweeda ผลิตภัณฑ์สบู่แชมพูออกานิกส์ kindee ร้าน ณ บุญ สังฆภัณฑ์มืออาชีพ และอื่น ๆ

สั่งซื้อได้ทาง LINE : @boonpartner และ IG : boonpartner


ข่าวที่สอง “โรงแรมอัมรากรุงเทพฯลดห้องพัก20%”

โรงแรมอัมรา กรุงเทพฯ จัดโปรโมชั่นจองห้องพัก 1 มีนาคม – 31 ตุลาคม 2561 ด้วยส่วนลดพิเศษ 20% พร้อมสิทธิพิเศษมากมาย เพียงแค่จองล่วงหน้าระหว่าง 1 – 15 มีนาคม 2561 เท่านั้น นอกจากนี้ลูกค้ายังจะได้รับสิทธิ์เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ฟรี 2 แก้ว ที่อะคาซา รูฟท็อปบาร์ ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมฯ และเช็คเอาท์สายได้ถึงเวลา 14.00 น. สามารถจองผ่านทางออนไลน์ได้ที่ https://book.grabrooms.com/amara-bangkok/?rate_plan=20staycation หรือโทร 02 021 8888

ข่าวที่สาม “คมนาคมลุยปรับใหญ่สนามบินลำปาง”

นายดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (อทย.) กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้นำผู้บริหาร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมท่าอากาศยานลำปางพร้อมทั้งติดตามความคืบหน้าการปรับปรุงพัฒนาท่าอากาศยานลำปาง  พร้อมทั้งมอบนโยบายการดำเนินงานโดยเน้นย้ำถึงการให้บริการตามมาตรฐานความปลอดภัย การตรวจเช็คอุปกรณ์ดับเพลิง อุปกรณ์สถานีกู้ภัย รถพยาบาล และเตรียมรองรับผู้โดยสารช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี พ.ศ. 2561 ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม One transport One Family

ปีงบประมาณ 2561 กรมท่าอากาศยาน มีแผนพัฒนาท่าอากาศยานลำปาง โดยขณะนี้มีโครงการก่อสร้างทางขับและลานจอดเครื่องบิน คาดจะแล้วเสร็จเดือนพฤษภาคมนี้ โครงการก่อสร้างอาคารชุดพักอาศัยของเจ้าหน้าที่ 8 หลัง และปะมาณปลายปีนี้จะจัดหารถดับเพลิงอากาศยานเพิ่มเติม  1 คัน

ปัจจุบันสนามบินลำปาง เปิดให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศ  2 สายการบิน ได้แก่   นกแอร์  บิน ไป-กลับ เส้นทาง  ดอนเมือง สู่ปลายทาง ลำปาง วันละ 8 เที่ยว   และบางกอกแอร์เวย์ สุวรรณภูมิ สู่ ลำปาง  วันละ 6 เที่ยว

ข่าวที่สี่ “เจ้าท่าใส่เกียร์ลุยสร้างท่าเรือท่องเที่ยวทั่วไทย”

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า พร้อมสนับสนุนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พัฒนาการพัฒนาท่าเรือท่องเที่ยวในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ  3 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 เร่งศึกษาเพื่อพัฒนาท่าเทียบเรือเพื่อรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise) ซึ่งพบพื้นที่เหมาะสมคือกระบี่ และเกาะสมุย สร้างแล้วจะเพิ่มการท่องเที่ยวทางน้ำเพิ่มขึ้นได้ 100% ระหว่างนี้กำลังพิจารณารูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership - PPP) โครงการนี้มีผลมาจากหลังพบสถิติปี 2560 มีเรือสำราญขนาดใหญ่เข้ามาในไทย 393 ลำ นำนักท่องเที่ยวเข้ามามากว่า 368,000 คน เพิ่มขึ้น 8 % เกาะสมุยมีทัวร์ทางเรือเพิ่มสูงถึง 19 %

ส่วนที่ 2  กรมเจ้าท่าจะดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานการใช้เรือ Tender สำหรับรับ – ส่ง ผู้โดยสารจากเรือสำราญขึ้นสู่ฝั่ง ควบคู่กับการจัดระเบียบและยกระดับคุณภาพการให้บริการของเรือท้องถิ่นให้บริการผู้โดยสารได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
     
ส่วนที่ 3 เตรียมพัฒนาท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยว วางแผนปรับปรุงท่าเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยาและลำคลอง สาขา ทั้งท่าเรือรัฐและเอกชน เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวทางน้ำ เพิ่มความสะดวกการเชื่อมต่อเข้ากับทั้งระบบขนส่งสาธารณะทางบกและทางราง และนำนวัตกรรมมาใช้กับเรือดูแลความปลอดภัยและเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมทางน้ำ

ข่าวที่ห้า “บินไทยผนึกiFee Groupรับไมล์ROPเพิ่ม”



นางสาวจิตติมา อุทัยเฉลิม ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ รอยัล ออร์คิด พลัส บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าได้ร่วมกับ นายริคกี้ เชีย ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารบริษัท iFREE Group me คู่สัญญาใหม่ของ รอยัล ออร์คิด พลัส กับ iFREE Group เปิดให้บริการ MOGO S Global SIM Card และ Data Plan เพื่อเชื่อมต่อการสื่อสารในทุกๆ การเดินทาง
ของสมาชิกรอยัล ออร์คิด พลัส ที่การบินไทยบริการกว่า 33 ประเทศ 64 จุดหมายปลายทาง

โดยสมาชิกรอยัล ออร์คิด พลัส สามารถนำไมล์สะสมมาแลกเป็นแพ็กเกจ MOGO S Global SIM Card ได้
และหากสมาชิกเติมเงินแพ็กเกจซิมการ์ดตามอัตราที่กำหนด จะได้รับไมล์สะสมรอยัล ออร์คิด พลัส อีกด้วย

ข่าวที่หก “เวียดนามชิงตัดหน้าไทยทำฮับMORศูนย์ซ่อมฝูงบิน”

ในขณะที่ประเทศไทยทำได้แค่ลงนามข้อตกลงความเข้าใจกับทางกลุ่ม แอร์บัส มาถึง 5 ครั้ง เพื่อรอทำเมกะโปรเจ็กต์ศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MOR) บริเวณท่าอากาศยานอู่ตะเภา ในระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ผลปรากฎว่า ระหว่างวันที่ 7-8 มีนาคมนี้ Aviation Week Network จะจัดประชุม MRO East Asia เตรียมความพร้อมและใช้ประโยชน์จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาด MRO ณ กรุงฮานอย เวียดนาม   เพื่อวิเคราะห์ตลาดและความท้าทายของอุตสาหกรรมแบบครบวงจรทั้ง การเข้าสู่บริการ ทิศทางพัฒนาฝูงบิน เทคโนโลยีขั้นสูง ไอทีแอพพลิเคชั่นกลยุทธ์ การร่วมกับผู้จัดจำหน่ายชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์อะไหล่ทดแทน (Aftermarket) ทั่วโลก เพื่อรับประกันการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะเดียวกันในวันที่ 8 มีนาคม นี้ เวียดนามจะใช้โอกาสการเป็นสถานที่จัดการประชุม เปิดตัว VAECO ศูนย์ซ่อมบำรุงเครื่องบินต้อนรับผู้ร่วมงาน MRO East Asia เข้าเยี่ยมชมทุกรายละเอียด เนื่องจากเวียดนาม แอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริง คอมพะนี (VAECO) บริษัทในเครือของเวียดนาม แอร์ไลน์ เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลัก

นายฟาม กวง ไท ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดของ VAECO กล่าวว่ารอคอยได้พบเจรจากับผู้ประกอบการทั่วโลกมานานแล้ว และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้สนับสนุนงาน MRO East Asia 2018  ส่วนศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานของ VAECO มีโรงซ่อมเครื่องบิน 6 โรง รองรับเครื่องบินทั้งแบบลำตัวแคบและลำตัวกว้าง มีบริการงานซ่อมบำรุงเครื่องบิน ณ ลานจอด (Line and Base Maintenance) งานซ่อมชิ้นส่วนหรืองานซ่อมเล็ก งานซ่อมใหญ่ การทาสีเครื่องฝูงบินของเวียดนาม แอร์ไลน์ และลูกค้าระดับนานาชาติมากกว่า 70 ราย

ทั้งนี้นิตยสาร Aviation Week รายงาน Fleet and MRO Forecast ระบุปี 2561 ความต้องการด้านการซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะสร้างเม็ดเงินมูลค่า 5,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อีก10ปีหน้าปี 2570 ตลาดโดยรวมในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกจะมีมูลค่า 2.26 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มเฉลี่ยปีละ 4.3%

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.



วันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ภาคตะวันออก9 จังหวัดเฮรับเที่ยวชุมชนเมืองรอง-ทัวร์มุมใหม่ป่ากระทิงคลองปลากั้งวังน้ำเขียว

9จังหวัดตะวันออกแจ้งเกิดชุมชนเมืองรอง
โร้ดโชว์ดึงอีสาน-ภาคกลางแห่เที่ยวอ่าวไทย
ซื้อเลยโปรแรงคิงเพาเวอร์การ์ดช้อปสุดคุ้ม
ททท.ระดมชุมชนบุกกรุงเข้าคอร์สแก้จน
ภูเก็ตตื่นรับเทรนด์ยอร์ชดูดเศรษฐีไฮเอนด์
บางจากติดโซลาร์รูฟในปั๊มลดค่าไฟ15%
เที่ยวงานแห่มาลัยข้าวตอกแห่งเดียวในโลก
ผู้สูงวัยต้องออกกำลังกยายให้เป็นอายุยืน
มาแล้วแชทบอท”น้องฟ้า”บินไทยไฮเทค
บางกอกแอร์ทุ่มทุกทางขายตั๋วบินทั่วโลก
“วีระศักดิ์”แก้ภูเก็ตทัวร์ล้นสล็อตบินไหล

สวัสดีวันเสาร์ที่ 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen    และบล็อกเกอร์ #gurutourza

ช่วงที่ 1 เกาะติดสถานการณ์กับ “วิบูลย์ นิมิตวานิช” ผู้อำนวยการ ททท.ภาคตะวันออก ในการพลิก 9 จังหวัดที่หันมาเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพแจ้งเกิด “ชุมชนท่องเที่ยวเชื่อมโยง” เมืองรอง แทนการขายแต่ในเชิงปริมาณ เริ่มแล้วเกินกว่า 20 ชุมชน พร้อมกับเตรียมนำร่องสงกรานต์เมืองรอง “ตะบอน” อำเภอขลุง กับตำนานผ้าเมืองพุทธกว่า 400 ปี พร้อมการเปิดตลาดโบราณกว่า 270 ปีสู่สายตาชาวโลก เรื่อยไปจนถึงการจัดมหกรรมโร้ดโชว์ชวนบริษัท ห้างร้าน ทั่วแดนอีสาน และภาคกลาง แห่ทัวร์ทะเลอ่าวไทย อัดโปรโมชั่นและสนับสนุนค่าใช้จ่าย แถมลดภาษีได้ 2 เท่า

วิบูลย์ นิมิตวานิช
 ผู้อำนวยการ ภูมิภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.


“วิบูลย์ นิมิตวานิช” ผู้อำนวยการ ภูมิภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยถึง ในพื้นที่ท่องเที่ยวตะวันออก 9 จังหวัด ตราด ชลบุรี สมุทรปราการ นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว โดยมีตลาดเมืองรองดาวรุ่ง จันทบุรี ระยอง นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จะทำให้เกิดการเดินทางเข้าไปเพื่อสร้างการท่องเที่ยวเชิงคุณค่าไปยังชุมชน และเชื่อมโยงไปยังภูมิภาคและประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งกระจายรายได้ลดความเหลื่อมล้ำ นำเสนอรูปแบบท่องเที่ยวผสมผสานเมืองหลักสู่เมืองหลัก ขายเดี่ยว ๆ เฉพาะเมืองรอง หรือจับคู่เมืองรองกับเมืองรอง เช่น จันทบุรี กับระยอง หรือตราด ซึ่งมีชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว บ้านสลักคอก นครนายก-ปราจีนบุรี-สระแก้ว

ขณะนี้มีชุมชนยอดนิยมจัดทำการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกันเองภายในภาคตะวันออกได้ทั้งหมด อย่างจันทบุรี มีชุมชนเกษตรเขาบายศรี ริมน้ำจันทบูร ตราดก็มีชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว บ้านสลักคอก ท่าระแนะ นครนายกมีชุมชนทุ่งกระโปง บ้านไทยพรวน ปราจีนบุรีมีชุมชนจักสานใบลานบ้านทับลาน สระแก้วมีชุมชนบ้านคลองละลุ สมุทรปราการเชื่อมชุมชนบางน้ำเชี่ยวกับบ้านคลองเขื่อน

สำหรับเมืองหลักในชลบุรี มีบ้านตะเคียนเตี้ย ชุมชนจีนโบราณบ้านชากแง้ว ระยองก็มีชุมชนปากน้ำประแสร์ บ้านจำลุง

ตัวอย่างในการนำเสนอขายเพื่อการท่องเที่ยว เส้นทางจันทบุรี ตอนเช้าแวะดูท่องเที่ยวระยอง ท่าใหม่ มีอาหารถิ่นก๋วยเตี๋ยวหมูเรียง บะหมี่ทะเลและหมูสับ มีความหลากหลายตรงเส้นบะหมี่ทำเอง จากนั้นไปเขาบายศรี สินค้าชุมชนต้องบ้านป้าแกลบ ทำทุเรียนทอด ทอฟฟี่ พริกไทย ทำคุ้กกี้ นักท่องเที่ยวร่วมกิจกรรมได้ พฤษภาคม-กรกฎาคม ไปสวนป้ารักกินไปนอนโฮมเสตย์ได้ด้วย หรือจะไปหาดเจ้าหลาวมีรีสอร์ตริมทะเล เชื่อมไปถึงริมน้ำจันทบูรซึ่งมีวิถีถิ่นความหลากหลายของพื้นบ้าน โดยมีกลุ่มคนรุ่นใหม่กลับมาทำเปิดร้านอาหาร เครื่องดื่ม แนวชิค ๆ ในบริเวณใกล้เคียงกันสามารถไปโบสต์คริสต์ แล้วยังมีชุมชนขนมแปลกบ้านหนองบัว

มาถึงจังหวัดตราดมีไฮไลต์เรื่อง 2 วัฒนธรรม การรักษาความดั้งเดิมทางอาหารถิ่นอย่าง ข้าวเกรียบยาหน้า คล้ายขนมเบื้องทำจากแป้งกับมะพร้าว ถ้ามีเวลาก็จัดล่องเรือไปเก็บหอย ชมการสานหมวก หากพักค้างคืนก็มีแพกเกจ พักค้างบ้านน้ำเชี่ยว 1 คืน 999 บาทต่อคน หรือจะเป็นบ้านน้ำเชี่ยว บ้านสลักคอก มีวิถีการเรียนรู้ป่าโกงกางบริการเรือมาตรซึ่งใช้คนพายนำชมสถานที่ ซึ่งรายล้อมด้วยป่าโกงกาง และจัดเตรียมอาหารการกินมื้อกลางวันหรือเย็น

กิจกรรมที่นครนายก ทุ่งกระโปงเป็นพื้นที่เกษตรผสมผสาน จะนำเสนอเยาวชนไปท่องเที่ยว เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมคนเมืองกับท้องถิ่น ไปปลูกผัก ทำอาหาร การจักสาน ทำให้เด็กได้จับต้องเรียนรู้ หรือจะไปยังโรงเรียนนายร้อย จปร. ล่องแก่ง ขับรถเอทีวี ส่วนสระแก้วจะมีบ้านละลุซึ่งเป็นการยุบตัวของแผ่นดินและมีประวัติศาสตร์โบราณ

กิจกรรมแต่ละพื้นที่ในแต่ละชุมชนจะเน้นความสุขของทั้งนักท่องเที่ยวและชุมชนได้กระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างแท้จริง

สำหรับ “สงกรานต์” เมืองรอง จะโปรโมตยกระดับ “สงกรานต์ชุมชนเมืองตะบอน” อำเภอขลุง จันทบุรี แห่ผ้าพระบาท ชักเย่อเกวียนพระบาท ออกร้านโบราณ  270 ปี อันมีเรื่องราวความเป็นมาเกี่ยวกับผ้าพระบาทกับผ้าพระบาทโบสถ์ นำมาทางเรือตั้งแต่ปี 2125 มายังเมืองขลุง มีความสำคัญตรงยุคนั้นมีอหิวาตกโรคระบาดแล้วชาวบ้านได้แห่ผ้าพระบาทไปตามชุมชนต่าง ๆ ทำให้คนหายเจ็บป่วยจึงเกิดความเชื่อว่าผ้าสามารถรักษาโรคได้ จึงได้แห่ผ้าพระบาทมาจนถึงทุกวันนี้ และยังมีรอยพระพุทธบาทอยู่ ด้วย 4 รอย เรียง คือ พระกุฎะสันโธ พระโคนาธม กัฎสัปปะ พุทธโคดม กว้าง 5 ศอก ยาว 10 ศอก ตอนล่องเรือมาชาวบ้านกลัวจะถูกน้ำทะเลทำลายจึงห่อไว้ถึงสองชั้น

ปีนี้ระหว่างวันที่ 13-14 เมษายน นี้ จะจัดที่วัดตะตอนน้อยจัดกิจกรรมสงกรานต์ วันที่ 13 เมษายน นี้ จะมีพิธีทำบุญ ร้านค้า และตลาดย้อนยุควัดตะบอนใหญ่ ในวันที่ 14 เมษายน จะมีพิธี “อาหารร้อยรสพันอย่าง” โดยชาวบ้านจะทำโรงทานนำอาหารถิ่น จากนั้นก็จัดแห่ผ้าพระบาท พร้อมทั้งจัดชักเย่อผ้าพระบาทเป็นอุบายให้ชาวบ้านได้ออกกำลังกาย แบ่งข้างชายหญิง โดยจะแห่ไปยัง 14 หมู่บ้าน แล้วในวันที่ 15 เมษายน จะเป็นวันไหล

สำหรับวัดตะบอนใหญ่จะจัดสงกรานต์ต่อเนื่องในวันที่ 16 เมษายน มีตลาดโบราณกว่า 270 ปี จากชาวบ้านได้เงินมาจำนวนหนึ่งแล้วเปิดร้านค้าเริ่มจาก 10 คูหา ต่อมาเจ้าอาวาสสร้างได้จนถึงปัจจุบันกว่า 100 ร้านค้า สร้างสรรค์การนำผลผลิตท้องถิ่นมาขายนักท่องเที่ยวโดยตรง เปิดบริการทุกวันเสาร์ และสงกรานต์จะพิเศษเป็น 14-17 เมษายน

ส่วนเรื่องที่พัก และการเดินทาง สะดวกมาก เพราะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การกระจายตัวออกไปสู่อำเภอพลิ้ว ใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งชั่วโมงรวมทั้งจัดบริเวณจอดรถ อำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ ครบวงจร

นายวิบูลย์กล่าวว่า ล่าสุดจัดโร้ดโชว์นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคตะวันออก 70 กว่าราย ไปเปิดบูธเจรจาธุรกิจกับคู่ค้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เลือกใช้ศูนย์กลางจัดงานที่นครราชสีมา เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 เชิญชวนบริษัทห้างร้านขนาดใหญ่ 150 รายมาเจรจาธุรกิจเพื่อเชื่อมโยงท่องเที่ยวชุมชน จากนครราชสีมาสู่ภาคตะวันออก โดยทำโร้ดโชว์ปีละ 2 ครั้ง ปีนี้ครั้งแรกเดือนกุมภาพันธ์นี้ จัดที่นครราชสีมา ครั้งที่ 2 เดือนเมษายนนี้จะจัดที่พระนครศรีอยุธยา เป็นกลยุทธ์กระตุ้นกำลังซื้อกลุ่มประชุม สัมมนา จัด Team building, หรือ Outing ได้จัดทำแพกเกจราคาพิเศษ ที่พัก ร้านอาหาร กิจกรรมทางทะเล เที่ยวสวนผลไม้ ส่วนที่สอง กิจกรรมต่อเนื่องเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไปเน้นขายมหานครแห่งเมืองผลไม้ ทุเรียน มังคุด เงาะ และอื่น ๆ

สถานการณ์อีสานไปท่องเที่ยวภาคตะวันออกจากการทำโร้ดโชว์ครั้งแรกนำร่องในนครราชสีมาและพระนครศรีอยุธยาไม่ต่ำกว่า 2,000 แพก อีกทั้งยังมีแรงจูงใจจากการซื้อแพกเกจท่องเที่ยวหรือให้บริษัททัวร์จัดโปรแกรมทัวร์ให้แล้ว บริษัท ห้างร้านต่าง ๆ จะสามารถนำไปลดภาษีนิติบุคคลได้ถึง 2 เท่า

ดังนั้นโดยภาพรวมแล้วตลอดปี 2561 ภาคตะวันออกจะปลุกกระแสการท่องเที่ยวชุมชนที่มีคุณภาพแจ้งเกิดได้เกินกว่า 20 ชุมชน ซึ่งแต่ละชุมชนมีอัตลักษณ์เหมาะกับนักท่องเที่ยววัยแตกต่างกัน อีกทั้งการส่งเสริมให้บริษัทห้างร้านซื้อแพกเกจประชุม สัมมนา ให้สวัสดิการพนักงานไปทำกิจกรรมนอกสถานที่ซึ่งใช้ทั้งโปรโมชั่นและการสนับสนุนค่าใช้จ่ายหากนำคนเดินทางขั้นต่ำ 100-200 คน ททท.จะให้ฟรีอาหารหรืออื่น ๆ

การทำกิจกรรมการตลาดส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวทุกรูปแบบตลอดปี 2561 ทั้งหมดทางททท.ภาคตะวันอออกมุ่งหวังจะกระจายรายได้สู่ชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างการเรียนรู้ให้ท้องถิ่นเกิดความตื่นตัวในการพัฒนาท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงหัวใจสำคัญมากสุดที่จะพลิกจากรูปแบบเดิม ๆ คือเน้นความสุขของชุมชนมากกว่าการนำนักท่องเที่ยวเข้าไปเกินขีดความสามารถของพื้นที่ที่จะรองรับได้

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “ซื้อเลย2แพกเกจบัตรคิงเพาเวอร์การ์ดสุดคุ้ม”



กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กับการเดินทางที่ไม่สิ้นสุด เปิดให้เลือกซื้อ KING POWER CARD ในราคาสุดคุ้ม! ระหว่างวันนี้– 31 มีนาคม 2561ทุกสาขาทั้งที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่  กับ 2 แพกเกจ คือ

แพ็กเกจ 1,000 บาท โดยมียอดเงินในบัตร 1,000 บาท รับส่วนลด 5% พร้อมคูปอง on-top 5% สำหรับการซื้อสินค้า 1 ชิ้น จำนวน 1 ใบ

แพ็กเกจ 6,000 บาท ยอดเงินในบัตร 6,000 บาท ส่วนลด 10% พร้อมคูปอง on-top 5% สำหรับการซื้อสินค้า 1 ชิ้น จำนวน 2 ใบ

รวมทั้งรับฟรี 50 กะรัตเพียงลงทะเบียนสมัครสมาชิกคิง เพาเวอร์ พร้อมบริการห้องรับรองพิเศษ และสิทธิประโยชน์อีกมายทุกการเดินทาง

เมื่อซื้อแล้วจะต้องลงทะเบียนสมาชิกภายใน 30 วัน ที่ http://services.kingpower.com/register เพื่อรับสิทธิ์การเป็นสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ และสิทธิประโยชน์ของบัตร เมื่อลงทะเบียนเป็นสมาชิกคิง เพาเวอร์ เรียบร้อยแล้ว สามารถสะสมยอดซื้อ และกะรัตได้ตลอด 5 ปี นับจากวันที่ทำการซื้อสินค้าครั้งแรกด้วยบัตรใบดังกล่าว


ข่าวที่ 2 “ททท.นำชุมชนบุกกรุงเข้าคอร์สท่องเที่ยว27กพ.”



นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ได้จัดอบรมการเตรียมความพร้อมเพื่อความยั่งยืนทางการตลาดการท่องเที่ยวชุมชน (Amazing Thailand Go Local)
 ให้แก่ชุมชนทั่วประเทศในวันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ณ ห้องบอลรูม 2 โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก

ซึ่งจะกล่าวถึงแนวทางเชื่อมโยงนโยบายรัฐบาลด้านการให้การท่องเที่ยวสร้างความเข้มแข็งขจัดความยากจนให้กับชุมชนและกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานราก จากนั้นฝ่ายบริหาร ททท.ทั้งทางด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว จะมาให้แนวทางการสร้างสรรค์สินค้าท่องเที่ยวโดยชุมชน กลยุทธ์การทำตลาด และแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน

รวมไปถึงภาคเอกชนซึ่งเป็นผู้แทนจากสมาคมไทยท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (TRTA และ Doisters) สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ (TEATA) และสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) จะมาให้ข้อมูลเตรียมความพร้อมเพื่อความยั่งยืนทางการตลาด จากนั้นได้จัดเวิร์คช้อปและนำเสนอ กิจกรรม “The Shape of Voice” ฟังเสียงสะท้อนของชุมชนกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวของ ททท.ไปพร้อม ๆ กันด้วย

ทั้งนี้เพื่อเปิดเวทีให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจับมือกันสร้างสรรสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้แก่ชุมชนเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่การหารายได้เสริมจากการท่องเที่ยวชุมชนอย่างถูกวิธีต่อไป

ข่าวที่ 3 “ททท.ดันภูเก็ตฮับดูดลูกค้าไฮเอนด์กลุ่มยอร์ช”


นางสาวกฤติกา กฤตวุฒิกร ผู้อำนวยการ สำนักงานภูเก็ต การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  เปิดเผยว่ามหกรรมเรือสำราญและมารีน่า "ไทยแลนด์ ยอชท์ โชว์ ครั้งที่ 3" เริ่มขึ้นระหว่าง 22-25 กุมภาพันธ์ 2561 ณ อ่าวปอ แกรนด์มารีน่า จังหวัดภูเก็ต โดยนานาชาติได้นำทั้งเรือยอชท์ ซูเปอร์ยอชท์ เรือคาตามารัน เรือใบ เรือสำหรับกีฬาตกปลาระดับหรู เรือใบเล็ก เรือขนส่งโดยสาร เรือเพื่อการกีฬาทางน้ำ และเรือสำราญสำหรับออกล่องทะเล รวมถึงเครื่องเล่นเอ็กซ์ตรีมรุ่นใหม่สุดเร้าใจ เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักธุรกิจและวีไอพีทั่วโลกเข้ามาร่วมงานอย่างคับคั่ง เป็นการสร้างตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพเกรดเอหลั่งไหลเข้าสู่เมืองไทย

ตลอดงานได้เพิ่มสีสันเปิดคลาสสอนทำอาหารไทย ด้วยโซนบูธอาหารริมทางแสนอร่อย สาธิตการปรุงอาหารโดยเชฟฝีมือเยี่ยม จำลองตลาดนัดกลางคืน กิจกรรมการชิมไวน์  และปิดท้ายกิจกรรมแสนสนุกในแต่ละวันที่ HYPE เรือคาตามารันระดับหรู ซึ่งจะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดงานปาร์ตี้บนเรือทุกคืน ร่วมด้วย D'Deck Bar โดย Sunbrella rihv,สร้างความบันเทิงด้วยบูธดีเจสุดมันส์และบริการค็อกเทลยามค่ำแก่ผู้เข้าร่วมงาน ขณะเดียวกันก็มีกิจกรรมให้ผู้รักสขภาพได้ออกกำลังกายกับการเล่นโยคะด้วย

สำหรับการจัดงานครั้งนี้มีแบรนด์ดังเข้าร่วมอย่างคับคั่ง ทั้ง  Asia Marine, Asia Yacht Agency, Azimut Yachts, Boat Lagoon Yachting, Cholamark Boat Co, Fraser Yachts, Lee Marine, Multihull Solutions, Northrop and Johnson, Princess Yachts, Sky Marine, Sunreef, Sunseeker และอีกมากมาย ซึ่งผู้เข้าชมงานสามารถสัมผัสกับผลิตภัณฑ์คุณภาพเยี่ยมได้อย่างใกล้ชิด พร้อมทดลองแล่นเรือซูเปอร์ยอชท์จากแบรนด์ชั้นนำรายใหญ่ระดับโลก ทั้ง Feadship, Ferretti, Heesen, และ Perini Navi

กิจกรรมระหว่างงานเปิดให้ผู้เข้าชมมีส่วนร่วมแบบอินเตอร์แอ็คทีฟ ทั้งการโดยสารเรือสำราญล่องทะเลอันดามัน สนุกสนานกับเครื่องเล่นทางน้ำรุ่นใหม่บนแพลตฟอร์มกลางน้ำแบบโอเพ่น พร้อมชมนวัตกรรมเพื่อการขับเคลื่อนที่ยั่งยืนซึ่งให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมทางทะเล กับโชว์จัดแสดงเรือและรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดจาก ทอร์คีโด และ บีเอ็มดับเบิลยู

รวมถึงการชมขบวนเรือซูเปอร์ยอชท์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียและของโลก อย่างเรือ Lauren L ขนาดมหึมากว่า 90 เมตร ผลิตโดย Cassens-Werft และนำเสนอโดยบริษัท Titan Fleet Management ร่วมด้วย M/Y Paraffin เรือมอเตอร์ยอชท์ขนาด 60 เมตรจากแบรนด์ Feadship นำเสนอโดยบริษัท Fraser Yachts เหมาะกับที่กำลังแสวงหาเรือยอชท์ที่มีความสง่างามเหนือกาลเวลา เพราะนี่คือหนึ่งในเรือยอชท์ที่หรูหราที่สุดในโลกที่มีบริการเช่าหรือจำหน่ายในตลาดปัจจุบัน เรือสามารถจุผู้โดยสารได้ 12 คนด้วยห้องพักส่วนตัว 6 ห้อง

ข่าวที่ 4 “บางจากใช้นวัตกรรมโซลาร์รูฟเซฟรายจ่าย15%”

นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด   บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ Evolving Greenovation  จึงได้นำนวัตกรรมมาใช้ในการดำเนินงานอย่างไม่หยุดนิ่ง โดยได้ร่วมกับ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน)  ในกลุ่มที่ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาอาคารสถานีบริการน้ำมัน และอาคารร้านค้าภายในสถานีบริการน้ำมันบางจากที่บริหารโดยบริษัท บางจาก รีเทล จำกัด เพื่อทำให้บางจาก และบางจาก รีเทล ได้รับประโยชน์จากราคาไฟฟ้าที่ต่ำลงราว 10-15%

รวมถึงจะร่วมพัฒนานำนวัตกรรมอนุรักษ์พลังงานที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น IoT (Internet of Things) หรือการติดตั้งระบบเซ็นเซอร์ มาเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ซึ่งนอกจากจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าให้กับสถานีบริการน้ำมันและร้านค้าได้อีกทางหนึ่งด้วย สอดคล้องการมีส่วนร่วมสร้างสังคมสีเขียว (Green Society)

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในระยะแรกบีซีพีจี จะศึกษาและดำเนินการในสถานีบริการน้ำมันบางจากขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่มีร้าน SPAR ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านกาแฟอินทนิล พร้อมทั้งธุรกิจเสริมอื่นๆ ประมาณ 10 แห่ง จากนั้นจะขยายเพิ่มเติมไปยังสถานีบริการน้ำมันบางจากอื่น ๆ ทั้งที่บริษัทฯ และผู้ประกอบการเป็นผู้บริหาร คาดจะเริ่มดำเนินการได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้

ช่วงที่ 2 เที่ยวงานเดียวในโลก “แห่มาลัยข้าวตอก มาฆบูชา” อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร ตำนานร้อยปีของดอกมณฑารพร่วงหล่นจากสรวงสวรรค์ ในงานบุญใหญ่แห่งปี แล้วมารู้เรื่องสุขภาพ “การออกกำลังกายของผู้สูงวัย” พร้อมเกาะติดทุกสถานการณ์กับสายการบินแห่งชาติ ปั้นแชทบอท “น้องฟ้า” ขึ้นมาทำไม ขณะที่ “บางกอกแอร์เวย์ส” ดิ้นทุกทางเพิ่มยอดขายตั๋วทั้งผนึกกับเอ็กซ์พีเดียและอีแอล เอแอล อิสราเอลแอร์ไลน์ ส่องภารกิจ “วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาขานรับประชาคมภูเก็ตลดรับทัวร์จำนวนมากเร่งระบายคนสู่เมืองรอง จับเข่าคุยคมนาคมแก้สลอตเที่ยวบินไร้คุณภาพขึ้นเกาะ

@แห่มาลัยข้าวตอกแห่งเดียวในโลกที่ยโสธร



ทุกปีช่วงใกล้วันสำคัญทางศาสนา “มาฆบูชา” มีเทศกาลท่องเที่ยวทางบุญมาชวนไปชมความตระการตาของชาวชุมชนในจังหวัดยโสธร จัดสืบต่อกันมานับร้อยปีงานประเพณี “แห่มาลัยข้าวตอก” ปีนี้วันโฮมและวันแห่สามารถไปท่องเที่ยวงานแห่งเดียวของประเทศไทยและแห่งเดียวในโลกกันได้ ช่วงวันที่ 25-28 กุมภาพันธ์ 2561 กว่า 14 หมู่บ้าน ตั้งใจนำประติมากรรมข้าวตอกมาจัดแสดงในขบวนแห่ตามพิธีทางศาสนาที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร



ชาวชุมชนต้องใช้ความอุตสาหะอย่างสูงในการทำ “มาลัยข้าวตอก” ร้อยด้วยด้ายเป็นสายยาวแล้วนำไปประกอบเข้าเป็นต้นระยะที่มีลักษณะความสวยงามแตกต่างกันตามแนวคิดของแต่ละหมู่บ้าน

ความพิเศษของมาลัยข้าวตอกสีขาวนั้น ของข้าวที่นำไปคั่วจนได้ดอกข้าวสีขาวนั้นสื่อความหมายถึง “ดอกมณฑารพ” ซึ่งเป็นดอกไม้ทิพย์แห่งสวงสวรรค์มีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ จะบานและร่วงหล่นยังโลกมนุษย์ในโอกาสวันสำคัญ ๆ เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ดังนั้นชาวชุมชนทั่วยโสธรจึงได้หลอมรวมใจร้อยมาลัยข้าวตอกขึ้นทุกปีเพื่อใช้สักการะพระพุทธเจ้า ในวันมาฆบูชาเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ดังคำกล่าวที่ว่า “ร้อยมาลัยข้าวดอก แทนดอกมณฑลรพ นพพระสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้า”




ชาวบ้านมีความเชื่อกันว่าหากได้นำ “ข้าว” ซึ่งเป็นของสูงคู่ควรกับการบูชาสิ่งศักสิทธิ์ จึงได้เลือกใช้ข้าวเหนียวเปลือกพันธุ์ “กข.6 สันป่าตอง” ที่มีความคงทนมาคั่วบนภาชนะปากแคบจนแตกกลายเป็นสีขาวสวยงาม แล้วร่อนด้วยกระจาดเพื่อคัดเปลือกออกแล้วเลือกดอกสมบูรณ์สวยงามก่อนนำไปเรียงร้อยเป็นอุบะสายยาวตามกำลังที่แต่ละหมู่บ้านจะทำได้

ปีนี้แต่ละหมู่บ้านพร้อมใจกันประดิษฐ์โดยร้อยเส้นยาวสุดถึง 4.5 เมตร แล้วจากนั้นมามัดกับโครงสามเหลี่ยม แล้วออกแบบความสวยงาม สมัยก่อนจะใช้สายยาวธรรมดา ต่อมาพัฒนาการทำเป็นลวดลาย หน้าช้าง มัดท่อ ลายกลอน ร่างแห ลายสายฝน แล้วตกแต่งด้วยดอกไม้บนมาลัยข้าวตอกงามมากยิ่งขึ้น

พวงมาลัยที่จัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้วจะแห่นำไปถวายวัดก่อนถึงวัน “มาฆบูชา” 1 วัน ปีนี้ตรงกันกับวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นี้

หากใครพลาดไปชมงานวันจริงไม่ได้ ทางจังหวัดยโสธร ก็ได้นำ “มาลัยข้าวตอกของชุมชน” ไปจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมาได้เยี่ยมชมความงดงามทำเป็น “พิพิธภัณฑ์มาลัยข้าวตอก วัดหอกลอง” อำเภอมหาชนะชัย

ชวนกันไปเช็คอิน ร่วมท่องเที่ยวสายบุญอีสานดินแดนงานมาลัยข้าวตอก แห่งเดียวในโลกที่อำเภอมหาชนะชัย แล้วจะโชคดีมีชัยไปตลอดทั้งปี

@ ผู้สูงวัยควรเลือกออกกำลังกายให้เป็น

สมรรถภาพของร่างกายไม่ว่าความแข็งแรงหรือความทนทาน ความว่องไว เป็นต้น จะมีสูงสุดเมื่ออายุประมาณ 30 ปี แล้วจะค่อยลดลงร้อยละ 1 ทุกปี ดังนั้น เมื่ออายุ 60 ปีแล้ว จะมีความแข็งแรงลดลง
ผู้สูงอายุจำเป็นต้องออกกำลังอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ มีหลักดังต่อไปนี้

ถ้าไม่เคยออกกำลัง จะต้องศึกษาหลักการ ให้ถูกต้องและค่อยๆ ทำ อย่าหักโหม ถ้าหากมีโรคประจำตัว ต้องปรึกษาแพทย์ก่อน เลือกชนิดของการออกกำลังให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายและถูกกับนิสัย ระวังอุบัติเหตุ ทำสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ควรออกกำลังเป็นหมู่คณะ หรือมีเพื่อนร่วมการออกกำลัง เมื่อเกิดอาการผิดปกติหน้ามืดหรือใจสั่นผิดปกติ ควรชะลอการออกกำลังลงและหยุด ปรึกษาแพทย์ทันที
การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุมีหลาย ชนิดดังนี้
- การเดิน มีข้อต้องปฏิบัติคือต้องเดินเร็วให้เกิดการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น หากเดินเร็วมากไม่ได้ ต้องเพิ่มเวลาการเดินให้มากขึ้น ควรใช้รองเท้าที่เหมาะสม เนื่องจากการเดินเป็นการออกกำลังแต่ส่วนเท้าเป็นส่วนใหญ่ขณะเดินมีการแกว่งแขนและบริหารกล้ามเนื้อคอและหน้าอกบ้าง พยายามเดินบริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ ปลอด-ภัยจากโจรผู้ร้าย และอุบัติเหตุ พยายามเดินตอนเช้ามีเพื่อนหรือกลุ่มร่วมในการเดิน จะช่วยให้เกิดความสนุกสนานยิ่งขึ้น

-การวิ่งช้าๆ ถ้าสามารถวิ่งได้ก็ไม่มีข้อห้าม แต่จะต้องมีข้อเท้าที่ดี (เพราะการวิ่งจะมีแรงกระแทกที่ข้อมากกว่าการเดิน อาจทำให้บาดเจ็บได้) รวมถึงการสวมใส่รองเท้าที่เหมาะสม

-กายบริหารท่าต่างๆ จะต้องบริหารให้เกิดผลถึงระดับหัวใจเต้นเพิ่มขึ้น

-การรำมวยจีน เป็นการเคลื่อนไหวช้าๆ แต่ใช้เวลาและสมาธิด้วย เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ แต่ต้อง มีครูผู้ฝึกที่ดี มีกลุ่มที่เหมาะสมและต้องใช้เวลาปฏิบัติอย่างจริงจัง ผู้ที่ปฏิบัติหลายคนที่ผู้เขียนได้พบปะและ   รู้จักมีสุขภาพและแข็งแรงดีอย่างน่าประหลาด

-เล่นโยคะ เป็นการออกกำลังผสมกับควบคุมการหายใจให้เข้าจังหวะกัน ต้องมีครูฝึกที่รู้จริง ถ้าปฏิบัติอย่างจริงจังก็ให้ประโยชน์สูง

การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุแต่ละคนมีประโยชน์ แต่จะต้องรู้หลักการออก- กำลังกายแต่ละชนิด ทำท่าที่ถูกต้อง และออกกำลังสม่ำเสมอตามสภาพของร่างกาย ไม่หักโหม ไม่รุนแรง ไม่แข่งขัน ก็จะทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดี
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “การบินไทยผุดแชทบอทน้องฟ้าผ่าธุรกิจดิจิตอล”


นางสาวปริยา จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการพาณิชย์ดิจิทัลและการตลาดรายได้เสริมองค์กร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทยได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับใช้ภายในองค์กร ไม่ใช่แค่เพียงเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตต่อไปเท่านั้น แต่ยังต้องการพลิกธุรกิจให้ทันเหตุการณ์โลก การตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจที่ลึกซึ้งในตัวลูกค้าเอง ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในทุกภารกิจของการบินไทย โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้ยกระดับประสบการณ์การบริการลูกค้าด้วยการเปิดตัว “น้องฟ้า” แชทบอทที่นำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ในการตอบคำถามและข้อสงสัยของลูกค้า สามารถสนทนากับลูกค้าได้ทั้งในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

สำหรับ “น้องฟ้า” พัฒนาขึ้นโดยใช้ชุดเครื่องมือการพัฒนาบอทของไมโครซอฟท์ (Microsoft Bot Framework) และบริการบอทสำหรับแพลตฟอร์มคลาวด์ ไมโครซอฟท์ อาซัวร์ (Azure Bot Service) จึงทำให้สามารถตอบสนองทุกข้อซักถามได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นในด้านข้อเสนอพิเศษ การเช็กอินออนไลน์ ตารางเที่ยวบิน สินค้า และบริการเสริมมากมาย และหากคำถามใดที่บอท “น้องฟ้า” ไม่สามารถให้คำตอบได้ ลูกค้าสามารถเลือกติดต่อเจ้าหน้าที่ต่อไปได้

นอกจากนี้ การบินไทยยังมีแผนที่จะพัฒนาเว็บไซต์รูปแบบใหม่ที่นำข้อมูลของลูกค้ามาใช้เป็นพื้นฐานในการปรับเปลี่ยนข้อมูลและเนื้อหาที่แสดงบนหน้าเว็บให้ตรงกับความสนใจของผู้เยี่ยมชมแต่ละคน ขณะที่แอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟน พัฒนาต่อยอดให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

ซึ่งเป็นกลยุทธ์ขานรับโลกยุคใหม่สอดคล้องกับผลการวิจัยของผลสำรวจไมโครซอฟท์-ไอดีซี ในหัวข้อ “ปลดล็อกโลกเศรษฐกิจในยุคแห่งการปฏิรูปด้วยดิจิตอล” พยากรณ์อีก 3 ปีข้างหน้า หรือตั้งแต่ปี 2564 การปฏิรูปธุรกิจด้วยดิจิตอลจะสามารถสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ให้ประเทศไทยเติบโตจากเป็น 2.82 แสนล้านล้านบาท ผนวกกับขณะนี้องค์กรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต่างต้องเร่งเครื่องเดินหน้าบนเส้นทาง ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น เพื่อคว้าโอกาสใหม่ๆ ให้ได้คุ้มค่าที่สุด และปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการเริ่มประยุกต์ใช้งาน AI อย่างแพร่หลาย ทุกองค์กรยังหันมาให้ความสนใจกับการแปรรูปทรัพยากรข้อมูลในมือให้กลายเป็นมุมมองใหม่ๆ ในตลาด โอกาสในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการเชิงดิจิทัลรูปแบบใหม่ หรือแม้แต่ช่องทางการสร้างรายได้จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคู่ค้าอย่างปลอดภัย

ข่าวที่สอง “บางกอกแอร์ผนึกทุกเครือข่ายเพิ่มรายได้”




นายวรงค์ อิสรเสนา ณ อยุธยา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เจ้าของบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า ได้ลงนามสัญญาความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ บริษัท เอ็กซ์พีเดีย อิงค์ (Expedia Inc.) เพื่อสนับสนุนการขายและร่วมส่งเสริมการตลาด กระตุ้นยอดจำหน่ายบัตรโดยสาร ตลอดจนเพิ่มความสะดวกสบายในการสำรองบัตรโดยสารให้กับผู้โดยสารของสายการบินฯ ผ่านช่องทางต่างๆ ของเอ็กซ์พีเดีย และกลุ่มบริษัทในเครือต่างๆ ที่มีสาขามากมายอยู่ทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ยุโรป และออสตราเลเชีย ทำให้ผู้โดยสารซื้อตั๋วบางกอกแอร์เวย์สได้ในทุกเส้นทางบินผ่านเว็บไซต์ www.expedia.com โมบายแอพลิเคชั่น Expedia บนสมาร์ทโฟนทั้งระบบ iOS และ Android และศูนย์บริการลูกค้าเอ็กซ์พีเดียทั่วโลก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

รวมทั้งบางกอกแอร์เวย์ส ได้ลงนามกับสายการบินอีแอล เอแอล อิสราเอลแอร์ไลน์ (LY) ให้บริการเที่ยวบินร่วม ระหว่างไทยและอิสราเอล พร้อมทั้งทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายและบริการด้วยสิทธิพิเศษใช้ห้องรับรองผู้โดยสารของบางกอกแอร์เวย์ส และอาหารบนทุกเที่ยวบิน ในการเดินทางเชื่อมต่อจาก กรุงเทพฯ ไปยังเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งบางกอกแอร์เวย์สมี 9 เส้นทางบิน ไป-กลับ กรุงเทพฯ สู่ปลายทาง เกาะสมุย เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ตราด สุโขทัย ดานัง (เวียดนาม) พนมเปญ (กัมพูชา) และเสียมราฐ (กัมพูชา)

ดูเพิ่มเติมได้ที่ www.elal.com และ www.bangkokair.com หรือ โทร Call Center 1771

ข่าวที่สาม “รมว.วีระศักดิ์ช่วยภูเก็ตแก้ทัวร์แน่นระบายสู่เมืองรอง”



นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่หารือกับทางประชาคมภาคธุรกิจจากหอการค้าและสมาคมท่องเที่ยวจากห้าจังหวัดอันดามัน ที่ตกลงร่วมมือกันบูรณาการทำแผนและธรรมนูญท่องเที่ยวอันดามัน โดยมีทั้งเอกชน ชุมชน องค์กรปกครองท้องถิ่นพร้อมจะเข้ามาพัฒนาร่วมกัน โดยได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจาก บริษัทภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด เข้ามาช่วยสนับสนุนกระบวนการประชุมเพื่อเดินหน้าสร้างความสำเร็จให้ดีขึ้นโดยเร็ว

ประการสำคัญทางภูเก็ตจะขอทบทวนการเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวต่างประเทศกลุ่มทั่วไปซึ่งหลั่งไหล่เข้าพื้นที่เกินขีดความสามารถที่จะรองรับได้ แต่ขยับสู่เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว high end มากขึ้ น เนได้จากการจัดงาน Thailand Yatch Show นำเรือสำราญขนาดต่าง ๆ ที่สามารถพานักท่องเที่ยวกลุ่มพร้อมใช้จ่ายเงินสูงเข้าไปเที่ยวถึงชุมชนและลำน้ำภายในประเทศ  หรือชุมชนประมง..ชุมชนชายเลนตามชายฝั่งต่างจากCruise ship ที่ต้องเข้าจอดเทียบท่าที่ลงทุนแพงมากและโอกาสจะสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชนก็มักจะมีน้อยกว่านั่นเอง

ขณะเดียวกันทางประชาคมภูเก็ตพร้อมใจกันจะจะกระจายนักท่องเที่ยวออกไปสู่เมืองรองอื่นๆและฝากขอให้กระทรวงท่องเที่ยวเร่งทำ 2 เรื่อง คือ 1.เจรจากับสำนักงานการบินพลเรือนเลิกปล่อยสล็อตการบินให้กับเที่ยวบินเช่าเหมาลำราคาถูกบินเข้ามาแบบง่ายเกินไปจนทำให้ภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวคุณภาพไม่ดีทะลักเข้ามา และ  2.ขอให้ช่วยเปลี่ยนแปลงระบบรถบัสนักท่องเที่ยวเก่าออกไปจากระบบ เพราะเมื่อทัวร์ทุนต่ำเข้ามาภูเก็ต แล้วนำรถบัสสภาพเก่าและไม่ได้มาตรฐานทำให้เกิดอุบัติเหตุเป็นประจำสร้างภาพลักษณ์ไม่ดีแก่ประเทศ จึงเป็นปัญหาที่รัฐต้องเร่งแก้ไขโดยเร็ว

ติดตามฟังรายการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

กระทรวงท่องเที่ยวโชว์มกราคม61ต่างชาติใเที่ยวไทย3.5ล้านคนแห่ใช้เงิน 1.89แสนล้าน

ไทยตีปีกม.ค.61ต่างชาติแห่ใช้เงิน1.89แสนล้าน
ตรุษจีน7คนไหล3แสนคนเงินสะพัด1.7หมื่นล้าน

เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza www.facebook.com/penroongyaisamsaen

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงาน สถิติการท่องเที่ยวรับปีเฉพาะ เดือนมกราคม 2561 (เปรียบเทียบอัตราการเพิ่มขึ้นกับช่วงเดียวกันกับปี 2560) ประเทศไทย ตีปีกรับรายได้ทะยานแตะ 1.889 แสนล้านบาท ประกอบด้วย



1.ต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทย 3.55 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10.68% สร้างรายได้ 1.889 แสนล้านบาท เพิ่ม 11.59 %



2.เทศกาลตรุษจีน 15-21 กุมภาพันธ์ 2561 ต่อเนื่อง 7 วัน มีชาวจีนหลั่งไหลมาเที่ยวเมืองไทย จำนวน 313,000 คน เพิ่มขึ้น 24.4 % สร้างรายได้ 17,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.4 %


การบินไทยเปิดแชทบอท"น้องฟ้า"ขานรับเทรนด์ดิจิตอล

https://www.matichon.co.th/news/849296

การบินไทยสร้าแชทบอทน้องฟ้า
ปฏิรูปธุรกิจขานรับเทรนด์ดิจิตอล

การบินไทยปฏิรูปธุรกิจด้วยดิจิตอล สร้างแชทบอท “น้องฟ้า” บริการสนทนาตอบคำถามลูกค้าทั้งไทยและเทศ



นางสาวปริยา จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการพาณิชย์ดิจิทัลและการตลาดรายได้เสริมองค์กร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทยได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับใช้ภายในองค์กร ไม่ใช่แค่เพียงเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตต่อไปเท่านั้น แต่ยังต้องการพลิกธุรกิจให้ทันเหตุการณ์โลก การตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจที่ลึกซึ้งในตัวลูกค้าเอง ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในทุกภารกิจของการบินไทย โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้ยกระดับประสบการณ์การบริการลูกค้าด้วยการเปิดตัว “น้องฟ้า” แชทบอทที่นำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ในการตอบคำถามและข้อสงสัยของลูกค้า สามารถสนทนากับลูกค้าได้ทั้งในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ



สำหรับ “น้องฟ้า” พัฒนาขึ้นโดยใช้ชุดเครื่องมือการพัฒนาบอทของไมโครซอฟท์ (Microsoft Bot Framework) และบริการบอทสำหรับแพลตฟอร์มคลาวด์ ไมโครซอฟท์ อาซัวร์ (Azure Bot Service) จึงทำให้สามารถตอบสนองทุกข้อซักถามได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นในด้านข้อเสนอพิเศษ การเช็กอินออนไลน์ ตารางเที่ยวบิน สินค้า และบริการเสริมมากมาย และหากคำถามใดที่บอท “น้องฟ้า” ไม่สามารถให้คำตอบได้ ลูกค้าสามารถเลือกติดต่อเจ้าหน้าที่ต่อไปได้
นอกจากนี้ การบินไทยยังมีแผนที่จะพัฒนาเว็บไซต์รูปแบบใหม่ที่นำข้อมูลของลูกค้ามาใช้เป็นพื้นฐานในการปรับเปลี่ยนข้อมูลและเนื้อหาที่แสดงบนหน้าเว็บให้ตรงกับความสนใจของผู้เยี่ยมชมแต่ละคน ขณะที่แอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟน พัฒนาต่อยอดให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

 ซึ่งเป็นกลยุทธ์ขานรับโลกยุคใหม่สอดคล้องกับผลการวิจัยของผลสำรวจไมโครซอฟท์-ไอดีซี ในหัวข้อ “ปลดล็อกโลกเศรษฐกิจในยุคแห่งการปฏิรูปด้วยดิจิตอล” พยากรณ์อีก 3 ปีข้างหน้า หรือตั้งแต่ปี 2564 การปฏิรูปธุรกิจด้วยดิจิตอลจะสามารถสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ให้ประเทศไทยเติบโตจากเป็น 2.82 แสนล้านล้านบาท ผนวกกับขณะนี้องค์กรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต่างต้องเร่งเครื่องเดินหน้าบนเส้นทาง ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น เพื่อคว้าโอกาสใหม่ๆ ให้ได้คุ้มค่าที่สุด และปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการเริ่มประยุกต์ใช้งาน AI อย่างแพร่หลาย ทุกองค์กรยังหันมาให้ความสนใจกับการแปรรูปทรัพยากรข้อมูลในมือให้กลายเป็นมุมมองใหม่ๆ ในตลาด โอกาสในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการเชิงดิจิทัลรูปแบบใหม่ หรือแม้แต่ช่องทางการสร้างรายได้จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคู่ค้าอย่างปลอดภัย

วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ททท.นำ New Shades บุกตลาดญี่ปุ่น ดึงเกาะคิวชู-โตเกียว-ซัปโปโร เที่ยวไทยปีะล 2 ล้านคน



http://www.ryt9.com/s/tpd/2784367

ไทยโหมNew Shadesตลาดญี่ปุ่น
ดึงกิวชู-โตเกียว-ซัปโปโรเที่ยวเมืองรอง

เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน : บล็อกเกอร์ – gurutourza

เปิดศักราชปีจอเพียงเดือนครึ่ง “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) รุกหนักโดยใช้แคมเปญ Open to the New Shades เป็นหัวหอกนำมุมใหม่ของการท่องเที่ยวบุกทะลวงตลาดต่างประเทศ ควบคู่การชูขายแหล่งท่องเที่ยวเมืองรอง นำเสนอความโดดเด่นของอาหารถิ่น วิถีไทย ความหลากหลายในมิติต่าง ๆ มุ่งเจาะกำลังซื้อคุณภาพโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียอย่างนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นซึ่งตั้งเป้าภายในอีก 2 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าจะมาไทยปีละ 2 ล้านคนขึ้นไป พร้อมรายได้เฉียดเข้าใกล้แสนล้านบาท

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ได้นำทีมร่วมคณะไปกับ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เดินทางไปโร้ดโชว์เชิญชวนนักลงทุนในภูมิภาคกิวชู ประเทศญี่ปุ่น เข้ามาร่วมพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor :EEC) ทางด้านโลจิสติกส์ระบบราง และ 10 อุตสาหกรรมดาวรุ่ง โดยรองนายกรัฐมนตรีได้ร่วมเป็นประธานสักขีพยาน ในงานของ ททท.ในพิธีร่วมลงนาม LOI -Letter of Intent (LOI) กับนายสุสุมะ อิชิฮาระ ประธานองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคคิวชู  (Kyushu Tourism Promotion Organization) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันต่อเนื่อง 2 ปี ตามเป้าภายในปี 2563 จะเพิ่มตลาดญี่ปุ่นเข้าไทยให้ถึงปีละ 2 ล้านคน จากปีนี้ 1.56 ล้านคน ทำรายได้ 70,210 ล้านบาท

รวมทั้งได้เปิดตัว Open to the New Shades  กับผู้ประกอบการตัวแทนบริษัทนำเที่ยวและสื่อมวลชนญี่ปุ่น ตั้งเป้ากระตุ้นชาวญี่ปุ่นท่องเที่ยวทั้งกลุ่มเดินทางครั้งแรกและกลุ่มท่องเที่ยวซ้ำหันมาเที่ยวเมืองรองและชุมชนใหม่ ๆ ของไทย นำร่องโปรโมตเมืองรองในญี่ปุ่น 2  จังหวัดแรก คือ น่าน และระนอง ชวนนักท่องเที่ยวจากกิวชูทั้ง7 จังหวัดเที่ยวเมืองไทย ได้แก่ ประกอบด้วย 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดฟุคุโอกะ  จังหวัดซะกะ จังหวัดนางาซากิ จังหวัดคุมะโมโตะ จังหวัดโออิตะ จังหวัดมิยะซะกิ และจังหวัดคะโงะชิมะ


ส่วนกลุ่มเป้าหมายภาพรวมการเจาะตลาดญี่ปุ่นจะเพิ่มส่วนแบ่งนักท่องเที่ยวผู้หญิง 50% จากตอนนี้มีเพียง 30% โดยเฉพาะสตรีวัยรุ่นอายุ 20-30 ปี ปีนี้ ททท.ได้แต่งตั้งวงเกิร์ลกรุ๊ป Nogizaka 46 เป็นฑูตประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยในญี่ปุ่นด้วยอีกทาง และยังมีกลุ่มนักกีฬาที่ชื่นชอบการลงแข่งขันมาราธอน กลุ่มคุณภาพตลาดนักลงทุนญี่ปุ่นใน EEC  ในลักษณะ Business Traveller กระตุ้นการใช้จ่ายเงินเพื่อท่องเที่ยวในไทยปี 2561 เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าคนละ 44,987 จากเดิม 43,460 บาทต่อคนต่อทริป



นางสาวรัญจวน ทองรุต ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ตะวันออก ททท.กล่าวว่า ตามสถิติญี่ปุ่นเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทยปี 2560 จำนวน 1.5 ล้านคน มาจากแถบเกาะกิวชูประมาณ 10 % แนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนสินค้าท่องเที่ยวเฉดใหม่ ๆ พร้อมนำเสนอโดยภาพรวมในตลาดญี่ปุ่น ได้แก่ อาหาร  ธรรมชาติและชายหาดทะเลเทรนด์ใหม่ อาทิ จังหวัดกระบี่ ระนอง  ศิลปะและงานหัตถกรรม อาทิ การทำผ้าย้อมคราม  วัฒนธรรมทางด้านงานประเพณวิถีชีวิต วิถีท้องถิ่นไทย อาทิ จังหวัดแพร่ และน่าน
สำหรับแนวโน้มนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มความนิยมการเดินทางเข้ามายังไทยเชื่อมโยงไปยังกลุ่มอินโดจีน กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม สปป.ลาว เติบโตสูงขึ้น และยังมี 3 เซ็กเมนต์ใหม่มากขึ้น ได้แก่ 1.ผู้เกษียนอายุกลุ่มเบบี้บูมเมอร์เข้ามาพำนักระยะยาวในเชียงใหม่และแถบภาคเหนือ 2.กลุ่มสตรีอายุ 40 ปีขึ้นไปใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้น 3.กลุ่มนักศึกษาเพิ่งจบมหาวิทยาลัยเดินทางเข้ามาก่อนเริ่มทำงาน

แหล่งท่องเที่ยวครองใจชาวญี่ปุ่น 5 อันดับแรก คือ กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต เชียงใหม่ พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งขยายไปยังจังหวัดใกล้เคียงหรือเมืองรอง เนื่องจากต้องควบคุมค่าใช้จ่ายอันเป็นผลมาจากเศรษฐกิจภายในญี่ปุ่นเองก็ยังไม่เสถียรมากนัก โดยยังคงเน้นพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีความลอดภัยในการเดินทาง ชอบไปเรียนรู้วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และความเป็นอยู่ของชุมชนท้องถิ่น โดยเฉพาะแหล่งมรดกโลกได้รับความนิยมสูงมาก



นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท.กล่าววว่าได้นำทีมไปเปิดตัวแคมเปญ Open to the New Shades ที่กรุงโตเกียวเป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน นำเสนอใกล้เคียงกับทางกิวชู ขณะเดียวกันก็ยังทีมไทยคว้าแชมป์การแข่งขันแกะสลักหิมะโดยใช้ธีม “ไก่ชน) ในเทศกาลหิมะ Sapporo Snow Festival 2018 ครั้งที่ 69 ณ สวนโอโดริ เมืองซัปโปโร จังหวัดฮอกไกโด ซึ่งไทยเข้ามร่วมมาถึง 20 ครั้ง และเป็นงานที่มีชาวญี่ปุ่นและนานาชาติเข้าชมกว่า 2 ล้านคน เป็นอีกช่องทางสร้างชื่อเสียงดึงดูดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเข้ามาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มขึ้นได้

นายสวัสดิอาทร์ ปาณิกบุตร ผู้จัดการทั่วไป ประจำภาคใต้(ฟูกูโอกะ) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ได้สนับสนุน ททท.ทำการตลาดเชิงรุกโดยได้ขยายบริการเพิ่มไป-กลับ เส้นทาง ฟูกูโอกะ-กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) จะเพิ่มจากสัปดาห์ละ 7 วัน (วันละ 1 เที่ยว) ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ – 12 พฤษภาคม 2561 เปลี่ยนใช้เครื่องขนาดใหญ่เป็นโบอิ้ง B777-200/300ER ขนาด 362 ที่นั่ง จากเดิมใช้ A330-300 ขนาด 299 ที่นั่ง ส่วน กรุงเทพฯ-โตเกียว (นาริตะ) ใช้เครื่อง A330-300 เริ่ม 25 มีนาคม นี้เป็นต้นไป และกำลังพิจารณาเพิ่มจากสัปดาห์ละ 7 เป็น 10 เที่ยว

ปัจจุบัน มีเที่ยวบินบริการแบบประจำ ไป-กลับ ไทย-ญี่ปุ่น รวมสัปดาห์ละ 194 เที่ยว ประกอบด้วย
การบินไทย บินไป-กลับ เข้าสู่กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สัปดาห์ละ 75 เที่ยว คือ โตเกียว(นาริตะ) 21 เที่ยว โตเกียว(ฮาเนดะ) 14 เที่ยว ฟูกูโอกะ 7 เที่ยว โอซาก้า 14 เที่ยว นาโกยา 12 เที่ยว ซัปโปโร 7 เที่ยว  เจแปน แอร์ไลน์ บินไป-กลับ เข้าสู่กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) รวมสัปดาห์ละ 52 เที่ยว คือ โตเกียว(นาริตะ) 14 เที่ยว โตเกียว (ฮาเนดะ) 14 เที่ยว โอซาก้า 7 เที่ยว นาโกยา 7 เที่ยว ออล นิปปอน แอร์เวย์ส บินไป-กลับ เข้าสู่กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) รวมสัปดาห์ละ 28 เที่ยว คือ โตเกียว(นาริตะ) 14 เที่ยว โตเกียว (ฮาเนดะ) 14 เที่ยว

ไทย แอร์ เอเชีย เอ็กซ์ สัปดาห์ละ 28 เที่ยว จาก โตเกียว(นาริตะ) 14 เที่ยว โอซาก้า 14 เที่ยว ไทยเกอร์แอร์  สัปดาห์ละ 11 เที่ยว จาก โตเกียว(นาริตะ) 8 เที่ยว โอซาก้า 3 เที่ยว นกสกู๊ต สัปดาห์ละ 6 เที่ยว โตเกียว(นาริตะ) 6 เที่ยว พีซแอร์ไลน์ จาก โอกินาวา สัปดาห์ละ 7 เที่ยว



ทั้งนี้ทางองค์การส่งเสริมท่องเที่ยวญี่ปุ่น (Japan National Tourism Organization : JNTO) เองก็ได้เข้ามาทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในไทยเพื่อแลกเปลี่ยนนำคนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่น ปี 2561 ตั้งเป้าจะมีคนไทยไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นปีละ 1 ล้านคน

อย่างไรก็ตามญี่ปุ่นเป็นตลาดสำคัญทางการท่องเที่ยวของไทยต่อเนื่องมาตลอดกว่า 30 ปี และเป็นกลุ่มกำลังซื้อคุณภาพที่ใช้จ่ายเงินและเข้ามาพำนักระยะยาว พร้อมทั้งลงทุนโครงการขนาดใหญ่ในประเทศไทย ทั้ง ททท.ภาครัฐ เอกชน ญี่ปุ่น และไทย จึงพร้อมจับมือกันเดินหน้าการท่องเที่ยวและการลงทุนให้เกิดความเข้มแข็ง ยั่งยืน เป็นมิตรประเทศที่ดีของภูมิภาคเอเชียตะวันออกตลอดไป



วันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

เที่ยวภูเก็ตไม่แพงอย่งที่คิดเริ่มแค่1,699บาท-กินเที่ยวถนนสายสุดชิคบางพระถึงบางแสน

ปี’61“เที่ยวภูเก็ตไม่แพงอย่างคิด”แค่หลักพัน
ททท.-บางกอกแอร์กอดคอทำ1เมย.-15กย.
รับด่วนอั่งเปา-ไอโพนเอ็กซ์ที่คิงเพาเวอร์รางน้ำ
จัดใหญ่ตรุษจีนต่อยอดทัวร์วัฒนธรรมอาหาร
ไทย-กิวชูญี่ปุ่นทำยอดนักเที่ยวปีละ2ล้านคน
ต้นปีบางจากมาแรงกวาด4รางวัลแห่งเอเชีย
เที่ยวพุทธภูมิศักดิ์สิทธิ์เมืองรอง”ตาก-เมียวดี”
บินไทยผูก2ไทยกรุ๊ปโค้ดแชร์บินใหม่ทั่ว ปท.
4ปัจจัยปีจอล่อคนไทยแห่เที่ยวนอก10ล้าน
ภูเก็ตเพิ่มพื้นที่พักคอยอีกเท่าตัวในสนามบิน

พบกันวันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 11.00-12.00 น.กับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ฟังเรียลไทม์ทางมือถือ และอ่านได้ www.facebook.com/penroongyaisamsaen    และบล็อกเกอร์ #gurutourza

ช่วงที่ 1 ติดตามมุมใหม่ “เที่ยวภูเก็ตไม่แพงอย่างที่คิด” จาก “กนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต 1 เม.ย.- 15 ก.ย.ปีนี้ มีแพกเกจเริ่มต้นเพียง 1,699 บาท ครบทั้งตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ ห้องพัก โปรแกรมเที่ยว และนักดวลวงสวิงต้องซื้อแพกเกจเล่นกอล์ฟสนามติดทะเลแค่ 3,000 บาท และมีแห่งเดียวในเมืองไทยมหกรรมซูเปอร์ยอร์ชโชว์ และตรุษจีนย้อนอดีตย่านเมืองเก่า ที่จะทำให้เศรษฐกิจเกาะภูเก็ตเงินสะพัดตลอดเดือนกุมภาพันธ์นี้

กนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร
 ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต 

 “กนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต เปิดเผยว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวของภูเก็ตตลอดเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้มีความหนาแน่นสูงสุดต่อเนื่องจากฤดูเดินทางตั้งแต่ตุลาคมปี 2560 ขณะนี้ยังเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีนมีนักท่องเที่ยวจีนหลั่งไหลเข้ามาภูเก็ตปีที่ผ่านมาเกินกว่า 10 % ผนวกกับเที่ยวบินขึ้น-ลง ท่าอากาศยานภูเก็ต เฉลี่ยมากสุดวันละกว่า 60,000 คน จาก 300-400 เที่ยวบิน แต่ทางทีมบริการสนามบินทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันแก้ปัญหาเฉพาะเนื่องจากกำลังก่อสร้างขยายสนามบิน ตั้งแต่ 17-21 กุมภาพันธ์ นี้ มีเที่ยวบินตรงจากจีนเข้าภูเก็ต 89 เที่ยว ประเมินแล้วจะมีเงินสะพัดเกาะภูเก็ตช่วงตรุษจีนราว 400 ล้านบาท

นอกเหนือจากเทศกาลตรุษจีนแล้ว ระหว่างวันที่  22-25 กุมภาพันธ์ นี้ ภูเก็ตยังมีต่อเนื่องอีก 2 งาน คือ งานแรก ตรุษจีนย้อนอดีต 21-23 กุมภาพันธ์ จัดย่านเมืองเก่าจะปิดถนน พร้อมกับนำอาหารถิ่นในฐานะเมือง Gastronomy นำเสนอเมนูใหม่และเมนูพื้นถิ่นหากินยากมารวมไว้ในงานนี้ พร้อมสาธิต เชื่อมสัมพันธ์ด้วยกิจกรรมเพื่อให้คนเข้าชมงานทดลองทำได้ด้วย พร้อมกิจกรรมอื่น ๆ ไฮไลต์การแสดงศิลปวัฒนธรรมมณฑลจีน งานที่สอง 22-25 กุมภาพันธ์ จัดงานไทยแลนด์ ยอร์ช โชว์ 2018 โดยมีท่าเทียบเรือใหญ่ถึง 4 ท่าด้วยกัน เป็นจุดนัดพบของนักธุรกิจซูเปอร์ยอร์ชนานาชาติ มูลค่าซูเปอร์ยอร์ชบางลำสูงถึง 10,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีจอดอยู่ในภูเก็ตประมาณ 50 ลำ อนาคตตั้งเป้าประมาณ 200 ลำ นอกจากการใช้จ่ายเงินในพื้นที่ แล้วยังกระตุ้นการเติบโตนักท่องเที่ยวระดับบน

สำหรับตลาดในประเทศก็มีตลาดหลากหลาย โดยเฉพาะชุมชนท่องเที่ยวยอดเยี่ยมของอาเซียน รับที่สิงคโปร์ จึงมีกิจกรรมนำชม ชวนนักท่องเที่ยวเข้าร่วมกิจกรรมชุมชนร่วมมือรร่วมใจกันนำเสนออัตลักษณ์แห่งวิถีชีวิต อาหารการกิน วัฒนธรรมทางภาษา ที่ยังคงเอกลักษณ์ไว้ หรืออย่างขนมเฉพาะถิ่น ข้าวเหนียวราดข้าวเหนียวดำเป็นชื่อเฉพาะคือบีโกหมอยเป็นภาษีฮกเกี้ยน ขณะเดียวกันก็มีอาหารดั้งเดิมหลายอย่างคล้ายจีน สิงคโปร์ ปีนัง ซึ่งมีไม่แพ้พื้นที่อื่น ๆ



หากเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวหรือทั่วไป สามารถมาท่องเที่ยวภูเก็ตด้วยแพกเกจใหม่ล่าสุด “เที่ยวภูเก็ต ไม่แพงอย่างที่คิด” ททท.ร่วมกับสายการบินบางกอก แอร์เวย์ส และผู้ประกอบการโรงแรม เสนอขายแพกเกจให้เลือกได้สบายกระเป๋า 3 ราคา/แพกเกจ คือ 1,699 บาท , 6,999 บาท และ  8,999 บาท ขึ้นอยู่กับการเลือกโรงแรม มีที่พัก 2 คืน พร้อมตั๋วเดินทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต ส่วนกลุ่มตลาดนักกอล์ฟก็ทำแพกเกจพิเศษด้วยเช่นกัน คือ “ตีกอล์ฟภูเก็ต ไม่แพงอย่างที่คิด” เพื่อดึงดูดนักกอล์ฟ โดยมีสนามกอล์ฟรวม กรีนฟี และแคดดี้ เมื่อบินกับบางกอกแอร์ ไป-กลับ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต เพื่อมากอล์ฟได้ในราคาเพียงคนละ 3,000 บาทเท่านั้น



ทั้ง 2 แพกเกจนี้ใช้ได้ระหว่าง 1 เมษายน – 15 กันยายน นี้ หากจองในแพกเกจ ททท.จะให้คูปองเพิ่มอีก 200 บาท นักกอล์ฟสามารถนำไปใช้ในสนามกอล์ฟได้ แต่ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไทยให้นำคูปองไปชิมชาและเครื่องดื่มตามร้านต่าง ๆ ยกเว้นช่วงเทศกาลสงกรานต์นักท่องเที่ยวหนาแน่นบางโรงแรมอาจจะเพิ่มค่าใช้จ่ายบ้างเล็กน้อย แต่จะขอแนะนำให้มาท่องเที่ยววันธรรมดา เพราะทุกวันนี้แต่ละหาดมีนักท่องเที่ยวหนาแน่นทั้งชาวต่างชาติและคนไทย ถ้าจะมาภูเก็ตเพื่อเที่ยวชุมชนชายหาดก็ได้ เช่น หาดราไว ความเป็นจริงแล้วแม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะมากตลอดทุกเดือนก็ยังสามารถหาวิถีชุมชนท้องถิ่นได้ อย่าง เกาะเฮ เกาะราชา เกาะไม้ท่อน บนเกาะยังรักษาวิถีชุมชนเดิม ๆ ไว้ เช่น เลี้ยงควาย ทำการเกษตร

ขณะที่การกระจายนักท่องเที่ยวจากภูเก็ตสู่เมืองรองรอบพื้นที่ ด้วยศักยภาพของภูเก็ตมีเที่ยวบินแต่ละวันจำนวนมาก ก็เดินทางต่อไปยัง ตรัง ระนอง เพราะพังงา กระบี่ ขณะนี้ก็ไม่ใช่เมืองรองแล้ว ททท.จึงส่งเสริมให้เดินทางทางเรือจากภูเก็ตไปยังระนองได้ เพราะพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวให้มีความต่างซึ่งเป็นจุดขายอย่าง “วิถีชาวปารานากัน” แบบฮกเกี้ยน ในระนองก็ยังมีเหมือนกันมาจากจีนพื้นถิ่นเดียวกัน

ส่วน “ราคาห้องพักโรงแรมภูเก็ต” โดยภาพรวม ตามปกติความเข้าใจของคนไทยจะคิดว่าราคาห้องพักจับต้องไม่ได้หรือแพงเกินไป เปรียบเทียบห้องพักระดับหรูอย่าง “วิลล่าหรูส่วนตัวเป็นหลัง” ห้องพิเศษจริง ๆ ราคาประมาณ 30,000 บาท/ห้อง/คืน แต่ถ้าเป็นห้องพักทั่วไป ก็เริ่มตั้งแต่ 500 บาท/ห้อง/คืน หรือ 1,000 บาท/ห้อง/คืน และกำลังพอเหมาะอยู่ติดทะเลจะประมาณ 3,000 บาท/ห้อง/คืน แนะนำวิธีการจ่ายโดยซื้อแพกเกจ 1 เมษายน-15 กันยายน 2561 ถือเป็นราคาคุ้มสุด ๆ

นางสาวกนกกิตติกา กล่าวว่า วางแผนร่วมมือกับผู้ประกอบการเอกชนในภูเก็ตเดินทางไปทำการขายมหกรรมการขายท่องเที่ยวรายการใหญ่สุดของโลก International Travel Berlin 2018 ณ กรุงเบอร์ลิน เยอรมันี ขณะนี้เตรียมโปรดักซ์ไว้แล้ว แยกหมวดชัดเจน คือ กิจกรรมท่องเที่ยวหลากหลายอย่าง มาราธอน วิ่ง ปั่น กาตามารัน กิจกรรมชุมชน อาหารการกิน แยกกิจกรรมไปนำเสนอ การเรียนการสอนทำอาหารไทย กิจกรรมกีฬา อย่างโชว์ชกมวยไทย คัดเลือกให้ตรงกับความต้องการของพฤติกรรมนักท่องเที่ยวสหภาพยุโรปซึ่งเป็นกำลังซื้อหลักของภูเก็ต

ช่วงนั้นทางสมาคมท่องเที่ยว และสมาคมโรงแรมภูเก็ต ระดมสมาชิกจำนวน 25 ราย ไปร่วมเจรจาธุรกิจในงาน ITB 2018 โดยเช่าพื้นที่แยกบูธภูเก็ตออกจาก ไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน นอกจากร่วมขายในงานแล้ว ยังวางแผนไปทำการตลาดเจาะลึกหลังงานด้วยใน 2 พื้นที่ ได้แก่ วอซอร์ โปแลนด์ และกรุงปร้าก สาธารณรัฐเช็ค นำเสนอให้ภูเก็ตเป็นหนึ่งในใจของนักท่องเที่ยวตลอดไป

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์แจกอั่งเปาช้อปปิ้งถึง18ก.พ.นี้”



กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนนักช้อปต้องห้ามพลาด ฉลองตรุษจีน ได้จนถึงวันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ (กรุงเทพฯ) พบกับขบวนพาเหรดมอบอั่งเปาส่วนลด on top 5 % บวก ลงทะเบียนซื้อสินค้า เพื่อลุ้นรับอั่งเปาสูงสุด 1,00บาท ลูกค้าที่แต่งกายชุดจีนรับ 2 สิทธิ์ ให้ได้ลุ้น รายการแรก ช้อปครบ 3,000  บาท รับคูปองรับประทานอาหารฟรี 200 บาท ช้อปครบ 12,000 บาท ลุ้น รายการที่ 2  รับคูปองส่วนลด 2,000 บาท ช้อปครบ 20,000 บาท ลุ้นรายการที่ 3 กิฟท์โวเชอร์คืนสูงสุด 30,000 บาท พร้อมลุ้นไอโฟน เอ็กซ์ อีกรางวัล ตามรายการที่กำหนดไว้ในเทศกาลตรุษจีนปีนี้

สอบถามเพิ่มได้ที่ คอล เซนเตอร์ 1631

ข่าวที่ 2 “ไทย-ญี่ปุ่นรุกท่องเที่ยวแลกเปลี่ยนปีละ2ล้านคน”



นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ได้นำทีมร่วมคณะไปกับ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เดินทางไปโร้ดโชว์เชิญชวนนักลงทุนในภูมิภาคกิวชู ประเทศญี่ปุ่น เข้ามาร่วมพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor :EEC) ทางด้านโลจิสติกส์ระบบราง และ 10 อุตสาหกรรมดาวรุ่ง โดยรองนายกรัฐมนตรีได้ร่วมเป็นประธานสักขีพยาน ในงานของ ททท.ในพิธีร่วมลงนาม LOI -Letter of Intent (LOI) กับนายสุสุมะ อิชิฮาระ ประธานองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคคิวชู  (Kyushu Tourism Promotion Organization) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันต่อเนื่อง 2 ปี ตามเป้าภายในปี 2563 จะเพิ่มตลาดญี่ปุ่นเข้าไทยให้ถึงปีละ 2 ล้านคน จากปีนี้ 1.56 ล้านคน ทำรายได้ 70,210 ล้านบาท

รวมทั้งได้เปิดตัว Open to the New Shades  กับผู้ประกอบการตัวแทนบริษัทนำเที่ยวและสื่อมวลชนญี่ปุ่น ตั้งเป้ากระตุ้นชาวญี่ปุ่นท่องเที่ยวทั้งกลุ่มเดินทางครั้งแรกและกลุ่มท่องเที่ยวซ้ำหันมาเที่ยวเมืองรองและชุมชนใหม่ ๆ ของไทย นำร่องโปรโมตเมืองรองในญี่ปุ่น 2  จังหวัดแรก คือ น่าน และระนอง ชวนนักท่องเที่ยวจากกิวชูทั้ง7 จังหวัดเที่ยวเมืองไทย ได้แก่ ประกอบด้วย 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดฟุคุโอกะ  จังหวัดซะกะ จังหวัดนางาซากิ จังหวัดคุมะโมโตะ จังหวัดโออิตะ จังหวัดมิยะซะกิ และจังหวัดคะโงะชิมะ

ส่วนกลุ่มเป้าหมายภาพรวมการเจาะตลาดญี่ปุ่นจะเพิ่มส่วนแบ่งนักท่องเที่ยวผู้หญิง 50% จากตอนนี้มีเพียง 30% โดยเฉพาะสตรีวัยรุ่นอายุ 20-30 ปี ปีนี้ ททท.ได้แต่งตั้งวงเกิร์ลกรุ๊ป Nogizaka 46 เป็นฑูตประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยในญี่ปุ่นด้วยอีกทาง และยังมีกลุ่มนักกีฬาที่ชื่นชอบการลงแข่งขันมาราธอน กลุ่มคุณภาพตลาดนักลงทุนญี่ปุ่นใน EEC  ในลักษณะ Business Traveller กระตุ้นการใช้จ่ายเงินเพื่อท่องเที่ยวในไทยปี 2561 เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าคนละ 44,987 จากเดิม 43,460 บาทต่อคนต่อทริป

ขณะเดียวกันทางองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น (Japan National Tourism Organization : JNTO) ก็ตั้งเป้าจัดกิจกรรมกระตุ้นคนไทยไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นปี 2561 ให้ถึง 1 ล้านคนด้วยเช่นกัน

ปัจจุบัน มีเที่ยวบินบริการแบบประจำ ไป-กลับ ไทย-ญี่ปุ่น รวมสัปดาห์ละ 194 เที่ยว ประกอบด้วย

การบินไทย บินไป-กลับ เข้าสู่กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สัปดาห์ละ 75 เที่ยว คือ โตเกียว(นาริตะ) 21 เที่ยว โตเกียว(ฮาเนดะ) 14 เที่ยว ฟูกูโอกะ 7 เที่ยว โอซาก้า 14 เที่ยว นาโกยา 12 เที่ยว ซัปโปโร 7 เที่ยว  เจแปน แอร์ไลน์ บินไป-กลับ เข้าสู่กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) รวมสัปดาห์ละ 52 เที่ยว คือ โตเกียว(นาริตะ) 14 เที่ยว โตเกียว (ฮาเนดะ) 14 เที่ยว โอซาก้า 7 เที่ยว นาโกยา 7 เที่ยว ออล นิปปอน แอร์เวย์ส บินไป-กลับ เข้าสู่กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) รวมสัปดาห์ละ 28 เที่ยว คือ โตเกียว(นาริตะ) 14 เที่ยว โตเกียว (ฮาเนดะ) 14 เที่ยว

ไทย แอร์ เอเชีย เอ็กซ์ สัปดาห์ละ 28 เที่ยว จาก โตเกียว(นาริตะ) 14 เที่ยว โอซาก้า 14 เที่ยว ไทยเกอร์แอร์  สัปดาห์ละ 11 เที่ยว จาก โตเกียว(นาริตะ) 8 เที่ยว โอซาก้า 3 เที่ยว นกสกู๊ต สัปดาห์ละ 6 เที่ยว โตเกียว(นาริตะ) 6 เที่ยว พีซแอร์ไลน์ จาก โอกินาวา สัปดาห์ละ 7 เที่ยว

ข่าวที่ 3 “ไทยจัดใหญ่ตรุษจีนต่อยอดเที่ยววัฒนธรรมอาหาร”


นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ประเทศไทยจัดเทศกาลตรุษจีนอย่างยิ่งใหญ่ ล่าสุดร่วมกับ Mr. Yang  Zhijin (หยาง จื้อจิน) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรม สาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวคำอวยพรเนื่องในโอกาสวันตรุษจีน ปี 2561 และชมกิจกรรมตอกย้ำความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศผ่านการแสดงนาฎศิลป์รอบพิเศษ โดยรัฐบาลจีนได้จัดการแสดงทางวัฒนธรรมมาไทยระหว่างวันนี้ - 22 กุมภาพันธ์ นี้ จาก 9 มณฑล  ได้แก่  มณฑลฝูเจี้ยน มณฑลไหหลำ เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน มณฑลซานตง มณฑลเฮยหลงเจียง มณฑลเจ้อเจียง มณฑลหูหนาน มณฑลซานซี และมณฑลหูเป่ย์  มีนักแสดงจำนวน 135 คน แสดงในรูปแบบของนาฏศิลป์ กายกรรม ศิลปะการต่อสู้ งิ้ว ดนตรีพื้นบ้าน โดยนักท่องเที่ยวสามารถชมสุดยอดการแสดงได้ใน 5 พื้นที่ 2 ช่วง คือ
ช่วงแรก ในวันที่ 16-17 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ กรุงเทพมหานคร (การแสดงนาฏศิลป์ มณฑลเจ้อเจียง การแสดงศิลปะการต่อสู้ มณฑลหูหนาน การแสดงดนตรีพื้นบ้าน มณฑลซานซี) จังหวัดเชียงใหม่ (การแสดงงิ้วหุ่น มณฑลฝูเจี้ยน การแสดงนาฏศิลป์ มณฑลไหหลำ) จังหวัดอุดรธานี (การแสดงกายกรรม มณฑลซานตง การแสดงนาฏศิลป์ มณฑลเฮยหลงเจีย) จังหวัดสงขลา(หาดใหญ่) (การแสดงนาฏศิลป์จากเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน)

ช่วงที่สอง วันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ 2561 ในจังหวัดภูเก็ต(การแสดงกายกรรม มณฑลซานตง การแสดงนาฏศิลป์จากเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน การแสดงนาฏศิลป์ มณฑลหูเป่ย์)

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 ททท. ได้ร่วมนำการแสดงแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมไทย-จีนแสดงหน้าพระพักตร์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดงานเทศกาลตรุษจีนเยาวราช และนำผู้บริหารระดับสูงของสาธารณรัฐประชาชนจีนกล่าวถวายพระพรและทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึก ในโอกาสเดียวกัน

      รวมทั้งโชว์วัฒนธรรมด้านอาหาร โดยนำเชฟจากสมาพันธ์อาหารจีนโลก จากมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งเป็นอาหารทางใต้ของจีน เชฟที่เคยปรุงอาหารให้ผู้นำประเทศ G20 ครั้งที่ 11 ณ นครหางโจว เดินทางมาปรุงพระกระยาหารเพื่อถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงานตรุษจีนเยาวราช และสาธิตการทำอาหารและขนมมงคลในเทศกาลตรุษจีนเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้มาร่วมงานตรุษจีนเยาวราช

ทั้งนี้ ททท.ตั้งเป้าตลอดตรุษจีนในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร  เชียงใหม่ นครสวรรค์ สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี เพชรบุรี นครราชสีมา อุดรธานี  ชลบุรี  สงขลา (หาดใหญ่) ตรัง และภูเก็ต  ภาพรวมจะเดินทางท่องเที่ยว 7.3 แสนคน-ครั้ง สร้างรายได้หมุนเวียนกว่า 2,600 ล้านบาท

ทางด้าน “นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ” รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมด้วย Mr. Wu Li ประธานสมาพันธ์อาหารจีนโลก (World Federation of Chinese Catering Industry) ร่วมงาน “ประชันอาหารสานสัมพันธ์ไทย-จีน” มุ่งต่อยอดจากเทศกาลตรุษจีนด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและอาหาร โดยได้รับเกียรติจาก เชพนำชัย เบญจรุ่งโรจน์ ร้านแสนยอด และเชฟชาวจีน 5 คน ตัวแทนสมาพันธ์อาหารจีนโลก จากมณฑลเจ้อเจียงสนับสนุนเรื่องอาหารด้วย

ทั้งนี้ “ร้านแสนยอด” จัดได้ว่าเป็นอาหารจีนกวางตุ้งที่ถือว่าเก่าแก่มากและมีชื่อเสียงระดับต้น ๆ ของกรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ได้รับรางวัลบิบ กูร์มองด์ (Bib Gourmands) ในมิชลิน ไกด์ บุ๊ค ของไทย ให้บริการมากว่า 50 ปี เมนูอร่อยเด่น ๆ  อาทิ เป็ดย่างเตาถ่านหมัก ราดหน้า บะหมี่ไข่สูตรกวางตุ้งแท้ๆ ปัจจุบันร้านแสนยอดมีทั้งหมด 4 สาขา ไดพ้แก่ สาขา สาธร-บางรัก สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ สาขาเสนาเฟสชั้น 2 และสาขา เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่

ข่าวที่ 4 “ต้นปีบางจากกวาด4รางวัลแห่งเอเชีย”

นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานวางแผนยุทธศาสตร์และพัฒนาความยั่งยืนองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้เป็นตัวแทนรับมอบ 4 รางวัลในงาน Asia Sustainability Reporting Awards (ASRA) 2017 ในฐานะ The Winner ประกอบด้วย

รางวัลรายงานความยั่งยืนยอดเยี่ยมแห่งปี หรือ Asia’s Sustainability Report of the Year จาก H.E. Mr. Scott Wightman, the British High Commissioner ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดที่มอบให้กับบริษัทในภูมิภาคเอเชียที่มีความเป็นผู้นำในการจัดทำรายงานความยั่งยืนและแสดงถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ

รางวัลการรายงานที่แสดงสารัตภาพยอดเยี่ยม (Asia’s Best Materiality Reporting) (Joint Winner)

รางวัลการรายงานการดำเนินงานกับผู้มีส่วนได้เสียยอดเยี่ยม (Asia’s Best Stakeholder Reporting)

รางวัลการรายงานกิจกรรมชุมชนและสังคมยอดเยี่ยม (Asia’s Best Community Reporting) ในฐานะที่บริษัท บางจากฯ มีความโดดเด่นด้านการจัดทำรายงานความยั่งยืน รายงานประเด็นสำคัญอย่างครบถ้วนครอบคลุม มีรูปแบบการนำเสนอที่น่าสนใจ ซึ่งมี 69 บริษัทจาก 15 ประเทศในภูมิภาคเอเชียที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย จัดโดย CSRWorks International Pte Ltd และ The British High Commissioner in Singapore

ช่วงที่ 2 เตรียมตัวเที่ยวแดนพุทธภูมิเมืองรองในชายแดนไทย-เมียนมา “ตาก-เมียวดี” มี “วัดศักดิ์สิทธิ์” แปลกตาให้สักการะเพียบ และตลาดขายสินค้า อาหาร หลากหลายรอต้อนรับนักท่องเที่ยว ส่วนการดูแลสุขภาพช่วงนี้ต้องยกให้ “วิธีเลี่ยงฝุ่นละอองในอากาศ” และข่าวท้ายชั่วโมง ถึงเวลาที่ “พี่ใหญ่-การบินไทย” ต้องกอดคอ “ไทยกรุ๊ป” ไทยสไมล์-นกแอร์ ใช้โค้ดแชร์เป็นเครื่องมือเพิ่มรายได้บินเมืองรองทั่วไทย ส่วน ทอท.ภูเก็ต เร่งเพิ่มที่พักคอยผู้โดยสารของอาคารโดเมสติกเพิ่มอีก 1 เท่า และ มี 4 ปัจจัยล่อใจคนไทยแห่เที่ยวเมืองนอกแนวโน้มปีนี้จะทะลุถึง 10 ล้านคน

@ เที่ยวแดนพุทธเมืองรองชายแดนตาก-เมียวดี



การเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด ทริปนี้จะชวนไปเติมประสบการณ์เก๋ ๆ ในเมืองรองดินแดนแห่งแคว้นพุทธภูมิ ถิ่นวัฒนธรรมเมืองชายแดน “ตาก-เมียวดี” เชื่อมวิถีบุญสองแผ่นดิน ประตูอีกบานของอาเซียนหรือ AEC


วางแผนไปเที่ยวสัก 2 วัน 1 คืน มุ่งหน้าสู่ถนนสายทัวร์บุญถิ่นธรรมะ ไปแวะสักการะเจ้าพ่อพะวอ ก่อนจะไปอำเภอบ้านตาก ไหว้พระขอพรยัง “วัดพระบรมธาตุ” มีพระเจดีย์ใหญ่สีทองคล้ายชเวดากอง บรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมสาริกธาตุส่วนพรนลาฎ เหมาะกับคนเกิดปีมะเมีย วัดนี้มีหลวงพ่อทันใจศักดิ์สิทธิ์มาก เมื่อไปถึงแม่สอด จังหวัดตากแล้วต้องห้ามพลาดแวะ “ตลาดพาเจริญ” ชิม “โรตีโอ่ง” ย่างแป้งโรตี้สดในโอ่งโดยไม่ต้องทอดรับประทานคู่กับชาพม่า กาแฟ โอวัลติน นมข้น หรือแกงกระหรี่ ก็ได้



จากนั้นก็เข้าอำเภอใช้เส้นทางบ้านตาก-แม่ระมาด-แม่สอด เพื่อไป “วัดไทยวัฒนาราม” หรือ “วัดแม่ตาว” อีกสักแห่ง อยู่ติดชายแดน ประดิษฐานพระพุทธมหามุณีคู่บ้านคู่เมืองของชาวมัณฑเลย์แห่งเมียนมา ภายในบริเวณวัดมีรูปปูนปั้นปิดทองคล้ายนกผสมหงส์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของไทยใหญ่ ถ้าไปเป็นกลุ่มสามารถติดต่อกรรมการวัดจัดการแสดงศิลปะชนเผ่า และอาหารพื้นเมือง ไว้ต้อนรับได้ด้วย


ตื่นเช้าของวันต่อมา มุ่งหน้าสู่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา เพื่อเข้าไปชมวิถีชีวิตชาวเมียวดี เมียนมา ซึ่งมี “วัดส่วยมินหวุ่น” หรือ “วัดเจดีย์ทอง” ชื่อเต็ม ๆ ว่า “เจดีย์ชเวเมียนโหว่นเซตี้” สร้างก่อนสมัยอยุธยา เป็นวัดคู่บ้านเมืองเมียวดีเก่าแก่ที่สุด มีศิลปะมอญ-เมียนมา ชัดเจน โดยมีเจดีย์ขนาดเล็ก 28 องค์ ล้อมองค์ระฆังประดับด้วยเส้นเข็มขัดรัดองค์ระฆังไว้ ให้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล


ต่อด้วย “วัดมิเจาโก-วัดจระเข้” ลักษณะแตกต่างจากวัดทั่วไทย มีรูปปั้นจระเข้ขนาดใหญ่ทาสีเขียวสดใสทั้งตัว แล้วแวะอีกสักวัดคือ “วัดเจ้าโหล่งจี” (วัดก้อนหินใหญ่) ตั้งอยู่บนลานหินขนาดใหญ่บนเนินเขาเห็นยอดเจดีย์แต่ไกลจากพื้นราบ นิยมไปเสี่ยงหายจากหินสีทองลูกกลม ๆ น้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม ก่อนยกต้องอธิษฐานจะได้ผลหรือไม่ก็ต้องดูว่ายกหินก้อนนั้นขึ้นไหวหรือเปล่า



เสร็จจากขอพรไหว้พระ เรียบร้อยแล้ว ต้องแวะไป “ตลาดบุเรงนอง” ศูนย์รวมของกิน ของช้อป ด้านหน้าตลาดมีทั้งเสื้อผ้า เครื่องใช้หลากหลายส่วนใหญ่มาจากจีน ด้านหลังเป็นตลาดสดมีวัตถุดิบและอาหารให้ลองชิมตามชอบ หรือจะแวะ “ตลาดริมเมย” สุดเขตแดนไทย-เมียนมา เพื่อชมบรรยากาศ ช้อปปิ้งอีกสักรอบก็ยังไหว



สำหรับ “ตลาด” ก็เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะไปช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมือง มีทั้ง  ตลาดริมเมย เป็นศูนย์รวมต้นไม้หยกพร้อมสาธิตการทำด้วย “ตลาดมูเซอ” จำหน่ายสินค้าเกษตรโดยฝีมือชาวไทยภูเขา และ “ตลาดอัญมณีแม่สอด” แหล่งจำหน่ายพลอยต้นตำรับเมียนมา ก็ยังคงมีกลิ่นอายการค้าขายให้เห็นอยู่บ้าง   ซื้อผัก ผลไม้ ตลาดมูเซอ แล้วเดินทางกลับบ้านกันอย่างมีความสุข

@ข้อแนะนำหลีกเลี่ยงฝุ่นละอองในอากาศ
หมอกควัน หมายถึงการสะสมของควันหรือฝุ่นละอองในอากาศ จัดเป็นมลพิษทางอากาศอย่างหนึ่ง ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ความเป็นอันตรายของฝุ่นละอองต่อสุขภาพขึ้นอยู่กับขนาดของฝุ่นละอองที่เกิดจากการเผาไหม้ ความเข้มข้น และระยะเวลาที่สัมผัส รวมทั้งสภาพร่างกายของผู้รับแต่ละคนด้วย ฝุ่นควันหรือฝุ่นขนาดที่เล็กกว่า 10 ไมครอน ที่เกิดจากการเผาไหม้จะส่งผลกระทบ ทำให้มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ ทางผิวหนัง อาการทางตา ทำให้เกิดโรคหัวใจมากขึ้นด้วย

คำแนะนำการปฏิบัติตนเพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพ
1. ควรปิดประตู หน้าต่าง เพื่อป้องกันไม่ให้หมอกควันลอยเข้าสู่บ้าน
2. หลีกเลี่ยงการออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น
3. ก่อนออกจากบ้านควรสวมแว่นตา เพื่อป้องกันการระคายเคืองตา และสวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นละอองที่เหมาะสม
4. หลีกเลี่ยงการสูดดมละอองควันไฟเข้าสู่ร่างกายโดยตรง และลดปริมาณการสูดดมพิษจากฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย
5. หากมีอาการผิดปกติหลังจากสูดดมฝุ่นละอองหมอกควัน เช่น แน่นหน้าอก หายใจติดขัด แสบตา ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
6. ในช่วงที่มีสถานการณ์หมอกควัน ควรงดการรองน้ำฝนมาใช้เพื่อการอุปโภคชั่วคราว
7. หลีกเลี่ยงการเผาขยะหรือวัสดุใด ๆ รวมถึงการสูบบุหรี่ที่จะเป็นการเพิ่มปัญหาควันมากขึ้น
8. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายใด ๆ หรือกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากในบริเวณกลางแจ้ง
9. หากขับขี่ยานพาหนะในช่วงที่มีหมอกควันควรเปิดไฟหน้ารถเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
10. ประชาชนกลุ่มเสี่ยงหรือมีโรคประจำตัวเรื้อรัง ควรเตรียมยาประจำตัวให้เพียงพอ และหากเกิดปัญหาสุขภาพควรพบแพทย์

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “บินไทยกอดคอไทยกรุ๊ปชูโค้ดแชร์ปั๊มเงินเมืองรอง”


นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้เริ่มใช้กลยุทธ์ “ไทยกรุ๊ป” ประกอบด้วย การบินไทย ไทยสไมล์ (การบินไทยถือหุ้น 100 %) นกแอร์ (การบินไทยถือหุ้น 29 %) อย่างจริงจังตั้งแต่ต้นปี 2561 นำร่องความร่วมมือโครงการแรก ทำข้อตกลงเที่ยวบินร่วมบริการ หรือ Codeshare  เส้นทาง  ไป-กลับ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) -แม่ฮ่องสอน สัปดาห์ละ 3 เที่ยว เริ่ม 25 มีนาคม นี้เป็นต้นไป โดยใช้นกแอร์ทำการบินด้วยเครื่อง ATR-72 ขนาดลำละ 70 ที่นั่ง ขายตั๋วเริ่มต้น 1,500 บาท และโดยภาพรวมตั้งเป้าจะเพิ่มรายได้จากกลยุทธ์โค้ดแชร์ในเส้นทางอื่น ๆ ในประเทศตลอดปีเพิ่มขึ้นกับไทยกรุ๊ปอีก 5 %

โดยไทยกรุ๊ปจะเปิดเส้นทางบินเมืองรองร่วมกันในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 4 เมือง จากกรุงเทพฯ ไปยัง แม่ฮ่องสอน สกลนคร นครพนม และเพชรบูรณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้หลังจากก่อนหน้านี้ การบินไทยกับไทยสมายล์ทำโค้ดแชร์ไปแล้วหลายเส้นทาง เช่น  กรุงเทพฯ-หลวงพระบาง (ลาว), กรุงเทพฯ-เกาสง (ไต้หวัน)

นายปิยะ ยอดมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นกแอร์พร้อมใช้ฝูงบินใบพัด ATR-72 ขนาด 70 ที่นั่ง ให้บริการไปยังแม่ฮ่องสอนได้ทันที เบื้องต้นจะบินสัปดาห์ละ 3 เที่ยว ทุกวันพุธ ศุกร์ และอาทิตย์ คาดจะสามารถขนส่งนักท่องเที่ยวได้ราวปีละ 20,000 คน หากนักท่องเที่ยวตอบรับดีก็จะพิจารณาเพิ่มความถี่เป็นสัปดาห์ละ 5-7 เที่ยว


ข่าวที่สอง “ทอท.ภูเก็ตเพิ่มที่พักคอยในสนามบินอีกเท่าตัว”

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่า ท่าอากาศยานภูเก็ตได้ตระหนักถึงปัญหาความแออัดในช่วงที่มีการปิดพื้นที่ปรับปรุงอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ และเพื่อบรรเทาความแออัดรวมทั้งตั้งแต่16 กุมภาพันธ์ 2561 เป็นวันตรุษจีน มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ทอท.จึงเร่งรัดการเปิดพื้นที่บริการเพิ่มพื้นที่พักคอยบริเวณห้องโถงพักคอยผู้โดยสารขาออกด้านทิศเหนือ จากเดิมที่มีพื้นที่เพียง 2,000 ตารางเมตร ซึ่งเดิมสามารถรองรับผู้โดยสารในชั่วโมงคับคั่งได้สูงสุด 2,000 คน เพิ่มเป็น 5,000 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารในชั่วโมงคับคั่งเพิ่มสูงสุดได้ 3,500 คน พร้อมเพิ่มเก้าอี้พักคอยให้ผู้โดยสารได้มากถึง 200 ที่นั่ง ในส่วนของระบบปรับอากาศที่ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพจึงแก้ไขปัญหาเบื้องต้นโดยใช้วิธีติดตั้งพัดลมระบายอากาศเพิ่มเติม อำนวยความสะดวกผู้โดยสารทุกช่องทาง

ข่าวที่สาม “เปิด4ปัจจัยล่อใจคนไทยแห่เที่ยวนอก10ล้านคน”


นายศุภฤกษ์ ศูรางกูร นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) เปิดเผยว่า สถานการณ์ปี 2561 มีสัญญาณถึงแนวโน้มคนไทยจะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศโดยรวมถึง 10.2 ล้านคน มากกว่าปีที่ผ่านมาเที่ยวต่างประเทศเพียง 9.8 ล้านคน โดยมี 4 ปัจจัยหลัก คือ 1.บริษัทนำเที่ยวแข่งกันจัดโปรแกรมท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล กระตุ้นการทำยอดขายสินค้า 2.องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างชาติรุกทำกิจกรรมโปรโมชั่นในไทยมากขึ้น ทั้ง ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ และอื่น ๆ 3.สายการบินโลว์คอสต์ และสายการบินกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง แข่งขันกันด้วยราคาและเปิดเส้นทางใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นจำนวนมาก 4.เงินบาทแข็งค่าทำให้ใช้เงินท่องเที่ยวถูกลงโดยอัตโนมัติ

สำหรับประเทศยอดนิยมของคนไทย ยังคงเป็น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ไต้หวัน ส่วนแหล่งท่องเที่ยวข้ามทวีปที่กำลังมาแรงก็มี ยุโรปตะวันออก รัสเซีย และพื้นที่ใหม่ ๆ เช่น เปรู โมร็อกโก เคนยา อาร์เจนตินา

ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์และอาทิตย์ 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

จับตา!!ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว3เดือนแรกไม่ถึง10ล้านคน

  นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 1 ม.ค.-31 มี.ค.2568 ได้แค่ 9.5 ล้านคน จับตา !! ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว 3 เดือนแรกไม่ถึง 10 ล้านคน เม.ย.นี้ร...