วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2562

ททท.จ้างญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ พรี เซ็นเตอร์เที่ยวไทยทำเงินปี62เข้าเป้า 1.2ล้านล้านบาท

ททท.จัดเต็ม "ญาญ่า"พรีเซ็นเตอร์เที่ยวไทยปี62 
ปลุก"เที่ยวไทยเท่-Local Heroทำเงิน1.2ล้านล้าน


 เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #สวท97 #เที่ยวไทยเม่ #เทศกาลเที่ยวเมืองไทย #Morefunตะวันออก



ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมด้วย นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. ร่วมกันเปิดตัวโครงการ พรี เซนเตอร์ ท่องเที่ยวในประเทศคนใหม่ "ญาญ่า -อุรัสยา เสปอร์บันด์" นักแสดงชึ่อดังของเมืองไทย จะมาสร้างสีสันในการต่อยอดแคมเปญ อะเมซิ่ง ไทยเท่ เที่ยวไทยเท่...สวยทุกที่ เท่ ทุกเวลา และ Local Hero ททท.มั่นใจพรี เซนเตอร์ คนใหม่ จะทำให้ท่องเที่ยวเดินทางในประเทศทำเงินทะลุ 1.2 ล้านล้านบาท

โดยเฉพาะการปั้นคนท้องถิ่นให้ลุกขึ้นมาเป็นฮีโร่ บอกเล่าเรื่องราให้นักท่องเที่ยวที่เข้าไปเยี่ยมเยือนไเรู้จักแหล่งท่องเที่ยวอย่างทะลุปรุโปร่ง เมื่อเปิดตัวแล้ว ต้องคอยติดตาม ซีรีย์สเด็ด ...เที่ยวไทย ในเวอร์ชั่นสุดแสนจะ More Fun


 นายธเนศวร์ กล่าวว่า ความแปลก คือ 1.ความสวยงามกับเพลงที่มีเสน่ห์กับเพลง "มอง " และการนำ ญาญ่า ออกไปลงพื้นที่ทำเท่ เท่ ในทุกสถานที่ สำหรับเหตุผลที่เลือก ญาญ่า มีคุณสมบัติครบ มีทั้งความสวยติดการโหวตอันดับโลก และยังมสีความสามารถมากมาย ในสไตล์เท่ รวมทั้งเป็นผู้หญิงที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวตลาดสตรีที่มีอิทธิพล



 ไฮไลต์ภายในงานเทศกาลเที่ยวเมือง ปี 2562 ระหว่างแนะนำ ญาญ่า- เป็น พรี เซ็นเตอร์ ยังได้ชวนนักท่องเที่ยวให้ลงพื้นที่ไปไล่ล่า "pin your Trip" ไปตามหาพินของหมี ทีทญาญ่าภูมิใจนำเสนอในหลากหลายรูปแบบ เป็นทั้งพิน และกิฟติดผม โดยเลือกจังหวัดไฮไลต์ในแต่ละแห่งให้นักท่องเยวช่วยกันตามไล่ล่าตลอด 3 เดือน ระหว่าง เมษายน-มิถุนายน 2562

วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2562

ททท.ดึง "ญาญ่า" พรี เซนเตอร์ เที่ยวไทยเท่ปี62

ททท.ดึง "ญาญ่า-อุรัสยา เสปอบันด์"
พรี เซ็นเตอร์ คนใหม่ปลุกเที่ยวไทยปี62” 

เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน # gurutourza #สวท97 #Morefunตะวันออก #เทศกาลเที่ยวเมืองไทย #เที่ยวไทยเท่



การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่าในวันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม 2562 ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. เตรียมขึ้นเวทีประกบ “ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์” ศิลปินนักแสดงสาวยอดนิยมแถวหน้าของเมืองไทย เพื่อเปิดตัวโครงการที่จะให้ญาญ่ามาเป้น “พรี เซ็นเตอร์ การท่องเที่ยวคนใหม่”

 ทั้งนี้ปี 2562 ททท.ได้รับนโยบายและโจทก์จากรัฐบาลให้เร่งเดินหน้ากระตุ้นคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศให้ได้เกินกว่า 186 ล้านคน-ครั้ง ใช้จ่ายเงินกระจายไปตามชุมชนทั่วประเทศกว่า 1.046 ล้านล้านบาท ดังนั้นการเลือกใช้พรี เซ็นเตอร์ ที่มีพลังปลุกกระแสจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คนไทยหันมาสนใจติดตามชมภาพยนตร์โฆษณาแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในประเทศเพิ่มมากขึ้นได้เช่นกัน


ศมาคมโรงแรมไทยตีปีกรับรายได้ปี62โตทะลุ14%-ททท.ดึงญาญา พรีเซนเตอน์เที่ยวทั่วไทย-ทัวร์บ้านสาขลา เมือง3น้ำ3ปาา3หอย สมุทรปราการ

นายกหญิงสมาคมโรงแรมไทยชี้รายได้ปี’62โต 14%
 ผุดโปรเจ็กต์ดิจิทัลทัวริสซึ่มกระจายความรวยทั่วไทย
 คิงเพาเวอร์เปิดโฉมคอเลคชั่นฮ็อตแบรนด์Pradaปี62 
ททท.ผนึกจัดตรุษจีนหวังรายได้สะพัด 2.4 หมื่นล้าน
 เปิดตัว”ญาญ่า” พรีเซ็นเตอร์ปลุกกระแสเที่ยวไทยคึก 
บางจากแบ่งปันการสร้าง“นวัตกรรมพลังงานสีเขียว”
 บางจากจับมือเขตลุยแจกหน้ากากกันฝุ่น1.2หมื่นชิ้น 
บ้านสาขลาMoreFun3”น้ำ-ป่า-หอย”สมุทรปราการ
 9เคล็ดลับของสาวกนักเดินทางเที่ยวอย่างไรไม่อ้วน
 บินไทยผ่าทางรอดปี62พึ่ง3ธุรกิจเสริม-ซื้อเครื่องใหม่ 
ไทยเร่งสปป.ลาว-เวียดนามทำรถทัวร์เที่ยวข้ามแดน 
ทางหลวงเท19ล้านปรับโฉมถนนชมซากุระอินทนนท์ 
ไทยพร้อมแล้วผุด“อี วีซ่า”นำร่องจีน-อังกฤษ-ฝรั่งเศส 
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์”

 ในวัน 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และ www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์

ช่วงที่ 1 ล้วงลึก “ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ” นายกสมาคมโรงแรมไทย ส่องธุรกิจโรงแรมทั่วประเทศปี’62 ตีปีกรับทรัพย์อื้อซ่า คาดรายได้โตไม่ต่ำกว่า 12-14 % “ตรุษจีน” กุมภาพันธ์นี้จัดทัพห้องพักรับจีนยุคใหม่แห่เที่ยวเมืองไทย ชี้ตลาดต่างชาติเปลี่ยนแรงเหล่านักเดินทางอิสระ FIT บุกไทยเกิน 60 % กลืนตลาดกรุ๊ปทัวร์ลดลงเพียบ ปลุกผู้ประกอบการไทยรับมือกำลังซื้อเปลี่ยนสู่เทรนด์ใหม่ใช้โปรเจ็กต์ “D3-Digital Tourism Platform” เปิดช่องทางให้ SMEs ร่วมวงการค้าเต็มรูปแบบกับรายกลาง รายใหญ่ ดีเดย์ 1 เมษายน2562




 นางศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ธุรกิจปี 2562 ยังคงเป็นปีทองของกลุ่มโรงแรมทั่วประเทศ โดยตลาดจะเปลี่ยนเป็นกลุ่มเดินทางท่องเที่ยวอิสระมาโดยลำพัง (Free individual Travel : FIT) มีมากถึง 60 % แทนที่จะมาเป็นหมู่คณะหรือกรุ๊ปทัวร์ (GIT) ซึ่งเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนมาตั้งแต่ช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยมีข้อดีราคาห้องพักจะขึ้นอยู่กับอัตราการเข้าพักสามารถขยับราคาสูงและทำให้เหมาะสมตามจำนวนห้องที่ยังว่างอยู่แล้วกระตุ้นให้คนเข้ามาจองพักจนเต็มได้ แต่ข้อเสียคือนักท่องเที่ยวจะตัดสินใจในนาทีสุดท้ายจึงทำให้ยากต่อการบริหารปริมาณห้องพักให้เป็นไปตามเป้าหมาย เทรนด์การใช้บริการ FIT ตลาดนานาชาติมาแรงนั้น ผู้ประกอบการโรงแรมเตรียมรับมือ

 1.หันมาขายออนไลน์มากขึ้น โดยผู้บริหารและพนักงานตลาดการขายห้องพักจะต้องหาช่องทางเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด

2.ต้องปรับกลยุทธ์การให้บริการ เพราะพฤติกรรมความต้องการของนักท่องเที่ยวเดินทางอิสระจะแตกต่างกับทัวร์เป็นหมู่คณะมาก นั่นคือ FIT ต้องการรายละเอียด ความใส่ใจ มากขึ้นหลายเรื่อง อีกทั้งจำนวนการจองเข้ามาก็ครั้งละ 1-2-3…ต่างจากกรุ๊ปจะจองครั้งละเป็น 100 ห้อง

 ดังนั้นจึงต้องจัดพนักงานเพิ่มในเรื่องรองรับจำนวนคนที่มีน้อยแล้วจองพักไม่พร้อมกัน ทำให้โรงแรมมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นตามไปด้วย

 สำหรับ “ราคาห้องพัก” ที่โรงแรมขายได้กับกลุ่มตลาด FIT จะได้ราคาสูงกว่าขายกรุ๊ปตั้งแต่ 10-15 % ในช่วงฤดูการเดินทางท่องเที่ยวหนาแน่นหรือ High Season แต่ถ้าเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวแต่ละโรงแรมจะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญทางการขายเพื่อสร้างสมดุลอัตราเฉลี่ยการเข้าพักไว้ อาจจะต้องลดราคาลงมาสร้างแรงจูงใจให้คนเข้าพักเพิ่มขึ้น

ประเมิน “รายได้โดยรวมของการท่องเที่ยวปี 2562” ในมุมมองของผู้ประกอบการเอกชน จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 13-14 % เนื่องจากนักท่องเที่ยว FIT มีจำนวนสูงกว่า GIT เปรียบเทียบตัวเลขรายได้ปี 2561 ก็สูงมากพอสมควรอยู่แล้ว ดังนั้นการขยับอัตราการเพิ่มจะโตแบบช้าลง เนื่องจากต้องนำปัจจัยเศรษฐกิจโลกมาพิจารณาร่วมด้วย ถือเป็นตัวแปรที่สำคัญเหมือนกัน นางศุภวรรณกล่าวว่า ปีนี้ตลาดดาวรุ่งมาแรงยังคงเป็นนักท่องเที่ยวจีนที่จะครองแชมป์อันดับ 1 เพราะเข้ามาปีละกว่า 10 ล้านคน แต่อัตรการเพิ่มอาจจะไม่หวือหวาเหมือนปีที่ผ่าน ๆ มา หรือแนวโน้มปี 2562 อาจจะโตไม่ถึง 10 % อันดับ 2 อินเดีย มีอัตราการเติบโตสูง เป็นผลพวงมาจากการได้ฟรี Visa On Arrival : VOA แต่พฤติกรรมการใช้บริการโรงแรมใช้จ่ายเงินน้อยกว่านักท่องเที่ยวจีน ทั้งการช้อปปิ้งหรือการรับประทานอาหาร โดยนิยมเดินทางแบบอิสระ FIT ดังนั้นจึงใช้เงินสูงกว่ามาเป็นกรุ๊ปเช่นเดียวกับจีนยุคใหม่

ส่วนเทศกาลตรุษจีนปี 2562 แนวโน้มโรงแรมจะคึกคักเป็นพิเศษเพราะเป็นช่วงทำเงิน แต่ละปีห้องส่วนใหญ่จะเต็มเกือบทุกโรงแรม หากตรุษจีนอยู่ในช่วงต้นเดือนห้องพักโรงแรมทั่วประเทศจะเต็มประมาณ 1 อาทิตย์ แต่ถ้าตรุษจีนอยู่ในสัปดาห์ที่สองของเดือนก็จะได้วันพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็นครั้งละ 10 วันต่อคนต่อทริป ตัวอย่างเมื่อปี 2560 ตรุษจีนอยู่ช่วงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ นักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในไทยต่อเนื่องกันคนละ 10 วันต่อทริป แต่ปี 2562 ตรุษจีนเป็นวันที่ 5 กุมภาพันธ์ นักท่องเที่ยวจีนก็อาจจะท่องเที่ยวอยู่ในไทยเพียงคนละ 1 สัปดาห์ต่อทริป

ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวจากเอเชียที่เดินทางเข้าพักโรงแรมในเมืองไทยปี 2562 แนวโน้มช่วงเทศกาลตรุษจีน นอกเหนือจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็ยังคงเป็นชาวจีนจากประเทศอื่น ๆ ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย อินโดนีเซีย และชาติอื่นก็มี เกาหลี ญี่ปุ่น ซึ่งอาจมาแต่เบาบางลงเพราะไม่ต้องการมาแย่งห้องพักรวมถึงราคาห้องพักจะสูงกว่าปกติด้วย เมื่อเรียงลำดับนักท่องเที่ยวที่มาแรงตลอดทั้งปี ก็จะเป็น จีน อินเดีย ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศใกล้บ้านในกลุ่ม CLMV กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม ซึ่งเปอร์เซ็นต์การเติบโตอาจจะไม่พุ่งสูงมากนัก ส่วนตลาดอื่น ๆ ก็ลดหลั่นกันไป

 นางศุภวรรณกล่าวว่าโครงการหรือมาตรการที่จะทำให้อุตสาหกรรมโรงแรมของไทยโดดเด่นในอาเซียนและเอเชีย ปี 2562 มีโครงการไฮไลต์ “คณะสานพลังประชารัฐท่องเที่ยวและไมซ์” หรือเรียกกันว่า D3-Digital Tourism Platform ได้ลงนาม MOU ระหว่างภาคเอกชนกว่า 30 สมาคม กับภาครัฐอีกไม่ต่ำกว่า 20 หน่วยงาน พร้อมใจเข้ามามีส่วนร่วมขับเคลื่อนโครงการแจ้งเกิดให้ได้ เพื่อช่วยผู้ประกอบการท่องเที่ยวทุกภาคส่วนทั้ง โรงแรม บริษัทตัวแทนนำเที่ยว ภัตตาคาร สปาแอนด์เวลเนส โรงพยาบาล สายการบิน โดยจะทำเป็นแพลตฟอร์มของกลุ่ม SMEs ธุรกิจขนาดกลาง ขนาดใหญ่ จะเข้ามาขายในแพลตฟอร์มนี้ด้วยกัน ทำขึ้นเพื่อให้คนไทยได้มีโอกาสใช้ช่องทางดังกล่าวขับเคลื่อนธุรกิจ แล้วทำให้เม็ดเงินรายได้ท่องเที่ยวอยู่ในประเทศ ไม่ไหลไปต่างประเทศ โครงการ D3-Digital Tourism Platform จะเริ่มใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่เมษายน 2562 เป็นต้นไป

 และเป็นครั้งแรกที่ทุกหน่วยงานเข้ามาร่วมมือกันอย่างจริงจัง โดยมีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหัวหอกหลัก ส่วนการทำเทรดโชว์ โรดโชว์ ยังคงเป็นเครื่องมือทางการตลาดของผู้ประกอบการโรงแรม ซึ่งมีคู่ค้าอยู่ในต่างประเทศก็ยังคงต้องทำอย่างต่อเนื่อง ต่างจากกลุ่มที่ไม่มีคู่ค้าต่างชาติโดยตรงก็จะหันมาเน้นทำตลาดการขายออนไลน์ ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นทุกวันอีกทั้งยังเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว มีบริษัทใหม่ ๆ เข้ามา ผู้ประกอบการจึงต้องอัพเดทอยู่ตลอดเวลา

แต่อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการโรงแรมไทยยังต้องใช้เวทีเทรดโชว์ โร้ดโชว์ อยู่พอสมควร

 ฟังข่าวต้นชั่วโมง 

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์เปิดโฉมPradaคอเลคชั่นใหม่เขย่าโลก” 




กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ แนะนำผลิตภัณฑ์ของ Prada หนึ่งในแบรนด์แฟชั่นระดับโลก ที่สร้างผลงานอันแปลกใหม่เสมอ ดังจะเห็นได้จากผลงานคอลเลคชั่น Resort 2019 โดย Miuccia Prada ดีไซเนอร์ผู้มีความคิดซับซ้อนกว่าเธอจึงได้ระลึกถึงความมีชีวิตชีวาแห่งยุค 1990s แล้วถ่ายทอดภาพของโลกแห่งจินตนาการที่โคจรขนานคู่ไปกับโลกแห่งความเป็นจริงผ่านผลงานการออกแบบ โดยมีทั้งคอลเลคชั่น เสื้อผ้า Resort 201

 แล้วยังมี “กระเป๋าใบใหม่ล่าสุด” กับ Prada Sidonie ซึ่งนับเป็น IT Bag ประจำซีซั่น เป็นคอลเลคชั่นเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายจึงเต็มไปด้วยกลิ่นอายแนวสปอร์ตร่วมสมัยแฟชั่นยุค 1990s อันเป็นจุดเริ่มต้นอันสำคัญของแบรนด์ อย่างลายพิมพ์เก่าๆ ที่ไม่คุ้นตาเหล่ามิลเลนเนียลยุคใหม่ผู้เสพข้อมูลมหาศาลผ่านรูปภาพไอจี

 ขณะเดียวกันก็ย้อนรำลึกถึงอดีตอันสนุกสนานของยุค 1990s ให้กับคนที่เกิดร่วมสมัยด้วยกระโปรงสั้นเอวต่ำ ชุดเดรสกระโปรงยาวทรงสอบ เสื้อสายเดี่ยวสวมทับบนเสื้อคอเต่า และกระโปรงยาวทรงตรงนี่คือโครงเสื้อหลักที่ดีไซเนอร์เลือกมาเป็นนางเอกของโชว์ แต่ทำให้สนุกสนาน เหมาะกับช่วงเวลาแห่งการท่องเที่ยวและเฉลิมฉลองที่การจับจ่ายใช้สอยจะเกิดขึ้นได้อย่างง่ายๆ ด้วยลูกเล่นลายพิมพ์สีสันสดใส พร้อมเทคนิคคัลเลอร์บล็อกด้วยโทนสีน้ำตาล แดง เหลือง ฟ้า และสีเขียว

ปิดท้ายด้วยความหรูหราของผ้าแจ็กการ์ดทอลาย และกระโปรงผ้าไหมชีฟองปักเลื่อม จะเห็นได้ว่าจุดเด่นของคอลเลคชั่นนี้มาจากต่างยุคต่างสมัยกันอย่างสิ้นเชิง แต่ Prada สามารถนำทั้งความหรูหรา สปอร์ตแวร์ และซิลูเอตต์แบบ 1990s มาผสมผสานกันไว้ได้อย่างน่าชื่นชม อีกหนึ่งความสนุกสนานเฉพาะตัวที่สร้างเสียงตอบรับและยอดขายอย่างมากมายในซีซั่นก่อนๆ คือเหล่าโลโก้ของแบรนด์ที่ออกแบบโดยบริษัทชื่อดังอย่าง OMA

ครั้งนี้ OMA ส่งผลงานโลโก้ใหม่ PRADA NY 019 แทรกอยู่ตามดีเทลต่างๆ ของเสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็นที่กระโปรงหรือขอบเสื้อ ให้แฟนๆ ของแบรนด์ได้ตื่นเต้นกัน แล้วก็ยังมีกระเป๋าใบใหม่ล่าสุดกับ Prada Sidonie ซึ่งนับเป็น IT Bag ประจำซีซั่น ผลงานการออกแบบที่แฝงความคลาสสิกของอดีตลงในรูปแบบปัจจุบัน เน้นถึงประโยชน์ใช้สอยและความคงทนตามฝีมือการรังสรรค์เครื่องหนังแบบเมดอินอิตาลี เพื่อสร้างผลงานชิ้นสวยงามที่จะคงอยู่ต่อไปจนถึงอนาคต จุดเด่นคือความโค้งมน รูปทรงขนาดพอเหมาะที่จะสอดเข้าใต้วงแขนหรือหิ้วกับมือ ประกอบกับตัวล็อกที่เรียบง่าย แต่ไม่ธรรมดา

รองเท้าก็เช่นกัน ภายใต้รูปทรงอันแสนคลาสสิกที่มองผ่านๆ คล้ายกับรองเท้าส้นสูงแบบพัมพ์พิมพ์ลายทั่วไป แต่หากสังเกตใกล้ๆ เราจะได้เห็นถึงงานถักผ้านิตใยผสมที่ทั้งกระชับกับรูปเท้าและโปร่งสบายระบายอากาศได้เป็นอย่างดี แถมออกมาเป็นลวดลายแบบกราฟิกแปลกตา แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการออกแบบที่แยบยลของแบรนด์ ที่นำอดีต ปัจจุบัน และอนาคตมาถักทอไว้ด้วยกัน

พบกับคอเลคชั่นสุดหรูทั้งหมดไที่คิง เพาเวอร์ ทุแสาขา

ข่าวที่ 2 “ททท.ผนึกจีนจัดตรุษจีนทั่วไทยปั๊มรายได้2.4หมื่นล้าน” 




ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ร่วมมือกับ Mrs. Chang Yumeng ที่ปรึกษาด้านวัฒนธรรม สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลตรุษจีนไชน่าทาวน์เยาวราชและเทศกาลตรุษจีนในภูมิภาค ประจำปี 2562 ฉลอง 44 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน ททท. คาดช่วงตรุษจีน ปี 2562 จะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาไทย 1.03 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8% สร้างรายได้ประมาณ 24,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.5%

ส่วนตลาดจีนได้อานิสงจากภาครัฐขยายฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า Visa On Arrival : VOA ไปจนถึงเมษายนปีนี้ เป็นแม่เหล็กดึงดูดจีนเข้ามาไทยได้ประมาณ 330,000 คน เพิ่มขึ้น 4% สร้างรายได้ 10,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% โดยจะใช้โอกาสตรุษจีนประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของไทยผ่านสื่อมวลชนของสาธารณรัฐประชาชนจีที่เดินทางเข้ามาร่วมงาน รวมทั้งการแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ปี 2562 ประกาศจัดตรุษจีนตามแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน ได้แก่ กรุงเทพฯ จัดที่เยาวราช เชียงใหม่ จัดบริเวณศูนย์การค้าเมญ่า และภูเก็ต ศูนย์การค้าเซ็นทรัลภูเก็ต ฟลอเรสต้า ภายใต้แนวคิด “ตรุษจีนสำหรับคนรุ่นใหม่” และมีสายการบินแอร์เอเชียบริการการเดินทางเข้าถึงทุกพื้นที่ ทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันขยายวันพักและเพิ่มค่าใช้จ่าย

 และจัดให้มีกิจกรรมพร้อมการแสดงต่าง ๆ ทางสาธารณรัฐประชาชนจีนได้นำการแสดงทางวัฒนธรรมเดินทางร่วมแสดงแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่าง 2 ประเทศ และทัศนศึกษาในแหล่งท่องเที่ยวตามเมืองหลักและเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวเมืองรอง

Mrs. Chang Yumeng ที่ปรึกษาด้านวัฒนธรรม สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวว่า ปี 2562 ได้นำการแสดงทางวัฒนธรรมจาก 7 มณฑล ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ การแสดงกายกรรม มณฑลซานซี การแสดงระบำ จากมณฑลยูนนาน การแสดงระบำ เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน, การแสดงระบำ อุปรากรจีน (งิ้ว) การแสดงกายกรรมและกังฟู มณฑลซานตง, การแสดงระบำ มณฑลเฮยหลงเจียง, การแสดงระบำ เขตปกครองตนเองเฉียนตงหนาน และการแสดงหุ่นกระบอก มณฑลฝูเจี้ยน

 วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในงานเทศกาลตรุษจีนเยาวราช ททท. จะนำการแสดงแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมไทย-จีน แสดงหน้าพระพักตร์และนำผู้บริหารระดับสูงของสาธารณรัฐประชาชนจีนกล่างถวายพระพรและถวายของที่ระลึก

 วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 17.00 น.บริเวณ เวทีกลาง สยามสแควร์ จะมีกิจกรรมที่สำคัญเพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน คือพิธีกล่าวคำอวยพรเนื่องในโอกาสตรุษจีนระหว่างผู้บริหารระดับสูงของทั้ง 2 ประเทศ เพื่ออวยพรแก่ชาวจีนในสาธารณรัฐประชาชนจีน และชาวไทยเชื้อสายจีนในไทยผ่านสื่อมวลชนของทั้ง 2 ประเทศ จากนั้นก็จะงานต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562

 วันที่ 5 - 6 กุมภาพันธ์ 2562 จัดยิ่งใหญ่ ณ ศูนย์การค้าเมญ่า เชียงใหม่ และศูนย์การค้าเซ็นทรัลภูเก็ต ฟลอเรสต้า โดยมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวชมมากมาย เช่น การตกแต่งบรรยากาศแบบจีน การแสดงวัฒนธรรมจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและจากไทย การออกร้านจำหน่ายสินค้าและอาหารมงคล การสาธิต ศิลปะแบบจีนรูปแบบต่าง ๆ เช่น การตัดกระดาษ การเขียนคำมงคล กิจกรรมจากศิลปินและดาราที่มีชื่อเสียง และการแสดงทางวัฒนธรรมจาก 7 มณฑล

นอกจากนี้ ททท. ยังได้สนับสนุนการจัดงานตรุษจีนในพื้นที่ชุมชาชาวจีนขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ ได้แก่ ชุมชนชาวจีนเยาวราช นครสวรรค์ สุพรรณบุรี ราชบุรี พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี นครราชสีมา อุดรธานี ตรัง อ.หาดใหญ่ สงขลา

 ข่าวที่ 3 “ททท.ดึงญาญ่าพรีเซ็นเตอร์ปลุกเที่ยวไทยปี62” 




 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่าในวันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม 2562 ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. เตรียมขึ้นเวทีประกบ “ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์” ศิลปินนักแสดงสาวยอดนิยมแถวหน้าของเมืองไทย เพื่อเปิดตัวโครงการที่จะให้ญาญ่ามาเป้น “พรี เซ็นเตอร์ การท่องเที่ยวคนใหม่” 

ทั้งนี้ปี 2562 ททท.ได้รับนโยบายและโจทก์จากรัฐบาลให้เร่งเดินหน้ากระตุ้นคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศให้ได้เกินกว่า 186 ล้านคน-ครั้ง ใช้จ่ายเงินกระจายไปตามชุมชนทั่วประเทศกว่า 1.046 ล้านล้านบาท ดังนั้นการเลือกใช้พรี เซ็นเตอร์ ที่มีพลังปลุกกระแสจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คนไทยหันมาสนใจติดตามชมภาพยนตร์โฆษณาแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในประเทศเพิ่มมากขึ้นได้เช่นกัน

 ข่าวที่ 4 “บางจากแบ่งปันความรู้นวัตกรรมพลังงานสีเขียว” 

นายสุวัฒน์ มีมุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ (BiiC) บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ทำหน้าที่เป็นวิทยากรบรรยายหัวข้อ Finding and Climbing the New S-Curve แบ่งปันความรู้ด้านการสร้าง พัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยีเพื่อนำมาใช้พัฒนาธุรกิจพลังงานสีเขียวและพลังงานชีวภาพสู่ความสำเร็จในอนาคต สามารถต่อยอดพัฒนาสินค้า ผลิตภัณฑ์ พร้อมก้าวสู่ช่วงต่างๆ ของ S-curve ได้อย่างยั่งยืน ให้แก่เครือข่ายองค์กรนวัตกรรมระดับโลก เป็นการบรรยายในงาน Innov8rs The #1 Global Community for Corporate Innovators

ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดย South East Asia Center (SEAC) ศูนย์พัฒนาผู้นำและผู้บริหารระดับสูง ณ อาคาร เอฟวายไอ เซ็นเตอร์

 ข่าวที่ 5 -บางจากแจกหน้ากากกันฝุ่นละองรอบพื้นที่1.2หมื่นชิ้น” 

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้ร่วมกับสำนักงานเขตพระโขนง ร่วมบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้จัดรถน้ำของบางจากฯ ฉีดพ่นละอองน้ำบนถนนสุขุมวิท รวมทั้งทางนางสาวภควดี จรรยาเพศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาความยั่งยืนและกำกับองค์กร พร้อมผู้บริหารและเพื่อนพนักงาน บริษัท บางจากฯ นางสาวอธิศรี วุฒิภาคภักดี ผู้อำนวยการเขตพระโขนง และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตพระโขนง ได้ร่วมแจกหน้ากากป้องกันฝุ่น จำนวน 12,000 ชิ้น เพื่อร่วมบรรเทาผลกระทบจากภาวะฝุ่นละออง ด้วยความห่วงใยและร่วมดูแลประชาชนเพื่อนบ้านโดยรอบโรงกลั่น 


ช่วงที่ 2 มีโปรแกรมท่องเที่ยวสนุก ๆ มาชวนไป”บ้านสาขลา” ชุมชนที่ได้ชื่อว่า “เมือง 3 น้ำ 3 ป่า 3 หอย” ในตำบลนาเกลือ จังหวัดสมุทรปราการ มีวัดเป็นศูนย์รวมพิพิธภัณฑ์ กับตลาดโบราณเลื่องชื่อ และคลองชุมชน ทำการเกษตรตามทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง เป็น More Fun มุมใหม่ต้องไปแล้วจะรู้ว่าฟินขนาดไหน ต่อด้วย “9 เคล็ดลับเที่ยวอย่างไรไม่อ้วน” ส่วนข่าวแรง ๆ ต้องยกให้ “ดีดีสุเมธผ่าทางรอดบินไทย” ปี’62 หวังพึ่ง 3 ธุรกิจเสริม ครัวการบิน ศูนย์ซ่อมเครื่อง ร้านไทยช็อป “กรมทางหลวงเปิดแหล่งเที่ยว” เทงบ 19 ล้านบาท เปิดพื้นที่ชวนไปชมดอกนางพญาเสือโคร่งอินทนนน์ “ไทยจับมือ 3 ชาติ” สสป.ลาว เวียดนาม เปิดโครงข่ายรถประจำทางต่างแดน ใช้สนามบินอุดรธานี เป็นฮับหนุนท่องเที่ยว และ “กระทรวงต่างประเทศได้ฤกษ์เปิด E VISA” นำร่อง 3 ประเทศ จีน เริ่ม 15 ก.พ.2562 อังกฤษ ฝรั่งเศส เริ่ม 1 เม.ย.2562 

@เที่ยวบ้านสาขลาเมือง 3“น้ำ-ป่า-หอย” สมุทรปราการ เที่ยวบ้านสาขลา -เมืองสามน้ำ สามป่า สามหอย ตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ สมุทรปราการ

เส้นทางที่ 1… เที่ยวใกล้กรุงกันที่ สมุทรปราการ ช่วงเช้า ใช้เวลาสักชั่วโมงครึ่ง 9 โมง ถึง 10 โมงครึ่ง เดินทางชมความสวยงามของ “วัดสาขลา” สักการะหลวงพ่อโต พระพุทธรูปเก่าแก่ซึ่งเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้าน แล้วยังมีพิพิธภัณฑ์เทพศรีสาขลาให้ชมด้วย ภายในมีองค์พระพิฆเนศปางต่าง ๆ และห้องพระเกจิอาจารย์ชื่อดังจากทั่วประเทศ รวมถึงชมโบราณวัตถุที่ขุดค้นพบภายในวัด เช่น พระพุทธรูปปางประทานพร ปางห้ามสมุทร ลักษณะหันหลังชนกัน พระพุทธศิลา ลูกนิมิตโบราณ และพระปรางค์เอียง 

จากนั้นก็ใช้เวลก่อนเที่ยง เยี่ยมชม “ตลาดโบราณบ้านสาขลา” เป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีวิถีชีวิตตั้งถิ่นฐานอยู่ริมน้ำ โดยใช้บ้านลุงประธาน แม้นเหลืองอ่อน เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์บ้านโบราณ สัตว์สต๊าฟ ให้นักท่องเที่ยวศึกษาเรียนรู้

 ช่วงบ่าย ไปล่องเรือสัมผัสวิถีชุมชนสองริมฝั่งคลอง ดูป้าสำรวยเจ้าของโฮมสเตย์สาธิตการทำ “กุ้งเหยียด” เมนูอาหารขึ้นชื่อของสมุทรปราการ เสร็จเรียบร้อยก็ไปเดิน ชม ชิม ช็อป กุ้งเหยียดบ้านสาขลาแล้วซื้อเป็นของฝากกลับบ้าน สำหรับการท่องเที่ยวรายการนี้

ถ้ามาเป็นหมู่คณะตั้งแต่ 10 คน จะได้ราคาพิเศษ ค่าล่องเรือรอบหมู่บ้าน 100 บาท แต่ถ้ามา 2 คน ควรเหมาเรือลำละ 500 บาท หรือตกลงราคากับเจ้าของเรือเอง ส่วนค่าขนมท้องถิ่น ก็คิดชุดละ 50 บาท

เส้นทางที่ 2… 

ช่วงเช้าจะไปตามเส้นทางเดียวกันเริ่มจากแวะชมความงามของ “วัดสงขลา” สักการะหลวงพ่อโตเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ชีวิต แล้วชมพระพุทธรูป พระพิฆเนศปางต่าง ๆ และพระตามที่ได้กล่าวไว้ เสร็จเรียบร้อยไปชม ตลาดโบราณบ้านสงขลา

 ส่วนช่วงบ่ายจะเปลี่ยนให้ไปชม “ชุมชนบ้านคลองนาเกลือ” หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงสานต่อรอยเท้าพ่อ ไปพร้อมๆ กับกินอาหารทะเลมื้อกลางวันบนเรือแล้ว ต่อด้วยการเดินชมกิจกรรม 5 ฐานวิถีชีวิตชุมชนบ้านคลองนาเกลือ 1.การสาธิตทำกุ้งเหยียด 2.การทำขนมเปี๊ยะไส้ลูกจาก 3.ย่างขนมจากใจ 4.ดูวิธีการทำปลาหมอเทศแดดเดียว และ 5จักสานใบจากรูปทรงต่าง ๆ

 ค่าบริการต่าง ๆ ในเส้นทางนี้ มาเป็นกรุ๊ป 10 คน จะมีค่าล่องเรือกินอาหารกลางวัน รวมกิจกรรม 5 ฐาน คนละ 800 บาท แต่ถ้าเที่ยวกัน 2 คน เหมาเรือพร้อมดูกิจกรรม ราคารวมจะประมาณ 2,500 บาท ตลอดทริปก็อุดหนุนซื้อของฝากผลิตภัณฑ์ชุมชนกลับบ้านด้วย จะช่วยกระจายรายได้ถึงมือชุมชนอย่างแท้จริง

 ทั้ง 2 เส้นทางท่องเที่ยวบ้านสาขลา สมุทรปราการ นั้น สอบถามได้ที่ คุณสุพรรณนา ประกอบผล องค์การบริหารส่วนตำบลนาเกลือ โทร. 02-819-5091, 09-6245-6535

@ท่องเที่ยวอย่างไรไม่ให้อ้วนกับ 9 เคล็ดลับ 

เมื่อมีโอกาสได้พักสมอง พักจิตใจแล้ว อย่าลืมใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ต่อไปนี้ ที่จะช่วยให้สุขภาพหลังจากการท่องเที่ยวไม่พัง

 1.เดินให้เยอะ -เป็นการออกกำลังกายด้วยการเดินให้ได้อย่างน้อยวันละ 30 นาที โดยแบ่งเป็นช่วงสั้นๆ ครั้งละ 10 นาที

2.ใช้แอปพลิเคชันนับก้าว - อย่าให้ทุกๆก้าวเสียเปล่า ดาวน์โหลดแอปฯใส่มือถือ พอหมดวันลองเช็คดูถ้าครบ 10,000 ก้าว ถือว่าได้สุขภาพดี

3.ใส่รองเท้าที่เหมาะสม - เลือกรองเท้าที่ใส่สบาย และเหมาะกับกิจกรรม เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยวและการเดินออกกำลัง

4.อย่าลืมอาหารเช้า - เริ่มวันใหม่อย่างสมบูรณ์ด้วยอาหารเช้า เพราะถ้าขาดไป ร่างกายจะโหยและการเผาผลาญพลังงานจะลดลงไป 10% แถมคุณอาจจะกินจุกจิกจนเกินพอดี

5.ชิมอะไรก็ได้แค่ระวังปริมาณ - ในวันพักผ่อน ถ้าจะห้ามกินอะไรที่ดูสุมเสี่ยงต่อสุขภาพไปบ้าง ก็จะดูใจร้ายไป เพราะฉะนั้น ขอให้กินอย่างพอดี และเปลี่ยนจากคำว่า กิน เป็น ชิม พอ

 6.พกของว่างมีประโยชน์ติดกระเป๋า - เวลาหิวขณะเดินทาง อาจไมมีตัวเลือกที่ดีมากนัก ควรได้รองท้องด้วยของว่างที่มีประโยชน์ เช่น ถั่ว ผลไม้อบแห้ง เป็นต้น

7.ดื่มน้ำเปล่าให้พอ - ระหว่างเดินทางอาจจะต้องอยู่บนรถนานๆ หรืออยู่กลางแจ้ง เพื่อป้องกันการขาดน้ำ ให้พกน้ำติดตัวไว้และควรน้ำดื่มน้ำ ให้ครบวันละ 8 แก้ว

8.เตรียมอุปกรณ์ออกกำลังกายไปเผื่อ -พกอุปกรณ์ออกกำลังกายไปเผื่อ เช่น เสื่อโยคะ หรือ รองเท้าวิ่ง เพื่อช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกาย

9.อยู่ให้ห่างของหวานและบุฟเฟต์ - สองอย่างนี้ คือ จุดเริ่มต้นการทำลายสุขภาพอย่างแท้จริง

 ฟังข่าวท้ายชั่วโมง 

ข่าวแรก “บินไทยดิ้นเพิ่มรายได้จาก3ธุรกิจเสริมดึงไทยสไมล์เข้าทีม”

 นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2562 ได้เร่งขยายช่องทางการหารายได้เพิ่มจาก 3 หน่วยธุรกิจ คือ ครัวการบิน ศูนย์ซ่อมเครื่องบินทั้งดอนเมืองและอู่ตะเภา ร้านไทยช็อป-จำหน่ายสินค้าที่ระลึก เนื่องจากปีนี้สายการบินยังแข่งขันกันแบบฝุ่นตลบทั้งเส้นทางบินในและต่างประเทศ ภายใต้ความเสี่ยงสูงซึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แถมราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย

ขณะเดียวกันช่วงปลายเดือนมกราคม นี้ เตรียมเสนอแผนจัดซื้อฝูงบินใหม่ส่งให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาก่อนจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เบื้องต้นจะใช้กรอบการลงทุน 200,000 ล้านบาท จัดหาฝูงบินใหม่ 38 ลำ ทยอยเข้ามาแทนที่ฝูงบินเก่าซึ่งจะต้องปลดออกไป 31 ลำ โดยจะมีเครื่องใหม่เข้ามาบริการแล้วตั้งเป้าทำให้ผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีกปีละ 2-3 %

 ผนวกกับการใช้โอกาสในการนั่งเป็นประธานบอร์ดบริหารไทยสมายล์ จัดทำแผนบริการการบินให้ไปในทิศทางเดียวกันนเชื่อมต่อเส้นทางบินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในปี 2562

ข่าวที่สอง “ไทยหนุนเดินรถร่วม3ชาติต่อยอดท่องเที่ยวข้ามแดน

 นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดี กรมการขนส่งทาบก (ขบ.) กล่าวว่า ได้ประชุมร่วมกัน 3 ประเทศ คือ ไทย สปป.ลาว เวียดนาม และไทย เรื่องการจัดทำเส้นทางเดินรถประจำทางต่างประเทศ เร่งรัดให้ สปป.ลาวพิจารณาเส้นทางแรก นครพนม-ท่าแขก (สปป.ลาว)-ฮาติงห์ (เวียดนาม)

จากนั้นก็ให้ดูต่อในเส้นทางไปเวียงจันทน์ เพิ่มเติมจุดจอดรถ เพื่อรองรับการคมนาคม การท่องเที่ยว และการค้า จากนครพนม ผ่านสะพานมิตรภาพไทยลาว แห่งที่ 3 นครพนม-คำม่วน ไปยังเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว ถึงจังหวัดฮาติงห์ เวียดนาม

 รวมทั้งเสนอให้ท่าอากาศยานอุดรธานี เป็นศูนย์กลางรับส่งผู้โดยสาร ระหว่างไทยกับเวียงจันทน์ สปป.ลาว (เวียงจันทน์ ) ทั้งนี้ ที่ผ่านมา เพราะที่ผ่านมามีผู้โดยสารเดินทางจากเวียงจันทน์เข้ามายังอุดรธานีเป็นจำนวนมาก

ข่าวที่สาม “กรมทางหลวงทุ่ม19ล้านทำถนนชวนเที่ยวซากุระอินทนนท์” 

กรมทางหลวง รายงานว่า ทางแขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ ได้ใช้เงินลงทุน 19 ล้านบาท ปรับปรุงถนนให้นักเดินทางได้ใช้งานอย่างสะดวกสบายมากขึ้น เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวชมดอกนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทย ซึ่งออกดอกบานสะพรั่งในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ของทุกปี ตามเส้นทางขึ้นตลอดสองข้างทางหลวง ในทางหลวงหมายเลข 1009 ตอนจอมทอง – ดอยอินทนนท์ ระหว่าง กม.ที่ 30 – กม.ที่ 32 ซึ่งเป็นเส้นทางไปสู่ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่

ขณะนี้จึงได้จัดทำป้ายแนะนำไว้อย่างชัดเจน พร้อมบริการสอบถามข้อมูลทางหลวง จุดจอดรถ พักรถ ศาลานั่งพัก ห้องน้ำสาธารณะ และลานกางเต็นท์ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ตามปกตินักท่องเที่ยวจะนิยมขับรถขึ้นไปชมอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โดยสามารถใช้เส้นทางจากจังหวัดเชียงใหม่ ตามทางหลวงหมายเลข 108 (เชียงใหม่ – ฮอด) เลี้ยวขวาที่สามแยกดอยอินทนนท์ (กม.0) เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1009 เดินทางต่อไปจนถึงที่ทำการอุทยานฯ ระยะทาง 30 กิโลเมตร (จุดชมวิวดอกนางพญาเสือโคร่ง) และเดินทางต่อไปอีก 16 กม. จะถึงจุดสูงสุดแดนสยาม

สอบถามข้อมูลได้ที่ หมวดทางหลวงจอมทอง หรือสายด่วนกรมทางหลวง 1586

ข่าวที่สี่ “ไทยคลอด“E VISA”นำร่องจีน15กพ.-ฝรั่งเศส/อังกฤษ”1เม.ย.62” 

กระทรวงการต่างประเทศ รายงานว่า ได้เปิดตัวโครงการ “THAI E VISA” ปรับโฉมระบบบริการออกวีซ่าและตรวจลงตราของไทย โดยใช้อิเล็กทรอนิกส์เป็นครั้งแรก โดยได้ให้สิทธิธนาคารกสิกรไทยบริหารอีวีซ่าดังกล่าวให้ชาวต่างชาติ โดยกำหนดจัดทำวีซ่าอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางออนไลน์บนเว็บไซต์ www.thaievisa.go.th นำร่องใน 3 ประเทศ ได้แก่

สาธารณรัฐประชาชนจีน จะเริ่มแห่งแรกในกรุงปักกิ่ง 15 กุมภาพันธ์ นี้ และเมืองอื่น ๆ ในจีน จะเริ่ม 1 มีนาคม นี้ ส่วน อังกฤษ ฝรั่งเศส จะเริ่ม 1 เมษายน นี้เป็นต้นไป

แล้วจากภายใน 3 ปีหน้า ตั้งเป้าขยายไปการออกอี วีซ่า ให้ทุกประเทศที่มีสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก เป้าหมายสำคัญในการจัดทำโครงการ ไทย อี วีซ่า ครั้งนี้ รัฐบาลมุ่งเน้นประโยชน์ 3 เรื่อง คือ

 1.ความสะดวกรวดเร็ว นักท่องเที่ยวสามารถเริ่มต้นกระบวนการขอวีซ่าบนออนไลน์ด้วยตนเอง ตั้งแต่กรอกแบบฟอร์ม ยื่นเอกสาร ชำระค่าธรรมเนียมแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ E-Payment ของธนาคารกสิกรไทย พร้อมทำการนัดหมายวัน-เวลาได้อย่างรวดเร็ว เพื่อเดินทางไปยื่นหนังสือเดินทางที่สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ 2.สามารถใช้บริการได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยระบบออนไลน์ผ่านอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ 3.ปลอดภัยสูงสุด ด้วยระบบการชำระเงินที่มีเทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานสากล

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสgาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น. ทาง สวท.FM97.0 

วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2562

ททท.โชว์แผนโหมใช้ดิจิทัลขับเคลื่อนท่องเที่ยวปี62 งัดChatBot แอพเกมพันธุ์บริการทัวร์-สุขยกกำลัง3ได้ที่ฉะเชิงเทรา

บิ๊กททท.โชว์แผนงัดใช้ดิจิทัลเทรนด์ใหม่บุกท่องเที่ยวปี62
 ชู”Chat bot-VR-แอพทัวร์”ลุยสร้างตลาดพันธุ์ใหม่ฮือฮา 
ตรุษจีนคิงเพาเวอร์ไหว้5สิ่งศักดิ์สิทธิ์-ชิม50ร้าน-รับอั่งเป่า 
ททท.นำชุมชน5ภาคโกย400ล้านเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 
บางจากเปิดปั๊มB20รณรงค์รถใหญ่เติมเร่งลดฝุ่นควันพิษ 
ทริปความสุขยกกำลัง3ไว้พระพิฆเนศ3ปาง@ฉะเชิงเทรา
 9เทคนิคการชะลอวัยได้ชะงัดทำให้ไม่ต้องแก่เร็วเกินไป 
ทอท.ชงบอร์ด20กพ.อนุมัติTORดิวตี้ฟรีเฟส2สุวรรณภูมิ 
พยากรณ์เงินสะพัดตรุษจีน1.3หมื่นล้าน-คลังคืนVAT5% 
นกแอร์เทหุ้นเพิ่มทุน908ล้านผ่าทางตันลดวิกฤตขาดทุน 

ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 26 มกราคม 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์

ช่วงที่ 1 เจาะลึก “ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร” รองผู้ว่าการด้านดิจิทัลวิจัยและพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คนแรกในประวัติศาสตร์ พร้อมจะผ่าแผนการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งประเทศ ขยับ 4 C บุกปั้น Chat bot มาให้บริการตอบทุกคำตอบเหนือชั้นกว่า คอล เซนเตอร์ และเทคโนโลยีเที่ยวเสมือนจริง VR กับแอพลิเคชั่นสร้างความฮือฮา Gamification เข้าถึงนักท่องเที่ยวพันธุ์ใหม่ JOMO พวกหลีกหนีความวุ่นวายไปหาความสงบ ส่วนข่าวต้อง “ตรุษจีนที่คิงเพาเวอร์” นำ5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาไว้ให้สักการะ พร้อมแจกอั่งเปา ชวนชิม50 ร้านดัง “ททท.” ปลุกมหกรรมเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562 ทำเงินเข้าเป้ากระจายถึงมือชุมชน 5 ภาค 400 ล้านบาท “บางจาก” เปิดปั๊มB20 หนุนรถบรรทุกใช้บริการช่วยรัฐลดฝุ่นควันพิษในอากาศ 


นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร
 รองผู้ว่าการด้านดิจิทัลวิจัยและพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 
นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัลวิจัยและพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในฐานะที่เข้ารับตำแหน่งตามโครงสร้างใหม่เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ ททท.ซึ่งมีหน้าที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยได้นำองค์กรเข้าสู่ยุค ไทยแลนด์ 4.0 พร้อมให้การสนับสนุนทุกภาคส่วนตามบทบาทหน้าที่ใหม่หลังการปรับโฉมตั้งแต่ 1 มกราคม 2562 ทาง ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการเสนอจัดตั้งโครงสร้างด้านดิจิทัลวิจัยและพัฒนาขึ้น ทำให้เห็นว่า ททท.จะเดินหน้าแผนงานด้านดิจิทัลเต็มรูปแบบด้วยกลยุทธ์สำคัญ ๆ ระยะแรกจะขับเคลื่อน 2 ส่วน ได้แก่

 ส่วนที่ 1 ใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลเข้าไปในระบบการทำงานและทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง จากเดิมจะใช้ส่งแบบสอบถามไปยังคู่ค้าและพันธมิตรเกี่ยวข้อง แต่นับจากนี้เป็นต้นไปจะใส่เทคโนโลยีเข้าไปในระบบการทำงานทุกขั้นตอน ผ่านแอพลิเคชั่นใหม่

ส่วนที่ 2 ให้บริการด้วยฐานเทคโนโลยี หากเป็นหน่วยงานเครือข่ายพันธมิตรก็ต้องแชร์และใช้ผ่านไอทีดังกล่าวให้ได้ทั้งหมด ลดความสิ้นเปลืองกระดาษและวัสดุอุปกรณ์อื่น ๆ ก่อนจะมีฝ่ายดิจิทัลนั้น ที่มาคือ ททท.สานสัมพันธ์กับการให้บริการนักท่องเที่ยวตามพัฒนาการ 4 C คือ C-Counter information บูธให้ข้อมูลข่าวสารคนก็สนุกกับการเข้ามาสอบถามทาง จากนั้น C-Call Center โทรศัพท์เข้ามาสอบถาม ตอนนี้คือ 1672 ต่อด้วย C-Contract Center ทำเป็นวิดีโอแชตสามารถฝากข้อมูล 24 ชั่วโมงไว้ให้ตอบได้ พอมาถึงยุคนี้กำลังเข้าสู่การทำ C-Chat BOT เป็นการนำโรบ็อตเข้ามาตอบข้อมูลคำถามต่าง ๆ ของนักท่องเที่ยวทุกคน 24 ชั่วโมง



 ดังนั้นปี 2562 ททท.ดิจิทัล จะเปิดปฐมฤกษ์ด้วยบริการ Chat BOT ในอนาคตจะทำให้ง่ายสุดเชื่อมโยงกับสิ่งที่ ททท.มีอยู่นั่นคือ

อันดับที่ 1 website www.tourismthailand.org เดิมให้ข้อมูลข่าวการท่องเที่ยวมานานแต่เปลี่ยนเนื้อหาอัพเดทอยู่เรื่อย ขณะนี้กำลังเพิ่มฟีเจอร์โดยวิธีฝังระบบ คนที่เคยเข้าระบบเดิมจะได้พบกับโฉมใหม่เร็ว ๆ นี้ สามารถเข้าไปขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับท่องเที่ยวหลากหลายเรื่องได้



อันดับที่ 2 Application ที่จะทำให้มีเพียงแอพพลิเคชั่นเดียว ของ ททท.เรียกว่า Amazingthailand Application สามารถดาวโหลดได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป นายศิริปกรณ์ย้ำว่า ขณะนี้ ททท.เน้นเรื่อง VOC : Voice of Customer รับฟังเสียงลูกค้าว่าต้องการ มองหาอะไรบ้าง แล้วนำมาปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว โดยมีแม้กระทั่ง listening สามารถร้องเรียน หรือบอกความต้องการ เป็นเสียงเพื่อให้ทางฝ่ายดิจิทัลนำไปปรับปรุงงานบริการของ ททท.ทั้งหมด ซึ่งเรียกว่าเป็น Thailand Experience

สำหรับ Chat BOT จะเริ่มใช้งานได้ในปี 2562 ขณะนี้อยู่ระหว่างการเก็บข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อนำไปบูรณาการเนื้อหาเข้าไปเพิ่มเป็นฟีเจอร์ของระบบให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยวอย่างแท้จริง เพื่อตอบคำถามได้อย่างตรงใจทุกกลุ่มนักเดินทางทั้งชาวไทยและต่างชาติทั่วโลก หมวดหลัก ๆ ที่ Chat BOT จะตอบนักท่องเที่ยวได้จะแตกต่างไปจากเดิม ซึ่งเคยแบ่งตามหมวด สถานที่ท่องเที่ยว อาหาร ที่พัก โรงแรม สายการบิน แต่ปัจจุบันและอนาคตจะเปลี่ยนมาใช้วิธีฟังความต้องการของนักท่องเที่ยวเป็นหลัก ยุคเดิม “สินค้าทางการท่องเที่ยว” จะพุ่งเป้าไปยังสถานที่ วิวสวย ๆ ในการถ่ายรูป แชร์โลเกชั่น แต่สิ่งที่ ททท.พบในโลกของโซเชียล มีเดีย เป็นคำใหม่เรียกว่า “ประสบการณ์-Experience” ทุกคนยอมรับว่าประสบการณ์คือสินค้าหลักทางการท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละครั้งในการเดินทางไม่ได้มาชมสถานที่หรือถ่ายรูปเท่านั้น แต่ออกมาเที่ยวเพราะต้องการประสบการณ์ที่ดี ๆ ได้ลงมือทำ ได้ช่วย ได้แชร์



ดังนั้นเนื้อหา Chat BOT ยุคใหม่ของ ททท.จะเทไปทางด้านการใส่เนื้อหาทางด้านประสบการณ์เข้าไป จึงจะนำเสนอการสร้างประสบการณ์ให้ได้ใช้บริการด้วยการพัฒนาคู่ขนานอีกระบบเพิ่มคือ Application : AmazingThailand Application Experience โดยทำ VR : Virtual Reality 360 องศา เช่น การไปยืนบนเขา 3 วาฬ เมื่อเข้าไปในแอพลิเคชั่นใหม่ของ ททท.ความรู้สึกที่ได้ขึ้นไปยืนยอดเขามีความรู้สึกอย่างไร หากนักท่องเที่ยวเข้าไปใน VR แล้วชอบก็วางแผนเดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่จริงได้เลย หรือจะเป็นการทำลองไปในงานประเพณีที่มีผู้คนจำนวนมากให้ความรู้สึกชอบก็ไปงานเทศกาลประเพณีของจริงได้เช่นกัน

แต่เหนือสิ่งอื่นใด ททท.มีระบบที่คาดจะโดนใจอีกหลายกลุ่ม คือ Gamification เป็นเกมเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว โดยสร้าง 3 เรื่องหลัก คือ “ข้าว-ผ้าไทย-มวยไทย” เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและชาวไทยชื่นชอบแต่ไม่รู้ว่าอารมณ์ความรู้สึก ตั้งแต่เริ่มต้นเป็นอย่างไร เช่น มวยไทย การฝึกทักษะ การขึ้นเวที หรือจะเป็นการปลูกข้าว ในเกมจะสอนวิธีปลูก เก็บเกี่ยว เมล็ดพันธุ์ เรื่อยไปจนถึง สำรับกับข้าว ซึ่งเกมนี้จะเป็นโลกเสมือนจริง ฝังอยู่ในแอพลิเคชั่นเพื่อให้นักท่องเที่ยวสื่อสารกันกับ ททท.เป็น 2 ทาง เน้นการสร้างประสบการณ์ระหว่างนักท่องเที่ยวกับผู้ให้บริการ



 ในอนาคตจะมีการคัดสรรนำกิจกรรมยอดนิยมเข้ามาใส่เพิ่มเข้าไป เช่น กิจกรรมหลักที่ทำได้ตลอดทั้งปี วันที่ 23-27 มกราคม 2562 ในเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ณ สวนลุมพินี ททท.ได้เปิดบูธ TAT Digital แนะนำ Amazingthailand Application นำ Gamification เข้าไปให้นักท่องเที่ยวและผู้เยี่ยมชมงานได้ทดลองเล่นเพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ผ่านเครื่องมือดิจิทัลเล่นและลองสัมผัสโลกเสมือนได้ทุกวันในงาน

การลงทุนไปเสร็จเรียบร้อยแล้วโดยนำดิจิทัลเข้ามาพัฒนาองค์กร ควบคู่กับอีกส่วนเป็นการร่วมกับภาคเอกชนเป็นเครื่องมือสำหรับผู้ประกอบการ “ในการเป็นเจ้าบ้านที่ดี” ร่วมมือกับนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เดินทางไปท่องเที่ยวตามพื้นที่ต่าง ๆ แล้วนำมาถอดแบบความต้องการว่า แต่ละครั้งที่เดินทางเข้ามาไทย เพื่อมองหาอะไรบ้าง แล้วนำข้อมูลทั้งหมดไปแชร์ผ่านระบบของ TAT Intelligent Center ซึ่งกำลังแปลงโฉมเป็น Tourism Smart DATA พร้อมนำไปวิจัยพัฒนาถึงให้เจ้าบ้านในพื้นที่ท่องเที่ยวได้รับรู้ถึง กลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวที่สนใจจะเข้าไปท่องเที่ยวในแต่ละท้องถิ่นเป็นใครบ้าง เช่น เดินทางคนเดียว คู่รัก สูงวัย และอื่น ๆ พอมาพักค้างแล้วสนใจทำกิจกรรมอะไรบ้าง หรือสนใจไปท่องเที่ยวเชื่อมโยงตามหมู่บ้านอื่น ๆ ที่ไหนบ้าง



หากเจ้าบ้านที่ดีได้เห็นถึงพฤติกรรมความต้องการของนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการ สะท้อนความเห็นต่อสถานที่ที่เข้าไป เช่น อาจติติงเรื่องระบบการจัดการขยะ พอเห็นข้อเสนอแนะทางเจ้าบ้านก็จะจัดการได้ทันที สร้างภาพลักษณ์เชิงบวก เป็นการรับข้อมูลตรงจากนักท่องเที่ยวได้โดยตรงแล้วสามารถนำไปใช้พัฒนาพื้นที่ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมความต้องการของนักท่องเที่ยวอย่างชัดเจนเช่นกัน เป็นกลยุทธ์เสริมทัพตลาดและการขายรูปแบบใหม่ผ่านเครื่องมือดิจิทัล ที่ ททท.กำลังนำเข้ามาใช้วางระบบเต็มรูปแบบเริ่มตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป

นายศิริปกรณ์ย้ำว่า ททท.จะประยุกต์พัฒนาเครื่องมือดิจิทัลให้ง่ายต่อการใช้งาน ชาวบ้านในท้องถิ่นเองก็สามารถใช้ได้แบบง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก เป็นระบบ TAT IC : Intelligent Center ซึ่งติดตั้งภาษาสื่อสารไว้หลากหลายภาษา คนในชุมชน ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ สามารถเข้ามาใช้ประโยชน์หรือดาวโหลดข้อมูลได้เท่าเทียมกัน ดูเทรนด์ของนักท่องเที่ยวมองหามานาน ตัวอย่างในอดีตเป็นการท่องเที่ยวในแบบ FOMO : Fear of Missing Out คือการกลัวตกเทรนด์ ต้องเที่ยวตามกระแสโซเชียลแล้วตามกันไปท่องเที่ยว

 แต่ขณะนี้มีกลุ่มเทรนด์ท่องเที่ยวคู่ขนานเกิดขึ้นมานั่นคือ JOMO : Joint of Missing Out สนุกที่จะตกกระแสแต่มองหาสถานที่เงียบสงบ ไม่ต้องอยู่ในกระแส แต่ไปแล้วมีความสุข หากเข้าใจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวว่าไม่มีความต้องการตายตัวใด ๆ ตอบโจทก์ได้ทั่วโลก ทั่วไทย จึงต้องใช้วิธีแนะนำชุมชนหันมา “เจาะกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับพื้นที่” แล้วใช้เครื่องมือบุกเข้าไปหากลุ่มตลาดอย่างชัดเจน ปัจจุบัน ททท.ได้ใช้เครือข่ายหน่วยสินค้าการท่องเที่ยว ทำงานคู่ขนานกับตลาดในประเทศ แล้วนำทีม IT ททท.ลงไปพูดคุยตามพื้นที่ต่าง ๆ เพื่ออธิบายถึงการใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ ด้วยการรับฟังข้อมูลจากพื้นที่เพื่อปรับเนื้อหาให้ตรงกัน ช่องทางการฟังจะมีทั้งทางโซเชียล มีเดีย ของคู่ค้า เจ้าบ้าน หรือสื่อสารผ่านพันธมิตรต่าง ๆ

ปี 2562 ททท.จะทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นเรื่องง่าย เข้าถึงได้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งสามารถพลิกโฉมให้เป็นการท่องเที่ยว 4.0 ในตลาดโลกยุคใหม่อย่างสมบูรณ์แบบต่อไป

ฟังข่าวต้นชั่วโมง 

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์จัดตรุษจีนด้วย5สิ่งศักดิ์50ร้านอาหาร” 



กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดแคมเปญ “KING POWER CHINESE NEW YEAR 2019” ต้อนรับสำราญความสุข สมบูรณ์เงินทอง ต้อนรับปีหมู 2019 ต่อเนื่องกันยาวถึง 14 วัน ระหว่างวันที่: 4 กุมภาพันธ์ – 17 กุมภาพันธ์ 2562 มาร่วมสักการะ 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ยกมาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้โดยไม่ต้องบินไกลไปถึงเมืองจีน และชวนกันช้อปสินค้าไทยและแบรนด์เนม แวะชิมอาหาร 50 ร้านดัง กันอย่างมีความสุขได้ตั้งแต่ เที่ยงวัน ไปจนถึง 21.00 น. ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ

โดยคิง เพาเวอร์ ได้รวบรวมสุดยอด ร้านอาหาร Street food และเครื่องดื่มชื่อดัง กว่า 50 ร้านในราคาย่อมเยาว์ จากทั่วประเทศ พร้อมกิจกรรม การแสดงมากมายทุกวัน และการแสดงชุดพิเศษ จาก “ใหม่ ดาวิกา” แจกอั่งเปาโปรโมชั่นส่วนลดให้กับลูกค้าภายในงาน ร่วมถ่ายภาพสไตล์ย้อนยุค พร้อมสวมชุดในแบบจีน ฟรี!! เมื่อมียอดใช้จ่าย 3,000 บาท ขอพรจาก 5 สิ่งมงคล ของเมืองจีน ที่ต้องสักการะ ต้อนรับปี 2019 รวมไว้ที่งาน Chinese New Year ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ

ข่าวที่ 2 “ททท.นำชุมชน5ภาคโกย400ล้านเทศกาลเที่ยวเมืองไทยปี’62” 



เปิดศักราชใหม่เดือนแรก “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) เร่งทำตลาดเชิงรุก “ท่องเที่ยวในประเทศ” จัดยิ่งใหญ่ “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ประจำปี 2562” ครั้งที่ 39 ระหว่าง 23-27 มกราคม 2562 ภายในบริเวณสวนลุมพินี โดยได้จำลองหมู่บ้านเสมือนจริง นำแหล่งท่องเที่ยว สินค้าชุมชน กิจกรรม DIY และอื่น ๆ มาไว้ในหมู่บ้าน 5 ภาค ได้แก่ ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีประสบการณ์ตรงเป็นแรงกระตุ้นให้นำข้อมูลที่ได้เดินทางตลอดปีนี้ต่อไป



ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ผลักดันตลาดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่ปี 2561 มีสถิติคนไทยเที่ยวไทยสูงถึง 170 ล้านคน-ครั้ง สูงกว่าต่างชาติเที่ยวไทยถึง 5 เท่า นับเป็นสัญญาณที่ดีที่ต้องเพิ่มกองทัพนักท่องเที่ยวประเทศเติบโตอย่างยั่งยืนเป็นเสาหลักเศรษฐกิจอันมั่นคงในระยะยาว โดยเฉพาะในการจัดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยปีนี้ มีกิจกรรมกระตุ้นนักท่องเที่ยวที่ดีรวมถึงการดึงพันธมิตรเข้าร่วมในงานและการจัดโซนการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล โซนรณรงค์ลดการใช้ขยะต่าง ๆ

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ ททท.

 “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ ททท.
กล่าวว่า การจัดงาน "เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562" ตลอด 5 วัน มีแนวโน้มสร้างเงินหมุนเวียนในงานเข้าเป้า 390,536,265 บาท เพิ่มขึ้น 1.89% มีผู้เข้าชมงาน 687,783 คน เพิ่มขึ้น 8.64% รวมทั้งการสร้างแรงบันดาลใจกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวจริงไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ต่อเนื่องตลอดทั้งปีอีกกว่า 50 % ของผู้เข้าชมงานทั้งหมด และงานนี้ยังช่วยตอกย้ำการสร้างโอกาสใหม่ ๆ เพิ่มใน 55 เมืองรอง เติบโตคึกคักตลอดทั้งปีเกิน 10 % ตามที่ ททท. ได้นำเสนอส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 5 ภูมิภาค ซึ่งมีเอกลักษณ์ต่างกันด้วยจุดขายตามธีมตลอดปี 2562 ดังนี้



1. ภาคตะวันออก ภายใต้แนวคิด “More Fun” เปลี่ยนกิจกรรมท่องเที่ยวธรรมดา ให้เป็นเรื่องเล่นแสนสนุกที่เติมสีสันให้กับชีวิต 2.ภาคเหนือ ภายใต้แนวคิด “More Authentic” นำเสนอเรื่องราวของศิลปวัฒนธรรม ที่บอกเล่าวิถีชีวิตเอกลักษณ์ภาคเหนือ ท่ามกลางภูมิประเทศที่สวยงาม 3. ภาคกลาง ภายใต้แนวคิด “More Legacy : มรดกแห่งสยาม” 4.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายใต้แนวคิด “More Gastronomy” นำเสนออาหารเป็นตัวชูเอกลักษณ์และความโดดเด่น ร้อยเรียงเรื่องราวสู่การท่องเที่ยวเชิงศิลปะและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอาหาร 5.ภาคใต้ ภายใต้แนวคิด “More Inspired” เน้นศิลปะ/วัฒนธรรม ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ในพื้นที่ภาคใต้

วิบูลย์ นิมิตรวานิช(ซ้าย)
ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก ททท.

 “วิบูลย์ นิมิตรวานิช” ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก ททท.ในฐานะผู้จัดการโครงการจัดงาน เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562 อธิบายว่า ตลอดงาน 5 วัน ได้สร้างสรรค์ “หมู่บ้านภาคตะวันออก” ชวนนักท่องเที่ยวร่วมสนุกสนานแล้วต่อยอดการขายภาคตะวันออก 9 จังหวัด ด้วยสีสัน 7 เรื่องราว More Fun จำลองให้ชมในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ได้แก่



More Fun เรื่องที่ 1 สัมผัสความสนุกสนาน แนวคิดภาพรวมของหมู่บ้านภาคตะวันออก : นำเสนอภายใต้แนวคิด “MORE FUN : เรื่องเล่น...แสนสนุก” โดยใช้กิจกรรมธรรมดา ให้เป็นเรื่องเล่นแสนสนุกและเติมสีสันให้กับชีวิต ใช้แลนด์มาร์ก จำลองเครื่องเล่นแสนสนุก แต่งเติมความแปลกใหม่ที่ดึงดูดใจผู้เข้าชม พร้อมเวทีบันเทิงโชว์ความสนุกและสีสันเต็มอิ่มตลอดงาน

More Fun เรื่องที่ 2 ชมและร่วมสนุกสนานกับกิจกรรมไฮไลท์ภายในหมู่บ้าน : นำเสนอกิจกรรมซีเอสอาร์แนวแปลกใหม่ ในชื่อ “คบเด็กสร้างบ้าน...ปลา” โดยสาธิตทำซั๊งเชือก/อีแปะ แล้วยังมีกิจกรรมกลางแจ้งทดสอบพลังกับการปีนผาจำลอง พร้อมกับจัดมุมน่ารักไว้ให้นั่งพักผ่อนเรียกว่า “More Fun Café” บริการเครื่องดื่มผลไม้หลากหลายชนิดที่เป็นเอกลักษณ์ของภาคตะวันออก



 More Fun เรื่องที่ 3 ซึมซับความสนุกสนาน กับวิถีชุมชน กิจกรรมสาธิต และกิจกรรม DIY เด่น : มีเรื่องเล่าสนุก ๆ จากชุมชน ลานกิจกรรม เมนูท้องถิ่นแสนอร่อยปรุงจากวัตถุดิบที่ชุมชนปลูกเองเพื่อชวนกลุ่มครอบครัวมาร่วมทำอาหาร และจำลอง Street Art ชุมชนริมน้ำจันทบูรไว้ให้ถ่ายรูปเก๋ ๆ

More Fun เรื่องที่ 4 สนุกสนานกับความอร่อย ร้านอาหารและสินค้า OTOP เด่น : ทาง 9 จังหวัด จัด 50 ซุ้ม พร้อมสินค้าโอท็อปชุมชนต่าง ๆ อีก 30 ซุ้ม คือ 1. ผลไม้ขึ้นชื่อภาคตะวันออก ได้แก่ มะพร้าว มะม่วง สับปะรด สละ เมล่อน 2.อาหารขึ้นชื่อ ได้แก่ กุ้งแม่น้ำเผาปราจีนบุรี หอยนางรมสดจากฟาร์มป้าหลุยส์-ลุงทม ข้าวคลุกพริกเกลือ ก๋วยเตี๋ยวกั๊ง หอยจ๊อ ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ 3. ของฝากขึ้นชื่อ เช่น กุ้งเหยียด อาหารทะเลแห้ง เครื่องจักสาน เครื่องประดับอัญมณี น้ำมันเหลือง

More Fun เรื่องที่ 5 สนุกสนานในเส้นทางชุมชน : อาทิ

 เส้นทางแรก Trat More Fun & Fin ชวนกันไปเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของตราดในพิพิธภัณฑสถานเมืองตราด ก่อนไปดื่มด่ำบรรยากาศเกาะในฝันที่ “เกาะกูด” สนุกกับการดำน้ำดูปะการัง เยี่ยมชมชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว ชมวิถีชีวิต 2 ศาสนา 3 วัฒนธรรม (พุทธ มุสลิม/ วัฒนธรรม ไทย จีน อิสลาม) ชิมข้าวเกรียบยาหน้า

เส้นทางที่ 2 “จันทบุรี กิน เที่ยว ช้อป เช่ด” ร่วมสัมผัสวิถีชีวิตเกษตรออร์แกนิก 100% ของชุมชนปัถวี ลองนั่งซาเล้งเที่ยวสวนผลไม้ ชิมน้ำหวานสด ๆ จากรังชันโรง กินมื้อเที่ยงในคอนเซ็ปต์ “Chef’s Table” โดยเชฟชุมชนจะนำผัก ผลไม้ปลอดสารในท้องถิ่นมาเป็นวัตถุดิบหลักปรุงเมนูต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวกินใต้ต้นผลไม้ แวะ“ตลาดทุบหม้อ” ลองเมนู “ก๋วยเตี่ยวน้ำกุ้งผักยายลั้ง” ร่วมทำ DIY ขุดหาพลอยเมืองจันท์ที่บ่อพลอยเหล็กเพชร หรือดูวิธีเลี้ยงหอยนางรมยักษ์ (หอยตะโกรม) และร่วมสร้างบ้านให้หอยนางรมที่ฟาร์มป้าหลุยลุงทม แวะแชะ ชิม ชิล ชุมชน 3 วัฒนธรรม “ชุมชนริมน้ำจันทบูร”

More Fun เรื่องที่ 6 สนุกสนานกับ การแสดงเด่นที่มาแสดงในงาน : เน้นโชว์ความสนุกสนาน ครื้นเครง และการแสดงร่วมสมัย” การแสดงของมากมาย


More Fun เรื่องที่ 7 สนุกสนานในการมีส่วนร่วมกิจกรรมรักษาสิ่งแวดล้อม : ร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้น ถุงผ้า ลด โลก เลอะ เพื่อลดใช้ถุงพลาสติกหันมาใช้ภาชนะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขณะที่ชุมชนต่าง ๆ ที่นำสินค้าการท่องเที่ยวเข้ามาร่วมขายในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ของทั้ง 5 ภูมิภาค ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าประสบความสำเร็จ ทำยอดขายสูงกว่าปีที่ผ่านมา 5-10 %

หัวใจสำคัญที่สุดคืองานนี้เป็น “ประตูบานใหญ่” เปิดให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักแล้วเดินทางเพิ่มเข้าไปในชุมชนท่องเที่ยวขนาดเล็ก ส่งผลดีต่อภาคครัวเรือนแต่ละท้องถิ่นมีรายได้เสริมเป็นกอบกำมากขึ้นทุกปี

ณัฐกานต์ ประกอบธรรม”
กรรมการชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย
 อ.บางละมุง จ.ชลบุรี


“ณัฐกานต์ ประกอบธรรม” กรรมการชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ยืนยันว่าหลังจาก ททท.ชวนเข้าร่วมงานก็ทำให้สมาชิกตะเคียนเตี้ยซึ่งเป็นชาวสวนมะพร้าวรวมกันกว่า 8,000 ไร่สามารถขายท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์แปรรูปทั้งหมู่บ้านเฉลี่ยได้ปีละเกิน 1 ล้านบาท แถมกลุ่มแม่บ้านมีรายได้ขยับจากหลักพันบาทขึ้นเป็นหมื่นบาท

กัญญลักษณ์ พันธุ์อุดม(คนกลาง)
 ประธานวิสาหกิจชุมชนบ้านท่าทราย อ.เมือง จ.นครนายก 

“กัญญลักษณ์ พันธุ์อุดม” ประธานวิสาหกิจชุมชนบ้านท่าทราย อ.เมือง จ.นครนายก กล่าวว่า เข้าร่วมเทศกาลเที่ยวเมืองไทยครั้งแรก โดยนำผลิตภัณฑ์เทรนด์ใหม่ในฐานะชุมชนต้นตำรับของไทยซึ่งเกิดจากรวมตัวกันปลูกมะดันนับหมื่นต้นในพื้นที่ 400-500 ไร่ ทำ “มะดันแปรรูป” เป็นน้ำผลไม้มะดัน มะดันซีฟู้ด ไข่เค็มมะดันใบเตย มาแนะนำควบคู่กับเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวชุมชนให้คนรู้จักมากขึ้น กระแสตอบรับดีมากทั้งยอดขายสินค้าและความสนใจจองโปรแกรมท่องเที่ยว

 งาน “เทศกาลเที่ยวกาลเที่ยวเมืองไทย” ของ ททท.จึงเป็นมากกว่าศูนย์รวมการขายสินค้าท่องเที่ยวหมู่บ้าน 5 ภาค 77 จังหวัด แต่ยังเป็น “ประตูบานใหญ่” ในการเชื่อมกำลังซื้อกระจายลงสู่ชุมชนรายเล็กรายน้อยทั่วประเทศได้อย่างแท้จริง 


ข่าวที่ 3 “บางจากเปิดปั๊มหนุนรถบรรทุกใช้B20ร่วมลดฝุ่นละอองพิษ”

 นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ได้ประชุมหารือค่ายรถบรรทุกขนาดใหญ่ และผู้ค้าน้ำมัน เพื่อหาแนวทางขับเคลื่อนนโยบายขยายการใช้ B20 ในรถขนาดใหญ่ให้มากขึ้น โดยให้ค่ายรถยนต์เสนอรุ่นรถในเครือตนเองที่สามารถใช้ B20 ได้ โดยมี สถานีบริการน้ำมันของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกาศความพร้อม เข้าร่วมสนับสนุนอย่างเต็มที่ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

โดยมีตัวแทนผู้ค้าน้ำมันดีเซลเข้าร่วมภารกิจดังกล่าว 16 ราย ได้แก่ บมจ. บางจากคอร์ปอเรชั่น (BCP) บมจ.ปตท. (PTT) บจ. เชลล์แห่งประเทศไทย บมจ. เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO) บจ. เชฟรอน (ไทย) บมจ. ไทยออยล์ (TOP) บมจ. ไออาร์พีซี (IRPC) บมจ. ซัสโก้ (SUSCO) บจ. ซัสโก้ดีลเลอร์ส บจ. พี.ซี. สยามปิโตรเลียม บมจ. สยามเฆมี บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) บมจ.สตาร์ปิโตรเลียมรีไฟน์นิ่ง (SPRC) บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) บมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (PTTOR) และ บมจ. ปตท.บริหารธุรกิจค้าปลีก

ทุกฝ่ายพร้อมร่วมมือกันขานรับนโยบายของนายกรัฐมนตรี เพราะการขยายการใช้น้ำมัน B20 ในรถขนาดใหญ่เพิ่มเติมซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรสวนปาล์ม ลดค่าใช้จ่ายภาคขนส่ง และยังช่วยลดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM.2.5) ด้วย

อีกทั้งระหว่างการหารือมีนายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย บจ. ฮีโน่มอเตอร์เซลล์ (ประเทศไทย) บจ. เดมเลอร์ คอมเมอร์เชียล วีอีเคิลส์ (ประเทศไทย) และ บจ.ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ นำทีมรถบรรทุกค่ายใหญ่ ๆ เข้าร่วมพูดคุยด้วย

ช่วงที่ 2 ไปช้อปแพกเกจท่องเที่ยวดี ๆ ในงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” เสาร์ 26 -อาทิตย์ 27 มกราคม 2562 ในงานสวนลุมพินี แวะที่ “หมู่บ้านภาคตะวันออก” มีทริปท่องเที่ยว “ความสุขยกกำลัง3 :ไหว้พระขอพรพระพิฆเนศ@ฉะเชิงเทรา” แต่ละเส้นทางสนุกสไตล์ More Fun ใกล้กรุงเทพฯ แล้วไปฟัง “9เทคนิคการชะลอวัยไม่ให้แก่เร็ว” และข่าวฮ็อต ๆ “ทอท.พร้อมเสนอบอร์ด 20 ก.พ.นี้” เปิด TOR การประมูลพื้นที่ทำร้านค้าดิวตี้ฟรี และเดินหน้าก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิหลังที่ 2 ส่วน “เงินช่วงตรุษจีน” ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดจะสะพัดกว่า 1.356 หมื่นล้านบาท “คลัง” จับมือธนาคาร รับลงทะเบียน 1-15 ก.พ.62 ใช้เงินช่วงตรุษจีนผ่านบัตรและคิวอาร์โค้ดรับคืนเลย VAT 5 % ทางด้าน “นกแอร์” ยอมเพิ่มทุนแล้ว 908 ล้านบาท ทยอยล้างหนี้ผ่าวิกฤติการขาดทุนสะสมมาหลายปี

ทริป“ความสุขยกกำลัง3 More Fun@ฉะเชิงเทรา 



เดินทางมาช้อปแพกเกจท่องเที่ยวดี ๆ ในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย วันเสาร์ 26-อาทิตย์ที่ 27 มกราคม 2562 ณ สวนลุมพินี แล้วออกไปท่องเที่ยวแบบสนุก ๆ กับ More Fun ของภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กันได้ตลอดทั้งปี เตรียมแพกกระเป๋าออกสำรวจ “ฉะเชิงเทรา” กัน สัก 2 วัน 1 คืน



ตามคำแนะนำของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) วันแรก ปักหลัก “เที่ยวตัวเมืองแปดริ้ว” ไหว้พระชมเมืองอย่างจุใจ ตั้งแต่เช้า 9 โมงครึ่ง ไป “วัดสมานรัตนาราม” สักการะพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข แล้วขับรถต่อไปยัง “วัดจีนประชาสโมสร (เล่งฮกยี่)“ สันนิษฐานกันว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยเป็นตำแหน่งของท้องมังกรที่นำความอุดมสมบูรณ์มาสู่ผู้เลื่อมใสศรัทธา เพลิดเพลินเจริญใจกันจนถึงมื้อเที่ยง แวะรับประทานอาหารถิ่นที่ “ตลาดบ้านใหม่” ตามปกติจะเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และนักขัตฤกษ์ เท่านั้น



 เติมพลังเรียบร้อยแล้วมุ่งหน้าเดินทางต่อไปยัง “อำเภอบางน้ำเปรี้ยว” เพื่อสักการะพระพิฆเนศปางนั่งประทานพร ที่ “วัดโพรงอากาศ” นักท่องเที่ยวจะได้ชมโบสถ์สีทองสร้างด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างศิลปะของ 3 ชาติ คือไทย อินเดีย ศรีลังกา

ชมเสร็จนั่งรถกลับเข้าตัวเมือง มาแวะ ที่ “วัดโสธรวรารามวรวิหาร” เพื่อนมัสการ “หลวงพ่อโสธร” พร้อมกับดื่มด่ำกับความงดงามของสถาปัตยกรรมพระอุโบสถที่มีลักษณะของอาคารจัตรมุข ทรงปราสาท แล้วรอทำวัดเย็นพร้อมพระภิกษุกันที่วัดแห่งนี้ มื้อค่ำก็เดินหาอาหารอร่อย ๆ รับประทานก่อนเข้าที่พักค้าง 1 คืน

ตื่นเช้าวันที่สอง มีให้เลือ 2 เส้นทาง



 เส้นทางแรก วางแผนไปเที่ยว “คลองเขื่อน-บางคล้า” ในอำเภอคลองเขื่อน ไฮไลต์คือ “เทวสถานอุทยานพระพิฆเนศ” นักท่องเที่ยวชื่นชอบไปสักการะพระพิฆเนศเนื้อสำริดปางยืน แล้วแวะ “ตลาดน้ำบางคล้า” ชิมผลิตภัณฑ์มะพร้าวขึ้นชื่อ ที่ Coco Cowboy มีทั้ง น้ำมะพร้าวสด ๆ และไอศรีมมะพร้าว เติมพลังก่อระหว่างทัวร์ตลาดน้ำ แหล่งแวะกินอาหารมื้อเที่ยงก็อยู่ใน “ตลาดน้ำบางคล้า” เปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ ช่วงบ่ายตั้งเข็มทิศไปชมและเลือกซื้อของฝากขึ้นชื่อตรง “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มขนมแม่บุญมี” มีทั้งหมี่กรอบ ขนมเปี๊ยะ



 แล้วเดินทางต่อมายัง “วัดปากน้ำโจ้โล้” ชมพระพุทธรูปและโบสถ์สีทองริมแม่น้ำบางปะกง ก่อนกลับแวะ “วัดโพธิ์บางคล้า“ สักการะพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ขอพรก่อนกลับกรุงเทพฯ หรือจะเลือก



เส้นทางที่ 2 “เที่ยวคลองเขื่อน ชมสวนเกษตร”  ตอนเช้าไปเริ่มต้นที่ เทวสถานอุทยานพระพิฆเนศ แล้วเลือกไปเที่ยว “สวนมะม่วงกับ อบต.คลองเขื่อน” เรียนรู้วิถีชุมชน “บ้านสามสาว” ทำขนมไทยพื้นบ้าน แล้วก็แวะ “สวนลุงปราโมทย์ วรชาติตระกูล” ดูการปลูกและชิมมะม่วงแสนอร่อยกว่า 40 สายพันธุ์ กลางวันก็แวะกินอาหารแบบพื้นบ้านในในชุมชน

ก่อนกลับให้ใช้เส้นทางนั่งรถเข้าตัวเมืองฉะเชิงเทรา เป้าหมายคือการแวะซื้อของฝากที่ “ร้านริน” ขึ้นชื่อมากเรื่องขนมเปี๊ยะ กระยาสารท ขนมหวานต่าง ๆ ทริปเที่ยวสวนมะม่วง กับ อบต.คลองเขื่อน นักท่องเที่ยวที่เดินทางเป็นหมู่คณะ 10 คนขึ้นไปให้ติดต่อไปก่อนล่วงหน้า จะได้ราคาพิเศษเพียงคนละ 380 บาท

 เที่ยวใกล้กรุงในภาคตะวันออก มีสีสัน ความสนุกสนาน สมกับเป็น More Fun แห่งปีหมูทอง

 @9 เทคนิคชะลอวัยป้องกันไม่ให้แก่เร็ว 

หากไม่อยากให้เซลล์และระบบการทำงานต่าง ๆ ของอวัยวะภายใน ร่างกายเสื่อมไวกว่าอายุจริง ควรหมั่นดูแลทั้งสุขภาพภายในและภายนอกอย่างสม่ำเสมอ ดังนี้

1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง 2. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3. งดการสูบบุหรี่ 4. ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเป็นประจำ 5. ตรวจเช็คร่างกายสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยให้ร่างกายมีภาวะติดเชื้อเรื้อรังอันจะนำมาสู่โรคภัยใกล้เจ็บ 6. ดูแลเรื่องอาหารการกิน โดยเน้นผลไม้ที่มีวิตามิน เกลือแร่ กากใยไฟเบอร์ และน้ำเปล่าให้มาก ๆ เลือกกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ

7. ไม่สะสมความเครียด หาทางกำจัดออกให้เร็วที่สุด 8. ฝึกสมองและทักษะความคิดอยู่เสมอ หมั่นเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ 9. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีมลภาวะหรือสภาพแวดล้อมไม่ดี เป็นเรื่องที่สามารถทำเองได้ทุก ๆ วัน

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง 


ข่าวแรก “ทอท.รอชงบอร์ดเดือนกพ.เปิดTORดิวตี้ฟรีปี63” 

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.เดือนหน้าวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 จะมีวาระหลัก ๆ เตรียมเสนอเสนอพิจารณา คือ เรื่องแรก เงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) เพื่อจัดหาผู้ประมูลสัมปทานบริหารพื้นที่ปลอดภาษี (duty free) ภายในพื้นที่อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขนาดรวมประมาณ 30,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย พื้นที่ในอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 ขนาด 20,000 ตารางเมตร และพื้นที่ในอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 หรืออาคารแซตเทิลไลท์ เบื้องต้นขนาด 10,000 ตารางเมตร

 สำหรับ TOR การจัดหาผู้เข้ามาบริหารพื้นที่ดิวตี้ฟรีในขณะนี้ทีมงานเกี่ยวข้องได้ทำรายละเอียดแล้วเสร็จเกือบ 98 % แล้ว สามารถนำเข้าบอร์ดได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เรื่องที่ 2 แผนขยายการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 วงเงิน 42,084.564 ล้านบาท สามารถก่อสร้างได้ตามแผนปกติ เพื่อขยายขีดความสามารถการรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีกปีละ 30 ล้านคน

เพราะ ทอท.ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำทุกขั้นตอนโดยล่าสุดจัดประชุมร่วมกับคณะกรรมการ Airport Consultative Committee : ACC ซึ่งมีตัวแทนสายการบินและหน่วยงานเกี่ยวข้องต่าง ๆ กับการบิน ได้เสนอความต้องการหลายประเด็นเพื่อการใช้อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ซึ่งจะนำมาประมวลเรื่องหลักที่เป็นประโยชน์ก่อนเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ด ทอท.เดือนกุมภาพันธ์นี้

 รายละเอียดการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิหลังที่ 2 มูลค่าการลงทุน 42,084.564 ล้านบาท นั้น จะมีการพัฒนา 7 งาน ได้แก่

1.งานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่สอง บริเวณทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน A ออกแบบทำเป็น มัลติ-เทอร์มินัล พื้นที่ 348,000 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารได้อีกปีละ 30 ล้านคน

2.งานก่อสร้างปรับปรุงอาคารเทียบเครื่องบิน A,B, C

3.งานก่อสร้างอาคารบริการท่าอากาศครบวงจร ทิศใต้ของอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ พื้นที่ 84,000 ตารางเมตร จอดรถยนต์ได้ 1,000-1,500 คัน และลานเอนกประสงค์ จอดรถยนต์ได้มากสุดถึง 2,000 คัน

 4.งานระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติระยะทางบริการ 2.5 กม. เชื่อมต่อด้วยรถไฟฟ้าไร้คนขับระหว่างอาคารผู้โดยสารหลักกับอาคารเทียบเครื่องบิน A ปัจจุบัน แล้วยังเชื่อมต่อกับอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 กับแอร์พอร์ตลิงค์

5.งานระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารเชื่อมต่อกับระบบอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน ซึ่งเป็นบริการตามสัดส่วนของผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้นอีกปีละ 30 ล้านคน

6.งานก่อสร้างระบบถนนภายในท่าอากาศยานที่จะใช้เป็นทางเข้า-ออก ตรงบริเวณอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 และ

7.งานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคแบบครบวงจร

ข่าวที่สอง “คาดตรุษจีนสะพัด1.3หมื่นล้าน-คลังผนึกแบงก์คืนVAT5%” 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า เม็ดเงินค่าใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2562 จะอยู่ที่ประมาณ 13,560 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.9% แบ่งค่าใช้จ่ายเป็น 3 ส่วน 1.การ ทำบุญ/ท่องเที่ยวเป็นส่วนหลักที่คนใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้น 2.ค่าเครื่องเซ่นไหว้จะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา 3.เงินแต๊ะเอีย มีแนวโน้มปรับลดลงชัดเจนกว่ากิจกรรมอื่น ๆ

ผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ พบว่า มีมุมมอง ต่อทิศทางกำลังซื้อที่ค่อนข้างระมัดระวัง โดยส่วนใหญ่กว่าครึ่งมองว่ากำลังซื้อของตนเองไม่แตกต่างจากปีก่อน ส่วนใหญ่ก็ปรับลดงบประมาณลงเท่าที่จำเป็น แต่เป็นที่น่าสังเกตว่ากลุ่มที่มีรายได้ปานกลางลงล่าง มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยด้านกำลังซื้อ ก็อาจปรับลดค่าใช้จ่ายในส่วนกิจกรรมบางอย่างที่ทำได้

จากการสำรวจพบว่าส่วนใหญ่จะเน้นการประหยัด ทั้งการซื้อเครื่องเซ่นไหว้ การแจกเงินแต๊ะเอีย รวมถึงการทำบุญ และการท่องเที่ยว

 ขณะที่ นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า คลังร่วมกับสมาคมธนาคารไทย ทำมาตรการส่งเสริมการชำระเงินซื้อสินค้าและบริการให้ผู้บริโภค โดยจะคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)ให้แก่ผู้จับจ่ายใช้สอยช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยต้องเข้าไปลงทะเบียนระหว่าง 1-15 กุมภาพันธ์ 2562 จะได้รับการชดเชยภาษีมูลค่าเพิ่มคืน 5% จากปกติ 7% สำหรับผู้ที่จ่ายเงินผ่านบัตรเดบิต หรือคิวอาร์โค้ด คนละไม่เกิน 1,000 บาท คำนวณสูงสุดจากยอดการซื้อสินค้าและบริการ 21,400 บาท

จากเดิมผู้เข้าร่วมโครงการลงทะเบียน 1 คน สามารถเลือก 1 ธนาคาร และ 1 บัญชี กระทรวงการคลังได้เพิ่มช่องทางอำนวยความสะดวกแก่ผู้สนใจมาตรการ โดยผู้ลงทะเบียนสามารถเลือกใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตหรือคิวอาร์โค้ดเช่นเดิม แต่ผู้ลงทะเบียน 1 คน สามารถใช้บัญชีได้สูงสุดไม่เกิน 10 เลขที่บัญชี

ข่าวที่สาม “นกแอร์เทขายหุ้นเพิ่มทุน 908ล้านผ่าวิกฤตขาดทุน”

 นายประเวช องอาจสิทธิกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อ 22 มกราคม 2562 มีมติเห็นชอบให้เพิ่มทุนจดทะเบียน 908.79 ล้านบาท จากทุนเดิม 2,499.25 ล้านบาท เป็น 3,408.05 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 908.79 ล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่แต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering) ราคาหุ้นละ 2.75 บาท อัตราส่วนจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน 2.5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่ม

 ทั้งนี้เพื่อบริหารจัดการการเงินอย่างมีประสิทธิภาพและพยายามเร่งภาระการขาดทุนต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

 ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 1.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

More Fun สุขยกกำลัง3 ไหว้พระขอพรพระพิฆเนศ3ปาง@ฉะเชิงเทรา

ทริป“ความสุขยกกำลัง 3 "More Funใกล้กรุง
ไหว้พระ:ขอพรพระพิฆเนศ3ปาง@ฉะเชิงเทรา

เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #สวท97 #TATภาคตะวันออก #เทศกาลเที่ยวเมืองไทย2562

 เตรียมแพกกระเป๋าออกสำรวจ “ฉะเชิงเทรา” กันสัก 2 วัน 1 คืน ตามคำแนะนำของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข วัดสมานรัตนาราม


วันแรก ปักหลัก “เที่ยวตัวเมืองแปดริ้ว” ไหว้พระชมเมืองอย่างจุใจ ตั้งแต่เช้า 9 โมงครึ่ง ไป “วัดสมานรัตนาราม” สักการะพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข แล้วขับรถต่อไปยัง “วัดจีนประชาสโมสร (เล่งฮกยี่)“ สันนิษฐานกันว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยเป็นตำแหน่งของท้องมังกรที่นำความอุดมสมบูรณ์มาสู่ผู้เลื่อมใสศรัทธา

ตลาดบ้านใหม่ อายุร้อยปี แหล่งอาหารอร่อย
เพลิดเพลินเจริญใจกันจนถึงมื้อเที่ยง แวะรับประทานอาหารถิ่นที่ “ตลาดบ้านใหม่” ตามปกติจะเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และนักขัตฤกษ์ เท่านั้น


พระพิฆเนศปางนั่งประทานพร วัดโพรงอากาศ

 เติมพลังเรียบร้อยแล้วมุ่งหน้าเดินทางต่อไปยัง “อำเภอบางน้ำเปรี้ยว” เพื่อสักการะพระพิฆเนศปางนั่งประทานพร ที่ “วัดโพรงอากาศ” นักท่องเที่ยวจะได้ชมโบสถ์สีทองสร้างด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างศิลปะของ 3 ชาติ คือไทย อินเดีย ศรีลังกา

ชมเสร็จนั่งรถกลับเข้าตัวเมือง มาแวะ ที่ “วัดโสธรวรารามวรวิหาร” เพื่อนมัสการ “หลวงพ่อโสธร” พร้อมกับดื่มด่ำกับความงดงามของสถาปัตยกรรมพระอุโบสถที่มีลักษณะของอาคารจัตรมุข ทรงปราสาท แล้วรอทำวัดเย็นพร้อมพระภิกษุกันที่วัดแห่งนี้

มื้อค่ำก็เดินหาอาหารอร่อย ๆ รับประทานก่อนเข้าที่พักค้าง 1 คืน

 ตื่นเช้าวันที่สอง มีให้เลือ 2 เส้นทาง

พระพิฆเนศสัมฤทธิ์ปางยืน  ในตำบลคลองเขื่อน  ำเภอบางคล้า
เส้นทางแรก วางแผนไปเที่ยว “คลองเขื่อน-บางคล้า” ในอำเภอคลองเขื่อน ไฮไลต์คือ “เทวสถานอุทยานพระพิฆเนศ” นักท่องเที่ยวชื่นชอบไปสักการะพระพิฆเนศเนื้อสำริดปางยืน แล้วแวะ “ตลาดน้ำบางคล้า” ชิมผลิตภัณฑ์มะพร้าวขึ้นชื่อ ที่ Coco Cowboy มีทั้ง น้ำมะพร้าวสด ๆ และไอศรีมมะพร้าว เติมพลังก่อระหว่างทัวร์ตลาดน้ำ

แหล่งแวะกินอาหารมื้อเที่ยงก็อยู่ใน “ตลาดน้ำบางคล้า” เปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์

ช่วงบ่ายตั้งเข็มทิศไปชมและเลือกซื้อของฝากขึ้นชื่อตรง “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มขนมแม่บุญมี” มีทั้งหมี่กรอบ ขนมเปี๊ยะ แล้วเดินทางต่อมายัง “วัดปากน้ำโจ้โล้” ชมพระพุทธรูปและโบสถ์สีทองริมแม่น้ำบางปะกง ก่อนกลับแวะ “วัดโพธิ์บางคล้า“ สักการะพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ขอพรก่อนกลับกรุงเทพฯ หรือจะเลือก



เส้นทางที่ 2 “เที่ยวคลองเขื่อน ชมสวนเกษตร” ตอนเช้าไปเริ่มต้นที่ เทวสถานอุทยานพระพิฆเนศ แล้วเลือกไปเที่ยว “สวนมะม่วงกับ อบต.คลองเขื่อน” เรียนรู้วิถีชุมชน “บ้านสามสาว” ทำขนมไทยพื้นบ้าน แล้วก็แวะ “สวนลุงปราโมทย์ วรชาติตระกูล” ดูการปลูกและชิมมะม่วงแสนอร่อยกว่า 40 สายพันธุ์

ขนมและของฝากร้านริน
มื้อกลางวันไปกินอาหารแบบพื้นบ้านในในชุมชน แล้วใช้เส้นทางนั่งรถเข้าตัวเมืองฉะเชิงเทรา เป้าหมายคือการแวะซื้อของฝากที่ “ร้านริน” ขึ้นชื่อมากเรื่องขนมเปี๊ยะ กระยาสารท ขนมหวานต่าง ๆ

โดยมาต่อด้วยเที่ยว  "สวนมะม่วง กับ อบต.คลองเขื่อน" นักท่องเที่ยวที่เดินทางเป็นหมู่คณะ 10 คนขึ้นไปให้ติดต่อไปก่อนล่วงหน้า จะได้ราคาพิเศษเพียงคนละ 380 บาท

เที่ยวใกล้กรุงในภาคตะวันออก มีสีสัน ความสนุกสนาน สมกับเป็น More Fun แห่งปีหมูทอง 

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2562

ททท.ตั้งเป้าโกย400ล้านเทศกาลเที่ยวเมืองไทย62-เร่งต่อยอด55เมืองรองโตอีก10%

ททท.ตั้งเป้า400 ล้านเทศกาลเที่ยวเมืองไทย'62
เร่งต่อยอดกระตุ้น55เมืองรองทั้งปีโตเกิน 10 %
 เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza # เทศกาลเที่ยวเมืองไทย #เที่ยวไทเท่ #Amazingthailand #Morefunตะวันออก 

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในการจัดมหกรรม"เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562" ระหว่างวันที่ 23-27 มกราคม 2562 ตั้งเป้ารายได้ตลอด 5 วัน ตามเป้าหมาย จะทำให้เกิดรายได้เป็นมูลค่าเงินหมุนเวียน 390,536,265 บาท +1.89% จากจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมงาน 687,783 คน + 8.64%

 เมื่อคนเข้ามาชมงานเสร็จเรียบร้อย ททท.หวังสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวจริงไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศ ไม่ต่ำกว่า 50 %  ของผู้เข้าชมงานทั้งหมด หรือคิดเป็นไม่ต่ำกว่า 340,000 คน

ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า โอกาสของการขายเมืองรองในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ประจำปี 2562 ครั้งที่ 39 ททท. นำเสนอและส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 5 ภูมิภาค ซึ่งแต่ละภูมิภาคมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไปตามแนวคิด ประกอบด้วยธีมที่สอดคล้องกับศักยภาพของแต่ละภูมิภาคดังนี้ 

1. ภาคตะวันออก ภายใต้แนวคิด “More Fun” เปลี่ยนกิจกรรมท่องเที่ยวธรรมดา ให้เป็นเรื่องเล่นแสนสนุกที่เติมสีสันให้กับชีวิต

2.ภาคเหนือ ภายใต้แนวคิด “More Authentic” นำเสนอเรื่องราวของศิลปวัฒนธรรม ที่บอกเล่าวิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ของภาคเหนือ ท่ามกลางภูมิประเทศที่สวยงาม

 3. ภาคกลาง ภายใต้แนวคิด “More Legacy : มรดกแห่งสยาม”

4.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายใต้แนวคิด “More Gastronomy” นำเสนออาหารเป็นตัวชูเอกลักษณ์และความโดดเด่น ร้อยเรียงเรื่องราวสู่การท่องเที่ยวเชิงศิลปะอาหารและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Food Tourism)

5.ภาคใต้ ภายใต้แนวคิด “More Inspired” เน้นศิลปะ/วัฒนธรรม ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ในพื้นที่ภาคใต้

 ควบคู่กับการจัดให้มีทีมบริหารจัดการชุมชน หรือ dmc เข้ามาช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้วัฒนธรรมประเพณี ประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตชุมชนรวมทั้งเน้นการกระจาย นักท่องเที่ยวไปยังเมืองหลักและเมืองรอง  การท่องเที่ยวเชื่อมโยงพื้นที่หลักและพื้นที่รองให้ได้มากที่สุดไม่ต่ำกว่า 10 %  ต่อเนื่องจากปี 2561 ททท.สามารถสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้เกิดการเดินทางเข้าไปยัง 55 เมืองรอง เติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6-8 %

 สำหรับกิจกรรมท่องเที่ยวภายในงาน "เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562" ททท.ได้จัดโซนให้ได้เยี่ยมชมภายในสวนลุมพินี 8 โซน

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2562

ททท.เปิดอลังการเทศกาลเที่ยวเมืองไทย2562 ไปเจอกันด่วนที่สวนลุม 23-27 มกราคม 62

มาด่วน ! ที่สวนลุมสนุก'เทศกาลเที่ยวเมืองไทย2562'
"ภาคตะวันออก"จัดเต็ม D.I.Y.ชุมชนต้นแบบทัวร์วิถีชีวิต
เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #สวท97 #เทศกาลเที่ยวเมืองไทย #TATตะวันออก #ลดโลกเลอะ




 "ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร" ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) พร้อมผู้บริหารหลัก ๆ คือ นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด (ภูมิใจนำเสนอโซน TAT Studio ในงาน) นางสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านบริหาร พร้อมทีมงานจัดอีเวนต์ทุกบริษัท เดินตรวจพื้นที่จัดงาน "เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562" ในสวนลุมพินี ทุกซอกทุกมุม



 โดยมี "วิบูลย์ นิมิตรวานิช" ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก ททท.ในฐานะ ผู้จัดการโครงการจัดมหกรรม "เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562" พาคณะผู้บริหารทั้งหมดเดินตรวจพร้อมอธิบายรายละเอียด ความพร้อมของ ทั้ง 5 ภูมิภาค ที่ได้จำลองด้วยการออกแบบทำเป็น "หมู่บ้าน 5 ภาค : ตะวันออก-เหนือ-กลาง-อีสาน-ใต้" รวม กรุงเทพมหานคร ยกทุกอย่างของทั้ง 77 จังหวัด มาไว้ในสวนลุม ระหว่าง 23-27 มกราคม 2562

 หลังจากคณะผู้ว่าการ และผู้บริหาร ททท.เดินทางกลับ ผอ.วิบูลย์ กับทีมงาน ททท.ภาคตะวันออก รวมถึงทีมตรวจรับงาน ยังคงทุ่มเท ตรวจรายละเอียดเรื่องระบบ น้ำ ไฟฟ้าแสงสว่าง การจัดทำผัง การรับฟังและให้ความช่วยเหลือร้านค้าของแต่ละภาคว่าขาดเหลืออะไรที่ทีมงานของ ททท.สามารถเข้าไปช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาให้ทุกร้านได้อย่างทันท่วงที

รวมทั้งการนั่งดูพิธีซ้อมการเปืดงาน บริเวณ เวทีกลางที่จะใช้เปิดงานจริงเย็นวันพุธที่ 23 มกราคม 2562 เวลา 17.00-19.00 น.



สรุปตลอดวันวาน การตรวจงานของผู้บริหาร และการทำงานของ ผอ.วิบูลย์กับทีมงานภาคตะวันออก" เจ้าของโครงการ "เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562" ทำภารกิจเสร็จก็ปาเข้าไปตอนเวลา 2 ทุ่มพอดิบพอดี

ทว่าทุกคนต่างมีสีหน้าเปื้อนยิ้มอย่างมีความสุข เพราะภารกิจวันวานทุกคนทุ่มเททำอย่างเต็มที่

โดยเฉพาะในโซนหมู่บ้านภาคตะวันออก มีกิจกรรมดี ๆ เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งทางด้านข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวเฉดใหม่ ๆ การชวนมาร่วมทำกิจกรรม D.I.Y. ของชุมชนท่องเที่ยวที่ได้รับก่รคัดสรรให้เป็นโมเดลต้นแบบ 10 ชุมชน ที่มีเรื่องราวดี ๆ มานำเสนอนักท่องเที่ยว และผู้เข้สชมงานตลอดเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562

😙เพื่อให้งาน เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562 เปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนตลอด 5 วัน 23-27 มกรารม 2562 เกิดความประทับใจ มาแล้วควักเงินกระจายรายได้ถึงมือทุกชุมชนทั่วประเทศ




จากนั้นในวันนี้พุธ  23 มกราคม 2562 เวลา 17.00 น."ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร" ผู้ว่าการ ททท.จะนำทีม ททท. เป็นเจ้าบ้าน ต้อนรับ "ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์" ระฐมนตรีว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เกียรติเดินทางมาเป็น ประธานเปิด มหกรรมท่องเที่ยวแห่งปี งาน "เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562" ในสวนลุมพินี อย่างเป็นทางการ พร้อมกับจัดการแสดงสุดอลังการให้ทุกคนที่เข้าร่วมพิธี ได้ชม บริเวณเวทีใหญ่

ช่วงเวลาประมาณ 19.00-20.00 น. ก็จะนำ ดร.วีระศักดิ์ เดินชมไฮไลต์และร่วมกิจกรรมตามหมู่บ้าน 5 ภาค...แต่จะโชว์ทำกิจกรรมอะไรบ้าง ต้องไปรอดูกันสด ๆ ตลอดงาน



ส่วนสื่อมวลชน ทาง "ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ" รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. พร้อมเปิดพื้นที่สนามหญ้าด้านหน้า TAT Studio ต้อนรับสื่อทุกสาขา ได้มาใช้บริการสัมภาษณ์และนั่งแบบชีล ๆ ได้ ตลอดตั้งแต่เวลาเปิด 12.00-21.00 น. แต่ละวันสามารถชมการแสดงความบันเทิงบนเวทีสลับกันไปได้ด้วย

 บริเวณใกล้ ๆ กัน ก็มีบูธของ "1672" เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย ให้ร่วมสนุกกับ 3 เกมสุดมันส์ ลุ้นรับรางวัลเพียบ...ต้องไปเองว่าเกมน่าลุ้นนั้นมีอะไรบ้าง...ที่ยืนยันได้คือเล่นมาแล้วสนุกทุกเกม... นักท่องเที่ยวทุกวัย...มาเจอกันให้ได้ ในมหกรรม 1 ปีมีครั้งเดียว "เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562" 23-27 มกราคม นี้ ที่สวนลุมพินี ...อากาศดี ร่มรื่น...ไม่ต้องสวมหน้ากากก็เที่ยวได้แบบสบาย ๆ



 😗 ตลอดการเดินทางเข้าร่วมงาน "เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562" ขอความร่วมมือทุกคน ร่วมลดการใช้พลาสติก และลดการใช้ขยะ ด้วยการพกถุงผ้า แก้วน้ำ ติดตัวมาด้วย หรือจะไปร่วมเล่นเกมรับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้ตาม หมู่บ้าน 5 ภาค โดยเฉพาะหมู่บ้าน "ภาคตะวันออก" ใน 9 จังหวัด มีเรื่องราวการท่องเที่ยวเฉดใหม่ ๆ มานำเสนอวิถึชีวิตแห่งความสนุกตลอดทุกวัน


จับตา!!ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว3เดือนแรกไม่ถึง10ล้านคน

  นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 1 ม.ค.-31 มี.ค.2568 ได้แค่ 9.5 ล้านคน จับตา !! ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว 3 เดือนแรกไม่ถึง 10 ล้านคน เม.ย.นี้ร...