ทอท.หวังสร้างสถิติใหม่ปี59ฟันกำไรทะลุ2หมื่นล้าน
ฉลอง37ปีเทหน้าตักขยาย6สนามบินเฉียด2แสนล้าน
จัดCEO AIRPORT FORUMปูพรมผู้นำเวิลด์คลาสเอเชีย
เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน : คอยตามฟังรายละเอียดต่อได้ทาง “สถานีวิทยุแห่งประเทศไทย
FM 97.0 MHz. ในรายการรวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 59 นี้
เวลา 11.00 น.หรือทางเฟซบุ๊ค www.facebook.com/penroong
สร้างประวัติศาสตร์ปี59หวังกำไร2หมื่นล้าน
นิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. |
“ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ” ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “ทอท.”เปิดเผยว่า ทอท.ได้ฉลองความสำเร็จการดำเนินงานครบ 37 ปี
ซึ่งจะเป็นปีแรกของการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการทำกำไรตลอดทั้งปีใกล้เคียง 20,000
ล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรก (ตุลาคม 2558-มีนาคม
2559) ทำนิวไฮมีกำไรกว่า 10,000 ล้านบาท
ช่วงครึ่งปีหลังมีปัจจัยบวกเป็นแรงเสริมช่วงไตรมาสสุดท้าย ระหว่างสิงหาคม-ตุลาคม 2559
นี้ โดยมีปัจจัยหลัก ๆ คือ
ปัจจัยแรก “ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว” เป็นฤดูเดินทางหนาแน่นทั้งคนไทยเดินทางในประเทศและต่างชาติเข้ามาเมืองไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
วัดผลได้จากปริมาณเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารของสายการบินกลุ่มโลว์คอสต์แอร์ไลน์ส
และสายการบินนานาชาติ
ปัจจุบันถึงแม้จะเป็นช่วงนอกฤดูเดินทางระหว่างพฤษภาคม-กรกฎาคม
ยังมีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิและดอนเมืองช่วงเบาบางเฉลี่ย
1.2 แสนคน ช่วงหนาแน่น 1.7 แสนคน
อีกทั้งอัตราการเติบโตของผู้โดยสาร 6 เดือนแรกขยายเพิ่ม 12.4
% ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ 12.5 %
ปัจจัยที่สอง “เหตุการณ์วิกฤตจากความไม่ปลอดภัยในหลายพื้นที่ของโลก” ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณแล้วว่านักท่องเที่ยวตลาดใหญ่จาก
“สาธารณรัฐประชาชนจีน”
ไหลบ่ามาเลือกเที่ยวเมืองไทยเพิ่มขึ้นโดยยกเลิกการเดินทางเข้าไปยังกลุ่มประเทศดังกล่าว
ดร.นิตินัย นำทีมบริหาร ทอท.ร่วมฉลองครบรอบ 37 ปี เมื่อ 30 มิ.ย.59 ณ ประตู 5 สนามบินสุวรรณภูมิ |
ปัจจัยที่สาม “ทอท.ได้พัฒนาบริการ”
ทั้งการเพิ่มขีดความสามารถทางด้านบุคลากร มาตรฐานความปลอดภัย การนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมตั้งแต่ระบบเช็คอิน
WiFi อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง
เรื่อยไปจนถึงการตรวจหนังสือเดินทางเข้าออกสำหรับคนไทยด้วยกัน และ
เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
ปัจจัยที่สี่ “ผนึกความร่วมมือกับเครือข่ายคู่ค้าและภาคีพันธมิตร” ในการทำงานร่วมกับสายการบินผู้ใช้บริการเต็มประสิทธภิพาในทุกรูปแบบของอุตสาหกรรมการบินโลกยุคใหม่
เส้นชัยสู่“Wolrd
Class Airport”
เป้าหมายสำคัญเพื่อนำประเทศไทยเป็นผู้นำความสำเร็จครอบคลุมทั้งทางด้าน
การทำประโยชน์เพื่อสังคม การบริการ มาตรฐานความปลอดภัย นวัตกรรมบริการ
เพื่อการส่งต่อความยั่งยืนในอนาคตที่จะก้าวขึ้นเป็น “Wolrd Class Airport”
ของภูมิภาคเอเชียและของโลก ควบคู่กับการเป็นแพลตฟอร์มสำคัญทางด้านความเป็นมาตรฐานการบินศูนย์กลางเชื่อมโยงเครือข่ายแลกเปลี่ยนบริการระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศ CLMV กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา
เวียดนาม
เพิ่มขุมสมบัติ5ปีหน้า6สนามบิน
ส่วนในการวางแผนใช้เงินลงทุนครั้งประวัติศาสตร์อีก
5 ปีข้างหน้า
คณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.ได้อนุมัติเรียบร้อยแล้วในการทุ่มทุน 1.945 แสนล้านบาท ขยายขีดความสามารถแบบครบวงจรกิจการที่อยู่ในความดูแลทั้ง 6
สนามบิน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มแรก 3 สนามบินนานาชาติหลัก
จะใช้รวมกันกว่า 1.62 แสนล้านบาท ได้แก่ “สุวรรณภูมิ” ใช้ไม่ต่ำกว่า 117,470 ล้านบาท ตามมาด้วย “ดอนเมือง” ใช้เงินราว
31,870 ล้านบาท
ในการทยอยทำโครงการคู่ขนานกันทั้งเฟส 2 และ 3 ส่วน “สนามบินนานาชาติเชียงใหม่” จะใช้เงิน 12,780 ล้านบาท เดินหน้าขยายเฟสสองเต็มรูปแบบนั่นเอง
กลุ่มที่สอง
จะใช้งบพัฒนารวมกันอีกประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท พัฒนาอีก 3 สนามบินในภูมิภาค ได้แก่ “ภูเก็ต” จะใช้เงิน 12,040 ล้านบาท
ปรับปรุงทั้งอาคารผู้โดยสาร ลานจอด สิ่งอำนวยความสะดวกครบ
เตรียมพร้อมรองรับผู้โดยสารในปี 2565 ให้ได้ปีละ 18 ล้านคน สำหรับ “หาดใหญ่” จะใช้เงิน 15,000 ล้านบาท
ปรับปรุงเช่นเดียวกันกับภูเก็ต เตรียมพร้อมรองรับผู้โดยสารปี 2573 ให้ได้ถึงปีละ 10 ล้านคน ส่วน “แม่ฟ้าหลวงเชียงราย” จะใช้เงิน 5,000 ล้านบาท ขยายขีดความสามารถทำให้ในปี
2565 เป็นต้นไปจะรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 3 ล้านคน
ดร.นิตินัย ยืนยันว่า
ภารกิจการลงทุนครั้งนี้มีความท้าทายอย่างมาก
เนื่องจากจะเป็นครั้งแรกที่ใช้เงินพัฒนามูลค่าเกือบ 2 แสนล้านบาท
สูงกว่าสินทรัพย์ที่มีอยู่ทั้งหมดเพียง 1.6 แสนล้านบาท ดังนั้นในช่วงตั้งแต่นี้ไปจึงมุ่งพัฒนาการลงทุนสถานประกอบการให้มีพื้นที่รองรับอนาคตของนักเดินทางและผู้ใช้บริการ
ควบคู่กับการถ่ายโอนภารกิจจากรุ่นสู่คนยุคใหม่ที่จะเข้ามาบริหารในอีก4-5 ปี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันเต็มรูปแบบ
ธงนำรายได้ปี’63พื้นที่เชิงพาณิชย์โตเท่าตัว
ส่วนกลยุทธ์ “การหารายได้” ปัจจุบัน ทอท.มีเงินสดสำรองอยู่ในมือประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาท
และยังมีรายได้เป็นเงินสดหมุนเข้ามาเติมเข้ามาอย่างต่ำปีละ 25,000 ล้านบาท เมื่อครบ 5 ปี
บวกเงินสดตั้งต้นกับรายได้ใหม่ที่เก็บสะสมไว้ก็จะมีเงินอยู่ในกระเป๋าเกือบ 1.8
แสนล้านบาท
ใกล้เคียงกับเม็ดเงินลงทุนที่จะใช้เพิ่มศักยภาพสนามบินทั้งหมด
สำหรับ “แหล่งรายได้” ของ ทอท.ภายในปี 2563 จะเร่งปรับสัดส่วนให้ใกล้เคียงกันเป็น 50-50
โดยเฉพาะ ส่วนแรก “การเพิ่มจากธุรกิจพื้นที่ร้านค้าเชิงพาณิชย์ภายในสนามบิน”
แต่ละแห่ง (Non Aero) ปัจจุบันยังอยู่ที่ 40 % เนื่องจากในสนาบินหลักสุวรรณภูมิซึ่งมีส่วนแบ่งผู้โดยสารสูงสุดเกินกว่า 65
% ของผู้ใช้บริการรวมในแต่ละปี ปัจจุบันพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทางเดิน
จะต้องวางแผนออกแบบใช้พื้นที่ใหม่ให้คุ้มค่าในเชิงพาณิชย์
เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับสนามบินนานาชาติของประเทศอื่นอย่าง ฮ่องกง
มีพื้นที่ร้านค้าจำหน่ายสินค้าสูงเกือบที่สุด หรือสิงคโปร์ สาธารณรัฐเกาหลี
ก็เช่นกัน
ซึ่งประเทศเหล่านี้มีความเป็นมืออาชีพให้บริการแต่ละสนามบินด้วยการบริหารจัดการรายได้จากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาช้อปปิ้งที่ดีจนทำรายได้สูงถึง
10 เท่า แตกต่างจากไทยยังมีรายได้จากส่วนนี้น้อยมาก
แต่ตอนนี้สนามบินดอนเมืองจะเมื่อพัฒนาเฟส 2 และ 3 คู่ขนานกันไปจะมีพื้นที่เชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นเท่าตัว
จาก 30,000 เป็น 60,000 ตารางเมตร
หรือต่อไป ภูเก็ต เชียงใหม่ ก็จะเพิ่มพื้นที่ในลักษณะเดียวกัน
ทั้งนี้ ผู้นำ
ทอท.ยังคงมองว่าแนวทางปฏิบัติการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสนามบินยังคงใช้หลักการหารายได้ด้วยวิธีการเปิดประมูลสัมปทานคัดเลือกเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญ
ความพร้อมทั้งทางด้านการบริหารจัดการพื้นที่ ผลตอบแทน เครือข่ายการค้า
ช่องทางการจัดจำหน่าย ที่สร้างประโยชน์สูงสุดโดยไม่เป็นอุปสรรคต่อมาตรฐานความปลอดภัย
และเป็นไปตามหลักสากลการบินนานาชาติ
ส่วนที่สอง “รายได้จากการบิน” (Aero) ซึ่งจัดเก็บจากค่าบริการจากสายการบินทั้งหมดนั้นควรจะลดลงเพื่อเป็นแม่เหล็กสร้างแรงจูงใจเพิ่มจำนวนและเครือข่ายเส้นทางบินเพื่อทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมการบินภูมิภาคเอเชียอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ทอท.ยังมีการทำความร่วมมือในโครงการ “สนามบินพี่น้อง-Sister
Airport” กับ15 สนามบินนานาชาติ อาทิ ออสติน มิวนิค (เยอรมัน)
ญี่ปุ่น และระยะหลังหันเน้นในอาเซียนแถบ CLMV ซึ่งทาง
ทอท.จะช่วยทางภูมิภาคเติบโตไปพร้อม ๆ กัน โดยเฉพาะเออีซีทางด้านเหนือ
อันจะเป็นโอกาสของ ทอท.ที่จะเติบโตเป็น Global Positioning และ
เป็นปีแรกที่ ทอท.เป็นเจ้าภาพจัด CEO Airport Forum ระหว่างวันที่
6-8 กรกฏาคม 2559 ขึ้นในประเทศไทย
โดยเชิญกลุ่มเพื่อนบ้านมาร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
ในหัวข้อ Collabolation : Global Mega Trends เตรียมก้าวไปข้างหน้ากับโลกที่ก้าวเข้าสู่นวัตกรรมใหม่หรือInnovation
หรือยุคแห่งสังคมผู้สูงวัยในการเดินทาง (Senior Society)
6-8เดือนนี้เที่ยวบินทะลุ5แสนผู้โดยสารพุ่ง81ล้านคน
สำหรับผลการดำเนินงานของ ทอท. ครึ่งแรกปีงบประมาณ
2559 ระหว่างตุลาคม 2558-มีนาคม
2559 มีรายได้รวม 25,813 ล้านบาท มีกำไร 10,156 ล้านบาท รายได้มาจาก 2 ส่วน คือ ส่วนที่
1 รายได้จากการขายหรือการให้บริการ
25,188 ล้านบาท ส่วนที่ 2 รายได้อื่น ๆ 625.06 ล้านบาท มีค่าใช้จ่าย 13,075.84 ล้านบาท
และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 2,581.64 ล้านบาท
ตลอด 8 เดือน ระหว่าง ตุลาคม 2558-พฤษภาคม
2559 มี “ปริมาณจราจรทางอากาศหรือเที่ยวบิน” ขึ้นลง ณ สนามบินนานาชาติทั้ง 6 แห่ง 519,157 เที่ยว เพิ่มขึ้น 10.11 % แบ่งเป็น “เที่ยวบินระหว่างประเทศ” 269,131 เที่ยว
จำนวนเที่ยวบินของสายการบินโลว์คอสต์ไทยและจีนบินระหว่างประเทศเพิ่มมากเป็นอันดับต้น
ๆ เข้าออกดอนเมืองและเชียงใหม่ ขณะที่ “เที่ยวบินภายในประเทศ” มีจำนวน 250,026 เที่ยว
สำหรับ “จำนวนผู้โดยสาร”
มีรวมทั้งสิ้น 81,124,861 ล้านคน เพิ่มขึ้น 12.43
% แบ่งเป็น “ผู้โดยสารระหว่างประเทศ” 46,145,099 คน “ผู้โดยสารในประเทศ” 34,979,762 คน
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน : คอลัมนิสต์-นักเขียนอิสระ |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น