เมืองชายหาดแห่ขายวันธรรมดาภาคกลางออนไลน์
อโกด้าดึงแอร์ไลน์เปิดแม็กซ์พอยต์จองรร.เพิ่มแต้ม
โอท็อปขยายร้านขายในคิงเพาเวอร์-4สนามบิน
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่19 มิถุนายน 2559 เวลา 11.00-12.00 น.พบกันทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย” FM 97.0 MHz.ในรายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” รู้ทันข่าวและสารคดีท่องเที่ยวอัพเดททุกสถานการณ์
ช่วงแรกเวลา 11.15 น.
พิพัฒน์ ลีเกษม (ซ้ายสุด) รองผู้อำนวยการตลาดโรงแรมเว็บไซต์อโกด้า |
“คุณพิพัฒน์ ลีเกษม” รองผู้อำนวยการการตลาดโรงแรมอโกด้า
เว็บไซต์เวิลด์ไวด์ยอดนิยมเบอร์หนึ่งของเมืองไทยและทั่วโลก มีเรื่องราวโครงการ “วันธรรมดาซูเปอร์น่าเที่ยว @ภาคกลาง ออนไลน์” ที่อโกด้าไประดมโรงแรมหลายร้อยแห่ง
มากมายเข้ามาร่วมคืนกำไรนักท่องเที่ยวทั่วภาคกลาง 19 จังหวัด ลดราคาห้องพักกว่า 50 % พื้นที่มาแรงคือ “โรงแรมติดชายหาด” ทั้งหัวหิน ปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์
เพชรบุรี ซึ่งเปิดให้เข้าไปใช้บริการจองผ่าน www.agoda.com ทั้งนักท่องเที่ยวคนไทยซึ่งตอนนี้มีกว่า
80 % และนานาชาติอีกราว 20 % สนใจเดินทางไปพักวันธรรมดา
จันทร์-พฤหัสบดี กับแคมเปญนี้ตั้งแต่วันนี้-31 สิงหาคม 2559
อีกทั้งยังมีนวัตกรรมใหม่ ๆ
ที่เว็บอโกด้านำมาให้บริการเพื่อความสะดวก รวดเร็ว
นักท่องเที่ยวได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่านั้นคือ “Max Point” ซึ่งทางอโกด้าจับมือกับสายการบินต่าง ๆ
อย่างน้อย 6
สายการบินชั้นนำของเมืองไทย
เปิดให้สมาชิกผู้ถือบัตรสะสมสมไมล์จองห้องพักทางเว็บนี้
รับไปเลยคะแนนหรือไมล์สะสมเพิ่มอีกเท่าทวีคุณ
เรียกได้ว่าตลอด 3 เดือนนี้
การออกมาเที่ยววันธรรมดาในภาคกลาง นอกจากจะสร้างความสุขให้กับทุกคน
ได้การกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจชุมชนแล้ว
ยังได้สิทธิประโยชน์คุ้มค่าเหนือว่าวันหยุดทั่วไป
แล้วมาฟังความเคลื่อนไหวนแวดวงท่องเที่ยวกับข่าว
7 อรรสรถ
ข่าวที่
1 “ดิวตี้ฟรี-สนามบินรุกขายสินค้าโอทอป”
คิงเพาเวอร์ และ ทอท.เปิดพื้นที่ให้SMEsนำสินค้าโอท็อปวางขายในสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ |
“วิชัย ศรีวัฒนประภา” ประธานกรรมการกลุ่ม บริษัท คิง
เพาเวอร์ เปิดเผยว่า
ขณะนี้ได้เร่งจัดทำโครงสร้างฝ่ายพัฒนาสินค้าโอท็อปแบรนด์คนไทยให้มีมาตรฐานสากลทั้งทางด้านคุณภาพและปริมาณการผลิตที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศ
โดยพร้อมจะขยายพื้นที่นำมาวางจำหน่ายในร้านค้าปลอดอากรของคิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรีสาขาสนามบินนานาชาติ 3 แห่ง สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต หาดใหญ่ และ ดิวตี้ฟรีในเมืองขณะนี้มี 4
แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ ซอยรางน้ำ กับศรีวารี คอมเพล็กซ์
ต่างจังหวัดที่ พัทยา (ใกล้สนามบินอู่ตะเภา) ภูเก็ต
รวมทั้งวางแผนอนาคตหลังเข้าซื้อหุ้นใหญ่ในไทย
แอร์เอเชีย ก็ขยายช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าไทยบนสายการบินดังกล่าวด้วย
ผนวกกับการคัดเลือกสินค้ามาไว้ใน www.kingpoweronline.com เพื่อให้นักท่องเที่ยวจองหรือสั่งซื้อล่วงหน้าได้ทั่วโลก
ขณะที่ น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กว่าว่า ได้เจรจาบริษัทการท่าอากาศยานไทย (ทอท.)
เพื่อขอพื้นที่ภายในสนามบินที่วางขายสินค้าโอทอปเบื้องต้น
ทอท.จะตอบรับให้ใช้พื้นที่สนามบินเชียงใหม่ และภูเก็ต ต่อจากปัจจุบันมี 2 สนามบินซึ่งทางบริษัทคิง เพาเวอร์
ให้ซื้อขาดสินค้าเอสเอ็มอีและสินค้าโอท็อปพร้อมจัดพื้นที่ให้สินค้าโอท็อปและสินค้าเอสเอ็มอีแล้วที่สุวรรณภูมิ
ส่วนสนามบินดอนเมืองกำลังปรับปรุงพื้นที่ เพื่อเปิดขายเร็วๆ นี้
สำหรับสินค้าโอท็อปที่กระทรวงพาณิชย์ดูแล ยอดขายล่าสุด ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 60.50 ล้านบาท ได้แก่
สินค้ากลุ่มเสื้อผ้าสำเร็จรูป 41% ขายได้ 26 ล้านบาท กลุ่มอาหารท้องถิ่น 20% มูลค่า 12 ล้านบาท ผ้าไหมไทย 7% มูลค่า 4.3 ล้านบาท กลุ่มสินค้าสปา 4% มูลค่า 2.4 ล้านบาท กลุ่มงานศิลปะ 4.2 ล้านบาท กลุ่มยา 9% มูลค่า 5.6 ล้านบาท กลุ่มของที่ระลึกท้องถิ่น 4% มูลค่า 2.5 ล้านบาท งานหัตถกรรม 5% มูลค่า 3.0 ล้านบาท
กลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์และไวน์ 4% มูลค่า 2.8 ล้านบาท โดยมีจำนวนผู้ขายและผลิตภัณฑ์โอท็อป 151
กลุ่ม 743 ผลิตภัณฑ์
ข่าวที่ 2 “รร.อยุธยาขายออนไลน์ชิงเค้กทัวร์วันเศรษฐกิจ”
อิสรระพงษ์ แทนศิริ ผอ.ททท.พระนครศรีอยุธยา |
“อิสสระพงษ์ แทนศิริ” ผู้อำนวยการ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพระนครศรีอยุธยา
ได้รณรงค์ให้โรงแรมในพื้นที่เข้าร่วมโครงการวันธรรมดา Super น่าเที่ยว
Only@ภาค กลาง กับwww.agoda.co.th/TAT วันนี้ถึง 31 ส.ค.นี้ ตั้งเป้าจำนวนจองห้องพักตลอดแคมเปญต้องไม่น้อยกว่า 2,000 ห้อง
โดยทางอยุธยาแนะนำสถานที่ยอดนิยมทางวัฒนธรรม
อุทยานประวัติศาสตร์ ซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนิยมมาเช่าจักรยานปั่นชมอุทยานประวัติศาสตร์
ทั้งกลางวัน และกลางคืนที่มีแสงไฟตามโบราณสถานต่างๆ ที่ได้รับความสนใจมากที่สุด
ส่วนใหญ่จะเป็นวัดวาอาราม เพราะผู้คนจะนิยมมาไหว้พระสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
รวมถึงชมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น พระราชวังบางปะอิน
แต่สิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวมาแล้วจะต้องไม่พลาด คือ วิหารหลวงพ่อมงคลบพิตร
และหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง
ซึ่งทั้งสองวัดเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านใกล้เคียง และนักท่องเที่ยว
ข่าวที่
3 “ทรีตเมนท์ฟรีกับบางจาก”
บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ให้สิทธิ์ “สมาชิกบัตรบางจาก” เลือกรับบริการฟรี 1
ทรีตเม้นต์ ได้ที่ “มิส คลินีก” ด้วยการคืนกำไรวันนี้-30 มิ.ย. 2559 ในโปรแกรมทรีตเมนต์ Meso Fat 1
บริเวณ , Botox 20 Unit, IPL หน้าใส, Aura-Express, RF , Supersonic ,Q-switch ฝ้า กระ ,Mask
Gold และ กำจัดขนรักแร้
เพียงแค่แสดงบัตรสมาชิกบางจากแก๊สโซฮอล์คลับ หรือ ดีเซลคลับ 1 สมาชิก สอบถามและจองคิว โทร.092-983-1969 , 096-334-9099 ,02-662-6333 สามารถเข้าไปดูก่อนได้ในเว็ปไซต์ : www.msclinicthailand.com
ข่าวที่ 4 “ททท.-เอกชน”ปลื้มรายได้ครึ่งปีแรกพุ่ง1.24ล้านล้านบาท
ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. |
“ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยว รวม 1.24 ล้านล้านบาท
โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยประมาณ 16.67 ล้านคน เพิ่ม 13 % สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว
8.24 แสนล้านบาท เพิ่ม 17 %
ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศประมาณ 75
ล้านคน/ครั้ง เพิ่ม 4 %สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว
4.16 แสนล้านบาท เพิ่ม 6 %
คาดการณ์ไตรมาส 3 (เม.ย.-มิ.ย.59) ไทยจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 6.35 แสนล้านบาท
เพิ่ม 14 %จากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 4.23 แสนล้านบาท
เพิ่ม 18%
ตลาดจีนยังคงเป็นอันดับ 1 จะเข้ามา 2.73 ล้านคน เพิ่ม 28%
สร้างรายได้สูงสุด 1.46 แสนล้านบาท เพิ่ม 32%
ส่วนคนไทยจะเดินทาง 36 ล้านคน เพิ่ม4% สร้างรายได้มูลค่า 2.12 แสนล้านบาท
เพิ่ม6%
“ศุภวรรณ
ถนอมเกียรติภูมิ” นายกสมาคมโรงแรมไทย เสริมว่า
ตลอดปีนี้อัตราการเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยของดีมาก ไตรมาส 3 จะมีสูงถึง 80-85 % เช่นเดียวกับไตรมาสแรกทำได้ 80-85% ไตรมาส 2 เฉลี่ย 70-75% ภาพรวมได้รับผลดีจากปัจจัยบวกมีตลาดการประชุมและจัดนิทรรศการเข้ามาสนับสนุนไตรมาส
3 นั่นเอง
ข่าวที่ 5 “ชงปฏิรูปTCEBใหม่9ภารกิจ”
อรรพพล สรสุชาติ จัดประชุมร่วมภาครัฐและเอกชน เมื่อ 17 มิ.ย.59 ณ เชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท |
อรรคพล สรสุชาติ
ประธานอนุกรรมการประสานงานภาครัฐเพื่อการอำนวยความสะดวกทางด้านการค้าและบริการอุตสาหกรรมไมซ์
เปิดเผยว่า ได้เปิดเวทีระดมสมองโครงการเดินหน้า “ MICE : NEW
CHAPTER : บริบทใหม่อุตสาหกรรมไมซ์”
เพื่อร่วมมือกันหาทางออกของปัญหาและลดอุปสรรคในอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศให้หมดไป
ทำให้เกิดโลจิสติกส์ไมซ์ที่เป็นรูปธรรม
เบื้องต้นได้เสนอหน่วยงานภาครัฐและเอกชนสะท้อนความคิดเห็นร่วมกันผลักดันให้ “สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. หรือ TCEB ปรับบทบาทใหม่ให้สอดคล้องกับอนาคต 9 เรื่องหลัก ดังนี้
1.การกำหนดพื้นที่เฉพาะ
: Special Zone พื้นที่จำเพาะของการจัดงาน
ทั้งเรื่องคนและสิ่งของ ในภาคอุตสาหกรรมไมซ์ จะต้องกำหนดกติกา เกณฑ์
ขั้นตอนการปฎิบัติ ให้ชัดเจน
2.สสปน.มีอำนาจในการรับรอง
(Endorsement) งานประชุมและจัดแสดงสินค้าเพื่อพิจารณาขอรับสิทธิพิเศษต่าง
ๆ
3.สสปน.การจัดทำคู่มือ (manaul)
เกี่ยวกับการนำเข้าสิ่งของมาใช้ในการประชุมและแสดงสินค้า เช่น กฎ
ระเบียบ และ ขั้นตอนการนำเข้า การขอใบอนุญาต ระยะเวลายื่นเอกชน
นำประเทศก้าวไปสู่การมีคู่มือปฏิบัติในระดับสากล
เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันที่แข็งแกร่งในเวทีการค้าโลก
4.กำหนดวัตถุประสงค์ของการนำเข้าของสิ่งของให้มีความชัดเจนว่าจะนำเข้ามาเพื่อใช้ในงานประชุมและงานแสดงสินค้า หรือเพื่อจำหน่าย
ลดขั้นตอน และ ระยะเวลา
5.สสปน.จัดระดับความน่าเชื่อถือของกลุ่มผู้ประกอบการด้านไมซ์
โดยแบ่งเระดับเป็น Premuim , Gold, Silver Class
6.สสปน.พัฒนาความรู้
ความเข้าใจ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมไมซ์ ให้บุคลากรภาครัฐ และการจัดหลักสูตร
เพื่อฝึกอบรมด้านไมซ์โลจิสติกส์แก่บุคลากรภาคเอกชน
7.จัดระบบการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับกฎ ระเบียบ ขั้นตอน และ
การขอใบอนุญาต สำหรับการนำเข้าสินค้าเพื่ออุตสาหกรรมไมซ์ โดยเชื่อมโยงกับระบบสารสนเทศระหว่างหน่วยงานเกี่ยวข้อง
โดยจะต้องพิจารณาให้ต้องมีข้อมูลรวมศูนย์เป็น One Stop Service
8.การจัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่าง
สสปน.และหน่วยงานเกี่ยวข้อง เช่น
สำนักงาน กสทช. เพื่อปรับปรุงแก้ไขขั้นตอนและแนวทางปฎิบัติ เพื่ออำนวยความสะดวกและการนำเข้าเครื่องวิทยุคมนาคม
และอุปกรณ์ เพื่อใช้แสดงสาธิตในงานแสดงสินค้าและนิทรรศการนานาชาติ
9.สสปน.ควรเป็นผู้ประสานงานในการจัดกิจกรรมหรือการประชุมนั้น
ๆ และแจ้งให้กระทรวงการต่างประเทศทราบอย่างเป็นทางการล่วงหน้าอย่างน้อย
1 เดือน
เนื่องจากเกี่ยวข้องกับประเภทวีซ่าของผู้เดินทางจะต้องแยกให้ชัดเจนว่าเป็น Tourist,
Exhibitor หรืออื่น ๆ
ข่าวที่
6 “ทอท.เร่งเบิกจ่ายงบขยาย4สนามบิน”
นิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.กล่าวว่า
จะเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณขยายสนามบินปี 2559 วงเงิน 3,400
ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการพัฒนาสุวรรณภูมิระยะ 2
จะเริ่มก่อสร้าง15 ส.ค. 2559
วงเงินจำนวนราว 1,500 ล้านบาท
และโครงการชดเชยผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินงานสุวรรณภูมิและภูเก็ต รวมเงินราว 1,900
ล้านบาท โดยโครงการชดเชยผลกระทบด้านเสียงดังกล่าว
จะเร่งเบิกจ่ายได้ทันทีเมื่อคณะรัฐมนตรี เห็นชอบงบประมาณเพิ่มเติมปี 2559
ภายในปี 2559 เตรียมเสนอบอร์ดพิจารณาแผนแม่บทโครงการสนามบินภูเก็ต, แม่ฟ้าหลวง เชียงรายและท่าอากาศยานหาดใหญ่ เบื้องต้นคาดจะใช้วงเงินไม่ต่ำกว่า 32,000 ล้านบาท
ข่าวที่
7 “รอมฎอนบินและกินเมนูพิเศษ”
“ไทย แอร์เอเชีย”
เปิดสิทธิพิเศษโปรแกรมจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าด้วยแคมเปญ “แบ่งปันความสุขในเทศกาลฮารีรายอไปกับเรา” เมื่อเข้าไปสำรองที่นั่งใน www.airasia.com วันนี้-10ก.ค. 2559 เพื่อนำไปใช้บินวันนี้ - 31 ส.ค. นี้
ตลอดเดือนรอมฎอนอันศักดิสิทธิ์ของชาวมุสลิม
ไทยแอร์เอเชียได้จัดเที่ยวบินโดยมี “เมนูอาหาร” รสชาติที่คุ้นลิ้น ได้แก่ ข้าวเลอมังกับแกงเรินดังเนื้อ เมนูพิเศษ เสิร์ฟคู่กับแกงเนื้อเรินดังกลิ่นหอมที่ปรุงอย่างละเอียดจนได้รสชาติที่สมบูรณ์แบบ
และค่าใช้จ่ายในการสั่งอาหารล่วงหน้าทุกเมนูจะถูกบริจาคเป็นค่าอาหารให้แก่ผู้ยากไร้และผู้โดยสารจะได้รับ
BIG Points ถึง 60 คะแนน
ช่วงที่ 2 เวลา 11.45 น.ออกไปเรียนรู้วิถีชีวิตที่มีความสุข
การดูแลสุขภาพ และ รับฟังข่าวดี ๆ
@เลาะริมโขงที่
“เชียงของ”2แผ่นดิน
การเดินทางสู่ประตูใหม่อินโดจีน ทางด้านทิศจะวันออกเฉียงเหนือของ “จังหวัดเชียงราย” เปิดรับนักท่องเที่ยวที่ผ่านเข้าออก “สะพานมิตรภาพไทย-ลาว” แห่งที่ 4 จากอำเภอ “เชียงของ” เชียงรายของไทย ข้ามพรมแดนลำน้ำโขงไปยัง “แขวงบ่อแก้ว” สปป.ลาว เชื่อมต่อกับเส้นทางถนน R3A
ที่พร้อมจะนำนักเดินทางท่องธรรมชาติวิถีชีวิตชาวเขาเที่ยวไปได้ถึงแผ่นดินจีนตอนใต้
เมืองริมโขงอย่างเชียงของ
มีสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ทางวัฒนธรรมให้เลือกชมคือ “เฮือนคำแพง” หรือเรียกว่า “ข่วงวัฒนธรรมไทลื้อ” เปิดให้ชมฟรี ที่พักโฮมสเตย์ และ
รับจัดขันโตกและการแสดงศิลปวัฒนธรรม ลักษณะบ้านแบบไทลื้อโบราณเป็นของ คุณเกษม-อำพร
อะทะวงษา มีเอกลักษณ์โดดเด่นของภูมิปัญญาดั้งเดิม คือ บ้านยกเสา
นำเสามาวางบนหินไม่ฝังดิน สะดวกแก่การถอนย้ายและป้องกันมอดปลวกแมลง
ชั้นบนของบ้านจัดแสดงเสื้อผ้าและเครื่องใช้ชาวไทลื้อ
ในบริเวณไม่ไกลกันก็มี “บ้านไทลื้อ 100 ปี” หรือ ไทเฮือนเอื้อยคำ เปิดให้ชมฟรีเช่นกัน หรือจะเป็น “พิพิธภัณฑ์ลื้อลายคำ” โดนใจผู้ที่นิยมผ้าทอโบราณของ “ครูซ้อ” ชาวไทลื้อ จัดแสดงด้วยการจำลองชีวิตไทลื้อดั้งเดิมมาไว้ให้ชม
และยังรับจัดอาหารกลางวัน ขันโตก ด้วย ค่าเข้าชมคนละ 50 บาท โทร.0-8938-5724
ส่วนวัดศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ที่สุดในเชียงของควรแวะสักการะคือ “วัดศรีบุญยืน” หรือ วัดพระแก้วนั่นเอง
มีตำนานกล่าวไว้ว่าในสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโน้นมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ไลหทะลุไปหากันระหว่างวัดแก้วกับวัดหลวง
ภายในวัดปัจจุบันมีพระธาตุเจดีย์สมัยพุทธกาล
สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระเกศของพระพุทธเจ้า
ต่อด้วย “วัดหลวงไชยสถาน”
เป็นตำนานสอดคล้องกับวัดพระแก้ว “วัดศรีดอนไชย” เดิมชื่อ “วัดตุงคำ” มีพระคู่บ้านคู่เมืองเชียงของประดิษฐานอยู่คือ “หลวงพ่อเพชร”
สามารถชมวิวแบบชีลและฟินได้ที่ “หาดไคร้” บริเวณหน้าวัดหาดไคร้
เคยเป็นแหล่งจับปลาบึกแห่งแรกของโลก
ปัจจุบันพัฒนาเป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงไปเรียบร้อยแล้ว
หากต้องการสัมผัสสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ข้ามแม่น้ำโขง
เชียงของ-ห้วยทราย อย่างใกล้ชิด รอยเชื่อมต่อ 2 ประเทศ ตรงบ้านดอนมหาวัน อำเภอเชียงของ
กับ บ้านดอน เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ระยะทางยาว 2.48
กม.แบ่งเป็น 2 เลน แต่ละเลนความกว้าง 3.5 เมตร เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวใต้สะพาน
เมื่อไปถึงเชียงของ นักท่องเที่ยวสามารถ “ล่องเรือสองฝั่งโขง” ช่วงเวลาสวยที่สุดคือ ปลายฝนต้นหนาว
ตลอดทางจะเห็นชีวิตชาวบ้านริมโขง ค่าเรือข้ามฟากคนละ 40 บาท
ถ้าเช่าเหมาลำก็มีราคาต่างกันเริ่มจาก 600-800 บาท
“ถนนคนเดินกาดเวียงแก้วไนท์
บริเวณบ้านเวียงแก้ว ปกติจะจัดทุกวันเสาร์ หรือ จะไปตักบาตรริมน้ำโขงตอน 7
โมงเช้าก็ได้เช่นกัน
แวะช้อปปิ้ง “ผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน”
โอท็อปขึ้นชื่อคือ “ผ้าลายน้ำไหล” ทอมือของชาวไทลื้อ หาซื้อได้แถบถนนสายกลาง
บ้านหาดบ้าย ตำบลริมโขง หรือจะเป็นงานฝีมืออย่าง ผ้าทอ กำไล กระเป๋า บ้านศรีดอนชัย
ก็เลื่องชื่อพอ ๆ กัน
หากจะชมงานประเพณีประจำปีที่จัดสืบต่อกันมายาวนาน ในเดือนเมษายนของทุกปีจะมีพิธี “บวงสรวงและจับปลาบึก
วัดหาดไคร้” เดือนพฤศจิกายน จะมีงานบุญ “จุลกฐิน
ถิ่นไทลื้อ วัดศรีดอนชัย”
สอบถามการท่องเที่ยว “เลาะริมโขงที่เชียงของ” เพิ่มเติมได้ที่เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย 1672
มีข่าวดี ๆ
ที่น่าสนใจมาฝากช่วงท้ายรายการ
ข่าวแรก
“ดุสิตเปิดคอสร์สอนเชฟรุ่นใหม่”
แผนกอาหารไทย โรงเรียนดุสิตธานีการโรงแรม
ประกาศรับรับสมัครนักเรียนรุ่นที่ 5 สำหรับภาควันธรรมดา จะเปิดเรียนวันจันทร์ที่ 4 ก.ค. นี้เป็นต้นไป เมื่อสมัครแล้วนักเรียนจะได้เรียนทำอาหารคาว
30 อย่าง และของหวาน 15 อย่างภายใน 60 ชั่วโมง รวมหลักสูตรอื่นๆ
อาทิการแกะสลักผักและผลไม้เพื่อตกแต่งจาน การบริหารจัดการห้องอาหารไทย
และครัวไทย เมื่อจบแล้ว
นักเรียนจะได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพ รับรองโดยกระทรวงศึกษาธิการ
สามารถไปประกอบอาชีพเชฟอาหารไทย และเปิดร้านอาหารไทยได้
วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน 2559 เวลา 14.00น จะ “เปิดเรือนเยือนครัวไทย” ครั้งที่ 5 ที่โรงเรียน สถานีรถไฟฟ้า “สยาม” โดยมาสเตอร์เชฟเอจะสาธิตทำของว่างแบบไทยๆ
คือ "ม้าฮ่อ" กับ "ขนมปั้นสิบ"
ให้ผู้ชื่นชมอาหารไทยได้รับชมและชิม โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สอบถาม คุณภรัณยู โทร. 081 805 0581
ข่าวที่สอง
“ญี่ปุ่นบุกจัดมหกรรมขายชิงทัวร์ไทย”
“ฮิซาโอะ คิคูจิ” ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ การท่องเที่ยวจังหวัดอาคิตะ ประจำประเทศไทย
กล่าวว่าระหว่าง 25-26 มิ.ย.นี้ จะจัดงาน AKITA FESTIVAL ที่ เดอะพาซิโอ
พาร์ค กาญจนาภิเษก
มีผู้ว่าราชการจังหวัดอาคิตะ และเอกชนเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวรวม 60 คน มาร่วมงานพร้อมให้ข้อมูลกับบริษัทท่องเที่ยวไทยกว่า 50-60 บริษัท การบุกมาจัดงานในไทยเพราะตั้งเป้าภายใน
3 ปีหน้าจะมีคนไทยเดไปเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 10,000 คน โดยกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวอิสระ
สำหรับการเดินทางลงสนามบินฮาเนดะ โตเกียว เพื่อต่อเครื่องบินภายในประเทศไปลงสนามบินฮิตามิ
เพื่อเข้าสู่อาคิตะ หรือนั่งรถไฟความเร็วสูงชินคันเซน 3
ชั่วโมงก็ได้
ปัจจุบันราคาตั๋วโดยสารและแพกเกจการไปเที่ยวญี่ปุ่นลดลงมาเกือบ
60 % จากในอดีตการไปเที่ยว
5 วัน 3 คืน ไม่ต่ำกว่า 40,000 บาท ปัจจุบันลงมาเหลือประมาณ 14,000-20,000 บาทเท่านั้น
รวมทั้งการเปิดให้คนไทยเข้าญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องทำวีซ่า
พบกับสาระข่าวดี ๆ
ได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.
ดำเนินรายการโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
และ นฤมล พุกยม
ติดตามฟังรายการย้อนหลังเข้าไปที่ www.google.com พิมพ์คำว่า รวยด้วยข่าว97.0 หรือทาง www.facebook.com/rauydauykhao และ
ข่าววิเคราะห์เจาะลึกทางบล็อกเกอร์ :gurutourza.blogspot.com
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรายการ
ขอให้พักผ่อนอย่างมีความสุขตลอดวันหยุด
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน เจ้าของและผู้ดำเนินรายการ "รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์" สวท.FM 97.0 MHz |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น