สนง.ทรัพย์สินฯเปิดตำนานอาคารเก่าเล่าเรื่อง
เกาะรัตนโกสินทร์-รอบพระบรมมหาราชวัง
ห้ามพลาดชมศูนย์พัฒนาฯดอยผาตั้งเชียงราย
ท่องเที่ยวเลื่อน-ยกเลิก-จัดงานปกติสิ้นปี59
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม 2559 เวลา 11.00-12.00 น.พบกันทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย” FM 97.0 MHz.ในรายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” รู้ทันข่าวและสารคดีท่องเที่ยวอัพเดททุกสถานการณ์
ช่วงแรกเวลา 11.15 น.
“คุณกำพล เอกพันธ์”
หัวหน้ากองอาวุโสกองโครงการอนุรักษ์ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการถึง “อาคารเก่าเรื่อง”
รอบเกาะรัตนโกสินทร์และบริเวณรอบพระบรมมหาราชวัง เริ่มต้นจากการทำหนังสือเล่มใหม่ “อนุรักษณียาคาร” พูดถึงเกี่ยวกับตึกแถว
หน้าพระลาน ท่าช้าง ท่าเตียน โดยอาจารย์ยงธนิศร์ พิมลเสถียร
ที่ปรึกษาฝ่ายบริหารงานอนุรักษ์ รองศาสตราจารย์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เขียนไว้ค่อนข้างครบถ้วน
ทางคุณกำพลจึงจะขอเล่าในส่วนที่จำได้และคุ้นเคยกับการทำงาน
ซึ่งอาจจะไม่ละเอียดเท่าข้อมูลในหนังสือที่อาจารย์ยงธนิศร์รวบรวมไว้
คุณกำพลเริ่มต้นเล่าเรื่องว่า อาคารเก่าทั้ง 3 แห่ง จากหน้าพระลาน ท่าช้าง ถึง ท่าเตียน
เป็นตึกแถวที่มีจุดเริ่มในสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์ทรงโปรดให้มีการวางผังเมืองยุคแรก ๆ
ทำให้เมืองใหม่มีระเบียบเรียบร้อย รวมถึงผสมผสานการเป็น “ย่านการค้า” กับ
“ที่อยู่อาศัย” ไปพร้อม ๆ กันด้วย
ตึกแถวทั้ง 3 แห่ง
ทั้งหน้าพระลาน ท่าช้าง ท่าเตียน สร้างขึ้นในยุคไล่เลี่ยกันเมื่อปี พ.ศ.2450-2452-2453
เริ่มจากตึกแถว “หน้าพระลาน”
พระองค์ทรงให้สร้างขึ้นเพื่อรองรับการค้าหรือคนที่จะมาเข้าเฝ้าแวะพักรอหน้าวัง อาคารที่สร้างจึงอยู่ใกล้กับหน้าวังด้วย
ส่วนต่อมาที่ขยายออกไปคือ “ท่าช้าง” อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา เดิมเป็นวังเก่าของเจ้านายซึ่งได้ปรับปรุงพัฒนาขึ้นมา
แล้วการค้าเดิมใช้เรือพาย ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 มีระบบการขนส่งเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการอยู่บ้านบนเรือนแพก็ไม่เหมาะกับยุคสมัย
พระองค์ท่านจึงดำริให้สร้างตึกแถวขึ้นมาหลายตึกทีเดียว
รวมทั้งตึกท่าช้างต่อจากหน้าพระลาน เพื่อรองรับการค้าที่อยู่ติดถนน
อิทธิพลของสถาปัตยกรรมการก่อสร้างอาคารก็จะมาจากยุโรป รวมทั้ง “ท่าเตียน”
ความจริงเป็นตลาดน้ำที่มีทั้งของสด ของคาว
เพราะเป็นบริเวณขึ้นสินค้าทางน้ำและเป็นชุมชนมาก่อน ข้าวของค่อนข้างรก
พระองค์ทรงให้ปรับอย่างเป็นระเบียบมากขึ้น ทางสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ได้มาพบเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมอีกภายในหลังเมื่อครั้งสมัยรัชกาลที่ 7 ทรงดำริว่า
“ตลาดท่าเตียน” แห่งนี้รกตาฉันเหลือเกินจะทำอย่างไรจึงจะเป็นระเบีบบมากขึ้น
จึงได้ทำส่วนขยายจากยุครัชกาลที่ 5 มาสู่รัชกาลที่
7 ทั้งหลายทั้งปวงของ อาคารเก่าทั้ง 3 แห่ง
หน้าพระลาน ท่าช้าง ท่าเตียน ปรับปรุงแต่ละสมัยก็เพื่อ 1.ทำให้บ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย
2.ประโยชน์ทางการค้า 3.ชุมชนที่อยู่รอบพระนครยังเอื้อประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตที่ดีของชุมชนโดยรอบด้วย
ร่องรอยความเจริญที่พบเห็นมีความแตกต่างกันแต่ละยุค จากการศึกษาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ทั้ง
3 แห่ง นั้น แต่เดิมทำอะไรมาบ้าง โดยพบว่า
“ผู้เช่า” ตระกูลต่างๆ สืบทอดกันมานานกว่า 80 ปี และธุรกิจที่ทำต่อกันมา ก็ได้เห็นว่าเคยทำอะไรมาบ้าง
เช่น “ท่าช้าง” ห้างหลักทำร้านไฟฟ้าอยู่หัวมุม ร้านค้าย่อย
ร้านของชำ ร้านยา ร้านหนังสือ ส่วน “ท่าเตียน” เป็นโซนของแห้งร้านค้าส่งจำนวนมาก
พวกลูกเต๋า ร้านยา ปลาเค็มปลาแห้ง
อาคารเก่าดังกล่าวได้ทำให้เห็นร่องรอยทางการค้าที่มีความหลากหลาย
สะท้อนถึงความรุ่งเรืองในอดีต โดยเฉพาะตึกแถวในบริเวณแต่ละแห่งจะมีไฮไลต์เป็น “ร้านอาหารขึ้นชื่อ”
อยู่ด้วย ปัจจุบันยังพอหลงเหลืออยู่บ้าง ทางเราอยากให้เขากลับมาแต่เขาทำไม่ไหว
ตัวอย่าง ร้านหน้าพระลาน “ร้านมิ่งหลี” ยังมีอยู่ในปัจจุบัน ขณะที่ร้านคู่แข่งรุ่นเดิมขายอาหารของครอบครัวซึ่งมาจากเมืองจีน
ทายาทรุ่นหลังมาเปลี่ยนเป็น “ร้านขายของที่ระลึกนักท่องเที่ยว”
สำหรับ “ท่าช้าง” ก็ยังมีร้านเก่า ๆ
ยังไม่ได้กลับไปทำเพราะส่งคืนได้เพียงปีเศษ จึงยังไม่ได้เข้าไปทำ
เพราะเอกลักษณ์ของตึกแถวพอปรับปรุงรุ่นพ่อแม่ก็ส่งให้รุ่นลูกแล้วสืบต่อกิจการ
ซึ่งลูกหลานอาจจะเปลี่ยนตามมุมมองใหม่ในด้านการค้าขาย โดยได้เปลี่ยนทั้งอาชีพ
ธุรกิจ และสินค้า เช่นร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา ก็เปลี่ยนดีไซน์เป็นร้านกาแฟชื่อ “ร้านปาลิโอ”
เช่นเดียวกับ “ท่าเตียน” ร้านไข่เค็ม ปลาเค็ม ปลาแห้ง จัดระเบียบสวยขึ้น
ร้านลูกเต๋าก็เปลี่ยนเป็นร้านอาหารแทน เพราะพอทางสำนักงานทรัพย์สินปรับปรุงแล้วส่งคืนให้รุ่นพ่อแม่เดิมก็ไม่ทำแล้ว
แต่นำไปให้รุ่นลูกทำต่อเพราะสูงวัยเหนื่อยทำไม่ไหวต้องการไปพัก ทางลูก ๆ ส่วนใหญ่ก็นำไปทำเป็น
“ร้านอาหาร” ร้านเล็ก ๆ น่ารัก จำนวนมาก ขายนักท่องเที่ยวที่ออกจากวัด
พักจากการชมเมือง ก็มานั่งพักผ่อน ตามร้านดังกล่าว
ล่าสุดทางสำนักงานทรัพย์สินกับกรุงเทพมหานครได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ลานจอดรถสวนนาคราภิรมย์
ไปตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2559 นับจากนี้ต่อไปจะดูดีขึ้นมากเมื่อสร้างแล้วเสร็จภายในปลายปี
2561 ซึ่งเป็นที่รับรู้ถึงการปรับปรุงของหน่วยงานเกี่ยวข้องทุกฝ่าย
ตามแผนการพัฒนาทางกรุงเทพมหานครมองถึงจุดที่ “คนไทย” ได้พักผ่อนตอนนี้มีไม่กี่แห่ง
เดิมสวนนาคราภิรมย์พอทำเสร็จตอนนั้นต้นไม้น้อยจึงร้อนมาก
ดังนั้นในการปรับปรุงครั้งใหม่ที่วางศิลาฤกษ์ไปเมื่อต้นเดือนตุลาคม 2559 นั้น
จึงมุ่งหวังให้คนไทยหรือนักท่องเที่ยว มาใช้ เพราะจุดนี้เป็น “แกนหลัก”
สมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์มองเปรียบเทียบฝรั่งเศสระหว่างแกนหลักของเมืองในมุมสวย ๆ
ต้องให้ความสำคัญ แต่ในยุคหลัง ๆ ไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญ
จึงต้องการเปิดมุมมองความสำคัญ นับจากด้านหลังจะเห็น พระบรมมหาราชวัง และวัดระฆัง
ย้อนอีกข้างจะเห็นวัดหงส์ เป็นมุมตัดกัน ที่สวยงาม
สำหรับบริเวณมุมที่ไม่สำคัญก็ออกแบบปลูกต้นไม้ เป็นจุดพักผ่อน
รวมถึงทำเป็นลานแสดงเล็ก ๆ หรือลานแสดงใหญ่ ที่ทางกรุงเทพมหานครได้จัดกิจกรรมอย่าง
สงกรานต์หรือปีใหม่ นำมาจัดยังสถานที่แห่งใหม่ได้เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันตรงสวนนาคราภิรมย์ ทางสำนักงานทรัพย์สินฯ ก็กำลังปรับปรุง “ตลาดท่าเตียน”
โดยจะทำให้สอดคล้องกันในแนวพื้นที่ริมน้ำเป็นทางยาวขึ้น เปิดพื้นที่ให้โล่งโปร่ง
ทำให้เห็นจุดสำคัญได้มากขึ้น เชื่อได้ว่าแนวคิดมีผู้มีความรู้ นักออกแบบ
มาร่วมถกเถียงจนตกผลึก จนได้แบบชัดว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่จะสร้าง ศาลาท่าน้ำ
ท่าเรือ จะเกิดความปลอดภัยมีความแปลกใหม่ไปในทางที่ดียิ่งขึ้น
สุดท้ายก็ลงตัวเป็นแบบใหม่ที่กำลังทยอยทำในขณะนี้
“เส้นทางพักผ่อน” ระหว่างอาคารเก่าเชื่อมโยงกันทั้ง 3 แห่ง กรณีแรก “เดินชม” ก็จะได้ระยะทางสั้น ๆ
หากจะให้ได้บรรยากาศมากขึ้นคือ “ปั่นจักรยาน” จะสนุกมาก
เพราะจุดเชื่อมโยงไปได้ไกลมากขึ้น ปัจจุบันท่ามหาราช และ ยอดพิมาน ทำเสร็จแล้ว
โดยออกแบบกิจกรรม
เส้นทางรอบเกาะรัตนโกสินทร์และรอบพื้นที่พระบรมมหาราชวัง
เมื่อปรับปรุงแล้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว
จะได้เห็นโฉมใหม่ที่ยังคงสถาปัตยกรรมดั้งเดิมสไตล์ยุโรปยุคแรกอย่างชัดเจน
บวกกับสิ่งใหม่ที่สร้างเพื่อรองรับความปลอดภัยตามมาตรฐานใหม่
แนะนำว่าถ้าจะเดินเล่นก่อนจากหน้าวัง แวะหน้าพระลาน
ไปแวะรับประทานอาหารท่าช้าง เดินเลียบไปตลาดท่าเตียน
สำหรับคนไทยใช้เวลาเดินสักประมาณชั่วโมงกว่า ๆ หรือ 2-3 ชั่วโมงอาจจะร้อนเกินไป
แต่ถ้าปั่นจักรยานก็จะได้ระยะทางไกลกว่านั้น จากพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
ไปวนใต้สะพานพระปิ่นเกล้า เลียบคลองแล้วเข้ามาทางกระทรวงกลาโหม
แล้ววนกลับเลาะคลองไปเข้าตลาดแวะท่าช้าง ตลอดสองข้างทางจะได้เห็นอาคารเก่ากลาโหม
วัดต่าง ๆ ที่สวยงามมากมาย โดยเฉพาะวันอาทิตย์ปริมาณรถยนต์น้อยจะปั่นจักรยานได้สะดวกสบายด้วย
ทั้งนี้บริเวณแห่งใหม่ “ลานจอดรถสวนาคราภิรมย์”
มีบริเวณจุดจอดจักรยานได้ด้วย เพราะมีจุดฝากจักรยานหรือนำจักรยานข้ามไปปั่นต่อ
โดยขึ้นตรงบริเวณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร และวัดกัลยาณมิตรราชวรมหาวิหาร
ซึ่งหลังปี 2561 จะได้ใช้อย่างสมบูรณ์
ช่วงการก่อสร้างและพัฒนาลานจอดรถและปรับปรุงตลาดท่าเตียน
ได้ข้อคิดเห็นร่วมกันเรียบร้อยแล้วในหลักการขยายพื้นที่ สิ่งต่อไปคือ
“เรื่องการท่องเที่ยว” จากบริเวณสวนนาคราภิรมย์
จะสวยเหมือนเดิมมีฟังก์ชั่นเพิ่มมากขึ้น รวมถึงมีอาคารเก่าคลังสินค้าที่ปรับปรุงซ่อมแซมเป็น
“พิพิธภัณฑ์โขน” ซึงยังคงซ่อมอนุรักษ์ให้เหมือนเดิมโดยปรับพื้นที่ใช้งาน
เป็นจุดชมใหม่ใกล้มหาราชวัง ชุมชนเมืองที่ได้เห็นศิลปะโขน
เป็นจุดน่าสนใจมาสวนแล้วยังได้ชมพิพิธภัณฑ์ควบคู่กันไป
ระหว่างก่อสร้างจะมีกิจกรรมภาพเขียน “จิตรกร” บริเวณรอบรั้วลานจอดรถ
ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงานกับภาคส่วนต่าง ๆ
หรือจะเดินทางไปชมวิถีชีวิตชาวตลาดท่าเตียนซึ่งมีเสน่ห์อีกแห่งในบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์นั่นเอง
จากนั้นมาฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “ซื้อแคชการ์ดรับฟรีกิฟการ์ดที่คิงเพาเวอร์”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
แนะนำผู้เดินทางเมื่อแวะเข้าไปยังร้านดิวตี้ฟรี ได้เลือกซื้อ CASH CARD รับฟรีทันที GIFT CARD สูงสุด 15,000 บาท
ที่แผนกสินค้าแบรนด์เนม และนาฬิกา โดยสามารถซื้อได้แล้ววันนี้ – 31 ตุลาคม 2559 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี และคิง เพาเวอร์
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และดอนเมือง
เพื่อนำ CASH CARD ไปใช้แทนเงินสดในการซื้อสินค้าราคาปกติที่แผนก
Watch และ Boutique ที่ร่วมรายการเท่านั้น (ยกเว้น Chanel) ใช้ร่วมกับส่วนลดของบัตรสมาชิก คิง เพาเวอร์ ยกเว้นการใช้ร่วมกับสินค้าโซน Brandname Outlet และรายการ Delights & Surprises ที่ร้านค้า คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
และศรีวารี เข้าไปดูรายละเอียดที่ www.kingpower.com
นางอรนุช อิ่มอารมณ์ หัวหน้าฝ่ายอาวุโส ฝ่ายบริหารงานอนุรักษ์
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เปิดเผยว่า ทางฝ่ายงานอนุรักษ์ฯ
ได้จัดทำหนังสือชื่อ “อนุรักษณียาคาร”
เสนอของชิงรางวัลทางด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมดีเด่นระดับโลก ต่อ องค์การศึกษา
วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก้ ภายในปี 2561 โดยรายละเอียดภายในหนังสือดังกล่าวได้รวบรวมเรื่องราวอาคารรอบเกาะรัตนโกสินทร์และรอบบริเวณพระมหาราชวัง
3 อาคาร ได้แก่ หน้าพระลาน
ท่าช้าง และท่าเตียน ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2450 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 รัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 7 ล้วนมีประวัติศาสตร์
วิถีวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม รวมทั้งสะท้อนเศรษฐกิจแต่ละยุคสมัยได้เป็นอย่างดี
นับเป็นครั้งแรกที่ได้จัดทำหนังสือ “อนุรักษณียาคาร”
ด้วยวิธีรวบรวมเอกสารหลักฐาน ภาพอดีต จากทุกแหล่งมาไว้อยู่ในเล่มอย่างสมบูรณ์
โดยใช้เวลานานกว่า 2 ปี เพื่อบอกเล่าคุณค่าของอาคารรอบเกาะรัตนโกสินทร์ต่อพี่น้องชาวไทยและชาวโลก
ซึ่งได้เคยนำไปมอบให้หลายประเทศในอาเซียนตามโอกาสสำคัญ ๆ
และส่งต่อไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้องทางด้านศิลปวัฒนธรรม
สำหรับในประเทศไทย ผู้ที่สนใจหรือหน่วยงานการศึกษาต่าง ๆ
สามารถทำจดหมายขอหนังสือ“อนุรักษณียาคาร” ได้ฟรี
เพียงแต่จะต้องแจ้งวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนให้ทางฝ่ายบริหารงานอนุรักษ์
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
พิจารณาตามความเหมาะก่อนจะอนุมัติให้นำหนังสือไปใช้ประโยชน์ต่อไป
ข่าวที่ 3 “ชมแมงกะพรุนหลากสีแหลมกลัด
จ.ตราด”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
สำนักงานตราด รายงานว่า
ขณะนี้ชาวประมงบ้านแหลมกลัด ได้แจ้งการพบฝูงแมงกะพรุนหลากสีจำนวนนับแสนตัว เข้ามาอาศัยอยู่ในทะเลติดชายหาดพลอยแดง
ม.9ต.แหลมกลัด อ.เมือง จ.ตราด เริ่มมีนักท่องเที่ยว เช่าเหมาเรือประมงพื้นบ้าน
ออกไปแล่นเรือชมฝูงแมงกะพรุนในทะเลดังกล่าว ซึ่งมีฝูงแมงกะพรุนหลากสีจำนวนมาก
ขนาดตัวยังไม่ใหญ่นัก และยังไม่มีสีสันสดใสนัก ยังเป็นสีอ่อนๆ ทั้งสีฟ้า สีเขียว
สีน้ำตาล และสีส้ม
ลอยอยู่ใต้ผิวน้ำเนื่องจากหลบแสงแดด และอยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 10-50
เมตร กระจายเป็นกลุ่มๆไปทั่วบริเวณ เป็นทางยาวกว่ากิโลเมตร โดยธรรมชาติแมงกะพรุนหลากสีจะเข้ามาอาศัยในทะเลตำบลแหลมกลัดทุกๆปี
ในช่วงเดือนตุลาคม –พฤศจิกายน
ผู้ที่สนใจดูแมงกะพรุนร้อยสีสามารถเดินทางไปชมได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงหลังเทศกาลลอยกระทงช่วงที่เหมาะที่สุดคือ
ช่วงเช้า 6.00-11.00 น. ลงเรือไปดูแมงกะพรุนที่หาดพลอยแดง ใช้เส้นทาง ตราด-คลองใหญ่
เลยหาดมุกแก้ว มาประมาณ 1 กม. แล้วเลี้ยวขวา
เข้าทางเดียวกับพลอยแดงซีฟู้ด ประมาณ 200 เมตร เลี้ยวขวา
เข้าท่าเรือ
ส่วนผู้ประกอบการเรือประมงพื้นบ้าน จะมีบริการพาออกไปเที่ยวชมและถ่ายภาพความสวยงามของฝูงแมงกะพรุนหลากสี
ค่าบริการ เรือไม้คิดคนละ 100 บาท นั่งได้ลำละ 5 คน หากไปไม่ถึง 5 คน
สามารถเหมาเรือได้ลำละ 400 บาท มีเรือรองรับอยู่ 6 ลำ ติดต่อเช่าเรือได้ที่ คุณจเร
โทร. 095 541 7341
ขณะที่ผู้ประกอบการบริเวณหาดราชการุณย์สภากาชาดไทย
เขาล้าน มีที่พักไว้รองรับเป็นโรงแรมหลายแห่งระดับ3-5ดาว และโฮมสเตย์ สอบถามได้ที่
โทร 095-541-7341
ข่าวที่ 4 “บางจากรับได้ใบประกาศต่ออายุCAC”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด
(มหาชน) ได้รับมอบใบประกาศรับรองการต่ออายุเป็นสมาชิกของแนวร่วมปฎิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต
(CAC – Thailand’s Private Sector
Collective Action Coalition Against Corruption) จาก ดร.กอปร กฤตยากีรณ รองประธานกรรมการ CAC พร้อมเป็นวิทยากรร่วมเสวนาในเรื่อง
“700 Companies: From
Collective Action to Action” ในงานสัมมนาระดับชาติประจำปี
(National Conference on Collective Action
against Corruption) ครั้งที่
7 ภายใต้หัวข้อ “Ethical Leadership:
Combating Corruption Together” จัดโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
ณ โรงแรมดุสิตธานี เมื่อเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ บริษัท บางจากฯ ได้รับการรับรองเป็นสมาชิกของแนวร่วมปฎิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต
หรือ CAC ครั้งแรกในปี 2556 ซึ่งใบรับรองดังกล่าวมีอายุ
3 ปี
ข่าวที่ 5 “ไทยวางยุทธศาสตร์10ปีผนึกไมซ์อาเซียน”
นางสาววิภารัตน์ ธาราธีรภาพ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารรัฐกิจวิสาหกิจ
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” กล่าวว่า
การจัดทำแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวอาเซียน 10 ปี (พ.ศ. 2559-2568) นั้น
วางเป้าหมายในปี พ.ศ. 2568
อาเซียนจะเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวและการจัดงานไมซ์ที่มีคุณภาพ
โดยนำเสนอความหลากหลายผ่านประสบการณ์อาเซียน
อันนำไปสู่การจัดงานไมซ์อย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน
มีความครอบคลุมในทุกมิติอย่างมีสมดุล นำไปสู่การกินดีอยู่ดี
และความเป็นอยู่ที่ดีทางเศรษฐกิจและสังคมประชาชนอาเซียน โดยมี 2
แนวทางหลักในการขับเคลื่อน ได้แก่
ด้านที่ 1 การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในฐานะที่เป็นจุดหมายปลายทางเดียวกัน
ผ่านแนวทางต่างๆ ดังนี้
(1) ทำการตลาดและกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างเข้มข้น
(2) มีผลิตภัณฑ์สำหรับการจัดกิจกรรมไมซ์ที่หลากหลาย
(3) ดึงดูดให้เกิดการลงทุนทางด้านธุรกิจไมซ์เพิ่มมากขึ้น
(4) เพิ่มปริมาณและความสามารถของบุคลากรด้านไมซ์ (5) วางแผนดำเนินงานและขยายมาตรฐานในการจัดงานไมซ์
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งอำนวยความสะดวก บริการ และจุดหมายปลายทางต่างๆ (6) วางแผนดำเนินงานและขยายการเชื่อมต่อตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานของจุดหมายปลายทางต่างๆ
และ (7) เสริมสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการจัดงานไมซ์
ด้านที่ 2
สร้างความมั่นใจว่าการจัดงานไมซ์ในอาเซียนเติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุมทุกมิติ ได้แก่ (1) เพิ่มการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นและการมีส่วนร่วมของภาครัฐและภาคเอกชนในห่วงโซ่อุปทานด้านไมซ์
(2) ปรับปรุงและพัฒนาความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษาสถานที่ที่มีความสำคัญทางธรรมชาติและวัฒนธรรม
และ (3) เพิ่มความรับผิดชอบต่อการปกป้องสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
และการเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลของสภาพภูมิอากาศ
ข่าวที่ 6 “5ขั้นตอนจองตั๋วบินถูกแบบง่ายๆ”
วิธีการจองโปรโมชั่นตั๋วโดยสารเครื่องบิน
โดยเฉพาะของ “ไทย แอร์เอเชีย” เพื่อเดินทางไปพักผ่อนให้ได้ราคาที่ถูก ประหยัด
คุ้มค่า อย่างแท้จริงมี 5 ขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
1.วางแผนการเดินทางก่อนเข้าไปจองตั๋วโดยสารเครื่องบินโดยพยายามหลีกเลี่ยงช่วงเทศกาลท่องเที่ยวหนาแน่น
มาก ๆ
2.เช็คราคาล่วงหน้าไว้หลาย ๆ
เดือนก่อนตัดสินใจเดินทาง
เพราะยิ่งรู้ล่วงหน้ามากจะมีโปรโมชั่นตั๋วโดยสารที่ขายผ่านทางเว็บไซต์ในราคาถูกและคุ้มค่ากว่าที่จะตั๋วประเภทตัดสินใจซื้อในนาทีสุดท้าย
ซึ่งราคาจะยิ่งแพงขึ้นตามลำดับ
3.ใช้บริการโหลดแอพลิเคชั่นแจ้งเตือนโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินไว้บนมือถือ
เพื่อจะได้ไม่พลาดข้อมูลต่าง ๆ
4.เปรียบเทียบราคาโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินของหลาย ๆ
สายการบิน เพื่อจะได้ทางเลือกที่ดีกว่า
5.ในการจองซื้อตั๋วผ่านเว็บไซต์สายการบินควรจะต้องดูรายละเอียด
เพราะตามปกติก็จะบวกค่าสัมภาระ ค่าประกันภัยเดินทาง หรือ ค่าอาหารว่าง
ถ้าไม่จำเป็นหรือเราไม่ต้องการก็ให้ตัดทิ้งไป จะได้ประหยัดเงินค่าตั๋วโดยสาร
เป็นหลักวิธีซื้อตั๋วโปรโมชั่นราคาประหยัดที่สามารถนำไปลองปฏิบัติกันได้
แล้วจะได้ราคาที่ถูกใจคุ้มค่าเงินนั่นเอง
ช่วงที่ 2 เวลา 11.45 น.ออกมาเดินทางเยี่ยมชม 70
เส้นทางตามรอยพระบาทข้ามภูมิภาค ณ โครงการหลวงผาตั้ง เชียงราย
แล้วฝึกเรียนรู้วิธีกินยาพาราเซตามอนอย่างปลอดภัย ปิดท้ายด้วยข่าวประจำสัปดาห์
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงผาตั้ง อยู่ที่ ต.ปอ
อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เป็นโครงการพัฒนาการเกษตรอย่างถูกวิธี ช่วยเพิ่ม
ความยั่งยืนและสร้างรากฐานอาชีพภายในชุมชนอย่าง มั่นคง
วันนี้ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงผาตั้ง ไม่เพียงเป็น
แหล่งผลิตผลทางการเกษตรที่มีคุณภาพ ตลอดจนมีระบบ
อนุรักษ์ดินและน้ำที่ดีเพียงเท่านั้น บ้านผาตั้งยังกลาย
เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในบทบาทชุมชนอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติแหล่งสำคัญของเชียงราย
เที่ยวได้ตลอดทั้งปี เปิดให้เข้าชมทุกวัน 08:00 - 16:00 น.
จากเดิมที่เคยเป็นหน่วยย่อยของศูนย์พัฒนา
โครงการหลวงห้วยแล้ง ภายหลังได้รับถวายฎีกาการ พฒั นาปรับปรุงพื้นที่จากชาวบ้านหมู่บ้านผาตั้ง
บ้านร่มฟ้า ผาหม่น และบ้านศิลาแดง หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี
องค์ประทานมูลนิธิโครงการหลวง โปรดให้จัดตั้ง ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงผาตั้งขึ้น
ในวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2550 เพื่อช่วยส่งเสริมและพัฒนาอาชีพแก่ชาวบ้าน
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงผาตั้ง มีการปรับพื้นที่ ภายในศูนย์ฯ
สำหรับวางแผนทดสอบและสาธิตวิธีการ ปลูกผักและไม้เมืองหนาว
รวมถึงการเลี้ยงสัตว์ได้แก่ กระต่าย แพะ ไก่กระดูกดำ และหมู เพื่อหล่อเลี้ยงชุมชน
ประกอบด้วย คนจีนคณะชาติ ม้ง เย้า มูเซอ อีก้อ ไทลื้อ และคนพื้นเมืองมากกว่า 600 ครัวเรือนอย่างทั่วถึง
" ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมอาชีพให้แก่เกษตรกร เน้นการปลูกผักภายใต้โรงเรือนและลดการใช้สารเคมี
"
การเดินทางไปท่องเที่ยว 3 วัน 2 คืน “วันแรก” ช่วงเช้า นั่งเรือหางยาวชมวิวแก่งผาได
จุดที่แม่น้ำโขง ไหลออกจากเมืองไทยสู่ลาวเป็นจุดแรก ช่วงบ่าย
ชมผาบ่อง ประตูรักแห่งขุนเขา ชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ จุดชมวิวเนิน 102 ดอยผาตั้ง
“วันที่สอง” ช่วงเช้า ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกที่ภูชี้ดาว
โครงการหลวงผาตั้ง ชมแปลงพืชผักเมืองหนาว ช่วงบ่าย ขี่จักรยานชมเมืองเชียงของ ชมการทอผ้าทอไทลื้อแบบดั้งเดิมที่พิพิธภัณฑ์ลื้อลายคำ
“วันที่สาม” ช่วงเช้า ตักบาตรรับอรุณริมโขงที่เชียงของ ลันเจีย ลอดจ์
เยี่ยมชมโฮมสเตย์ และทำกิจกรรมในชุมชน ชมการแสดงของชุมชน
สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาด แปลงทดสอบการปลูกผักและ ไม้เมืองหนาว
ชมพืชผักเมืองเหนือ บนแปลงดินกว่า 16 ชนิด ศูนย์ส่งเสริมเกษตรที่สูง ดอยผาหม่น
ชมดอกไม้เมืองหนาว อาทิ ทิวลิป และลิลลี่
ดอยผาตั้ง จุดชมวิวไทย-ลาว
และจุดชมทะเลหมอก สูงจากระดับน้ำ ทะเล 1,800 เมตร
กิจกรรมห้ามพลาด ชมวิถีชีวิตชุมชนในละแวก
ใกล้เคียงของชาวเขาเผ่าม้ง ชาวจีนยูนนาน และเย้า อุดหนุนผลิตผลจากโครงการและ
งานหัตถกรรมชาวเขา
สอบถามเพิ่มที่โทร. 0-5316-3308
การเดินทาง จากตัวเมืองเชียงราย ใช้เส้นทาง เชียงราย-เวียงชัย-พญาเม็งราย-
บ้านเต่า (ทางหลวงหมายเลข 1233, 1733 และ 1152)
ประมาณ 50 กม. ต่อมาถึงบ้านเต่า บ้านท่าเจริญ
เวียงแก่น-ปางหัด (ทางหลวงหมายเลข 1155) ระยะทางประมาณ 17
กม. และต่อไปยังบ้านปางหัด-ดอยผาตั้ง อีก 15 กม.
@แนะวิธีกินพาราเซตามอลอย่างปลอดภัย
ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล
ประธานคณะทำงานสร้างเสริมความเข้มแข็งภาคประชาชนด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผล
ให้ข้อมูลว่า “พาราเซตามอล” เป็นยาเป็นยาลดไข้ที่ดีที่สุดที่ใช้ในปัจจุบัน
แต่อันตรายของการใช้พาราเซตามอล คือ การเป็นพิษต่อตับ (hepatotoxicity)
ส่งผลตั้งแต่การทำงานของตับ ไปจนถึง
ภาวะตับวายอย่างเฉียบพลัน (acute liver
failure) และนำไปสู่การเสียชีวิตได้
ซึ่งการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ต่อตับเกิดจากการรับประทานยามากกว่าขนาดยาสูงสุดที่แนะนำต่อวัน
ใช้ยาพาราเซตามอลให้ปลอดภัยต้องดูที่ขนาด
ผศ.นพ.พิสนธิ์ แนะนำว่า ควรกินตามน้ำหนักตัว
คูณด้วย 10 หรือ 15
จะได้ขนาดยาเป็นมิลลิกรัมที่เหมาะกับตัวเรา (แต่ต้องไม่เกิน 1,000
มิลลิกรัมต่อครั้ง) เช่น หนัก 50 กิโลกรัม ขนาดยาที่เหมาะคือ 500
หรือ 750 มิลลิกรัม ซึ่งเท่ากับยา 1
เม็ด หรือ 1 เม็ดครึ่ง (ถ้าตัวใหญ่ คูณน้ำหนักแล้วเกิน 1,000
ก็กินไม่เกิน 2 เม็ด)
ขนาดยาสูงสุดต่อวันสำหรับผู้ใหญ่
- ขนาดมาตรฐานทั่วไป
ไม่เกิน 4,000 มิลลิกรัม
โดยรวมถึงยาที่มีส่วนผสมของพาราเซตามอลอยู่ด้วยเช่น ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาบรรเทาหวัด
เป็นต้น
- สำหรับคนตัวเล็ก
ควรไม่เกิน 3,000-3,250 มิลลิกรัม
(เป็นค่าเพื่อความปลอดภัยที่สูงขึ้น)
- สำหรับผู้ที่ต้องกินต่อเนื่องระยะยาว
ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ไม่เกิน 2,500-2,600 มิลลิกรัม
- ผู้ป่วยโรคตับ
หรือดื่มสุราเป็นประจำ ต้องกินไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม
- สำหรับผู้ป่วยทีต้องรับยาวาร์ฟาริน
(Warfarin) คือ ยาต้านทานการแข็งตัวของเลือด ที่ทางการแพทย์ใช้รักษาและป้องกันภาวะอุดตันของหลอดเลือด
อันมีสาเหตุจากการทำงานของเกล็ดเลือดที่ผิดปกติ (ภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ)
ควรกินไม่เกินครั้งละ 1,300-1,500 มิลลิกรัม
ขนาดยาสูงสุดต่อวันสำหรับเด็กอายุ
0-12 ปี
ไม่เกิน 75 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
หมายถึงคูณน้ำหนักตัวเด็กด้วย 10 หรือ 15 คือมิลลิกรัมที่เหมาะต่อการป้อนยา 1
ครั้ง วันละไม่เกิน 5 ครั้ง ควรอ่านฉลากให้เข้าใจเสมอว่ายาที่กำลังจะป้อนเด็ก 1
ช้อนชาหรือ 5 ซีซี นั้น มีตัวยากี่มิลลิกรัม
การบริโภคยาพาราฯ
เกินขนาดจะไม่เห็นอาการในเร็ววัน จะเห็นก็ต่อเมื่อระยะอันตราย เป็นตับอักเสบ
ตับแข็ง และก่อให้เกิดมะเร็งตับแล้ว ดังนั้น ควรใช้ยาเมื่อมีความจำเป็น
เพิ่มความระมัดระวังโดยการอ่านฉลากข้อมูลผลิตภัณฑ์อย่างเคร่งครัดทุกครั้งที่จะมีการใช้ยา
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
“ดอนเมืองจัดรถฟรีผู้โดยสารตจว.ถวายบังคมพระบรมศพ”
นายเพ็ชร
ชั้นเจริญ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
(ทอท.) เปิดเผยว่า
เนื่องจากท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.)
เป็นท่าอากาศยานที่ให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำ (Low cost carriers) โดยมีผู้โดยสารกว่าร้อยละ 70
เป็นผู้โดยสารภายในประเทศที่เดินทางเข้ามายังกรุงเทพมหานคร
เพื่อไว้อาลัยและถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มหิตลาธิเบศรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ พระบรมมหาราชวัง
เพื่อเป็นการแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้และเป็นการไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ทดม.จึงเปิดให้บริการรถรับ-ส่งผู้โดยสารในเส้นทาง สนามบินดอนเมือง-
สนามหลวง
เพื่อให้บริการผู้โดยสารที่จะเดินทางไปถวายบังคมพระบรมศพและไว้อาลัยโดยไม่คิดค่าบริการ
ซึ่งจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2559 - 15 พฤศจิกายน 2559
ระหว่างเวลา 08.00 - 17.00 น ทุกวัน ให้บริการทุกๆ 1 ชั่วโมง
โดยรถจะออกจากอาคารผู้โดยสาร ทดม.อาคาร 2 ชั้น 3 ประตู 15
โดยในเที่ยวไปจะใช้เส้นทางยกระดับอุตราภิมุข
(ดอนเมืองโทลล์เวย์) ต่อเนื่องทางพิเศษเฉลิมมหานคร ลงทางลงยมราช และจอดส่งด้านหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์
และเที่ยวกลับ ออกจากด้านหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานคร
ต่อเนื่องทางยกระดับอุตราภิมุข และจอดส่งบริเวณอาคารผู้โดยสาร ทดม.อาคาร 2 ชั้น 3
ประตู 15 ทั้งนี้ ผู้โดยสารสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ AOT Contact Center 1722
ข่าวที่สอง
“ท่องเที่ยวแจ้งงาน“จัดปกติ-เลื่อน-ยกเลิก”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.)
ได้รวบรวมงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในจังหวัดต่าง ๆ
ของประเทศไทยที่ทยอยแจ้งยกเลิกและเลื่อนไปในระหว่างการจัดงานพระบรมศพ ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 เรื่อง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต
โดยให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่ของรัฐไว้ทุกข์กำหนด 1 ปี และงดการจัดงานรื่นเริงต่าง ๆ เป็นเวลา 30 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป
มีดังนี้
งานที่ยังจัดตามปกติ
ได้แก่
1.งานไตรกีฬาชาเลนต์ ณ เขื่อนศรีนครินทร์
อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี วันที่ 23 ตุลาคม 2559 จัดงานตามปกติสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
challenge-thailand.com โทรศัพท์ 08 7939 6442
2.งานมหกรรมหนังสือ ณ ศูนย์สิริกิติ์
จัดแสดงต่อถึงวันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2559
3.งานผาสาดลอยเคราะห์ จังหวัดเลย
จัดแต่งดการแสดงดนตรีท้องถิ่นและปรับรูปแบบงานใหม่
งานที่ยกเลิก ได้แก่
1. การประกวดวงดนตรีเยาวชน
กาดสวนแก้วลูกทุ่ง (ครั้งที่ 2) วันที่ 22,23,30 ตุลาคม 2559 ณ กาดสวนแก้ว
เชียงใหม่ เลื่อนการประกวดออกไปอย่างไม่มีกำหนดOtop SME Excellence Fair 2016
2. มหกรรมเล่นกับผีที่เมกาบางนา ตอน จิตคลั่ง
โรงพยาบาลหลอนวันที่ 20-31 ตุลาคม 2559 ณ เมกา บางนา
3.Otop SME Excellence Fair 2016 วันที่ 1-7 พฤศจิกายน 2559 ณ
ศูนย์การค้าโพศรีวิลเลจ
4. เทศกาลส้มสีทอง ของดีทุ่งช้าง
แอ่วงานเกี๋ยงเป็ง จังหวัดน่าน วันที่ 9-15 พฤศจิกายน 2559 ณ ที่ว่าการอำเภอทุ่งช้าง
5.งานประเพณีออกพรรษาอุบลราชธานี ไหลเรือไฟ
ลอยกระทง และการแข่งขันเรือยาว วันที่วันที่ 22-23 ตุลาคม 2559
6.ถนนคนเดิน วันเสาร์ (ถนนวัวลาย), ถนนคนเดินวันอาทิตย์ (ราชดำเนิน) และไนซ์บาซ่า
(ยกเลิกการจำหน่ายสินค้าโดยไม่มีกำหนด)
งานที่เลื่อนการจัด ได้แก่
1.งานเทศกาลหุ่นโลกกาญจนบุรี วันที่ 1-7 พฤศจิกายน 2559
เลื่อนเป็นวันที่ 20-26 กุมภาพันธ์ 2560
2.งานจันทบุรีซีนิคมาราธอน วันที่ 29-30 ตุลาคม 2559 ณ จันทบุรี
เลื่อนการจัดงานออกไปอย่างไม่มีกำหนด
3. งานเทศกาลเที่ยวพิมาย นครราชสีมา
(เลื่อนการจัดงานอย่างไม่มีกำหนด)
4.คอนเสิร์ต Mystic Valley นครราชสีมา
(เลื่อนการจัดงานอย่างไม่มีกำหนด)
5.งานแข่งขันวิ่งมินิมาราธอนดงมะไฟ นครราชสีมา(เลื่อนการจัดงานอย่างไม่มีกำหนด)
6.งานมหกรรมลำปางมอเตอร์โชว์ 2016 (เลื่อนการจัดงานอย่างไม่มีกำหนด)
พบกับสาระข่าวดี ๆ ได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.
ดำเนินรายการโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
ติดตามฟังรายการย้อนหลังเข้าไปที่ www.google.com พิมพ์คำว่า
รวยด้วยข่าว97.0 หรือทาง www.facebook.com/rauydauykhao
และ ข่าววิเคราะห์เจาะลึกทางบล็อกเกอร์ :gurutourza.blogspot.com
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน ผู้ดำเนินรายการ คอลัมน์นิสต์และบล็อกเกอร์การบิน/ท่องเที่ยว |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น