ททท.กรุงเทพฯผุดแผนเที่ยวเทรนด์ใหม่ปี’60
ทัวร์รถไฟลอยฟ้าใต้ดินล่องเรือนนท์-ปทุมธานี
คิงเพาเวอร์มอบเอกสิทธิ์พิเศษสมาชิกปีระกา
ตลุยเชียงใหม่ไปชมซากุระเมืองไทย4ดอย
ปี’60คมนาคมเทงบราง-น้ำกว่า8.9แสนล้าน
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2560
เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย” FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” อัพเดททุกความเคลื่อนไหวในแวดวงท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มสาขา
ช่วงแรกเวลา 11.15 น.
นรินทร์ ทิจะยัง ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร |
คุณนรินทร์ ทิจะยัง ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร
ดูแลพื้นที่ในนนทบุรี ปทุมธานี
ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการถึงอนาคตใหม่ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้ง 3 พื้นที่ เตรียมสร้างสรรค์กิจกรรมการตลาดท่องเที่ยวเทรนด์เจ๋ง
ๆ เลียบรถไฟลอยฟ้า ใต้ดิน ล่องเรือเที่ยวโบราณสถาน วัดศักดิ์สิทธิ์ ดูวิถีชีวิตชุมชนเกษตร
ปั่นจักรยานชิมอาหารริมเจ้าพระยา จัดมหกรรมวิ่งแปลกแหวกแนวที่กำลังมาแรง
กลยุทธ์แรกเริ่มต้นจากการทำโครงการ Connected Consumer สร้างเครื่องมือทางการตลาดคนไทยและต่างชาติ
หาโปรดักซ์ซึ่งสามารถตอบสนองนโยบายรัฐบาลได้กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินตรงสู่ท้องถิ่น
จึงเตรียมทำ Walking Bangkok รวบรวมไว้แล้ว 14 เส้นทาง ระยะแรกจะทำ 8 เส้นทาง
พาเดินชมเมืองกรุงเพื่อให้ได้สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวอย่างลึกซึ้ง เช่น
เดินเลาะรอบราชประสงค์ ไปชมพระอินทร์ พระพรหม พระนารายณ์ หรือ “บางลำพู เจริญกรุง
บางรัก อีกเส้นทางจะทำ “แหล่งท่องเที่ยวเลียบรถไฟลอยฟ้าบีทีเอสกับรถไฟใต้ดิน MRT” ลักษณะหลัก
ๆ จะใช้วิธีจัดทำป้ายทางออกจากสถานีแนะนำร้านอาหารอร่อย แหล่งท่องเที่ยวแปลกใหม่
ช้อปปิ้งบริเวณไหนได้บ้าง ต่อเนื่องกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง โดยผนวกรวมของเก่าและปรับปรุงใหม่ให้มีความน่าสนใจ
โครงการปั่นจักรยานเพื่อการท่องเที่ยวแบบสบาย ๆ ที่มาของโครงการของ Bike Designe ให้คนทั่วไปออกมาปั่นโดยมีจักรยานสวย
ๆ ปั่นออกมาซื้อของริมแม่น้ำเจ้าพระยา
หาวิธีทำให้นักท่องเที่ยวออกมาใช้เงินตามตรอกซอกซอยและชุมชนในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น
เพิ่มค่าเฉลี่ยการใช้เงินต่อคนต่อหัวต่อวัน
ขณะเดียวกันก็มีอีกโครงการแม่น้ำลำคลอง
ตั้งเป้าจะโหมโปรโมตนนทบุรีและปทุมธานี
ปลุกกระแสการท่องเที่ยวทางน้ำในเจ้าพระยากลับมาคึกคักอีกครั้ง
ระหว่างนี้แลนด์มาร์กแห่งใหม่คือ “ไอคอนสยาม” ยังไม่แล้วเสร็จ
ช่วงแรกจึงจะทำเส้นทางขายทัวร์เรือโดยใช้แลนด์มาร์กตรงบริเวณ “เอเชียทีค”
จับมือกับเอกชนผลิตแพกเกจทัวร์ทางน้ำครึ่งวันออกวางขาย เบื้องต้นจัดทำเส้นทาง
พาล่องไปชมเกาะเกร็ด เที่ยวสวนนนทบุรีและปทุมธานี
ช่วงเย็นกลับมาชมชีวิตยามค่ำคืนแสงสีเสียงตรงบริเวณเอเชียทีค รับประทานอาหารค่ำ
ดูโชว์คาลิปโซ่
เดินหน้าวางกลยุทธ์การตลาดสร้างจุดขายนนทบุรีกับปทุมธานีอย่างเป็นรูปธรรม
ขณะที่การท่องเที่ยวทางรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ
เพื่อให้นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วประเทศเข้ามาเยี่ยมชมนั้น
ภายในเดือนมกราคม 2560 เป็นต้นไป จะนำผู้มีอิทธิพลต่อการสร้างกระแสให้คนสนใจมาเดินทางตามคำแนะนำ
(influencer) บล็อกเกอร์ โซเชียลมีเดีย ต่าง ๆ จากภาคเหนือลำปาง เชียงใหม่
นั่งรถไฟตู้ใหม่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาร่วมงาน
“เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” ระหว่างวันที่ 25-29
มกราคม 2560
ที่สวนลุมพินี แล้วพาท่องเที่ยวตามเส้นทางเลียบรถไฟฟ้าที่พร้อมเปิดตัว
อีกทั้งยังจะร่วมมือกับสายการบินในประเทศ เช่น ไทยสไมล์
และสายการบินที่สนใจจะทำโปรแกรมเชื่อมต่อเที่ยวรถไฟและสายการบินในราคาพิเศษ
ปัจจุบันมีหลายสายการบินทำแพกเกจขายราคาประหยัดบ้างแล้ว
และปลายเดือนมกราคมนี้จะทำคู่มือท่องเที่ยวในลักษณะดังกล่าวแจกจ่ายให้นักท่องเที่ยว
รวมทั้งจะทำกิจกรรมเรื่อง “วิ่งมาราธอน” ประเภท Fun run และวิ่งเก็บคะแนน
สร้างความแตกต่างด้วยกิมมิกต่างจากวิ่งทั่วไปที่ยังไม่มีที่ใดทำมาก่อน
วิ่งแล้วไปหยุดแต่ละจุดเพื่อร่วมกิจกรรมและการแสดงวัฒนธรรม
เป็นอีกโปรดักซ์ที่สามารถโปรโมตได้
เรื่อยไปจนถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการเกษตรพื้นถิ่น (agrotourism)
ช่วงเวลาที่จะทำเป็นปฎิทินท่องเที่ยวดังกล่าวปีแรก ๆ
จะต้องวัดประเมินกระแสตอบรับในเดือนที่เหมาะสม
โดยคัดเลือกกิจกรรมที่ประสบความสำเร็จมาบรรจุไว้ในปฏิทินเที่ยวประจำ
การท่องเที่ยวเชิงเกษตรและการท่องเที่ยวทางน้ำในนนทบุรีและปทุมธานี
จะไปถึงจุดหมายประสบความสำเร็จได้ต้องขอความร่วมมือกับชุมชนแต่ละแห่ง โดย
ททท.จะเข้าไปสร้างความเข้าใจกับท้องถิ่นให้เข้าใจตรงกันก่อน
เพราะการตลาดทำได้ไม่ยากเท่ากับความร่วมมือของเจ้าบ้าน
“หัวใจ”
ของคนในท้องถิ่นต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก
ต้องเข้าใจความสำคัญของท้องถิ่นเพื่อการท่องเที่ยว เพื่อ
ททท.จะได้เดินหน้าตามขั้นตอนในการส่งทีมไปฝึกอบรมคนในชุมชนถึงวิธีการดูแล
บริหารจัดการ และบริการนักท่องเที่ยวต่อไปอย่างยั่งยืน
สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวนนทบุรีและปทุมธานี
มีโมเดลที่ออกแบบไว้ โดยจะใช้ศูนย์กลางของท่าเรือ “ริเวอร์ซิตี้”
ทำทัวร์ล่องเจ้าพระยาครึ่งวัน เริ่มจากเที่ยงตรง รับประทานอาหารบนเรือ
ล่องไปแวะชมแหล่งท่องเที่ยว วัฒนธรรม วัดดัง ๆ แวะสวนทุเรียน ใน 2 จังหวัด
ตอบสนองการขายให้กับตลาดต่างประเทศ ส่วนคนไทยก็ปรับเวลาให้กระชับมากขึ้นไปเที่ยวสวนเกษตรตามพื้นที่ต่าง
ๆ
นอกจากการไปสัมผัสประสบการณ์ตามแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำเชื่อมโยงกับการเกษตรหรือวัฒนธรรมต่าง
ๆ แล้ว ยังสามารถโปรโมตอาหารการกินของท้องถิ่นควบคู่กันไปได้ด้วย
ผอ.นรินทร์ ทิจะยัง ได้กล่าวถึงไฮไลต์ของกรุงเทพมหานคร
ที่จะนำมาร่วมในมหกรรม “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2560” ซึ่งจะรวมอยู่ในบริเวณ “ภาคกลาง” คือ
จะนำร้านอาหารอร่อยและของดีกทม. 50 เขต
มาไว้ในงานนี้ให้คนเข้ามาชิมกันอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ยังร่วมมือกับสมาคมถ่ายภาพกรุงเทพมหานครจัดโครงการประกวด “ภาพถ่ายแหล่งท่องเที่ยว”
Walking Bangkok
โดยเปิดรับสมัครแล้วเพื่อให้ช่างภาพได้ไปสำรวจพร้อมกับถ่ายภาพเข้าประกวดแล้วผู้ชนะเลิศทั้งหลายจะนำภาพไปจัดโชว์ในเทศกาลเที่ยวเมืองไทย
1-8 เส้นทาง ภาพชนะเลิศ รองชนะเลิศ จะมีเรื่องเล่า
กระตุ้นนักท่องเที่ยวเข้ามาชมแล้วออกไปท่องเที่ยวด้วยตนเอง
จาการดูมุมและจุดถ่ายภาพสวย ๆ ได้ด้วย
ปี 2560 กรุงเทพมหานครและภาคกลาง
การเดินทางมาเที่ยวได้โดยขับรถไม่ไกล มีตลาดน้ำ วัดสวย ๆ และแหล่งช้อป ชิม มากมาย
อย่างกินกุ้ง ตกปลา ที่ปทุมธานี มาทำอาหารรับประทานระหว่างมื้อ
ส่วนเป้าหมายรายได้ของกรุงเทพมหานคร
ปทุมธานี นนทบุรี จะเติบโตทางด้านรายได้จากการท่องเที่ยวอีกไม่ต่ำกว่า 3 %
ของรายได้รวมของปี 2560
ฟังข่าวช่วงแรก ข่าวเศรษฐกิจต่าง ๆ ของรายการ
ข่าวที่ 1 “สิทธิพิเศษของสมาชิกบัตรคิงเพาเวอร์”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
ผู้บุกเบิกร้านค้าดิวตี้ฟรีในเมืองไทย ได้จัดบริการพิเศษ “Contact
Centre” เพื่อให้ทุกการติดต่อสื่อสารระหว่างเราเชื่อมโยงถึงกัน
King Power Contact Centre พร้อมให้บริการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับบัตรสมาชิก
คิง เพาเวอร์ รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่หมายเลขโทรศัพท์ : 1631
ทุกวันเวลา 08.00 - 21.00 น. หรือติดต่อหลังเวลาทำการผ่านระบบตอบรับอัตโนมัติ
(IVR)
โดยเฉพาะสมาชิก “บัตร คิง เพาเวอร์” มีสิทธิ์พิเศษตลอดการเดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
สามารถใช้ห้องรับรองนี้ตั้งอยู่ที่อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศขาออก ชั้น 4 ซึ่งมีบริการครบวงจร ทั้งของว่าง เครื่องดื่ม
หนังสือพิมพ์ นิตยสาร บริการอินเทอร์เน็ต และอื่น ๆ อีกมากมาย
รวมทั้งในสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิยังมีบริการ
“เคาน์เตอร์จ่ายสินค้า ด้วยการตระหนักถึงความสะดวกสบายของนักเดินทางอยู่เสมอ
คิง เพาเวอร์ จึงสร้างความสะดวกให้กับลูกค้าที่อยากเพลิดเพลินไปกับผลิตภัณฑ์ปลอดภาษีและอากรสุดพิเศษ
โดยไม่ต้องหิ้วสินค้าไปตลอดการเดินทาง
นักเดินทางสามารถสั่งสินค้าก่อนเดินทางออกจากประเทศไทยที่ร้านจำหน่ายร้านใดในเมืองก็ได้
แล้วจึงไปรับสินค้าที่จุดรับ กรณีจะเดินทางออกนอกประเทศ
จุดรับจ่ายสินค้าตั้งอยู่ทางออกฝั่งตะวันออกและตะวันตกบนชั้น 4
ของห้องโถงผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ส่วนผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ รับสินค้าได้ที่จุดรับจ่ายสินค้าชั้น
2 ภายในห้องโถงผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ
ข่าวที่ 2 “ทอท.ชิงแจกของขวัญวันเด็กชุมชนรอบสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง”
นางสาวชนาลัย ฉายากุล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
(สายงานกฎหมายและเลขานุการบริษัท) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
ล่าสุดได้นำคณะผู้บริหาร และพนักงาน ทอท.ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของกิจกรรมใน
“วันเด็ก” ประจำปี 2560
ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2560
ทอท. จึงได้ร่วมกับหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน
โรงเรียนและชุมชนโดยรอบท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
นำกระเป๋าเป้รวมกว่า 15,000 ใบ ไปมอบให้กับเด็ก
ๆ ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ
สำหรับโดยภาพรวมการให้บริการของสนามบินนานาชาติในกรุงเทพฯ
ทั้ง 2 แห่ง คือ ทั้งดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ปี 2560
ทอท.ตั้งเป้าจะมีผู้โดยสารทั้งชาวไทยและต่างชาติใช้บริการรวมกว่า 100 ล้านคน
โดยเฉพาะดอนเมืองเป็นสนามบินศูนย์กลางของสายการบินต้นทุนต่ำหรือโลว์คอสต์
แอร์ไลน์ส
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ชวนนักท่องเที่ยวเปิดประสบการณ์สุดพิเศษในเส้นทางการทรงงานของพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทั่วไทยใน
5 ภาค เพื่อกระตุ้นคนไทยออกมาเดินทางท่องเที่ยวที่หลากหลายและคุ้มค่า
ออกมาค้นหาประสบการณ์ความสุข ผ่านบทเพลง มิวสิควิดีโอและมินิซีรี่ย์ 5 ตอน
ททท. โดย สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ
ได้ดำเนินกิจกรรม 2 โครงการ
ได้แก่ โครงการแรก Youtube Mini-Series & Music Campaign เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว
ผ่านสื่อออนไลน์ที่เข้ากับวิถีของนักท่องเที่ยวยุคปัจจุบัน
โดยแบ่งเป็นการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ 2 รูปแบบ คือ เพลง "เที่ยวเมืองไทยกันเหอะ..ดีกว่าเยอะ"
ซึ่งได้ โกไข่ จุมพล ทองตัน เป็นผู้แต่งเพลง และผู้ร้องคือ อินทิรา ยืนยง หรืออิน
บูโดกัน ด้วยทำนองเพลงสนุกสนาน เข้ากับบรรยกาศการท่องเที่ยว พร้อมทั้งจะทำเป็นมิวสิควีดีโอด้วย
โครงการที่ 2 ผลิต Youtube
Mini-Series ชุด "Women's Journey" จำนวน
5 ตอน นำเสนอเรื่องราวการเดินทางท่องเที่ยวใน 5 จังหวัด 5
ภูมิภาค
ในพื้นที่ทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ผ่านนักแสดง 5 คน ได้แก่
ตอน Working Woman : สวยสุดสายตา ที่แม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
นำแสดงโดย แหม่ม วิชุดา พินดั้ม
ตอน Fashionista : พลิ้วเส้นไหม หัวใจผ้าทอ จังหวัดขอนแก่น นำแสดงโดย
ซานิ AF นิภาภรณ์ ฐิติธนการ
ตอน Sassy Girl : เที่ยวเบาๆ ที่เขาหินซ้อน จังหวัดฉะเชิงเทรา
นำแสดงโดย นาตาลี เดวิส
ตอน Nerdy Girl : ชีวิตกับสายน้ำที่ปากพนัง
จังหวัดนครศรีธรรมราช นำแสดงโดย โซบี โชติรส ชโยวรรณ
ตอน Housewife : ช่างหัวมัน ในแดนฝันทะเลวัง จังหวัดเพชรบุรี
นำแสดงโดย นราวัลย์ จันทร์เจริญ พร้อมด้วยลูกสาว น้องพราว อันจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชม
ให้เดินทางท่องเที่ยว สัมผัสอากาศที่บริสุทธิ์ ชมทัศนียภาพที่สวยงาม ชิมอาหาร
และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น อีกทั้ง
ได้เรียนรู้และซึมซับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ที่มีคุณอเนกอนันต์แก่ประชาชนชาวไทย สามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวทรงคุณค่าด้วย
บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
จัดมหกรรมกระตุ้นยอดขาย “น้ำมันหล่อลื่นบางจาก” ด้วยการทุ่มแจกโชค
มูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท แรงตลอด 4
เดือน ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 30 เมษายน 2560 โดยให้ผู้ใช้บริการได้ลุ้นไอโฟน 7 ทองทุกเดือน
ซื้อน้ำมันหล่อลื่นบางจากมีสิทธิร่วมลุ้นโชคมูลค่ารวม 2,020,000 บาท
เพียงแค่ใช้โทรศัพท์มือถือพิมพ์ *782*99*
แล้วตามด้วยรหัส 8 หลักที่ใด้ในคูปอง ตามด้วยเครื่องหมาย # แล้วกดโทรออก
เงื่อนไข
- ผู้ร่วมรายการจะต้องเก็บคูปองที่มีเลขรหัสการชิงโชค พร้อมซิมโทรศัพท์
ที่ใช้ในการส่งรหัสเป็นหลักฐานในการรับรางวัล
หากขาดหลักฐานอย่างหนึ่งอย่างใดจะถือเป็นโมฆะ
- ฟรีค่าบริการส่งครั้งละ 3 บาท ทั่วประเทศสำหรับระบบ AIS, DTAC, Truemove และ Truemove
H
- 1
รหัสสามารถร่วมลุ้นโชคได้เพียง 1 ครั้ง
-
ผู้ได้รับรางวัลจะต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 5% ของมูลค่าของรางวัล
-
ของรางวัลไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
- พนักงานและครอบครัวของ
บมจ.บางจากปิโตรเลียม และบริษัทในเครือ ผู้ประกอบการ และพนักงานไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมรายการ
ระยะเวลา 1 มกราคม - 30 เมษายน 2560 (จับรางวัลทุกเดือนรวม 4 ครั้ง)
แจกบัตรเติมน้ำมันฟรี 1
ปี 10 รางวัล Iphone 7
(128 GB) 10 เครื่อง, สร้อยคอทองคำ 1
สลึง 20 เส้น
ของรางวัล รางวัลที่
1: IPHONE 7 มูลค่า 30,500 บาท จำนวน 40 รางวัล
(10 เครื่อง/เดือน) รางวัลที่ 2 :
สร้อยคอทองคำ 1 สลึง มูลค่า 5,500 บาท จำนวน 80 รางวัล (20 รางวัล/เดือน) เดือนสุดท้าย
เพิ่มโชค : บัตรเติมน้ำมันฟรี 1 ปี มูลค่า
36,000.- จำนวน 10 รางวัล
สถานที่จับรางวัล โรงกลั่นน้ำมันบางจาก สุขุมวิท 64 ประกาศผลทาง
www.bangchak.co.th
ครั้งที่1 รวบรวม SMS ที่ส่งตั้งแต่ 1 -
31 มกราคม 2560
จับรางวัล วันที่ 7
กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 10:00 - 12:00 น.ประกาศผล วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2560
แจก Iphone 7 (128
GB) 10 เครื่อง , สร้อยคอทองคำ 1 สลึง 20 เส้น
ครั้งที่2 รวบรวม SMS ที่ส่งตั้งแต่ 1 -
28 กุมภาพันธ์ 2560 จับรางวัล วันที่ 9 มีนาคม 2560
เวลา 10:00 – 12:00 น. ประกาศผล
วันที่ 17 มีนาคม 2560 แจก Iphone 7 (128 GB) 10 เครื่อง , สร้อยคอทองคำ
1 สลึง 20 เส้น
ครั้งที่3 รวบรวม SMS ที่ส่งตั้งแต่ 1 - 31 มีนาคม 2560 จับรางวัล วันที่ 7 เมษายน 2560 เวลา 10:00 – 12:00 น. ประกาศผล วันที่ 17
เมษายน 2560
แจก Iphone 7 (128 GB) 10 เครื่อง , สร้อยคอทองคำ 1 สลึง 20 เส้น
ครั้งที่4 รวบรวม SMS ที่ส่งตั้งแต่ 1 -
30 เมษายน 2560 จับรางวัล วันที่ 9 พฤษภาคม 2560
เวลา 10:00 – 12:00 น. ประกาศผล
วันที่ 17 พฤษภาคม 2560
ข่าวที่ 5 “ชุมชนและวิถีชีวิตตลาดท่าเตียน”
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้มุ่งมั่นอนุรักษ์แหล่งมรดกวัฒนธรรมที่ยังมีชีวิตและยังคงมีความต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ในพื้นที่บริเวณรอบพระบรมมหาราชวัง โดยเฉพาะ “ท่าเตียน”
นอกจากการศึกษาประวัติการก่อสร้างอาคารและวิวัฒนาการของพื้นที่เชิงกายภาพแล้ว
จะต้องคำนึงถึงชุมชนและวิถีชีวิตที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับพื้นที่ด้วย
องค์ประกอบสำคัญของชุมชนและวิถีชีวิตได้แก่ “คน”
ซึ่งหมายถึงผู้อยู่อาศัยและทำการค้าที่พื้นที่กับ “กิจกรรม”
ซึ่งหมายถึงวิถีปฏิบัติของคนในพื้นที่ที่มีความหลากหลาย ตั้งแต่วิถีการอยู่อาศัย
การทำกิจการร้านค้า รวมถึงกิจกรรมทางประเพณี คติความเชื่อที่มาพร้อมกับคน
ในกรณีของโครงการอนุรักษ์ตึกแถวทั้ง 3 ชุมชน โดยรอบพระบรมมหาราชวังนี้ “คน” และ “กิกจรรม”
ได้มีความเกี่ยวข้องกับพื้นที่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จากเดิมที่ทั้ง 3 พื้นที่ เคยเป็นที่ตั้งของวังหลายวัง
ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นตึกแถว สำหรับ “ตึกแถวหน้าพระลานและท่าช้าง” ในช่วงเวลากว่าศตวรรษ
ได้มีร้านค้าและกิจการที่ผู้คนมีความคุ้นเคย
มีชื่อเสียงมานานและอยู่ในความทรงจำของคนหลายรุ่น เช่น ร้านมิ่งหลี
ร้านหนังสือกฎหมายนิติเวช ฯลฯ
สำหรับพื้นที่ “ท่าเตียน” ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ มีทั้งตึกแถว ตลาด
ท่าเรือ และชุมชนซึ่งมีความต่อเนื่อง ในขณะที่กิจกรรมและการพัฒนาในยุคแรก ได้แก่
กลุ่มวังท้ายวัดพระเชตุพนฯ ศาลต่างประเทศ โรงโม่หิน
ที่พักของผู้เชี่ยวชาญชาวต่างประเทศ ได้สูญหายไปแล้ว
ส่วนท่าเรือซึ่งเคยมีความคึกคัก เนื่องจากเป็นศูนย์กลางระบบขนส่งมวลชนทางน้ำระดับภูมิภาคระหว่างกรุงเทพฯ
กับจังหวัดในภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง ได้ลดบทบาทลงไปมาก
ผู้อยู่อาศัยปัจจุบันในชุมชนทั้ง 3 แห่ง
ส่วนใหญ่ได้สืบทอดกิจการของครอบครัวมา 2-3 ชั่วอายุคน
แต่กิจการบางประเภทได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เนื่องจากสภาพการณ์และปัจจัยต่าง ๆ เช่น
การลดบทบาทของการสัญจรทางน้ำมาเป็นรถยนต์และรถไฟฟ้า
การจัดการจราจรที่ห้ามรถบรรทุกเข้ามาในพื้นที่อันเป็นผลมาจากนโยบายการอนุรักษ์กรุงรัตนโกสินทร์
รวมทั้งกระแสของการท่องเที่ยว
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม
แต่สิ่งที่จะรักษาไว้ได้คือ “คน”
ซึ่งผู้อยู่อาศัยในพื้นที่จะเป็นผู้ที่จะสืบทอดและสร้างความต่อเนื่อง
รวมทั้งจะเป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ของทั้ง 3 ชุมชนในอนาคต
ในการรักษาคนซึ่งรวมกันเข้าเป็นชุมชนนั้น
ทางสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้ดำเนินการในส่วนของการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบต่อไป
ช่วงที่ 2 เวลา 11.45 น.
@ไปเชียงใหม่ดื่มด่ำซากุระเมืองไทยบานบน4ดอย
เปิดศักราชใหม่ปีระกา 2560
ชวนกันมุ่งหน้าขึ้นดอยสูงสู่ภาคเหนือในจังหวัดยอดฮิต “เชียงใหม่” ไปชมเดือนแห่งดอกไม้
“นางพญาเสือโคร่ง” หรือ “ซากุระเมืองไทย” ได้จนถึงปลายเดือนมกราคมนี้
จุดแรก “ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่
(ขุนวาง)
อยู่บริเวณ บ้านขุนวาง ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ในอ้อมกอดของแนวเทือกเขาอินทนนท์
มีพื้นที่ประมาณ 450 ไร่ ภายในศูนย์ฯ มีแปลงทดลองปลูก แปลงวิจัย
แปลงสาธิตไม้ดอกกล้วยไม้ พืชเมืองหนาว ไม้ผล อาทิ เบญจมาศ แมกคาเดเมียนัต กาแฟ ท้อ
บ๊วย สาลี่ พลัม และพืชผัก ผลไม้ เมืองหนาวอื่น ๆ อีกจำนวนมาก
เส้นทางไฮไลต์ในการเดินชมดอกนางพญาเสือโคร่ง
เริ่มตั้งแต่แปลงสวนกาแฟไปจนถึงสวนอาร์เมเนีย
โดยต้นนางพญาเสือโคร่งที่ปลูกอยู่เรียงรายริมสองข้างทางจะทอดโค้งโน้มกิ่งลง
เป็นดังอุโมงค์ซากุระแสนโรแมนติกสีชมพูที่คนนิยมไปเก็บภาพเป็นที่ระลึก
บริเวณทางเดินไปทางแปลงปลูกท้อ กาแฟ
ทั้งตามต้นที่ปลูกเรียงรายอยู่ริมทางและต้นที่อยู่ในแปลงปลูก
โดยนอกจากดอกนางพญาเสือโคร่งสีชมพูที่คุ้นตากันดีแล้ว
ก็ยังมีดอกนางพญาเสือโคร่งสีขาวที่หาชมได้ยากให้ชม รวมทั้งมีต้นซากุระญี่ปุ่นแท้ๆ
ที่นำพันธุ์จากไต้หวันมาปลูกอยู่ภายในสวนขุนวาง
สอบถามรายละเอียดได้ที่
ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) โทร.0-5311-4133-6 ต่อ 0
จุดที่ 2 ดอยอินทนนท์ มีหลายจุดสวยงาม เริ่มตั้งแต่ “ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์” ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
ที่อยู่ในพื้นที่ของ “อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์” เป็นศูนย์วิจัยและเพาะพันธุ์รองเท้านารีหายากหลากสายพันธุ์
ที่มีจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งเบ่งบานเป็นสีชมพูสดใส ทั้งที่บานเด่นอยู่ริมโค้งใกล้ทางเข้าศูนย์ฯ
และริมสระน้ำที่ออกดอกสีชมพูตัดกับผืนป่าสนสีเขียวสด ดอกนางพญาเสือโคร่งทยอยผลิดอกบานจนเต็มที่ไปจนถึงกลางเดือนมกราคมนี้
บริเวณ “พระตำหนักดอยผาตั้ง” อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ดอกนางพญาเสือโคร่งที่พระตำหนักผาตั้งนี้จะบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณ
สลับกับต้นเมเปิ้ลและสวนไม้ดอกเมืองหนาวต่างๆ มีจุดชมวิวสวยๆ
ที่สามารถมองเห็นโครงการหลวงดอยอินทนนท์ น้ำตกสิริภูมิ
และยอดดอยอินทนนท์ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งบริเวณรอบๆ พระตำหนักยังมีไร่สตอเบอรี่
ลูกพลับ และฟาร์มเลี้ยงแกะ
ส่วน “ริมทางถนนจอมทอง-อินทนนท์ ช่วง กม.29-32” อ.จอมทอง ก็มีนางพญาเสือโคร่งขึ้นอยู่ริมถนน“สถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์” และ “บ้านม้งขุนกลาง” เป็นจุดชมซากุระเมืองไทยได้อย่างจุใจ
และระหว่างทางตั้งแต่บ้านขุนกลาง ด้านหน้าริมรั้วโรงเรียนบ้านขุนกลาง
บริเวณม่อนดอยชัวร์ญ่าวิวสวย และม่อนอิงฟ้า บริเวณบ้านขุนกลาง อ.จอมทอง -
บ้านขุนวาง อ.แม่วาง ช่วง กม. ที่ 4 และภายในโครงการหลวงขุนห้วยแห้ง มีทั้งดอกไม้เมืองหนาวสวยๆ
ให้ได้ด้วย
จุดที่ 3 สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน
เป็นแหล่งชมซากุระเมืองไทยที่อยู่ใกล้กับตัวเมืองเชียงใหม่มากที่สุด
โดยหากขับรถขึ้นไปยังดอยสุเทพ ผ่านวัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ
ผ่านพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ผ่านหมู่บ้านม้งดอยปุยไปอีกประมาณ 7 กิโลเมตร
ก็จะถึงบ้านขุนช่างเคี่ยน ระหว่างทางใกล้จะถึงสถานีฯ จะมีต้นนางพญาเสือโคร่งเรียงรายริมถนน
เห็นเป็นโค้งถนนสีชมพู และมีเป็นระยะๆ ไปจนถึงภายในหมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน
ภายในสถานีฯ เปิดให้กางเต็นท์พักแรมได้
พร้อมทั้งมีจุดชมวิวทะเลหมอก และสามารถเข้าไปเยี่ยมชมวิถีชีวิตในหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งขุนช่างเคี่ยนได้
ทั้งการไปชิมผลไม้เมืองหนาว กาแฟสด สอบถามที่
สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน โทร.0-5394-4053
จุดที่ 4 สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง
ดอยอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
นับเป็นโครงการหลวงแห่งแรกของประเทศไทย
เป็นสถานีวิจัยปลูกพืชผักและไม้ดอกไม้ผลเมืองหนาว
ภายในสถานีมีแปลงพืชผักผลไม้เมืองหนาวอันอุดมสมบูรณ์
และมากไปด้วยทัศนียภาพอันงดงาม ทั้งจากสภาพธรรมชาติ แปลงพืชผัก โรงเรือน
และสวนประดับตกแต่งต่างๆภายในสถานี
ทำให้ปัจจุบันดอยอ่างขางเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันงดงามขึ้นชื่อของเมืองไทย
มูลนิธิโครงการหลวงได้นำต้นซากุระญี่ปุ่นเข้ามาปลูกในสถานีเกษตรฯ
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 และจากประเทศไต้หวัน เมื่อปี 2551
ปัจจุบันภายในสถานีเกษตรหลวงอ่างขางปลูกต้นซากุระญี่ปุ่นและเชอร์รีไต้หวันไปแล้วจำนวนกว่า
5,000 ต้น โดยใช้การเพาะเมล็ดเป็นวิธีขยายพันธุ์
ในช่วงฤดูหนาวของทุกปีดอกซากุระญี่ปุ่นและเชอร์รีไต้หวันจะออกดอกให้ได้ชมตามจุดต่างๆ
ภายในสถานีฯ อ่างขาง ได้แก่ ภายในสวน 80 ด้านหน้าอาคารสโมสรอ่างขาง
ด้านข้างสวนกุหลาบอังกฤษ
และตลอดเส้นทางเดินรถขาออกฝั่งโรงเรือนรวบรวมพันธุ์ผักสถานีฯ อ่างขาง
อีกทั้งบริเวณริมถนนทางขึ้นไปสู่สถานีเกษตรฯ
ก็ยังมีต้นนางพญาเสือโคร่งที่ออกดอกสีชมพูหวานริมถนนสองข้างทางให้ชมด้วยเช่นกัน
ปี 2560 ดอกซากุระญี่ปุ่นบริเวณสวน ๘๐
กำลังออกดอกสวยงาม ส่วนรอบๆ สถานีเริ่มบานเต็มที่กลางเดือนมกราคมนี้ สอบถามได้ที่
โทร. 0-5396-9477, 0-5396-9489
เลือกรับประทาน “อาหารแก้อาการง่วงตอนบ่าย”
แทนกาแฟ โดยเลือกให้อาหารเป็นยาและช่วยให้มีแรงตลอดวัน ได้ดังต่อไปนี้
“เลือกกินคาร์โบไฮเดรต” ถ้าเป็นคนชอบกินแป้ง
ให้เลือกกินข้าวแทนกินขนมปัง แต่หากรู้สึกอยากกินขนมปังกับเนยถั่วขึ้นมา
ขอให้เลือกเป็นขนมปังโฮลเกรนแทนขนมปังขาว รวมทั้งธัญพืชขัดสีน้อยหรือยังไม่ผ่านการแปรรูปจะช่วยให้พลังงานที่ดี
ดังนั้นหากต้องการเริ่มต้นวันด้วยอาหารที่เต็มไปด้วยพลัง
ให้ลองรับประทานขนมปังโฮลวีต ปวยเล้งสุก มะเขือเทศย่าง และไข่ต้ม
ผักปวยเล้งและมะเขือเทศจะให้วิตามินที่จำเป็น และช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น
“ลองกินผลไม้เป็นอาหารเช้า”
การเลือกผักผลไม้เป็นพระเอกในมื้อเช้าก็เป็นทางเลือกที่ดี
เพราะผลไม้มีคาร์โบไฮเดรตอย่างดี มีน้ำตาลจากธรรมชาติ ช่วยให้รู้สึกสดชื่น
เพราะนอกจากกากใยที่เป็นส่วนประกอบสำคัญแล้วยังมีวิตามินสูง ยิ่งหากเป็นฝรั่ง
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น สตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ จะมีวิตามินซีสูง
ช่วยเปลี่ยนไขมันในร่างกายให้เป็นพลังงาน สำหรับเมนูน้ำปั่นมื้อเช้า เช่น
ปั่นผักโขมกับผลไม้รสหวาน เช่น กล้วย
ถ้าไม่อิ่มให้เพิ่มปริมาณผักหรือผลไม้ให้มากขึ้น จะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง
จากอ่อนเพลียจะกระปรี้กระเปร่า แถมขับถ่ายดีขึ้นด้วย
ข้อแนะนำ การรวมผลไม้มากกว่าหนึ่งชนิดเพื่อป้องกันอาการท้องอืด
ให้เลือกผลไม้ประเภทเมลอนหรือน้ำเยอะ กินอย่างเดียวไม่รวมกับอย่างอื่น
ผลไม้รสหวานปั่นรวมกับผลไม้รสเปรี้ยวอมหวานได้ แต่ไม่รวมกับรสเปรี้ยว เช่น
กล้วยปั่นรวมกับแอปเปิ้ลหรือมะม่วงได้ แต่กล้วยไม่ควรรวมกับมะนาว ส่วนผลไม้รสเปรี้ยวอมหวานปั่นรวมกับผลไม้รสเปรี้ยวได้
เช่น เสาวรสรวมกับแอปเปิ้ล
“เปลี่ยนเครื่องดื่มระหว่างวัน”
การดื่มน้ำมะนาวจะช่วยย่อยอาหาร
เพราะมะนาวเป็นกรดและมีคุณสมบัติช่วยย่อยอาหาร วิธีการคือให้บีบมะนาวใส่น้ำอุ่น
และน้ำผึ้งเล็กน้อย ผสมและดื่มก่อนอาหาร 20 นาที แต่หากใครชอบดื่มน้ำเย็น
แนะนำให้ใส่น้ำแข็งดื่มตอนบ่าย ข้อควรระวังคือไม่ดื่มน้ำมะนาวในมื้ออาหาร
หรือหลังอาหารทันที เพราะเครื่องดื่มเย็นๆ จะไปรบกวนระบบย่อยอาหาร
ทำให้ไม่สบายท้องได้ นอกจากน้ำมะนาว คนที่ติดน้ำอัดลมแต่อยากเปลี่ยนพฤติกรรม
ลองใช้แอปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำ 1 แก้ว จะช่วยให้สดชื่น
และทำให้อยากน้ำอัดลมน้อยลง แถมอร่อยสดชื่นไม่แพ้กัน
“อินทผลัมเพิ่มพลังงาน” อินทผลัมเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานเร็ว
กินแล้วมีแรง เพราะประกอบด้วย น้ำตาลจากธรรมชาติ และสารอาหารอื่นๆ เช่น ธาตุเหล็ก
วิตามินเอและบี 6 ให้พลังงานสูง แต่ต้องกินในปริมาณที่พอดี
เลือกแบบที่เป็นอินทผลัม 100% ไม่เคลือบน้ำตาล
หากไม่ได้ใช้แรงร่างกายมากแนะนำให้กิน 1-3 เม็ด
ขณะท้องว่างกินแทนขนมก็ได้ หรือนำไปแช่น้ำแล้วปั่นรวมกับสมูทตี้ผัก
จะช่วยเพิ่มรสชาติให้อร่อยและกินง่ายขึ้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก“กมธ.ชงแก้กม.บัตรคนเข้าเมือง-โรงแรม”
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)
ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวว่าในช่วงปี 2560 คณะกรรมการธิการ สปท.อยู่ระหว่างการพิจารณารายงานเรื่อง
การพัฒนาด้านการท่องเที่ยว ของ อนุ กมธ.ด้านอุตสาหกรรมและบริการ
เพื่อแก้ปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย และยกระดับคุณภาพ ความสะดวก
รวมถึงความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว
โดยมีข้อเสนอเบื้องต้น ได้แก่ ด้านข้อมูลตรวจคนเข้าเมือง เสนอให้ยกเลิกบัตร ตม.6 ซึ่งเป็นบัตรสีฟ้า
เพื่อกรอกข้อมูลการเข้า และออกประเทศ โดยยกเลิกทั้'คนไทยและต่างชาติ
และให้ใช้ข้อมูลจาก อี-พาสปอร์ต แทน
สำหรับที่พักทุกประเภทกรณีผู้เข้าพักเป็นชาวต่างชาติ
ต้องลงทะเบียนเข้าพักด้วยพาสปอร์ตทุกครั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการเก็บข้อมูล
และเชื่อมระบบหรือข้อมูลระหว่างที่พักกับฐานข้อมูลส่วนกลางในอนาคต ด้านที่พักแรม
มีข้อเสนอให้แก้ไขพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ.2547
เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมประชาสัมพันธ์
หรือโฆษณาเลขที่ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมได้ และเพิ่มบทลงโทษหากผู้ประกอบธุรกิจไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ
และอนุ กมธ.ฯ ด้านอุตสาหกรรมและบริการ ยังเสนอแก้ไขกฎหมายโรงแรม ให้เพิ่มลักษณะที่พัก 2 กลุ่มหลัก
ไว้ในกฎหมายที่จะแก้ไขเพิ่มเติม คือ 1.ที่พักแรมซึ่งมีห้องพักไม่เกิน
4 ห้องและผู้เข้าพักไม่เกิน 20 คน โดยกำหนดให้เป็นที่พักแบบโฮมสเตย์
2.ที่พักแรมที่ไม่ใช่โรงแรม
เช่น แพ บ้านต้นไม้ เรือ เครื่องบินเก่า รถเก่า รถบ้าน เต็นท์ แคปซูล
เพื่อส่งเสริมและควบคุมที่พักประเภทดังกล่าว
รวมถึงเพื่อให้ผู้ประกอบการที่ต้องการจะทำโรงแรม
แต่ติดปัญหาเรื่องลักษณะอาคารสามารถเข้าสู่ระบบได้
ทั้งนี้ข้อเสนอเรื่องการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว
นั้น กมธ.ศรษฐกิจจะนัดพิจารณาเพื่อปรับรายละเอียดก่อนนำเสนอให้ที่ประชุมสปท.
พิจารณาเร็ว ๆ นี้
นายวิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA
ผู้นำด้านการให้บริการธุรกิจสปาแบบครบวงจร
เปิดเผยว่า "ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จํากัด (มหาชน) มีมติให้ซื้อ 2 บริษัทของ ไทเกอร์ ฯ ประกอบด้วย บริษัท
สยามเวลเนสแล็บ จำกัด (“SWL”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SPA ถือหุ้นทั้งหมด ซื้อกิจการ บริษัท ไทเกอร์ อายส์ เทรดดิ้ง
(ประเทศไทย) จำกัด (“TGT”) 100 % และบริษัท สยามเวลเนส เอ็ดยูเคชั่น จำกัด (“SWE”)ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SPAถือหุ้นทั้งหมด เข้าซื้อกิจการ บริษัท ไทเกอร์ อายส์ เอ็ดดูเคชั่น
จำกัด (“TGE”) 100 %เช่นกัน ซึ่งทั้ง 2 บริษัทเป็นธุรกิจเชื่อมโยงและต่อเนื่องกันกับธุรกิจหลักของ SPA ที่ได้ใช้เงินลงทุนไป 1 ล้านบาท
โดย บริษัท ไทเกอร์ อายส์ เทรดดิ้ง (ประเทศไทย)
จำกัด ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับสปา
และผลิตภัณฑ์เสริมความงามให้กับร้านค้าที่ดำเนินธุรกิจสปาและเสริมความงามในประเทศ
โดยเป็นตัวแทน สินค้าจากฝรั่งเศส อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และแคนาดา
ส่วน บริษัทไทเกอร์ อายส์ เอ็ดดูเคชั่น
จำกัด ทำธุรกิจทางด้านโรงเรียนที่เกี่ยวกับการดูแลความงามโดยเปิดสอนหลักสูตรสปาและความงามให้แก่นักบำบัด
(เธอราปิสท์) ทั้งในและนอกประเทศ หรือลูกค้าของ TGTที่ซื้อสินค้า และสนใจจะฝึกทักษะการเรียนรู้วิธีการใช้ผลิตภัณฑ์
กระทรวงคมนาคม รายงานว่าในปี 2560 ได้พิจารณาโครงการที่มีความพร้อมในการลงทุน 36 โครงการ วงเงินลงทุน 895,757.5
ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการรถไฟทางคู่ 10 เส้นทาง วงเงิน 408,616.28
ล้านบาท ได้แก่
1.โครงการรถไฟทางคู่ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์
10,239.5 ล้านบาท 2.โครงการรถไฟทางคู่ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี
23,384.9 ล้านบาท 3.โครงการรถไฟทางคู่ช่วสุราษฎร์ธานี-สงขลา
51,823.83 ล้านบาท4.โครงการรถไฟทางคู่ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์7,941.8
ล้านบาท 5.โครงการรถไฟทางคู่ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย 56,066.2
ล้านบาท 6.โครงการรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่59,924.2
ล้านบาท 7.โครงการรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
76,978.8ล้านบาท 8.โครงการรถไฟทางคู่ช่วงขอนแก่น-หนองคาย 26,065.7
ล้านบาท 9.โครงการรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี
35,839.7ล้านบาท และ 10.โครงการรถไฟทางคู่ช่วงบ้านไผ่ - นครพนม
60,351.9 ล้านบาท
ส่วนรถไฟชานเมือง 2
เส้นทาง วงเงิน 26,639.07 ล้านบาทได้แก่ 1.โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม
ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต 7,596.9 ล้านบาท และ2.โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อนส่วนต่อขยาย
ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช 19,042.1 ล้านบาทและตลิ่งชัน-ศาลายา
ด้านระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน วงเงิน 221,148.3
ล้านบาท 1.โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน
ช่วงบางแค-พุทธมณฑลสาย 4 21,197 ล้านบาท 2.โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรมฯ
123,354 ล้านบาท3.โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้มช่วงสมุทรปราการ-บางปู
12,146 ล้านบาท4.โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้มช่วงคูคต-ลำลูกกา
9,803 ล้านบาท 5.โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิส่วนต่อขยาย
(ช่วงดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท)รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิ้งค์ 31,149.3
ล้านบาทและ 6.ระบบขนส่งมวลชนจังหวัดภูเก็ต 23,499
ล้านบาท
ขณะที่ทางหลวงพิเศษและทางพิเศษจะพัฒนารวม 5 เส้นทาง
วงเงิน 167,222.6 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายนครปฐม-ชะอำ
80,600 ล้านบาท 2.โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายหาดใหญ่-ชายแดนไทย/มาเลเซีย
30,500 ล้านบาท 3.โครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯด้านตะวันตกวงเงิน
31,244ล้านบาท 4.โครงการทางด่วนขั้นที่ 3
สายเหนือตอน N2 และ E-W
Corridor 14,382 ล้านบาท 5.โครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง
10,496.6 ล้านบาท
การพัฒนาทางน้ำอีก 3
โครงการ 36,081.2 ล้านบาท ได้แก่ 1.การเดินเรือเฟอร์รี่
เชื่อมอ่าวไทยตอนบน 2.การพัฒนาท่าเรือเฟอร์รี่เชื่อมอ่าวไทยตอนบน
981.7 ล้านบาท และ3.ท่าเรือแหลมฉบังขั้นที่ 3 35,099.5
ล้านบาท
พบกับสาระข่าวดี ๆ
ได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.
ดำเนินรายการโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
ติดตามฟังรายการได้โดยเข้า www.google.com พิมพ์คำว่า รวยด้วยข่าว97.0 หรือทาง www.facebook.com/rauydauykhao
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน คอลัมนิสต์การบิน-ท่องเที่ยว และเจ้าของรายการ "ข่าวเสาร์-อาทิตย์" สวท.FM 97.0 MHz |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น