ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ปี2560 ไทย-อินเดียฉลองสัมพันธ์70ปี-บูมท่องเที่ยว-ททท.เอเชียกวาดรายได้1.2ล้านล้าน-

ไทย-อินเดียจัดยิ่งใหญ่ความสัมพันธ์70 ปี

มี.ค.นี้บูมวัฒนธรรม/การค้า/ลงทุน/ท่องเที่ยว

ช้อปคิงเพาเวอร์บินเอทิฮัดสู่ยุโรปลด50 %

ทอท.จับมือเมียนมาเปิดซิสเตอร์แอร์พอร์ต

ททท.เอเชียลุยโกยรายได้ปีระกา1.2ล้านล้าน





สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังสดทางได้มือถือเลือก FM 97.0 หรืออ่านได้ทาง  gurutourza.blogspot.com)



ช่วงแรกฟังเรื่องราวข่าวเศรษฐกิจ
นายอภิรัตน์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
อัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเดลี ประเทศอินเดีย




นายอภิรัตน์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเดลี ประเทศอินเดีย ให้สัมภาษณ์ถึงว่าในปี 2560 เตรียมจัดงานสถาปนาความสัมพันธ์ไทย-อินเดีย ครบรอบ 70 ปี โดยก่อนหน้านี้ก็มีความเป็นเพื่อนกันมาอย่างยาวนาน และเมื่ออินเดียยุคใหม่ก็ยังคงเดินหน้าความสัมพันธ์ทั้งทางด้านวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ สืบสานมานานหลายพันปี จากการติดต่อซื้อขายกันมาแต่โบราณ

ประเทศไทยมีแผนจะร่วมฉลองความสัมพันธ์ทางการ โดยเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีนำคณะเดินทางมาเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการ ก็ได้หารือกับ ฯพณฯ นเรนทรา โมที นายกรัฐมนตรีอินเดีย ถึงภารกิจที่รัฐบาลสองประเทศในโอกาสดังกล่าว

กิจกรรมแรกที่ร่วมเฉลิมฉลอง โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีฯ มาเยือนอินเดียเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ทรงเสด็จมาเปิดมาเปิดภาพฝีพระหัตถ์ที่ทรงถ่ายด้วยพระองค์เองเดินตามรอยตามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ พระองค์ทรงได้ถ่ายภาพขณะเสด็จอินเดียไว้มากมายหลายครั้ง เกือบทุกรัฐทุกเมือง ชาวอินเดียเห็นว่าทรงเป็นเพื่อนกับประเทศอินเดีย ทรงพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานภาพให้จัดนิทรรศการ กิจกรรมภาพถ่ายจัดไปแล้ว เป็นการเริ่มต้นอันเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง

กิจกรรมปี 2560 กำลังเตรียมจัดงาน “ไทย เฟสติวัล-เทศกาลไทย” โดยสถานเอกอัครราชฑูตไทย ณ กรุงเดลี ระหว่างวันที่ 3-5 มีนาคม นี้ ณ ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองชั้นนำของนิวเดลี ห้างเดอะ แอเรียน พรมนาด กับห้างแอมเบี๊ยน โดยได้รับความกรุณาจากทางกระทรวงวัฒนธรรมของไทย ส่งคณะมาจัดการแสดงวัฒนธรรม พร้อมทั้งจะจัดงานเทิดพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และมีนิทรรศการจัดแสดงประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-อินเดีย การออกร้านโดยเชิญร้านอาหารไทยบริเวณใกล้เคียงนิวเดลีมาบริการ จัดประกวดตอบคำถามเปิดให้ชาวอินเดียตอบความรู้เกี่ยวกับไทย และเชิญผู้ประกอบการไทยขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) มาออกร้าน รวมถึงธุรกิจไทยในอินเดียมาออกร้านภายในงานด้วยเช่นกัน

ตามแผนงานทางสถานทูตไทยได้พิจารณาเรื่องการนำคณะแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยมาถึงอินเดียแล้ว เมื่อเสร็จงานก็จัดเวทีให้แสดงในโรงละครชั้นนำของกรุงเดลีต่ออีกรอบ ก่อนจะเดินทางไปยังจัดแสดงวัฒนธรรมไทยต่อในเมืองที่มีสถานกงสุลไทยอยู่ทั้ง 3 แห่ง มุมไบ (บอมเบ) เชนไน (มัตดาส) และกัลกัตตา ใช้เวลารวม 10 วัน เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมที่ความใกล้เคียงกัน เช่น เรื่องรามายณะ รามเกียรติ์ ซึ่งน่าจะเป็นการรำลึกถึงความเกี่ยวพันที่ลึกซึ้ง

กิจกรรมที่ 3 เป็นนโยบายของรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม ที่จะขยายความร่วมมือทางด้านวิชาการและการจัดการโบราณคดี ระหว่างไทย-อินเดีย ตามที่นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่ากระทรวงยุติธรรมมอบหมายให้มาเจรจาความเป็นไปได้ที่จะแลกเปลี่ยน “ศิลปวัตถุ-โบราณวัตถุ” ที่เกี่ยวข้องกันทางด้านศาสนา กิจกรรมนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจาจะสรุปผลอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ เพื่อจะนำมาจัดแสดงในไทย

อีกทั้งจะจัดกิจกรรม “ประชุมเชิงวิชาการ” ทางด้านวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ โบราณคดี “ไทย-อินเดีย” ในช่วงปลายปี 2560 และทางสถานฑูตไทย ณ กรุงเดลี เสนอให้ทางกระทรวงการต่างประเทศในไทย ช่วงเวลาใกล้เวลาตามสากลของการสถาปนาความสัมพันธ์คือ วันที่ 1 สิงหาคม นี้ พยายามจะจัดกิจกรรมอีกโครงการขึ้น อาทิ การสัมมนาความสัมพันธ์ไทย-อินเดีย เพื่อให้ตระหนักรู้ให้คนอินเดียและไทยได้รู้จักกันมากขึ้น กำลังพิจารณารูปแบบการจัดงาน และจะแลกเปลี่ยนกันในระดับสูงได้หรือไม่

เบื้องต้นปี 2559 ทางประธานาธิบดีอินเดียเดินทางมาเยือนประเทศไทยพร้อมทั้งเข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีฯ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่เยือนไทย พอถึงกลางปีที่แล้วทางพลเอกประยุทธ์ เดินทางมาอินเดีย และเดือนพฤศจิกายน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีฯ ทรงเสด็จเยือนอินเดีย นับเป็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันระหว่างสองประเทศ

ดังนั้นจึงหวังที่จะแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์ระดับสูง ที่น่าจะไปได้เป็นอย่างดีต่อไป

กิจกรรมที่สถานทูตไทย ณ กรุงเดลี ตั้งใจจัดงานเฉลิมฉลองช่วงเดือนสิงหาคมปีนี้ อาจจะทำเรื่องผ้า เดือนวันแม่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนารถ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างมากเรื่องผ้า จึงจะขอเจริญตามรอยตามเบื้องพระยุคลบาทจัดทำกิจกรรมผ้าขึ้นด้วย

นอกจากสิงหาคมปีนี้จะเป็นเดือนมงคล มีทั้ง เดือนเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนารถ เดือนแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ไทย-อินเดีย 70 ปี แล้วในกรอบกว้างกว่านั้นยังเป็นปีครบรอบ 25 ปีความสัมพันธ์ อาเซียน-อินเดีย ไทยกับ 9 ประเทศอาเซียน กำลังคุยกับอินเดียว่าจะทำอะไรได้บ้าง

ทางนายกรัฐมนตรีไทยได้เสนอ 1-4 สิงหาคม 2560 ประเทศไทยเสนอตัวจัดมหกรรมแสดงสินค้า “ไทย-อาเซียน-อินเดีย” ขึ้นในกรุงเทพฯ โดยเชิญทางอินเดียจัดส่งสินค้าไปจำหน่าย ผนวกกับอาเซียนทุกประเทศก็จะส่งสินค้ามาขายในงานนี้ด้วย โดยมี “กระทรวงพาณิชย์” เป็นแม่งาน ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ในการทำเรื่องเดียวได้ความสัมพันธ์ครบทุกทั้งไทยและอาเซียน

ส่วน “ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า”ของไทยกับอินเดีย ระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยเดินทางไปเยือนอินเดีย โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ มาพร้อมรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจเกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ตกลงกันหลายเรื่อง ได้แก่ ข้อตกลงความร่วมมือ FTA กรมเศรษฐกิจได้เจรจาทางด้านส่งเสริมการลงทุน

ขณะที่เอกชนได้จัดตั้ง “สภาธุรกิจอินเดีย” เอกชนชั้นนำของไทยและอินเดียร่วมกันอยู่ โดยมี 3 สภาภาคเอกชนของไทยกับอินเดีย สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าไทย และสภาทนายความ ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมาก

ทางสถานทูตไทย ณ กรุงเดลี จึงขอเน้นอีกเรื่องที่จะเชิญ “นักลงทุนไทย” เข้ามาศึกษาลู่ทางการลงทุนในอินเดียเพราะนายกรัฐมนตรีโมดี้ของอินเดียเน้นนโยบายเปิดกว้างให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน และอินเดียเป็นแสงสว่างเดียวของโลกที่มีเศรษฐกิจเติบโตสวนทางกับกระแสโลก

ขณะนี้มหาอำนาจใหญ่อย่าง สหรัฐอเมริกา ยุโรป เอเชีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และหลายประเทศ ต่างหลั่งไหลเข้ามาลงทุนและจับจองพื้นที่การลงทุนสาขาต่าง ๆ แต่ไทยมีมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จะกล่าวแล้วทุนไทยช้าไปแล้วแต่ก็ยังไม่สายถ้าจะเข้ามาตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เพราะอินเดียมีอนาคตอีกมาก ตามผลวิเคราะห์ของมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดยืนยันว่า “อินเดีย” จะกลายเป็น “แกนหลักเศรษฐกิจโลก” ดังนั้นโอกาสทางภาคธุรกิจในอินเดียจึงมีมหาศาลจึงต้องการให้เอกชนไทยมองอินเดียให้ภาพที่กว้างมากขึ้นในระยะยาว

โดยควรจะเข้ามาศึกษาเพราะอินเดียมีศักยภาพหลากหลายมาก 5 อันดับแรกที่พร้อมเปิดประตูเข้ามาลงทุนได้คือ 1.อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ขณะนี้ชนชั้นกลางของอินเดียกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว คนรวยขึ้น ผนวกกับการขยายเมือง มีการก่อสร้างถนน ที่อยู่อาศัย เมืองขยายคนก็จะใช้จ่ายเงินสูงตามไปด้วย 2.การท่องเที่ยว ชื่อเสียงของไทยทางด้านฮอสพิตาลิตี้ แต่ต้องทำการบ้านมาดี ๆ เพราะมีความยุ่งยากอยู่มาก แต่ผลลัพธ์สุดท้ายจะคุ้มค่า

 ตัวอย่าง ญี่ปุ่นบุกเข้ามาลงทุนในเมือง Gurgaon เป็นเมืองส่วนขยายของกรุงเดลี ที่ญี่ปุ่นเข้ามาสร้างโรงแรมรองรับคนของตนเองที่เข้ามาลงทุนในอินเดียเต็มไปหมด ถ้าหากไม่ดีจริง ประเทศชั้นนำของโลกคงจะไม่มา ถึงแม้ “ปัญหาและความท้าทายจะมาก” แต่ “โอกาสมีมหาศาล”

ตามพยากรณ์ของหน่วยงานระดับโลกถึงแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคตคือกลุ่มประเทศ “BRICS” ตัว I คือ อินเดีย ที่รวมอยู่กับ บราซิล รัสเซีย จีน และแอฟริกาใต้ ขณะนี้ประเทศคู่ค้าเก่าของไทยอย่าง ยุโรปถอยแล้ว อเมริกาทรงตัว อยู่ ตามปรากฎการณ์ที่เห็นขณะนี้เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังมืดมิดทว่า “อินเดีย” กลับกลายเป็น “แสงสว่างเดียว” สวนทิศทางโลกทะยานขึ้น หลายประเทศวิ่งเข้าสู่อินเดียแต่ไทยยังนิ่งอยู่

ประเมินจากจีดีพีปี 2560 เติบโตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 7 % ซึ่งทางสถานทูตกับทีม ไทยแลนด์ ทั้งกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานการค้า สำนักงานบีโอไอ สถานกงศุลใหญ่ 3 เมือง สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หน่วยงานภาครัฐของไทยในอนเดียทุกฝ่ายยินดีอย่างยิ่งที่จะให้ความช่วยเหลือ เพราะทางเรารู้ว่าไม่ง่ายในการที่จะบุกเข้ามาลงทุนพัฒนาธุรกิจในอินเดีย เนื่องจากในอินเดียมีเขตการบริหารอยู่กว่า 29 รัฐ แต่ละรัฐเกือบจะเหมือนเป็น 1 ประเทศ แต่ละรัฐก็มีนโยบายการบริหารที่แตกต่างกัน มีการใช้กฎหมายที่ไม่เหมือนกัน

ดังนั้นถ้าจะบอกว่ามีทั้งความท้าทายและความยากที่นักธุรกิจไทยจะเข้ามาลงทุนในอินเดีย แต่ทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเดล และหน่วยงานไทยในอินเดียก็ปวราณาตัวเองโดยยินดีจะให้ความช่วยเหลือในการให้คำปรึกษาอย่างเต็มที่

สำหรับการผลักดันให้ชาวอินเดียเดินทางมาท่องเที่ยวไทย ทางสถานฑูตไทยได้ใช้วิธีสร้างความตระหนักรู้ถึงเมืองไทย เพราะอินเดียมีประชากรกว่า 1,200 ล้านคน จึงมีที่ว่างเสมอที่ยังไม่รู้จักเมืองไทยมากขึ้น ควบคู๋กับพยายามส่งเสริม “อาหารไทย” ให้ขยายไปสู่พื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งอินเดียมีหลากหลายกลุ่มที่กินมังสะวิรัต และยังให้ความร่วมมือกับสำนักงาน ททท. สสปน.ในการขยายตลาดการท่องเที่ยวในอินเดีย ภายใน 1-2 เดือนนี้จะมีเอกอัครราชทูตมารับตำแหน่ง การทำงานจะสามารถเดินหน้าเต็มอัตราได้

สถานทูตไทย กรุงเดลี ประเทศอินเดีย ได้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะบูรณาการทำงานและการจัดทำโครงการเพื่อสร้างความสัมพันธ์ ทำให้ชาวอินเดียเป็นเพื่อนทั้งทางด้านวัฒนธรรม ศิลปะ การค้า การลงทุน เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ที่แนบแน่นกับไทยในระยะยาวด้วยความสัมพันธ์ที่มั่นคง เป็นผู้บริโภครายใหญ่ใหญ่ของโลกที่พร้อมจะอุดหนุนประเทศไทยตลอดไป



จากนั้นมาฟังข่าวที่น่าสนใจ



ข่าวที่ 1 “ช้อปคิงเพาเวอร์บินเอทิฮัดลด50%

กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ผู้นำธุรกิจดิวตี้ฟรีเมืองไทยมอบสิทธิผู้ถือบัตรสมาชิกช้อปปิ้ง ไปพร้อม ๆ กับรับสิทธิซื้อตั๋วโดยสารเครื่องบินเป็นคู่กับสายการบินเอทิฮัด ระหว่างวันนี้-31 มีนาคม 2560 โดยมอบส่วนลดสูงสุด 50% ที่นั่งชั้นธุรกิจ บินสู่เมือง อัมสเตอร์ดัม แฟรงค์เฟิร์ต ปารีส โรม มิลานและแมนเชสเตอร์ เริ่มต้นที่คนละ 62,900 บาท ลอนดอน เริ่มต้นคนละ 75,900 บาท นิวยอร์ก (JFK) เริ่มต้นคนละ 94,000 บาท

สำรองที่นั่งภายใน 31 มีนาคม นี้ สามารถเก็บไว้เดินทางได้จนถึง 30 ธันวาคม 2560

สอบถามเส้นทางอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ Amber Air Travel โทร. 0 2168 7300 ทุกวันจันทร์ - วันศุกร์ 8.30 - 17.00 น. ส่วนลดนี้ใช้ได้กับการเดินทางตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ยกเว้นการเดินทางขาไป วันที่ 7 - 10, 13 - 18 เมษายน 2560 และขากลับ 15 - 31 ธันวาคม 2560 ดูรายละเอียดเพิ่มที่ www.kingpower.com



ข่าวที่ 2 “ทอท.ลงนามซิสเตอร์แอร์พอร์ตเมียนมา”

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ  กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)  หรือ “ทอท.” เปิดเผยว่า ได้นำคณะผู้บริหาร ทอท. เข้าพบและร่วมแลกเปลี่ยนการประชุมกับ Mr. Htun Myint Naing  Chairman Yangon Aerodrome Company Limited (YACL) ในหัวข้อ “AOT-YACL Executive Meeting 2017” ณ ท่าอากาศยานย่างกุ้ง เมียนมา

 พุ่งเป้าหมายในการลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างท่าอากาศยานเพื่อดำเนินกิจกรรมสำคัญร่วมกันในปี 2560 ภายใต้รูปแบบ Sister Airport Agreement รวมทั้งจะแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best Practices) ระหว่างสองหน่วยงาน เช่น Ground Public Transportation Study, Airline Route Development, Airside Operations and Management carbon Accreditation   



ข่าวที่ 3 “ททท.จ่อโกยรายได้เอเชียปีระกา1.2ล้านล้านบาท”

(อ่านสกู๊ป ททท.ฉบับเต็มได้ใน X-CITE ไทยโพสต์ ฉบับวันอาทิตย์ที่ 26 ก.พ.60)

เปิดศักราชปี 2560 อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังเป็นเสาหลักเศรษฐกิจสำคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้าไทย จาก “ภูมิภาคเอเชีย”  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้สูงถึง 1.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.69 % จากนักท่องเที่ยว 27 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4.68 % ใช้จ่ายเงินเฉลี่ยคนละประมาณ 45,000 บาทต่อทริป หลังจากเมื่อปี 2559 สามารถทำรายได้รวมกว่า 1.064 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา 24.75 ล้านคน ใช้จ่ายเงินเฉลี่ยคนละ 43,000 บาทต่อทริป

“นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์” รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย แปซิฟิก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อธิบายว่า ปี 2560 ได้วางกลยุทธ์ทำตลาดเชิงรุกเน้นเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวแถบเอเชียเดินทางเข้ามาในประเทศไทยให้ได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ จะคัดเลือกสินค้าท่องเที่ยวสไตล์หรูหราไปวางขาย ตอนนี้สินค้าที่กำลังได้รับความนิยม ได้แก่ การเดินทางมาเป็นฉลองการสละโสดก่อนแต่งงาน (Pre wedding) คู่แต่งงาน ฮันนีมูน ท่องเที่ยวเรือสำราญ ช้อปปิ้ง

ส่วนตลาดดาวรุ่งมาแรงคือ “อินเดีย” เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ททท. นำทีมผู้ประกอบการไทยกว่า 50 ราย เข้าร่วมซื้อขายการท่องเที่ยวระดับนานาชาติในงาน South Asia's Leading Travel Show 2017 : SATTE กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ตามเป้าหมายปี 2560 จะสร้างรายได้การท่องเที่ยวจากตลาดอินเดีย  61,000 ล้านบาท เพิ่มกว่า 10% จากจำนวนนักท่องเที่ยว 1.25 ล้านคน เติบโตประมาณ 6 % สูงกว่าปีที่ผ่านมาทำได้ 1.19 ล้านคน

ปี 2560 ททท.ได้นำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวปลุกกระแสความนิยมตลาดอินเดีย 6 หมวดหลัก ได้แก่ 1.สถานที่จัดแต่งงาน ฮันนีมูน ปาร์ตี้ 2.เส้นทางอาหารไทย 3.แหล่งช้อปปิ้ง 4.กิจกรรมรองรับตลาดเศรษฐีที่พร้อมจ่ายเงินทำเวลเนสและสปา 5.เทศกาลงานประเพณีที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ  6.การจัดงานมหกรรมการค้าท่องเที่ยวที่นานานประเทศจะเข้าไปร่วมได้ในแต่ละปีที่เมืองไทย เช่น Thailand Travel Mart : TTM ซึ่ง ททท.ในฐานะเจ้าภาพจัด ได้ใช้เวทีดังกล่าวนำเสนออาหารถิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละจังหวัดแต่ละภาคมาบริการผู้ที่เดินทางเข้ามาร่วมงานดังกล่าว โดยเฉพาะอินเดียที่มาเที่ยวเมืองไทยชื่นชอบอาหารไทยด้วยเช่นกัน

ส่วนเทรนด์ของนักท่องเที่ยวอินเดียที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วขณะนี้มี 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มวัยรุ่นเพิ่งเข้าทำงานใช้เงินเดินทางเที่ยวต่างประเทศครั้งแรก (First job First visit) ซึ่งมีกว่า 30% ของประชากรอินเดียทั้งหมด 1,300 ล้านคน นิยมเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว 2.กลุ่มคู่แต่งงานอินเดีย เลือกมาแต่งงานในเมืองไทยปีมีประมาณ 300-400 คู่ และใช้เงินจัดแต่งงานคู่ละเกินกว่า 10 ล้านบาทต่อครั้ง สร้างรายได้ให้กับโรงแรมต่าง ๆ ซึ่งปีนี้จะขยายสถานที่ ออกแบบธีมจัดปาร์ตี้ และอื่น ๆ

3.กลุ่มครอบครัว นิยมมาอาหารไทย ซึ่ง ททท.แนะนำเส้นทางท่องเที่ยวทางอาหารโดยมีให้เลือกทั้งอาหารท้องถิ่น สตรีทฟู้ด อาหารระดับรอยัลในโรงแรมระดับ 5 ดาว โดยเฉพาะ อาหารล้านนา รสค่อนข้างจัดจ้าน หรืออีสานก็มีความแตกต่างของความเผ็ดร้อนของอาหาร ซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมของท้องถิ่นนั้น ๆ ที่เรียกว่า One food one Local dish 

นอกจากนี้ ททท.ยังได้วางกลยุทธ์โปรโมตอาหารไทย Food Toursim ในทุกตลาดที่เดินทางเข้าไปพักผ่อน  ขณะนี้ในกรุงเทพฯ ได้จัดทำ "ตุ๊กตุ๊กฟู้ดทัวร์" โดยกลุ่มรถตุ๊กตุ๊กรวมตัวกันจัดนำเที่ยวด้วยการทำโปรแกรมพานักท่องเที่ยวไปรับประทานอาหารตามร้านอร่อยบริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ และสามารถแวะกิน ดื่ม ชมแสงสียามราตรี ริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งให้นักท่องเที่ยวชมการปรุงอาหารแต่ละชนิดเพื่อสร้างประสบการณ์และเรียนรู้อาหารไทยไปด้วย

                4.กลุ่มนักท่องเที่ยวสตรีอินเดีย ส่วนใหญ่ชื่นชอบโปรดักซ์ห้องพักโรงแรม สปา ช่วงเดือนสิงหาคม ททท.ได้จัดทำเป็น Lady Month ให้สิทธิพิเศษแก่นักท่องเที่ยวผู้หญิงตั้งแต่ผ่านเข้าสนามบินนานาชาติมีช่องตรวจหนังสือเดินทาง Pink lane หรือการร่วมมือกับสายการบินให้น้ำหนักกระเป๋าสัมภาระเพิ่มมากกว่าปกติ และร้านค้าช้อปปิ้งมอบส่วนลดมากมายโดดเด่นกว่าเดือนอื่น ๆ

สำหรับภาพรวมของตลาดอินเดีย ล่าสุดรัฐบาลไทยได้ขยายระยะเวลาไปอีก 6 เดือนค่าจัดทำวีซ่าให้เหลือเพียง 1,000 บาท กลยุทธ์ดังกล่าวสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวซึ่งประเมินจากจำนวนยอดการขอวีซ่าของชาวอินเดียมาไทยเติบโตถึง 200 %

                นางศรีสุดาอธิบายเพิ่มว่า “ตลาดนักท่องเที่ยวอาเซียน” ก็จะเป็นอีกภูมิภาคที่มาแรงทั้งจากมาเลเซีย อินโดนีเซีย และกลุ่มอาเซียนใหม่ เวียดนาม สปป.ลาว เมียนมา กัมพูชา จะเร่งเพิ่มทั้งรายได้และจำนวนคน สถิติปีที่ผ่านมามีรายได้จากนักท่องเที่ยวอาเซียนเกือบ 3 แสนล้านบาท จำนวน 9.3 ล้านคน ปี 2560 ยังมีโอกาสที่จะเพิ่มรายได้อีกไม่ต่ำกว่า 8 %



ข่าวที่ 4 “บางจากเท1,000ล้านเปิดปั๊มคลัสเตอร์ควบค้าปลีก”



นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2560 วางแผนใช้งบ 1,000 ล้านบาท ขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มอีก 100 แห่ง โดยเน้นกลยุทธ์การลงทุนเปิดให้บริการแบบคลัสเตอร์ เส้นทางกรุงเทพฯและปริมณฑล หัวเมืองหลัก

เช่น เส้นทางหลักสายตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพฯ-นครราชสีมา นครราชสีมา-ขอนแก่น ขอนแก่น-อุดรธานี สายตะวันออก ชลบุรี-ระยอง พร้อมทั้งตั้งเป้ายอดจำหน่ายน้ำมันให้ได้เดือนละ 530 ล้านลิตร

ควบคู่กับการขยายธุรกิจร้านค้าปลีกแบรนด์สพาร์ในปั๊มอีก 55 สาขา รวมถึงร้านเครื่องดื่มอินทนิลอีก 120 สาขา โดยบางจากมีนโยบายนำสินค้าชุมชนเข้ามาจำหน่ายด้วย

นายชัยวัฒน์กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจทั้งใน และต่างประเทศปี 2560 จะขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่วนราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้นซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัท และสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของบางจากและบริษัทย่อยมีแนวโน้มดีขึ้นจากปี 2559 คาดการณ์จะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและ ค่าเสื่อม EBITDA ประมาณ 20%



ข่าวที่ 5 เทคนิคการก่อสร้างอาคารท่าเตียน”

“อาคารอนุรักษ์” รอบพื้นที่พระบรมมหาราชวัง เป็นตึกแถวทั้งบริเวณหน้าพระลาน ท่าช้าง และท่าเตียน เป็นอาคารสองชั้น หลังคาลาดชัน “ด้านหน้า” ติดถนนมีประตูบานเฟี้ยมไม้เปิดได้กว้างตลอดความกว้างของอาคาร ส่วน “ด้านหลัง” เป็นอาคารชั้นเดียวมีผนังเป็นรูปขั้นบันได ซึ่งปัจจุบันถูกรื้อทิ้งหรือต่อเติมดัดแปลงจนไม่เห็นเค้าโครงเดิมแล้ว

สำหรับด้านหลังนี้สันนิษฐานว่าจะเป็นที่ว่างใช้สำหรับ ซักล้างครัว อาบน้ำ หรือทำสุขา ซึ่งมีข้อบังคับไว้แล้วตั้งแต่ พ.ศ.2440 ตามพระราชกำหนดสุขภาพิบาลกรุงเทพฯ ร.ศ.116 ซึ่งอาจนับได้ว่าเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการผังเมืองและควบคุมอาคารฉบับแรก

อาคารตึกแถวที่สร้างในช่วงปลายรัชกาลที่ 5 นั้นมีลักษณะของสถาปัตยกรรม “นีโอคลาสสิก” ของยุโรปหลายประการ อาทิ

1.การตกแต่งตึกแถวใช้จั่วปูนปั้นแบบฝรั่ง  เสารูปนีโอคลาสสิก ราวระเบียงและการเซาะร่องผนังให้ดูคล้ายหิน

2.เสาหน้ามุขตกแต่งแบบคลาสสิก ทั้งแบบดอริก และไอโอนิก ซึ่งพบที่หน้าพระลานกับท่าช้าง ส่วนที่ “ท่าเตียน” เป็นเสาทรงเหลี่ยมบริเวณซุ้มชั้นบน ในขณะที่ชั้นบางเป็นเสากลม หัวเสาตกแต่งแบบดอริก

3.การเน้นคูหาห้องหัวมุมและคูหาตรงกลาง ด้วยการยื่นระเบียงมุข มีการทำหน้าจั่วตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้น (เรียก ซุ้มสกัดตัดตอน) ที่เชิงหลังคาตกแต่งด้วยปูนปั้นรูปถ้วยรางวัลหรือผอบนั่นเอง และที่หน้าพระลานกับท่าช้าง สร้างในลักษณะดังกล่าว

นอกจากนี้ยังมีส่วนอื่น ๆ ที่เด่นชัด เช่น รูปแบบองค์ประกอบสถาปัตยกรรมแตกต่างไปจากอาคารทั่วไป หรือ รูปแบบหน้าต่างทำกรอบซับซ้อนมีซุ้มโค้งใหญ่ การเลือกใช้กระเบื้องหลังคาเป็นสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนหรือเรียกกันว่า “กระเบื้องว่าว” การยกผนังหนาด้านข้างขึ้นเลยหลังคาทุก ๆ 2-3 คูหา และ การตกแต่งภายในให้มีความเรียบง่าย เหมาะสมกับการใช้งานเพื่อการค้าขายและอยู่อาศัย

เป็นเรื่องราวความรู้ของอาคารอนุรักษ์รอบพื้นที่พระบรมมหาราชวัง ที่น่าสนใจ ที่จะนำมาแต่ละส่วนมาเล่าสู่กันฟังต่อเนื่องทุกสัปดาห์



ช่วงที่ 2 ออกไปท่องเที่ยว 70 เส้นทางตามรอยพระบาท อนุสาวรีย์พระนเรศวร ดอนเจดีย์ และธรรมชาติในกาญจนบุรี แล้วมาเรียนรุ้วิธีป้องกันตาล้า และข่าวการลงทุนโรงแรมทั่วไทย



@สักการะราชานุสาวรีย์พระนเรศวร-ทัวร์เมืองกาญจน์


ตลอดทุกวันนักท่องเที่ยวสามารถแวะไปเยือน “พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ต.ดอนเจดีย์ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี หนึ่งใน 70 เส้นทางตามรอยพระบาท ซึ่งเปิดให้เข้าชมทุกวัน 08.00-17.00 น.เป็นหนึ่งใน 70เส้นทางตามรอยพระบาท ที่เน้น" สร้างสรรค์สำนึก ของชาวไทยให้ซาบซึ้ง ในเอกราชของชาติ "



 


สำหรับผู้ที่ศึกษาประวัติศาสตร์ไทย คงจะมีภูมิความรู้เกี่ยวกับพระเกียรติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นอย่างดี ในท้องที่ดอนเจดีย์ จังหวัดกาญจนบุรีนั้นเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่นักวิชาการหลายฝ่าย เชื่อกันว่าเป็นสนามรบยุทธหัตถี ศึกครั้งสำคัญของชาติไทยในยุคโบราณ เนื่องจากมีการขุดค้นพบวัตถุโบราณหลายชิ้น อาทิ ศาสตราวุธ กระดูกช้างม้า พร้อมกับเครื่องประดับ อีกทั้งลูกปืนต่างๆ ทำให้พื้นที่ดอนเจดีย์แห่งนี้ได้รับเลือกให้สร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

เจดีย์ยุทธหัตถีของกาญจนบุรี มีลักษณะเหมือนเจดีย์วัดช้าง พระนครศรีอยุธยา เชื่อกันว่าสร้างในยุคเดียวกัน ทุกวันที่ 25 เมษายน ของทุกปี จะมีการจัดงานเทิดพระเกียรติฯ ที่นักท่องเที่ยวต้องห้ามพลาด

เมืองกาญจนบุรีนั้น มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญมากมาย ทั้งการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและประวัติศาสตร์ สำหรับลานกว้าง ใจกลางตำบลดอนเจดีย์แห่งนี้ กลายเป็นจุดนัดพบใหม่ของเหล่านักเดินทาง เพราะทุกคนต่างอยากมาชื่นชม พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขณะกำลังประทับบนหลังช้างศึก ตั้งอยู่ตรงใจกลางสวนสาธารณะกว้างใหญ่ด้านหน้าขององค์เจดีย์

ในบริเวณใกล้เคียงยังเป็นที่ตั้งของเจดีย์เก่าแก่เรียกขาน กันว่าเจดีย์ยุทธหัตถี เป็นเจดีย์ศิลปะสมัยอยุธยา ตั้งอยู่ท่ามกลางมวลหมู่ธรรมชาติ แม้ยอดจะหักพังไปบ้าง แต่ ยังคงรูปทรงเป็นเจดีย์ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ นับเป็นสถานที่สักการะบูชาที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายได้ไม่น้อย

เส้นทางท่องเที่ยว จ.กาญจนบุรี


 วันแรก “ช่วงเช้า” ไปวัดพระแท่นดงรังวรวิหาร วัดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาถึง 2 ครั้ง พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ชมเจดีย์ยุทธหัตถีและพิพิธภัณฑ์ “ช่วงกลางวัน” ไปชมเขื่อนแม่กลอง รับประทานอาหารชมวิวทิวทัศน์ “ช่วงบ่าย” แวะเยี่ยมชมวัดเทวสังฆาราม (วัดเหนือ) และวัดถาวร วราราม (วัดญวน) ต่อด้วยวัดรัชดาภิเษก


วันที่สอง  “ช่วงเช้า” ชมทัศนียภาพและสวนสวย ที่สวนเวลารำลึก บริเวณเขื่อนศรีนครินทร์ “ช่วงกลางวัน”ชมทัศนียภาพที่เขื่อนวชิราลงกรณ์ แวะกราบ ขอพร พระพุทธรูป ภปร. ที่วัดทองผาภูมิ “ช่วงบ่าย”

แวะผ่อนคลายที่พุน้ำร้อนหินดาด และเที่ยวชม น้ำตกไทรโยคน้อย

รับประทานอาหารเย็นที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว

สถานที่เที่ยวห้ามพลาด  พิพิธภัณฑ์พระราชประวัติ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จัดแสดงโบราณวัตถุที่ขุดพบ จากพื้นที่โดยรอบอาคารนิทรรศการจัดแสดงข้อมูลทางประวัติศาสตร์บอกเล่าความ เป็นมาของศึกรบต่างๆ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

กิจกรรมห้ามพลาด  จัดแสดงข้อมูลทางประวัติศาสตร์บอกเล่าความ เป็นมาของศึกรบต่างๆ ของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เยี่ยมชมต้นข่อยขนาดใหญ่ ที่เชื่อว่ามีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคพระมหาอุปราชา พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

        สนใจท่องเที่ยวติดต่อเทศบาลตำบลดอนเจดีย์  โทร.034-652-166

การเดินทาง  จากกาญจนบุรีใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 324 จากกาญจนบุรีไปประมาณ 14 กม. มีทางแยกขวาเข้าสู่พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จ พระนเรศวรมหาราช

@ 7 วิธีช่วยแก้อาการตาล้าได้

ถ้าคุณเกิดอาการตาล้าขึ้นมา เพราะต้องอ่านหนังสือหรือจ้องจอคอมพิวเตอร์ มือถือสมาร์ทโฟนนานๆ จนกระทั่งการมองเห็นของเกิดการพร่ามัว คำแนะนำต่อไปนี้ 7 วิธี

1.หยุดใช้สายตาเป็นระยะๆ หากต้องใช้คอมพิวเตอร์หรือต้องอ่านหนังสือวันละ 6-8 ชั่วโมง หาเวลาพักสายตาทุก 2-3 ชั่วโมง ครั้งละ 15 นาที หรือหันไปอ่านจากสิ่งที่พิมพ์ออกมาจากคอมพิวเตอร์แทนที่จะอ่านจากจอโดยตรง

2.ใส่ใจในเรื่องแสง เวลาอ่านหนังสือให้มีแสงพอเห็นได้ชัด แต่อย่าให้มีแจ้งจ้า และอย่าให้แสงไฟที่ก่อให้เกิดแสงสะท้อนเข้าตา

3.ใช้แว่นตา สามารถหาซื้อได้จากจักษุแพทย์หรือร้านแว่นตาโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถช่วยเรื่องตาคุณได้

4.เลือกแว่นตาที่มีกำลังขยายถูกต้อง เลือกแว่นตาที่มีกำลังขยายต่ำสุดที่คุณสามารถอ่านหนังสือได้ในระยะที่ต้องการ หากเลือกแว่นตาที่มีกำลังขยายสูงเกินไปคุณจะเห็นตัวหนังสือระยะใกล้ได้ชัด แต่จะเห็นตัวหนังสสือพร่ามัวเมื่ออยู่ไกลออกไป

5.ปรับให้จอมืดลง อย่าให้แสงจากจอคอมพิวเตอร์จ้ามากนัก ควรปรับลดความจ้าและปรับความเข้มของจอลงให้พอดีที่จะอ่านได้ชัด

6.ทำงานในที่ร่มบัง ใช้แผ่นกรองแสงปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้ครอบคลุมแผ่นจอทั้งหมด จากนั้นก็ปรับความเข้าลงให้ระดับต่ำสุด

7.ใช้น้ำชาช่วย ชงชาแล้วปล่อยให้เย็นลงเล็กน้อย เอาผ้าขนหนูจุ่มลงในน้ำชาให้เปียกชุ่ม นอนหงาย วางผ้าขนหนูที่เปียกน้ำชาลงบนเปลือกตา (หลับตา) ไว้สัก 10-15 นาที จะทำให้ตาหายล้า แต่ต้องระวังอย่าเทหรือทำให้น้ำชาเข้าไปในลูกตา



ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “เคปแคนทารีขยายอาณาจักรโรงแรมพัทยา”

นายวิวัฒน์ ตั้งจิตกอบบุญ ผู้อำนวยการกลุ่มคอปอเรต เคป แอนด์ แคนทารี โฮเท็ลส์  เปิดเผยถึงแผนการลงทุนของกลุ่ม เคป แอนด์ แคนทารี  ว่าปัจจุบันมีโรงแรมและรีสอร์ตที่อยู่ในความดูแลรวม 22 แห่ง 3 แบรนด์ ได้แก่ เคป โฮเต็ล แคนทารี คอลเลคชั่น และ คามิโอ คอลเลคชั่น ตามแผนการลงทุนปี 2560 จะเดินหน้าพัฒนาในพัทยา 2 แห่ง



แห่งแรกบริเวณนาเกลือจะสร้างเป็นลักษณะพูลวิลล่า จะเปิดให้บริการปลายปีนี้หรือต้นปี 2561 แห่งที่  2 อยู่ในพื้นที่พัทยาสาย 1 จะพัฒนาโรงแรมในพื้นที่ 15 ไร่ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งนำร่องโรงแรม 3 แห่ง 3 แบรนด์ ไว้ในพื้นที่เดียวกัน



สำหรับปี 2559 ได้เปิดโรงแรมใหม่มูลค่าการลงทุนรวมเกือบ 2,500 ล้านบาทมีทั้งเคป กูดู เกาะยาวน้อย พังงา ลงทุน 700-800 ล้านบาท  แคนทารี โฮเทล โคราช 1,000 ล้านบาท, คามิโอ โฮเทล อมตะ บางปะกง ฉะเชิงเทรา 700 ล้านบาท



โดยได้วางกลยุทธ์หาตลาดใหม่เข้ามาเสริม อาทิ จัดทำแพ็กเกจ Weekend Specials หรือห้องพักราคาสุดพิเศษช่วงสุดสัปดาห์ (ศุกร์-อาทิตย์) ราคาเริ่มต้นเพียง 1,600 บาท โรงแรมที่ภูเก็ต เขาหลัก  เกาะยาวน้อย เชียงใหม่ ระยอง และอยุธยา



และแพกเกจ “นักกอล์ฟ” จะมีแพ็กเกจสุดคุ้ม 2 สนาม คือ สนามกอล์ฟกบินทร์บุรีสปอร์ตคลับ และฮิลล์ไซด์คันทรีโฮม กอล์ฟ แอนด์ รีสอร์ต วันธรรมดา จันทร์-พฤหัสบดี ราคาคนละ 2,000 บาท และ วันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 2,800 บาท เป็นราคานี้รวมห้องพัก 1 คืนพร้อมอาหารเช้าและค่ากรีนฟรี 18 หลุม 2 รอบ  



ปิดท้ายด้วยแพ็กเกจจัดประชุม สัมมนา หรือ Meeting Packageทั้งสำหรับหน่วยงานราชการและบริษัทเอกชน



ข่าวที่สอง “คาเฟ่-แคนทารีโหมทำโปรอาหาร”



คาเฟ่ แคนทารี สระบุรี ฉลองเปิดสาขาใหม่ตั้งแต่วันนี้ ถึง 15 มีนาคม 2560  ด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษซื้อเครื่องดื่ม 1 แก้ว รับ ฟรี 1 แก้ว ลิ้มรสความอร่อยอีกหลากหลายเมนูทั้งอาหารคาว ขนมหวาน  ในบรรยากาศชิคๆ  สอบถามที่ call centre: 1627 หรือเwww.cafekantary.com



ส่วนโรงแรมแคนทารี, กบินทร์บุรี ตลอดเดือนมีนาคม 2560 เปิดห้องอาหารแคลิฟอร์เนีย สเต็ก ขายราคาเพียง 350++ บาท ด้วยเมนูแนะนำจากเชฟ “ปลาทูน่าย่างซอสมะเขือเทศ” เมนูสุดเริ่ดปลาทูน่าปรุงด้วยความหอมของงาขาว งาดำ และซอสมะเขือเทศรสจัด ทานคู่กับไวน์ขาวจะเพิ่มรสชาติ โทร. 037-282-699 หรือ www.kantarycollection.com



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai