ททท.เปิดหลักสูตรTMEรุ่นแรกในรอบ57ปี-การบินไทยแผนใหม่ปี60

ผุดหลักสูตรTMEบูรณาการท่องเที่ยวในรอบ57ปี

คิงเพาเวอร์ชนะคดีทำดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิโปร่งใส
สายการบินในประเทศแห่ขึ้นค่าตั๋วรับภาษีน้ำมัน
ชวนไทยงานบูชาดาวเมืองจันทน์10-19 ก.พ.
“จรัมพร”วอนการบินไทยสานงานต่อหลัง9ก.พ.

 

สวัสดีเช้าวันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังสดทางได้มือถือเลือก FM 97.0 หรืออ่านได้ทาง www.facebook.com/penroong

 

ช่วงที่ 1 ฟังสัมภาษณ์เจาะลึก และข่าวขององค์กรต่าง ๆ ที่น่าสนใจ

จรัญ อ้นมี
ที่ปรึกษาระดับ 10 ททท.และ ผอ.หลักสูตร TME

 

วันนี้ “คุณจรัญ อ้นมี” ที่ปรึกษาระดับ 10 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และผู้อำนวยการหลักสูตร “หลักสูตรการบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง" Tourism Management Program  for Executives :TME” รุ่นที่ 1 ให้สัมภาษณ์ในรายการถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะทำให้การท่องเที่ยวในรอบ 57 ปี ด้วยการนำหลักสูตรนี้เป็นโครงการนำร่องตอบโจทก์ทางด้าน “เป้าหมาย” เพื่อการสร้างห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมถึงการนำองค์ความรู้ที่ ททท.สั่งสมมาอย่างยาวนานเกือบ 6 ทศวรรษ และขอความร่วมมือจากผู้บริหารจากทุกภาคส่วนที่ได้รับคัดสรรเข้ามาร่วมเรียนในหลักสูตรแสดงพลังสร้างสรรแนวคิดออกมาเป็นแผนเชิงกลยุทธ์นำไปสู่การออกแบบยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของชาติเป็นรูปธรรมในทศวรรษต่อไป

โดย ททท.ได้คัดเลือกกลุ่มผู้บริหารจากภาคเอกชน 80 % ภาครัฐ 20 % อาทิ ธุรกิจโรงแรม 14 % ท่องเที่ยว 17 % อสังหาริมทรัพย์ การเงิน 44 % รัฐวิสาหกิจอื่น ๆ องค์การมหาชน 8 % เป็นต้น

กลยุทธ์ได้ออกแบบเพื่อให้นำไปสู่เป้าหมายที่จะสร้างผลลัพธ์เชิงบวกที่จะเป็นปฐมบท คือ เรื่องแรก การสร้างแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวแห่งชาติเน้นความยั่งยืน รองลงไปเป็นเรื่อง แผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวระดับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งเน้นรายได้และคุณภาพ ซึ่งสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ด้วยเช่นกันทั้งเรื่องรายได้และคุณภาพ ขณะเดียวกัน ททท.ก็ยังเน้นเพิ่มเรื่ององค์ความรู้เพื่อบูรณาการทำงานร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งอุตสาหกรรม รวม 3 แผน

 

ขณะเดียวกันการขับเคลื่อนหลักสูตร นอกเหนือจากตั้งเป้าหมายให้บรรลุทั้ง 3 แผนแล้ว รายได้ คุณภาพ ความยั่งยืน ยังเติมเต็มความเข้มข้นทางด้านความร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างเป็นระบบมีโครงสร้าง ดังนั้นหลักสูตรจึงพยายามให้เห็นการ “ออกแบบกิจกรรมหลักสูตร” สร้างความร่วมมือผู้เข้าร่วมอบรมให้ตอบสนองตามเป้าหมายทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ทางด้านที่ 1 ความยั่งยืน จะทำให้เห็นการนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในภาคอุตสาหกรรม ประโยชน์ของกิจกรรม ทางด้านที่ 2 รายได้ จะกระตุ้นให้ช่วยกันปลุกพลังความมั่งคั่ง มีแนวคิดทางการตลาด ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการท่องเที่ยว ธุรกิจและโปรดักซ์ของตนเอง ทางด้านที่ 3 การบูรณาการ พบว่าขณะนี้โดยภาพรวมยังไม่ได้ผลตามเป้า จึงคิดว่าจะเร่งทำกลยุทธ์ทางการตลาดจากทัศนคติที่หลากหลายหลอมรวมให้เป็นโปรเจ็กต์ที่นำมาใช้ได้จริง จากเดิม ททท.เคยจัดกิจกรรมโฟกัสกรุ๊ปสังเคราะห์ความเห็นมาอย่างต่อเนื่องแล้วก็ตาม ที่ผ่านมายังมีข้อจำกัดทางความเห็นอยู่บ้าง

 ทว่านับแต่นี้เป็นต้นไปจะใช้ศักยภาพของผู้เข้าร่วมหลักสูตรสร้างสรรค์สิ่งที่มากกว่าในอดีตให้ได้ โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนได้คิดและแสดงความเห็นอย่างสุดซอยเพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย แล้วก็จะหาจุดร่วมแล้วมาพิจารณาว่าหากจะเลือกเส้นทางเหล่านี้จะต้องปลดล็อกข้อจำกัดใดบ้างและเติมเต็มส่วนใดเข้าไปให้ครบ นำพาความเห็นดังกล่าวไปสู่จุดหมายใช้งานได้จริง

 

หลักสูตรนี้ ททท.พยายามใช้ความร่วมมือของทุกภาคส่วนเข้ามาประสาน บูรณาการอย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดมาตรการสำคัญในการผลักดันแนวนโยบายตลาดเชิงรุกให้บรรลุวัตถุประสงค์

ส่วนโครงสร้างเนื้อหาของหลักสูตร TME การออกแบบภาคทฤษฎีและปฏิบัติเพื่อให้สัมฤทธิ์ผลการนำมาเขียนเป็นยุทธศาสตร์ เพื่อให้เกิดผลสำเร็จจริง ดังนั้นในห้องเรียนจึงต้องชี้นำเนื้อหาถึงการปรับพื้นฐานแต่ละสาขาอาชีพให้อยู่ในเกณฑ์ความรู้ใกล้เคียงกันก่อน แล้วจึงผสมผสานแนวคิดของแต่ละสาขาให้เข้ากัน จากนั้นก็ให้ลงพื้นที่ด้วยการ นำชมทัศนศึกษา พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนกับชุมชนในพื้นที่ แต่ละกลุ่มจะได้รับโจทก์ไปทำงาน

แบบจำลองการให้ผู้เรียนลงพื้นที่ภาคปฏิบัติเพื่อศึกษาเรียนรู้ภาคปฏิบัติจริงในพื้นที่เดียวกัน แต่ละกลุ่มก็จะได้รับโจทก์ที่แตกต่างกัน เช่น ลงพื้นที่พัทยา กลุ่มศรีวิชัยรับโจทก์การท่องเที่ยวกลางคืนหรือ Nightlight กลุ่มศรีโคตรบูรณ์เรื่องการท่องเที่ยวแบบครอบครัว เพื่อให้แต่ละกลุ่มตีโจทก์ให้แตก จำเป็นต้องไปหาข้อมูลเชิงลึก เชิงประจักษ์ หรือจากแผนของจังหวัด แล้วนำมาเขียนแผน

วิธีการลงพื้นที่จะต้องหาแหล่งข้อมูลจริงจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในแหล่งนั้น ๆ ช่วงกลางวันทำงานภาคสนาม ช่วงกลางคืนก็มาระดมสมองวิเคราะห์ข้อมูลกลุ่มที่รวบรวมมา ผลิตออกมาเป็นเนื้อหาเชิงวิชาการ นำเสนอผ่านเพาเวอร์พอยต์ จนตกผลึกพร้อมนำเสนอต่อชั้นเรียน

จากนั้น ททท.จะนำแผนที่ผู้เรียนนำเสนอความคิดจนตกผลึกแล้ว ก็จะปรับให้เหมาะสมสอดคล้อง กระทั่งกลายเป็น “สมุดปกขาว” เข้าสู่ระบบ THINK THANK เพื่อเป็น “โมเดล” นำร่องของแต่ละยุทธศาสตร์ที่จะนำเสนอต่อไป

การทำโจทก์แต่ละช่วงจะผ่านกระบวนการทางด้านวิชาการของแต่ละชุดก่อนด้วย อาทิ ชุดองค์ความรู้มั่นคง มั่งคั่ง แต่ละช่วงจะมีสาระที่สะสมไปตลอด กระทั่งถึงขั้นตอนสุดท้ายที่จะตกผลึก กระทั่งกลั่นกรองเป็น “กลยุทธ์การตลาด” โดยมีความสอดคล้องกับแนวทางมาตรฐานการท่องเที่ยวทั่วโลกที่ประเทศไทยจะนำไปใช้ได้

เป็นหัวใจสำคัญของการใช้บูรณาการความเชื่อมโยงระหว่างชุมชนท่องเที่ยวในท้องถิ่นกับตลาดโลกไร้พรมแดน ด้วยการรวมพลังแนวคิดของนักคิดในหลักสูตร ดำเนินการผ่านกิจกรรมภาคทฤษฎี ปฏิบัติ ผสมผสานการสร้างออกมาเป็นแผนการท่องเที่ยว ที่ปรับแก้จนได้สูตรสำเร็จที่นำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดได้

โดยทุกการขับเคลื่อนของหลักสูตร TME ก็ไม่ทำคู่ขนานกันไปกับจุดขายทางกลยุทธ์ที่จะเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวไฮไลต์อย่าง 12 เมืองต้องห้ามพลาด พลัส (24 จังหวัด) ประเด็นนี้ ททท.ให้ความสำคัญอย่างมากที่จะต้องบูรณาการ เพราะจากสถิติรายได้จากการท่องเที่ยวแต่ละปีมาจากคนไทยเที่ยวในประเทศ 33 % และต่างชาติเที่ยวเมืองไทยอีกราว 67 % เสริมสร้างทั้งรายได้และเชื่อมั่นของภาคส่วนต่าง ๆ ที่จะตรวจสอบกำลังซื้อแต่ระยะ

สิ่งที่ดีไซน์ไว้ในหลักสูตร TME จึงต้องมีชุดวิชาการเรียนการสอนที่ดีไซน์ไว้สำหรับการท่องเที่ยวในประเทศของชุมชน เพื่อให้เห็นแต่ละกลุ่มได้เห็นลักษณะของแต่ละพื้นที่ ได้แก่ ความยั่งยืนของชุมชน การดูแลวิถีชีวิตให้คงอยู่อย่างแข็งแรง ทว่าชุมชนที่แข็งแรงอยู่แล้วอย่าง บ้านน้ำเชี่ยว จ.ตราด ก็จะขยายผลไปสู่ความมั่งคั่ง กำจัดจุดอ่อน พยายามรักษาคุณภาพ ดูแลมูลค่าเพิ่ม ประการสำคัญทำออกมาแล้วชุมชนต้องมีความสุข

TME นับเป็นก้าวแรกที่สร้างความท้าทายอย่างมากต่อ ททท.ที่จะเปลี่ยนแปลงองค์กรไปสู่เป้าหมายการทำงานด้วยวิธี “บูรณาการความร่วมมือ” ให้เกิดเป็นแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวแห่งชาติ นำประเทศไทยก้าวเข้าสู่การท่องเที่ยวคุณภาพ มั่นคงยั่งยืน ได้อย่างแท้จริงต่อไป

ฟังข่าวช่วงแรกที่น่าสนใจ

 ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์ชนะคดีโปร่งใสดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิ”

(อ่านข้อมูลทั้งหมดได้ใน www.matichon.co.th และ matichon facebook)

นายสมบัตร เดชาพานิชกุล รองประธานกรรมการ กลุ่มคิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดสมุทรปราการได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่บริษัท คิง  เพาเวอร์  สุวรรณภูมิ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการโครงการบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายประพันธ์ คูณมี เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2554 ในข้อหาหมิ่นประมาท ความผิดต่อ พรบ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จากการที่นายประพันธ์ฯ ได้ปราศรัยต่อกลุ่มคนที่มาชุมนุมบริเวณถนนราชดำเนิน ถนนพิษณุโลก หน้าและข้างทำเนียบรัฐบาล

โจทก์ ให้ได้รับความเสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ไม่ใช่กรณีแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต เพื่อความเป็นธรรม  จึงถือเป็นการกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทบริษัท คิง เพาเวอร์ฯ โดยการโฆษณา  พิพากษาให้จำคุกนายประพันธ์ฯ 6 เดือน ปรับ 60,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี และให้โฆษณาคำพิพากษาโดยย่อในหนังสือพิมพ์ เอเอสทีวีผู้จัดการฉบับหนึ่ง หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ หรือเดลินิวส์ หรือมติชนอีกฉบับหนึ่งเป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน โดยนายประพันธ์ฯ เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย

          และจากกรณีที่ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ได้แถลงข่าวและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายครั้ง ต่างกรรมต่างวาระ นับตั้งแต่กลางปี 2559 จนถึงปัจจุบัน กล่าวหาโจมตี กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในประเด็นต่างๆ ว่า บริษัทฯ ได้สัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการฯ จาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) โดยมิชอบ สมคบกันกับ ทอท. หลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตาม พรบ. ร่วมทุนฯ ไม่ติดตั้งเครื่อง POS (Point of Sale) ทำให้ ทอท. ได้รับความเสียหายสี่หมื่นล้านบาท หลีกเลี่ยงการจ่ายค่าตอบแทนกรณีขายสินค้าฯ นอกสนามบิน แต่มาส่งมอบสินค้าฯ ที่เคาน์เตอร์ในสนามบินโดยไม่จ่ายค่าตอบแทนตามสัญญา เป็นกลุ่มผูกขาดสัมปทาน กีดกันผู้ประกอบการอื่นๆ และยังกล่าวอีกว่าบริษัทฯ ลักลอบขายสินค้าฯ โดยผิดระเบียบฯ โดยอ้างอิงจากคดีที่ บริษัทฯ เป็นโจทก์ฟ้อง นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เป็นจำเลยในคดีหมิ่นประมาท และกล่าวว่า ทอท. และ กรมศุลกากร สามารถยกเลิกสัญญาฯ และ ถอนใบอนุญาตได้ แต่ก็เพิกเฉย ไม่ดำเนินการใดๆ แต่กลับขยายอายุสัญญาฯ ให้อีก ทำให้รัฐได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ซึ่งตนเห็นว่า คิง เพาเวอร์ เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ และ ฯลฯ นั้น

          ปัจจุบันกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้ยื่นฟ้องนายชาญชัยฯ เป็นจำเลย ต่อศาลอาญา เพื่อดำเนินคดีในความผิดฐานหมิ่นประมาททำให้กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้รับความเสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ตามประมวลกฎหมายอาญาแล้วหลายคดี และบริษัทฯ จะยื่นฟ้องนายชาญชัยเพิ่มเติมอีกในอีกหลายๆคดี เนื่องจากนายชาญชัยฯ กล่าวหาโจมตีบริษัทฯ อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เป็นข้อมูลที่ไม่ตรงตามข้อเท็จจริง  ทำให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหายต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องดำเนินคดีกับนายชาญชัยฯ เพื่อพิสูจน์ความจริงในชั้นศาลต่อไป รวมถึงบริษัทฯจะดำเนินการฟ้องคดีทางแพ่งต่อไป

เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากการกระทำของนายชาญชัย และเพื่อพิสูจน์ให้สังคมได้เห็นว่าการที่คนเราจะพูดจาหรือกล่าวอะไรออกไปต้องพูดแต่ความจริงเท่านั้น

ข่าวที่ 2 “สนามบินภูเก็ตผุดX-terminalถึง15กพ.นี้”

                นางมนฤดี เกตุพันธุ์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต ทอท.กล่าวว่า ทภก.ได้มีการประชุมวางแผนบูรณาการร่วมกับหน่วยงานราชการ สายการบิน และผู้ประกอบการที่ปฏิบัติงานภายใน ทภก.เพื่อให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารที่เดินทางมาท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต ในช่วงเทศกาลตรุษจีนประจำปี 2560 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 27 มกราคม 2560 โดยคาดว่าระหว่างวันที่ 28 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2560 จะมีผู้โดยสารมาใช้บริการเพิ่มขึ้นประมาณ 1.01 ล้านคน และเพื่อเป็นการต้อนรับผู้โดยสารในเทศกาลดังกล่าว โดยเฉพาะการจัดเจ้าหน้าทีสื่อสารภาษาจีนคอยให้ความช่วยเหลือผู้โดยสาร การติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์สัมภาระเพิ่มเติม ณ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ จากเดิมที่มี 8 เครื่องเป็น 9 เครื่อง เพื่อลดความคับคั่งและอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2560

นอกจากนั้น เพื่อเป็นการรองรับเที่ยวบินในช่วงเทศกาลตรุษจีนได้ใช้อาคาร X-Terminal ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ โดยเตรียมความพร้อมการใช้อาคาร X-Terminal  ด้านอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ระบบตรวจรับบัตรโดยสาร (check- in counters) , ระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า ,ระบบจอแสดงผล FIDS (Flight Information Display System) และระบบประกาศเที่ยวบิน รวมทั้งระบบ x-ray บุคคลและสัมภาระ รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกผู้โดยสาร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายในอาคาร

ข่าวที่ 3 ททท.อุดรฟิตจัด2งานใหญ่เดือนกุมภาฯ”

           นายเสกสรร ศรีไพรวัลย์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุดรธานี เปิดเผยว่า ภายในงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย-ตรุษจีนวิถีไทย เก๋ไก๋ปีระกา 2560” ณ สวนลุมพีนี จังหวัดอุดรธานี ได้นำโปรแกรมท่องเที่ยว “ทะเลบัวแดง” มานำเสนอเพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปชมได้ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 ททท.อุดรธานี ได้เปิดทางเลือกไว้ดังนี้

1.ททท.กับเอกชนบริษัทนำเที่ยวและผู้ประกอบการโรงแรมกว่า 20 ราย ร่วมกันทำโปรโมชั่นในเว็บไซต์ www.agoda.com จุดพลุการขายท่องเที่ยววันธรรมดา อาทิตย์-พฤหัสบดี ของทุกสัปดาห์ โดยผนวกรวมห้องพักโรงแรมใน 3 จังหวัด คือ อุดรธานี หนองคาย ขอนแก่น แล้วทำเป็นออปชั่นทัวร์ครึ่งวันขายในราคาเพียง 250 บาท (จากราคาเต็ม 499 บาทต่อคน) เพียงแค่แสดงบัตรจองห้องพักผ่าน agoda กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมแคมเปญแค่ 3 คน ก็เดินทางได้ โดยเฉพาะกลุ่มจัดประชุมวันธรรมดา วันอาทิตย์-วันพฤหัสบดี สามารถจัดแบ่งเวลาไปเที่ยวทะเลบัวแดงท่าเรือบ้านเดียม (ใกล้ตัวเมืองมากที่สุด) มีเรือจำนวนมากบริหารโดยวิสาหกิจชุมชนให้บริการอย่างเป็นระบบ จัดแบ่งรายได้กันอย่างเป็นธรรม จึงทำให้การท่องเที่ยวดำเนินไปอย่างมีคุณภาพ

สำหรับ “ท่าเรือ” บริการนักท่องเที่ยวไปชมทะเลบัวแดงมีอยู่ 6 แห่ง ประกอบด้วย 1.ท่าเรือบ้านเดียม 2.ท่าเรือดอนคง 3.ท่าเรือแชแล 4.ท่าเรือบ้านโนนน้ำย้อย 5.ท่าเรือเชียงแหว 6.คอนสาย

ทั้งนี้พฤติกรรมการท่องเที่ยวตามปกติจะกระจุกอยู่ช่วงวันหยุดเป็นหลัก เฉลี่ยคนเที่ยวทะเลบัวแดงเดือนละ 7-8 แสนคน  

ไฮไลต์การท่องเที่ยวในเดือนกุมภาพันธ์ นี้ ททท.กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้ง อบจ.จับมือกับ ชุมชนบ้านเชียง (วิสาหกิจชุมชนประชารัฐ) บูมกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬา ทำมาราธอนแหล่งมรดกโลก อยุธยา เขาใหญ่ ฮาล์ฟมาราธอน ซึ่งแตกต่างจากมาราธอนท้องถิ่น แต่ ไดอิจิ คิกาคุ เป็นผู้จัดและวางแผนการแข่งขันมาราธอน ด้วยรูปแบบที่ไม่มีเงินรางวัล สามารถสมัครได้ทางออนไลน์ที่ www.goodsportthailand.com สมัครได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตั้งเป้าหมายหลักคือกลุ่มครอบครัว  และนักกีฬาวิ่ง รวม 2,000 คน

รูปแบบ 1.มาราธอนอย่างเดียว 2.แพกเกจวิ่งควบคู่กับท่องเที่ยวไปด้วย เริ่มจากวันที่ 18 ก.พ.นี้ จะได้ชมการจัดแสดงมินิไลต์แอนด์ซาวด์ เรื่องราวและการร่ายรำตามแบบวัฒนธรรมบ้านเชียง พร้อมเสิร์ฟอาหารถิ่นดั้งเดิม บริเวณลานแสดงวัฒนธรรมพิพิธภัณฑ์บ้านเชียง อุดรธานี

ส่วนการแข่งขันวิ่งมาราธอนจะจัดในวันที่ 19 ก.พ.2560  แบ่งเป็น 4 ระยะ ได้แก่ 42 กม., 21 กม. 10 กม. และ 4.4 กม. จากผลสำรวจแล้วจะพบว่าคนส่วนใหญ่นิยมสมัคร มินิฟันด์รัน และฮาล์ฟมาราธอน นักวิ่งจะได้สัมผัสประสบการณ์อันลึกซึ้งตลอดเส้นทางถึงวิถีไทยพรวน และจะนำอาหารถิ่นอย่างข้าวโล่ง มาให้ชิมด้วย

 ข่าวที่ 4 “เติมน้ำมันบางจากรับน้ำดื่มฟรีถึงมี.ค.60”

 

บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ตั้งแต่– 15 มี.ค. 60 ผู้ที่ใช้บริการเติมบางจาก E20S ครบ 600 บาท รับฟรีน้ำดื่ม 2 ขวดขนาด 1.5 ลิตร (มูลค่าขวดละ 14 บาท) หรือขนาด 600 ซีซี (มูลค่าขวดละ 7 บาท) สำหรับขนาดน้ำดื่มขึ้นอยู่กับปั๊มที่แจกแต่ละแห่งจะแจกไปจนกว่าของจะหมด ดูสาขาที่ร่วมรายการได้ที่ goo.gl/wZMw1c

 ข่าวที่ 5 “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย60ชุมชน5ภาคโกยเงินเข้าเป้า”

         เที่ยวเมืองไทย 2560 ว่าประสบความสำเร็จในการกระตุ้นให้คนไทยและชาวต่างชาติเข้ามาใช้จ่ายเงินตลอดเทศกาล 5 วัน ในระหว่างวันที่ 25-29 มกราคม ที่ผ่านมา เบื้องต้นเฉพาะร้านค้าชุมชนเพียงกลุ่มเดียวที่นำสินค้าในแต่ละภาคมาร่วมจำหน่ายในงาน สามารถทำยอดขายรวมได้กว่า 100 ล้านบาท

โดยมีร้านค้าที่ครองแชมป์ยอดขายเรียงตามลำดับ คือ ภาคเหนือ เกือบ 25 ล้านบาท ภาคอีสาน เกือบ 24 ล้านบาทภาคกลางราว 23 ล้านบาท ภาคใต้กว่า 22 ล้านบาท ภาคตะวันออกกว่า 12 ล้านบาท

ในขณะที่มียอดผู้เข้าชมงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย2560 ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้เกือบ 300,000 คน

 

ช่วงที่ 2 จะพาไปสร้างประสบการณ์ความสุขกับการท่องเที่ยว สุขภาพ และข่าวฮ็อตในรอบสัปดาห์

 

@ล่องใต้ไปศูนย์อนุรักษ์ใต้ทะเลจุฬาภรณ์

ศูนย์อนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลจุฬาภรณ์ ตั้งอยู่ที่กองทัพเรือภาค 3 หมู่บ้านทับละมุ ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เปิดให้ชมทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น

 

ศูนย์แห่งนี้จัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติด้านงานอนุรักษ์ทรัพยากร ทางทะเลของศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ซึ่งทรงมี พระราชดำริเกี่ยวกับการอนุรักษ์น่านน้ำทะเลไทยมากมายก่อกำเนิดศูนย์อนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลจุฬาภรณ์ ซึ่งดูแลโดยกองทัพเรือและหน่วยงานภาครัฐและเอกชน

 

โดยมีพันธกิจหลัก คือการร่วมดูแลอนุรักษ์สภาพแวดล้อมใต้ทะเลอันดามัน ทั้งอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันและทะเลโดยรอบและมุ่งให้ความรู้แก่ประชาชนให้ความสำคัญกับทะเลไทย

 

ทางศูนย์ฯ มีนักวิชาการทางทะเล และเหล่าสมาชิกนักดำน้ำเพื่อการอนุรักษ์ (นพอ.) ร่วมมือกันดูแลงานด้านการซ่อมแซม และวางทุ่นผูกเรือในแนวปะการัง มีการจัดฝึกอบรมการดำน้ำเพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติ อีกทั้งยังจัดทำแผนที่เดินเรืออย่างละเอียด เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้สนใจทั่วไปอีกด้วย

 

สำหรับนักท่องเที่ยวที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวใน หมู่เกาะต่างๆ ทั้งสิมิลันหรือหมู่เกาะสุรินทร์ ควรแวะมาเยี่ยมชมศูนย์แห่งนี้ก่อน เพราะจะทำให้เราท่องเที่ยวทะเลด้วยความรู้ที่เต็มเปี่ยม อีกทั้งยังเพิ่มจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลได้เป็นอย่างดี

 

" โครงการที่กองทัพเรือถวายแด่ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารรี เนื่องในวันพระราชสมภพปี พ.ศ. 2536 "

ทริปตัวอย่า 2 วัน 1 คืน เส้นทางท่องเที่ยว จ.พังงา

 

วันแรก ช่วงเช้า ชมถ้ำพุงช้าง (Unseen in Thailand ) ช่วงบ่าย

เดินทางไปวัดถ้ำสุวรรณคูหา และล่องแพไม้ไผ่ วังเคียงคู่ เข้าพักที่เขาหลัก

 

วันที่สอง  ช่วงเช้า ชมวิถีชาวตะกั่วป่า แล้วไปเสริมความรู้เกี่ยวกับ ท้องทะเลที่ศูนย์อนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลจุฬาภรณ์ ช่วงบ่าย ล่องเรือชมอ่าวพังงา หมู่บ้านลอยน้ำเกาะปันหยี เขาตะปู เขาพิงกัน

 

สถานที่เที่ยวห้ามพลาด  ได้แก่ อาคารศูนย์อนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลจุฬาภรณ์ มีสื่อต่างๆ บอกเล่า และอธิบายเรื่องราวใต้ท้องทะเล ให้เข้าใจง่ายและได้ความรู้เต็มเปี่ยม ห้องนิทรรศการห้องที่ 4 จัดแสดงปลาและสัตว์ทะเลต่างๆ ในบรรยากาศใต้ทะเลลึก

 

กิจกรรมห้ามพลาด  ได้แก่ เดินชมปลาสายพันธ์ุต่างๆ ที่ แหวกว่ายอยู่ใต้ทะเลอันดามัน เอนหลังพักผ่อนชมวิวและชิลล์ ริมทะเลบริเวณสวนสาธารณะ ของศูนย์ฯ ชมสไลด์มัลติวิชั่นเกี่ยวกับงานอนุรักษ์ ทะเลไทย

สนใจเที่ยว ศูนย์อนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลจุฬาภรณ์ โทร. 0-7659-5170, 0-7659-5090 www.chulabhorn36.org/marineparkproject.htm

 

การเดินทาง  จากตัวเมือง เลือกทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าไปทาง ต.นาเตย และต.ลำแก่น ระยะทางประมาณ 50 กม. เมื่อถึงวัดหลักแก่นให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหมายเลข 4147 ซึ่งเป็นทาง ไปท่าเรือทับละมุ ตรงไปประมาณ 4.5 กม. ติดทะเลเข้าเขตฐานทัพเรือพังงา ศูนย์ตั้งอยู่ทางขวามือ

@10อาหารช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด

 

อาหารที่ดีที่จะช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดของคุณได้ก็คืออาหารประเภทกากใย หรือไฟเบอร์ นั่นเองค่ะ เพราะจากผลการศึกษาพบว่าการบริโภคเส้นใยอาหารชนิดละลายน้ำวันละ 10-30 กรัมจะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดแอลดีแอล(ไขมันชนิดไม่ดี) ลงได้ร้อยละ 10

 

ต่อไปนี้คืออาหารอุดมไปด้วยเส้นใย 10 อันดับแรก

 

1.ถั่วเมล็ดแห้ง เช่น ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วปากอ้า

2.ข้าวโอ๊ตและรำข้าว

3.ผัก ที่มีเส้นใยสูงสุด ได้แก่ บรอกโคลี แครอต ข้าวโพดหวาน

4.ผลไม้แห้ง เช่น ลูกพรุน อินทผลัม มะเดื่อ และแอปริคอต

5.ผลไม้สด (พร้อมเปลือก) แอ๊ปเปิ้ล ฝรั่ง สาลี

 

6.ธัญพืชไม่ขัดสี ได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวไรย์ ข้าวบัควีทและอาหารทำจากแป้งสาลีไม่ขัดสี เช่น ขนมปังโฮลวีต เส้นพาสต้า

7.หัวมันกินทั้งเปลือก เช่น มันฝรั่งอบ มันเทศนึ่ง

8.ผักใบเขียวทุกชนิด ดีที่สุด ได้แก่ ผักโขม คะน้า

9.ถั่วเปลือกแข็ง เช่น อัลมอนด์ ถั่วลิสง วอลนัท

10.กล้วย

 

เป็นอาหาร 10 ชนิดที่รับประทานแล้วลดคอเรสเตอรอลในเลือดได้นั่นเอง

 

สำหรับข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก “3 แอร์ไลน์ไทยแห่ขึ้นค่าตั๋วรับภาษีน้ำมัน”

 

จากกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้ปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินและน้ำมันหล่อลื่น โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีมีผลวันที่ 25 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา ส่งผลให้สายการบินในประเทศมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 3 สายการบินได้ทยอยขึ้นราคาตั๋วโดยสารเริ่มตั้งแต่  1 กุมภาพันธ์ 2560  เป็นต้นไปได้แก่

 

ไทยแอร์เอเชีย ประกาศขึ้นค่าตั๋ว  150 บาท/ที่นั่ง/เที่ยว สำหรับเส้นทางบินภายในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์2560 ที่ผ่านมา

 

สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ระบุว่ามีความจำเป็นที่จะต้องปรับเพิ่มราคาบัตรโดยสารเที่ยวบินภายในประเทศทุกเส้นทาง ในอัตราเที่ยวบินละ 200 บาทต่อคน โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นต้นไป

 

สายการบินนกแอร์ประกาศบวกเพิ่มภาษีสรรพสามิต (น้ำมัน) ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงเที่ยวบินในประเทศด้วยเช่นกัน 150 บาท/ที่นั่ง/เที่ยว ราคาดังกล่าว

จะรวมอยู่ในค่าโดยสารที่แสดงทางหน้าเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นต้นไป

 

@ททท.ชวนเที่ยวงานบูชาดาว10-19 กพ.นี้ที่จันทน์”

 

นายนพดล  ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ จังหวัดจันทบุรี วัดเขตร์นาบุญญาราม นายคฑา ชินบัญชร ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวทางศาสนา ศิลปวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ชวนเที่ยวงาน “บูชาดาว ปีระกาเรืองรอง เงินทองมากมี บารมีพร้อมพรั่ง”   10-19 กุมภาพันธ์ 2560  ณ วัดเขตร์นาบุญญาราม อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี  

 

สำหรับพิธีบูชาดาวนพเคราะห์ ของวัดเขตร์นาบุญญาราม จะส่งเสริมให้เป็นกิจกรรมทางการท่องเที่ยว ซึ่งดำเนินการมาเป็นปีที่ 183 ททท. สนับสนุนมาเป็นปีที่ 3 เนื่องจากความศรัทธา และเชื่อมโยงกับประเทศเวียดนามและสาธารณรัฐประชาชนจีน ททท. จึงหยิบยกเรื่องความเชื่อและความศรัทธามานำเสนอในรูปแบบ “ขบวนบูชาดาว” และ “โคมไฟประติมากรรม” เพิ่มเติมจากพิธีบูชาดาวนพเคราะห์อันศักดิ์สิทธิ์ ที่ยังคงรูปแบบพิธีบูชาดาวนพเคราะห์ในรูปแบบพิธีกรรมดั้งเดิมไว้ เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย และอยู่ในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งที่อยู่ในโครงการ 12 เมืองต้องห้าม.. พลาด

 

ข่าวที่ 3 “จรัมพรฝากบินไทยสานงานต่อหลัง9กพ.นี้”

 

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยใหญ่ บริษัทการบินไทย(ดีดี) จะทำงานในบริษัทการบินไทยวันสุดท้ายในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560 ช่วงเวลาในการบริหารงานมานานกว่า 2 ปี โดยได้ฝากทุกฝ่ายสานต่อภารกิจสำคัญของสายการบินแห่งชาติ โดยนำฐานข้อมูลขนาดใหญ่หรือ Big DATA ที่การบินไทยไปใช้ประโยชน์ได้มาก ช่วยเพิ่มมูลค่าในหลายๆด้าน สามารถเพิ่มจำนวนลูกค้ารายใหม่และการจำหน่ายตั๋วที่มีกำไร เรื่องการกำหนดราคาตั๋วโดยสารแข่งขันกับสายการบินอื่นได้ เพราะรายได้หลักของสายการบินต่าง  ๆ มาจากการขายตั๋ว 80% ส่วนการบินไทยยังทำได้แค่ 70% ทั้งมีสินค้าที่ดีกว่าสายการบินอื่น ๆ  

 

ช่วงต้นเดือนมกราคม 2560 การบินไทยได้นำร่องทดสอบระบบ Integrated Route Folder (iRF) พัฒนาระบบการบริการผู้โดยสาร เชื่อมต่อข้อมูลและการทำงานของหน่วยงานให้บริการเข้าด้วยกัน สามารถให้บริการได้แบบไร้รอยต่อ และเป็นปัจจุบัน กับในฝ่ายบริการภาคพื้นดิน ฝ่ายบริการบนเครื่องบิน ฝ่ายช่างและฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์

นอกจากนี้การบินไทยยังมีศักยภาพการเพิ่มรายได้จากผลิตภัณฑ์หลัก ๆ ที่ต้องเร่งดำเนินการคือบริการขนส่งสินค้าทางอากาศและไปรษณีย์ภัณฑ์ (Cargo) ครัวการบิน เป็นต้น

 

ฟังข่าวทั้งหมดย้อนหลังได้ทาง www.facebook.com/rauydauykhao , และ www.facebook.com/penroong