ทัวร์จีน3มณฑลใหญ่แห่เที่ยวไทยปี’61
ททท.เฉินตูงัดไม้เด็ดรุก4ตลาดคุณภาพ
คิงเพาเวอร์ลดใหญ่บัตรSCB-ดิวตี้ฟรีเซล
ททท.ชูตลาดเพิ่มยอดสินค้าถิ่นประชารัฐ
2โปรใหม่“ไทยเร้นท์ฯ”เที่ยววันธรรมดา
ทัวร์ลุ่มน้ำลำพะยังอุโมงค์ผันน้ำกาฬสินธุ์
ปั้นยุทธ์ศาสตร์10ปีเคลียร์28สนามบินภูมิภาค
แอร์เอเชียผุด“MyCorporate”ชิงตลาดธุรกิจ
14โรงแรมเครือเคป&แคนทารีกวาดรางวัล
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังทางมือถือเลือก FM 97.0 หรืออ่านใน www.facebook.com/penroong ฟังย้อนหลังทาง youtube www.facebook.com/rauydauykhao) #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand
ช่วงที่ 1 “คุณจรัญ ชื่นในธรรม” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเฉินตู สาธารณรัฐประชาชนจีน ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ ถึงปี 2561 จะโกย “นักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพชาวจีน” ครอบคลุมทั้ง 4 ตลาดทั้ง “หรูหราร่ำรวย-ฮันนีมูน-ครอบครัว-เที่ยวเชิงกีฬา” ที่มีถิ่นฐานอยู่ทางภาคตะวันตกใน 3 มณฑลใหญ่ เสฉวน เฉินตู ส่านซี เป็นลูกค้าจะแห่แหนกันมาใช้เงินอุดหนุนท้องถิ่นทั่วประเทศไทยเพิ่มอีก 10 % เพราะตอนนี้สายการบินนานาชาติตื่นตัวเปิดเส้นทางบินใหม่ และปัจจุบันยังมีที่นั่งโดยสารเครื่องบินมากถึงเดือนละ 100,000 ที่นั่ง รองรับการเดินทางที่เพิ่มขึ้นทุกปี แล้วก็จะชวน ททท.ในประเทศเปิดจุดขายเที่ยววิถีไทย ทำให้นักท่องเที่ยวเข้าถึง เข้าใจ เที่ยวเมืองไทยอย่างลึกซึ้ง
“คุณจรัญ ชื่นในธรรม” ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานเฉินตู เปิดเผยว่าทางเฉินตูดูแลภาคตะวันตกของประเทศจีน พูดง่าย ๆ คือบริเวณที่ลึกเข้าไปในแผ่นดินหลัก ๆ อยู่ในมณฑลเสฉวน โดยมีเมืองเอกคือ “เฉินตู” นครฉงชิ่ง และมณฑลส่านซี ซึ่งมีเมืองเอกคือ “เมืองซีอาน” ต่อเนื่องไปถึงทิเบตและซินเจียงสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวจีนแถบตะวันตกที่เดินทางเข้ามายังไทย ช่วงปี 2560 มีประมาณ 2 ล้านคน คิดเป็น 20 % ของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยปีนี้จำนวนรวมกว่า 8 ล้านคน เป็นนักท่องเที่ยวจีนที่มาจากเสฉวน กับฉงชิ่ง สัดส่วนใกล้เคียงกันแห่งละประมาณ 30 % มณฑลส่านซียังน้อยกว่าพื้นที่อื่นมี 10 %
ปี 2561 วางกลยุทธ์การตลาดการกระตุ้นนักท่องเที่ยวในมณฑลส่านซีจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนพื้นที่การตลาดทั้งหมดของ ททท.เฉินตูดูแลไม่ติดทะเลยังเลือกมาไทยเป็นอันดับหนึ่ง จะสายการบินบริการโดยมีเที่ยวบินตรง ไป-กลับ ระหว่างมณฑลและเมืองต่าง ๆ เข้ามายังไทย เฉลี่ยเดือนละ 100,000 ที่นั่ง ระยะทางการบินประมาณ 2 ชั่วโมง
ตามปีงบประมาณ 2561 มุ่งทำตามโจทก์ใหญ่คือมุ่งเน้น
เรื่องที่ 1 “เจาะตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ” โดยหาแหล่งท่องเที่ยวหลักให้ตรงกับพฤติกรรมของตลาด เช่น นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวหรูหราหรือ Luxury เพิ่มมากขึ้น และกิจกรรมรองรับกลุ่มกำลังซื้อเดินทางเป็นครั้งแรกและมาซ้ำ
เรื่องที่ 2 “ขยายนักท่องเที่ยวกระจายไปยังจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองในไทย” ปีนี้เน้นรุกหนักจีนจากมณฑลส่านซีซึ่งมีซีอานเป็นเมืองหลักพยายามเพิ่มจำนวนและรายได้ เพราะซีอานมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเกินกว่า 10 % และจีดีพีเติบโตเร็วมาก มีศักยภาพการเดินทางท่องเที่ยวสูงกว่าหลายพื้นที่ อีกทั้งมีการเปิดบริการสายการบินมากขึ้นด้วย
เรื่องที่ 3 “เจาะกลุ่มเซ็กเมนท์เชิงลึก 4 กลุ่มหลัก” ประกอบด้วย นักท่องเที่ยว
กลุ่มแรก “Luxury-ท่องเที่ยวหรูหรา” ในเมืองเฉินตูกับฉงชิ่ง ประชากรมีฐานะดีหรือเศรษฐีเพิ่มจำนวนมากขึ้น สนใจมาท่องเที่ยวเมืองไทยด้วยปัจจัยดึงดูดสำคัญ คือ ราคาอยู่ในวิสัยที่จ่ายได้ และระยะเวลาการเดินทางไม่ไกลเมื่อเปรียบเทียบกับไปเที่ยวยุโรปซึ่งยังมีตัวแปรเรื่องความปลอดภัยแตกต่างจากไทย
กลุ่มที่สอง “Honeymoon-ฉลองแต่งงาน” เมืองต่าง ๆ มีแนวโน้มทางค่านิยมเมื่อแต่งงานก็ต้องเดินทางไปฉลองในต่างประเทศ 1 ครั้ง ปีที่แล้วมีคู่แต่งงานประมาณเกือบ 10 ล้านคู่ ในจำนวนนี้ 80 % นิยมซื้อแพกเกจเดินทางต่างประเทศ จึงเห็นช่องทางและโอกาสจะนำเสนอให้เลือกมาเมืองไทย
กลุ่มที่สาม “ครอบครัว” ขณะนี้ในจีนมีปัญหามลพิษสูง จึงนิยมให้พ่อแม่ปู่ย่าตายายพาลูกหลานมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยเพื่อหนีหนาวและมลพิษ
กลุ่มที่สี่ “นักท่องเที่ยวเชิงกีฬา” โดยเฉพาะในเฉินตู ฉงชิ่ง เป็นเขตอบอุ่น ประชากรนิยมออกกำลังกาย โดยเฉพาะการวิ่งมาราธอนมีจำนวนมาก มองประเทศไทยเหมาะแก่การมาวิ่งมาราธอน
ทั้ง 4 กลุ่ม จะเป็น “ตลาดดาวรุ่ง” จากจีนมาท่องเที่ยวประเทศไทย ซึ่ง ททท.สำนักงานเฉินตูพร้อมทำกลยุทธ์เชิงรุกอย่างเต็มกำลัง
ส่วนแผนกิจกรรมโครงการรองรับปีการท่องเที่ยวอย่างยั่นยืน 2561 จะยิ่งเสริมให้นักท่องเที่ยวจีนสนใจมากยิ่งขึ้นด้วยกิจกรรมใหม่จากรัฐบาล เรื่อยไปจนถึงตลาดในพื้นที่ดังกล่าวยังเลือกเมืองไทยเป็นอันดับหนึ่งอยู่ จำนวนและรายได้จะมีอนาคตสดใส
สำหรับการปลุกกระแสท่องเที่ยวเชิงอาหารถิ่น (gastronomy) ทั้ง 2 มณฑลหลักนิยมรับประทานอาหารอยู่แล้ว อย่าง “เสฉวน” ชอบรสเผ็ดค่อนข้างใกล้เคียงกับไทยจึงเป็นอีกโปรดักซ์ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ รวมทั้งอาหารทะเล ปีท่องเที่ยวไทยน่าจะเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวเรื่องค่าใช้จ่ายด้านอาหารถิ่นด้วย
การนำเสนอขาย “พื้นที่หรือจังหวัดท่องเที่ยว” ของไทยในจีนภาคตะวันตก เนื่องจากเป็นมณฑลที่ไม่ติดทะเล จังหวัดยอดฮิตยังคงเป็นเมืองชายทะเล ภูเก็ต กระบี่ พัทยา เกาะช้าง (ตราด) และสมุย (สุราษฎร์ธานี) กำลังมาแรงมาก ด้วยปัจจัยจากมีสายการบินบริการบินตรงปลายปีเดือนพฤศจิกายน 2560 โดย 2 สายการบิน คือ บางกอกแอร์เวย์ส และ ลักกี้แอร์
แตกต่างจากเมื่อก่อนนักท่องเที่ยวจีนแถบนี้จะต้องบินไปยังสนามบินสุราษฎร์ธานีในเมืองก่อนแล้วเดินทางต่อด้วยเรือเฟอรี่ อาจจะสะดวกน้อยกว่าการจะมีเที่ยวบินตรงในเร็ว ๆ นี้
แนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนจากเสฉวน ฉงชิ่ง ส่านซี จะขยายตัวอย่างรวดเร็วในสมุย ขณะเดียวกันก็มีการกระจายตัวจากภูเก็ต กระบี่ เข้าไปยัง เกาะหลีเป๊ะ“ตรัง” จังหวัดท่องเที่ยวรองของไทย และพื้นที่แนวชายฝั่งทะเลตะวันออก เริ่มกระจายจากพัทยา ไปยัง เกาะเสม็ด และเกาะช้าง ซึ่งจะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวรองรับตลาดหรูของจีนได้
การท่องเที่ยวทางทะเลแล้ว จีนยังชื่นชอบเลือกเดินทางไปเที่ยวภาคเหนือของไทย ในจังหวัดเชียงใหม่ ได้อานิสงจากภาพยนตร์ Lost in Thailand บวกกับสภาพภูมิภาอากาศไม่ได้ร้อนมาก วัฒนธรรมภาคเหนือยังเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนได้
สำหรับชุมชนท้องถิ่นตามแหล่งท่องเที่ยวในไทย กับการเตรียมความพร้อมเป็น “เจ้าบ้านที่ดี” ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนนั้น ไม่มีอุปสรรคเรื่องภาษาในการสื่อสารกันอีกต่อไป เพราะเริ่มคุ้นเคยกัน อาจจะต้องเพิ่มการให้ข้อมูลองค์ความรู้แก่นักท่องเที่ยวจีนเรื่อง “วัฒนธรรม-วิถีชีวิต” มากขึ้น เดิมอาจจะไม่เข้าใจจีนจึงทำกิริยาไม่เหมาะสม เป็นหน้าที่ของ ททท.และคนไทยต้องช่วยกัน
ขณะนี้ ททท.สำนักงานเฉินตู ได้ผลิตคู่มือแนะนำกิริยาที่นักท่องเที่ยวไม่ควรทำเมื่อมาเที่ยวเมืองไทย เช่น วางเท้าในที่เหมาะสม ส่วนเรื่องการเป็นเจ้าบ้านที่ดีด้านความปลอดภัยทางการท่องเที่ยวก็ทำคู่มืออกมาเช่นกัน แต่ก็ต้องให้ท้องถิ่นช่วยอธิบายอีกช่องทาง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวทางทะเล ปีที่ผ่านมาจีนมาประสบอุบัติเหตุเที่ยวทางทะเลมากพอสมควร จึงได้ทำคู่มือแนะนำอย่างละเอียด ทางผู้ประกอบการและชุมชน ต้องแนะนำถึง “สัญลักษณ์” การเที่ยวทะเลควบคู่ไปด้วย
โดยตั้งเป้าหมายการเติบโต “ทางรายได้” จากตลาดจีนในพื้นที่ภาคตะวันตกของ ททท.สำนักงานเฉินตู ตั้งไว้เฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นแนวโน้มไม่ต่ำกว่า 10-20 % เร่งเพิ่มค่าใช้จ่ายทำได้เกิน 10 % เพราะเน้นกลุ่มคุณภาพและเดินทางท่องเที่ยวอิสระตามลำพัง (F.I.T.)
อีกทั้งในระยะใกล้ช่วงเดือนสิงหาคม 2560 ททท.ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก จัดทำโครงการ “Women Jouney-เดือนท่องเที่ยวของกลุ่มสตรี” นั้น ททท.สำนักงานเฉินตูร่วมส่งเสริมการนำนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้หญิงมาร่วมกิจกรรมในไทย สถานการณ์ขณะนี้ผู้หญิงจีนเป็นผู้ตัดสินใจเดินทางและคนหนุ่มสาวตัดสินใจแต่งงานช้าลง ดังนั้น “ผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงาน” มักจะนิยมชวนเพื่อนผู้หญิงด้วยกันเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทยเป็นกลุ่มเล็ก ๆ
ททท.ได้ทำโฆษณาประชาสัมพันธ์การตลาดในกลุ่มสตรีสอดคล้องกับเดือนแห่งผู้หญิงท่องเที่ยว เมื่อมาถึงเมืองไทยจะได้สิทธิพิเศษตั้งแต่ลงเครื่องที่สนามบินนานาชาติ ทั้งเรื่อง Women Lane เคาน์เตอร์เช็คอิน การตรวจผ่านคนเข้าเมือง มีโลโก้สแกนบาร์โค้ดช้อปปิ้งตามห้างสรรพสินค้าราคาพิเศษ ซึ่งผู้หญิงจีนจะมาใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นทั้ง ช้อปปิ้ง ทำสปาเพื่อความสวยความแล้ว แล้วยังมีกิจกรรม ออกกำลังกายมวยไทย มาแรงมาก
การส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวชุมชนในไทยกับตลาดจีน เล็งไปเจาะตลาด “ครอบครัว” ซึ่งอยู่แต่ในเมืองจึงนิยมพาเด็กเล็กไปเรียนรู้ชนบท พาไปปลูกข้าวชมธรรมชาติ ททท.เองก็ทำอยู่ด้วยคือ พาไปทำกิจกรรมในแคมป์ หรือเรียนรู้วิถีไทย เส้นทางตัวอย่างในโปรแกรมขายวิถีชุมชนไทย ได้แก่
เส้นทางแรก หมู่บ้านไทยที่ สามพราน ริเวอร์ไซต์ นครปฐม พาไปทดลองปลูกข้าวและชมวิถีชีวิตการเกษตรแบบไทย ต่อเนื่องไปถึง อัมพวา หัวหิน
เส้นทางที่ 2 เรียนรู้วัฒนธรรมเมืองเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเส้นทางไปอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา เชิญชวนเด็กเล็กไปร่วมทำแคมป์เรียนรู้การทำฟาร์มวัวนม เป็น Camp Adventure
เส้นทางที่ 3 ไปชายฝั่งทะเลตะวันออก พัทยา แวะนครนายก สามารถพาเด็ก ๆ จีนในแต่ละครอบครัวได้อย่างมีความสุขและปลอดภัย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ให้ช้อปถูกที่สุวรรณภูมิ-ภูเก็ต”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มอบโปรโมชั่นร่วมกับพันธมิตร โดยให้สิทธิพิเศษ ระหว่างวันนี้-30 กันยายน 2560 เมื่อช้อปปิ้งที่ คิง เพาเวอร์ แท๊กซ์ฟรี ใน 2 ท่าอากาศ ยานที่สุวรรณภูมิและภูเก็ต ซื้อสินค้าในร้านดิวตี้ฟรีด้วยบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ ครบ 2,000 บาทขึ้นไป รับกระเป๋าถือฟรี 1 ใบ และผู้ถือบัตรยังสามารถใช้สิทธิรับส่วนลด 10% ณ ร้านอาหารที่ร่วมรายการในสุวรรณภูมิและภูเก็ตได้จนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2560
ส่วนช่วงโค้งสุดท้ายเดือนกรกฎาคม เพลินกับการช็อปที่ “คิง เพาเวอร์ ศรีวารี” กับแคมเปญ 8 ศุกร์หรรษา ในวันศุกร์สุดท้ายที่ 28 กรกฏาคม 2560 รับไปเลยส่วนลดสูงสุด 30% ลุ้นรับ 50,000 บาท เพื่อร่วมล่องเรือสำราญ สิงคโปร์ - มาเลเซีย
นักช็อปทั้งขาเข้าและขาออกสนามบิน พบกับมหกรรมน้ำหอมและเครื่องสำอางค์แบรนด์ดังราคาถูกกว่าในเมืองสูงสุดถึง 40% ที่คิง เพาเวอร์ สาขาสุวรรณภูมิและดอนเมือง ตั้งแต่วันนี-31 กรกฎาคม 2560
สอบถามที่ 1631 หรือ www.kingpower.com
ข่าวที่ 2 “ปี’61 ททท.ชูการตลาดเพิ่มยอดร้านประชารัฐสุขใจ”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า เปิดเผยว่า ตลอดครึ่งปีหลังต่อเนื่องปีงบประมาณ 2561 จะเพิ่มความเข้มข้นทางการตลาดเพื่อช่วยส่งเสริมการขาย“ผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนเพื่อการท่องเที่ยว” ในกลุ่มโอท็อปและสินค้าประชารัฐต่าง ๆ โดยวางแผนการทำงานอย่างใกล้ชิดกับ “องค์การพัฒนาชุมชน-อพช.” กระทรวงมหาดไทย เพื่อคัดเลือกชุมชนที่จะพัฒนาพร้อมผลิตสินค้าป้อนตลาดท่องเที่ยว
ปี 2561 จะใช้ “การตลาด” เป็นตัวนำเพื่อส่งเสริมการขายสินค้าชุมชนเป็นหลัก โดยได้พูดกันในที่ประชุมแผนการท่องเที่ยวปี 2561 ในประเด็นอย่าไปบังคับชุมชนเปลี่ยนโครงสร้างตนเองเพียงเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวจำนวนมาก แต่ ททท.จะต้องดู “ความพร้อม” และการเติบโต “อย่างยั่งยืน” ต้องพิจารณาให้ชุมชนเป็นผู้นำการท่องเที่ยว และได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากสิ่งที่จะทำ ขณะเดียวกันต้องรักษาอัตลักษณ์ตนเอง และดูแลวิถีท้องถิ่นให้มีชีวิตเหมือนที่เคยเป็นอยู่อย่างมีความสุขให้คงไว้ด้วย
บทบาทของ ททท.เมื่อชุมชนมีคุณสมบัตรตามความพร้อมดังกล่าวแล้ว ก็จะเข้าไปช่วย “ทำการตลาด” ให้ทันที
สำหรับ “โครงการร้านค้าประชารัฐสุขใจช้อป” ททท.ได้รับนโยบายจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ดำเนินการเปิด “โครงการร้านประชารัฐสุขใจ Shop” พัฒนาสถานีริมทางเพื่อส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวท้องถิ่น ควบคู่กับโครงการจัดตั้งศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวและจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นทั่วประเทศในพื้นที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ทั่วประเทศใน 148 แห่ง ใน 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้
โดยได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ฉบับลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559 ร่วมกัน 5หน่วยงาน ได้แก่ ททท. กระทรวงมหาดไทย โดย กรมการพัฒนาชุมชน(พช.)สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.)และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) โดยใช้ชื่อร้าน“ประชารัฐ สุขใจ SHOP”
ข่าวที่ 3 “บางจากเปิดทำบัตรสมาชิกออนไลน์ได้200แต้ม”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ระหว่างวันนี้ - 31 ธ.ค. 60 ได้เปิดโอกาสให้ผู้สนใจสมัครสมาชิกบางจาก “บัตรออนไลน์” ฟรี แล้วรับทันที 200 คะแนน เพียงแค่สมัครผ่านทางเว็บไซต์ เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วคลิกไปที่ http://bcpgshclub.bangchak.co.th/loyaltyvip/TermsAndConditions.php
สิทธิประโยชน์ตามกติกาของสมาชิกบัตรบางจากออนไลน์ จะได้รับดังนี้
1. คะแนนสะสมเพิ่ม 200 คะแนน จะถูกโอนเข้าบัตรสมาชิกในวันรุ่งขึ้นหลังจากสมัคร
2. คะแนนพิเศษนี้สำหรับการสมัครสมาชิกทางเว็ปไซต์เท่านั้น
3. จำกัด 1 หมายเลขบัตรสมาชิก / 1 ครั้ง ในการรับคะแนนพิเศษ 200 คะแนน
4. บางจากสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า
5. สอบถามเพิ่มเติม Bangchak Call center โทร.1651 (กด 4)
ข่าวที่ 4 “ไทยเร้นท์อะคาร์แจก2โปรใหม่เที่ยววันธรรมดา”
บริษัท ไทยเร้นท์อะคาร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด รายงานว่า เป็น 1 ใน 10 พันธมิตรกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในโครงการ “วันธรรมดา น่าเที่ยว” ปี 2560 ระหว่างวันนี้-30 กันยายน 2560 ด้ จัดแคมเปญส่วนลดต้อนรับการท่องเที่ยววันธรรมดาตลอดฤดูฝน ด้วย 2 โปรโมชั่นใหม่ ประกอบด้วย
โปรโมชั่นแรก "ไทยเร้นท์อะคาร์ วันธรรมดาน่าเที่ยวไปอีก" สนองความต้องการตลาดใหม่ให้ส่วนลดแก่นักท่องเที่ยวเช่ารถใช้เดินทางเพิ่ม 5% จากการจับมือกับกลุ่มเครือข่ายบัตรเครดิตจากธนาคารชั้นนำ 4 แบรนด์ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และบัตรเครดิตเคทีซี ทั่วประเทศทุกสาขา ทุกครั้งที่ใช้จ่ายค่าเช่ารถผ่านบัตรเครดิตทั้ง 4 แบรนด์ข้างต้น จะได้รับส่วนลดทันที
โปรโมชั่นที่ 2 "ไทยเร้นท์อะคาร์ รักเราไม่เก่าเลย" เพื่อเอาใจลูกค้าเก่าด้วยโปรโมชั่นแรงในรูปแบบ used car concept สำหรับรถเช่าอายุใช้งาน 3-5 ปี ให้เช่าในราคาเพียงวันละ 299 บาท ทั้ง 2 โปรโมชั่นเปิดให้นักท่องเที่ยวจองและชำระเงินง่าย ๆ แค่เพียงคลิ๊กเข้าไปที่ www.Thairentacar.com
ช่วงที่ 2 เดินทางสู่โลกกว้างไปกับโครงการพระราชดำริผันน้ำข้าม 2 จังหวัด ใน“โครงการพัฒนาลุ่มน้ำพะยังตอนบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.กาฬสินธุ์” ส่วนเรื่องสุขภาพคนวัย 40 ปีขึ้นไปแล้วต้องฟังว่า 6 วิธีป้องกันอัลไซเมอร์ ปิดท้ายด้วยข่าว
@โครงการพัฒนาลุ่มน้ำพะยังตอนบนฯ กาฬสินธุ์
บรรยากาศช่วงฤดูฝนในภาคอีสานเย็นชุ่มฉ่ำต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี เหมาะจะเดินทางไปทำกิจกรรมพร้อม ๆ กับการพักผ่อน แนะนำสถานที่สำคัญที่ควรค่าจะพาหมู่คณะไปเยี่ยมชมคือ “โครงการพัฒนาลุ่มน้ำพะยังตอนบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ตั้งอยู่ในตำบลแสงเปลือย อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์
ย้อนไป 25 ปีก่อน เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2535 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จฯ เยี่ยมราษฏรที่ “บ้านกุดตอแก่น” อำเภอเขาวง ซึ่งมีสภาพถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ จนได้ฉายาว่าถนนดิสโก้ พระองค์ทรงขับรถด้วยพระองค์เอกงและได้ทอดพระเนตรเห็นข้าวเปลือกที่ชาวบ้านเก็บเกี่ยวนำมาตากไว้ ไม่มีเมล็ดข้าวเลย
ทรงประจักษ์แจ้งถึงทุกข์สุของราษฎรที่มีความเป็นอยู่อย่างแร้นแค้นขาดแคลน “น้ำ” จนต้องน้ำค้างทำการเกษตร ซึ่งไม่ได้ผลผลิตเลย จึงพระราชทานพระราชดำริให้สร้าง “อ่างเก็บน้ำลำพะยังตอนบน” ขึ้น และขยายระบบส่งน้ำของอ่างเก็บน้ำลำพะยัง พร้อมทั้งให้พิจารณาขุดสระน้ำประจำไร่นา ตามแนวทฤษฎีใหม่
ต่อมาเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2538 ได้พระราชทานพระราดำริให้พิจารณาผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำ “ห้วยไผ่” ซึ่งอยู่อีกฟากเขาในอำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งมีปริมาณน้ำมากเกินกำลังความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่มาเติมให้แก่อ่างเก็บน้ำลำพะยัง กาฬสินธุ์ ซึ่งมีความต้องการน้ำสำหรับชลประทาน
กลายเป็นที่มาของการสร้าง “อุโมงค์ผันน้ำข้ามจังหวัด” และระบบส่งน้ำไปยังพื้นที่ทำการเกษตร ซึ่งขยายพื้นที่รับน้ำชลประทานได้มากกว่าหมื่นไร่ อุโมงค์ผันน้ำยังประโยชน์แก่ราษฎรอย่างมาก มีการส่งเสริมให้ปลูกพืชในเขตชลประทาน ส่งเสริมการผลิตข้าวชุมชน (ข้าวเหนียวกอเดียว) ส่งเสริมการปลูกข้าวหอมมะลิชุมชน ส่งเสริมการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ในโรงงานต้นแบบผลิตปุ๋ยอินทรีย์
นับเป็นความสำเร็จจากอุโมงค์ผันน้ำหนึ่งเดียวในเมืองไทยใต้พระบารมี ที่มาจากพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในด้านการบริหารจัดการน้ำ อันสอดคล้องกับคำว่า “ลำพะยังภูมิพัฒน์” ซึ่งหมายถึง “อุโมงค์ผันน้ำที่นำความเจริญมาสู่แผ่นดินลุ่มน้ำลำพะยัง”
“กิจกรรม” ที่สามารถทำได้เมื่อไปถึงโครงการ ได้แก่
“กิจกรรมศึกษาดูงาน” ตามรอยพระราชดำริ เริ่มต้นจาก “ท่องอุโมงค์ใต้พระบารมี” ชมพระอัจฉริยภาพด้านการพัฒนาและจัดการทรัพยากรน้ำอุโมงค์ผันน้ำลอดใต้ดินแห่งเดียวในเมืองไทย ซึ่งเป็นอุโมงค์ข้ามจังหวัด ระยะทางยาว 740 เมตร ซึ่งอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลกเป็นตัวผันน้ำ จากนั้นก็ไป “เรียนรู้รูปแบบการก่อสราง” เทคนิคการผันน้ำจาก 2 ลุ่มน้ำ 2 จังหวัด ช่วงกลางอุโมงค์ มีเส้นแบ่งเขตแดนจังหวัด ระหว่างมุกดาหารกับกาฬสินธุ์ ปิดท้ายด้วยการเดินชม “ผลึกหินงอกหินย้อย” ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากการซึมของน้ำบนเขาบักดี ถือเป็น “จุดชมวิว” ที่ดึงดูดความสนใจทางการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
“เรื่องน่ารู้” ในอุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒน์ฯ ซึ่งสร้างเสร็จเมื่อปี 2549 โดยการเจาะอุโมงค์ผันน้ำลอดใต้เขา “ภูบักดี” แล้วทำท่อเหล็กลอดใต้อุโมงค์ขนาดความกว้าง 3 เมตร สูง 3 เมตร ยาว 740 เมตร ส่งน้ำจากมุกดาหารเข้าสู่กาฬสินธุ์ โดยการทำถังพักน้ำและระบบท่อชลประทานที่ยังประโยชน์ครอบคลุมพื้นที่มากถึง 12,000 ไร่ และทำให้ผลผลิตการปลูกข้าวของชาวนาในแถบนั้นเพิ่มขึ้นได้หลายเท่า
สนใจจะเดินทางไปชมความมหัศจรรย์ของการพัฒนาระบบแหล่งน้ำใน โครงการพัฒนาลุ่มน้ำพะยังตอนบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.กาฬสินธุ์ และต้องการเข้าชมในอุโมงค์ สามารถติดต่อได้ที่ว่าการอำเภอเขาวง โทร.043-859-089
@ดูแลสมองก่อนจะความจำเสื่อม
ปัจจุบันมีคาดการณ์จำนวนผู้ป่วย “โรคอัลไซเมอร์” มีมากกว่า 50 ล้านราย และทุก 68 วินาที จะมีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น 1 ราย นักวิทยาศาสตร์พบว่า “โรคอัลไซเมอร์” เกิดได้จากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งจากพันธุกรรม จากความผิดปกติทางชีววิทยาในสมอง ที่ส่งผลให้การทำงานของโครงสร้างเครือข่ายเซลล์ประสาทที่ติดต่อระหว่างกันไม่สามารถเกิดขึ้นได้ตามปกติอีกต่อไป ผู้ป่วยจะเกิดความบกพร่องทางสมองในส่วนของสติปัญญา เช่น ความคิด ความจำ และการตัดสินใจ ในขณะที่สมองส่วนที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวยังใช้การได้ดี
ความเสี่ยงจะมากขึ้นเรื่อยๆ ทันทีที่อายุเข้าสู่ 65 ปีขึ้นไป และอาจกินเวลา 3-20 ปี มีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 8 ปีนับตั้งแต่เริ่มมีอาการปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคอัลไซเมอร์ให้หายขาดได้ แต่ชะลอความเสื่อมของสมองได้ตั้งแต่วันนี้ด้วยวิธีการง่ายๆ เพียง 6 วิธี
1.หมั่นเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ ควบคู่ไปกับการออกกำลังสมอง เช่น เล่นเกมลับสมองฝึกความจำ ฝึกคำนวณตัวเลข รวมถึงการเล่นดนตรีประเภทต่างๆ ก็ช่วยได้
2.ออกกำลังกายมีประโยชน์เรื่องการคลายเครียดและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือด โดยการออกกำลังกายแบบ คาร์ดิโอหรือการบำรุงหัวใจ เพียงวันละ 20-30 นาที อย่างน้อย 4 วัน/สัปดาห์
3.รับประทานอาหารบำรุงสมอง โดยเฉพาะอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 เอ ซี อี และซีลีเนียม รวมถึงผลิตภัณฑ์จากใบแปะก๊วย
4.การเข้าสังคม พบปะผู้คน พูดคุย โต้ตอบบทสนทนาอย่างสม่ำเสมอ ไม่เก็บตัวเงียบอยู่คนเดียว สามารถช่วยยืดอายุสมองได้
5.หมั่นตรวจสอบความดันโลหิตอยู่เสมอ เพราะส่งผลกระทบถึงสมองโดยตรง และให้ลด ละ เลิกกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งผลต่อความดันโลหิตได้ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และการใช้สารเสพติด
6.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรเข้านอนเกิน 4-5 ทุ่ม และควรนอนให้ได้อย่างน้อย 7 ชั่วโมง/วัน ในสถานที่เงียบสงบ เพื่อให้การนอนมีคุณภาพมากที่สุด
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “เปิดยุทธศาสตร์10ปียกเครื่อง28สนามบินภูมิภาค”
นายดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ระยะ 10 ปี (2560-2565) ภายใต้งบประมาณพัฒนาสนามบินภูมิภาค 28 แห่ง วงเงินรวม 38,561.78 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 เฟส เฟสละ 5 ปี ดำเนินการขยายและปรับปรุงสนามบินทั้งหมด เมื่อโครงการทั้งหมดแล้วเสร็จทุกสนามบินภูมิภาคจะเป็นไปตามฐานขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) โดยภาพรวมปี 2568 จะรองรับผู้โดยสารได้ถึงปีละรวม 30 ล้านคน ปี 2579 รองรับได้ปีละ 58 ล้าน
เบื้องต้นทางกรมฯ จะจัดตั้งหน่วยธุรกิจ (business unit) ขึ้นมาบริหารงานแต่ละสนามบินพร้อมทั้งตั้งฝ่ายการตลาดหารายได้เพิ่ม ปัจจุบันพบข้อมูลกว่า 12สนามบินสามารถกำไรได้ดี เช่น กระบี่ นครศรีธรรมราช อุบลราชธานี สกลนคร น่าน อุดรธานี ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี ตรัง นครพนม และเลย
สำหรับแผนยุทธศาสตร์ 10 ปี กรมฯตั้งเป้าจะพัฒนาเป็นสนามบินศูนย์กลางในภูมิภาคของประเทศให้เกิดเป็นรูปธรรม แบ่ง 2 เฟส
เฟสที่ 1 ระหว่างปี 2560-2564 ใช้งบประมาณ 29,154.75 ล้านบาท พุ่งเป้าขยายสนามบินให้เพียงพอกับความต้องการของผู้โดยสารในเมืองท่องเที่ยว 5 สนามบิน ได้แก่ กระบี่ นครศรีธรรมราช ขอนแก่น ตรัง และสุราษฎร์ธานี
เฟส 2 ระหว่างปี 2565-2569 ใช้งบประมาณ 9,407.03 ล้านบาท ปรับปรุงสนามบิน 6 แห่ง อยู่ในอีสานมากที่สุด 5 แห่ง ได้แก่ อุบลราชธานี อุดรธานี ร้อยเอ็ด สกลนคร เลย และภาคใต้ที่หัวหิน
ข่าวที่สอง “เวียดนามสนใจลงทุนท่องเที่ยวไทยในEEC”
นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กล่าวว่า ล่าสุดสมาคมมิตรภาพเวียดนาม-ไทย ได้นำสมาชิกกลุ่มนักธุรกิจเวียดนามมาสำรวจการลงทุนในไทย 70 ราย โดยให้ความสนใจการด้านการเดินเรือท่องเที่ยวเชื่อมเส้นทางระหว่างไทยผ่านทางจันทบุรีสู่เวียดนามตอนใต้ ส่งเสริมการท่องเที่ยวของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนตามคอนเซ็ปต์ 2 ประเทศ 1 เส้นทาง สร้างการเติบโตในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวร่วมกัน
อีกทั้งนักลงทุนเวียดนามบางส่วนยังแสดงความสนใจจะลงทุนด้านอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว และโลจิสติกส์ สอดรับกับนโยบายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กำลังเปิดให้นักลงทุนไทยและนานาชาติเข้ามาร่วมพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งทะเลตะวันออก Eastern Economic Corridor :EEC ส่วนทางไทยเองก็มีแผนจะนำนักธุรกิจไปสำรวจการลงทุนในเวียดนามเกี่ยวกับอุตสาหกรรมและท่าเรือด้วย
ข่าวที่สาม “แอร์เอเชียงัด“MyCorporate”รุกผู้โดยสารธุรกิจ”
นายโทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย กล่าวว่า พร้อมเปิดตัวให้บริการใหม่ “MyCorporate” ตอบสนองกำลังซื้อกลุ่มตลาดนักธุรกิจทั้งด้านงบประมาณเเละข้อจำกัดต่างๆ ด้วย 3 แพ็คเกจ คือ Fare Only, Corporate Lite และ Corporate Full Flex
เริ่มจาก 1.Fare Only จะคิดเฉพาะค่าตั๋วโดยสารไม่รวมค่าภาษีสนามบินและบริการเสริมอื่นๆ 2.Corporate Lite ค่าตั๋วโดยสาร อาหารว่าง ระบุเลขที่นั่ง (สำหรับที่นั่งปกติ) เคาน์เตอร์เช็คอินพิเศษ ทางผู้โดยสารจะได้สิทธิโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมเพื่อเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินและวันเดินทางได้ 1 ครั้งก่อนเดินทางอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
3.Corporate Full Flex รวมค่าตั๋วโดยสาร อาหารว่าง ระบุหมายเลขที่นั่งโซนหน้า (Hot Seat) น้ำหนักโหลดสัมภาระ 20 กิโลกรัม เคาน์เตอร์เช็คอินพิเศษ รับสัมภาระก่อนใคร สิทธิใช้บริการแอร์เอเชียพรีเมี่ยมเร้ดเลานจ์ บอร์ดดิ้งขึ้นเครื่องก่อน ประกันภัยการเดินทาง และสิทธิเปลี่ยนแปลงไม่เสียค่าธรรมเนียมและไม่จำกัดจำนวนครั้งทั้งเที่ยวบินและวันเดินทางได้ก่อนการเดินทางอย่างน้อย 2 ชั่วโมง และจะได้สิทธิพิเศษเพิ่มใช้บริการ GoShow โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมใด ๆ เพิ่ม ในการใช้สิทธิสแตนด์บายล่วงหน้าเที่ยวบินในเส้นทางเดียวกันของวันเดียวกัน
ผู้นำแอร์เอเชียย้ำว่า MyCorporate จะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงระบบการสำรองที่นั่งออนไลน์ที่ใช้งานได้ง่าย สามารถจองได้ที่ airasia.com/MyCorporate หรือตัวเเทนขายทั่วประเทศของเเอร์เอเชีย
ข่าวที่ 4 เคป&แคนทารีกวาดรางวัล14โรงแรม3 ห้องอาหาร
เครือ เคป & แคนทารี โฮเทลส์ รายงานว่า ล่าสุด 3 ห้องอาหาร และ 14 โรงแรม คว้ารางวัล Certificate of Excellence Award 2017 จาก TripAdvisor เว็บไซต์ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกอบด้วยห้องอาหาร No.43 Italian Bistro เคปเฮ้าส์ กรุงเทพฯ, ห้องอาหาร Nimman Bar & Grill โรงแรม แคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่ และ ห้องอาหาร Panwa House
ส่วนโรงแรมเคป พันวา ภูเก็ต ได้รับรางวัล Certificate of Excellence Award 2017 และอีก 14 โรงแรมในเครือเคป & แคนทารี โฮเทลส์ ก็คว้ารางวัลนี้ด้วยเช่นกัน เช่นโรงแรมเคป นิทรา หัวหิน, โรงแรมแคนทารี บีช เขาหลัก, โรงแรมคามิโอ แกรนด์ ระยอง และโรงแรมซัมแวร์ เกาะสีชัง
ข่าวที่ห้า “แคนทารีอยุธยาชวนชิมสเต็กรสเลิศ”
โรงแรมแคนทารี อยุธยา ปรุงเมนูความอร่อยสุดพิเศษตลอดเดือนกรกฎาคมนี้ ที่ห้องอาหารแคลิฟอร์เนีย สเต็ก ะ “ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง” สูตรเฉพาะ ด้วยเชฟมืออาชีพ และวัตถุดิบชั้นดี ซี่โครงหมูสดใหม่ นำมาอบกับน้ำผึ้ง เสิร์ฟพร้อมผักสดเป็นเครื่องเคียง หอมหวาน ราคาเพียง 340++ บาท รับประทานคู่กับไวน์แดงจะยิ่งเพิ่มความอร่อยมากขึ้น โทร. 035-337-177 หรือ www.kantarycollection.com
ติดตามฟังรายการเป็นประจำทาง สวท.FM 97.0 MHz.ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.และ youtube รายการทาง www.facebook.com/rauydauykhao และอ่านข่าวท่องเที่ยวครบทุกเรื่องได้ทาง www.facebook.com/penroong
ททท.เฉินตูงัดไม้เด็ดรุก4ตลาดคุณภาพ
คิงเพาเวอร์ลดใหญ่บัตรSCB-ดิวตี้ฟรีเซล
ททท.ชูตลาดเพิ่มยอดสินค้าถิ่นประชารัฐ
2โปรใหม่“ไทยเร้นท์ฯ”เที่ยววันธรรมดา
ทัวร์ลุ่มน้ำลำพะยังอุโมงค์ผันน้ำกาฬสินธุ์
ปั้นยุทธ์ศาสตร์10ปีเคลียร์28สนามบินภูมิภาค
แอร์เอเชียผุด“MyCorporate”ชิงตลาดธุรกิจ
14โรงแรมเครือเคป&แคนทารีกวาดรางวัล
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังทางมือถือเลือก FM 97.0 หรืออ่านใน www.facebook.com/penroong ฟังย้อนหลังทาง youtube www.facebook.com/rauydauykhao) #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand
ช่วงที่ 1 “คุณจรัญ ชื่นในธรรม” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเฉินตู สาธารณรัฐประชาชนจีน ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ ถึงปี 2561 จะโกย “นักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพชาวจีน” ครอบคลุมทั้ง 4 ตลาดทั้ง “หรูหราร่ำรวย-ฮันนีมูน-ครอบครัว-เที่ยวเชิงกีฬา” ที่มีถิ่นฐานอยู่ทางภาคตะวันตกใน 3 มณฑลใหญ่ เสฉวน เฉินตู ส่านซี เป็นลูกค้าจะแห่แหนกันมาใช้เงินอุดหนุนท้องถิ่นทั่วประเทศไทยเพิ่มอีก 10 % เพราะตอนนี้สายการบินนานาชาติตื่นตัวเปิดเส้นทางบินใหม่ และปัจจุบันยังมีที่นั่งโดยสารเครื่องบินมากถึงเดือนละ 100,000 ที่นั่ง รองรับการเดินทางที่เพิ่มขึ้นทุกปี แล้วก็จะชวน ททท.ในประเทศเปิดจุดขายเที่ยววิถีไทย ทำให้นักท่องเที่ยวเข้าถึง เข้าใจ เที่ยวเมืองไทยอย่างลึกซึ้ง
คุณจรัญ ชื่นในธรรม ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานเฉินตู สาธารณรัฐประชาชนจีน |
“คุณจรัญ ชื่นในธรรม” ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานเฉินตู เปิดเผยว่าทางเฉินตูดูแลภาคตะวันตกของประเทศจีน พูดง่าย ๆ คือบริเวณที่ลึกเข้าไปในแผ่นดินหลัก ๆ อยู่ในมณฑลเสฉวน โดยมีเมืองเอกคือ “เฉินตู” นครฉงชิ่ง และมณฑลส่านซี ซึ่งมีเมืองเอกคือ “เมืองซีอาน” ต่อเนื่องไปถึงทิเบตและซินเจียงสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวจีนแถบตะวันตกที่เดินทางเข้ามายังไทย ช่วงปี 2560 มีประมาณ 2 ล้านคน คิดเป็น 20 % ของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยปีนี้จำนวนรวมกว่า 8 ล้านคน เป็นนักท่องเที่ยวจีนที่มาจากเสฉวน กับฉงชิ่ง สัดส่วนใกล้เคียงกันแห่งละประมาณ 30 % มณฑลส่านซียังน้อยกว่าพื้นที่อื่นมี 10 %
ปี 2561 วางกลยุทธ์การตลาดการกระตุ้นนักท่องเที่ยวในมณฑลส่านซีจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนพื้นที่การตลาดทั้งหมดของ ททท.เฉินตูดูแลไม่ติดทะเลยังเลือกมาไทยเป็นอันดับหนึ่ง จะสายการบินบริการโดยมีเที่ยวบินตรง ไป-กลับ ระหว่างมณฑลและเมืองต่าง ๆ เข้ามายังไทย เฉลี่ยเดือนละ 100,000 ที่นั่ง ระยะทางการบินประมาณ 2 ชั่วโมง
ตามปีงบประมาณ 2561 มุ่งทำตามโจทก์ใหญ่คือมุ่งเน้น
เรื่องที่ 1 “เจาะตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ” โดยหาแหล่งท่องเที่ยวหลักให้ตรงกับพฤติกรรมของตลาด เช่น นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวหรูหราหรือ Luxury เพิ่มมากขึ้น และกิจกรรมรองรับกลุ่มกำลังซื้อเดินทางเป็นครั้งแรกและมาซ้ำ
เรื่องที่ 2 “ขยายนักท่องเที่ยวกระจายไปยังจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองในไทย” ปีนี้เน้นรุกหนักจีนจากมณฑลส่านซีซึ่งมีซีอานเป็นเมืองหลักพยายามเพิ่มจำนวนและรายได้ เพราะซีอานมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเกินกว่า 10 % และจีดีพีเติบโตเร็วมาก มีศักยภาพการเดินทางท่องเที่ยวสูงกว่าหลายพื้นที่ อีกทั้งมีการเปิดบริการสายการบินมากขึ้นด้วย
เรื่องที่ 3 “เจาะกลุ่มเซ็กเมนท์เชิงลึก 4 กลุ่มหลัก” ประกอบด้วย นักท่องเที่ยว
กลุ่มแรก “Luxury-ท่องเที่ยวหรูหรา” ในเมืองเฉินตูกับฉงชิ่ง ประชากรมีฐานะดีหรือเศรษฐีเพิ่มจำนวนมากขึ้น สนใจมาท่องเที่ยวเมืองไทยด้วยปัจจัยดึงดูดสำคัญ คือ ราคาอยู่ในวิสัยที่จ่ายได้ และระยะเวลาการเดินทางไม่ไกลเมื่อเปรียบเทียบกับไปเที่ยวยุโรปซึ่งยังมีตัวแปรเรื่องความปลอดภัยแตกต่างจากไทย
กลุ่มที่สอง “Honeymoon-ฉลองแต่งงาน” เมืองต่าง ๆ มีแนวโน้มทางค่านิยมเมื่อแต่งงานก็ต้องเดินทางไปฉลองในต่างประเทศ 1 ครั้ง ปีที่แล้วมีคู่แต่งงานประมาณเกือบ 10 ล้านคู่ ในจำนวนนี้ 80 % นิยมซื้อแพกเกจเดินทางต่างประเทศ จึงเห็นช่องทางและโอกาสจะนำเสนอให้เลือกมาเมืองไทย
กลุ่มที่สาม “ครอบครัว” ขณะนี้ในจีนมีปัญหามลพิษสูง จึงนิยมให้พ่อแม่ปู่ย่าตายายพาลูกหลานมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยเพื่อหนีหนาวและมลพิษ
กลุ่มที่สี่ “นักท่องเที่ยวเชิงกีฬา” โดยเฉพาะในเฉินตู ฉงชิ่ง เป็นเขตอบอุ่น ประชากรนิยมออกกำลังกาย โดยเฉพาะการวิ่งมาราธอนมีจำนวนมาก มองประเทศไทยเหมาะแก่การมาวิ่งมาราธอน
ทั้ง 4 กลุ่ม จะเป็น “ตลาดดาวรุ่ง” จากจีนมาท่องเที่ยวประเทศไทย ซึ่ง ททท.สำนักงานเฉินตูพร้อมทำกลยุทธ์เชิงรุกอย่างเต็มกำลัง
ส่วนแผนกิจกรรมโครงการรองรับปีการท่องเที่ยวอย่างยั่นยืน 2561 จะยิ่งเสริมให้นักท่องเที่ยวจีนสนใจมากยิ่งขึ้นด้วยกิจกรรมใหม่จากรัฐบาล เรื่อยไปจนถึงตลาดในพื้นที่ดังกล่าวยังเลือกเมืองไทยเป็นอันดับหนึ่งอยู่ จำนวนและรายได้จะมีอนาคตสดใส
สำหรับการปลุกกระแสท่องเที่ยวเชิงอาหารถิ่น (gastronomy) ทั้ง 2 มณฑลหลักนิยมรับประทานอาหารอยู่แล้ว อย่าง “เสฉวน” ชอบรสเผ็ดค่อนข้างใกล้เคียงกับไทยจึงเป็นอีกโปรดักซ์ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ รวมทั้งอาหารทะเล ปีท่องเที่ยวไทยน่าจะเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวเรื่องค่าใช้จ่ายด้านอาหารถิ่นด้วย
การนำเสนอขาย “พื้นที่หรือจังหวัดท่องเที่ยว” ของไทยในจีนภาคตะวันตก เนื่องจากเป็นมณฑลที่ไม่ติดทะเล จังหวัดยอดฮิตยังคงเป็นเมืองชายทะเล ภูเก็ต กระบี่ พัทยา เกาะช้าง (ตราด) และสมุย (สุราษฎร์ธานี) กำลังมาแรงมาก ด้วยปัจจัยจากมีสายการบินบริการบินตรงปลายปีเดือนพฤศจิกายน 2560 โดย 2 สายการบิน คือ บางกอกแอร์เวย์ส และ ลักกี้แอร์
แตกต่างจากเมื่อก่อนนักท่องเที่ยวจีนแถบนี้จะต้องบินไปยังสนามบินสุราษฎร์ธานีในเมืองก่อนแล้วเดินทางต่อด้วยเรือเฟอรี่ อาจจะสะดวกน้อยกว่าการจะมีเที่ยวบินตรงในเร็ว ๆ นี้
แนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนจากเสฉวน ฉงชิ่ง ส่านซี จะขยายตัวอย่างรวดเร็วในสมุย ขณะเดียวกันก็มีการกระจายตัวจากภูเก็ต กระบี่ เข้าไปยัง เกาะหลีเป๊ะ“ตรัง” จังหวัดท่องเที่ยวรองของไทย และพื้นที่แนวชายฝั่งทะเลตะวันออก เริ่มกระจายจากพัทยา ไปยัง เกาะเสม็ด และเกาะช้าง ซึ่งจะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวรองรับตลาดหรูของจีนได้
การท่องเที่ยวทางทะเลแล้ว จีนยังชื่นชอบเลือกเดินทางไปเที่ยวภาคเหนือของไทย ในจังหวัดเชียงใหม่ ได้อานิสงจากภาพยนตร์ Lost in Thailand บวกกับสภาพภูมิภาอากาศไม่ได้ร้อนมาก วัฒนธรรมภาคเหนือยังเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนได้
สำหรับชุมชนท้องถิ่นตามแหล่งท่องเที่ยวในไทย กับการเตรียมความพร้อมเป็น “เจ้าบ้านที่ดี” ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนนั้น ไม่มีอุปสรรคเรื่องภาษาในการสื่อสารกันอีกต่อไป เพราะเริ่มคุ้นเคยกัน อาจจะต้องเพิ่มการให้ข้อมูลองค์ความรู้แก่นักท่องเที่ยวจีนเรื่อง “วัฒนธรรม-วิถีชีวิต” มากขึ้น เดิมอาจจะไม่เข้าใจจีนจึงทำกิริยาไม่เหมาะสม เป็นหน้าที่ของ ททท.และคนไทยต้องช่วยกัน
ขณะนี้ ททท.สำนักงานเฉินตู ได้ผลิตคู่มือแนะนำกิริยาที่นักท่องเที่ยวไม่ควรทำเมื่อมาเที่ยวเมืองไทย เช่น วางเท้าในที่เหมาะสม ส่วนเรื่องการเป็นเจ้าบ้านที่ดีด้านความปลอดภัยทางการท่องเที่ยวก็ทำคู่มืออกมาเช่นกัน แต่ก็ต้องให้ท้องถิ่นช่วยอธิบายอีกช่องทาง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวทางทะเล ปีที่ผ่านมาจีนมาประสบอุบัติเหตุเที่ยวทางทะเลมากพอสมควร จึงได้ทำคู่มือแนะนำอย่างละเอียด ทางผู้ประกอบการและชุมชน ต้องแนะนำถึง “สัญลักษณ์” การเที่ยวทะเลควบคู่ไปด้วย
โดยตั้งเป้าหมายการเติบโต “ทางรายได้” จากตลาดจีนในพื้นที่ภาคตะวันตกของ ททท.สำนักงานเฉินตู ตั้งไว้เฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นแนวโน้มไม่ต่ำกว่า 10-20 % เร่งเพิ่มค่าใช้จ่ายทำได้เกิน 10 % เพราะเน้นกลุ่มคุณภาพและเดินทางท่องเที่ยวอิสระตามลำพัง (F.I.T.)
อีกทั้งในระยะใกล้ช่วงเดือนสิงหาคม 2560 ททท.ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก จัดทำโครงการ “Women Jouney-เดือนท่องเที่ยวของกลุ่มสตรี” นั้น ททท.สำนักงานเฉินตูร่วมส่งเสริมการนำนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้หญิงมาร่วมกิจกรรมในไทย สถานการณ์ขณะนี้ผู้หญิงจีนเป็นผู้ตัดสินใจเดินทางและคนหนุ่มสาวตัดสินใจแต่งงานช้าลง ดังนั้น “ผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงาน” มักจะนิยมชวนเพื่อนผู้หญิงด้วยกันเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทยเป็นกลุ่มเล็ก ๆ
ททท.ได้ทำโฆษณาประชาสัมพันธ์การตลาดในกลุ่มสตรีสอดคล้องกับเดือนแห่งผู้หญิงท่องเที่ยว เมื่อมาถึงเมืองไทยจะได้สิทธิพิเศษตั้งแต่ลงเครื่องที่สนามบินนานาชาติ ทั้งเรื่อง Women Lane เคาน์เตอร์เช็คอิน การตรวจผ่านคนเข้าเมือง มีโลโก้สแกนบาร์โค้ดช้อปปิ้งตามห้างสรรพสินค้าราคาพิเศษ ซึ่งผู้หญิงจีนจะมาใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นทั้ง ช้อปปิ้ง ทำสปาเพื่อความสวยความแล้ว แล้วยังมีกิจกรรม ออกกำลังกายมวยไทย มาแรงมาก
การส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวชุมชนในไทยกับตลาดจีน เล็งไปเจาะตลาด “ครอบครัว” ซึ่งอยู่แต่ในเมืองจึงนิยมพาเด็กเล็กไปเรียนรู้ชนบท พาไปปลูกข้าวชมธรรมชาติ ททท.เองก็ทำอยู่ด้วยคือ พาไปทำกิจกรรมในแคมป์ หรือเรียนรู้วิถีไทย เส้นทางตัวอย่างในโปรแกรมขายวิถีชุมชนไทย ได้แก่
เส้นทางแรก หมู่บ้านไทยที่ สามพราน ริเวอร์ไซต์ นครปฐม พาไปทดลองปลูกข้าวและชมวิถีชีวิตการเกษตรแบบไทย ต่อเนื่องไปถึง อัมพวา หัวหิน
เส้นทางที่ 2 เรียนรู้วัฒนธรรมเมืองเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเส้นทางไปอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา เชิญชวนเด็กเล็กไปร่วมทำแคมป์เรียนรู้การทำฟาร์มวัวนม เป็น Camp Adventure
เส้นทางที่ 3 ไปชายฝั่งทะเลตะวันออก พัทยา แวะนครนายก สามารถพาเด็ก ๆ จีนในแต่ละครอบครัวได้อย่างมีความสุขและปลอดภัย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ให้ช้อปถูกที่สุวรรณภูมิ-ภูเก็ต”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มอบโปรโมชั่นร่วมกับพันธมิตร โดยให้สิทธิพิเศษ ระหว่างวันนี้-30 กันยายน 2560 เมื่อช้อปปิ้งที่ คิง เพาเวอร์ แท๊กซ์ฟรี ใน 2 ท่าอากาศ ยานที่สุวรรณภูมิและภูเก็ต ซื้อสินค้าในร้านดิวตี้ฟรีด้วยบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ ครบ 2,000 บาทขึ้นไป รับกระเป๋าถือฟรี 1 ใบ และผู้ถือบัตรยังสามารถใช้สิทธิรับส่วนลด 10% ณ ร้านอาหารที่ร่วมรายการในสุวรรณภูมิและภูเก็ตได้จนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2560
ส่วนช่วงโค้งสุดท้ายเดือนกรกฎาคม เพลินกับการช็อปที่ “คิง เพาเวอร์ ศรีวารี” กับแคมเปญ 8 ศุกร์หรรษา ในวันศุกร์สุดท้ายที่ 28 กรกฏาคม 2560 รับไปเลยส่วนลดสูงสุด 30% ลุ้นรับ 50,000 บาท เพื่อร่วมล่องเรือสำราญ สิงคโปร์ - มาเลเซีย
นักช็อปทั้งขาเข้าและขาออกสนามบิน พบกับมหกรรมน้ำหอมและเครื่องสำอางค์แบรนด์ดังราคาถูกกว่าในเมืองสูงสุดถึง 40% ที่คิง เพาเวอร์ สาขาสุวรรณภูมิและดอนเมือง ตั้งแต่วันนี-31 กรกฎาคม 2560
สอบถามที่ 1631 หรือ www.kingpower.com
ข่าวที่ 2 “ปี’61 ททท.ชูการตลาดเพิ่มยอดร้านประชารัฐสุขใจ”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า เปิดเผยว่า ตลอดครึ่งปีหลังต่อเนื่องปีงบประมาณ 2561 จะเพิ่มความเข้มข้นทางการตลาดเพื่อช่วยส่งเสริมการขาย“ผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนเพื่อการท่องเที่ยว” ในกลุ่มโอท็อปและสินค้าประชารัฐต่าง ๆ โดยวางแผนการทำงานอย่างใกล้ชิดกับ “องค์การพัฒนาชุมชน-อพช.” กระทรวงมหาดไทย เพื่อคัดเลือกชุมชนที่จะพัฒนาพร้อมผลิตสินค้าป้อนตลาดท่องเที่ยว
ปี 2561 จะใช้ “การตลาด” เป็นตัวนำเพื่อส่งเสริมการขายสินค้าชุมชนเป็นหลัก โดยได้พูดกันในที่ประชุมแผนการท่องเที่ยวปี 2561 ในประเด็นอย่าไปบังคับชุมชนเปลี่ยนโครงสร้างตนเองเพียงเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวจำนวนมาก แต่ ททท.จะต้องดู “ความพร้อม” และการเติบโต “อย่างยั่งยืน” ต้องพิจารณาให้ชุมชนเป็นผู้นำการท่องเที่ยว และได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากสิ่งที่จะทำ ขณะเดียวกันต้องรักษาอัตลักษณ์ตนเอง และดูแลวิถีท้องถิ่นให้มีชีวิตเหมือนที่เคยเป็นอยู่อย่างมีความสุขให้คงไว้ด้วย
บทบาทของ ททท.เมื่อชุมชนมีคุณสมบัตรตามความพร้อมดังกล่าวแล้ว ก็จะเข้าไปช่วย “ทำการตลาด” ให้ทันที
สำหรับ “โครงการร้านค้าประชารัฐสุขใจช้อป” ททท.ได้รับนโยบายจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ดำเนินการเปิด “โครงการร้านประชารัฐสุขใจ Shop” พัฒนาสถานีริมทางเพื่อส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวท้องถิ่น ควบคู่กับโครงการจัดตั้งศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวและจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นทั่วประเทศในพื้นที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ทั่วประเทศใน 148 แห่ง ใน 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้
โดยได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ฉบับลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559 ร่วมกัน 5หน่วยงาน ได้แก่ ททท. กระทรวงมหาดไทย โดย กรมการพัฒนาชุมชน(พช.)สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.)และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) โดยใช้ชื่อร้าน“ประชารัฐ สุขใจ SHOP”
ข่าวที่ 3 “บางจากเปิดทำบัตรสมาชิกออนไลน์ได้200แต้ม”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ระหว่างวันนี้ - 31 ธ.ค. 60 ได้เปิดโอกาสให้ผู้สนใจสมัครสมาชิกบางจาก “บัตรออนไลน์” ฟรี แล้วรับทันที 200 คะแนน เพียงแค่สมัครผ่านทางเว็บไซต์ เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วคลิกไปที่ http://bcpgshclub.bangchak.co.th/loyaltyvip/TermsAndConditions.php
สิทธิประโยชน์ตามกติกาของสมาชิกบัตรบางจากออนไลน์ จะได้รับดังนี้
1. คะแนนสะสมเพิ่ม 200 คะแนน จะถูกโอนเข้าบัตรสมาชิกในวันรุ่งขึ้นหลังจากสมัคร
2. คะแนนพิเศษนี้สำหรับการสมัครสมาชิกทางเว็ปไซต์เท่านั้น
3. จำกัด 1 หมายเลขบัตรสมาชิก / 1 ครั้ง ในการรับคะแนนพิเศษ 200 คะแนน
4. บางจากสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า
5. สอบถามเพิ่มเติม Bangchak Call center โทร.1651 (กด 4)
ข่าวที่ 4 “ไทยเร้นท์อะคาร์แจก2โปรใหม่เที่ยววันธรรมดา”
บริษัท ไทยเร้นท์อะคาร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด รายงานว่า เป็น 1 ใน 10 พันธมิตรกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในโครงการ “วันธรรมดา น่าเที่ยว” ปี 2560 ระหว่างวันนี้-30 กันยายน 2560 ด้ จัดแคมเปญส่วนลดต้อนรับการท่องเที่ยววันธรรมดาตลอดฤดูฝน ด้วย 2 โปรโมชั่นใหม่ ประกอบด้วย
โปรโมชั่นแรก "ไทยเร้นท์อะคาร์ วันธรรมดาน่าเที่ยวไปอีก" สนองความต้องการตลาดใหม่ให้ส่วนลดแก่นักท่องเที่ยวเช่ารถใช้เดินทางเพิ่ม 5% จากการจับมือกับกลุ่มเครือข่ายบัตรเครดิตจากธนาคารชั้นนำ 4 แบรนด์ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และบัตรเครดิตเคทีซี ทั่วประเทศทุกสาขา ทุกครั้งที่ใช้จ่ายค่าเช่ารถผ่านบัตรเครดิตทั้ง 4 แบรนด์ข้างต้น จะได้รับส่วนลดทันที
โปรโมชั่นที่ 2 "ไทยเร้นท์อะคาร์ รักเราไม่เก่าเลย" เพื่อเอาใจลูกค้าเก่าด้วยโปรโมชั่นแรงในรูปแบบ used car concept สำหรับรถเช่าอายุใช้งาน 3-5 ปี ให้เช่าในราคาเพียงวันละ 299 บาท ทั้ง 2 โปรโมชั่นเปิดให้นักท่องเที่ยวจองและชำระเงินง่าย ๆ แค่เพียงคลิ๊กเข้าไปที่ www.Thairentacar.com
ช่วงที่ 2 เดินทางสู่โลกกว้างไปกับโครงการพระราชดำริผันน้ำข้าม 2 จังหวัด ใน“โครงการพัฒนาลุ่มน้ำพะยังตอนบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.กาฬสินธุ์” ส่วนเรื่องสุขภาพคนวัย 40 ปีขึ้นไปแล้วต้องฟังว่า 6 วิธีป้องกันอัลไซเมอร์ ปิดท้ายด้วยข่าว
@โครงการพัฒนาลุ่มน้ำพะยังตอนบนฯ กาฬสินธุ์
บรรยากาศช่วงฤดูฝนในภาคอีสานเย็นชุ่มฉ่ำต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี เหมาะจะเดินทางไปทำกิจกรรมพร้อม ๆ กับการพักผ่อน แนะนำสถานที่สำคัญที่ควรค่าจะพาหมู่คณะไปเยี่ยมชมคือ “โครงการพัฒนาลุ่มน้ำพะยังตอนบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ตั้งอยู่ในตำบลแสงเปลือย อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์
ย้อนไป 25 ปีก่อน เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2535 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จฯ เยี่ยมราษฏรที่ “บ้านกุดตอแก่น” อำเภอเขาวง ซึ่งมีสภาพถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ จนได้ฉายาว่าถนนดิสโก้ พระองค์ทรงขับรถด้วยพระองค์เอกงและได้ทอดพระเนตรเห็นข้าวเปลือกที่ชาวบ้านเก็บเกี่ยวนำมาตากไว้ ไม่มีเมล็ดข้าวเลย
ทรงประจักษ์แจ้งถึงทุกข์สุของราษฎรที่มีความเป็นอยู่อย่างแร้นแค้นขาดแคลน “น้ำ” จนต้องน้ำค้างทำการเกษตร ซึ่งไม่ได้ผลผลิตเลย จึงพระราชทานพระราชดำริให้สร้าง “อ่างเก็บน้ำลำพะยังตอนบน” ขึ้น และขยายระบบส่งน้ำของอ่างเก็บน้ำลำพะยัง พร้อมทั้งให้พิจารณาขุดสระน้ำประจำไร่นา ตามแนวทฤษฎีใหม่
ต่อมาเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2538 ได้พระราชทานพระราดำริให้พิจารณาผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำ “ห้วยไผ่” ซึ่งอยู่อีกฟากเขาในอำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งมีปริมาณน้ำมากเกินกำลังความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่มาเติมให้แก่อ่างเก็บน้ำลำพะยัง กาฬสินธุ์ ซึ่งมีความต้องการน้ำสำหรับชลประทาน
กลายเป็นที่มาของการสร้าง “อุโมงค์ผันน้ำข้ามจังหวัด” และระบบส่งน้ำไปยังพื้นที่ทำการเกษตร ซึ่งขยายพื้นที่รับน้ำชลประทานได้มากกว่าหมื่นไร่ อุโมงค์ผันน้ำยังประโยชน์แก่ราษฎรอย่างมาก มีการส่งเสริมให้ปลูกพืชในเขตชลประทาน ส่งเสริมการผลิตข้าวชุมชน (ข้าวเหนียวกอเดียว) ส่งเสริมการปลูกข้าวหอมมะลิชุมชน ส่งเสริมการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ในโรงงานต้นแบบผลิตปุ๋ยอินทรีย์
นับเป็นความสำเร็จจากอุโมงค์ผันน้ำหนึ่งเดียวในเมืองไทยใต้พระบารมี ที่มาจากพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในด้านการบริหารจัดการน้ำ อันสอดคล้องกับคำว่า “ลำพะยังภูมิพัฒน์” ซึ่งหมายถึง “อุโมงค์ผันน้ำที่นำความเจริญมาสู่แผ่นดินลุ่มน้ำลำพะยัง”
“กิจกรรม” ที่สามารถทำได้เมื่อไปถึงโครงการ ได้แก่
“กิจกรรมศึกษาดูงาน” ตามรอยพระราชดำริ เริ่มต้นจาก “ท่องอุโมงค์ใต้พระบารมี” ชมพระอัจฉริยภาพด้านการพัฒนาและจัดการทรัพยากรน้ำอุโมงค์ผันน้ำลอดใต้ดินแห่งเดียวในเมืองไทย ซึ่งเป็นอุโมงค์ข้ามจังหวัด ระยะทางยาว 740 เมตร ซึ่งอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลกเป็นตัวผันน้ำ จากนั้นก็ไป “เรียนรู้รูปแบบการก่อสราง” เทคนิคการผันน้ำจาก 2 ลุ่มน้ำ 2 จังหวัด ช่วงกลางอุโมงค์ มีเส้นแบ่งเขตแดนจังหวัด ระหว่างมุกดาหารกับกาฬสินธุ์ ปิดท้ายด้วยการเดินชม “ผลึกหินงอกหินย้อย” ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากการซึมของน้ำบนเขาบักดี ถือเป็น “จุดชมวิว” ที่ดึงดูดความสนใจทางการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
“เรื่องน่ารู้” ในอุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒน์ฯ ซึ่งสร้างเสร็จเมื่อปี 2549 โดยการเจาะอุโมงค์ผันน้ำลอดใต้เขา “ภูบักดี” แล้วทำท่อเหล็กลอดใต้อุโมงค์ขนาดความกว้าง 3 เมตร สูง 3 เมตร ยาว 740 เมตร ส่งน้ำจากมุกดาหารเข้าสู่กาฬสินธุ์ โดยการทำถังพักน้ำและระบบท่อชลประทานที่ยังประโยชน์ครอบคลุมพื้นที่มากถึง 12,000 ไร่ และทำให้ผลผลิตการปลูกข้าวของชาวนาในแถบนั้นเพิ่มขึ้นได้หลายเท่า
สนใจจะเดินทางไปชมความมหัศจรรย์ของการพัฒนาระบบแหล่งน้ำใน โครงการพัฒนาลุ่มน้ำพะยังตอนบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.กาฬสินธุ์ และต้องการเข้าชมในอุโมงค์ สามารถติดต่อได้ที่ว่าการอำเภอเขาวง โทร.043-859-089
@ดูแลสมองก่อนจะความจำเสื่อม
ปัจจุบันมีคาดการณ์จำนวนผู้ป่วย “โรคอัลไซเมอร์” มีมากกว่า 50 ล้านราย และทุก 68 วินาที จะมีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น 1 ราย นักวิทยาศาสตร์พบว่า “โรคอัลไซเมอร์” เกิดได้จากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งจากพันธุกรรม จากความผิดปกติทางชีววิทยาในสมอง ที่ส่งผลให้การทำงานของโครงสร้างเครือข่ายเซลล์ประสาทที่ติดต่อระหว่างกันไม่สามารถเกิดขึ้นได้ตามปกติอีกต่อไป ผู้ป่วยจะเกิดความบกพร่องทางสมองในส่วนของสติปัญญา เช่น ความคิด ความจำ และการตัดสินใจ ในขณะที่สมองส่วนที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวยังใช้การได้ดี
ความเสี่ยงจะมากขึ้นเรื่อยๆ ทันทีที่อายุเข้าสู่ 65 ปีขึ้นไป และอาจกินเวลา 3-20 ปี มีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 8 ปีนับตั้งแต่เริ่มมีอาการปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคอัลไซเมอร์ให้หายขาดได้ แต่ชะลอความเสื่อมของสมองได้ตั้งแต่วันนี้ด้วยวิธีการง่ายๆ เพียง 6 วิธี
1.หมั่นเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ ควบคู่ไปกับการออกกำลังสมอง เช่น เล่นเกมลับสมองฝึกความจำ ฝึกคำนวณตัวเลข รวมถึงการเล่นดนตรีประเภทต่างๆ ก็ช่วยได้
2.ออกกำลังกายมีประโยชน์เรื่องการคลายเครียดและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือด โดยการออกกำลังกายแบบ คาร์ดิโอหรือการบำรุงหัวใจ เพียงวันละ 20-30 นาที อย่างน้อย 4 วัน/สัปดาห์
3.รับประทานอาหารบำรุงสมอง โดยเฉพาะอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 เอ ซี อี และซีลีเนียม รวมถึงผลิตภัณฑ์จากใบแปะก๊วย
4.การเข้าสังคม พบปะผู้คน พูดคุย โต้ตอบบทสนทนาอย่างสม่ำเสมอ ไม่เก็บตัวเงียบอยู่คนเดียว สามารถช่วยยืดอายุสมองได้
5.หมั่นตรวจสอบความดันโลหิตอยู่เสมอ เพราะส่งผลกระทบถึงสมองโดยตรง และให้ลด ละ เลิกกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งผลต่อความดันโลหิตได้ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และการใช้สารเสพติด
6.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรเข้านอนเกิน 4-5 ทุ่ม และควรนอนให้ได้อย่างน้อย 7 ชั่วโมง/วัน ในสถานที่เงียบสงบ เพื่อให้การนอนมีคุณภาพมากที่สุด
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “เปิดยุทธศาสตร์10ปียกเครื่อง28สนามบินภูมิภาค”
นายดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ระยะ 10 ปี (2560-2565) ภายใต้งบประมาณพัฒนาสนามบินภูมิภาค 28 แห่ง วงเงินรวม 38,561.78 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 เฟส เฟสละ 5 ปี ดำเนินการขยายและปรับปรุงสนามบินทั้งหมด เมื่อโครงการทั้งหมดแล้วเสร็จทุกสนามบินภูมิภาคจะเป็นไปตามฐานขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) โดยภาพรวมปี 2568 จะรองรับผู้โดยสารได้ถึงปีละรวม 30 ล้านคน ปี 2579 รองรับได้ปีละ 58 ล้าน
เบื้องต้นทางกรมฯ จะจัดตั้งหน่วยธุรกิจ (business unit) ขึ้นมาบริหารงานแต่ละสนามบินพร้อมทั้งตั้งฝ่ายการตลาดหารายได้เพิ่ม ปัจจุบันพบข้อมูลกว่า 12สนามบินสามารถกำไรได้ดี เช่น กระบี่ นครศรีธรรมราช อุบลราชธานี สกลนคร น่าน อุดรธานี ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี ตรัง นครพนม และเลย
สำหรับแผนยุทธศาสตร์ 10 ปี กรมฯตั้งเป้าจะพัฒนาเป็นสนามบินศูนย์กลางในภูมิภาคของประเทศให้เกิดเป็นรูปธรรม แบ่ง 2 เฟส
เฟสที่ 1 ระหว่างปี 2560-2564 ใช้งบประมาณ 29,154.75 ล้านบาท พุ่งเป้าขยายสนามบินให้เพียงพอกับความต้องการของผู้โดยสารในเมืองท่องเที่ยว 5 สนามบิน ได้แก่ กระบี่ นครศรีธรรมราช ขอนแก่น ตรัง และสุราษฎร์ธานี
เฟส 2 ระหว่างปี 2565-2569 ใช้งบประมาณ 9,407.03 ล้านบาท ปรับปรุงสนามบิน 6 แห่ง อยู่ในอีสานมากที่สุด 5 แห่ง ได้แก่ อุบลราชธานี อุดรธานี ร้อยเอ็ด สกลนคร เลย และภาคใต้ที่หัวหิน
ข่าวที่สอง “เวียดนามสนใจลงทุนท่องเที่ยวไทยในEEC”
นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กล่าวว่า ล่าสุดสมาคมมิตรภาพเวียดนาม-ไทย ได้นำสมาชิกกลุ่มนักธุรกิจเวียดนามมาสำรวจการลงทุนในไทย 70 ราย โดยให้ความสนใจการด้านการเดินเรือท่องเที่ยวเชื่อมเส้นทางระหว่างไทยผ่านทางจันทบุรีสู่เวียดนามตอนใต้ ส่งเสริมการท่องเที่ยวของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนตามคอนเซ็ปต์ 2 ประเทศ 1 เส้นทาง สร้างการเติบโตในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวร่วมกัน
อีกทั้งนักลงทุนเวียดนามบางส่วนยังแสดงความสนใจจะลงทุนด้านอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว และโลจิสติกส์ สอดรับกับนโยบายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กำลังเปิดให้นักลงทุนไทยและนานาชาติเข้ามาร่วมพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งทะเลตะวันออก Eastern Economic Corridor :EEC ส่วนทางไทยเองก็มีแผนจะนำนักธุรกิจไปสำรวจการลงทุนในเวียดนามเกี่ยวกับอุตสาหกรรมและท่าเรือด้วย
ข่าวที่สาม “แอร์เอเชียงัด“MyCorporate”รุกผู้โดยสารธุรกิจ”
นายโทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย กล่าวว่า พร้อมเปิดตัวให้บริการใหม่ “MyCorporate” ตอบสนองกำลังซื้อกลุ่มตลาดนักธุรกิจทั้งด้านงบประมาณเเละข้อจำกัดต่างๆ ด้วย 3 แพ็คเกจ คือ Fare Only, Corporate Lite และ Corporate Full Flex
เริ่มจาก 1.Fare Only จะคิดเฉพาะค่าตั๋วโดยสารไม่รวมค่าภาษีสนามบินและบริการเสริมอื่นๆ 2.Corporate Lite ค่าตั๋วโดยสาร อาหารว่าง ระบุเลขที่นั่ง (สำหรับที่นั่งปกติ) เคาน์เตอร์เช็คอินพิเศษ ทางผู้โดยสารจะได้สิทธิโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมเพื่อเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินและวันเดินทางได้ 1 ครั้งก่อนเดินทางอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
3.Corporate Full Flex รวมค่าตั๋วโดยสาร อาหารว่าง ระบุหมายเลขที่นั่งโซนหน้า (Hot Seat) น้ำหนักโหลดสัมภาระ 20 กิโลกรัม เคาน์เตอร์เช็คอินพิเศษ รับสัมภาระก่อนใคร สิทธิใช้บริการแอร์เอเชียพรีเมี่ยมเร้ดเลานจ์ บอร์ดดิ้งขึ้นเครื่องก่อน ประกันภัยการเดินทาง และสิทธิเปลี่ยนแปลงไม่เสียค่าธรรมเนียมและไม่จำกัดจำนวนครั้งทั้งเที่ยวบินและวันเดินทางได้ก่อนการเดินทางอย่างน้อย 2 ชั่วโมง และจะได้สิทธิพิเศษเพิ่มใช้บริการ GoShow โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมใด ๆ เพิ่ม ในการใช้สิทธิสแตนด์บายล่วงหน้าเที่ยวบินในเส้นทางเดียวกันของวันเดียวกัน
ผู้นำแอร์เอเชียย้ำว่า MyCorporate จะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงระบบการสำรองที่นั่งออนไลน์ที่ใช้งานได้ง่าย สามารถจองได้ที่ airasia.com/MyCorporate หรือตัวเเทนขายทั่วประเทศของเเอร์เอเชีย
ข่าวที่ 4 เคป&แคนทารีกวาดรางวัล14โรงแรม3 ห้องอาหาร
เครือ เคป & แคนทารี โฮเทลส์ รายงานว่า ล่าสุด 3 ห้องอาหาร และ 14 โรงแรม คว้ารางวัล Certificate of Excellence Award 2017 จาก TripAdvisor เว็บไซต์ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกอบด้วยห้องอาหาร No.43 Italian Bistro เคปเฮ้าส์ กรุงเทพฯ, ห้องอาหาร Nimman Bar & Grill โรงแรม แคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่ และ ห้องอาหาร Panwa House
ส่วนโรงแรมเคป พันวา ภูเก็ต ได้รับรางวัล Certificate of Excellence Award 2017 และอีก 14 โรงแรมในเครือเคป & แคนทารี โฮเทลส์ ก็คว้ารางวัลนี้ด้วยเช่นกัน เช่นโรงแรมเคป นิทรา หัวหิน, โรงแรมแคนทารี บีช เขาหลัก, โรงแรมคามิโอ แกรนด์ ระยอง และโรงแรมซัมแวร์ เกาะสีชัง
ข่าวที่ห้า “แคนทารีอยุธยาชวนชิมสเต็กรสเลิศ”
โรงแรมแคนทารี อยุธยา ปรุงเมนูความอร่อยสุดพิเศษตลอดเดือนกรกฎาคมนี้ ที่ห้องอาหารแคลิฟอร์เนีย สเต็ก ะ “ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง” สูตรเฉพาะ ด้วยเชฟมืออาชีพ และวัตถุดิบชั้นดี ซี่โครงหมูสดใหม่ นำมาอบกับน้ำผึ้ง เสิร์ฟพร้อมผักสดเป็นเครื่องเคียง หอมหวาน ราคาเพียง 340++ บาท รับประทานคู่กับไวน์แดงจะยิ่งเพิ่มความอร่อยมากขึ้น โทร. 035-337-177 หรือ www.kantarycollection.com
ติดตามฟังรายการเป็นประจำทาง สวท.FM 97.0 MHz.ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.และ youtube รายการทาง www.facebook.com/rauydauykhao และอ่านข่าวท่องเที่ยวครบทุกเรื่องได้ทาง www.facebook.com/penroong
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน คอลัมนิสต์และนักเขียนบล็อกเกอร์ท่องเที่ยว เจ้าของรายการ "รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์ 11.00-12.00 น. สวท.97.0 MHz. |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น