เจาะลึก! โร้ดแมฟททท.ปี 2561 ต้องโต8%
รวมพลังรัฐ-เอดชนสร้างรายได้น3.1ล้านล้าน
ตลาดพันธุ์ใหม่มาแรง“จีน-ฮ่องกง-อเมริกา”
เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #Amazingthailand #thiafest #tourismproduct #เที่ยววิถีไทย
ในการประชุมผู้บริหารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อระดมสมองจัดทำแผนกลยุทธ์ตลาดการท่องเที่ยวประจำปี 2561 ที่จะนำมาใช้ระหว่าง 1 ตุลาคม 2560- 30 กันยายน 2561 ทุกฝ่ายพร้อมรวมพลังกันเพิ่มรายได้ท่องเที่ยวไหลลงสู่เศรษฐกิจฐานรากของประเทศรวม 3.1 ล้านล้านบาท จากตลาดต่างประเทศ 2.1 ล้านล้านบาท และคนไทยเที่ยวในประเทศ 1 ล้านล้านบาท สร้างคุณค่าและมูลค่า ตามนโยบาย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
2561ปีท่องเที่ยว 4.0กับเป้าท้าทาย 3.1 ล้านล้าน
“นายยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าพร้อมเป็นผู้นำองค์กรร่วมมือกับหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนปฏิบัติตามนโยบาย “พลเอกธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร” รองนายกรัฐมนตรี และ “นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ผลักดันการท่องเที่ยวของไทยเข้าถึงเป้าหมายนำรายได้สู่เศรษฐกิจท้องถิ่นกระจายเม็ดเงินถึงชุมชนให้ได้ 3.1 ล้านล้านบาท สร้างความยั่งยืนไทยแลนด์ 4.0 ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม
โดยเตรียมบริหารจัดการทำงานตามคอนเซ็ปต์ “THINK BIG-คิดนอกกรอบภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ” ตามแผนแม่บท 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับ 12 (พ.ศ.2560-2564) นำศาสตร์พระราชาเป็นแนวทางพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว นอกจากทำ “การตลาด” ให้เติบโตแล้วยังเน้น “เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน” ให้อยู่อันดับต้น ๆ ในเวทีโลก
ขณะนี้ได้ปลุกพลัง ททท.ทุกสำนักงานหลอมความคิดร่วมมือประสานกับภาครัฐและเอกชนสร้างความเข้มแข็งจากภายใน ใช้ THINK BIG ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของประเทศด้วยนวัตกรรมความคิดสร้างสรรด้านผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวและเครื่องมือใหม่ทางการตลาด เพิ่มรายได้ตลอดปี 2561 เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันได้ไม่ต่ำกว่า 10 %
ผ่ากลยุทธ์ THINK BIG ตลาดไทย-เทศดูดทัวร์คุณภาพสู่ชุมชน
เริ่มจาก “ตลาดต่างประเทศ” ปี 2561 ททท.ทุกสำนักงานทั่วโลก จะต้องมุ่ง 4 ภารกิจ ประกอบด้วย 1. “เพิ่มรายได้ต่อคนต่อทริป” รุกหาตลาดกำลังซื้อสูงเข้ามาพักนานวันขึ้น 2.เร่งขยายฐานนักท่องเที่ยวเดินทางครั้งแรก (first visit) โดยรักษาตลาดหลักอย่างจีนไว้ซึ่งมาไทยประมาณปีละ 1 ใน 3 ของต่างชาติทั้งหมด 3.ให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มอาเซียน ผนวกเพิ่มเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง 1 เส้นทาง 2 ประเทศ (2 Countries 1 Destination) ส่งเสริมให้วันหยุดของไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของเพื่อนบ้าน weekend destination 4.สร้างจุดขายเชื่อมโยงนักท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่จังหวัดรองทางการท่องเที่ยวเพิ่มมากที่สุด
ด้าน “ตลาดในประเทศ” สำนักงาน ททท.ทั่วไทยจะต้องใช้กลยุทธ์ “เพิ่มความถี่การท่องเที่ยว” ตลอดทั้งปี โดยผนวกส่งเสริมการท่องเที่ยวผสมผสานทั้ง “การจัดประชุมสัมมนา” และ “การท่องเที่ยวเชิงการศึกษา” ไฮไลต์การพัฒนาตลาดจะต้องทำให้คนไทยเที่ยวในประเทศ สร้างประโยชน์แก่ท้องถิ่นให้ความสำคัญกับ “ชุมชน” เพื่อ “สร้างคุณค่า “กระจายรายได้-สร้างงาน สู่ท้องถิ่น” เต็มที่
ปี 2561 เมื่อรัฐบาลประกาศเป็น “ปีการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” ททท.ยิ่งต้องทำงานหนักอีก 6 เรื่อง ได้แก่ 1.เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน 2.คำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดทางสังคมเชิงคุณภาพ ผสมผสานเข้ากับมาตรการตลาดที่คำนึงถึงเศรษฐกิจและชุมชนเป็นสำคัญ ใช้งบประมาณอย่างความคุ้มค่า 3. ทำให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือการพัฒนาความยั่งยืนทางทรัพยากรธรรมชาติ เที่ยวไทยใจต้องถึงถิ่น เที่ยวอย่างเข้าใจ เข้าถึง 4.นำ “ศาสตร์พระราชา” มาปรับใช้ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรู้คุณค่าในระยะยาว 5.เตรียมความพร้อมเป็นเจ้าบ้านที่ดี 6.สร้างการท่องเที่ยวเชื่อมโยงอาเซียน 2 ประเทศ 1 เส้นทาง 2 Countries 1 destination อย่างจริงจัง รวมทั้งการส่งเสริม “ท่องเที่ยวชายแดน” ให้คนเดินทางข้ามไปมาช่วงวันหยุดแต่ละสัปดาห์สร้าง good neighbor อย่างชัดเจน
ควบคู่การต่อยอด “ท่องเที่ยว วิถีไทย เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร” และ “ท่องเที่ยวเมืองไทย เก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้ง : Local Experience” ต้องส่งเสริมต่อเนื่องลงลึกรายละเอียดมากขึ้น กำลังคิดชื่อแคมเปญใหม่ ให้ลงลึกถึงการท่องเที่ยวระดับรากหญ้า รากแก้ว เพื่อให้การท่องเที่ยวใกล้ชิดกับชุมชนมากขึ้น
ส่วน “ผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนเพื่อการท่องเที่ยว” กลุ่มโอท็อปและสินค้าประชารัฐต่าง ๆ ททท.จะทำงานใกล้ชิดกับ “องค์การพัฒนาชุมชน-อพช.” คัดเลือกชุมชนที่จะพัฒนามีความพร้อมผลิตสินค้าป้อนนักท่องเที่ยว โดยใช้ “การตลาด” เป็นตัวนำเพื่อส่งเสริมการขายสินค้าชุมชนเป็นหลัก
จีน 3 มณฑลใหญ่ให้ยาแรงปั๊ม 4 ตลาดคุณภาพโต10%
“นายจรัญ ชื่นในธรรม” ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานเฉินตู สาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า ดูแลพื้นที่ทางภาคตะวันตกแถบมณฑล เฉินตู เสฉวน ส่านซี ปี 2561 วางกลยุทธ์เพิ่มรายได้กว่า 10 % โดยมีสายการบินสนับสนุนให้บริการบินไป-กลับ สัปดาห์ละกว่า 100,000 ที่นั่ง ประมาณพฤศจิกายน 2560 จะบินตรงเพิ่มเข้าสมุยอีก 2 สายการบิน คือ บางกอกแอร์เวย์ส และลักกี้แอร์ไลน์ส
ส่วนการทำตลาดเชิงรุกพุ่งเป้าเจาะกลุ่มเซ็กเมนท์เชิงลึก 4 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย
กลุ่มแรก “Luxury-ท่องเที่ยวหรูหรา” ในเฉินตูกับฉงชิ่ง ประชากรมีฐานะดีหรือเศรษฐีจำนวนเพิ่มขึ้น สนใจมาเที่ยวเมืองไทยเพราะแม่เหล็กสำคัญ คือ ราคาเป็นธรรมและระยะเวลาเดินทางไม่ไกลเมื่อเปรียบเทียบกับไปเที่ยวยุโรป ซึ่งตอนนี้เรื่องความปลอดภัยแตกต่างจากไทย
กลุ่มที่สอง “Honeymoon-คู่รักฉลองแต่งงาน” เมืองต่าง ๆ ในจีนมีค่านิยมใหม่เมื่อแต่งงานต้องเดินทางไปฉลองยังต่างประเทศ 1 ครั้ง ปีที่แล้วมีคู่แต่งงานประมาณ 10 ล้านคู่ 80 % นิยมซื้อแพกเกจต่างประเทศจึงเป็นโอกาสของไทยด้วย
กลุ่มที่สาม “ครอบครัว” ขณะนี้จีนมีปัญหามลพิษสูง จึงนิยมพาลูกหลานมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยเพื่อหนีหนาวและมลพิษ
กลุ่มที่สี่ “นักท่องเที่ยวเชิงกีฬา” โดยเฉพาะในเฉินตู ฉงชิ่ง นิยมร่วมวิ่งมาราธอนเป็นจำนวนมากเหมาะจะเชิญชวนมาวิ่งในไทย
ส่วน “แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม” ยังคงเป็นเมืองชายทะเล ทั้ง ภูเก็ต กระบี่ พัทยา เกาะช้าง (ตราด) และสมุย (สุราษฎร์ธานี) และจะกระจายตัวจากเมืองหลัก ภูเก็ต กระบี่ ไปสู่เมืองรอง เกาะหลีเป๊ะ ตรัง ด้านทะเลตะวันออก เริ่มกระจายจากพัทยา ไปเกาะเสม็ด และเกาะช้างจะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวตลาดหรูของจีน ทางภาคเหนือเชียงใหม่ยังได้อานิสงจากภาพยนตร์ Lost in Thailand บวกกับวัฒนธรรมและสภาพภูมิภาอากาศไม่ได้ร้อนมากจีนจึงชอบมาเที่ยว
“การส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวชุมชน” มุ่งเจาะตลาด “ครอบครัวคนจีน” ประชากรแถบตะวันตกอาศัยอยู่ในเมืองนิยมพาเด็กเล็กไปเรียนรู้ชนบท ททท.จึงเสนอขายวิถีไทย ได้แก่ เส้นทางที่ 1 หมู่บ้านไทยที่ สามพราน ริเวอร์ไซต์ นครปฐม พาไปทดลองปลูกข้าวชมวิถีชีวิตการเกษตรไทย ต่อไปถึงอัมพวา หัวหิน เส้นทางที่ 2 เรียนรู้วัฒนธรรมเมืองเก่า พระนครศรีอยุธยา และอยู่แคมปที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา เชิญชวนเด็กเล็กไปเรียนรู้การทำฟาร์มวัวนม เส้นทางที่ 3 ฝั่งทะเลตะวันออก พัทยา แวะนครนายก พาเด็ก ๆ จีแต่ละครอบครัวได้สัมผัสวิถีไทยในอีกรูปแบบ
อเมริกานักเที่ยวมิลเลนเนียมพันธุ์ใหม่ FOMO โตไม่ยั้ง
รวมพลังรัฐ-เอดชนสร้างรายได้น3.1ล้านล้าน
ตลาดพันธุ์ใหม่มาแรง“จีน-ฮ่องกง-อเมริกา”
เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #Amazingthailand #thiafest #tourismproduct #เที่ยววิถีไทย
ในการประชุมผู้บริหารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อระดมสมองจัดทำแผนกลยุทธ์ตลาดการท่องเที่ยวประจำปี 2561 ที่จะนำมาใช้ระหว่าง 1 ตุลาคม 2560- 30 กันยายน 2561 ทุกฝ่ายพร้อมรวมพลังกันเพิ่มรายได้ท่องเที่ยวไหลลงสู่เศรษฐกิจฐานรากของประเทศรวม 3.1 ล้านล้านบาท จากตลาดต่างประเทศ 2.1 ล้านล้านบาท และคนไทยเที่ยวในประเทศ 1 ล้านล้านบาท สร้างคุณค่าและมูลค่า ตามนโยบาย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
2561ปีท่องเที่ยว 4.0กับเป้าท้าทาย 3.1 ล้านล้าน
ยุทธศักดิ์สุภสร ผู้ว่าการ ททท. |
“นายยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าพร้อมเป็นผู้นำองค์กรร่วมมือกับหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนปฏิบัติตามนโยบาย “พลเอกธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร” รองนายกรัฐมนตรี และ “นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ผลักดันการท่องเที่ยวของไทยเข้าถึงเป้าหมายนำรายได้สู่เศรษฐกิจท้องถิ่นกระจายเม็ดเงินถึงชุมชนให้ได้ 3.1 ล้านล้านบาท สร้างความยั่งยืนไทยแลนด์ 4.0 ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม
โดยเตรียมบริหารจัดการทำงานตามคอนเซ็ปต์ “THINK BIG-คิดนอกกรอบภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ” ตามแผนแม่บท 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับ 12 (พ.ศ.2560-2564) นำศาสตร์พระราชาเป็นแนวทางพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว นอกจากทำ “การตลาด” ให้เติบโตแล้วยังเน้น “เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน” ให้อยู่อันดับต้น ๆ ในเวทีโลก
ขณะนี้ได้ปลุกพลัง ททท.ทุกสำนักงานหลอมความคิดร่วมมือประสานกับภาครัฐและเอกชนสร้างความเข้มแข็งจากภายใน ใช้ THINK BIG ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของประเทศด้วยนวัตกรรมความคิดสร้างสรรด้านผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวและเครื่องมือใหม่ทางการตลาด เพิ่มรายได้ตลอดปี 2561 เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันได้ไม่ต่ำกว่า 10 %
ผ่ากลยุทธ์ THINK BIG ตลาดไทย-เทศดูดทัวร์คุณภาพสู่ชุมชน
เริ่มจาก “ตลาดต่างประเทศ” ปี 2561 ททท.ทุกสำนักงานทั่วโลก จะต้องมุ่ง 4 ภารกิจ ประกอบด้วย 1. “เพิ่มรายได้ต่อคนต่อทริป” รุกหาตลาดกำลังซื้อสูงเข้ามาพักนานวันขึ้น 2.เร่งขยายฐานนักท่องเที่ยวเดินทางครั้งแรก (first visit) โดยรักษาตลาดหลักอย่างจีนไว้ซึ่งมาไทยประมาณปีละ 1 ใน 3 ของต่างชาติทั้งหมด 3.ให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มอาเซียน ผนวกเพิ่มเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง 1 เส้นทาง 2 ประเทศ (2 Countries 1 Destination) ส่งเสริมให้วันหยุดของไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของเพื่อนบ้าน weekend destination 4.สร้างจุดขายเชื่อมโยงนักท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่จังหวัดรองทางการท่องเที่ยวเพิ่มมากที่สุด
ด้าน “ตลาดในประเทศ” สำนักงาน ททท.ทั่วไทยจะต้องใช้กลยุทธ์ “เพิ่มความถี่การท่องเที่ยว” ตลอดทั้งปี โดยผนวกส่งเสริมการท่องเที่ยวผสมผสานทั้ง “การจัดประชุมสัมมนา” และ “การท่องเที่ยวเชิงการศึกษา” ไฮไลต์การพัฒนาตลาดจะต้องทำให้คนไทยเที่ยวในประเทศ สร้างประโยชน์แก่ท้องถิ่นให้ความสำคัญกับ “ชุมชน” เพื่อ “สร้างคุณค่า “กระจายรายได้-สร้างงาน สู่ท้องถิ่น” เต็มที่
ปี 2561 เมื่อรัฐบาลประกาศเป็น “ปีการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” ททท.ยิ่งต้องทำงานหนักอีก 6 เรื่อง ได้แก่ 1.เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน 2.คำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดทางสังคมเชิงคุณภาพ ผสมผสานเข้ากับมาตรการตลาดที่คำนึงถึงเศรษฐกิจและชุมชนเป็นสำคัญ ใช้งบประมาณอย่างความคุ้มค่า 3. ทำให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือการพัฒนาความยั่งยืนทางทรัพยากรธรรมชาติ เที่ยวไทยใจต้องถึงถิ่น เที่ยวอย่างเข้าใจ เข้าถึง 4.นำ “ศาสตร์พระราชา” มาปรับใช้ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรู้คุณค่าในระยะยาว 5.เตรียมความพร้อมเป็นเจ้าบ้านที่ดี 6.สร้างการท่องเที่ยวเชื่อมโยงอาเซียน 2 ประเทศ 1 เส้นทาง 2 Countries 1 destination อย่างจริงจัง รวมทั้งการส่งเสริม “ท่องเที่ยวชายแดน” ให้คนเดินทางข้ามไปมาช่วงวันหยุดแต่ละสัปดาห์สร้าง good neighbor อย่างชัดเจน
ควบคู่การต่อยอด “ท่องเที่ยว วิถีไทย เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร” และ “ท่องเที่ยวเมืองไทย เก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้ง : Local Experience” ต้องส่งเสริมต่อเนื่องลงลึกรายละเอียดมากขึ้น กำลังคิดชื่อแคมเปญใหม่ ให้ลงลึกถึงการท่องเที่ยวระดับรากหญ้า รากแก้ว เพื่อให้การท่องเที่ยวใกล้ชิดกับชุมชนมากขึ้น
ส่วน “ผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนเพื่อการท่องเที่ยว” กลุ่มโอท็อปและสินค้าประชารัฐต่าง ๆ ททท.จะทำงานใกล้ชิดกับ “องค์การพัฒนาชุมชน-อพช.” คัดเลือกชุมชนที่จะพัฒนามีความพร้อมผลิตสินค้าป้อนนักท่องเที่ยว โดยใช้ “การตลาด” เป็นตัวนำเพื่อส่งเสริมการขายสินค้าชุมชนเป็นหลัก
จีน 3 มณฑลใหญ่ให้ยาแรงปั๊ม 4 ตลาดคุณภาพโต10%
นายจรัญ ชื่นในธรรม” ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานเฉินตู สาธารณรัฐประชาชนจีน |
“นายจรัญ ชื่นในธรรม” ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานเฉินตู สาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า ดูแลพื้นที่ทางภาคตะวันตกแถบมณฑล เฉินตู เสฉวน ส่านซี ปี 2561 วางกลยุทธ์เพิ่มรายได้กว่า 10 % โดยมีสายการบินสนับสนุนให้บริการบินไป-กลับ สัปดาห์ละกว่า 100,000 ที่นั่ง ประมาณพฤศจิกายน 2560 จะบินตรงเพิ่มเข้าสมุยอีก 2 สายการบิน คือ บางกอกแอร์เวย์ส และลักกี้แอร์ไลน์ส
ส่วนการทำตลาดเชิงรุกพุ่งเป้าเจาะกลุ่มเซ็กเมนท์เชิงลึก 4 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย
กลุ่มแรก “Luxury-ท่องเที่ยวหรูหรา” ในเฉินตูกับฉงชิ่ง ประชากรมีฐานะดีหรือเศรษฐีจำนวนเพิ่มขึ้น สนใจมาเที่ยวเมืองไทยเพราะแม่เหล็กสำคัญ คือ ราคาเป็นธรรมและระยะเวลาเดินทางไม่ไกลเมื่อเปรียบเทียบกับไปเที่ยวยุโรป ซึ่งตอนนี้เรื่องความปลอดภัยแตกต่างจากไทย
กลุ่มที่สอง “Honeymoon-คู่รักฉลองแต่งงาน” เมืองต่าง ๆ ในจีนมีค่านิยมใหม่เมื่อแต่งงานต้องเดินทางไปฉลองยังต่างประเทศ 1 ครั้ง ปีที่แล้วมีคู่แต่งงานประมาณ 10 ล้านคู่ 80 % นิยมซื้อแพกเกจต่างประเทศจึงเป็นโอกาสของไทยด้วย
กลุ่มที่สาม “ครอบครัว” ขณะนี้จีนมีปัญหามลพิษสูง จึงนิยมพาลูกหลานมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยเพื่อหนีหนาวและมลพิษ
กลุ่มที่สี่ “นักท่องเที่ยวเชิงกีฬา” โดยเฉพาะในเฉินตู ฉงชิ่ง นิยมร่วมวิ่งมาราธอนเป็นจำนวนมากเหมาะจะเชิญชวนมาวิ่งในไทย
ส่วน “แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม” ยังคงเป็นเมืองชายทะเล ทั้ง ภูเก็ต กระบี่ พัทยา เกาะช้าง (ตราด) และสมุย (สุราษฎร์ธานี) และจะกระจายตัวจากเมืองหลัก ภูเก็ต กระบี่ ไปสู่เมืองรอง เกาะหลีเป๊ะ ตรัง ด้านทะเลตะวันออก เริ่มกระจายจากพัทยา ไปเกาะเสม็ด และเกาะช้างจะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวตลาดหรูของจีน ทางภาคเหนือเชียงใหม่ยังได้อานิสงจากภาพยนตร์ Lost in Thailand บวกกับวัฒนธรรมและสภาพภูมิภาอากาศไม่ได้ร้อนมากจีนจึงชอบมาเที่ยว
“การส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวชุมชน” มุ่งเจาะตลาด “ครอบครัวคนจีน” ประชากรแถบตะวันตกอาศัยอยู่ในเมืองนิยมพาเด็กเล็กไปเรียนรู้ชนบท ททท.จึงเสนอขายวิถีไทย ได้แก่ เส้นทางที่ 1 หมู่บ้านไทยที่ สามพราน ริเวอร์ไซต์ นครปฐม พาไปทดลองปลูกข้าวชมวิถีชีวิตการเกษตรไทย ต่อไปถึงอัมพวา หัวหิน เส้นทางที่ 2 เรียนรู้วัฒนธรรมเมืองเก่า พระนครศรีอยุธยา และอยู่แคมปที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา เชิญชวนเด็กเล็กไปเรียนรู้การทำฟาร์มวัวนม เส้นทางที่ 3 ฝั่งทะเลตะวันออก พัทยา แวะนครนายก พาเด็ก ๆ จีแต่ละครอบครัวได้สัมผัสวิถีไทยในอีกรูปแบบ
อเมริกานักเที่ยวมิลเลนเนียมพันธุ์ใหม่ FOMO โตไม่ยั้ง
นายกิตติพงษ์ ประพัฒน์ทอง” |
ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา
“นายกิตติพงษ์ ประพัฒน์ทอง” ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า อเมริกาเป็นตลาดสำคัญจะมาเที่ยวเมืองไทยปี 2561 มากถึง 1 ล้านคน ทำให้รายได้เติบโตเพิ่มกว่า 15 % จากเดิมเคยหวั่นนโยบายผู้นำสหรัฐคือโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมทั้งโลกนั้นตลอด 6 เดือนปีนี้ได้พิสูจน์ชัดโดยนักท่องเที่ยวอเมริกามาไทยเพิ่มสูงกว่าเกณฑ์ทำรายได้เติบโต 19 % อนาคตจะสดใสในระยะยาว ปี 2561 เป้ารายได้ก็ยังจะเพิ่มอีก 15 %
โดยเจาะกลุ่ม “อเมริการุ่นใหม่” (Millenial ) จากการศึกษาโครงสร้างประชากรปัจจุบันของสหรัฐอเมริกามีกลุ่มวัยคนรุ่นใหม่มากถึง 90 ล้านคน 40 % ชอบเดินทางท่องเที่ยวแนวโน้มยังใช้เงินสูงขึ้น เป็นเทรนด์ที่เรียกว่า “FOMO : Fear of Meeting Opputunity” พฤติกรรมคนอเมริการุ่นใหม่กลัวพลาดโอกาสและห้ามขาดร่วมทำกิจกรรมของโลก โดยเฉพาะกิจกรรมที่ 1 ปีมีเพียงครั้งเดียวในประเทศไทย
อีกทั้งสายการบินอินเตอร์ยังเพิ่มความถี่จากอเมริกาสู่ประเทศแถบเอเชียมากขึ้นหลัก ๆ คือ “EVA AIR” ไต้หวัน มาจากอเมริกาเหนือเข้าเอเชียสัปดาห์ละ 90 เที่ยวบิน และจากไทเป (ไต้หวัน) เข้าไทย สัปดาห์ละ 30 เที่ยวบิน ไม่รวมสายการบินระหว่างประเทศรายอื่น ๆ อาทิ ANA โค้ดแชร์สายการบินต่าง ๆ กับ ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ซึ่งมีจำนวนมากระหว่าง อเมริกา-เอเชีย สัปดาห์ละกว่า 100 เที่ยวบิน ส่วนใหญ่จะบินต่อจากเมืองหลัก ไทเป กรุงโซล และญี่ปุ่น เข้าไทย ไม่เฉพาะกรุงเทพฯ เท่านั้น ยังบินไปเชียงใหม่ ภูเก็ต ด้วย จึงเป็นโอกาสของไทยจะใช้ประโยชน์จากเที่ยวบินเชื่อมโยงจำนวนมากอย่างเต็มที่
ส่วนปีการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน 2561 ททท.ลอสแองเจลิสจะรุกหนักเพิ่มตลาดคนรุ่นใหม่อเมริกาซึ่งเปลี่ยนรูปแบบการใช้เงินโดยไม่ต้องผ่านบริษัทตัวกลางการท่องเที่ยว (travel Agency) เหมือนอดีต แต่ละคนจ่ายทริปละ 70,000 บาท ต่อไปนี้เงินดอลลาร์ส่วนใหญ่จะตกอยู่ในชุมชนท่องเที่ยวไทยโดยตรงจึงเท่ากับเพิ่มคุณค่าและมูลค่าสู่ท้องถิ่นได้มากกว่า
ตลาดฮ่องกงเฮเพิ่ม“ผู้หญิง-วัยรุ่น-เมาเท่นมาราธอน”
นางสาวสาริมา ทองจินดามาตย์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานฮ่องกง เปิดเผยว่าสถานการณ์ 5 เดือนแรก มกราคม-พฤษภาคม 2560 ชาวฮ่องกงมาท่องเที่ยวเมืองไทยกว่า 3 แสนคน เพิ่มขึ้น 6.4 % จากประชากรรวม 7.3 ล้านคน ปี 2559 มาเที่ยว 7.5 แสนคน คิดเป็น 10 % ของประชากรฮ่องกงทั้งหมด เป็นตลาดระยะใกล้ใช้เวลาบินราว 3 ชั่วโมง
พฤติกรรมของชาวฮ่องกงชอบท่องเที่ยว แต่พื้นที่ในเกาะมีจำกัด และเมืองไทยเป็นสถานที่ยอดนิยมมาซ้ำ ๆ ในกรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา ถึง 80 % และเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเพียง 20 % ดังนั้นจะเสนอจุดขายใหม่ ๆ ทั้งในเมืองหลักที่มาซ้ำและจังหวัดใหม่ ๆ ปีนี้มีสายการบินตรง เช่น เอ็กซ์เพรสแอร์ไลน์ บินตรง ฮ่องกง-เชียงราย กระจายเส้นทางไปภาคเหนือ ซึ่งสามารถขยายให้ไปยังเมืองท่องเที่ยวรองและเมืองย่อยในไทยได้
วัยนักท่องเที่ยวกลุ่มมิลเลนเนียล นับเป็นกลุ่มใช้จ่ายสูง จากฐานเงินเดือนจ้างงานระดับปริญญา มีรายได้คนละ 60,000 บาท/เดือน ส่วนค่าครองชีพสูง คนวัยทำงานจึงนิยมท่องเที่ยวตักตวงความสุข สถิติการใช้จ่ายเงินเที่ยวในไทยเฉลี่ย 6,120 คนต่อวัน วันพักเฉลี่ย 6.4 วัน ชอบพักโรงแรม 5 ดาว
เทรนด์การเดินทางระยะสั้น 2-3 ชั่วโมง จึงเลือกใช้สายการบินโลว์คอสต์ราคาประหยัด แล้วนำเงินมาใช้จ่ายเกี่ยวกับห้องพักหรูและกินอาหารแพง ๆ ในพื้นที่ซึ่งมีรสชาติอร่อย และทำสปาเพื่อการผ่อนคลายและสวยงามสามารถใช้เงินทำสปาได้ทุกวัน เป็นการให้รางวัลแก่ชีวิต โดยเฉพาะศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดยาวก็มาเมืองไทย
ททท.ฮ่องกงมีโปรแกรม Galsaway Application เป็นภาษากวางตุ้ง เจาะกลุ่มผู้หญิงโดยเฉพาะ ด้วยการนำโปรโมชั่นจาก ททท.ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก อัพเดทต่อเนื่อง เพราะผู้หญิงมี 54 % ผู้ชาย 46 % ผู้หญิงจึงเป็นกลุ่มศักยภาพและมีอำนาจเป็นผู้นำการตัดสินใจทั้งในกลุ่มเพื่อนและผู้ชาย ใช้เครื่องดังกล่าวเจาะกลุ่มนี้ แล้วก็นำเสนอให้แก่โรงแรมและสปาของไทย เชิญชวนให้มาร่วมโดยนำเสนอแพกเกจใหม่เข้าไปอยู่ตลอดกระตุ้นกำลังซื้อผู้หญิง
ปี 2561 เป้าหมายที่ต้องทำให้ได้ ฮ่องกงจะต้องเพิ่มตลาดกลุ่มเดินทางท่องเที่ยวครั้งแรก first visit กลุ่มนักเรียน 14 ปีขึ้นไป แต่ทำอย่างไรจะทำให้ไทยเข้าไปอยู่ในใจเด็ก ๆ เพราะตอนนี้คู่แข่งดาหน้าเข้าปักหลักในฮ่องกง โดยเข้าไปตั้งสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว National Tourism Organization :NTOs เกือบ 60 ประเทศ ทั้งที่เป็นประเทศเกาะเล็ก ๆ มีประชากรเพียง 7 ล้านคน
ปีนี้ญี่ปุ่นรุกตลาดฮ่องกงหนักมากทุ่มงบทำแผนที่ชวนเที่ยวโอกินาวา ให้เดินทางกับรถไฟใต้ดิน ทาง ททท.ไทยถ้าจะทำอย่างนั้นได้ต้องใช้เวลาถึง 3 ปีจึงไม่เหมาะจะลงทุนในลักษณะเดียวกับญี่ปุ่น แต่จะทำโดยอาศัยความขยันร่วมกับเอกชน ทั้งโรงแรม สวนสนุก และอื่น ๆ ให้ทำก่อนล่วงหน้าก่อนฤดูเดินทาง 2 เดือน เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางอิสระตามลำพัง F.I.T.มีบริษัทขายท่องเที่ยวบริการ 80 % ต้องทำล่วงหน้าเพราะเป็นตลาดไปเร็วมาเร็วและเอเย่นต์ท่องเที่ยวฮ่องกงขายเร็วมาก จากากรทำงานร่วมกับเขาได้รับความร่วมมือดีมาก
สำหรับ “ปีท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” เตรียมตั้งแต่ตอนนี้แล้ว ททท.สำนักงานฮ่องกง ร่วมกับ Action Asia เป็นบริษัทผู้นำการจัดทำวิ่งมาราธอนขึ้นเขา หรือ Mountain Marathon จัดในหลายประเทศรวมทั้งในฮ่องกง ทาง ททท.ได้รับความร่วมมือดีมากจาก อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ ทำทดสอบการวิ่งมาราธอนขึ้นเขา โดยไปประชุมกับชุมชนรอบอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เพื่อให้ชุมชนเห็นชอบและมีส่วนร่วมกับกิจกรรมการท่องเที่ยว โดยไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบใด ๆ และต้องได้รับฉันทามติจากชุมชนเหล่านั้นด้วย ไม่ใช่เฉพาะเอเย่นต์หรือท่องเที่ยวกอบโกยเงินกลับมาอย่างเดียว
โครงการ Mountain Marathon อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จะนำร่องให้นักกีฬาที่สมัครเข้าร่วมวิ่งมาราธอนตั้งเป้าไว้ 1,000 คน ทั้งคนไทยและต่างชาติจำนวนละ 500 คน การแข่งขันจริงจะจัดขึ้นในวันที่ 17 ธันวาคม 2560 (แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ 10 กม.30 กม. และ 50 กม.) วิธีทำจะซื้อต้นไม้มาปลูกป่าและทำลงไปทำฝายกั้นน้ำให้ชุมชนด้วย ซึ่งหารือกับทางผู้เกี่ยวข้องแล้วกำหนดจะจัดทำเป็นกิจกรรมประจำปีในโอกาสต่อไป
ส่วนกลยุทธ์การขายทำเส้นทางเชื่อมต่อโดย ททท.สำนักงานฮ่องกง จับมือกับการบินไทยท่องเที่ยวต่อในเชียงใหม่ ทำแพกเกจการท่องเที่ยวคืนสู่ธรรมชาติ สอดคล้องกับพฤติกรรมของฮ่องกงชอบทำกิจกรรมการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะมาราธอนดังกล่าว
ผู้นำ ททท.และทุกฝ่ายพร้อมแล้วที่จะทำให้ พ.ศ.2561 เป็นปีการท่องเที่ยวยั่งยืน กระจายรายได้สู่ชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากสอดคล้องตามนโยบายรัฐบาลอย่างแท้จริง
“นายกิตติพงษ์ ประพัฒน์ทอง” ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า อเมริกาเป็นตลาดสำคัญจะมาเที่ยวเมืองไทยปี 2561 มากถึง 1 ล้านคน ทำให้รายได้เติบโตเพิ่มกว่า 15 % จากเดิมเคยหวั่นนโยบายผู้นำสหรัฐคือโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมทั้งโลกนั้นตลอด 6 เดือนปีนี้ได้พิสูจน์ชัดโดยนักท่องเที่ยวอเมริกามาไทยเพิ่มสูงกว่าเกณฑ์ทำรายได้เติบโต 19 % อนาคตจะสดใสในระยะยาว ปี 2561 เป้ารายได้ก็ยังจะเพิ่มอีก 15 %
โดยเจาะกลุ่ม “อเมริการุ่นใหม่” (Millenial ) จากการศึกษาโครงสร้างประชากรปัจจุบันของสหรัฐอเมริกามีกลุ่มวัยคนรุ่นใหม่มากถึง 90 ล้านคน 40 % ชอบเดินทางท่องเที่ยวแนวโน้มยังใช้เงินสูงขึ้น เป็นเทรนด์ที่เรียกว่า “FOMO : Fear of Meeting Opputunity” พฤติกรรมคนอเมริการุ่นใหม่กลัวพลาดโอกาสและห้ามขาดร่วมทำกิจกรรมของโลก โดยเฉพาะกิจกรรมที่ 1 ปีมีเพียงครั้งเดียวในประเทศไทย
อีกทั้งสายการบินอินเตอร์ยังเพิ่มความถี่จากอเมริกาสู่ประเทศแถบเอเชียมากขึ้นหลัก ๆ คือ “EVA AIR” ไต้หวัน มาจากอเมริกาเหนือเข้าเอเชียสัปดาห์ละ 90 เที่ยวบิน และจากไทเป (ไต้หวัน) เข้าไทย สัปดาห์ละ 30 เที่ยวบิน ไม่รวมสายการบินระหว่างประเทศรายอื่น ๆ อาทิ ANA โค้ดแชร์สายการบินต่าง ๆ กับ ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ซึ่งมีจำนวนมากระหว่าง อเมริกา-เอเชีย สัปดาห์ละกว่า 100 เที่ยวบิน ส่วนใหญ่จะบินต่อจากเมืองหลัก ไทเป กรุงโซล และญี่ปุ่น เข้าไทย ไม่เฉพาะกรุงเทพฯ เท่านั้น ยังบินไปเชียงใหม่ ภูเก็ต ด้วย จึงเป็นโอกาสของไทยจะใช้ประโยชน์จากเที่ยวบินเชื่อมโยงจำนวนมากอย่างเต็มที่
ส่วนปีการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน 2561 ททท.ลอสแองเจลิสจะรุกหนักเพิ่มตลาดคนรุ่นใหม่อเมริกาซึ่งเปลี่ยนรูปแบบการใช้เงินโดยไม่ต้องผ่านบริษัทตัวกลางการท่องเที่ยว (travel Agency) เหมือนอดีต แต่ละคนจ่ายทริปละ 70,000 บาท ต่อไปนี้เงินดอลลาร์ส่วนใหญ่จะตกอยู่ในชุมชนท่องเที่ยวไทยโดยตรงจึงเท่ากับเพิ่มคุณค่าและมูลค่าสู่ท้องถิ่นได้มากกว่า
ตลาดฮ่องกงเฮเพิ่ม“ผู้หญิง-วัยรุ่น-เมาเท่นมาราธอน”
นางสาวสาริมา ทองจินดามาตย์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานฮ่องกง |
นางสาวสาริมา ทองจินดามาตย์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานฮ่องกง เปิดเผยว่าสถานการณ์ 5 เดือนแรก มกราคม-พฤษภาคม 2560 ชาวฮ่องกงมาท่องเที่ยวเมืองไทยกว่า 3 แสนคน เพิ่มขึ้น 6.4 % จากประชากรรวม 7.3 ล้านคน ปี 2559 มาเที่ยว 7.5 แสนคน คิดเป็น 10 % ของประชากรฮ่องกงทั้งหมด เป็นตลาดระยะใกล้ใช้เวลาบินราว 3 ชั่วโมง
พฤติกรรมของชาวฮ่องกงชอบท่องเที่ยว แต่พื้นที่ในเกาะมีจำกัด และเมืองไทยเป็นสถานที่ยอดนิยมมาซ้ำ ๆ ในกรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา ถึง 80 % และเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเพียง 20 % ดังนั้นจะเสนอจุดขายใหม่ ๆ ทั้งในเมืองหลักที่มาซ้ำและจังหวัดใหม่ ๆ ปีนี้มีสายการบินตรง เช่น เอ็กซ์เพรสแอร์ไลน์ บินตรง ฮ่องกง-เชียงราย กระจายเส้นทางไปภาคเหนือ ซึ่งสามารถขยายให้ไปยังเมืองท่องเที่ยวรองและเมืองย่อยในไทยได้
วัยนักท่องเที่ยวกลุ่มมิลเลนเนียล นับเป็นกลุ่มใช้จ่ายสูง จากฐานเงินเดือนจ้างงานระดับปริญญา มีรายได้คนละ 60,000 บาท/เดือน ส่วนค่าครองชีพสูง คนวัยทำงานจึงนิยมท่องเที่ยวตักตวงความสุข สถิติการใช้จ่ายเงินเที่ยวในไทยเฉลี่ย 6,120 คนต่อวัน วันพักเฉลี่ย 6.4 วัน ชอบพักโรงแรม 5 ดาว
เทรนด์การเดินทางระยะสั้น 2-3 ชั่วโมง จึงเลือกใช้สายการบินโลว์คอสต์ราคาประหยัด แล้วนำเงินมาใช้จ่ายเกี่ยวกับห้องพักหรูและกินอาหารแพง ๆ ในพื้นที่ซึ่งมีรสชาติอร่อย และทำสปาเพื่อการผ่อนคลายและสวยงามสามารถใช้เงินทำสปาได้ทุกวัน เป็นการให้รางวัลแก่ชีวิต โดยเฉพาะศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดยาวก็มาเมืองไทย
ททท.ฮ่องกงมีโปรแกรม Galsaway Application เป็นภาษากวางตุ้ง เจาะกลุ่มผู้หญิงโดยเฉพาะ ด้วยการนำโปรโมชั่นจาก ททท.ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก อัพเดทต่อเนื่อง เพราะผู้หญิงมี 54 % ผู้ชาย 46 % ผู้หญิงจึงเป็นกลุ่มศักยภาพและมีอำนาจเป็นผู้นำการตัดสินใจทั้งในกลุ่มเพื่อนและผู้ชาย ใช้เครื่องดังกล่าวเจาะกลุ่มนี้ แล้วก็นำเสนอให้แก่โรงแรมและสปาของไทย เชิญชวนให้มาร่วมโดยนำเสนอแพกเกจใหม่เข้าไปอยู่ตลอดกระตุ้นกำลังซื้อผู้หญิง
ปี 2561 เป้าหมายที่ต้องทำให้ได้ ฮ่องกงจะต้องเพิ่มตลาดกลุ่มเดินทางท่องเที่ยวครั้งแรก first visit กลุ่มนักเรียน 14 ปีขึ้นไป แต่ทำอย่างไรจะทำให้ไทยเข้าไปอยู่ในใจเด็ก ๆ เพราะตอนนี้คู่แข่งดาหน้าเข้าปักหลักในฮ่องกง โดยเข้าไปตั้งสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว National Tourism Organization :NTOs เกือบ 60 ประเทศ ทั้งที่เป็นประเทศเกาะเล็ก ๆ มีประชากรเพียง 7 ล้านคน
ปีนี้ญี่ปุ่นรุกตลาดฮ่องกงหนักมากทุ่มงบทำแผนที่ชวนเที่ยวโอกินาวา ให้เดินทางกับรถไฟใต้ดิน ทาง ททท.ไทยถ้าจะทำอย่างนั้นได้ต้องใช้เวลาถึง 3 ปีจึงไม่เหมาะจะลงทุนในลักษณะเดียวกับญี่ปุ่น แต่จะทำโดยอาศัยความขยันร่วมกับเอกชน ทั้งโรงแรม สวนสนุก และอื่น ๆ ให้ทำก่อนล่วงหน้าก่อนฤดูเดินทาง 2 เดือน เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางอิสระตามลำพัง F.I.T.มีบริษัทขายท่องเที่ยวบริการ 80 % ต้องทำล่วงหน้าเพราะเป็นตลาดไปเร็วมาเร็วและเอเย่นต์ท่องเที่ยวฮ่องกงขายเร็วมาก จากากรทำงานร่วมกับเขาได้รับความร่วมมือดีมาก
สำหรับ “ปีท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” เตรียมตั้งแต่ตอนนี้แล้ว ททท.สำนักงานฮ่องกง ร่วมกับ Action Asia เป็นบริษัทผู้นำการจัดทำวิ่งมาราธอนขึ้นเขา หรือ Mountain Marathon จัดในหลายประเทศรวมทั้งในฮ่องกง ทาง ททท.ได้รับความร่วมมือดีมากจาก อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ ทำทดสอบการวิ่งมาราธอนขึ้นเขา โดยไปประชุมกับชุมชนรอบอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เพื่อให้ชุมชนเห็นชอบและมีส่วนร่วมกับกิจกรรมการท่องเที่ยว โดยไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบใด ๆ และต้องได้รับฉันทามติจากชุมชนเหล่านั้นด้วย ไม่ใช่เฉพาะเอเย่นต์หรือท่องเที่ยวกอบโกยเงินกลับมาอย่างเดียว
โครงการ Mountain Marathon อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จะนำร่องให้นักกีฬาที่สมัครเข้าร่วมวิ่งมาราธอนตั้งเป้าไว้ 1,000 คน ทั้งคนไทยและต่างชาติจำนวนละ 500 คน การแข่งขันจริงจะจัดขึ้นในวันที่ 17 ธันวาคม 2560 (แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ 10 กม.30 กม. และ 50 กม.) วิธีทำจะซื้อต้นไม้มาปลูกป่าและทำลงไปทำฝายกั้นน้ำให้ชุมชนด้วย ซึ่งหารือกับทางผู้เกี่ยวข้องแล้วกำหนดจะจัดทำเป็นกิจกรรมประจำปีในโอกาสต่อไป
ส่วนกลยุทธ์การขายทำเส้นทางเชื่อมต่อโดย ททท.สำนักงานฮ่องกง จับมือกับการบินไทยท่องเที่ยวต่อในเชียงใหม่ ทำแพกเกจการท่องเที่ยวคืนสู่ธรรมชาติ สอดคล้องกับพฤติกรรมของฮ่องกงชอบทำกิจกรรมการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะมาราธอนดังกล่าว
ผู้นำ ททท.และทุกฝ่ายพร้อมแล้วที่จะทำให้ พ.ศ.2561 เป็นปีการท่องเที่ยวยั่งยืน กระจายรายได้สู่ชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากสอดคล้องตามนโยบายรัฐบาลอย่างแท้จริง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น