ททท.เร่งพัฒนาท่องเที่ยวปี’61ตามคำพ่อสอน
พ.ย.ลุย2งาน“ลอยกระทง-ปีท่องเที่ยวยั่งยืน”
คิงเพาเวอร์รับสมาชิกบัตรใหม่4แบบสิทธิ์เพียบ
เริ่มกินเจตรัง/ภูเก็ต-ทั่วไทยสะพัด4.5หมื่นล้าน
ทอท.ใช้เกตเวย์อินเด็กซ์ชี้อนาคต6สนามบิน
ตามรอยพ่อดูโรงงานไบโอดีเซลเมืองเพชร
ชงผ่าทางตันสนามบินเชียงใหม่6เดือนหน้า
กระทรวงอุตฯจีบไทยสไมล์ขายOTOPลอยฟ้า
คอนเสิร์ตเพลงพระราชนิพนธ์130ปีไทย-ญี่ปุ่น
โชว์สถิติ10เดือนทัวร์ต่างชาติพุ่ง26ล้านคน
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand (อ่านเรื่องทั้งหมดในไทยโพสต์ คอลัมน์จุรัสทั่วไทย วันอาทิตย์ที่ 15 ต.ค.2560)
ช่วงที่ 1 ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะมาเล่าถึงการน้อมนำศาสตร์พระราชามาพัฒนาการท่องเที่ยว โดยมีชุมชนต้นแบบที่เข้มแข็งตามวิถีพอเพียงสร้างเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนเป็นรูปธรรมมานำเสนอไปยังทั่วโลก แล้วจากนั้นยังเดินหน้ากระตุ้นการเดินทางปลายปีนี้ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2 งานใหญ่ เทศกาลลอยกระทง และปิดถนนใจกลางกรุงเปิดโครงการปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน 15 พ.ย.นี้
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินมายัง ททท.เมื่อครั้งยังเป็นองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (อ.ส.ท.) พร้อมทั้งพระราชทานพระบรมราโชวาทพระราชดำรัสถึงการส่งเสริมท่องเที่ยว แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่า 20-30 ปีแล้ว คำสอนของพระองค์ท่านก็ยังคงทันสมัยเกี่ยวกับอัธยาศรัยใจคอคนไทยเป็นเสน่ห์ทำให้คนทั่วโลกเดินทางเข้ามายังประเทศไทย
ททท.ได้น้อมนำคำสอนของพระองค์ท่านมาพัฒนาทางการตลาดท่องเที่ยว พร้อมทั้งได้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนาคนตามหลัก “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” มาใช้ ตลอดช่วงตุลาคมปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เริ่มจากปี 2559 “ผลิตคู่มือ 70 เส้นทางตามรอยพระบาท” รวมถึงส่งเสริมชุมชนที่มีความโดดเด่นในการน้อมนำศาสตร์พระราชามาปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมมีวิถีชีวิตอยู่อย่างพอเพียง มาเป็นต้นแบบการศึกษาเรียนรู้แก่นักท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติต่อเนื่องมาตลอดจนถึงขณะนี้
เดือนตุลาคม 2560 ททท.ร่วมกับสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) จัดทำโครงการการพัฒนาท่องเที่ยวระดับชุมชนมุ่งเน้นพัฒนาคนในพื้นที่อย่างเข้าใจ เข้าถึง เพิ่มการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและพร้อมจะเดินหน้าสานต่อที่พ่อทำเป็นตัวอย่างให้คนไทยได้เห็นมาตลอด ดังเช่นโครงการอันเนื่องพระราชดำริ พื้นที่ทรงงานต่าง ๆ ด้วยการสนับสนุนจัดทำเส้นทางการท่องเที่ยวเชื่อมโยง ล่าสุดทำโครงการ “วิชา 9 หน้า” ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ เลือก 9 คนดังต้นแบบร่วมสืบสานปณิธานพ่อ ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านวีดีโอสารคดี ชุด “วิชา 9 หน้า” อีกทั้งยังช่วยต่อยอดศาสตร์พระราชาบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่น ลงพื้นที่ตามชุมชนต่างๆ ควบคู่กับการเวิร์คช็อปเพิ่มศักยภาพชุมชนเตรียมความพร้อมให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งและสร้างเศรษฐกิจยั่งยืนในแต่ละท้องถิ่น
และตลอดเดือนตุลาคม ปีนี้ ททท.นำชุมชนต้นแบบการท่องเที่ยวตามศาสตร์พระราชามาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ได้แก่
“ชุมชนท่องเที่ยว บ้านหนองส่าน” จังหวัดสกลนคร จากพื้นที่แห้งแล้งและทุรกันดาล ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นพื้นที่ทำการเกษตร อ่างจัดเก็บน้ำ และโครงการพระราชดำริสามารถพบอยู่โดยรอบทางเข้าหมู่บ้าน ปัจจุบันชาวบ้านในชุมชนมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างมาก
“ชุมชนริมน้ำจันทบูร” จังหวัดจันทบุรี เป็นชุมชนไร้พรมแดน ถึงแม้จะมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมจากหลายเชื้อชาติ แต่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างผาสุข นักท่องเที่ยวไปถึงแล้วจะได้สัมผัสกับบ้านเรือนที่คงกลิ่นอายความโบราณแสนคลาสสิค และศาสนสถานสำคัญยึดเหนี่ยวทางจิตใจคนเติมเต็มภาพแห่งความพอเพียง
“ชุมชนบ้านปงห้วยลาน” จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ใกล้บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยลาน โครงการพัฒนาพื้นที่ห้วยลาน แวดล้อมด้วยบรรยากาศร่มรื่น สายน้ำใสสะอาด ชาวบ้านร่วมมือร่วมใจสร้างงานหัตถกรรม ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ชุมชน มีอาหารกำเมืองขึ้นชื่อ สมบูรณ์ด้วยผัก ผลไม้ ด้วยวิถีชีวิตแบบไทย
“ชุมชนรอบโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ” จังหวัดชุมพร จากพื้นที่อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน และทรัพยากรสิ่งมีชีวิตทางทะเล ขยับขยายต่อยอดเป็นการท่องเที่ยววิถีชุมชน พร้อมนำเสนอความสวยงามของพื้นที่ วิถีชีวิตชุมชน และการเป็นชาวประมงพื้นบ้าน ที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้าไปเรียนรู้ ทั้งประวัติความเป็นมา และการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในพื้นที่ ที่ชาวประชาจะไม่มีวันลืม
ทั้ง 4 ชุมชนต้นแบบการท่องเที่ยวอย่างพอเพียงและยั่งยืน ล้วนมีจุดเด่นเป็นประโยชน์แตกต่างกัน เมื่อนักท่องเที่ยวมีโอกาสเข้าไปเยี่ยมจะเห็นภาพสะท้อนชัดเจนถึงการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ศาสตร์พระราชา แต่ละวิชาก้าวหน้ามาปรับใช้สร้างวิถีชีวิตไทยอย่างมีความสุข
“ยุทธศักดิ์” ย้ำว่า ททท.มุ่งเน้นการน้อมนำศาสตร์พระราชา แนวความคิดของพระองค์อยู่คู่กับคนไทยไปตลอด ปราประการสำคัญที่สุดคือทุกเรื่องราวล้วนก่อให้เกิดความยั่งยืนสร้างคุณูปการแก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างมากมายมหาศาล ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ตุลาคม 2559 เรื่อยไปจนถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2560 มีนโยบายให้สำนักงานต่างประเทศ 28 แห่ง สื่อสารด้วยภาษาท้องถิ่นถึงผู้คนทั่วโลกที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยช่วงเวลาดังกล่าวเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความโศกเศร้าถึงความสูญเสียครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ ดังนั้นในการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจึงขอความร่วมมือกระทำกิจกรรมอย่างเหมาะสม ส่วนการท่องเที่ยวภาพรวมก็ยังต้องดำเนินต่อไปตามปกติ ยกเว้นแหล่งท่องเที่ยวบางพื้นที่หรือบางแห่งต้องปิดใช้เพื่อทำพระราชพิธี หรือลดความครึกครื้นลง
ตลอดกว่า 300 วันที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยเกือบ 30 ล้านคน ต่างรับทราบ รับรู้ ทุกคนพร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับความเป็นคนไทยในเหตุการณ์ครั้งนี้
“ยุทธศักดิ์” กล่าวว่าช่วงคาบเกี่ยวปลายเดือนตุลาคมนี้ จะมีเทศกาลกินเจ ถือศีล กินผัก ในพื้นที่หลักจังหวัดภูเก็ตซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังการจัดงานกินเจสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวนานาชาติเข้ามาร่วมนั้น ปีนี้จะลดโทนอึกทึกครึกโครมไม่จัดกิจกรรม อาทิ ม้าทรง เดินลุยไฟ เหมือนในอดีตที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่นักท่องเที่ยวเข้าใจได้ ททท.จะรณรงค์ให้ทุกคนร่วมทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
หลังจากวันที่ 30 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป ททท.จะหันกลับมามุ่งกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มรายได้เข้าประเทศปลายปีต้อนรับฤดูกาลเดินทางของนานาชาติ (high season) เข้าสู่งานประเพณี “ลอยกระทง” ระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน นี้ รวมถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ประกาศเป็น “ปีการท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 – 1 มกราคม 2562 นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ททท.เตรียมจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวต่อเนื่องแต่ละเดือนหลากหลายงานด้วยกัน
โดยเฉพาะวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 จะมีพิธีเปิด “ปีการท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” อย่างยิ่งใหญ่ มีกิจกรรมครึกครื้นรวมอยู่ด้วย สถานที่จัดศูนย์กลางกรุงเทพฯ บริเวณถนนพระราม 4 จุดตั้งต้นตั้งขบวนงานตรงสนามศุภชลาศัย ผ่านแยกราชประสงค์ ไปสิ้นสุด ณ สวนลุมพินี เริ่มเวลา 17.00 น.เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจแสง สี ผสมผสานระหว่างธรรมชาติกับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ภายใต้ธีม AMAZING THAILAND ภายใต้โลโก้ท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน การแสดงประเพณีต่าง ๆ การท่องเที่ยวเชิงกีฬา
หัวใจของคนไทยพร้อมหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับ ททท.เดินหน้าสานต่อคำพ่อสอนพัฒนาการท่องเที่ยวตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ศาสตร์พะราชา ตามตำราของพ่อ เพื่อให้คงอยู่กับคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างยั่งยืนตลอดไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวแรก “คิง เพาเวอร์เปิดรับสมาชิกบัตรใหม่4แบบแจกเพียบ”
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 25 ตุลาคม 2560 ประชาชนทุกคนสามารถไปรับสายรัดข้อมือสีเหลืองเพื่อน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ที่คิง เพาเวอร์ สาขา รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต
รวมทั้งระหว่างวันนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2560 ได้เปิดให้สมัครแพ็กเกจ “บัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์” ใหม่ใน 4 ประเภท ได้แก่ 1.NAVY จ่ายเพียง 1,000 บาท รับเงินคืนเข้าบัตรตามมูลค่าที่ซื้อแพ็กเกจ รับเพิ่มคูปองส่วนลด 20% จำนวน 1 ใบ 2.SCARLET จ่าย 6,000 บาท รับเงินคืนเข้าบัตรตามมูลค่าที่ซื้อแพ็กเกจ รับเพิ่มคูปองส่วนลด 20% จำนวน 3 ใบ 3.ONYX จ่าย 56,000 บาท รับเงินคืนเข้าบัตรตามมูลค่าที่ซื้อแพ็กเกจ รับเพิ่มคูปองส่วนลด 20% จำนวน 5 ใบ 4. CROWN จ่าย 556,000 บาท รับเงินคืนเข้าบัตรตามมูลค่าที่ซื้อแพ็กเกจ รับเพิ่มคูปอง On-Top ส่วนลด 5% จำนวน 5 ใบ
โดยสมาชิกต้องแสดงหลักฐานการชำระเงิน พร้อมบัตรประจำตัวประชาชน ที่จุดบริการสมาชิกสาขาต่างๆ เพื่อรับเงินคืนเข้าระบบ และรับคูปองส่วนลด โดยจุดบริการสมาชิก ได้แก่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ, ศรีวารี, พัทยา และภูเก็ต, คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง ติดต่อรับได้ที่จุดบริการสมาชิกดังต่อไปนี้
จุดบริการสมาชิก ชั้น 1คิง เพาเวอร์ รางน้ำ , พัทยา ภูเก็ต ส่วนศรีวารี รับที่เลาจน์ ชั้น 1 ส่วนคิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จุดบริการสมาชิก ชั้น 4 แถว N บริเวณกวนเกษียรสมุทร ฝั่ง EAST (ตรงข้ามแผนกน้ำหอมและเครื่องสำอาง) ฝั่ง WEST (ตรงข้ามแผนกน้ำหอมและเครื่องสำอาง) ส่วนคิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานดอนเมือง จุดบริการสมาชิก (บริเวณแผนกน้ำหอมและเครื่องสำอาง) ชั้น 2
สำหรับสมาชิกบัตรใหม่รับสิทธิเพิ่มเมื่อสมัครตั้งแต่วันนี้ -31 ธันวาคม 2560 ลุ้นรางวัล AirAsia BIG Points 100,000 Points ทั้งสมัครสมาชิกใหม่ และสมาชิกปัจจุบัน เมื่อซื้อแพ็กเกจใดก็ได้ รับคูปองชิงรางวัล 1 ใบ มีให้ลุ้น 20 รางวัล หมดเขตการส่งคูปองชิงรางวัลในวันที่ 31 ธันวาคม 2560จับรางวัลและประกาศผลภายในวันที่ 15 มกราคม 2561
โดยสมาชิกจะต้องชำระค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 5% ของมูลค่ารางวัล
สอบถามได้ที่ 1631 , www.kingpower.com
ข่าวที่ 2 “ตรัง/ภูเก็ตจัดกินเจ19-28ตค.-เงินสะพัดทั่วไทย4.5หมื่นล้าน”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ขณะนี้แต่ละพื้นที่เริ่มเตรียมจัดประเพณีกินเจ โดยลดโทนความอึกทึกครึกโครมลงแล้วหันมาเน้นสืบสานพิธีอันงดงาม นำร่อง 2 จังหวัด คือ ตรังจัดระหว่าง 19-28 ตุลาคม 2560 บริเวณศาลเจ้าพ่อหมื่นรามและองค์ศักดิ์สิทธิ์ ทยอยทำความสะอาดสถานที่กันแล้ว แต่ด้วยปีนี้เทศกาลกินเจอยู่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงงดจัดการแสดงและการละเล่น และงดใช้ประทัด
โดยคงไว้เฉพาะการจัดพิธีกรรมปกติ เช่น พิธีขึ้นเสาเต็งโก รับ-ส่งพระ เวียนธูปเทียน มีโรงทาน และ การรับอาหาร สายชั้นปิ่นโต กิจกรรมเวียนธูปเทียน ทุกคืนช่วงเทศกาล เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมกิจกรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วย
ส่วน จังหวัดภูเก็ต จะจัดระหว่าง 20 – 28 ตุลาคม 2560 ณ ศาลเจ้าในจังหวัดภูเก็ต ต่อเนื่อง 9 วัน 9 คืน กำหนดให้ผู้เข้าร่วมพิธีจะต้องถือศีลอย่างเคร่งครัด 10 ข้อ แต่ละศาลเจ้าจะมีพิธีบูชาและอัญเชิญองค์เทพลงมาเป็นประธานในงาน พร้อมกิจกรรมที่เหมาะสมอีกมากมาย
ดูการจัดเทศกาลกินเจเพิ่มที่ www.tourismthailand.org/thaifest หรือ ททท. สำนักงานตรัง 0-7521-5867 ททท.สำนักงานภูเก็ต ททท. สำนักงานภูเก็ต โทร.0-7621-2213 หรือ เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย 1672
ทางด้าน “นายธนวรรธน์ พลวิชัย” ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจช่วงเทศกาลกินเจปีนี้ 45,081 ล้านบาท เติบโต 2.5% ขยายตัวลดลงจากปีก่อน ซึ่งมีมูลค่า 43,981 ขยายตัว 4.2% แต่ในแง่มูลค่าของปีนี้สูงสุดในรอบ 10 ปี นับตั้งแต่ทำสำรวจครั้งแรกเมื่อปี 2551
ทั้งนี้ คิดเป็นค่าใช้จ่ายรวมเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 10,245 บาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 9,700 บาท) มุ่งเน้นใช้เงินในส่วนหลัก ๆ ได้แก่ 1.ค่าอาหาร/กับข้าว 756 บาท 2.ทำบุญ 2,697 บาท เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน 1-10% 3.ค่าเดินทางไปทำบุญต่างจังหวัด 3,533 บาท 4.ค่าที่พักระหว่างทำบุญในต่างจังหวัดเฉลี่ย 4,369 บาท
ข่าวที่ 3 “บางจากนำทีมบริษัทในเครือถวายความอาลัยแจกต้นดาวเรือง”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.บางจากฯ นำคณะผู้บริหาร พนักงานบริษัท และบริษัทในกลุ่ม ร่วมแสดงความอาลัย สถิตในดวงใจตราบนิรันดร์ บางจากฯ สานต่อความดี “คิดดี ทำดี ตามรอยพ่อ” โดยจัดแสดงนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระอัจฉริยภาพ และพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ และร่วมกันยืนสงบนิ่ง ร้องเพลง “ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป” เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
รวมทั้งการขับร้องบทเพลงพระราชนิพนธ์ โดยวงดนตรี Quartet Band และ Vietrio Band และวงโยธวาทิต จากโรงเรียนพระโขนงพิทยาลัย พร้อมแจกต้นกล้าดอกดาวเรืองให้พนักงานนำไปปลูกเพื่อให้ออกดอกบานสะพรั่งในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ณ สำนักงานใหญ่ บริษัท บางจากฯ และโรงกลั่นน้ำมันบางจาก สุขุมวิท 64
ข่าวที่ 4 “ทอท.งัดใช้เกตเวย์อินเด็กซ์ชี้เป้า6สนามบินโตยาว”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท.กล่าวว่า ล่าสุดได้ริเริ่มจัดทำรายงาน AOT Gateway Index Report นำร่องตั้งแต่เดือน ก.ค.60 โดยได้สะท้อนประสิทธิภาพการบริหารท่าอากาศยาน 6 แห่งของ ทอท.อยู่ที่ระดับ 144.2 เพิ่มขึ้น 5.4% จากเมื่อเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 139.7 ได้แรงสนับสนุนจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.ประสิทธิภาพการใช้ท่าอากาศยานของผู้โดยสาร 2.การขนส่งสินค้าทางอากาศ 3.ความสามารถของเกตเวย์การดึงดูดผู้ใช้บริการ และ 4.ความสามารถในการแข่งขันของทอท.ยังคงเติบโตได้ดี สะท้อนการทำงานของ ทอท.ยังคงเป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญของการเดินทางและการขนส่งสินนค้าทั้งภายในและระหว่างประเทศได้ระดับดี
สำหรับดัชนี AOT Gateway Index ของท่าอากาศยานที่อยู่ในความดูแล ทอท.ทั้ง 6 แห่ง คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ หาดใหญ่ ภูเก็ต และแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ฉายภาพเด่น ๆ ช่วงเดือนกรกฎาคม 2560 ได้แก่ 1.ประสิทธิภาพการใช้ท่าอากาศยานปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสาร จากสายการบินโลว์คอสต์ 2.ค่าเงินบาทแข็งค่าส่งผลทำให้คนเดินทางไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น 3.สนามบินทอท.ทั้ง 6 แห่งมีผู้โดยสารเดินทางเข้าออกรวม 11.2 ล้านคน แบ่งเป็นในประเทศ 4.7 ล้านคน ระหว่างประเทศ 6.5 ล้านคน 4.จำนวนผู้โดยสารต่างชาติที่เดินทางเข้าและออกมีจำนวน 5.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.7% เป็นชาวจีนมากที่สุด 34% รองลงมาตามลำดับเป็น เกาหลีใต้ อินเดีย ญี่ปุ่น เวียดนาม
ส่วนปริมาณขนส่งสินค้าทางอากาศขาเข้าและขาออกเดือนก.ค. ปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 13.4% หรือ 121,078 ล้านตัน สอดคล้องกับมูลค่าส่งออกของไทยสูงขึ้น 14.3%
ข่าวที่ 5 “ไมซ์นำร่อง 3 โครงการพระราชดำริหนุน 3 พอ”
จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB ตอกย้ำถึงพันธกิจในการผลักดันและพัฒนาอุตสาหกรรมการจัดประชุม (Meeting : M) การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Incentive : I) การประชุมนานาชาติ (Convention : C ) และการจัดแสดงสินค้านานาชาติ (Exhibition : E) รวมเรียกว่า “ไมซ์-MICE” ตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พร้อมจะก้าวเดินไปข้างหน้าภายใต้นโยบาย ประเทศไทย 4.0
โดย TCEB ได้นำศาสตร์พระราชา “หลักการทรงงาน” ภายใต้แนวคิด “ก้าวตามรอยพ่อ ประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ” มาเป็นโมเดลส่งเสริมองค์กรธุรกิจ หน่วยงานภาครัฐ จัดประชุมสัมมนาในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในช่วงระหว่างนี้จนถึงธันวาคม 2560 TCEBได้นำร่องขยายองค์ความรู้สู่พนักงานและผู้เข้าร่วมแต่ละกลุ่มเข้าร่วมทำกิจกรรมอย่างสมบูรณ์แบบกับ 3 พอ โดยคัดเลือกมา 3 โครงการต้นแบบ ได้แก่
โครงการศึกษาพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน จ.จันทบุรี มุ่งสร้างการเรียนรู้เรื่อง “พอเพียง”
โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เชียงราย มุ่งสร้างการเรียนรู้เรื่อง “เพิ่มพูน”
โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เพชรบุรี มุ่งสร้างการเรียนรู้ในเรื่อง “พัฒนา”
จากนั้นตลอดปี 2561 TCEB มุ่งมั่นจะขยายผลให้เข้าไปเลือกใช้สถานที่จัดประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั่วไทย 19 โครงการ ซึ่งพร้อมแล้วสำหรับการจัดประชุมของคนไทย และจะช่วยส่งเสริมให้องค์กรและธุรกิจไมซ์ในท้องถิ่นได้เติบโตไปพร้อม ๆ กัน อย่างยั่งยืน
ช่วงที่ 2 ตามรอยพ่อไปดู “โรงงานสกัดน้ำมันพืชผลิตไบโอดีเซลแบบครบวงจร” ที่จังหวัดเพชรบุรี จากนั้นลองใช้ 6 โมเดล 8 เครื่องมือดูแลสุขภาพอย่างพอเพียง ฟังข่าวฮ็อต กระทรวงอุตสาหกรรมจีบไทยสไมล์นำโอท็อปวางตลาดลอยฟ้า และจับตาการผ่าทางตันสนามบินเชียงใหม่จะเลือกปรับปรุงหรือ ยกให้เอกชนสร้างใหม่ ห้ามพลาดความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น 130 ปี จัดคอนเสิร์ตบทเพลงพระราชนิพนธ์น้อมรำลึกในหลวงรัชกาลที่ 9 ขณะที่ รมว.กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูรปลื้มสถิตินักท่องเที่ยว 10 เดือน ต่างชาติทะลักเข้าไทยกว่า 26 ล้านคน
@ตามรอยพ่อไปดูโรงงานผลิตไบโอดีเซลครบวงจร
ในจังหวัดเพชรบุรี มีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9 หลายโครงการด้วยกัน “โรงงานสกัดน้ำมันพืชและผลิตไบโอดีเซลแบบครบวงจร” ในพื้นที่โครงการปลูกป่าชัยพัฒนา-แม่ฟ้าหลวง ตำบลไร่ใหม่พัฒนา อำเภอชะอำ เป็นหนึ่งในโครงการสนองพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในเรื่องการศึกษานำปาล์มน้ำมันไปใช้แปรรูปเป็นน้ำมันไบโอดีเซล
ห้วงเวลาต่อมาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำริให้มูลนิธิชัยพัฒนาประสานความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดทำโครงการเกี่ยวกับปาล์มน้ำมันและพืชพลังงานทดแทน ซึ่งได้ขยายผลมาสู่โครงการโรงงานสกัดน้ำมันพืชและผลิตไบโอดีเซลแบบครบวงจร และอีกหลายโครงการเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทนของประเทศไทยในอนาคต
ด้วยคุณสมบัติการสกัดน้ำมันจากพืชทำไบโอดีเซล มีประโยชน์ในการใช้เป็นพลังงานทดแทนแถมราคาถูก ประสิทธิภาพสูง ปัจจุบันเมืองไทยได้นำน้ำมันพืชที่ใช้แล้วและพืชน้ำมันทั้ง ปาล์มน้ำมัน มะพร้าว สบู่ดำ ละหุ่ง ฯลฯ ไปผ่านกระบวนการบีบหรือสกัดด้วยตัวทำละลาย จะได้เมทิลเอสเตอร์หรือ เอทิลเอสเตอร์ หรือไบโอดีเซลนั่นเอง
ภายในโรงงานสกัดน้ำมันพืชและผลิตไบโอดีเซลแบบครบวงจร มี “กิจกรรม” ให้ผู้เยี่ยมชมได้ร่วมลงมือทำหลายอย่างด้วยกัน อาทิ ดูกระบวนการผลิตไบโอดีเซลแบบครบวงจร ชมการสาธิตทำผลิตภัณฑืที่ได้จากการผลิตไบโอดีเซล เช่น สบู่ ปุ๋ยหมัก ฯลฯ หรือจะทำซีเอสอาร์ ร่วมปลูกป่า โดยประสานงานล่วงหน้ากับทางสถานีพัฒนาที่ดินหนองพลั หรือจะร่วมสนุกทำสบู่กลับมาใช้เองที่บ้านก็ได้
สถานที่แห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวก “ห้องประชุม” ขนาดรองรับได้ครั้งละ 10 คน แต่จะไม่มีห้องพัก สามารถหาที่พักรอบอำเภอชะอำมีให้เลือกหลายรูปแบบด้วยกัน
สนใจเข้าชมโรงงานสกัดน้ำมันพืชและผลิตไบโอดีเซลแบบครบวงจร จ.เพชรบุรี โทร.08-1957-6911
@6 โมเดล 8 เครื่องมือสร้างสุขอย่างพอเพียง
นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต อธิบายว่าการนำโปรแกรมสร้างสุขมาใช้ในสถานประกอบการ 6 Module เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างมีสติและพอเพียง คือ 1.ฝึกมองโลกในแง่ดี มองจุดดีของตนเอง มองเห็นสิ่งดีๆ ในสิ่งที่ไม่ดี ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ไข ไม่คงอยู่เสมอไป คลี่คลายได้ตามกาลเวลา 2.ปรับเปลี่ยนความคิด เปิดใจกว้าง มองรอบด้าน ลดอคติและทิฐิ สร้างกำลังใจ ดำเนินชีวิตต่อไปอย่างเป็นสุข 3.สร้างความเข้มแข็งทางใจ ด้วยพลัง อึด – ควบคุมอารมณ์ อดทนตั้งสติ เตรียมรับมือกับปัญหา ฮึด – สร้างกำลังใจ ไม่สิ้นหวังท้อถอย มองทุกปัญหามีทางออก สู้ – ลุกขึ้นเผชิญหน้า หาแนวทาง วางเป้าหมาย ไม่รีรอ เร่งแก้ไข ใช้วิธีที่เหมาะสม
4.สร้างวัฒนธรรมการมีส่วนร่วม เพื่อนำไปสู่องค์กรสร้างสุข ยอมรับความคิดเห็น เน้นการมีส่วนร่วม ร่วมสร้างแนวทางหลัก ชักชวนให้ปฏิบัติ จัดทำเป็นวัฒนธรรมองค์กร 5.มีหลักพักใจในการดำเนินชีวิต ค้นหาพลังใจ อิงหลักคิดในการดำเนินชีวิต เช่น ความกตัญญู ศาสนา การให้อภัย เมื่อวิกฤตก็ให้ใช้เป็นพลังฟื้นฟูใจ และ 6. พึงพอใจในสิ่งที่มี พอดีในความพอเพียง รู้จักพอเพียง พอใจในสิ่งที่มี พอดีในสิ่งที่ได้
ส่วนชุมชนควรนำ 8 เครื่องมือมาช่วยสร้างสุข ได้แก่ 1.ค้นหาจุดดีของตนเอง มองหาสิ่งดีของตนเอง แล้วอย่าเก็บไว้ นำออกมาใช้อย่างสร้างสรรค์ 2.ค้นหาจุดดีของผู้อื่น เปิดใจค้นหา มองว่าคนอื่นก็มีดี ชื่นชมผู้อื่นอย่างจริงใจ 3.เพิ่ม 3 อ. ขจัดสุรา สารเสพติด บุหรี่ รับประทาน อาหาร ให้ครบ 5 หมู่ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ลดหวาน มัน เค็ม ออกกำลังกายครั้งละ 30 นาที อย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์ อารมณ์แจ่มใส จัดการความเครียดได้รู้จักผ่อนคลาย หลีกเลี่ยง ลด ละ เลิกบุหรี่ สุรา และสารเสพติด 4.ครอบครัวอบอุ่น ทำกิจกรรมร่วมกัน ให้เวลา ให้ความรัก เป็นที่พักพิงทางใจ ใส่ใจรับฟัง แบ่งปันทุกข์สุข
5.สมดุลชีวิต ด้วยหลัก 8-8-8 ฉลาดจัดการเวลา นอนหลับให้เต็มที่ ทำงานอย่างดีเต็มความสามารถ อย่าให้ขาดสร้างสุขในครอบครัว 6.เป็นจิตอาสาและทำประโยชน์ให้ผู้อื่น แบ่งปันช่วยเหลือผู้อื่นตามความสามารถ หาโอกาสทำประโยชน์ต่อสังคม 7.มีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ค้นหาพลังใจ อิงหลักคิดในการดำเนินชีวิต เมื่อวิกฤตให้เป็นพลังฟื้นฟูใจ และ 8.พึงพอใจในสิ่งที่มี ด้วยการรู้จักพอเพียง พอใจในสิ่งที่มี พอดีในสิ่งที่ได้
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ชงแก้สนามบินเชียงใหม่2ทางปรับปรุงหรือผุดแห่งที่2”
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้แนวทางการแก้ไขปัญหาสนามบินเชียงใหม่แออัดโดยให้การบ้าน บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กลับไปศึกษาเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสีย 2 แนวทาง คือ ระหว่างขยายศักยภาพสนามบินเชียงใหม่เดิม หรือสร้างสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 ซึ่งจะใช้เวลา 6 เดือน หรือประมาณกลางปี 2561 จึงจะสรุปพร้อมนำเสนอให้กระทรวงคมนาคมและที่ประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ซึ่งมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เป็นประธานพิจาณาตัดสินอีกครั้งในการเลือกแนวทางที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสามารถคลี่คลายปัญหาสนามบินแออัดได้อย่างแท้จริง
รวมทั้งจะต้องเตรียมความพร้อมในอนาคตของท่าอากาศยานเชียงใหม่ในอีก 15 ปีข้างหน้า จะมีผู้โดยสารใช้บริการมากถึงปีละ 20 ล้านคน จากปัจจุบัน 8 ล้านคน
ข่าวที่สอง “ก.อุตสาหกรรมจีบไทยสไมล์ขายโอท็อปลอยฟ้า”
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับสายการบินไทยสมายล์ เพื่อขอให้นำสินค้าชุมชนของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ที่ผ่านมาตรฐานสินค้าชุมชนไปสู่มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ไปเสนอขายบนเครื่องบิน ร่วมมือกับหลายหน่วยงาน ทั้งกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ต้องเร่งพัฒนาด้านมาตรฐานโดยเร็วที่สุด พร้อมสนับสนุนเงินในการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ
ตามแผนภายในเดือน พ.ย.2560 นายอุตตมเตรียมเสนอประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปรับโครงสร้างการบริหารงานของสมอ. ยกเครื่ององค์กรก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 ทั้งเรื่องกระบวนการจัดทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) มาตรฐานตัวใหม่ของเอสเอ็มอีและผู้ประกอบการหน้าใหม่ (สตาร์ทอัพ) ที่เรียกว่า มอก.ไลท์ (Lite) เพื่อให้กลุ่มดังกล่าวเข้าถึงมาตรฐานได้
ข่าวที่สาม “คอนเสิร์ตเพลงพระราชนิพนธ์สัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น130ปี”
ในโอกาสครบรอบ 130 ปี ความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น ปี 2560
เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร และเพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทย และประเทศญี่ปุ่น ที่มีความสัมพันธ์ยาวนาน ทั้งทางด้ านการทูต ศิลปะ และดนตรี
ดังนั้นทางคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม Japan Foundation Asia Center และบริษัท การบินไทย จากัด (มหาชน) จัดการแสดงดนตรี 130th Anniversary of Japan-Thailand Relations Concert บรรเลงโดยวง FEROCIPHILHARMONIC WINDS โดยได้รับเกียรติจากวาทยากรและนักประพันธ์เพลงรับเชิญระดับโลก Maestro Yasuhide Ito จัดการ
แสดงดนตรีจานวน 2 รอบ
วันอังคารที่ 31 ตุลาคม 2560 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และในวันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน 2560 ณ Tama Shiminkan Concert Hall ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยไม่เสียค่าใช่จ่ายในการเข้าชม
สำหรับบทเพลงที่จะนำออกแสดง ได้อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ซึ่งล้วนมีความไพเราะ และแสดงถึงพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่านทางด้านการประพันธ์ดนตรี บทเพลงที่ประพันธ์ขึน้ ใหม่โดยอาจารย์ดาริห์ บรรณวิทยกิจ “ปลานิลของพระราชา” บรรยายถึงปลานิล ที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่นองค์ปัจจุบันเมื่อครั้งยังเป็นมกุฎราชกุมารและบทเพลงที่นาเสนอเครื่องดนตรีพื้นเมืองไทย ญี่ปุ่น ที่บรรเลงร่วมกับดนตรีสากล
โดยมีศิลปินรับเชิญ Yamanaka Nobuto (Shamisen) อาจารย์ อานันท์ นาคคง (ซออู้) และอาจารย์สมนึก แสงอรุณ (ขลุ่ยและปี่ ไทย) และ เนื่อง ในโอกาสทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร วง FEROCI PHILHARMONIC WINDSจึงคัดสรรบทเพลง “The Year of Dragon” ของ Philip Sparke เพื่อเทิดพระเกียรติในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร ที่ทรงอุทิศพระองค์ เป็นดั่งร่มโพธิ์ทองของแผ่นดิน ยังความผาสุกให้กับประชาชนบนผืนแผ่นดินไทยทุกหมู่เหล่า
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/ferociphilharmonic
ข่าวที่สี่ “กอบกาญจน์ปลื้ม10เดือนต่างชาติทะลัก26ล้านคน”
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงว่าสถิติการท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม- 11 ตุลาคม สดใสทั้งจำนวนและรายได้ โดยมีนักท่องเที่ยวสะสม 26.81 ล้านคน เพิ่มกว่า 5.57% สร้างรายได้ 1.37 ล้านล้านบาท เพิ่ม 7.62%
จีนยังคงเป็นแชมป์มาไทยอันดับหนึ่ง ระหว่าง1 มกราคม-11 ตุลาคม ปีนี้ มากถึง 7.63 ล้านคน และในช่วงวันชาติจีน 1 - 8 ตุลาคม 2560 มาทั้งสิ้น 227,648 คน เพิ่ม 69.04% นำเงินเข้ามากระจายรายได้ราว 12,528 ล้านบาท เพิ่ม 75.66% สอดคล้องกับที่ Ctrip .com International ประเมินช่วงวันชาติจีน มีคนเดินทางเที่ยวต่างประเทศ 6.15 ล้านคน เลือกไทยอันดับ 1 รองลงไปได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม
พ.ย.ลุย2งาน“ลอยกระทง-ปีท่องเที่ยวยั่งยืน”
คิงเพาเวอร์รับสมาชิกบัตรใหม่4แบบสิทธิ์เพียบ
เริ่มกินเจตรัง/ภูเก็ต-ทั่วไทยสะพัด4.5หมื่นล้าน
ทอท.ใช้เกตเวย์อินเด็กซ์ชี้อนาคต6สนามบิน
ตามรอยพ่อดูโรงงานไบโอดีเซลเมืองเพชร
ชงผ่าทางตันสนามบินเชียงใหม่6เดือนหน้า
กระทรวงอุตฯจีบไทยสไมล์ขายOTOPลอยฟ้า
คอนเสิร์ตเพลงพระราชนิพนธ์130ปีไทย-ญี่ปุ่น
โชว์สถิติ10เดือนทัวร์ต่างชาติพุ่ง26ล้านคน
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand (อ่านเรื่องทั้งหมดในไทยโพสต์ คอลัมน์จุรัสทั่วไทย วันอาทิตย์ที่ 15 ต.ค.2560)
ช่วงที่ 1 ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะมาเล่าถึงการน้อมนำศาสตร์พระราชามาพัฒนาการท่องเที่ยว โดยมีชุมชนต้นแบบที่เข้มแข็งตามวิถีพอเพียงสร้างเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนเป็นรูปธรรมมานำเสนอไปยังทั่วโลก แล้วจากนั้นยังเดินหน้ากระตุ้นการเดินทางปลายปีนี้ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2 งานใหญ่ เทศกาลลอยกระทง และปิดถนนใจกลางกรุงเปิดโครงการปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน 15 พ.ย.นี้
ยุทธศักดิ์ สภสร ผู้ว่าการ ททท. |
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินมายัง ททท.เมื่อครั้งยังเป็นองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (อ.ส.ท.) พร้อมทั้งพระราชทานพระบรมราโชวาทพระราชดำรัสถึงการส่งเสริมท่องเที่ยว แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่า 20-30 ปีแล้ว คำสอนของพระองค์ท่านก็ยังคงทันสมัยเกี่ยวกับอัธยาศรัยใจคอคนไทยเป็นเสน่ห์ทำให้คนทั่วโลกเดินทางเข้ามายังประเทศไทย
ททท.ได้น้อมนำคำสอนของพระองค์ท่านมาพัฒนาทางการตลาดท่องเที่ยว พร้อมทั้งได้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนาคนตามหลัก “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” มาใช้ ตลอดช่วงตุลาคมปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เริ่มจากปี 2559 “ผลิตคู่มือ 70 เส้นทางตามรอยพระบาท” รวมถึงส่งเสริมชุมชนที่มีความโดดเด่นในการน้อมนำศาสตร์พระราชามาปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมมีวิถีชีวิตอยู่อย่างพอเพียง มาเป็นต้นแบบการศึกษาเรียนรู้แก่นักท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติต่อเนื่องมาตลอดจนถึงขณะนี้
เดือนตุลาคม 2560 ททท.ร่วมกับสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) จัดทำโครงการการพัฒนาท่องเที่ยวระดับชุมชนมุ่งเน้นพัฒนาคนในพื้นที่อย่างเข้าใจ เข้าถึง เพิ่มการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและพร้อมจะเดินหน้าสานต่อที่พ่อทำเป็นตัวอย่างให้คนไทยได้เห็นมาตลอด ดังเช่นโครงการอันเนื่องพระราชดำริ พื้นที่ทรงงานต่าง ๆ ด้วยการสนับสนุนจัดทำเส้นทางการท่องเที่ยวเชื่อมโยง ล่าสุดทำโครงการ “วิชา 9 หน้า” ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ เลือก 9 คนดังต้นแบบร่วมสืบสานปณิธานพ่อ ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านวีดีโอสารคดี ชุด “วิชา 9 หน้า” อีกทั้งยังช่วยต่อยอดศาสตร์พระราชาบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่น ลงพื้นที่ตามชุมชนต่างๆ ควบคู่กับการเวิร์คช็อปเพิ่มศักยภาพชุมชนเตรียมความพร้อมให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งและสร้างเศรษฐกิจยั่งยืนในแต่ละท้องถิ่น
และตลอดเดือนตุลาคม ปีนี้ ททท.นำชุมชนต้นแบบการท่องเที่ยวตามศาสตร์พระราชามาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ได้แก่
“ชุมชนท่องเที่ยว บ้านหนองส่าน” จังหวัดสกลนคร จากพื้นที่แห้งแล้งและทุรกันดาล ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นพื้นที่ทำการเกษตร อ่างจัดเก็บน้ำ และโครงการพระราชดำริสามารถพบอยู่โดยรอบทางเข้าหมู่บ้าน ปัจจุบันชาวบ้านในชุมชนมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างมาก
“ชุมชนริมน้ำจันทบูร” จังหวัดจันทบุรี เป็นชุมชนไร้พรมแดน ถึงแม้จะมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมจากหลายเชื้อชาติ แต่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างผาสุข นักท่องเที่ยวไปถึงแล้วจะได้สัมผัสกับบ้านเรือนที่คงกลิ่นอายความโบราณแสนคลาสสิค และศาสนสถานสำคัญยึดเหนี่ยวทางจิตใจคนเติมเต็มภาพแห่งความพอเพียง
“ชุมชนบ้านปงห้วยลาน” จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ใกล้บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยลาน โครงการพัฒนาพื้นที่ห้วยลาน แวดล้อมด้วยบรรยากาศร่มรื่น สายน้ำใสสะอาด ชาวบ้านร่วมมือร่วมใจสร้างงานหัตถกรรม ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ชุมชน มีอาหารกำเมืองขึ้นชื่อ สมบูรณ์ด้วยผัก ผลไม้ ด้วยวิถีชีวิตแบบไทย
“ชุมชนรอบโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ” จังหวัดชุมพร จากพื้นที่อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน และทรัพยากรสิ่งมีชีวิตทางทะเล ขยับขยายต่อยอดเป็นการท่องเที่ยววิถีชุมชน พร้อมนำเสนอความสวยงามของพื้นที่ วิถีชีวิตชุมชน และการเป็นชาวประมงพื้นบ้าน ที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้าไปเรียนรู้ ทั้งประวัติความเป็นมา และการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในพื้นที่ ที่ชาวประชาจะไม่มีวันลืม
ทั้ง 4 ชุมชนต้นแบบการท่องเที่ยวอย่างพอเพียงและยั่งยืน ล้วนมีจุดเด่นเป็นประโยชน์แตกต่างกัน เมื่อนักท่องเที่ยวมีโอกาสเข้าไปเยี่ยมจะเห็นภาพสะท้อนชัดเจนถึงการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ศาสตร์พระราชา แต่ละวิชาก้าวหน้ามาปรับใช้สร้างวิถีชีวิตไทยอย่างมีความสุข
“ยุทธศักดิ์” ย้ำว่า ททท.มุ่งเน้นการน้อมนำศาสตร์พระราชา แนวความคิดของพระองค์อยู่คู่กับคนไทยไปตลอด ปราประการสำคัญที่สุดคือทุกเรื่องราวล้วนก่อให้เกิดความยั่งยืนสร้างคุณูปการแก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างมากมายมหาศาล ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ตุลาคม 2559 เรื่อยไปจนถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2560 มีนโยบายให้สำนักงานต่างประเทศ 28 แห่ง สื่อสารด้วยภาษาท้องถิ่นถึงผู้คนทั่วโลกที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยช่วงเวลาดังกล่าวเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความโศกเศร้าถึงความสูญเสียครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ ดังนั้นในการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจึงขอความร่วมมือกระทำกิจกรรมอย่างเหมาะสม ส่วนการท่องเที่ยวภาพรวมก็ยังต้องดำเนินต่อไปตามปกติ ยกเว้นแหล่งท่องเที่ยวบางพื้นที่หรือบางแห่งต้องปิดใช้เพื่อทำพระราชพิธี หรือลดความครึกครื้นลง
ตลอดกว่า 300 วันที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยเกือบ 30 ล้านคน ต่างรับทราบ รับรู้ ทุกคนพร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับความเป็นคนไทยในเหตุการณ์ครั้งนี้
“ยุทธศักดิ์” กล่าวว่าช่วงคาบเกี่ยวปลายเดือนตุลาคมนี้ จะมีเทศกาลกินเจ ถือศีล กินผัก ในพื้นที่หลักจังหวัดภูเก็ตซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังการจัดงานกินเจสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวนานาชาติเข้ามาร่วมนั้น ปีนี้จะลดโทนอึกทึกครึกโครมไม่จัดกิจกรรม อาทิ ม้าทรง เดินลุยไฟ เหมือนในอดีตที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่นักท่องเที่ยวเข้าใจได้ ททท.จะรณรงค์ให้ทุกคนร่วมทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
หลังจากวันที่ 30 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป ททท.จะหันกลับมามุ่งกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มรายได้เข้าประเทศปลายปีต้อนรับฤดูกาลเดินทางของนานาชาติ (high season) เข้าสู่งานประเพณี “ลอยกระทง” ระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน นี้ รวมถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ประกาศเป็น “ปีการท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 – 1 มกราคม 2562 นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ททท.เตรียมจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวต่อเนื่องแต่ละเดือนหลากหลายงานด้วยกัน
โดยเฉพาะวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 จะมีพิธีเปิด “ปีการท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” อย่างยิ่งใหญ่ มีกิจกรรมครึกครื้นรวมอยู่ด้วย สถานที่จัดศูนย์กลางกรุงเทพฯ บริเวณถนนพระราม 4 จุดตั้งต้นตั้งขบวนงานตรงสนามศุภชลาศัย ผ่านแยกราชประสงค์ ไปสิ้นสุด ณ สวนลุมพินี เริ่มเวลา 17.00 น.เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจแสง สี ผสมผสานระหว่างธรรมชาติกับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ภายใต้ธีม AMAZING THAILAND ภายใต้โลโก้ท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน การแสดงประเพณีต่าง ๆ การท่องเที่ยวเชิงกีฬา
หัวใจของคนไทยพร้อมหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับ ททท.เดินหน้าสานต่อคำพ่อสอนพัฒนาการท่องเที่ยวตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ศาสตร์พะราชา ตามตำราของพ่อ เพื่อให้คงอยู่กับคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างยั่งยืนตลอดไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวแรก “คิง เพาเวอร์เปิดรับสมาชิกบัตรใหม่4แบบแจกเพียบ”
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 25 ตุลาคม 2560 ประชาชนทุกคนสามารถไปรับสายรัดข้อมือสีเหลืองเพื่อน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ที่คิง เพาเวอร์ สาขา รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต
รวมทั้งระหว่างวันนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2560 ได้เปิดให้สมัครแพ็กเกจ “บัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์” ใหม่ใน 4 ประเภท ได้แก่ 1.NAVY จ่ายเพียง 1,000 บาท รับเงินคืนเข้าบัตรตามมูลค่าที่ซื้อแพ็กเกจ รับเพิ่มคูปองส่วนลด 20% จำนวน 1 ใบ 2.SCARLET จ่าย 6,000 บาท รับเงินคืนเข้าบัตรตามมูลค่าที่ซื้อแพ็กเกจ รับเพิ่มคูปองส่วนลด 20% จำนวน 3 ใบ 3.ONYX จ่าย 56,000 บาท รับเงินคืนเข้าบัตรตามมูลค่าที่ซื้อแพ็กเกจ รับเพิ่มคูปองส่วนลด 20% จำนวน 5 ใบ 4. CROWN จ่าย 556,000 บาท รับเงินคืนเข้าบัตรตามมูลค่าที่ซื้อแพ็กเกจ รับเพิ่มคูปอง On-Top ส่วนลด 5% จำนวน 5 ใบ
โดยสมาชิกต้องแสดงหลักฐานการชำระเงิน พร้อมบัตรประจำตัวประชาชน ที่จุดบริการสมาชิกสาขาต่างๆ เพื่อรับเงินคืนเข้าระบบ และรับคูปองส่วนลด โดยจุดบริการสมาชิก ได้แก่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ, ศรีวารี, พัทยา และภูเก็ต, คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง ติดต่อรับได้ที่จุดบริการสมาชิกดังต่อไปนี้
จุดบริการสมาชิก ชั้น 1คิง เพาเวอร์ รางน้ำ , พัทยา ภูเก็ต ส่วนศรีวารี รับที่เลาจน์ ชั้น 1 ส่วนคิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จุดบริการสมาชิก ชั้น 4 แถว N บริเวณกวนเกษียรสมุทร ฝั่ง EAST (ตรงข้ามแผนกน้ำหอมและเครื่องสำอาง) ฝั่ง WEST (ตรงข้ามแผนกน้ำหอมและเครื่องสำอาง) ส่วนคิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานดอนเมือง จุดบริการสมาชิก (บริเวณแผนกน้ำหอมและเครื่องสำอาง) ชั้น 2
สำหรับสมาชิกบัตรใหม่รับสิทธิเพิ่มเมื่อสมัครตั้งแต่วันนี้ -31 ธันวาคม 2560 ลุ้นรางวัล AirAsia BIG Points 100,000 Points ทั้งสมัครสมาชิกใหม่ และสมาชิกปัจจุบัน เมื่อซื้อแพ็กเกจใดก็ได้ รับคูปองชิงรางวัล 1 ใบ มีให้ลุ้น 20 รางวัล หมดเขตการส่งคูปองชิงรางวัลในวันที่ 31 ธันวาคม 2560จับรางวัลและประกาศผลภายในวันที่ 15 มกราคม 2561
โดยสมาชิกจะต้องชำระค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 5% ของมูลค่ารางวัล
สอบถามได้ที่ 1631 , www.kingpower.com
ข่าวที่ 2 “ตรัง/ภูเก็ตจัดกินเจ19-28ตค.-เงินสะพัดทั่วไทย4.5หมื่นล้าน”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ขณะนี้แต่ละพื้นที่เริ่มเตรียมจัดประเพณีกินเจ โดยลดโทนความอึกทึกครึกโครมลงแล้วหันมาเน้นสืบสานพิธีอันงดงาม นำร่อง 2 จังหวัด คือ ตรังจัดระหว่าง 19-28 ตุลาคม 2560 บริเวณศาลเจ้าพ่อหมื่นรามและองค์ศักดิ์สิทธิ์ ทยอยทำความสะอาดสถานที่กันแล้ว แต่ด้วยปีนี้เทศกาลกินเจอยู่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงงดจัดการแสดงและการละเล่น และงดใช้ประทัด
โดยคงไว้เฉพาะการจัดพิธีกรรมปกติ เช่น พิธีขึ้นเสาเต็งโก รับ-ส่งพระ เวียนธูปเทียน มีโรงทาน และ การรับอาหาร สายชั้นปิ่นโต กิจกรรมเวียนธูปเทียน ทุกคืนช่วงเทศกาล เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมกิจกรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วย
ส่วน จังหวัดภูเก็ต จะจัดระหว่าง 20 – 28 ตุลาคม 2560 ณ ศาลเจ้าในจังหวัดภูเก็ต ต่อเนื่อง 9 วัน 9 คืน กำหนดให้ผู้เข้าร่วมพิธีจะต้องถือศีลอย่างเคร่งครัด 10 ข้อ แต่ละศาลเจ้าจะมีพิธีบูชาและอัญเชิญองค์เทพลงมาเป็นประธานในงาน พร้อมกิจกรรมที่เหมาะสมอีกมากมาย
ดูการจัดเทศกาลกินเจเพิ่มที่ www.tourismthailand.org/thaifest หรือ ททท. สำนักงานตรัง 0-7521-5867 ททท.สำนักงานภูเก็ต ททท. สำนักงานภูเก็ต โทร.0-7621-2213 หรือ เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย 1672
ทางด้าน “นายธนวรรธน์ พลวิชัย” ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจช่วงเทศกาลกินเจปีนี้ 45,081 ล้านบาท เติบโต 2.5% ขยายตัวลดลงจากปีก่อน ซึ่งมีมูลค่า 43,981 ขยายตัว 4.2% แต่ในแง่มูลค่าของปีนี้สูงสุดในรอบ 10 ปี นับตั้งแต่ทำสำรวจครั้งแรกเมื่อปี 2551
ทั้งนี้ คิดเป็นค่าใช้จ่ายรวมเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 10,245 บาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 9,700 บาท) มุ่งเน้นใช้เงินในส่วนหลัก ๆ ได้แก่ 1.ค่าอาหาร/กับข้าว 756 บาท 2.ทำบุญ 2,697 บาท เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน 1-10% 3.ค่าเดินทางไปทำบุญต่างจังหวัด 3,533 บาท 4.ค่าที่พักระหว่างทำบุญในต่างจังหวัดเฉลี่ย 4,369 บาท
ข่าวที่ 3 “บางจากนำทีมบริษัทในเครือถวายความอาลัยแจกต้นดาวเรือง”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.บางจากฯ นำคณะผู้บริหาร พนักงานบริษัท และบริษัทในกลุ่ม ร่วมแสดงความอาลัย สถิตในดวงใจตราบนิรันดร์ บางจากฯ สานต่อความดี “คิดดี ทำดี ตามรอยพ่อ” โดยจัดแสดงนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระอัจฉริยภาพ และพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ และร่วมกันยืนสงบนิ่ง ร้องเพลง “ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป” เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
รวมทั้งการขับร้องบทเพลงพระราชนิพนธ์ โดยวงดนตรี Quartet Band และ Vietrio Band และวงโยธวาทิต จากโรงเรียนพระโขนงพิทยาลัย พร้อมแจกต้นกล้าดอกดาวเรืองให้พนักงานนำไปปลูกเพื่อให้ออกดอกบานสะพรั่งในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ณ สำนักงานใหญ่ บริษัท บางจากฯ และโรงกลั่นน้ำมันบางจาก สุขุมวิท 64
ข่าวที่ 4 “ทอท.งัดใช้เกตเวย์อินเด็กซ์ชี้เป้า6สนามบินโตยาว”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท.กล่าวว่า ล่าสุดได้ริเริ่มจัดทำรายงาน AOT Gateway Index Report นำร่องตั้งแต่เดือน ก.ค.60 โดยได้สะท้อนประสิทธิภาพการบริหารท่าอากาศยาน 6 แห่งของ ทอท.อยู่ที่ระดับ 144.2 เพิ่มขึ้น 5.4% จากเมื่อเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 139.7 ได้แรงสนับสนุนจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.ประสิทธิภาพการใช้ท่าอากาศยานของผู้โดยสาร 2.การขนส่งสินค้าทางอากาศ 3.ความสามารถของเกตเวย์การดึงดูดผู้ใช้บริการ และ 4.ความสามารถในการแข่งขันของทอท.ยังคงเติบโตได้ดี สะท้อนการทำงานของ ทอท.ยังคงเป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญของการเดินทางและการขนส่งสินนค้าทั้งภายในและระหว่างประเทศได้ระดับดี
สำหรับดัชนี AOT Gateway Index ของท่าอากาศยานที่อยู่ในความดูแล ทอท.ทั้ง 6 แห่ง คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ หาดใหญ่ ภูเก็ต และแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ฉายภาพเด่น ๆ ช่วงเดือนกรกฎาคม 2560 ได้แก่ 1.ประสิทธิภาพการใช้ท่าอากาศยานปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสาร จากสายการบินโลว์คอสต์ 2.ค่าเงินบาทแข็งค่าส่งผลทำให้คนเดินทางไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น 3.สนามบินทอท.ทั้ง 6 แห่งมีผู้โดยสารเดินทางเข้าออกรวม 11.2 ล้านคน แบ่งเป็นในประเทศ 4.7 ล้านคน ระหว่างประเทศ 6.5 ล้านคน 4.จำนวนผู้โดยสารต่างชาติที่เดินทางเข้าและออกมีจำนวน 5.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.7% เป็นชาวจีนมากที่สุด 34% รองลงมาตามลำดับเป็น เกาหลีใต้ อินเดีย ญี่ปุ่น เวียดนาม
ส่วนปริมาณขนส่งสินค้าทางอากาศขาเข้าและขาออกเดือนก.ค. ปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 13.4% หรือ 121,078 ล้านตัน สอดคล้องกับมูลค่าส่งออกของไทยสูงขึ้น 14.3%
ข่าวที่ 5 “ไมซ์นำร่อง 3 โครงการพระราชดำริหนุน 3 พอ”
จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB ตอกย้ำถึงพันธกิจในการผลักดันและพัฒนาอุตสาหกรรมการจัดประชุม (Meeting : M) การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Incentive : I) การประชุมนานาชาติ (Convention : C ) และการจัดแสดงสินค้านานาชาติ (Exhibition : E) รวมเรียกว่า “ไมซ์-MICE” ตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พร้อมจะก้าวเดินไปข้างหน้าภายใต้นโยบาย ประเทศไทย 4.0
โดย TCEB ได้นำศาสตร์พระราชา “หลักการทรงงาน” ภายใต้แนวคิด “ก้าวตามรอยพ่อ ประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ” มาเป็นโมเดลส่งเสริมองค์กรธุรกิจ หน่วยงานภาครัฐ จัดประชุมสัมมนาในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในช่วงระหว่างนี้จนถึงธันวาคม 2560 TCEBได้นำร่องขยายองค์ความรู้สู่พนักงานและผู้เข้าร่วมแต่ละกลุ่มเข้าร่วมทำกิจกรรมอย่างสมบูรณ์แบบกับ 3 พอ โดยคัดเลือกมา 3 โครงการต้นแบบ ได้แก่
โครงการศึกษาพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน จ.จันทบุรี มุ่งสร้างการเรียนรู้เรื่อง “พอเพียง”
โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เชียงราย มุ่งสร้างการเรียนรู้เรื่อง “เพิ่มพูน”
โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เพชรบุรี มุ่งสร้างการเรียนรู้ในเรื่อง “พัฒนา”
จากนั้นตลอดปี 2561 TCEB มุ่งมั่นจะขยายผลให้เข้าไปเลือกใช้สถานที่จัดประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั่วไทย 19 โครงการ ซึ่งพร้อมแล้วสำหรับการจัดประชุมของคนไทย และจะช่วยส่งเสริมให้องค์กรและธุรกิจไมซ์ในท้องถิ่นได้เติบโตไปพร้อม ๆ กัน อย่างยั่งยืน
ช่วงที่ 2 ตามรอยพ่อไปดู “โรงงานสกัดน้ำมันพืชผลิตไบโอดีเซลแบบครบวงจร” ที่จังหวัดเพชรบุรี จากนั้นลองใช้ 6 โมเดล 8 เครื่องมือดูแลสุขภาพอย่างพอเพียง ฟังข่าวฮ็อต กระทรวงอุตสาหกรรมจีบไทยสไมล์นำโอท็อปวางตลาดลอยฟ้า และจับตาการผ่าทางตันสนามบินเชียงใหม่จะเลือกปรับปรุงหรือ ยกให้เอกชนสร้างใหม่ ห้ามพลาดความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น 130 ปี จัดคอนเสิร์ตบทเพลงพระราชนิพนธ์น้อมรำลึกในหลวงรัชกาลที่ 9 ขณะที่ รมว.กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูรปลื้มสถิตินักท่องเที่ยว 10 เดือน ต่างชาติทะลักเข้าไทยกว่า 26 ล้านคน
@ตามรอยพ่อไปดูโรงงานผลิตไบโอดีเซลครบวงจร
ในจังหวัดเพชรบุรี มีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9 หลายโครงการด้วยกัน “โรงงานสกัดน้ำมันพืชและผลิตไบโอดีเซลแบบครบวงจร” ในพื้นที่โครงการปลูกป่าชัยพัฒนา-แม่ฟ้าหลวง ตำบลไร่ใหม่พัฒนา อำเภอชะอำ เป็นหนึ่งในโครงการสนองพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในเรื่องการศึกษานำปาล์มน้ำมันไปใช้แปรรูปเป็นน้ำมันไบโอดีเซล
ห้วงเวลาต่อมาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำริให้มูลนิธิชัยพัฒนาประสานความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดทำโครงการเกี่ยวกับปาล์มน้ำมันและพืชพลังงานทดแทน ซึ่งได้ขยายผลมาสู่โครงการโรงงานสกัดน้ำมันพืชและผลิตไบโอดีเซลแบบครบวงจร และอีกหลายโครงการเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทนของประเทศไทยในอนาคต
ด้วยคุณสมบัติการสกัดน้ำมันจากพืชทำไบโอดีเซล มีประโยชน์ในการใช้เป็นพลังงานทดแทนแถมราคาถูก ประสิทธิภาพสูง ปัจจุบันเมืองไทยได้นำน้ำมันพืชที่ใช้แล้วและพืชน้ำมันทั้ง ปาล์มน้ำมัน มะพร้าว สบู่ดำ ละหุ่ง ฯลฯ ไปผ่านกระบวนการบีบหรือสกัดด้วยตัวทำละลาย จะได้เมทิลเอสเตอร์หรือ เอทิลเอสเตอร์ หรือไบโอดีเซลนั่นเอง
ภายในโรงงานสกัดน้ำมันพืชและผลิตไบโอดีเซลแบบครบวงจร มี “กิจกรรม” ให้ผู้เยี่ยมชมได้ร่วมลงมือทำหลายอย่างด้วยกัน อาทิ ดูกระบวนการผลิตไบโอดีเซลแบบครบวงจร ชมการสาธิตทำผลิตภัณฑืที่ได้จากการผลิตไบโอดีเซล เช่น สบู่ ปุ๋ยหมัก ฯลฯ หรือจะทำซีเอสอาร์ ร่วมปลูกป่า โดยประสานงานล่วงหน้ากับทางสถานีพัฒนาที่ดินหนองพลั หรือจะร่วมสนุกทำสบู่กลับมาใช้เองที่บ้านก็ได้
สถานที่แห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวก “ห้องประชุม” ขนาดรองรับได้ครั้งละ 10 คน แต่จะไม่มีห้องพัก สามารถหาที่พักรอบอำเภอชะอำมีให้เลือกหลายรูปแบบด้วยกัน
สนใจเข้าชมโรงงานสกัดน้ำมันพืชและผลิตไบโอดีเซลแบบครบวงจร จ.เพชรบุรี โทร.08-1957-6911
@6 โมเดล 8 เครื่องมือสร้างสุขอย่างพอเพียง
นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต อธิบายว่าการนำโปรแกรมสร้างสุขมาใช้ในสถานประกอบการ 6 Module เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างมีสติและพอเพียง คือ 1.ฝึกมองโลกในแง่ดี มองจุดดีของตนเอง มองเห็นสิ่งดีๆ ในสิ่งที่ไม่ดี ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ไข ไม่คงอยู่เสมอไป คลี่คลายได้ตามกาลเวลา 2.ปรับเปลี่ยนความคิด เปิดใจกว้าง มองรอบด้าน ลดอคติและทิฐิ สร้างกำลังใจ ดำเนินชีวิตต่อไปอย่างเป็นสุข 3.สร้างความเข้มแข็งทางใจ ด้วยพลัง อึด – ควบคุมอารมณ์ อดทนตั้งสติ เตรียมรับมือกับปัญหา ฮึด – สร้างกำลังใจ ไม่สิ้นหวังท้อถอย มองทุกปัญหามีทางออก สู้ – ลุกขึ้นเผชิญหน้า หาแนวทาง วางเป้าหมาย ไม่รีรอ เร่งแก้ไข ใช้วิธีที่เหมาะสม
4.สร้างวัฒนธรรมการมีส่วนร่วม เพื่อนำไปสู่องค์กรสร้างสุข ยอมรับความคิดเห็น เน้นการมีส่วนร่วม ร่วมสร้างแนวทางหลัก ชักชวนให้ปฏิบัติ จัดทำเป็นวัฒนธรรมองค์กร 5.มีหลักพักใจในการดำเนินชีวิต ค้นหาพลังใจ อิงหลักคิดในการดำเนินชีวิต เช่น ความกตัญญู ศาสนา การให้อภัย เมื่อวิกฤตก็ให้ใช้เป็นพลังฟื้นฟูใจ และ 6. พึงพอใจในสิ่งที่มี พอดีในความพอเพียง รู้จักพอเพียง พอใจในสิ่งที่มี พอดีในสิ่งที่ได้
ส่วนชุมชนควรนำ 8 เครื่องมือมาช่วยสร้างสุข ได้แก่ 1.ค้นหาจุดดีของตนเอง มองหาสิ่งดีของตนเอง แล้วอย่าเก็บไว้ นำออกมาใช้อย่างสร้างสรรค์ 2.ค้นหาจุดดีของผู้อื่น เปิดใจค้นหา มองว่าคนอื่นก็มีดี ชื่นชมผู้อื่นอย่างจริงใจ 3.เพิ่ม 3 อ. ขจัดสุรา สารเสพติด บุหรี่ รับประทาน อาหาร ให้ครบ 5 หมู่ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ลดหวาน มัน เค็ม ออกกำลังกายครั้งละ 30 นาที อย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์ อารมณ์แจ่มใส จัดการความเครียดได้รู้จักผ่อนคลาย หลีกเลี่ยง ลด ละ เลิกบุหรี่ สุรา และสารเสพติด 4.ครอบครัวอบอุ่น ทำกิจกรรมร่วมกัน ให้เวลา ให้ความรัก เป็นที่พักพิงทางใจ ใส่ใจรับฟัง แบ่งปันทุกข์สุข
5.สมดุลชีวิต ด้วยหลัก 8-8-8 ฉลาดจัดการเวลา นอนหลับให้เต็มที่ ทำงานอย่างดีเต็มความสามารถ อย่าให้ขาดสร้างสุขในครอบครัว 6.เป็นจิตอาสาและทำประโยชน์ให้ผู้อื่น แบ่งปันช่วยเหลือผู้อื่นตามความสามารถ หาโอกาสทำประโยชน์ต่อสังคม 7.มีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ค้นหาพลังใจ อิงหลักคิดในการดำเนินชีวิต เมื่อวิกฤตให้เป็นพลังฟื้นฟูใจ และ 8.พึงพอใจในสิ่งที่มี ด้วยการรู้จักพอเพียง พอใจในสิ่งที่มี พอดีในสิ่งที่ได้
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ชงแก้สนามบินเชียงใหม่2ทางปรับปรุงหรือผุดแห่งที่2”
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้แนวทางการแก้ไขปัญหาสนามบินเชียงใหม่แออัดโดยให้การบ้าน บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กลับไปศึกษาเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสีย 2 แนวทาง คือ ระหว่างขยายศักยภาพสนามบินเชียงใหม่เดิม หรือสร้างสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 ซึ่งจะใช้เวลา 6 เดือน หรือประมาณกลางปี 2561 จึงจะสรุปพร้อมนำเสนอให้กระทรวงคมนาคมและที่ประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ซึ่งมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เป็นประธานพิจาณาตัดสินอีกครั้งในการเลือกแนวทางที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสามารถคลี่คลายปัญหาสนามบินแออัดได้อย่างแท้จริง
รวมทั้งจะต้องเตรียมความพร้อมในอนาคตของท่าอากาศยานเชียงใหม่ในอีก 15 ปีข้างหน้า จะมีผู้โดยสารใช้บริการมากถึงปีละ 20 ล้านคน จากปัจจุบัน 8 ล้านคน
ข่าวที่สอง “ก.อุตสาหกรรมจีบไทยสไมล์ขายโอท็อปลอยฟ้า”
ตามแผนภายในเดือน พ.ย.2560 นายอุตตมเตรียมเสนอประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปรับโครงสร้างการบริหารงานของสมอ. ยกเครื่ององค์กรก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 ทั้งเรื่องกระบวนการจัดทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) มาตรฐานตัวใหม่ของเอสเอ็มอีและผู้ประกอบการหน้าใหม่ (สตาร์ทอัพ) ที่เรียกว่า มอก.ไลท์ (Lite) เพื่อให้กลุ่มดังกล่าวเข้าถึงมาตรฐานได้
ข่าวที่สาม “คอนเสิร์ตเพลงพระราชนิพนธ์สัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น130ปี”
ในโอกาสครบรอบ 130 ปี ความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น ปี 2560
เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร และเพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทย และประเทศญี่ปุ่น ที่มีความสัมพันธ์ยาวนาน ทั้งทางด้ านการทูต ศิลปะ และดนตรี
ดังนั้นทางคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม Japan Foundation Asia Center และบริษัท การบินไทย จากัด (มหาชน) จัดการแสดงดนตรี 130th Anniversary of Japan-Thailand Relations Concert บรรเลงโดยวง FEROCIPHILHARMONIC WINDS โดยได้รับเกียรติจากวาทยากรและนักประพันธ์เพลงรับเชิญระดับโลก Maestro Yasuhide Ito จัดการ
แสดงดนตรีจานวน 2 รอบ
วันอังคารที่ 31 ตุลาคม 2560 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และในวันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน 2560 ณ Tama Shiminkan Concert Hall ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยไม่เสียค่าใช่จ่ายในการเข้าชม
สำหรับบทเพลงที่จะนำออกแสดง ได้อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ซึ่งล้วนมีความไพเราะ และแสดงถึงพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่านทางด้านการประพันธ์ดนตรี บทเพลงที่ประพันธ์ขึน้ ใหม่โดยอาจารย์ดาริห์ บรรณวิทยกิจ “ปลานิลของพระราชา” บรรยายถึงปลานิล ที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่นองค์ปัจจุบันเมื่อครั้งยังเป็นมกุฎราชกุมารและบทเพลงที่นาเสนอเครื่องดนตรีพื้นเมืองไทย ญี่ปุ่น ที่บรรเลงร่วมกับดนตรีสากล
โดยมีศิลปินรับเชิญ Yamanaka Nobuto (Shamisen) อาจารย์ อานันท์ นาคคง (ซออู้) และอาจารย์สมนึก แสงอรุณ (ขลุ่ยและปี่ ไทย) และ เนื่อง ในโอกาสทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร วง FEROCI PHILHARMONIC WINDSจึงคัดสรรบทเพลง “The Year of Dragon” ของ Philip Sparke เพื่อเทิดพระเกียรติในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร ที่ทรงอุทิศพระองค์ เป็นดั่งร่มโพธิ์ทองของแผ่นดิน ยังความผาสุกให้กับประชาชนบนผืนแผ่นดินไทยทุกหมู่เหล่า
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/ferociphilharmonic
ข่าวที่สี่ “กอบกาญจน์ปลื้ม10เดือนต่างชาติทะลัก26ล้านคน”
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงว่าสถิติการท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม- 11 ตุลาคม สดใสทั้งจำนวนและรายได้ โดยมีนักท่องเที่ยวสะสม 26.81 ล้านคน เพิ่มกว่า 5.57% สร้างรายได้ 1.37 ล้านล้านบาท เพิ่ม 7.62%
จีนยังคงเป็นแชมป์มาไทยอันดับหนึ่ง ระหว่าง1 มกราคม-11 ตุลาคม ปีนี้ มากถึง 7.63 ล้านคน และในช่วงวันชาติจีน 1 - 8 ตุลาคม 2560 มาทั้งสิ้น 227,648 คน เพิ่ม 69.04% นำเงินเข้ามากระจายรายได้ราว 12,528 ล้านบาท เพิ่ม 75.66% สอดคล้องกับที่ Ctrip .com International ประเมินช่วงวันชาติจีน มีคนเดินทางเที่ยวต่างประเทศ 6.15 ล้านคน เลือกไทยอันดับ 1 รองลงไปได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น