ไทยลุยแผนโกยนักท่องเที่ยวเศรษฐีเวียดนาม
แอร์ไลน์-เรือสำราญ-ค่ายมวยแห่หนุน ททท.
คิงเพาเวอร์รางน้ำโฉมใหม่จัดแคมเปญใหญ่
ททท.ผนึกUNDPเปิด4ชุมชนศาสตร์พระราชา
บางจากให้ใช้บัตรกสิกรเติมน้ำมันรับคืน10%
สุวรรณภูมิ-ดอนเมืองจัดรถฟรี19-26ต.ค.นี้
ขึ้นเหนือสถานีวิจัยดอยปุยเรียนรู้เรื่องของพ่อ
11เทคนิคกินอยู่ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ไทยเวียดเจ็ทจัดโปรตั๋วบินเพื่อสังคม302บาท
นิวเจนแอร์ลั่นบินเมืองรองบูมเที่ยวฟีเวอร์
สวัสดีวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand
ช่วงที่ 1 “นภสร ค้าขาย” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานโฮจิมินห์ เวียดนาม ให้สัมภาษณ์ต่อเนื่องในรายการ ถึงอนาคตของไทยในตลาดเวียดนามกำลังมาแรงเมื่อมีนักลงทุนสายการบิน บริการเรือสำราญ และค่ายมวยไทย ต่างก็หันหัวเรือมายังไทยที่จะนำกลุ่มเศรษฐีกับคนรุ่นใหม่เข้ามาเที่ยวเมืองไทย ทำให้เกิดบูรณาการท่องเที่ยวอาเซียนปรากฎขึ้นอย่างชัดเจน
“นภสร ค้าขาย” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานโฮจิมินห์ เวียดนาม เปิดเผยว่า ร่วมกับเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย และทีม ไทยแลนด์ จัดงาน THAILAND FEST 2017 ขึ้นในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ผลตอบรับดีมากโดยเฉพาะเวทีการแสดงและแข่งขันชกมวยไทยมากที่สุด นอกเหนือจากการแสดงวัฒนธรรม การค้าและอาหารไทย โดยได้จัดช่วงเสาร์-อาทิตย์ เพราะชาวเวียดนามและต่างชาติที่พำนักอยู่ต่างเข้ามาชมงานกว่า 30,000 คน โดยการนำของ มานพชัย วงศ์ภักดี เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย ขณะนี้ชาวเวียดนามชื่นชอบกีฬามวยทั้งชายและหญิงมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน เพราะเป็นทั้งกีฬาและศิลปวัฒนธรรมที่ได้นำแม่ไม้มวยไทยที่ถูกต้องไปให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด
เร็ว ๆ นี้ ททท.โฮจิมินห์ จะร่วมมือกับค่ายมวยกว่า 20 ค่ายในเวียดนาม จัดทำโปรแกรมไปท่องเที่ยว ดูค่ายมวยและเรียนมวยไทยไปพร้อม ๆ กัน โดยช่วงแรกได้หารือกับ ไทเกอร์ มวยไทยในโฮจิมินห์ อยู่ทางตอนใต้ของเวียดนาม เพราะมีชาวเวียดนามสนใจมาเรียนมวยกว่า 100,000 คน จากทั้งเกือบ 100 ล้านคน เป็นการเผยแพร่มวยไทยและตามมาเรียนในไทย จัดโปรแกรมนำเที่ยว 5 วัน 4 คืน เส้นทางหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ ปลายทาง พัทยา เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่ได้รับการพัฒนาก้าวหน้าไปมาก เช่น โชว์การ์ตูนเน็ตเวิร์ค ไร่องุ่นผลิตไวน์
สำหรับแฟนคลับนักมวยซึ่งภายในงานได้นำคู่เอกมาเป็นไฮไลต์โชว์การร่ายรำไหว้ครูมวยอย่างถูกต้องทุกกระบวนท่า ทำให้แฟนคลับแห่แหนกันมาชม
ต่อเนื่องการทำตลาด “หรูหราเวียดนามเข้าเมืองไทย” จากการสำรวจและงานวิจัยมีข้อมูลเบื้องต้นเศรษฐีเวียดนามมีประมาณ 500,000 คน อาศัยอยู่ในโฮจิมินห์ประมาณ 80 % บางส่วนอยู่ทางเหนือและภาคกลางเป็นเศรษฐกิจคนรุ่นใหม่ ทุกสุดสัปดาห์จะบินมาซื้ออาหารตามกูเมร์ในกรุงเทพฯ พร้อมกับใช้บริการเสริมความงามในเมืองไทย
กลยุทธ์จะต้องใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงทำต่อเนื่องมาสักระยะหนึ่งแล้ว ล่าสุด ททท.เชิญคุณโฮ หงก ฮา เป็นศิลปินสาวทั้งนักร้อง นางแบบ ผู้จัดรายการเกี่ยวกับผู้หญิง เป็นบุคคลยอดนิยมลูกครึ่งฝรั่งเศสเวียดนาม มีแฟนคลับติดตามจำนวนมาก มาร่วมโครงการ Women Jouney และเชิญดาราที่มีครอบครัวไปภูเก็ตเพื่อฉายภาพให้เห็นถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเหมาะกับครอบครัว และยังมี นู ฟุก ถุ่น นำทีมเดอะ วอยซ์ คิด ไปเที่ยวภูเก็ต เป็นเรื่องราวการเจาะตลาดคนมีเงินตอกย้ำเมืองไทยมีแหล่งท่องเที่ยว ที่พักหรูหรา 6 ดาว มีสปา เรือยอร์ช ดี ๆ เหมาะกับมหาเศรษฐีของเวียดนาม
ระหว่างนี้มีนักลงทุนเป็นกลุ่มเดินเรือเวียดนามชื่อ บินห์ อัน มาหารือทำการพัฒนาเส้นทางเดินเรือสำราญเชื่อมชายทะเลฝั่งตะวันออก จันทบุรี ตราด กับ เกาะฟูกว๊วก ซึ่งเป็นเกาะตอนใต้สุดของเวียดนามมีภูมิประเทศ อากาศ ทัศนียภาพ ใกล้เคียงภูเก็ตของไทยและกำลังพัฒนาตามแบบภูเก็ต ปลายเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส จะเปิดเที่ยวบินประจำ ฟูกว๊วก-กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) เรียกว่ากระแสกำลังมาแรงมาก
บนเกาะฟูกว๊วกมีชาวเวียดนามมีฐานะดี ทำอาชีพประมง การเกษตร ส่งออกไปต่างประเทศ และผลิตน้ำปลาดีสุดในเวียดนาม ด้วยกรรมวิธีผสมผสานแบบภูมิปัญญาชาวบ้านผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่ เติบโตอย่างมาก พร้อมทั้งมีกลุ่มทุนใหม่เข้าไปลงทุนท่องเที่ยว ปีที่ผ่านมามีสายการบินสแกนดิเนเวียบินเข้าไป
สำหรับเมืองไทยประโยชน์ที่จะได้ในการเชื่อมเส้นทางท่องเที่ยวเข้าไปยังเกาะฟูกว๊วกคือจะได้กลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปที่เดินทางเข้ามาพักผ่อนแล้วมาเที่ยวต่อเนื่องในเมืองไทย เชื่อมโยงทางอากาศเดือนตุลาคม แล้วจะต่อด้วยทางน้ำในเร็ว ๆ นี้
สถานการณ์การแข่งขันของไทยกับนานาชาติในเวียดนาม เริ่มจากอาเซียนมีสายการบินต้นทุนต่ำจึงทำให้คล่องตัวสะดวกสบาย ชนชั้นกลางมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากการลงทุนของต่างชาติจึงมีสร้างงานสร้างรายได้ เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่น กับเกาหลี ซึ่งใช้งบประมาณโหมทำตลาดเชิงรุกหนักมาก แต่ไทยก็ใช้กลยุทธ์เรียนรู้พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวทำงานใกล้ชิดกับพันธมิตร โดยเฉพาะกลุ่มสายการบินต่าง ๆ ตอนนี้เกาหลี ญี่ปุ่น นิ่งแล้ว แต่ไต้หวันมาแรงสุด ใช้วิธีผ่อนปรนการทำวีซ่าสามารถทำแล้วได้เลยภายใน 1-2 วัน และมีสายการบินต้นทุนต่ำตรงจากเทไปเข้าฮานอย โฮจิมินห์ แต่ไทยเน้นการเป็นพันธมิตรและกระจายไปยังประเทศเพื่อนบ้านด้วย เพราะส่วนหนึ่งไทยได้เปรียบเรื่องระยะทางการบินใกล้ วัฒนธรรม ประเพณีวิถีชีวิตใกล้เคียงกัน ส่งผลให้คนเวียดนามรักเมืองไทย
ททท.เองได้เปลี่ยนวิธีเจาะตลาดเพิ่มโดยไฮไลต์มวยไทย กีฬากอล์ฟ เจาะกลุ่มเศรษฐีใหม่ควบคู่กันไปยัง เชียงใหม่ ภูเก็ต หัวหิน รวมทั้งมีกลุ่มคนรุ่นใหม่หนุ่มสาววัยทำงานเดินทางเที่ยวทุกสัปดาห์ โดยผนวกขายกรุงเทพฯ ชลบุรี หัวหิน เขาใหญ่ ตลาดน้ำอัมพวา สมุทรสงคราม ล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวเวียดนามชื่นชอบ
ปี 2561 ททท.โฮจิมินห์จะเน้นจำนวนนักท่องเที่ยวเวียดนามเข้าไทยเพิ่ม 6 % แล้วหันมาเพิ่มรายได้ให้เกิน 7 % พุ่งเป้าไปยังตลาดคุณภาพมากขึ้น แล้วกระจายสู่ชุมชนทั่วเมืองไทย
ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยที่จะมาทำตลาดในเวียดนามจะประสบความสำเร็จได้ เริ่มจากโรงแรมรุกเข้าสู่ตลาดคนรุ่นใหม่จะต้องรวมกับบริษัทตัวแทนขายทำเส้นทางท่องเที่ยว หากสนใจตลาดเดินทางอิสระ ก็จะต้องทำเป็นแพ็กร่วมกัน ระหว่างโรงแรมรวมกับสายการบิน (ตั๋วเดินทาง) หรือคูปองเข้าชมการแสดงโชว์วัฒนธรรม มวยไทย โดยจะต้องเดินทางไปพบปะคู่ค้าในเวียดนามบ่อย ๆ สามารถขอคำแนะนำได้จากกองตลาดอาเซียน ททท.สำนักงานใหญ่ หรือ ททท.โฮจิมินห์
ตอนนี้เวียดนามเดินทางด้วยตนเองมากขึ้น นิยมจองผ่านออนไลน์ จะต้องหาวิธีอำนวยความสะดวกเชื่อมต่อการจองในเวียดนามได้ง่าย และตลาดไมซ์ก็มาแรงด้วยเช่นกัน ล่าสุดมีกลุ่มไมซ์อินเซ็นทีฟชุดใหญของบริษัทประกันภัยไปภูเก็ตกว่า 600 คน รวมถึงธุรกิจคนไทยไปลงทุนผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคในเวียดนามก็ต้องเจาะคอร์ปอเรตเหล่านี้ด้วย จะได้ตลาดให้รางวัลการเดินทางฟรีแก่พนักงานบริษัท ซึ่งจะได้รายได้เพิ่มที่ดี
ค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวเวียดนามเที่ยวเมืองไทย 5 วัน 4 คืน คนละ 30,000 บาท/ทริป ไม่รวมค่าช้อปปิ้งซึ่งกำลังประเมินตัวเลขที่แท้จริง แหล่งช้อปปิ้งใหญ่ขวัญใจชาวเวียดนามจะอยู่บริเวณประตูน้ำ แพลทินัม บิ๊กซี นั่นเอง
สำหรับเส้นทางบินกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)–เกาะฟู้โกว๊ก (ประเทศเวียดนาม) จะให้บริการสัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน (อังคาร พฤหัสบดี ศุกร์ และอาทิตย์) ด้วยเครื่องบินแบบเอทีอาร์ 72-600 ขนาด 70 ที่นั่ง โดยเที่ยวบินขาไป PG991 ออกจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) เวลา 11.30น. ถึงเกาะฟู้โกว๊ก เวลา 13.10น. เที่ยวบินขากลับ PG992 ออกจากเกาะฟู้โกว๊ก เวลา 13.50น. ถึงกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) เวลา 15.35น.
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์รางน้ำจัดREADY SHOPต้อนรับเปิดบริการ”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดมหกรรม “READY STEADY SHOP” ต้อนรับการกลับมาของ “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” เปิดบริการใหม่ในเดือนตุลาคม 2560 เป็นต้นไป หลังใช้เงินปรับปรุงไปกว่า 2,600 ล้านบาท พบกับแบรนด์สินค้าหลากหลาย ร่วมรับส่วนลด 500 บาท และลุ้นบัตรกำนัลสูงสุด 100,000 บาท เมื่อช้อปตามเงื่อนไข ระหว่างวันนี้ - 31 ตุลาคม นี้ รวมทั้งจะร้านอาหารชื่อดังมากมายเปิดให้บริการที่ชั้น 3 พร้อมรับส่วนลดสูงสุด 10% เมื่อช็อปครบทุก 5,000 บาท หรือลุ้นรับสูงสุด AirAsia BIG Point 60,000 Points ได้
แคมเปญ READY STEADY SHOP มอบส่วนลดแก่ลูกค้าคนไทยและสมาชิกบัตรลงทะเบียนรับส่วนลด 500 บาท เมื่อช็อปครบใบเสร็จละ 5,000 บาทขึ้นไป ที่ คิง เพาเวอร์ 4 สาขา คือ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต รับ 3 ต่อ
ต่อที่ 1 ช็อปครบ 5,000 บาทลุ้นส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท หรือ 60,000 AirAsia BIG Points
ต่อที่ 2 ในโอกาสฉลอง คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ใหม่ ! ลูกค้าคนไทยและสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ช็อปครบ 500,000 บาท รับฟรี Gift Card 30,000 บาท หรือช็อปครบ 1,000,000 บาทรับฟรี Gift Card 100,000 บาท
ต่อที่ 3 ช็อปที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยาและภูเก็ต แต่ละสาขาครบทุก 20,000 บาท รับฟรี 10,000 AirAsia BIG Points
สอบถามได้ที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 “ททท.-UNDP หนุน4ชุมชนศาสตร์พระราชา”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กับ และ Mr.Martin Hart-Hansen รองผู้แทนสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการภายใต้โครงการ “ตามรอยศาสตร์พระราชา เพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน” เปิด 4 ชุมชน 4 ภูมิภาค ผ่านนิทรรศการตลอด 5 วันเต็ม ระหว่าง 4- 8 ตุลาคม 2560 ณ Emporium Gallery ชั้น M ศูนย์การค้า The Emporium
โครงการนี้ ททท. จัดกิจกรรมขึ้นเพื่อพัฒนาชุมชนโดยน้อมนำหลักการทรงงาน ร่วมถึงศาสตร์ต่างๆของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาปรับใช้ในการพัฒนาชุมชนสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน พร้อมทั้งยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และเป็นการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวชุมชนซึ่งถือเป็นทางเลือกใหม่ให้กับนักท่องเที่ยว โดยมี 4 ชุมชนนำร่องของโครงการฯ ซึ่งได้แก่ ชุมชนริมน้ำจันทบูร จังหวัดจันทบุรี, ชุมชนบ้านปงห้วยลาน จังหวัดเชียงใหม่, ชุมชนรอบโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ จังหวัดชุมพร และชุมชนท่องเที่ยว บ้านหนองส่าน จังหวัดสกลนคร แต่ละชุมชนมีจุดเด่นที่เป็นประโยชน์แตกต่างกัน
ชุมชนแรก บ้านหนองส่าน ที่อยู่ 28 ม.11 ต.โคกภู อ.ภูพาน จ.สกลนคร จังหวัดสกลนคร
จากพื้นที่แห้งแล้งและทุรกันดาล จนได้รับการพัฒนาให้เป็นพื้นที่ทำการเกษตร อ่างจัดเก็บน้ำ และโครงการพระราชดำริให้ได้พบอยู่โดยรอบทางเข้าหมู่บ้าน ทำให้ในปัจจุบันชาวบ้านในชุมชนมีชีวิตที่ดีขึ้น และพร้อมถ่ายทอดวิถีชีวิตของชุมชนให้กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาสัมผัส โทร. 098-476-3184 และ 085-235-3132
ชุมชนที่ 2 ริมน้ำจันทบูร ถนนสุขาภิบาล อ.เมือง จังหวัดจันทบุรี
เป็นชุมชนไร้พรมแดน ที่แม้จะมีความหลากหลายของวัฒนธรรมจากหลายเชื้อชาติ แต่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างผาสุขงดงามด้วยวิถีชีวิตริมน้ำของแม่น้ำจันทบูร สายน้ำแห่งชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่ได้อุปโภคบริโภคตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยียมเยือน จะได้สัมผัสกับบ้านเรือนที่คงกลิ่นอายความโบราณที่แสนคลาสสิค และศาสนสถานสำคัญที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ
ชุมชนที่ 3 บ้านปงห้วยลาน ที่อยู่25/2 หมู่ 8 ต.ออนใต้ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
อยู่ใกล้กับบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยลาน โครงการพัฒนาพื้นที่ห้วยลาน แวดล้อมด้วยบรรยากาศร่มรื่น สายน้ำใสสะอาด ชาวบ้านร่วมมือร่วมใจสร้างงานหัตถกรรม ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ชุมชน มีอาหารกำเมืองขึ้นชื่อ สมบูรณ์ด้วยผัก ผลไม้ ใครได้มาเป็นต้องหลงใหล สมกับคำล่ำลือว่า หนีเวียง มาหลงดง ที่บ้านปงห้วยลาน โทร. 085-615-7686 และ 082-187-2456
ชุมชนที่ 4 รอบโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ ตามพระราชดำริ ที่อยู่ 53/5 หมู่ 1 ต. บางสน อ. ปะทิว จ. ชุมพร
จากพื้นที่อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน และทรัพยากรสิ่งมีชีวิตทางทะเล ขยับขยายต่อยอดเป็นการท่องเที่ยววิถีชุมชน พร้อมนำเสนอความสวยงามของพื้นที่ วิถีชีวิตชุมชน และการเป็นชาวประมงพื้นบ้าน ที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้าไปเรียนรู้ ทั้งประวัติความเป็นมา และการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในพื้นที่ ที่ชาวประชาจะไม่มีวันลืมเลือนโทร. 080-779-1650
ข่าวที่ 3 “บางจากให้สิทธิบัตรกสิกรไทยเติมน้ำมันรับคืน10%”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดเต็มตลอดเดือนตุลาคม-- 31 ธ.ค. 60 พิเศษสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย เติมบางจากรับเงินคืน 10% หรือเมื่อใช้คะแนน Kbank Reward Point แลกคะแนนเท่ายอดชำระ
เพียงส่ง SMS พิมพ์ CBG (วรรค) หมายเลขบัตรเครดิต 12 หลักสุดท้าย (วรรค) จำนวนคะแนนที่ต้องการแลก ส่งมาที่ 4545888 (ครั้งละ 3 บาท)
ดูเงื่อนไขที่ https://secure.kasikornbankgroup.com/…/s…/images/Gas_EDM.jpg
ข่าวที่ 4 “ทอท.บริการรถ-ที่จอดฟรีสุวรรณภูมิ/ดอนเมือง19-27ต.ค.”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ระหว่างวันที่ 25 – 29 ตุลาคม 2560 ซึ่งวันที่ 26 ตุลาคม 2560 เป็นวันถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง นั้น
ทอท.ขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้ ร่วมถวายความจงรักภักดีด้วยการอำนวยความสะดวกประชาชนที่จะเดินทางไปเข้าร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ โดยได้จัดรถรับส่งประชาชนที่จะเข้าร่วมพระราชพิธีฯ
โดยได้จัดบริการรถรับส่งฟรี เส้นทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ– สนามหลวง (สถานีตำรวจนางเลิ้ง) และท่าอากาศยานดอนเมือง- สนามหลวง (หน้าสนามม้านางเลิ้ง) พร้อมน้ำดื่มบรรจุขวดแจกฟรี ตั้งแต่ 06.00 – 18.00 น.ยกเว้นวันที่ 26 ตุลาคม 2560 จะให้บริการ 06.00 – 06.00 น.ของวันที่ 27 ตุลาคม 2560 ประชาชนสามารถขึ้นรถจากสุวรรณภูมิได้บริเวณชั้น 1 ประตู 8 อาคารผู้โดยสาร รถจะจอดส่งบริเวณสถานีตำรวจนางเลิ้ง
พร้อมทั้งให้นำรถไปจอดฟรีที่สุวรรณภูมิบริเวณลานจอดรถระยะยาว (Long Term Parking) และดอนเมืองภายในอาคารจอดรถ 5 ชั้นเฉพาะชั้น 2 – 3 รวมถึงบริเวณลานจอดรถยนต์หน้าอาคารจอดรถ 5 ชั้น และบริเวณหน้าอาคารคลังสินค้า 1, 3 และ 4 บริเวณฝ่ายสนามบินและอาคารด้านหน้าช่องทางออกกองทัพอากาศ (ฝั่งเจ้เล้ง)
ช่วงที่ 2 ขึ้นดอยปุยไปดูสถานีวิจัยบนยอดสูง 3 แปลงแห่งความมหัศจรรย์ พร้อมชมพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์สถานที่แปรพระราชฐาน จากนั้นมารู้วิธีดูแลสุขภาพ และข่าว
@ สถานีวิจัยดอยปุย เชียงใหม่
มุ่งหน้าขึ้นอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย สถานที่ตั้งของ “สถานีวิจัยดอยปุย” ตรงข้ามพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ มีทั้งรวมอยู่ด้วยกัน 3 แปลง คือ แปลงแรก สวนบวกห้า ตั้งขึ้นเมื่อปี 2509 เป็นที่ตั้งของสำนักงาน “อาคารเทียม สฤส” รายล้อมด้วยโรงเรือนต่างๆ อาคารห้องปฏิบัติการ ห้องเก็บพัสดุ และแปลงทดลองพืชล้มลุกและแปลงไม้ยืนต้น ในแปลงที่สอง คือ “สวนสองแสน” สวนประวัติศาสตร์การเกษตรที่สูง
เมื่อเกือบ 60 ปีก่อน พ.ศง 2512 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ 240,000 บาท เพื่อใช้ดำเนินงานวิจัยและพัฒนาบนที่สูง แปลงทดลองส่วนใหญ่ใช้ศึกษาทดลองการผลิตพลับและลิ้นจี่
แปลงที่สาม “สวนบุญรอด” เมื่อปี 2530 มอบให้บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ดูแลพื้นที่ 25 ไร่ ในการปลูกไม้ผลยืนต้นต่าง ๆ และปลูก “พลับ” เพื่องานวิจัยและงานหารายได้ให้กับสถานีวิจัยดอยปุยในระยะยาว
เมื่อมาถึงสถานีวิจัยดอยปุย มีหลากหลายเรื่องราวให้ได้ร่วมกิจกรรม เริ่มจาก มีนักวิชาการมาบรรยายให้ความรู้ทางด้านเทคนโนลีพืชบนที่สุดงสำหรับเกตรที่สูงและทั่วไป เดินไปชมแปลงวิจัยเฟิร์นมีทั้งขนาดจิ๋วและขนาดยักษ์ และแปลงไม้ยืนต้นในสวนบวกห้า
รอบ ๆ บริเวณก็มีโรงเรือนวิจัยเห็ดพันธุ์ต่าง ๆ อย่าง เห็ดรางรมทอง เห็นนามิโกะ เห็ซูงิตาเกะ เห็ดนางรมดอย เห็ดนางนวล เห็นหัวลิง เห็ดถั่งเช่า
แปลงไม้ผลเลื้อยเขตหนาว ก็มีอยู่ในสวนสองแสน และแปลงกีวีฟรุ้ต
ส่วนห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ แปลงรวมพันธุ์พลับจะมีมากสุด และพื้นที่ทดลองปลูกพืชล้มลุกทั้งในสภาพกลางแจ้งและภายในโรงเรือน
อีกทั้งยังสามารถท่องเที่ยว ป่าธรรมชาติเดินขึ้นยอดดอยปุย ไปยังจุดชมวิวที่มีผืนป่าอันเขียวชอุ่มตลอดทั้งปี ซึ่งจะมีนกหายากพันธุ์ต่าง ๆ มากกว่า 300 ชนิดอยู่บนดอยสุเทพและดอยปุย มีน้ำตกสวย ๆ อย่างแม่สา มณฑาธาร ตาดหมอก ศรีสังวาล หมอฟ้า ห้วยแก้ว น้ำใสไหลเย็น
จุดสำคัญคือการเดินชมพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ที่ประทับและแปรพระราชฐานในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์
ตลอดสองข้างทางยังมีวิถีชีวิตชาวม้งบนดอยปุย และร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกภายในหมู่บ้าน ชมพิพิธภัณฑ์ม้ง สวนดอกไม้และถ่ายรูปกับชาวเขา
บนสถานีดอยปุยได้จัดเตรียม “ห้องประชุมสัมมนา” พร้อมอุปกรณ์ รองรับได้ขนาด 30 คน เหมาจ่ายวันละ 1200 บาท มีลานกีฬาวนบวกห้า สำหรับทำสันทนาการ และมี “สถานที่พัก” รองรับอยู่เป็นจำนวนมากทั้งแบบ บ้านเป็นหลัง เหมาจ่าย อาทิ บ้านระเบียงเมฆ บ้านแสนหมอก คืนละ 3,000 บาท/หลัง บ้านบวกห้า คืนละ 2,500 บาท บ้านรับรอง สวนสองแสน คืนละ 600 บาท หรือจะกางเต็นท์ก็จ่ายคนละ 50 บาท/คืน
ติดต่อได้ที่ 0-5321-1142 หรือ rdgnyp@ku.ac.th
@ 11 เทคนิคกินตามหลักพอเพียง
สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้เรียบเรียงไว้ในหนังสือถึงการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มาเป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินชีวิตได้อย่างลงตัว ทำให้เรารู้จักกินอย่างฉลาดได้
อ.สง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษากรมอนามัย และผู้ทรงคุณวุฒิด้านโภชนาการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวไว้ว่า “การนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ให้เกิดความยั่งยืนทางอาหาร โดยวิธีการเลือกอาหารแบบฉลาดกินนั้นสามารถเลือกได้ทั้งการทำอาหารกินเองอย่างปลอดภัยด้วยตัวเอง ด้วย 11 เทคนิคต่อไปนี้
1.กินพออิ่ม ควรกินแค่พออิ่มในแต่ละมื้อ โดยตักอาหารที่พอดีจนเกิดเป็นนิสัย ไม่เยอะจนเกินไป
2. ไม่กินทิ้งกินขว้าง ต้องคำนวณให้ดีในการซื้อแต่ละครั้ง เพราะหากซื้อมากเกินไป กินไม่หมด ก็ทำให้เราเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์
3. อาหารที่มีคุณค่าราคาถูก อาหารประเภทเนื้อสัตว์ อาจใช้เต้าหู้ หรือถั่วเมล็ดแห้งผสม ซึ่งมีโปรตีนและใยอาหารสูง หรือเลือกกินปลาน้ำจืดสลับกับปลาทะเล และกินผักผลไม้อย่างน้อยวันละ 400 กรัม โดยเลือกเป็นผักผลไม้พื้นบ้าน ที่หาได้ง่ายและราคาถูก รวมไปถึงการกินไข่ ที่ให้โปรตีนคุณภาพดี ราคาไม่แพงแถมได้สุขภาพดีอีกด้วย
4. กินผลไม้แทนขนมหวาน ควรเลือกผลไม้ที่มีตามฤดูกาล เนื่องจากหาซื้อง่าย ราคาถูก ที่สำคัญคือร่างกายได้รับใยอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แทนความหวานและไขมันจากน้ำตาล และกะทิในขนมหวาน
5. ลดการกินจุบจิบ ของกินส่วนใหญ่ที่นอกเหนือจากผักผลไม้ที่เรากินแล้ว บางชนิดก็ยังให้พลังเกินกว่าที่ร่างต้องการ จนทำให้เกิดสภาวะอ้วนลงพุงได้ และไม่ควรกินวันละหลายๆ มื้อ เพราะหากติดเป็นนิสัยแล้วผลที่ตามมาคือ สภาวะโรคอ้วน
6. ดื่มน้ำเปล่าดีที่สุด เพราะดื่มเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน สิ่งสำคัญคือต้องเลือกน้ำสะอาด เพราะน้ำจะช่วยให้ร่างกายขับของเสียออกมา ทางเหงื่อ หรือปัสสวะ และยังช่วยในลดอาการอ่อนเพลียของร่ายกายได้
7.กินอาหารไทย เพราะอาหารไทยเลือกใช้วัตถุดิบภายในประเทศ คุณค่าทางอาหารถือว่าครบถ้วนใน 1 เมนู และถือว่าเป็นการช่วยเศรษฐกิจชาติอีกด้วย
8.ลดการสั่งอาหารราคาพิเศษ เช่น เพิ่มข้าว เพิ่มกับข้าว แต่กินไม่หมด จึงสิ้นเปลืองทั้งเงินและเสียดายอาหารที่เหลือด้วย
9.งดกินอาหารมื้อดึก เมื่อกินอาหารแล้วเข้านอนทันที ทำให้ร่างกายไม่ได้เผาผลาญพลังงาน สะสมเป็นไขมัน จึงทำให้เกิดภาวะอ้วนได้
10. เคี้ยวอาหารช้าๆ อย่ารีบร้อน เพราะการเคี้ยวอาหารแบบช้าๆ จะทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็ว ลดปัญหาของระบบย่อยอาหาร และการกินอาหารแบบเร่งรีบจะทำให้เราจุกและกินอาหารมากขึ้นกว่าเดิม
11.การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แทนนมผง ซึ่งการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นอกจากจะมีสารอาหารครบถ้วน ปกป้องลูกน้อยจากโรคภัยต่างๆ แล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้อนมผงได้อีกด้วย
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ไทยเวียดเจ็ททำโปรตั๋วเชียงราย-กรุงเทพฯ320บาท”
สายการบิน “ไทยเวียตเจ็ท” ประกาศเพิ่มเที่ยวบินพิเศษเส้นทางกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)– เชียงราย ให้ชาวเชียงรายที่ต้องการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยตั๋วโดยสารราคาประหยัด กรุงเทพฯ – เชียงราย เริ่มต้น 320 บาท ไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียม (ราคารวมภาษี ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตแล้ว เริ่มต้น 609 บาทต่อเที่ยว) เปิดให้จองตั้งแต่วันนี้ – 28 ตุลาคม 2560 เพื่อใช้เดินทาง 20 ตุลาคม 2560 – 31 มกราคม 2561 จองผ่านทางเว็บไซต์ www.vietjetair.com
มีบินวันละ 1 เที่ยว เที่ยวบิน VZ120 ออกจากสุวรรณภูมิ 07.35 น. ถึงเชียงราย 08.55 น. และเที่ยวบินขากลับ VZ121 ออกจากเชียงราย 09.25 น. ถึงสุวรรณภูมิ 10.45 น.
และตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป จะเพิ่มเที่ยวบิน กรุงเทพฯ – เชียงราย เป็นวันละ 2 เที่ยว
ข่าวที่ 2 “นิวเจนแอร์ฝันโกยรายได้บิน8พันล้าน”
นายเจริญพงษ์ ศรประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนิวเจน กล่าวว่าหลังจากได้รับมาตรฐานการรับรองเดินอากาศ AOC Re-certification จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) จะมุ่งให้บริการแบบพรีเมี่ยม เสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มแล้วเลือกเปิดบินในเส้นทางใหม่ตามเมืองรอง รวมทั้งได้ตั้งเป้าหมายปี 2560 จะมีผู้โดยสารใช้บริการรวม 1.5 ล้านคนเพิ่มขึ้น 74 % ส่วนรายได้ทั้งปีตั้งไว้ 8,000 ล้านบาท เพิ่ม 78% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,500 ล้านบาท
ส่วนสถานการณ์ครึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวม 3,320 ล้านบาท เติบโต 58 % ล่าสุดได้รับมอบฝูงบินใหม่อีก 2 ลำ เป็นโบอิ้ง B737-800 ขนาดลำละ 189 ที่นั่ง
พบกันเป็นประจำทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.
แอร์ไลน์-เรือสำราญ-ค่ายมวยแห่หนุน ททท.
คิงเพาเวอร์รางน้ำโฉมใหม่จัดแคมเปญใหญ่
ททท.ผนึกUNDPเปิด4ชุมชนศาสตร์พระราชา
บางจากให้ใช้บัตรกสิกรเติมน้ำมันรับคืน10%
สุวรรณภูมิ-ดอนเมืองจัดรถฟรี19-26ต.ค.นี้
ขึ้นเหนือสถานีวิจัยดอยปุยเรียนรู้เรื่องของพ่อ
11เทคนิคกินอยู่ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ไทยเวียดเจ็ทจัดโปรตั๋วบินเพื่อสังคม302บาท
นิวเจนแอร์ลั่นบินเมืองรองบูมเที่ยวฟีเวอร์
สวัสดีวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand
ช่วงที่ 1 “นภสร ค้าขาย” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานโฮจิมินห์ เวียดนาม ให้สัมภาษณ์ต่อเนื่องในรายการ ถึงอนาคตของไทยในตลาดเวียดนามกำลังมาแรงเมื่อมีนักลงทุนสายการบิน บริการเรือสำราญ และค่ายมวยไทย ต่างก็หันหัวเรือมายังไทยที่จะนำกลุ่มเศรษฐีกับคนรุ่นใหม่เข้ามาเที่ยวเมืองไทย ทำให้เกิดบูรณาการท่องเที่ยวอาเซียนปรากฎขึ้นอย่างชัดเจน
นภาร ค้าขาย
ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานโฮจิมินห์
“นภสร ค้าขาย” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานโฮจิมินห์ เวียดนาม เปิดเผยว่า ร่วมกับเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย และทีม ไทยแลนด์ จัดงาน THAILAND FEST 2017 ขึ้นในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ผลตอบรับดีมากโดยเฉพาะเวทีการแสดงและแข่งขันชกมวยไทยมากที่สุด นอกเหนือจากการแสดงวัฒนธรรม การค้าและอาหารไทย โดยได้จัดช่วงเสาร์-อาทิตย์ เพราะชาวเวียดนามและต่างชาติที่พำนักอยู่ต่างเข้ามาชมงานกว่า 30,000 คน โดยการนำของ มานพชัย วงศ์ภักดี เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย ขณะนี้ชาวเวียดนามชื่นชอบกีฬามวยทั้งชายและหญิงมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน เพราะเป็นทั้งกีฬาและศิลปวัฒนธรรมที่ได้นำแม่ไม้มวยไทยที่ถูกต้องไปให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด
เร็ว ๆ นี้ ททท.โฮจิมินห์ จะร่วมมือกับค่ายมวยกว่า 20 ค่ายในเวียดนาม จัดทำโปรแกรมไปท่องเที่ยว ดูค่ายมวยและเรียนมวยไทยไปพร้อม ๆ กัน โดยช่วงแรกได้หารือกับ ไทเกอร์ มวยไทยในโฮจิมินห์ อยู่ทางตอนใต้ของเวียดนาม เพราะมีชาวเวียดนามสนใจมาเรียนมวยกว่า 100,000 คน จากทั้งเกือบ 100 ล้านคน เป็นการเผยแพร่มวยไทยและตามมาเรียนในไทย จัดโปรแกรมนำเที่ยว 5 วัน 4 คืน เส้นทางหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ ปลายทาง พัทยา เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่ได้รับการพัฒนาก้าวหน้าไปมาก เช่น โชว์การ์ตูนเน็ตเวิร์ค ไร่องุ่นผลิตไวน์
สำหรับแฟนคลับนักมวยซึ่งภายในงานได้นำคู่เอกมาเป็นไฮไลต์โชว์การร่ายรำไหว้ครูมวยอย่างถูกต้องทุกกระบวนท่า ทำให้แฟนคลับแห่แหนกันมาชม
ต่อเนื่องการทำตลาด “หรูหราเวียดนามเข้าเมืองไทย” จากการสำรวจและงานวิจัยมีข้อมูลเบื้องต้นเศรษฐีเวียดนามมีประมาณ 500,000 คน อาศัยอยู่ในโฮจิมินห์ประมาณ 80 % บางส่วนอยู่ทางเหนือและภาคกลางเป็นเศรษฐกิจคนรุ่นใหม่ ทุกสุดสัปดาห์จะบินมาซื้ออาหารตามกูเมร์ในกรุงเทพฯ พร้อมกับใช้บริการเสริมความงามในเมืองไทย
กลยุทธ์จะต้องใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงทำต่อเนื่องมาสักระยะหนึ่งแล้ว ล่าสุด ททท.เชิญคุณโฮ หงก ฮา เป็นศิลปินสาวทั้งนักร้อง นางแบบ ผู้จัดรายการเกี่ยวกับผู้หญิง เป็นบุคคลยอดนิยมลูกครึ่งฝรั่งเศสเวียดนาม มีแฟนคลับติดตามจำนวนมาก มาร่วมโครงการ Women Jouney และเชิญดาราที่มีครอบครัวไปภูเก็ตเพื่อฉายภาพให้เห็นถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเหมาะกับครอบครัว และยังมี นู ฟุก ถุ่น นำทีมเดอะ วอยซ์ คิด ไปเที่ยวภูเก็ต เป็นเรื่องราวการเจาะตลาดคนมีเงินตอกย้ำเมืองไทยมีแหล่งท่องเที่ยว ที่พักหรูหรา 6 ดาว มีสปา เรือยอร์ช ดี ๆ เหมาะกับมหาเศรษฐีของเวียดนาม
ระหว่างนี้มีนักลงทุนเป็นกลุ่มเดินเรือเวียดนามชื่อ บินห์ อัน มาหารือทำการพัฒนาเส้นทางเดินเรือสำราญเชื่อมชายทะเลฝั่งตะวันออก จันทบุรี ตราด กับ เกาะฟูกว๊วก ซึ่งเป็นเกาะตอนใต้สุดของเวียดนามมีภูมิประเทศ อากาศ ทัศนียภาพ ใกล้เคียงภูเก็ตของไทยและกำลังพัฒนาตามแบบภูเก็ต ปลายเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส จะเปิดเที่ยวบินประจำ ฟูกว๊วก-กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) เรียกว่ากระแสกำลังมาแรงมาก
บนเกาะฟูกว๊วกมีชาวเวียดนามมีฐานะดี ทำอาชีพประมง การเกษตร ส่งออกไปต่างประเทศ และผลิตน้ำปลาดีสุดในเวียดนาม ด้วยกรรมวิธีผสมผสานแบบภูมิปัญญาชาวบ้านผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่ เติบโตอย่างมาก พร้อมทั้งมีกลุ่มทุนใหม่เข้าไปลงทุนท่องเที่ยว ปีที่ผ่านมามีสายการบินสแกนดิเนเวียบินเข้าไป
สำหรับเมืองไทยประโยชน์ที่จะได้ในการเชื่อมเส้นทางท่องเที่ยวเข้าไปยังเกาะฟูกว๊วกคือจะได้กลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปที่เดินทางเข้ามาพักผ่อนแล้วมาเที่ยวต่อเนื่องในเมืองไทย เชื่อมโยงทางอากาศเดือนตุลาคม แล้วจะต่อด้วยทางน้ำในเร็ว ๆ นี้
สถานการณ์การแข่งขันของไทยกับนานาชาติในเวียดนาม เริ่มจากอาเซียนมีสายการบินต้นทุนต่ำจึงทำให้คล่องตัวสะดวกสบาย ชนชั้นกลางมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากการลงทุนของต่างชาติจึงมีสร้างงานสร้างรายได้ เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่น กับเกาหลี ซึ่งใช้งบประมาณโหมทำตลาดเชิงรุกหนักมาก แต่ไทยก็ใช้กลยุทธ์เรียนรู้พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวทำงานใกล้ชิดกับพันธมิตร โดยเฉพาะกลุ่มสายการบินต่าง ๆ ตอนนี้เกาหลี ญี่ปุ่น นิ่งแล้ว แต่ไต้หวันมาแรงสุด ใช้วิธีผ่อนปรนการทำวีซ่าสามารถทำแล้วได้เลยภายใน 1-2 วัน และมีสายการบินต้นทุนต่ำตรงจากเทไปเข้าฮานอย โฮจิมินห์ แต่ไทยเน้นการเป็นพันธมิตรและกระจายไปยังประเทศเพื่อนบ้านด้วย เพราะส่วนหนึ่งไทยได้เปรียบเรื่องระยะทางการบินใกล้ วัฒนธรรม ประเพณีวิถีชีวิตใกล้เคียงกัน ส่งผลให้คนเวียดนามรักเมืองไทย
ททท.เองได้เปลี่ยนวิธีเจาะตลาดเพิ่มโดยไฮไลต์มวยไทย กีฬากอล์ฟ เจาะกลุ่มเศรษฐีใหม่ควบคู่กันไปยัง เชียงใหม่ ภูเก็ต หัวหิน รวมทั้งมีกลุ่มคนรุ่นใหม่หนุ่มสาววัยทำงานเดินทางเที่ยวทุกสัปดาห์ โดยผนวกขายกรุงเทพฯ ชลบุรี หัวหิน เขาใหญ่ ตลาดน้ำอัมพวา สมุทรสงคราม ล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวเวียดนามชื่นชอบ
ปี 2561 ททท.โฮจิมินห์จะเน้นจำนวนนักท่องเที่ยวเวียดนามเข้าไทยเพิ่ม 6 % แล้วหันมาเพิ่มรายได้ให้เกิน 7 % พุ่งเป้าไปยังตลาดคุณภาพมากขึ้น แล้วกระจายสู่ชุมชนทั่วเมืองไทย
ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยที่จะมาทำตลาดในเวียดนามจะประสบความสำเร็จได้ เริ่มจากโรงแรมรุกเข้าสู่ตลาดคนรุ่นใหม่จะต้องรวมกับบริษัทตัวแทนขายทำเส้นทางท่องเที่ยว หากสนใจตลาดเดินทางอิสระ ก็จะต้องทำเป็นแพ็กร่วมกัน ระหว่างโรงแรมรวมกับสายการบิน (ตั๋วเดินทาง) หรือคูปองเข้าชมการแสดงโชว์วัฒนธรรม มวยไทย โดยจะต้องเดินทางไปพบปะคู่ค้าในเวียดนามบ่อย ๆ สามารถขอคำแนะนำได้จากกองตลาดอาเซียน ททท.สำนักงานใหญ่ หรือ ททท.โฮจิมินห์
ตอนนี้เวียดนามเดินทางด้วยตนเองมากขึ้น นิยมจองผ่านออนไลน์ จะต้องหาวิธีอำนวยความสะดวกเชื่อมต่อการจองในเวียดนามได้ง่าย และตลาดไมซ์ก็มาแรงด้วยเช่นกัน ล่าสุดมีกลุ่มไมซ์อินเซ็นทีฟชุดใหญของบริษัทประกันภัยไปภูเก็ตกว่า 600 คน รวมถึงธุรกิจคนไทยไปลงทุนผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคในเวียดนามก็ต้องเจาะคอร์ปอเรตเหล่านี้ด้วย จะได้ตลาดให้รางวัลการเดินทางฟรีแก่พนักงานบริษัท ซึ่งจะได้รายได้เพิ่มที่ดี
ค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวเวียดนามเที่ยวเมืองไทย 5 วัน 4 คืน คนละ 30,000 บาท/ทริป ไม่รวมค่าช้อปปิ้งซึ่งกำลังประเมินตัวเลขที่แท้จริง แหล่งช้อปปิ้งใหญ่ขวัญใจชาวเวียดนามจะอยู่บริเวณประตูน้ำ แพลทินัม บิ๊กซี นั่นเอง
สำหรับเส้นทางบินกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)–เกาะฟู้โกว๊ก (ประเทศเวียดนาม) จะให้บริการสัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน (อังคาร พฤหัสบดี ศุกร์ และอาทิตย์) ด้วยเครื่องบินแบบเอทีอาร์ 72-600 ขนาด 70 ที่นั่ง โดยเที่ยวบินขาไป PG991 ออกจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) เวลา 11.30น. ถึงเกาะฟู้โกว๊ก เวลา 13.10น. เที่ยวบินขากลับ PG992 ออกจากเกาะฟู้โกว๊ก เวลา 13.50น. ถึงกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) เวลา 15.35น.
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์รางน้ำจัดREADY SHOPต้อนรับเปิดบริการ”
 |
| อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท คิงเพาเวอร์ |
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดมหกรรม “READY STEADY SHOP” ต้อนรับการกลับมาของ “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” เปิดบริการใหม่ในเดือนตุลาคม 2560 เป็นต้นไป หลังใช้เงินปรับปรุงไปกว่า 2,600 ล้านบาท พบกับแบรนด์สินค้าหลากหลาย ร่วมรับส่วนลด 500 บาท และลุ้นบัตรกำนัลสูงสุด 100,000 บาท เมื่อช้อปตามเงื่อนไข ระหว่างวันนี้ - 31 ตุลาคม นี้ รวมทั้งจะร้านอาหารชื่อดังมากมายเปิดให้บริการที่ชั้น 3 พร้อมรับส่วนลดสูงสุด 10% เมื่อช็อปครบทุก 5,000 บาท หรือลุ้นรับสูงสุด AirAsia BIG Point 60,000 Points ได้
แคมเปญ READY STEADY SHOP มอบส่วนลดแก่ลูกค้าคนไทยและสมาชิกบัตรลงทะเบียนรับส่วนลด 500 บาท เมื่อช็อปครบใบเสร็จละ 5,000 บาทขึ้นไป ที่ คิง เพาเวอร์ 4 สาขา คือ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต รับ 3 ต่อ
ต่อที่ 1 ช็อปครบ 5,000 บาทลุ้นส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท หรือ 60,000 AirAsia BIG Points
ต่อที่ 2 ในโอกาสฉลอง คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ใหม่ ! ลูกค้าคนไทยและสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ช็อปครบ 500,000 บาท รับฟรี Gift Card 30,000 บาท หรือช็อปครบ 1,000,000 บาทรับฟรี Gift Card 100,000 บาท
ต่อที่ 3 ช็อปที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยาและภูเก็ต แต่ละสาขาครบทุก 20,000 บาท รับฟรี 10,000 AirAsia BIG Points
สอบถามได้ที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 “ททท.-UNDP หนุน4ชุมชนศาสตร์พระราชา”
 |
| ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ |
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กับ และ Mr.Martin Hart-Hansen รองผู้แทนสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการภายใต้โครงการ “ตามรอยศาสตร์พระราชา เพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน” เปิด 4 ชุมชน 4 ภูมิภาค ผ่านนิทรรศการตลอด 5 วันเต็ม ระหว่าง 4- 8 ตุลาคม 2560 ณ Emporium Gallery ชั้น M ศูนย์การค้า The Emporium
โครงการนี้ ททท. จัดกิจกรรมขึ้นเพื่อพัฒนาชุมชนโดยน้อมนำหลักการทรงงาน ร่วมถึงศาสตร์ต่างๆของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาปรับใช้ในการพัฒนาชุมชนสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน พร้อมทั้งยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และเป็นการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวชุมชนซึ่งถือเป็นทางเลือกใหม่ให้กับนักท่องเที่ยว โดยมี 4 ชุมชนนำร่องของโครงการฯ ซึ่งได้แก่ ชุมชนริมน้ำจันทบูร จังหวัดจันทบุรี, ชุมชนบ้านปงห้วยลาน จังหวัดเชียงใหม่, ชุมชนรอบโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ จังหวัดชุมพร และชุมชนท่องเที่ยว บ้านหนองส่าน จังหวัดสกลนคร แต่ละชุมชนมีจุดเด่นที่เป็นประโยชน์แตกต่างกัน
ชุมชนแรก บ้านหนองส่าน ที่อยู่ 28 ม.11 ต.โคกภู อ.ภูพาน จ.สกลนคร จังหวัดสกลนคร
จากพื้นที่แห้งแล้งและทุรกันดาล จนได้รับการพัฒนาให้เป็นพื้นที่ทำการเกษตร อ่างจัดเก็บน้ำ และโครงการพระราชดำริให้ได้พบอยู่โดยรอบทางเข้าหมู่บ้าน ทำให้ในปัจจุบันชาวบ้านในชุมชนมีชีวิตที่ดีขึ้น และพร้อมถ่ายทอดวิถีชีวิตของชุมชนให้กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาสัมผัส โทร. 098-476-3184 และ 085-235-3132
ชุมชนที่ 2 ริมน้ำจันทบูร ถนนสุขาภิบาล อ.เมือง จังหวัดจันทบุรี
เป็นชุมชนไร้พรมแดน ที่แม้จะมีความหลากหลายของวัฒนธรรมจากหลายเชื้อชาติ แต่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างผาสุขงดงามด้วยวิถีชีวิตริมน้ำของแม่น้ำจันทบูร สายน้ำแห่งชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่ได้อุปโภคบริโภคตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยียมเยือน จะได้สัมผัสกับบ้านเรือนที่คงกลิ่นอายความโบราณที่แสนคลาสสิค และศาสนสถานสำคัญที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ
ชุมชนที่ 3 บ้านปงห้วยลาน ที่อยู่25/2 หมู่ 8 ต.ออนใต้ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
อยู่ใกล้กับบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยลาน โครงการพัฒนาพื้นที่ห้วยลาน แวดล้อมด้วยบรรยากาศร่มรื่น สายน้ำใสสะอาด ชาวบ้านร่วมมือร่วมใจสร้างงานหัตถกรรม ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ชุมชน มีอาหารกำเมืองขึ้นชื่อ สมบูรณ์ด้วยผัก ผลไม้ ใครได้มาเป็นต้องหลงใหล สมกับคำล่ำลือว่า หนีเวียง มาหลงดง ที่บ้านปงห้วยลาน โทร. 085-615-7686 และ 082-187-2456
ชุมชนที่ 4 รอบโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ ตามพระราชดำริ ที่อยู่ 53/5 หมู่ 1 ต. บางสน อ. ปะทิว จ. ชุมพร
จากพื้นที่อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน และทรัพยากรสิ่งมีชีวิตทางทะเล ขยับขยายต่อยอดเป็นการท่องเที่ยววิถีชุมชน พร้อมนำเสนอความสวยงามของพื้นที่ วิถีชีวิตชุมชน และการเป็นชาวประมงพื้นบ้าน ที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้าไปเรียนรู้ ทั้งประวัติความเป็นมา และการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในพื้นที่ ที่ชาวประชาจะไม่มีวันลืมเลือนโทร. 080-779-1650
ข่าวที่ 3 “บางจากให้สิทธิบัตรกสิกรไทยเติมน้ำมันรับคืน10%”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดเต็มตลอดเดือนตุลาคม-- 31 ธ.ค. 60 พิเศษสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย เติมบางจากรับเงินคืน 10% หรือเมื่อใช้คะแนน Kbank Reward Point แลกคะแนนเท่ายอดชำระ
เพียงส่ง SMS พิมพ์ CBG (วรรค) หมายเลขบัตรเครดิต 12 หลักสุดท้าย (วรรค) จำนวนคะแนนที่ต้องการแลก ส่งมาที่ 4545888 (ครั้งละ 3 บาท)
ดูเงื่อนไขที่ https://secure.kasikornbankgroup.com/…/s…/images/Gas_EDM.jpg
ข่าวที่ 4 “ทอท.บริการรถ-ที่จอดฟรีสุวรรณภูมิ/ดอนเมือง19-27ต.ค.”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ระหว่างวันที่ 25 – 29 ตุลาคม 2560 ซึ่งวันที่ 26 ตุลาคม 2560 เป็นวันถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง นั้น
ทอท.ขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้ ร่วมถวายความจงรักภักดีด้วยการอำนวยความสะดวกประชาชนที่จะเดินทางไปเข้าร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ โดยได้จัดรถรับส่งประชาชนที่จะเข้าร่วมพระราชพิธีฯ
โดยได้จัดบริการรถรับส่งฟรี เส้นทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ– สนามหลวง (สถานีตำรวจนางเลิ้ง) และท่าอากาศยานดอนเมือง- สนามหลวง (หน้าสนามม้านางเลิ้ง) พร้อมน้ำดื่มบรรจุขวดแจกฟรี ตั้งแต่ 06.00 – 18.00 น.ยกเว้นวันที่ 26 ตุลาคม 2560 จะให้บริการ 06.00 – 06.00 น.ของวันที่ 27 ตุลาคม 2560 ประชาชนสามารถขึ้นรถจากสุวรรณภูมิได้บริเวณชั้น 1 ประตู 8 อาคารผู้โดยสาร รถจะจอดส่งบริเวณสถานีตำรวจนางเลิ้ง
พร้อมทั้งให้นำรถไปจอดฟรีที่สุวรรณภูมิบริเวณลานจอดรถระยะยาว (Long Term Parking) และดอนเมืองภายในอาคารจอดรถ 5 ชั้นเฉพาะชั้น 2 – 3 รวมถึงบริเวณลานจอดรถยนต์หน้าอาคารจอดรถ 5 ชั้น และบริเวณหน้าอาคารคลังสินค้า 1, 3 และ 4 บริเวณฝ่ายสนามบินและอาคารด้านหน้าช่องทางออกกองทัพอากาศ (ฝั่งเจ้เล้ง)
ช่วงที่ 2 ขึ้นดอยปุยไปดูสถานีวิจัยบนยอดสูง 3 แปลงแห่งความมหัศจรรย์ พร้อมชมพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์สถานที่แปรพระราชฐาน จากนั้นมารู้วิธีดูแลสุขภาพ และข่าว
@ สถานีวิจัยดอยปุย เชียงใหม่
มุ่งหน้าขึ้นอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย สถานที่ตั้งของ “สถานีวิจัยดอยปุย” ตรงข้ามพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ มีทั้งรวมอยู่ด้วยกัน 3 แปลง คือ แปลงแรก สวนบวกห้า ตั้งขึ้นเมื่อปี 2509 เป็นที่ตั้งของสำนักงาน “อาคารเทียม สฤส” รายล้อมด้วยโรงเรือนต่างๆ อาคารห้องปฏิบัติการ ห้องเก็บพัสดุ และแปลงทดลองพืชล้มลุกและแปลงไม้ยืนต้น ในแปลงที่สอง คือ “สวนสองแสน” สวนประวัติศาสตร์การเกษตรที่สูง
เมื่อเกือบ 60 ปีก่อน พ.ศง 2512 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ 240,000 บาท เพื่อใช้ดำเนินงานวิจัยและพัฒนาบนที่สูง แปลงทดลองส่วนใหญ่ใช้ศึกษาทดลองการผลิตพลับและลิ้นจี่
แปลงที่สาม “สวนบุญรอด” เมื่อปี 2530 มอบให้บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ดูแลพื้นที่ 25 ไร่ ในการปลูกไม้ผลยืนต้นต่าง ๆ และปลูก “พลับ” เพื่องานวิจัยและงานหารายได้ให้กับสถานีวิจัยดอยปุยในระยะยาว
เมื่อมาถึงสถานีวิจัยดอยปุย มีหลากหลายเรื่องราวให้ได้ร่วมกิจกรรม เริ่มจาก มีนักวิชาการมาบรรยายให้ความรู้ทางด้านเทคนโนลีพืชบนที่สุดงสำหรับเกตรที่สูงและทั่วไป เดินไปชมแปลงวิจัยเฟิร์นมีทั้งขนาดจิ๋วและขนาดยักษ์ และแปลงไม้ยืนต้นในสวนบวกห้า
รอบ ๆ บริเวณก็มีโรงเรือนวิจัยเห็ดพันธุ์ต่าง ๆ อย่าง เห็ดรางรมทอง เห็นนามิโกะ เห็ซูงิตาเกะ เห็ดนางรมดอย เห็ดนางนวล เห็นหัวลิง เห็ดถั่งเช่า
แปลงไม้ผลเลื้อยเขตหนาว ก็มีอยู่ในสวนสองแสน และแปลงกีวีฟรุ้ต
ส่วนห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ แปลงรวมพันธุ์พลับจะมีมากสุด และพื้นที่ทดลองปลูกพืชล้มลุกทั้งในสภาพกลางแจ้งและภายในโรงเรือน
อีกทั้งยังสามารถท่องเที่ยว ป่าธรรมชาติเดินขึ้นยอดดอยปุย ไปยังจุดชมวิวที่มีผืนป่าอันเขียวชอุ่มตลอดทั้งปี ซึ่งจะมีนกหายากพันธุ์ต่าง ๆ มากกว่า 300 ชนิดอยู่บนดอยสุเทพและดอยปุย มีน้ำตกสวย ๆ อย่างแม่สา มณฑาธาร ตาดหมอก ศรีสังวาล หมอฟ้า ห้วยแก้ว น้ำใสไหลเย็น
จุดสำคัญคือการเดินชมพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ที่ประทับและแปรพระราชฐานในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์
ตลอดสองข้างทางยังมีวิถีชีวิตชาวม้งบนดอยปุย และร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกภายในหมู่บ้าน ชมพิพิธภัณฑ์ม้ง สวนดอกไม้และถ่ายรูปกับชาวเขา
บนสถานีดอยปุยได้จัดเตรียม “ห้องประชุมสัมมนา” พร้อมอุปกรณ์ รองรับได้ขนาด 30 คน เหมาจ่ายวันละ 1200 บาท มีลานกีฬาวนบวกห้า สำหรับทำสันทนาการ และมี “สถานที่พัก” รองรับอยู่เป็นจำนวนมากทั้งแบบ บ้านเป็นหลัง เหมาจ่าย อาทิ บ้านระเบียงเมฆ บ้านแสนหมอก คืนละ 3,000 บาท/หลัง บ้านบวกห้า คืนละ 2,500 บาท บ้านรับรอง สวนสองแสน คืนละ 600 บาท หรือจะกางเต็นท์ก็จ่ายคนละ 50 บาท/คืน
ติดต่อได้ที่ 0-5321-1142 หรือ rdgnyp@ku.ac.th
@ 11 เทคนิคกินตามหลักพอเพียง
สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้เรียบเรียงไว้ในหนังสือถึงการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มาเป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินชีวิตได้อย่างลงตัว ทำให้เรารู้จักกินอย่างฉลาดได้
อ.สง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษากรมอนามัย และผู้ทรงคุณวุฒิด้านโภชนาการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวไว้ว่า “การนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ให้เกิดความยั่งยืนทางอาหาร โดยวิธีการเลือกอาหารแบบฉลาดกินนั้นสามารถเลือกได้ทั้งการทำอาหารกินเองอย่างปลอดภัยด้วยตัวเอง ด้วย 11 เทคนิคต่อไปนี้
1.กินพออิ่ม ควรกินแค่พออิ่มในแต่ละมื้อ โดยตักอาหารที่พอดีจนเกิดเป็นนิสัย ไม่เยอะจนเกินไป
2. ไม่กินทิ้งกินขว้าง ต้องคำนวณให้ดีในการซื้อแต่ละครั้ง เพราะหากซื้อมากเกินไป กินไม่หมด ก็ทำให้เราเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์
3. อาหารที่มีคุณค่าราคาถูก อาหารประเภทเนื้อสัตว์ อาจใช้เต้าหู้ หรือถั่วเมล็ดแห้งผสม ซึ่งมีโปรตีนและใยอาหารสูง หรือเลือกกินปลาน้ำจืดสลับกับปลาทะเล และกินผักผลไม้อย่างน้อยวันละ 400 กรัม โดยเลือกเป็นผักผลไม้พื้นบ้าน ที่หาได้ง่ายและราคาถูก รวมไปถึงการกินไข่ ที่ให้โปรตีนคุณภาพดี ราคาไม่แพงแถมได้สุขภาพดีอีกด้วย
4. กินผลไม้แทนขนมหวาน ควรเลือกผลไม้ที่มีตามฤดูกาล เนื่องจากหาซื้อง่าย ราคาถูก ที่สำคัญคือร่างกายได้รับใยอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แทนความหวานและไขมันจากน้ำตาล และกะทิในขนมหวาน
5. ลดการกินจุบจิบ ของกินส่วนใหญ่ที่นอกเหนือจากผักผลไม้ที่เรากินแล้ว บางชนิดก็ยังให้พลังเกินกว่าที่ร่างต้องการ จนทำให้เกิดสภาวะอ้วนลงพุงได้ และไม่ควรกินวันละหลายๆ มื้อ เพราะหากติดเป็นนิสัยแล้วผลที่ตามมาคือ สภาวะโรคอ้วน
6. ดื่มน้ำเปล่าดีที่สุด เพราะดื่มเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน สิ่งสำคัญคือต้องเลือกน้ำสะอาด เพราะน้ำจะช่วยให้ร่างกายขับของเสียออกมา ทางเหงื่อ หรือปัสสวะ และยังช่วยในลดอาการอ่อนเพลียของร่ายกายได้
7.กินอาหารไทย เพราะอาหารไทยเลือกใช้วัตถุดิบภายในประเทศ คุณค่าทางอาหารถือว่าครบถ้วนใน 1 เมนู และถือว่าเป็นการช่วยเศรษฐกิจชาติอีกด้วย
8.ลดการสั่งอาหารราคาพิเศษ เช่น เพิ่มข้าว เพิ่มกับข้าว แต่กินไม่หมด จึงสิ้นเปลืองทั้งเงินและเสียดายอาหารที่เหลือด้วย
9.งดกินอาหารมื้อดึก เมื่อกินอาหารแล้วเข้านอนทันที ทำให้ร่างกายไม่ได้เผาผลาญพลังงาน สะสมเป็นไขมัน จึงทำให้เกิดภาวะอ้วนได้
10. เคี้ยวอาหารช้าๆ อย่ารีบร้อน เพราะการเคี้ยวอาหารแบบช้าๆ จะทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็ว ลดปัญหาของระบบย่อยอาหาร และการกินอาหารแบบเร่งรีบจะทำให้เราจุกและกินอาหารมากขึ้นกว่าเดิม
11.การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แทนนมผง ซึ่งการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นอกจากจะมีสารอาหารครบถ้วน ปกป้องลูกน้อยจากโรคภัยต่างๆ แล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้อนมผงได้อีกด้วย
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ไทยเวียดเจ็ททำโปรตั๋วเชียงราย-กรุงเทพฯ320บาท”
สายการบิน “ไทยเวียตเจ็ท” ประกาศเพิ่มเที่ยวบินพิเศษเส้นทางกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)– เชียงราย ให้ชาวเชียงรายที่ต้องการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยตั๋วโดยสารราคาประหยัด กรุงเทพฯ – เชียงราย เริ่มต้น 320 บาท ไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียม (ราคารวมภาษี ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตแล้ว เริ่มต้น 609 บาทต่อเที่ยว) เปิดให้จองตั้งแต่วันนี้ – 28 ตุลาคม 2560 เพื่อใช้เดินทาง 20 ตุลาคม 2560 – 31 มกราคม 2561 จองผ่านทางเว็บไซต์ www.vietjetair.com
มีบินวันละ 1 เที่ยว เที่ยวบิน VZ120 ออกจากสุวรรณภูมิ 07.35 น. ถึงเชียงราย 08.55 น. และเที่ยวบินขากลับ VZ121 ออกจากเชียงราย 09.25 น. ถึงสุวรรณภูมิ 10.45 น.
และตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป จะเพิ่มเที่ยวบิน กรุงเทพฯ – เชียงราย เป็นวันละ 2 เที่ยว
ข่าวที่ 2 “นิวเจนแอร์ฝันโกยรายได้บิน8พันล้าน”
นายเจริญพงษ์ ศรประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนิวเจน กล่าวว่าหลังจากได้รับมาตรฐานการรับรองเดินอากาศ AOC Re-certification จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) จะมุ่งให้บริการแบบพรีเมี่ยม เสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มแล้วเลือกเปิดบินในเส้นทางใหม่ตามเมืองรอง รวมทั้งได้ตั้งเป้าหมายปี 2560 จะมีผู้โดยสารใช้บริการรวม 1.5 ล้านคนเพิ่มขึ้น 74 % ส่วนรายได้ทั้งปีตั้งไว้ 8,000 ล้านบาท เพิ่ม 78% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,500 ล้านบาท
ส่วนสถานการณ์ครึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวม 3,320 ล้านบาท เติบโต 58 % ล่าสุดได้รับมอบฝูงบินใหม่อีก 2 ลำ เป็นโบอิ้ง B737-800 ขนาดลำละ 189 ที่นั่ง
พบกันเป็นประจำทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น