LOCAL ALIKEชูชุมชนท่องเที่ยวศาสตร์พระราชา
ปี’61เร่งหนุน300ชุมชนบูมโฮมสเตย์-อาหารถิ่น
คิงเพาเวอร์จัดเต็มREADY STEADY/Dine&Fly
ตรังนำชุมชนบ้านลำขนุนบุกกรุงเปิดขาย2-5พย.
บางจากนำร้านSPARจัดโปรคู่รับเทศกาลกินเจ
ทอท.ตั้งศูนย์ประสานงานสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง
ตามพ่อไปโครงการช่างหัวมันตามพระราชดำริ
นักเศรษฐศาสตร์ฝันปี’61เศรษฐกิจไทยพุ่ง4.3%
แจ้งเกิดตลาดประชารัฐุ6.4พันแห่งดีเดย์1ธค.นี้
เคป&แคนทารีนำห้องพักทั่วไทยลดแหลก2-5พย.
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand
ช่วงที่ 1 เกาะติดสถานการณ์ “การท่องเที่ยวชุมชนตามศาสตร์พระราชา” ของเด็กหนุ่มอย่าง “สมศักดิ์ บุญคำ” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Local Alike ผู้นำสตาร์ตอัพทางด้านการท่องเที่ยวชุมชนระดับเวิลด์คลาสของไทย ที่ใช้เวลาบุกเบิกต่อเนื่องมากว่า 7 ปี ในโอกาสช่วงเดือนตุลาคมนี้ เขาพร้อมจะถ่ายทอดเรื่องราวการพัฒนาท่องเที่ยวชุมชนไทยตามรอยศาสตร์พระราชาให้ทุกคนฟังความสุขแห่งวิถีชีวิตของผู้คนที่จับต้องได้ และความรักรากแห่งวัฒนธรรมอันดีงามส่งต่อรุ่นต่อรุ่นของชาวบ้าน
“สมศักดิ์ บุญคำ” เปิดเผยว่าการบุกเบิกการท่องเที่ยวชุมชนตลอด 7 ปี ทำให้เข้าใจ เข้าถึง ผู้คนตามชนบทที่ได้เข้าไปพัฒนาสร้างเครือข่ายมาได้จนถึงขณะนี้กว่า 70 ชุมชน ตั้งเป้าหมายจะเข้าไปช่วยทำให้ได้ถึง 300 ชุมชน ในปี 2561 จะไฮไลต์ความเข้มแข็งของชุมชนเข้าสู่ตลาดการท่องเที่ยวสากล 2 โปรเจ็กต์ คือ โปรเจ็กต์แรก “พัฒนาโฮมสเตย์” โดยยกระดับที่พักด้านความสะอาด ถูกสุขอนามัยให้มีมาตรฐานเทียบชั้นโรงแรมที่มีดาว โปรเจ็กต์ที่สอง “อาหารชุมชน” นำเมนูอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นมาถ่ายทอดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์กินแบบท้องถิ่นซึ่งมีวัฒนธรรมสืบต่อกันมายาวนาน
มาถึงเรื่องการท่องเที่ยวชุมชนด้วยการนำศาสตร์พระราชามาประยุกต์ใช้ เพราะคนไทยรู้อยู่แล้วว่าศาสตร์พระราชามีส่วนสำคัญอย่างมากทำให้คุณภาพชีวิตของคนดีขึ้น ขณะนี้ได้รับโอกาสจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ทำโครงการ “ศาสตร์พระราชาเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” พยายามนำเสนอหลายชุมชนได้น้อมนำเกษตรพอเพียง เกษตรทฤษฎีใหม่ หรือแม้กระทั่งอนุรักษ์ป่าชายเลน หรือธุรกิจเพื่อสังคมอย่างพอเพียง ทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจทั้งในชุมชนและนักท่องเที่ยวมากขึ้น ในการนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง
การสร้างโปรแกรมนำเที่ยวเพื่อให้เกิดการจับต้องได้ ตัวอย่าง หมู่บ้านหนองส่าน จ.สกลนคร หมู่บ้านที่เกษตรกรได้ประยุกต์การทำนาโดยใช้ทฤษฎีผสมผสานทำให้ชุมชนปลูกข้าวและปลูกพืชนิดอื่น ๆ ข้อดีมากกว่ารอฤดูกาลทำแต่เฉพาะนาเพียงอย่างเดียว รวมทั้งมีคนรุ่นใหม่ยุคลูกหลานลงมาต่อยอดการทำนาของพ่อแม่นำเกษตรทฤษฏีใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้สร้างแรงจูงใจที่จะขยายผลพัฒนาต่อยอดมากยิ่งขึ้นไป ได้เรียนรู้มากมายจากศาสตร์พระราชาอีกทั้งยังได้เห็นแนวทางที่รุ่นพ่อแม่ทำมา ซึ่งจะต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ในทางที่ดีต่อไป
การสร้างจุดเปลี่ยนให้นักท่องเที่ยวเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการลงมือทำ ซึ่งทางผู้ประกอบการนำเที่ยวชุมชนนั้นมุ่งเน้นการปฏิบัติ ด้วยการให้นักท่องเที่ยวใช้ชีวิตตกปลา เก็บพืชผล ภายในพื้นที่ของแต่ละหมู่บ้าน ด้วยการทำเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนในหมู่บ้านนั้น ๆ
ประเมินว่าคนรุ่นต่อไปจะนำศาสตร์มาใช้มากขึ้นหรือไม่นั้น แต่ละคนมีสิทธิที่จะเลือกเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาใส่ใจการท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา โดยภาพรวมในฐานะผู้จัดการนำเที่ยวก็ต้องการให้นักท่องเที่ยวนำศาสตร์พระราชาที่ได้เห็นจากประสบการณ์จริงในระหว่างการเดินทางเข้าไปยังชุมชนได้นำไปใช้จริง ๆ ด้วย และจากประสบการณ์ทำการท่องเที่ยวต่อเนื่องมา 7 ปีเห็นความแตกต่างจากจุดเริ่มวันแรกกับปัจจุบัน เห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นทุกปีจากจำนวนเริ่มต้นมีผู้คนสนใจเที่ยวชุมชนพอเพียงนั้นช่วงแรกมีปีละหลัก 100 คน ตอนนี้ขยายเป็นปีละนับ 10,000 คน สะท้อนถึงคนส่วนใหญ่เข้าใจวิถีการท่องเที่ยวและแสวงหาการเดินทางด้วยประสบการณ์ที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
สำหรับแนวโน้มของชุมชนที่จะมีศักยภาพในการพัฒนาท่องเที่ยวด้วยศาสตร์พระราชาหรือตามทฤษฎีใหม่นั้นมีอยู่ทั่วประเทศ เพียงแต่จะต้องได้รับการส่งเสริมจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนด้วยอีกทาง
อีกทั้งการพัฒนาชุมชนท่องเที่ยวอย่างพอเพียงแล้วมีความสุขในเชิงจิตใจ แล้วก็เน้นคุณค่าทางใจมากกว่าที่จะเน้นเรื่องรายได้ เนื่องจากเป็นอาชีพเสริมที่นำมาบูรณาการเข้ากับวิถีชีวิตการเกษตรนั่นเอง
แล้วทาง LOCAL ALIKE เองจะขยายผลจาก 70 มาเป็น 300 ชุมชน เนื่องจากชุมชนส่วนใหญ่เจ้าของพื้นที่เองก็มีความรู้ ความเข้าใจสูงขึ้น โดยทางบริษัทได้นำเสนอประสบการณ์แก่นักท่องเที่ยวและพยายามที่จะทำให้นักท่องเที่ยวกับชุมชนเข้าใจตรงกันมากขึ้นไปด้วย โครงการหลัก ที่กำลังจะต้องเพิ่มความเข้มข้นต่อไปในเร็ว ๆ นี้ คือ 2 โครงการ โครงการแรก “โฮมสเตย์” ของชุมชนต้องมีมาตรฐานสากลภายใต้การคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตพื้นถิ่นที่ดีงาม โครงการที่สอง “อาหารถิ่น”
การทำให้ท่องเที่ยวชุมชนมีความแข็งแรงยั่งยืนต้องช่วยกันนำพาให้แต่ละชุมชนก้าวข้ามอุปสรรคสำคัญคือ ชุมชนต้องมีหุ้นส่วนสนับสนุนอาจจะเป็นภาครัฐ เอกชน ที่มีความเข้าใจในการทำงานร่วมกันเพื่อมองหาตลาดเป้าหมายให้ตรงกับโปรดักซ์ของท้องถิ่น ๆ นั้น ทุกฝ่ายจะต้องเน้นการพึ่งพาซึ่งกันและกันมากกว่าที่จะให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้าไปแสวงหาประโยชน์ เพื่อให้ชุมชนเติบโตอย่างมีรากฐานแข็งแรงเรียนรู้การนำเสนอโปรดักซ์ของตนเองให้ชัดเจนในตลาดปัจจุบันและอนาคต
รวมทั้งภาครัฐ เอกชน ที่จะเข้ามาสนับสนุนชุมชนท่องเที่ยวตามศาสตร์พระราชา ควรจะต้องฟังความต้องการหรือความพร้อมของชุมชนว่าต้องการหัวใจหลักเรื่องใด เพราะหากศักยภาพของ “คนในชุมชนดีเข้มแข็ง” แล้ว เรื่องอื่น ๆ อย่างการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม ขนส่ง สาธาณูปโภค อาจจะเป็นเรื่องรองที่สามารถทำภายหลังได้
เมื่อเปรียบเทียบการท่องเที่ยวชุมชนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ตามประสบการณ์ LOCAL ALIKE ทำงานอยู่ในเวียดนามด้วย โดยได้นำความช่วยเหลือการถ่ายทอดภาคบริการ ซึ่งเป็นจุดแข็งและไทยเองก็เป็นผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนเสน่ห์ชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรมของไทยได้เปรียบเพราะมีความหลากหลายที่ทุกชุมชนควรจะรักษาไว้ให้แข็งแรงมากที่สุด จึงเดินหน้ารณรงค์ให้นักท่องเที่ยวเข้าใจบริบทการท่องเที่ยวชุมชนคำนึงถึงขีดความสามารถการรองรับแต่ละช่วงฤดูว่าไปได้หรือไม่ได้ เพราะอาชีพหลักของชุมชนคือการทำเกษตร การประมง ดังนั้นนักท่องเที่ยวควรศึกษา พร้อมทั้งรู้ถึงสิ่งที่ควรทำไม่ได้ควรทำ เพราะไม่มีใครห้ามการเปลี่ยนแปลงได้แต่จะต้องช่วยกันประคองให้เกิดในทางบวกต่อชุมชน ซึ่งแต่ละชุมชนก็มีแนวทางการรักษาวัฒนธรรมแตกต่างกันไป
LOCAL ALIKE ก็ขอเป็นส่วนหนึ่งในการมีส่วนร่วมสร้างการท่องเที่ยวชุมชนตามศาสตร์พระราชา ที่จะทำให้ท้องถิ่นมีความมั่นคง แข็งแรง และยั่งยืน ขณะเดียวกันก็จะต้องขอให้ทุกภาคส่วนทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงการนำนักท่องเที่ยวเข้าไปสู่ชุมชนจะต้องรู้ข้อจำกัดกับขีดความสามารถในการรองรับของพื้นที่นั้น ๆ เมื่อเข้าไปแล้วต้องทำอย่างสร้างสรรมากกว่าการทำลาย
ในอนาคต “การท่องเที่ยวชุมชนตามศาสตร์พระราชา” จะเป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่จะก่อให้เกิดชุมชนเข้มแข็ง ยั่งยืน กระจายเม็ดเงินลงสู่เศรษฐกิจฐานรากได้อย่างแท้จริง
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 อัดแคมเปญช้อปแจกแหลก“READY STEADY SHOP”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดมหกรรม “READY STEADY SHOP” ต้อนรับการกลับมาของ “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” เปิดบริการใหม่ในเดือนตุลาคม 2560 เป็นต้นไป หลังใช้เงินปรับปรุงไปกว่า 2,600 ล้านบาท พบกับแบรนด์สินค้าหลากหลาย ร่วมรับส่วนลด 500 บาท และลุ้นบัตรกำนัลสูงสุด 100,000 บาท เมื่อช้อปตามเงื่อนไข ระหว่างวันนี้ - 31 ตุลาคม นี้ รวมทั้งจะร้านอาหารชื่อดังมากมายเปิดให้บริการที่ชั้น 3 พร้อมรับส่วนลดสูงสุด 10% เมื่อช็อปครบทุก 5,000 บาท หรือลุ้นรับสูงสุด AirAsia BIG Point 60,000 Points ได้
แคมเปญ READY STEADY SHOP มอบส่วนลดแก่ลูกค้าคนไทยและสมาชิกบัตรลงทะเบียนรับส่วนลด 500 บาท เมื่อช็อปครบใบเสร็จละ 5,000 บาทขึ้นไป ที่ คิง เพาเวอร์ 4 สาขา คือ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต รับ 3 ต่อ
ต่อที่ 1 ช็อปครบ 5,000 บาทลุ้นส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท หรือ 60,000 AirAsia BIG Points
ต่อที่ 2 ในโอกาสฉลอง คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ใหม่ ! ลูกค้าคนไทยและสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ช็อปครบ 500,000 บาท รับฟรี Gift Card 30,000 บาท หรือช็อปครบ 1,000,000 บาทรับฟรี Gift Card 100,000 บาท
ต่อที่ 3 ช็อปที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยาและภูเก็ต แต่ละสาขาครบทุก 20,000 บาท รับฟรี 10,000 AirAsia BIG Points
สอบถามได้ที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 แคมเปญส่วนลด“Dine & Fly”ที่ภูเก็ต
คิง เพาเวอร์ ร่วมกับไทยแอร์เอเชีย ให้นักเดินทางที่ใช้บริการเข้าออก ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต ร่วมแคมเปญ “Dine & Fly” ระหว่างวันนี้- 31 ธันวาคม 2560 เมื่อบินกับไทย แอร์ เอเชีย สามารถรับ Voucher ฟรี 100 บาท นำไปใช้เป็นส่วนลดตามในการรับประทานอาหารตามร้านอาหารต่าง ๆ ในสนามบินภูเก็ต เมื่อมียอดค่าใช้จ่ายครั้งละตั้งแต่ 600 บาทขึ้นไป
ขณะนี้มีร้านแบรนด์ชั้นนำเข้าร่วมหลากหลายกลุ่มด้วยกัน อาทิ SUBWAY , NEW YORK 5 DELI ,CREAM& FUDGE, COFFEE WORLD ฯลฯ
ข่าวที่ 2 “หนุนเรือไฟฟ้านำเที่ยววิถีคลองกทม.-ปทุม-นนท์
นายนรินทร์ ทิจะยัง ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)สำนักงานกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ร่วมกับ บริษัท Torqeedo ผู้นำการพัฒนาเครื่องยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ลงพื้นที่สำรวจเรือพายที่ให้บริการนำเที่ยวชมวิถีชีวิตตลาดน้ำคลองลัดมะยม เพื่อจัดทำโครงการนำร่องโดยให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ติดตั้งเครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้า ลดมลภาวะเสียงและอากาศและเสียง ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน อาทิ สถานทูตเยอรมัน ประจำประเทศไทย บริษัท BMW (ประเทศไทย) นำธนาคารพัฒนาเอเชีย( ADB)มาร่วมโครงการ
โดยมีเป้าหมายให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถติดตั้ง เครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้า จากแหล่ง พลังงานแสงอาทิตย์ได้ในราคาไม่เกิน 10,000 บาท อันจะเป็นการลดต้นทุนจากค่าเชื้อเพลิงและลดมลพิษในแหล่งท่องเที่ยวพื้นที่สีเขียว
ตั้งเป้าจะขยายการติดตั้งไปยังกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ให้บริการเรือนำเที่ยววิถีชีวิตคลองในแถบจังหวัดปทุมธานี และนนทบุรี ต่อไปด้วย
ข่าวที่ 4 ททท.ตรังชูทัวร์ชุมชนบ้านลำขนุนพร้อมขาย2-5พ.ย.
ททท.ตรังนำชุมชนบ้านลำขนุนต้นแบบเที่ยววิถีเกษตรพอเพียงร่วมมหกรรมไทยเที่ยวไทย 2-5 พ.ย.นี้
ททท.สำนักงานตรัง รายงานว่า ได้นำการท่องเที่ยวชุมชน “บ้านลำขนุน จ.ตรัง” ต้นแบบแหล่งเรียนรู้ไร่นาสวนผสมที่นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างสมบูรณ์แบบมาเชิญชวนให้ไปเที่ยวในงาน ไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 45 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ฮอลล์ 3 และ 4 ในวันที่ 2 - 5 พฤศจิกายน 2560
ความโดดเด่นของการท่องเที่ยวชุมชนบ้านลำขนุน ซึ่งเป็นหนึ่งใน Village Tourism 4.0 มีเอกลักษณ์ทางศิลปะวัฒนธรรม การแสดงมโนราห์และหนังตะลุง พร้อมแหล่งเรียนรู้การแกะสลักรูปหนังตะลุง ททท.มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนในฐานะต้นแบบชุมชนวิถีเกษตรโดยชาวบ้านได้นำปรัชญาเศรฐกิจพอเพียงวิถีเกษตรมาใช้ ทั้งการปลูกพืชผักผสมผสาน การเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ท่ามกลางทรัพยากรธรรมชาติ มีกิจกรรมพายเรือคายัคเที่ยว 5 ลำคลอง ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร มีลำพิกุลเป็นคลองสายหลัก ไหลไปบรรจบกับคลองลำขนุน น้ำตกสายรุ้ง คลองลำโท่ คลองลำปินะ สองข้างทางจะมีสวนยางพารา สลับสวนผลไม้ ที่พักโฮมสเตย์ที่ได้มาตรฐานรับรองของกรมการท่องเที่ยว
ดูข้อมูลเพิ่มได้ที่ www.tourismthailand.org/villagetourism
ข่าวที่ 5 บางจากนำร้านSPARจัดโปรคู่รับเทศกาลเจ”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่าระหว่างวันนี้-31 ต.ค. 60 แล้วพบกันที่ SPAR ทุกสาขาใกล้บ้าน ในสไตล์การให้บริการ frest & easy food market นำทัพโปรโมชั่นดี ๆ ต้อนรับเทศกาลกินเจ พร้อมสินค้าเพื่อดูแลสุขภาพมากมาย พร้อมเมนูคอมโบสุดคุ้ม ที่พร้อมจะเติมเต็มความหิว ในราคาโดนใจ
ทางร้านได้คัดสรรอาหารพร้อมรับประทานทั้งในแบบเจ และแบบทั่วไป ให้อิ่มอร่อยคู่สุดคุ้ม โดยจัดทำเป็นแพ็กคู่อาหารพร้อมเครื่องดื่ม อาทิแซนวิส ราคาเริ่มต้นคู่ละ 35-49 บาท ผลิตภัณฑ์เฮลตี้ แฮปปี้ ไลฟ์ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพราคา คู่ละ 19-50 บาท หรือผลิตภัณฑ์ซื้อ 1แถม 1 ซื้อ 2 แถม 1
ดูรายละเอียดโปรโมชั่นตลอดเดือนตุลาคมนี้ได้ที่ www.sparthailand.com
ข่าวที่ 6 “BCPGคว้า2รางวัลผู้นำพลังงานระดับโลก”
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และฝ่ายบริหารบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2560 บีซีพีจีเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในสามบริษัทจากเอเชียที่ได้รับรางวัลเมื่อช่วงตุลาคมนี้คือรางวัล The European Awards จากงาน Global Banking and Finance Awards 2017 รวม 2 รางวัล ได้แก่ รางวัลบริษัทที่มีความโดดเด่นที่สุดในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย (Best Renewable Energy Company – Thailand 2017) และรางวัลบริษัทที่มีหลักธรรมาภิบาลเป็นเลิศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Best Corporate Governance Principles – Renewable Energy Company – South East Asia 2017)
สำหรับรางวัล The European Awards มีการมอบรางวัลมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 จัดโดยนิตยสาร The European ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นนิตยสารชั้นนำในแวดวงธุรกิจการเงินและการธนาคาร และเป็นพันธมิตรทางสื่อกับสำนักข่าวระดับโลก Thomson Reuters ซึ่งรางวัลดังกล่าวได้จากผลการโหวตอย่างเป็นทางการโดยสมาชิกและคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นฟันด์เมเนเจอร์และนักธุรกิจชั้นนำในทวีปยุโรป
ข่าวที่ 7 “ทอท.ตั้งศูนย์ประสานงานสุวรรณภูมิ/ดอนเมือง”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.”กล่าวว่า ในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ระหว่างวันที่ 25 – 29 ตุลาคม 2560 ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ทอท.ได้คาดการณ์ปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งระหว่างวันที่ 23 – 31 ตุลาคม 2560 มีเที่ยวบินแจ้งขอทำการบินประมาณ 20,400 เที่ยว รองรับผู้โดยสารเดินทางมากถึง4.16 ล้านที่นั่ง
โดยจะมีประชาชนส่วนใหญ่เดินทางมาร่วมพระราชพิธีฯ จำนวนมาก คือ “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” แจ้งขอทำการบินประมาณ 8,500 เที่ยว รองรับผู้โดยสาร 1.93 ล้านคน และและดอนเมืองแจ้งขอทำการบิน6,300 เที่ยว รองรับผู้โดยสารเดินทางได้ 1.19 ล้านคน
ดังนั้น ทอท.ได้เปิดศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวกประชาชน ณ ทสภ.และ ทดม.ระหว่างวันที่ 19 – 30 ตุลาคม 2560 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานความร่วมมือระหว่างส่วนงาน ทอท. กับส่วนราชการ สายการบินและผู้ประกอบการ และอำนวยความสะดวกให้กระบวนการเดินทางของผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออกในภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งภายในศูนย์จะมีเจ้าหน้าที่ ทอท.ประจำตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่ ทสภ.ตั้งศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวกประชาชน ณ ห้องรับรองพิเศษ CIP 5 และที่ ทดม.ตั้งศูนย์ประสานงานฯ
ณ ห้องศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทดม. ชั้น 3 บริเวณทางเชื่อมระหว่างอาคาร 1 และ 2 ทั้งนี้ ผู้โดยสารสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ AOT Contact Center หมายเลขโทรศัพท์ 1722 ตลอด 24 ชั่วโมง
ช่วงที่ 2 ชวนกันเดินทางตามศาสตร์พระราชาไปดูสิ่งที่พ่อสร้างไว้ใน “โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ” ที่อำเภอท่ายางจังหวัดเพชรบุรี แล้วมาดูเคล็ดลับกินของเผ็ด 5 เมนูไทยอายุยืนยาว และข่าวสถานการณ์ปีหน้านักเศรษฐศาสตร์ยาหอมว่าประเทศไทยจีดีพีจะทะยานไปถึง 4.3 % ส่วนนโยบายเอาใจรากหญ้าโปรเจ็กต์ใหม่ “เปิดตลาดประชารัฐ 6,447 แห่ง การตื่นตัวของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะถกกับกระทรวงดิจิตอลเศรฐกิจและสังคมขานรับสัญญาณเลือกตั้งใหม่ปลายปีหน้า เรื่อยไปจนถึงข่าวตลอดตุลาคมนี้ โรงแรมทั่วไทยจัดเต็มเมนูอาหารเด็ด ๆ
@เยี่ยมโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ
ผืนแผ่นดินเพื่อการศึกษาเรียนรู้ด้านการเกษตรกรรม จำนวน 250 ไร่ “โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ” นั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จัดซื้อจากราษฎร มีเอกสารสิทธิเป็นที่ทรงงานด้านเกษตรกรรม ต่อมามีผู้เข้าเยี่ยมชมอย่างต่อเนื่อง พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ดร.ดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ดำเนินการนำที่ดินผืนนี้ให้เป็นที่สำหรับศึกษาเรียนรู้ด้านเกษตรกรรมของจังหวัดเพชรบุรี
ภายในโครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 บ้านหนองคอไก่ ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง ผืนแผ่นดินแห่งนี้มีพืชเศรษฐกิจของเพชรบุรีให้เรียนรู้มากมาย ทั้ง มะนาว ชมพู่ พืชผักต่าง ๆ แปลงพืชสมุนไพร แหล่งเรียนรู้เรื่องการพัฒนาดิน ด้านพลังงานทดแทนจากกังหันลม โซลาร์เซลล์ ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อส่งขายกลับคืนแก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ฟาร์มโคนม โรงเลี้ยงไข่ไก่
ทุกวันนี้ทางโครงการฯ เปิดโอกาสให้เกษตกรตลอดจนคนทั่วไปเข้าไปช่วยทำงาน พร้อม ๆ กับการเรียนรู้แนวทางด้านเกษตรกรรม
“กิจกรรม” ซึ่งทางโครงการฯ เปิดประตูต้อนรับผู้เข้าเยี่ยมชม ก็มีการเดินดูแปลงเกษตร ซึ่งดำเนินการตามพระราชประสงค์ ปรับลดการใช้เคมีลงอย่างต่อเนื่อง และบางแปลงอยู่ในการควบคุมการใช้จากนักวิชาการเกษตร รวมทั้งมีแปลงปลูกต้นสบู่ดำ โรงแปรรูปน้ำนมพาสเจอร์ไรซ์และสเตอริไลซ์ ด้วยกำลังการผลิตชั่วโมงละ 2,000 ลิตร
โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวก ห้องบรรยายและชมวีดิทัศน์ วิทยากรจากสำนักพระราชวังนำชมพื้นที่ ร้านจำหน่ายผลผลิตภายในโครงการ ร้านโกลเด้นเพลส ร้านสวัสดิการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ในเขตพื้นที่กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และรถบริการนำชม พร้อมจักรยานไว้ให้แก่ผู้เดินทางมาพร้อมกันเป็นหมู่คณะ
“ช่างหัวมัน” ชื่อของโครงการมีที่มาจากชาวบ้านได้นำมันเทศที่ปลูกมาทูลเกล้าฯ เมื่อเสด็จกลับกรุงเทพฯ มิได้ทรงนำหัวนั้นไปด้วย แต่เมื่อเสด็จกลับมาอีกครั้ง ทรงพบว่ามันหัวที่ทรงวางไว้บนตรามั่นนั้นงอกเป็นต้น มีพระราชดำรัสว่า มันอยู่ที่ไหนก็งอกได้ จึงมีพระราชดำริให้ทดลองปลูกมันเทศ และทดลองเพาะปลูกพืชต่างๆ โดยเน้นพืชท้องถิ่นของเพชรบุรี เช่น มะพร้าว มะนาว ชมพู่เพชร สัปปะรด ข้าวไร่พันธุ์ต่าง ๆ
อันเป็นที่มาของโครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดำริ แหล่งเรียนรู้ด้านเกษตรกรรมตราบจนถึงทุกวันนี้
สนใจเข้าเยี่ยมชมโครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดำริ โทร.0-3247-2701-3 หากต้องการศึกษาดูงานแจ้งล่วงหน้า 2 สัปดาห์
@5อาหารไทย “เผ็ดร้อน”มากประโยชน์
เว็บไซต์ กินเผ็ช(ด)แบบไทย ดีต่อกาย https://goo.gl/znye4e ได้แนะนำอาหารไทย รสเผ็ด5 อย่าง ซึ่งมีต้นทางคือ “พริก” ที่มีสรรพคุณเป็นยาขับลม บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร ทำให้เจริญอาหารบรรเทาอาการไข้หวัด จึงแนะนำให้เลือกรับประทาน 5อาหารไทย “เผ็ดร้อน”มากประโยชน์ ได้แก่
“น้ำพริก” อาหารเผ็ดร้อนที่อยู่คู่โต๊ะรับประทานอาหารของคนไทย
น้ำพริก เคียงคู่กับผักสด ผักลวก ปลานึ่ง เมนูง่ายๆ ที่มากคุณประโยชน์ เพราะวัตถุดิบที่อยู่ในน้ำพริกล้วนเต็มไปด้วยสมุนไพรรสเผ็ดร้อนไม่ว่าจะเป็นพริกขี้หนูกระเทียมไทย กระชาย หอมแดง ตะไคร้
“ต้มยำกุ้ง” เมนูที่โด่งดังไปทั่วโลก
เป็นเมนูที่เสมือนเป็นหม้อยาหม้อใหญ่ที่อุดมไป ด้วยสมุนไพรนานาชนิดไม่ว่าจะเป็นพริกขี้หนู ตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า รากผักชี ซึ่งแต่ละชนิดล้วนมีสรรพคุณดูแลสุขภาพร่างกาย อาทิ ใบมะกรูดช่วยแก้จุกเสียด ขับลม พริกช่วยบำรุงธาตุ เป็นต้น
มีผลจากการศึกษาพบว่า น้ำพริก ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มสมุนไพรเผ็ดร้อนนั้น มีฤทธิ์ต่อต้านสารอนุมูลอิสระและชะลอความชรา สามารถกำจัดเชื้อโรคในระบบทางเดินอาหารได้หลายชนิด กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและระบบการหายใจ ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค อีกทั้งยังช่วยลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคทางสมอง เป็นต้น
“ส้มตำ” รสแซ่บใครๆ ก็ชอบ
ส่วนผสมของผักและสมุนไพรที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น มะละกอ กระเทียม มะเขือเทศ พริกขี้หนู ถั่วฝักยาว ซึ่งมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยสร้าง ภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และชะลอวัย แต่การทานส้มตำให้ได้ประโยชน์ต้องคำนึงถึงความสะอาดของวัตถุดิบเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเป็นเมนูที่ไม่ผ่านความร้อน อาจเสี่ยงทำให้เกิดท้องเสียได้โดยเฉพาะต้องระวังเชื้อราอย่าง ‘อะฟลาทอกซิน’ ที่มักอยู่ในถั่วลิสง กุ้งแห้ง กระเทียมที่มีโทษต่อตับ และไม่ควรทานส้มตำเกิน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์หากมีส่วนผสมของ ปูดองเค็มหรือปลาร้า ควรทานเพียงอาทิตย์ละ 1 ครั้งเท่านั้นที่สำคัญส่วนผสมนี้ต้องต้มให้สุกก่อน
ตามมาด้วย “หมูย่างน้ำตก”
อุดมด้วยกลุ่มสมุนไพรเผ็ดร้อนของพริกขี้หนูสดผสมพริกป่นกลมกล่อมด้วยหอมแดงต้นหอม ผักชี ใบสะระแหน่คลุกเคล้ามะนาว รวมถึงคลุกกับข้าวคั่วเพื่อช่วยดูดซับแก๊สในช่องท้องที่เกิดจากหมูไม่ย่อย เมื่อเทียบกันแล้ว สเต็กบาร์บีคิวของฝรั่งที่ทาเนยแสนเลี่ยนจิ้มกับซอสมะเขือเทศ น่าจะต้องหลีกทางให้กับหมูย่างน้ำตก แต่จะให้ดีควรเลือกกินหมูไร้มันด้วย
“มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง”
รสเผ็ดหอมกรุ่น ทั้งยังมีพริกแห้งกับ พริกไทย รวมถึงกลุ่มเครื่องเทศไทยรสเผ็ดร้อนอื่น เช่น กระเทียมไทย ตะไคร้ซอยข่าแก่ หอมแดง หอมใหญ่ รากผักชีอบเชย ลูกกระวาน ใบกระวาน กานพลู ฯลฯ ซึ่งให้คุณค่าทางโภชนาการเต็มที่จากโปรตีนและไขมันของเนื้อสัตว์ที่ช่วยย่อยด้วยกลุ่มเครื่องเทศรสเผ็ดร้อน จึงทานได้โดยไม่มีอาการท้องอืดเฟ้อ จุกเสียดจากอาหาร
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “นักเศรษฐศาสตร์ไทยฝันปีหน้าจีดีพีพุ่ง4.3%”
นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ประจำประเทศไทย ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2561 จะเติบโต 4.3% เป็นผลมาจากแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศเติบโตดีขึ้น หลังจากรัฐบาลกำหนดระยะเวลาการเลือกตั้งชัดเจนขึ้นทำให้บรรยากาศความเชื่อมั่นของเสถียรภาพทางการเมืองดีขึ้น รวมถึงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลัก ๆ 4 เรื่อง ได้แก่
1.นโยบายของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จะเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนปี 2561 ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวอย่างรวดเร็วได้
2.นโยบายโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) มีการการลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศแห่เข้ามาลงทุน
3.การผลักไทยเป็นศูนย์กลางของกลุ่มประเทศ CLMV-กัมพูชา-ลาว-เมียนมา-เวียดนาม ปัจจุบันทั้ง 4 ประเทศเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตปีละกว่า 5% แนวโน้มจะเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคตอันใกล้นี้
4.นโยบายไทยแลนด์ 4.0 จะช่วยนำพาไทยก้าวสู่การเป็นประเทศเทคโนโลยีในอนาคต
ในปี 2561 จะเริ่มเห็นความชัดเจนในการเบิกจ่ายของภาครัฐกว่า 2 แสนล้านบาท สูงกว่าปัจจุบันเบิกจ่ายไปเพียง 5 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นเงินลงทุน 5% ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด 1.79 ล้านล้านบาท แต่ก็ยังต้องระวังปัจจัยเสี่ยงปี 2561 เรื่องปัญหาหนี้ครัวเรือนยังอยู่ระดับสูง ส่วนการลงทุนภาคเอกชนก็ยังชะลอตัว
ข่าวที่สอง “รัฐลั่นดันตลาดประชารัฐ6.4พันแห่งให้คนจนค้าขาย”
ตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ครั้งล่าสุดเห็นชอบให้ กระทรวงมหาดไทย เดินหน้าทำโครงการ “ตลาดประชารัฐ” บนพื้นที่กำหนดทั้งหมด 6,447 แห่ง วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 จะเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้ที่สนใจ ลงทะเบียนเพื่อมาค้าขายตามพื้นที่ที่กำหนด ระยะแรกจะประเมินความต้องการขายและความต้องการซื้อ หากประสบผลสำเร็จและมีผู้สนใจจำนวนมาก ก็อาจจะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ จากนั้นในวันที่ 1 ธันวาคม 2560 จะเริ่มพร้อมกันทั่วประเทศ
โครงการ “ตลาดนัดประชารัฐ” ของรัฐบาลได้รับเงินสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายของโครงการตามที่สำนักงบประมาณจัดสรร จำนวน 562 ล้านบาท มุ่งเน้นเพิ่มพื้นที่ให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้มีพื้นที่ค้าขาย เกิดรายได้หมุนเวียนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ โดยเปิดให้ค้าขาย เช่น สินค้าเกษตร โอท็อป สินค้าของวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม SME วิสาหกิจชุมชน ร้านอาหาร หาบเร่ แผงลอย โดยจะขยายตลาดต่อไป
สำหรับในปี 2561-2562 ตั้งเป้าจะจัดตลาดเพื่อให้ค้าขายจะสร้างผู้ค้ารายใหม่ราว 1.02 แสนราย เฉลี่ย 10-20 รายต่อตลาด 1 แห่ง
ข่าวที่สาม “ก.ท่องเที่ยวจ่อคุยDEทำบิ๊กดาต้าอุตท่องเที่ยว”
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า เตรียมหารือกับกระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม (DE) พัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านการท่องเที่ยวภายใต้รูปแบบบิ๊กดาต้า ขานรับนโยบายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งกำหนดเลือกตั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 เป้าหมายเพื่อต้องการทำฐานข้อมูลเพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่ได้นำไปใช้เป็นแนวทางกำหนดนโยบายด้านการท่องเที่ยวไทย ช่วยผู้ประกอบการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยว เข้าถึงข้อมูลท่องเที่ยวได้สะดวกขึ้น
เบื้องต้นกระทรวงการท่องเที่ยวเริ่มนำร่องจัดเก็บข้อมูลสินค้าท่องเที่ยวบ้างแล้ว ได้แก่ แหล่งท่องเที่ยว สปา โรงแรม มัคคุเทศก์ ทำเป็น 3 ภาษา ไทย อังกฤษ และจีน รวบรวมอยู่ในเว็บไซต์ https://www.tourismthailand.org เว็บไซต์หลักของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่มีนักท่องเที่ยวการเข้าใช้งานกว่า 30 ล้านคน ขณะเดียวกันก็เร่งผลักดันท่องเที่ยว 3 โครงการใหญ่ ประกอบด้วย 1.ท่องเที่ยวเชิงกีฬา 2.การจัดเวิลด์อีเวนต์ในไทย 3.การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่บูรณาการการทำงานด้านหลัก ๆ 2 เรื่อง คือขีดความสามารถรองรับนักท่องเที่ยว และมาตรฐานความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ข่าวที่สี่ “เคป&แคนทารีนำห้องพักทั่วไทยลดแหลก2-5พ.ย.นี้”
กลุ่มโรงแรมเครือ เคป & แคนทารี โฮเทลส์ รายงานว่า ได้จัดทำแพกเกจห้องพักราคาพิเศษมาให้ช้อปกันในงาน ไทยเที่ยวไทย 2017 ครั้งที่ 45 ที่ บูธ J04ตั้งแต่ 2 – 5 พฤศจิกายน 2560 ณ ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยได้นำโรงแรมในหลายทำเลตามจังหวัดท่องเที่ยวชั้นนำของเมืองไทย มาเสนอขายในราคาเริ่มต้นเพียงคืนละ 1,500 บาท
โดยมีห้องพักโอ่อ่ากว้างขวางสุดหรู พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ท่ามกลางบรรยากาศเสียงคลื่นริมทะเล อาทิ โรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต, โรงแรมแคนทารี บีช เขาหลัก, โรงแรมแคนทารี เบย์ ระยอง, โรงแรมซัมแวร์ เกาะสีชัง หรือดื่มด่ำบรรยากาศชิลล์ ๆ กับวิวทิวเขา อาทิ โรงแรมแคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่ หรือโรงแรมเพิ่งเปิดใหม่อย่าง โรงแรมแคนทารี โคราช และเคป กูดู เกาะยาวน้อย
สอบถามเพิ่มที่ 02 253 3791-7 ต่อ 123, 290 หรือที่ www.capekantaryhotels.com
ข่าวที่ห้า “โรงแรมเครือแคนทารี-คามิโอชูอาหารตลอดต.ค.”
ตลอดเดือนตุลาคมนี้ โรงแรมในเครือของเคป ภายใต้แบรนด์แคนทารีและคลาสสิค คามิโอ ในต่างจังหวัด จัดเต็มด้วยเมนูสุดพิเศษ ดังนี้
โรงแรมคลาสสิค คามิโอ ระยอง ต้อนรับ “เทศกาลกินเจ” ด้วยเมนูอาหารเจมากมาย ระหว่างวันที่ 20-28 ตุลาคม เวลา 18.00-24.00 น. ห้องอาหาร แทพเพสทรี ได้คัดสรรจากวัตถุดิบคุณภาพ ผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถันโดยเชฟมืออาชีพ เพื่อให้ทุกคนได้อิ่มบุญและอิ่มใจตลอดเทศกาล โทร 038- 614- 340 หรือเว็บไซต์ www.kameocollection.com
“โรงแรมแคนทารี อยุธยา” เสิร์ฟไม่ยั้งตลอดเดือนตุลาคมนี้ ห้องอาหารแคลิฟอร์เนีย สเต็ก เสิร์ฟเมนูอร่อยสุดพิเศษ “หอยแมลงภู่ผัดซอสมะเขือเทศ” หอยแมลงภู่ตัวใหญ่ นำเข้าจากนิวซีแลนด์ผัดคลุกเคล้าด้วยส่วนผสมวัตถุดิบชั้นดี ถึงพริกถึงขิง ปรุงพิถีพิถันโดยเชฟมืออาชีพ มีรสซี้ดซ้าด กลมกล่อม อร่อยได้ในราคาเพียง 290++ บาท หากทานคู่กับไวน์ขาวยิ่งเพิ่มความอร่อย โทร. 035-337-177 หรือ www.kantarycollection.com
ส่วน “โรงแรมคลาสสิค คามิโอ อยุธยา” ที่ห้องอาหารแทพเพสทรี ท้าชิมเมนูสุดพิเศษประจำเดือนตุลาคม “หมูผัดสไตล์ฮ่องกง” หมูสันนอก หั่นชิ้น พอดีคำ ผัดคลุกเคล้าเข้ากับเห็ดหอม พริกหวาน ต้นหอม แครอท ขิงและซอสสไตล์ฮ่องกง สูตรเฉพาะตามแบบฉบับรสชาติกลมกล่อม หวาน กลิ่นหอมเย้ายวน ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ราคาเพียง 350++ บาท เท่านั้น หากทานกับเบียร์สดก็จะเพิ่มความอร่อยมากขึ้น
ข่าวที่หก “ขนส่งทั่วกทม.จัดบริการรถ-ลานจอดฟรี25-27ต.ค.นี้”
นายฤทธิกา สุภารัตน์ รองผู้ว่าการ (บริหาร) รักษาการแทน ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่าคณะกรรมการ(บอร์ด)รฟม.ได้มีมติเปิดให้บริการรถไฟฟ้าทั้งสองสายฟรี ในวันที่ 26 ต.ค. ดังนี้
รถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (เอ็มอาร์ที สายสีม่วง) บริการฟรีตั้งแต่เวลา 05.30 - 03.00 น. ของวันที่27ต.ค.
รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (เอ็มอาร์ที สายสีน้ำเงิน) บริการฟรีตั้งแต่เวลา 06.00 - 03.00 น. ของวันที่ 27 ต.ค. และในวันที่ 25 และ 27 ต.ค. 60 ให้บริการฟรี เฉพาะเอ็มอาร์ที สายสีม่วง ตั้งแต่เวลา 05.30 - 02.00 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
รฟม.ยังได้บริการอาคารและลานจอดรถฟรี ดังนี้
สายสีน้ำเงิน ให้บริการจอดรถฟรี ในวันที่ 26 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 05.00 - 03.00 น. จำนวน 2 แห่ง คือ 1. อาคารจอดรถสถานีลาดพร้าว จอดได้ 2,200 คัน 2. อาคารจอดรถสถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จอดได้ 200 คัน
สายสีม่วง ให้บริการจอดรถฟรี ในวันที่ 26 ต.ค. 60 ตั้งแต่เวลา 05.00 - 03.00 น. ส่วนในวันที่ 25 และ 27 ต.ค. 60 ตั้งแต่เวลา 05.00 - 01.00 น. จำนวน 4 แห่ง คือ 1. อาคารจอดรถสถานีคลองบางไผ่ จอดได้ 1,986 คัน 2. อาคารจอดรถสถานีสามแยกบางใหญ่ จอดได้ 1,296 คัน 3. อาคารจอดรถสถานีบางรักน้อยท่าอิฐ จอดได้ 1,076 คัน 4.อาคารจอดรถสถานีแยกนนทบุรี 1 จอดได้ 565 คัน รวม 7,323 คัน
ทั้งนี้ในวันงานพระราชพิธี รฟม.พร้อมประสานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)จัดรถรับ-ส่งให้บริการฟรี
ปี’61เร่งหนุน300ชุมชนบูมโฮมสเตย์-อาหารถิ่น
คิงเพาเวอร์จัดเต็มREADY STEADY/Dine&Fly
ตรังนำชุมชนบ้านลำขนุนบุกกรุงเปิดขาย2-5พย.
บางจากนำร้านSPARจัดโปรคู่รับเทศกาลกินเจ
ทอท.ตั้งศูนย์ประสานงานสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง
ตามพ่อไปโครงการช่างหัวมันตามพระราชดำริ
นักเศรษฐศาสตร์ฝันปี’61เศรษฐกิจไทยพุ่ง4.3%
แจ้งเกิดตลาดประชารัฐุ6.4พันแห่งดีเดย์1ธค.นี้
เคป&แคนทารีนำห้องพักทั่วไทยลดแหลก2-5พย.
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand
ช่วงที่ 1 เกาะติดสถานการณ์ “การท่องเที่ยวชุมชนตามศาสตร์พระราชา” ของเด็กหนุ่มอย่าง “สมศักดิ์ บุญคำ” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Local Alike ผู้นำสตาร์ตอัพทางด้านการท่องเที่ยวชุมชนระดับเวิลด์คลาสของไทย ที่ใช้เวลาบุกเบิกต่อเนื่องมากว่า 7 ปี ในโอกาสช่วงเดือนตุลาคมนี้ เขาพร้อมจะถ่ายทอดเรื่องราวการพัฒนาท่องเที่ยวชุมชนไทยตามรอยศาสตร์พระราชาให้ทุกคนฟังความสุขแห่งวิถีชีวิตของผู้คนที่จับต้องได้ และความรักรากแห่งวัฒนธรรมอันดีงามส่งต่อรุ่นต่อรุ่นของชาวบ้าน
สมศักดิ์ บุญคำ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Local Alike |
“สมศักดิ์ บุญคำ” เปิดเผยว่าการบุกเบิกการท่องเที่ยวชุมชนตลอด 7 ปี ทำให้เข้าใจ เข้าถึง ผู้คนตามชนบทที่ได้เข้าไปพัฒนาสร้างเครือข่ายมาได้จนถึงขณะนี้กว่า 70 ชุมชน ตั้งเป้าหมายจะเข้าไปช่วยทำให้ได้ถึง 300 ชุมชน ในปี 2561 จะไฮไลต์ความเข้มแข็งของชุมชนเข้าสู่ตลาดการท่องเที่ยวสากล 2 โปรเจ็กต์ คือ โปรเจ็กต์แรก “พัฒนาโฮมสเตย์” โดยยกระดับที่พักด้านความสะอาด ถูกสุขอนามัยให้มีมาตรฐานเทียบชั้นโรงแรมที่มีดาว โปรเจ็กต์ที่สอง “อาหารชุมชน” นำเมนูอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นมาถ่ายทอดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์กินแบบท้องถิ่นซึ่งมีวัฒนธรรมสืบต่อกันมายาวนาน
มาถึงเรื่องการท่องเที่ยวชุมชนด้วยการนำศาสตร์พระราชามาประยุกต์ใช้ เพราะคนไทยรู้อยู่แล้วว่าศาสตร์พระราชามีส่วนสำคัญอย่างมากทำให้คุณภาพชีวิตของคนดีขึ้น ขณะนี้ได้รับโอกาสจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ทำโครงการ “ศาสตร์พระราชาเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” พยายามนำเสนอหลายชุมชนได้น้อมนำเกษตรพอเพียง เกษตรทฤษฎีใหม่ หรือแม้กระทั่งอนุรักษ์ป่าชายเลน หรือธุรกิจเพื่อสังคมอย่างพอเพียง ทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจทั้งในชุมชนและนักท่องเที่ยวมากขึ้น ในการนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง
การสร้างโปรแกรมนำเที่ยวเพื่อให้เกิดการจับต้องได้ ตัวอย่าง หมู่บ้านหนองส่าน จ.สกลนคร หมู่บ้านที่เกษตรกรได้ประยุกต์การทำนาโดยใช้ทฤษฎีผสมผสานทำให้ชุมชนปลูกข้าวและปลูกพืชนิดอื่น ๆ ข้อดีมากกว่ารอฤดูกาลทำแต่เฉพาะนาเพียงอย่างเดียว รวมทั้งมีคนรุ่นใหม่ยุคลูกหลานลงมาต่อยอดการทำนาของพ่อแม่นำเกษตรทฤษฏีใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้สร้างแรงจูงใจที่จะขยายผลพัฒนาต่อยอดมากยิ่งขึ้นไป ได้เรียนรู้มากมายจากศาสตร์พระราชาอีกทั้งยังได้เห็นแนวทางที่รุ่นพ่อแม่ทำมา ซึ่งจะต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ในทางที่ดีต่อไป
การสร้างจุดเปลี่ยนให้นักท่องเที่ยวเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการลงมือทำ ซึ่งทางผู้ประกอบการนำเที่ยวชุมชนนั้นมุ่งเน้นการปฏิบัติ ด้วยการให้นักท่องเที่ยวใช้ชีวิตตกปลา เก็บพืชผล ภายในพื้นที่ของแต่ละหมู่บ้าน ด้วยการทำเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนในหมู่บ้านนั้น ๆ
ประเมินว่าคนรุ่นต่อไปจะนำศาสตร์มาใช้มากขึ้นหรือไม่นั้น แต่ละคนมีสิทธิที่จะเลือกเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาใส่ใจการท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา โดยภาพรวมในฐานะผู้จัดการนำเที่ยวก็ต้องการให้นักท่องเที่ยวนำศาสตร์พระราชาที่ได้เห็นจากประสบการณ์จริงในระหว่างการเดินทางเข้าไปยังชุมชนได้นำไปใช้จริง ๆ ด้วย และจากประสบการณ์ทำการท่องเที่ยวต่อเนื่องมา 7 ปีเห็นความแตกต่างจากจุดเริ่มวันแรกกับปัจจุบัน เห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นทุกปีจากจำนวนเริ่มต้นมีผู้คนสนใจเที่ยวชุมชนพอเพียงนั้นช่วงแรกมีปีละหลัก 100 คน ตอนนี้ขยายเป็นปีละนับ 10,000 คน สะท้อนถึงคนส่วนใหญ่เข้าใจวิถีการท่องเที่ยวและแสวงหาการเดินทางด้วยประสบการณ์ที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
สำหรับแนวโน้มของชุมชนที่จะมีศักยภาพในการพัฒนาท่องเที่ยวด้วยศาสตร์พระราชาหรือตามทฤษฎีใหม่นั้นมีอยู่ทั่วประเทศ เพียงแต่จะต้องได้รับการส่งเสริมจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนด้วยอีกทาง
อีกทั้งการพัฒนาชุมชนท่องเที่ยวอย่างพอเพียงแล้วมีความสุขในเชิงจิตใจ แล้วก็เน้นคุณค่าทางใจมากกว่าที่จะเน้นเรื่องรายได้ เนื่องจากเป็นอาชีพเสริมที่นำมาบูรณาการเข้ากับวิถีชีวิตการเกษตรนั่นเอง
แล้วทาง LOCAL ALIKE เองจะขยายผลจาก 70 มาเป็น 300 ชุมชน เนื่องจากชุมชนส่วนใหญ่เจ้าของพื้นที่เองก็มีความรู้ ความเข้าใจสูงขึ้น โดยทางบริษัทได้นำเสนอประสบการณ์แก่นักท่องเที่ยวและพยายามที่จะทำให้นักท่องเที่ยวกับชุมชนเข้าใจตรงกันมากขึ้นไปด้วย โครงการหลัก ที่กำลังจะต้องเพิ่มความเข้มข้นต่อไปในเร็ว ๆ นี้ คือ 2 โครงการ โครงการแรก “โฮมสเตย์” ของชุมชนต้องมีมาตรฐานสากลภายใต้การคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตพื้นถิ่นที่ดีงาม โครงการที่สอง “อาหารถิ่น”
การทำให้ท่องเที่ยวชุมชนมีความแข็งแรงยั่งยืนต้องช่วยกันนำพาให้แต่ละชุมชนก้าวข้ามอุปสรรคสำคัญคือ ชุมชนต้องมีหุ้นส่วนสนับสนุนอาจจะเป็นภาครัฐ เอกชน ที่มีความเข้าใจในการทำงานร่วมกันเพื่อมองหาตลาดเป้าหมายให้ตรงกับโปรดักซ์ของท้องถิ่น ๆ นั้น ทุกฝ่ายจะต้องเน้นการพึ่งพาซึ่งกันและกันมากกว่าที่จะให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้าไปแสวงหาประโยชน์ เพื่อให้ชุมชนเติบโตอย่างมีรากฐานแข็งแรงเรียนรู้การนำเสนอโปรดักซ์ของตนเองให้ชัดเจนในตลาดปัจจุบันและอนาคต
รวมทั้งภาครัฐ เอกชน ที่จะเข้ามาสนับสนุนชุมชนท่องเที่ยวตามศาสตร์พระราชา ควรจะต้องฟังความต้องการหรือความพร้อมของชุมชนว่าต้องการหัวใจหลักเรื่องใด เพราะหากศักยภาพของ “คนในชุมชนดีเข้มแข็ง” แล้ว เรื่องอื่น ๆ อย่างการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม ขนส่ง สาธาณูปโภค อาจจะเป็นเรื่องรองที่สามารถทำภายหลังได้
เมื่อเปรียบเทียบการท่องเที่ยวชุมชนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ตามประสบการณ์ LOCAL ALIKE ทำงานอยู่ในเวียดนามด้วย โดยได้นำความช่วยเหลือการถ่ายทอดภาคบริการ ซึ่งเป็นจุดแข็งและไทยเองก็เป็นผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนเสน่ห์ชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรมของไทยได้เปรียบเพราะมีความหลากหลายที่ทุกชุมชนควรจะรักษาไว้ให้แข็งแรงมากที่สุด จึงเดินหน้ารณรงค์ให้นักท่องเที่ยวเข้าใจบริบทการท่องเที่ยวชุมชนคำนึงถึงขีดความสามารถการรองรับแต่ละช่วงฤดูว่าไปได้หรือไม่ได้ เพราะอาชีพหลักของชุมชนคือการทำเกษตร การประมง ดังนั้นนักท่องเที่ยวควรศึกษา พร้อมทั้งรู้ถึงสิ่งที่ควรทำไม่ได้ควรทำ เพราะไม่มีใครห้ามการเปลี่ยนแปลงได้แต่จะต้องช่วยกันประคองให้เกิดในทางบวกต่อชุมชน ซึ่งแต่ละชุมชนก็มีแนวทางการรักษาวัฒนธรรมแตกต่างกันไป
LOCAL ALIKE ก็ขอเป็นส่วนหนึ่งในการมีส่วนร่วมสร้างการท่องเที่ยวชุมชนตามศาสตร์พระราชา ที่จะทำให้ท้องถิ่นมีความมั่นคง แข็งแรง และยั่งยืน ขณะเดียวกันก็จะต้องขอให้ทุกภาคส่วนทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงการนำนักท่องเที่ยวเข้าไปสู่ชุมชนจะต้องรู้ข้อจำกัดกับขีดความสามารถในการรองรับของพื้นที่นั้น ๆ เมื่อเข้าไปแล้วต้องทำอย่างสร้างสรรมากกว่าการทำลาย
ในอนาคต “การท่องเที่ยวชุมชนตามศาสตร์พระราชา” จะเป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่จะก่อให้เกิดชุมชนเข้มแข็ง ยั่งยืน กระจายเม็ดเงินลงสู่เศรษฐกิจฐานรากได้อย่างแท้จริง
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 อัดแคมเปญช้อปแจกแหลก“READY STEADY SHOP”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดมหกรรม “READY STEADY SHOP” ต้อนรับการกลับมาของ “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” เปิดบริการใหม่ในเดือนตุลาคม 2560 เป็นต้นไป หลังใช้เงินปรับปรุงไปกว่า 2,600 ล้านบาท พบกับแบรนด์สินค้าหลากหลาย ร่วมรับส่วนลด 500 บาท และลุ้นบัตรกำนัลสูงสุด 100,000 บาท เมื่อช้อปตามเงื่อนไข ระหว่างวันนี้ - 31 ตุลาคม นี้ รวมทั้งจะร้านอาหารชื่อดังมากมายเปิดให้บริการที่ชั้น 3 พร้อมรับส่วนลดสูงสุด 10% เมื่อช็อปครบทุก 5,000 บาท หรือลุ้นรับสูงสุด AirAsia BIG Point 60,000 Points ได้
แคมเปญ READY STEADY SHOP มอบส่วนลดแก่ลูกค้าคนไทยและสมาชิกบัตรลงทะเบียนรับส่วนลด 500 บาท เมื่อช็อปครบใบเสร็จละ 5,000 บาทขึ้นไป ที่ คิง เพาเวอร์ 4 สาขา คือ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต รับ 3 ต่อ
ต่อที่ 1 ช็อปครบ 5,000 บาทลุ้นส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท หรือ 60,000 AirAsia BIG Points
ต่อที่ 2 ในโอกาสฉลอง คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ใหม่ ! ลูกค้าคนไทยและสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ช็อปครบ 500,000 บาท รับฟรี Gift Card 30,000 บาท หรือช็อปครบ 1,000,000 บาทรับฟรี Gift Card 100,000 บาท
ต่อที่ 3 ช็อปที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยาและภูเก็ต แต่ละสาขาครบทุก 20,000 บาท รับฟรี 10,000 AirAsia BIG Points
สอบถามได้ที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 แคมเปญส่วนลด“Dine & Fly”ที่ภูเก็ต
คิง เพาเวอร์ ร่วมกับไทยแอร์เอเชีย ให้นักเดินทางที่ใช้บริการเข้าออก ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต ร่วมแคมเปญ “Dine & Fly” ระหว่างวันนี้- 31 ธันวาคม 2560 เมื่อบินกับไทย แอร์ เอเชีย สามารถรับ Voucher ฟรี 100 บาท นำไปใช้เป็นส่วนลดตามในการรับประทานอาหารตามร้านอาหารต่าง ๆ ในสนามบินภูเก็ต เมื่อมียอดค่าใช้จ่ายครั้งละตั้งแต่ 600 บาทขึ้นไป
ขณะนี้มีร้านแบรนด์ชั้นนำเข้าร่วมหลากหลายกลุ่มด้วยกัน อาทิ SUBWAY , NEW YORK 5 DELI ,CREAM& FUDGE, COFFEE WORLD ฯลฯ
ข่าวที่ 2 “หนุนเรือไฟฟ้านำเที่ยววิถีคลองกทม.-ปทุม-นนท์
นายนรินทร์ ทิจะยัง ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)สำนักงานกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ร่วมกับ บริษัท Torqeedo ผู้นำการพัฒนาเครื่องยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ลงพื้นที่สำรวจเรือพายที่ให้บริการนำเที่ยวชมวิถีชีวิตตลาดน้ำคลองลัดมะยม เพื่อจัดทำโครงการนำร่องโดยให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ติดตั้งเครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้า ลดมลภาวะเสียงและอากาศและเสียง ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน อาทิ สถานทูตเยอรมัน ประจำประเทศไทย บริษัท BMW (ประเทศไทย) นำธนาคารพัฒนาเอเชีย( ADB)มาร่วมโครงการ
โดยมีเป้าหมายให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถติดตั้ง เครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้า จากแหล่ง พลังงานแสงอาทิตย์ได้ในราคาไม่เกิน 10,000 บาท อันจะเป็นการลดต้นทุนจากค่าเชื้อเพลิงและลดมลพิษในแหล่งท่องเที่ยวพื้นที่สีเขียว
ตั้งเป้าจะขยายการติดตั้งไปยังกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ให้บริการเรือนำเที่ยววิถีชีวิตคลองในแถบจังหวัดปทุมธานี และนนทบุรี ต่อไปด้วย
ข่าวที่ 4 ททท.ตรังชูทัวร์ชุมชนบ้านลำขนุนพร้อมขาย2-5พ.ย.
ททท.ตรังนำชุมชนบ้านลำขนุนต้นแบบเที่ยววิถีเกษตรพอเพียงร่วมมหกรรมไทยเที่ยวไทย 2-5 พ.ย.นี้
ททท.สำนักงานตรัง รายงานว่า ได้นำการท่องเที่ยวชุมชน “บ้านลำขนุน จ.ตรัง” ต้นแบบแหล่งเรียนรู้ไร่นาสวนผสมที่นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างสมบูรณ์แบบมาเชิญชวนให้ไปเที่ยวในงาน ไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 45 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ฮอลล์ 3 และ 4 ในวันที่ 2 - 5 พฤศจิกายน 2560
ความโดดเด่นของการท่องเที่ยวชุมชนบ้านลำขนุน ซึ่งเป็นหนึ่งใน Village Tourism 4.0 มีเอกลักษณ์ทางศิลปะวัฒนธรรม การแสดงมโนราห์และหนังตะลุง พร้อมแหล่งเรียนรู้การแกะสลักรูปหนังตะลุง ททท.มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนในฐานะต้นแบบชุมชนวิถีเกษตรโดยชาวบ้านได้นำปรัชญาเศรฐกิจพอเพียงวิถีเกษตรมาใช้ ทั้งการปลูกพืชผักผสมผสาน การเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ท่ามกลางทรัพยากรธรรมชาติ มีกิจกรรมพายเรือคายัคเที่ยว 5 ลำคลอง ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร มีลำพิกุลเป็นคลองสายหลัก ไหลไปบรรจบกับคลองลำขนุน น้ำตกสายรุ้ง คลองลำโท่ คลองลำปินะ สองข้างทางจะมีสวนยางพารา สลับสวนผลไม้ ที่พักโฮมสเตย์ที่ได้มาตรฐานรับรองของกรมการท่องเที่ยว
ดูข้อมูลเพิ่มได้ที่ www.tourismthailand.org/villagetourism
ข่าวที่ 5 บางจากนำร้านSPARจัดโปรคู่รับเทศกาลเจ”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่าระหว่างวันนี้-31 ต.ค. 60 แล้วพบกันที่ SPAR ทุกสาขาใกล้บ้าน ในสไตล์การให้บริการ frest & easy food market นำทัพโปรโมชั่นดี ๆ ต้อนรับเทศกาลกินเจ พร้อมสินค้าเพื่อดูแลสุขภาพมากมาย พร้อมเมนูคอมโบสุดคุ้ม ที่พร้อมจะเติมเต็มความหิว ในราคาโดนใจ
ทางร้านได้คัดสรรอาหารพร้อมรับประทานทั้งในแบบเจ และแบบทั่วไป ให้อิ่มอร่อยคู่สุดคุ้ม โดยจัดทำเป็นแพ็กคู่อาหารพร้อมเครื่องดื่ม อาทิแซนวิส ราคาเริ่มต้นคู่ละ 35-49 บาท ผลิตภัณฑ์เฮลตี้ แฮปปี้ ไลฟ์ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพราคา คู่ละ 19-50 บาท หรือผลิตภัณฑ์ซื้อ 1แถม 1 ซื้อ 2 แถม 1
ดูรายละเอียดโปรโมชั่นตลอดเดือนตุลาคมนี้ได้ที่ www.sparthailand.com
ข่าวที่ 6 “BCPGคว้า2รางวัลผู้นำพลังงานระดับโลก”
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และฝ่ายบริหารบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2560 บีซีพีจีเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในสามบริษัทจากเอเชียที่ได้รับรางวัลเมื่อช่วงตุลาคมนี้คือรางวัล The European Awards จากงาน Global Banking and Finance Awards 2017 รวม 2 รางวัล ได้แก่ รางวัลบริษัทที่มีความโดดเด่นที่สุดในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย (Best Renewable Energy Company – Thailand 2017) และรางวัลบริษัทที่มีหลักธรรมาภิบาลเป็นเลิศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Best Corporate Governance Principles – Renewable Energy Company – South East Asia 2017)
สำหรับรางวัล The European Awards มีการมอบรางวัลมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 จัดโดยนิตยสาร The European ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นนิตยสารชั้นนำในแวดวงธุรกิจการเงินและการธนาคาร และเป็นพันธมิตรทางสื่อกับสำนักข่าวระดับโลก Thomson Reuters ซึ่งรางวัลดังกล่าวได้จากผลการโหวตอย่างเป็นทางการโดยสมาชิกและคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นฟันด์เมเนเจอร์และนักธุรกิจชั้นนำในทวีปยุโรป
ข่าวที่ 7 “ทอท.ตั้งศูนย์ประสานงานสุวรรณภูมิ/ดอนเมือง”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.”กล่าวว่า ในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ระหว่างวันที่ 25 – 29 ตุลาคม 2560 ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ทอท.ได้คาดการณ์ปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งระหว่างวันที่ 23 – 31 ตุลาคม 2560 มีเที่ยวบินแจ้งขอทำการบินประมาณ 20,400 เที่ยว รองรับผู้โดยสารเดินทางมากถึง4.16 ล้านที่นั่ง
โดยจะมีประชาชนส่วนใหญ่เดินทางมาร่วมพระราชพิธีฯ จำนวนมาก คือ “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” แจ้งขอทำการบินประมาณ 8,500 เที่ยว รองรับผู้โดยสาร 1.93 ล้านคน และและดอนเมืองแจ้งขอทำการบิน6,300 เที่ยว รองรับผู้โดยสารเดินทางได้ 1.19 ล้านคน
ดังนั้น ทอท.ได้เปิดศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวกประชาชน ณ ทสภ.และ ทดม.ระหว่างวันที่ 19 – 30 ตุลาคม 2560 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานความร่วมมือระหว่างส่วนงาน ทอท. กับส่วนราชการ สายการบินและผู้ประกอบการ และอำนวยความสะดวกให้กระบวนการเดินทางของผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออกในภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งภายในศูนย์จะมีเจ้าหน้าที่ ทอท.ประจำตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่ ทสภ.ตั้งศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวกประชาชน ณ ห้องรับรองพิเศษ CIP 5 และที่ ทดม.ตั้งศูนย์ประสานงานฯ
ณ ห้องศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทดม. ชั้น 3 บริเวณทางเชื่อมระหว่างอาคาร 1 และ 2 ทั้งนี้ ผู้โดยสารสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ AOT Contact Center หมายเลขโทรศัพท์ 1722 ตลอด 24 ชั่วโมง
ช่วงที่ 2 ชวนกันเดินทางตามศาสตร์พระราชาไปดูสิ่งที่พ่อสร้างไว้ใน “โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ” ที่อำเภอท่ายางจังหวัดเพชรบุรี แล้วมาดูเคล็ดลับกินของเผ็ด 5 เมนูไทยอายุยืนยาว และข่าวสถานการณ์ปีหน้านักเศรษฐศาสตร์ยาหอมว่าประเทศไทยจีดีพีจะทะยานไปถึง 4.3 % ส่วนนโยบายเอาใจรากหญ้าโปรเจ็กต์ใหม่ “เปิดตลาดประชารัฐ 6,447 แห่ง การตื่นตัวของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะถกกับกระทรวงดิจิตอลเศรฐกิจและสังคมขานรับสัญญาณเลือกตั้งใหม่ปลายปีหน้า เรื่อยไปจนถึงข่าวตลอดตุลาคมนี้ โรงแรมทั่วไทยจัดเต็มเมนูอาหารเด็ด ๆ
@เยี่ยมโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ
ผืนแผ่นดินเพื่อการศึกษาเรียนรู้ด้านการเกษตรกรรม จำนวน 250 ไร่ “โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ” นั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จัดซื้อจากราษฎร มีเอกสารสิทธิเป็นที่ทรงงานด้านเกษตรกรรม ต่อมามีผู้เข้าเยี่ยมชมอย่างต่อเนื่อง พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ดร.ดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ดำเนินการนำที่ดินผืนนี้ให้เป็นที่สำหรับศึกษาเรียนรู้ด้านเกษตรกรรมของจังหวัดเพชรบุรี
ภายในโครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 บ้านหนองคอไก่ ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง ผืนแผ่นดินแห่งนี้มีพืชเศรษฐกิจของเพชรบุรีให้เรียนรู้มากมาย ทั้ง มะนาว ชมพู่ พืชผักต่าง ๆ แปลงพืชสมุนไพร แหล่งเรียนรู้เรื่องการพัฒนาดิน ด้านพลังงานทดแทนจากกังหันลม โซลาร์เซลล์ ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อส่งขายกลับคืนแก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ฟาร์มโคนม โรงเลี้ยงไข่ไก่
ทุกวันนี้ทางโครงการฯ เปิดโอกาสให้เกษตกรตลอดจนคนทั่วไปเข้าไปช่วยทำงาน พร้อม ๆ กับการเรียนรู้แนวทางด้านเกษตรกรรม
“กิจกรรม” ซึ่งทางโครงการฯ เปิดประตูต้อนรับผู้เข้าเยี่ยมชม ก็มีการเดินดูแปลงเกษตร ซึ่งดำเนินการตามพระราชประสงค์ ปรับลดการใช้เคมีลงอย่างต่อเนื่อง และบางแปลงอยู่ในการควบคุมการใช้จากนักวิชาการเกษตร รวมทั้งมีแปลงปลูกต้นสบู่ดำ โรงแปรรูปน้ำนมพาสเจอร์ไรซ์และสเตอริไลซ์ ด้วยกำลังการผลิตชั่วโมงละ 2,000 ลิตร
โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวก ห้องบรรยายและชมวีดิทัศน์ วิทยากรจากสำนักพระราชวังนำชมพื้นที่ ร้านจำหน่ายผลผลิตภายในโครงการ ร้านโกลเด้นเพลส ร้านสวัสดิการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ในเขตพื้นที่กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และรถบริการนำชม พร้อมจักรยานไว้ให้แก่ผู้เดินทางมาพร้อมกันเป็นหมู่คณะ
“ช่างหัวมัน” ชื่อของโครงการมีที่มาจากชาวบ้านได้นำมันเทศที่ปลูกมาทูลเกล้าฯ เมื่อเสด็จกลับกรุงเทพฯ มิได้ทรงนำหัวนั้นไปด้วย แต่เมื่อเสด็จกลับมาอีกครั้ง ทรงพบว่ามันหัวที่ทรงวางไว้บนตรามั่นนั้นงอกเป็นต้น มีพระราชดำรัสว่า มันอยู่ที่ไหนก็งอกได้ จึงมีพระราชดำริให้ทดลองปลูกมันเทศ และทดลองเพาะปลูกพืชต่างๆ โดยเน้นพืชท้องถิ่นของเพชรบุรี เช่น มะพร้าว มะนาว ชมพู่เพชร สัปปะรด ข้าวไร่พันธุ์ต่าง ๆ
อันเป็นที่มาของโครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดำริ แหล่งเรียนรู้ด้านเกษตรกรรมตราบจนถึงทุกวันนี้
สนใจเข้าเยี่ยมชมโครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดำริ โทร.0-3247-2701-3 หากต้องการศึกษาดูงานแจ้งล่วงหน้า 2 สัปดาห์
@5อาหารไทย “เผ็ดร้อน”มากประโยชน์
เว็บไซต์ กินเผ็ช(ด)แบบไทย ดีต่อกาย https://goo.gl/znye4e ได้แนะนำอาหารไทย รสเผ็ด5 อย่าง ซึ่งมีต้นทางคือ “พริก” ที่มีสรรพคุณเป็นยาขับลม บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร ทำให้เจริญอาหารบรรเทาอาการไข้หวัด จึงแนะนำให้เลือกรับประทาน 5อาหารไทย “เผ็ดร้อน”มากประโยชน์ ได้แก่
“น้ำพริก” อาหารเผ็ดร้อนที่อยู่คู่โต๊ะรับประทานอาหารของคนไทย
น้ำพริก เคียงคู่กับผักสด ผักลวก ปลานึ่ง เมนูง่ายๆ ที่มากคุณประโยชน์ เพราะวัตถุดิบที่อยู่ในน้ำพริกล้วนเต็มไปด้วยสมุนไพรรสเผ็ดร้อนไม่ว่าจะเป็นพริกขี้หนูกระเทียมไทย กระชาย หอมแดง ตะไคร้
“ต้มยำกุ้ง” เมนูที่โด่งดังไปทั่วโลก
เป็นเมนูที่เสมือนเป็นหม้อยาหม้อใหญ่ที่อุดมไป ด้วยสมุนไพรนานาชนิดไม่ว่าจะเป็นพริกขี้หนู ตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า รากผักชี ซึ่งแต่ละชนิดล้วนมีสรรพคุณดูแลสุขภาพร่างกาย อาทิ ใบมะกรูดช่วยแก้จุกเสียด ขับลม พริกช่วยบำรุงธาตุ เป็นต้น
มีผลจากการศึกษาพบว่า น้ำพริก ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มสมุนไพรเผ็ดร้อนนั้น มีฤทธิ์ต่อต้านสารอนุมูลอิสระและชะลอความชรา สามารถกำจัดเชื้อโรคในระบบทางเดินอาหารได้หลายชนิด กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและระบบการหายใจ ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค อีกทั้งยังช่วยลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคทางสมอง เป็นต้น
“ส้มตำ” รสแซ่บใครๆ ก็ชอบ
ส่วนผสมของผักและสมุนไพรที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น มะละกอ กระเทียม มะเขือเทศ พริกขี้หนู ถั่วฝักยาว ซึ่งมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยสร้าง ภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และชะลอวัย แต่การทานส้มตำให้ได้ประโยชน์ต้องคำนึงถึงความสะอาดของวัตถุดิบเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเป็นเมนูที่ไม่ผ่านความร้อน อาจเสี่ยงทำให้เกิดท้องเสียได้โดยเฉพาะต้องระวังเชื้อราอย่าง ‘อะฟลาทอกซิน’ ที่มักอยู่ในถั่วลิสง กุ้งแห้ง กระเทียมที่มีโทษต่อตับ และไม่ควรทานส้มตำเกิน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์หากมีส่วนผสมของ ปูดองเค็มหรือปลาร้า ควรทานเพียงอาทิตย์ละ 1 ครั้งเท่านั้นที่สำคัญส่วนผสมนี้ต้องต้มให้สุกก่อน
ตามมาด้วย “หมูย่างน้ำตก”
อุดมด้วยกลุ่มสมุนไพรเผ็ดร้อนของพริกขี้หนูสดผสมพริกป่นกลมกล่อมด้วยหอมแดงต้นหอม ผักชี ใบสะระแหน่คลุกเคล้ามะนาว รวมถึงคลุกกับข้าวคั่วเพื่อช่วยดูดซับแก๊สในช่องท้องที่เกิดจากหมูไม่ย่อย เมื่อเทียบกันแล้ว สเต็กบาร์บีคิวของฝรั่งที่ทาเนยแสนเลี่ยนจิ้มกับซอสมะเขือเทศ น่าจะต้องหลีกทางให้กับหมูย่างน้ำตก แต่จะให้ดีควรเลือกกินหมูไร้มันด้วย
“มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง”
รสเผ็ดหอมกรุ่น ทั้งยังมีพริกแห้งกับ พริกไทย รวมถึงกลุ่มเครื่องเทศไทยรสเผ็ดร้อนอื่น เช่น กระเทียมไทย ตะไคร้ซอยข่าแก่ หอมแดง หอมใหญ่ รากผักชีอบเชย ลูกกระวาน ใบกระวาน กานพลู ฯลฯ ซึ่งให้คุณค่าทางโภชนาการเต็มที่จากโปรตีนและไขมันของเนื้อสัตว์ที่ช่วยย่อยด้วยกลุ่มเครื่องเทศรสเผ็ดร้อน จึงทานได้โดยไม่มีอาการท้องอืดเฟ้อ จุกเสียดจากอาหาร
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “นักเศรษฐศาสตร์ไทยฝันปีหน้าจีดีพีพุ่ง4.3%”
นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ประจำประเทศไทย ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2561 จะเติบโต 4.3% เป็นผลมาจากแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศเติบโตดีขึ้น หลังจากรัฐบาลกำหนดระยะเวลาการเลือกตั้งชัดเจนขึ้นทำให้บรรยากาศความเชื่อมั่นของเสถียรภาพทางการเมืองดีขึ้น รวมถึงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลัก ๆ 4 เรื่อง ได้แก่
1.นโยบายของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จะเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนปี 2561 ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวอย่างรวดเร็วได้
2.นโยบายโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) มีการการลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศแห่เข้ามาลงทุน
3.การผลักไทยเป็นศูนย์กลางของกลุ่มประเทศ CLMV-กัมพูชา-ลาว-เมียนมา-เวียดนาม ปัจจุบันทั้ง 4 ประเทศเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตปีละกว่า 5% แนวโน้มจะเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคตอันใกล้นี้
4.นโยบายไทยแลนด์ 4.0 จะช่วยนำพาไทยก้าวสู่การเป็นประเทศเทคโนโลยีในอนาคต
ในปี 2561 จะเริ่มเห็นความชัดเจนในการเบิกจ่ายของภาครัฐกว่า 2 แสนล้านบาท สูงกว่าปัจจุบันเบิกจ่ายไปเพียง 5 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นเงินลงทุน 5% ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด 1.79 ล้านล้านบาท แต่ก็ยังต้องระวังปัจจัยเสี่ยงปี 2561 เรื่องปัญหาหนี้ครัวเรือนยังอยู่ระดับสูง ส่วนการลงทุนภาคเอกชนก็ยังชะลอตัว
ข่าวที่สอง “รัฐลั่นดันตลาดประชารัฐ6.4พันแห่งให้คนจนค้าขาย”
ตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ครั้งล่าสุดเห็นชอบให้ กระทรวงมหาดไทย เดินหน้าทำโครงการ “ตลาดประชารัฐ” บนพื้นที่กำหนดทั้งหมด 6,447 แห่ง วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 จะเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้ที่สนใจ ลงทะเบียนเพื่อมาค้าขายตามพื้นที่ที่กำหนด ระยะแรกจะประเมินความต้องการขายและความต้องการซื้อ หากประสบผลสำเร็จและมีผู้สนใจจำนวนมาก ก็อาจจะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ จากนั้นในวันที่ 1 ธันวาคม 2560 จะเริ่มพร้อมกันทั่วประเทศ
โครงการ “ตลาดนัดประชารัฐ” ของรัฐบาลได้รับเงินสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายของโครงการตามที่สำนักงบประมาณจัดสรร จำนวน 562 ล้านบาท มุ่งเน้นเพิ่มพื้นที่ให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้มีพื้นที่ค้าขาย เกิดรายได้หมุนเวียนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ โดยเปิดให้ค้าขาย เช่น สินค้าเกษตร โอท็อป สินค้าของวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม SME วิสาหกิจชุมชน ร้านอาหาร หาบเร่ แผงลอย โดยจะขยายตลาดต่อไป
สำหรับในปี 2561-2562 ตั้งเป้าจะจัดตลาดเพื่อให้ค้าขายจะสร้างผู้ค้ารายใหม่ราว 1.02 แสนราย เฉลี่ย 10-20 รายต่อตลาด 1 แห่ง
ข่าวที่สาม “ก.ท่องเที่ยวจ่อคุยDEทำบิ๊กดาต้าอุตท่องเที่ยว”
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า เตรียมหารือกับกระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม (DE) พัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านการท่องเที่ยวภายใต้รูปแบบบิ๊กดาต้า ขานรับนโยบายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งกำหนดเลือกตั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 เป้าหมายเพื่อต้องการทำฐานข้อมูลเพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่ได้นำไปใช้เป็นแนวทางกำหนดนโยบายด้านการท่องเที่ยวไทย ช่วยผู้ประกอบการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยว เข้าถึงข้อมูลท่องเที่ยวได้สะดวกขึ้น
เบื้องต้นกระทรวงการท่องเที่ยวเริ่มนำร่องจัดเก็บข้อมูลสินค้าท่องเที่ยวบ้างแล้ว ได้แก่ แหล่งท่องเที่ยว สปา โรงแรม มัคคุเทศก์ ทำเป็น 3 ภาษา ไทย อังกฤษ และจีน รวบรวมอยู่ในเว็บไซต์ https://www.tourismthailand.org เว็บไซต์หลักของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่มีนักท่องเที่ยวการเข้าใช้งานกว่า 30 ล้านคน ขณะเดียวกันก็เร่งผลักดันท่องเที่ยว 3 โครงการใหญ่ ประกอบด้วย 1.ท่องเที่ยวเชิงกีฬา 2.การจัดเวิลด์อีเวนต์ในไทย 3.การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่บูรณาการการทำงานด้านหลัก ๆ 2 เรื่อง คือขีดความสามารถรองรับนักท่องเที่ยว และมาตรฐานความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ข่าวที่สี่ “เคป&แคนทารีนำห้องพักทั่วไทยลดแหลก2-5พ.ย.นี้”
กลุ่มโรงแรมเครือ เคป & แคนทารี โฮเทลส์ รายงานว่า ได้จัดทำแพกเกจห้องพักราคาพิเศษมาให้ช้อปกันในงาน ไทยเที่ยวไทย 2017 ครั้งที่ 45 ที่ บูธ J04ตั้งแต่ 2 – 5 พฤศจิกายน 2560 ณ ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยได้นำโรงแรมในหลายทำเลตามจังหวัดท่องเที่ยวชั้นนำของเมืองไทย มาเสนอขายในราคาเริ่มต้นเพียงคืนละ 1,500 บาท
โดยมีห้องพักโอ่อ่ากว้างขวางสุดหรู พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ท่ามกลางบรรยากาศเสียงคลื่นริมทะเล อาทิ โรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต, โรงแรมแคนทารี บีช เขาหลัก, โรงแรมแคนทารี เบย์ ระยอง, โรงแรมซัมแวร์ เกาะสีชัง หรือดื่มด่ำบรรยากาศชิลล์ ๆ กับวิวทิวเขา อาทิ โรงแรมแคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่ หรือโรงแรมเพิ่งเปิดใหม่อย่าง โรงแรมแคนทารี โคราช และเคป กูดู เกาะยาวน้อย
สอบถามเพิ่มที่ 02 253 3791-7 ต่อ 123, 290 หรือที่ www.capekantaryhotels.com
ข่าวที่ห้า “โรงแรมเครือแคนทารี-คามิโอชูอาหารตลอดต.ค.”
ตลอดเดือนตุลาคมนี้ โรงแรมในเครือของเคป ภายใต้แบรนด์แคนทารีและคลาสสิค คามิโอ ในต่างจังหวัด จัดเต็มด้วยเมนูสุดพิเศษ ดังนี้
โรงแรมคลาสสิค คามิโอ ระยอง ต้อนรับ “เทศกาลกินเจ” ด้วยเมนูอาหารเจมากมาย ระหว่างวันที่ 20-28 ตุลาคม เวลา 18.00-24.00 น. ห้องอาหาร แทพเพสทรี ได้คัดสรรจากวัตถุดิบคุณภาพ ผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถันโดยเชฟมืออาชีพ เพื่อให้ทุกคนได้อิ่มบุญและอิ่มใจตลอดเทศกาล โทร 038- 614- 340 หรือเว็บไซต์ www.kameocollection.com
“โรงแรมแคนทารี อยุธยา” เสิร์ฟไม่ยั้งตลอดเดือนตุลาคมนี้ ห้องอาหารแคลิฟอร์เนีย สเต็ก เสิร์ฟเมนูอร่อยสุดพิเศษ “หอยแมลงภู่ผัดซอสมะเขือเทศ” หอยแมลงภู่ตัวใหญ่ นำเข้าจากนิวซีแลนด์ผัดคลุกเคล้าด้วยส่วนผสมวัตถุดิบชั้นดี ถึงพริกถึงขิง ปรุงพิถีพิถันโดยเชฟมืออาชีพ มีรสซี้ดซ้าด กลมกล่อม อร่อยได้ในราคาเพียง 290++ บาท หากทานคู่กับไวน์ขาวยิ่งเพิ่มความอร่อย โทร. 035-337-177 หรือ www.kantarycollection.com
ส่วน “โรงแรมคลาสสิค คามิโอ อยุธยา” ที่ห้องอาหารแทพเพสทรี ท้าชิมเมนูสุดพิเศษประจำเดือนตุลาคม “หมูผัดสไตล์ฮ่องกง” หมูสันนอก หั่นชิ้น พอดีคำ ผัดคลุกเคล้าเข้ากับเห็ดหอม พริกหวาน ต้นหอม แครอท ขิงและซอสสไตล์ฮ่องกง สูตรเฉพาะตามแบบฉบับรสชาติกลมกล่อม หวาน กลิ่นหอมเย้ายวน ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ราคาเพียง 350++ บาท เท่านั้น หากทานกับเบียร์สดก็จะเพิ่มความอร่อยมากขึ้น
ข่าวที่หก “ขนส่งทั่วกทม.จัดบริการรถ-ลานจอดฟรี25-27ต.ค.นี้”
นายฤทธิกา สุภารัตน์ รองผู้ว่าการ (บริหาร) รักษาการแทน ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่าคณะกรรมการ(บอร์ด)รฟม.ได้มีมติเปิดให้บริการรถไฟฟ้าทั้งสองสายฟรี ในวันที่ 26 ต.ค. ดังนี้
รถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (เอ็มอาร์ที สายสีม่วง) บริการฟรีตั้งแต่เวลา 05.30 - 03.00 น. ของวันที่27ต.ค.
รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (เอ็มอาร์ที สายสีน้ำเงิน) บริการฟรีตั้งแต่เวลา 06.00 - 03.00 น. ของวันที่ 27 ต.ค. และในวันที่ 25 และ 27 ต.ค. 60 ให้บริการฟรี เฉพาะเอ็มอาร์ที สายสีม่วง ตั้งแต่เวลา 05.30 - 02.00 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
รฟม.ยังได้บริการอาคารและลานจอดรถฟรี ดังนี้
สายสีน้ำเงิน ให้บริการจอดรถฟรี ในวันที่ 26 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 05.00 - 03.00 น. จำนวน 2 แห่ง คือ 1. อาคารจอดรถสถานีลาดพร้าว จอดได้ 2,200 คัน 2. อาคารจอดรถสถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จอดได้ 200 คัน
สายสีม่วง ให้บริการจอดรถฟรี ในวันที่ 26 ต.ค. 60 ตั้งแต่เวลา 05.00 - 03.00 น. ส่วนในวันที่ 25 และ 27 ต.ค. 60 ตั้งแต่เวลา 05.00 - 01.00 น. จำนวน 4 แห่ง คือ 1. อาคารจอดรถสถานีคลองบางไผ่ จอดได้ 1,986 คัน 2. อาคารจอดรถสถานีสามแยกบางใหญ่ จอดได้ 1,296 คัน 3. อาคารจอดรถสถานีบางรักน้อยท่าอิฐ จอดได้ 1,076 คัน 4.อาคารจอดรถสถานีแยกนนทบุรี 1 จอดได้ 565 คัน รวม 7,323 คัน
ทั้งนี้ในวันงานพระราชพิธี รฟม.พร้อมประสานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)จัดรถรับ-ส่งให้บริการฟรี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น