ททท.เปิดขุมทองเที่ยวตะวันออกเม.ย.-ก.ค.62ตลุยMoreFunสวนผลไม้-Luxprerienceชลบุรี
ติดตามอ่านได้ในมติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/publicize/news_1445935
วิบูลย์ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคตะวันออก ททท. นำทีมตลุย More Fun กับทริป Luxprerience @ชลบุรี ระยอง |
ททท.ตะวันออกโหมยุคทองเปิดฤดู “เที่ยวสวนผลไม้” กินทุเรียนก่อนใครในระยอง จันทบุรี ตราด จัด “Luxprerience @ ชลบุรี ระยอง” ชวนครอบครัว องค์กรรัฐ เอกชน ตลุย More Fun เที่ยวสนุกครบทุกรส สัมผัสวิถีชุมชน ลงมือทำของกิน ของใช้ ชิมอาหารถิ่นและซีฟู้ดสดแซ่บ ดื่มด่ำบรรยากาศล่องเรือยอร์ชชมทะเลพัทยา
นายวิบูลย์ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวในภาคตะวันออก ระหว่างเมษายน-กรกฎาคม 2562 เป็นยุคทองของการสร้างรายได้กระจายถึงมือชุมชนในพื้นที่ 9 จังหวัด ทั้ง ระยอง จันทบุรี ตราด ชลบุรี ปราจีนบุรี นครนายก สระแก้ว สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา มีโปรดักซ์ขายดึงดูดกำลังซื้อช่วยสร้างเศรษฐกิจให้คึกคักอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวเทศกาลสวนผลไม้
ซึ่ง ททท.ได้สร้างสรรค์เส้นทางการท่องเที่ยวแบบหรูหราผนวกแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงเข้าไปด้วย โดยแต่ละพื้นที่มีสีสันความสนุกสไตล์ More Fun ตะวันออก ครบทุกเรื่องทั้ง แหล่งท่องเที่ยวมุมใหม่ระดับตั้งแต่ชุมชนไปจนถึงหรูหราล่องเรือยอร์ช กิจกรรมวิถีชีวิต ภูมิปัญญาพื้นบ้าน อาหารถิ่น อาหารทะเล ผลิตภัณฑ์ชุมชนทั้งของใช้ของฝากของที่ระลึก
ตามที่ ททท.ภูมิภาคตะวันออก ได้จัดโปรแกรมนำร่อง “Luxprerience @ ชลบุรี ระยอง” นำกลุ่มผู้บริหารองค์กรทั้งจากกลุ่มธนาคาร สถาบันศศินทร์ โรงพยาบาล ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สื่อโซเชียล ท่องเที่ยวตามเส้นทางใหม่ ๆ ตลุยสวนผลไม้ “กินทุเรียนนก่อนใครในระยอง ฮิ ! ” แต่ละสวนโดดเด่นต่างกัน เป็นต้นแบบทางเลือกชวนกันไปกินผลไม้อย่างสนุกสนานตลอด 4 เดือนนี้ สวนส่วนใหญ่ผลไม้โดยเฉพาะทุเรียนจะเริ่มสุกกินได้โดยเริ่มเปิดสวนเตั้งแต่ 12 เมษายน - สัปดาห์แรกเดือนกรกฎาคม 2562
ผอ.วิบูลย์เล่าว่า ปี 2562 ข้อมูลจากเกษตรจังหวัดระยอง ยืนยันว่าทั้งจังหวัดมีผลไม้ออกสู่ตลาด 111,007 ตัน เพิ่มขึ้น 29.26 % ชาวสวนจะส่งออกต่างประเทศกว่า 7 หมื่นตัน และให้ในประเทศกับนักท่องเที่ยวได้บริโภคอีกกว่า 3 หมื่นตัน ดังนั้น ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออก กับ ททท.ระยอง จึงได้จัดทำเส้นทางขับรถเที่ยวกินทุเรียนไว้ให้เลือกอย่างจุใจ โดยมีสวนต่าง ๆ เข้าร่วม 42 สวน แบ่งเป็น 3 เส้นทาง ได้แก่
เส้นทางที่ 1 ตะพง-บ้านแลง-นาตาขวัญ มีให้เลือกประมาณ 20 สวน
เส้นทางที่ 2 วังจันทร์-แกลง-เมืองระยอง มีประมาณ 14 สวน
เส้นทางที่ 3 บ้านค่าย สำหรับสวนที่มีความโดดเด่นที่น่าสนใจในตำบลตะพง อำเภอเมือง 4 แห่ง ได้แก่
สวนแรก “สวนผู้ใหญ่สมควร” ของนางสมควร ศิริภักดี มีความเด่นเรื่องมังคุด 100 ปี เน้นการทำเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่เกือบ 8 ไร่ ปลูกผลไม้ผสมผสาน มีทั้งมังคุด ตอนนี้ราคาขายกิโลกรัมละ 40 บาท ทุเรียน ราคาขึ้นอยู่กับพันธุ์ อย่างชะนีกิโลกรัม 80-100 บาท หมอนทอง 120-150 บาท เงาะ ลองกอง ต้องรอช่วงเปิดตลาด
สวนนี้มีเครือข่ายเกษตรกร 50 ราย พื้นที่ปลูกรวมกันราว 300 ไร่ เมื่อถึงฤดูผลไม้ก็จะนำมาแลกเปลี่ยนซื้อขายต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเพียงพอ
สวนที่ 2 “สวนคุณมะปราง” เป็นสวนที่เปิดบริการตลอดทั้งปี ในช่วงผลไม้ยังไม่ออกผลก็จะมีบริการอาหาร เครื่องดื่ม มุมเก๋ ๆ เพื่อเช็คอินกับต้นผลไม้ ปีนี้จะเริ่มเปิดเทศกาลท่องเที่ยวสวนผลไม้วันแรก 12 เมษายน 2562 เป็นต้นไป บริเวณสวนแบ่งเป็น 2 ฝั่งถนน ฝั่งแรกเป็นสวนมังคุดคุณภาพสีม่วงเข้ม และผลไม้อื่น ๆ รวม 20 ไร่ อีกฝั่งปลูกทุเรียนอย่างเดียว 5 ไร่ มีหลายสายพันธุ์หลัก ๆ จะเป็น ชะนีกับหมอนทอง เพราะนักท่องเที่ยวนิยมรับประทาน
สวนที่ 3 “สวนลุงทองใบ” เป็นสวนที่รับนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้วันละกว่า 1,000 คน เป็นสวนเดียวที่มีบริการรถรางประยุกต์นั่งได้รอบละ 40-50 คน พาชมสวนขนาดใหญ่สองฝั่งถนนพื้นที่ปลูกกว่า 40 ไร่ เน้นปลูกทุเรียนเป็นหลัก 80 % มีหลายสายพันธุ์เช่นกัน ทั้งหมอนทอง ชะนี ก้านยาว กระจิบน้ำ หลงลับแล และพันธุ์ทดลองนำมาจากมาเลเซีย อินโดนีเซีย ระหว่างทางจะมีจุดให้แวะกินไอศรีมทุเรียน ปิดท้ายด้วยการแจกข้าวเหนียวทุเรียนถ้วยเล็ก ๆ ให้ชิมก่อนกลับบ้าน
“ป้าสมบัติ กลิ่นขจร” ลูกสาวคนที่ 4 ของลุงใบทายาทเจ้าของสวน เล่าว่าสวนนี้ปลูกมานานเกินกว่า 50 ปี ก่อนหน้านี้พอถึงฤดูผลไม้ออกต้องตะลอนขนไปขายในกรุงเทพฯ หรือจังหวัดอื่น ได้กำไรครั้งละแค่หลักพันบาท ช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมาเข้าโครงการท่องเที่ยวสวนผลไม้ชีวิตชาวสวนเปลี่ยนไปทันที เริ่มมีรายได้เป็นกอบกำแต่ละปีตลอดฤดูผลไม้ทำยอดขายได้หลัก 100 ตัน มีเงินเหลือเป็นหลักแสนบาท
ด้วยความเป็นสวนขนาดใหญ่มีที่ดินมาก จึงสามารถรับนักท่องเที่ยวหมู่คณะได้พร้อมกันครั้งละถึง 200 คน วันละประมาณ 1,000 คน โดยได้จัดระบบบริการนักท่องเที่ยวต้องซื้อตั๋วด้านหน้าก่อน เพื่อนำคูปองไปแสดงทุกครั้งว่าจะกินผลไม้ชนิดใดได้บ้าง
แถมยังเปิดหน้าบ้านซึ่งเป็นอาคารเปิดโล่งหน้ากว้างขนานถนนยาว 200 เมตร เป็นล้งรับส่งผลไม้ให้เครือข่ายเกษตรกรพื้นที่ใกล้เคียงได้พึ่งพาอาศัยเกื้อกูลซึ่งกันและกัน รายได้ในครอบครัวและเพื่อนบ้านก็ดีขึ้นมาตลอด มีความสุขเพิ่มขึ้นด้วย
สวนที่ 4 “สวนยายดาเจ๊บุญชื่น” โดดเด่นเรื่องการทำกิจกรรมชวนนักท่องเที่ยวไปเขี่ยเกสรตัวผู้-ตัวเมียดอกสละ ผลไม้ขึ้นชื่ออีกชนิด เมื่อเขี่ยเสร็จแล้วจะต้องรอราว 8 เดือน เพื่อกลับไปเก็บผลผลิตที่สุกส่งกลิ่นหอมรสหวานนุ่มมาก แต่ละปีเจ๊บุญชื่นขายสละได้หลายตันเป็นพืชที่ออกหมุนเวียนต่อเนื่องกันต่างจากผลไม้อื่น แต่ต้องอาศัยความขยันคอยเขี่ยเกสรเพื่อให้เกิดการผสมพันธุ์ให้ผลดกดี สวนนี้จัดทำทางเดินชมสวนสวยงาม โดยมีทั้งเงาะ ทุเรียน พืชผักสวนครัว ปลูกผสมผสานกัน บรรยากาศร่มรื่น สวยสะอาดตา
ระหว่างเมษายน-กรกฎาคม 2562 โรงแรมในระยอง ร่วมสนับสนุนเที่ยวสวนผลไม้ของ ททท.ทำแพกเกจราคาพิเศษ ที่พักพร้อมบัตรเข้าสวนผลไม้ ราคาเพียงเริ่มต้นคนละ 900 บาท อาทิ เซ็นทรัลเพลส โฮเต็ล มีแคมเปญ “เที่ยวทะเล..ชิมสวนผลไม้” 900 บาท/คน/คืน หรือ 1,350 บาท/2 คน/คืน หรือ 2,000 บาท/3คน/คืน โดยรวมห้องพัก อาหารเช้า บัตรชมสวน
ก่อนอำลาสวนผลไม้ระยอง แนะนำให้แวะ “พิพิธภัณฑ์ครูกัง” อำเภอแกลง เป็นเรือนไม้โบราณขนาด 2 ชั้น ออกแบบตามวิถีชีวิตดั้งเดิม หลังจากครูเกษียณก็รวบรวมของสะสมหลายพันชิ้นมาจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวชม แบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ละลานตา มีทั้งของใช้ ของเล่น ห้องเสื้อ ห้องตัดผม โรงหนัง ร้านของชำ และจิปาถะ จัดอย่างเป็นระเบียบให้เดินชมเพลิน ๆ พอเหนื่อยก็ไปนั่งอุดหนุนกาแฟของพิพิธภัณฑ์ได้
@Luxprerienceตะเคียนเตี้ย-อลาคอมปาณย์-ล่องเรือยอร์ช
ส่วนการท่องเที่ยวแบบหรูดูดีในชลบุรี เริ่มจากการเดินทางสร้างประสบการณ์สัมผัสวิถี “ชุมชนตะเคียนเตี้ย” อำเภอบางละมุง ลานวัฒนธรรมบ้านร้อยเสาได้ใช้พื้นที่บ้านราว 6 ไร่เป็นศูนย์กลางในหมู่บ้านชาวสวนมะพร้าวกว่า 8,000 ไร่ มีกิจกรรมวิถีชีวิตหลากหลายให้ร่วมสนุกกับภูมิปัญญาพื้นบ้านซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์ความน่ารัก ทั้งการลงมือทำอาหารอัตลักษณ์ถิ่น เมนู ไก่กะลา น้ำพริกกุ้งสดไข่เค็ม ชงชิมกาแฟสดกะทิมะพร้าว และกิจกรรมใหม่การทำถุงผ้าปัง ๆ นำดอกไม้ใบไม้รอบ ๆ บ้านมาสร้างลวดลายเก๋ ๆ การจักสานจากทางมะพร้าว การพับดอกไม้กุหลาบจากใบเตย การตัดกระดาษทำพวงมะโหดหลายรูปแบบเพื่อใช้ในงานมงคล เดินชมสวนครัวอินทรีย์ปลูกหลังบ้าน สามารถเก็บมาทำอาหารในชีวิตประจำวันได้ทุกมื้อ
“วันดี ประกอบธรรม” ประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลตะเคียนเตี้ย เล่าว่าจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมเฉลี่ยเดือนละกว่า 2,000 คน ปกติเปิดให้ชมฟรีแต่จะมีกลุ่มคณะโทรศัพท์จองล่วงหน้าเพื่อนำนักท่องเที่ยวมาร่วมทำกิจกรรมครึ่งวัน คิดราคาคนละ 150 บาท เลือกได้ 5 ฐาน ไม่รวมกาแฟกะทิมะพร้าว กับกระเป๋าปัง ๆ จะคิดเพิ่มอีกคนละ 50-100 บาท เพื่อแบ่งปันรายได้ให้เครือข่ายชาวบ้านที่เข้ามาสอนทำแต่ละฐาน
การท่องเที่ยวถือเป็นอาชีพเสริมของชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดีและทำให้คนรุ่นใหม่อยู่กับครอบครัวในท้องถิ่นเพื่อสร้างสรรค์การท่องเที่ยวร่วมกันมากขึ้น
จากชุมชนตะเคียนเตี้ย สู่เส้นทางท่องเที่ยว “อลาคอมปาณย์” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวดีไซน์ตามแบบชนบทยุโรปตั้งอยู่แถบชานรอยต่อพัทยากับสัตหีบ เป็นเมืองขนาดย่อม ๆ ในพื้นที่ขนาด 45 ไร่ ออกแบบใช้สอยอยู่ราว 11 ไร่ ด้วยการนำเสนอได้ครบเครื่องทั้งบรรยากาศสวนสไตล์ยุโรป ร้านอาหารคาวและหวาน ไฮไลต์เป็นร้านส้มตำวิลล่า ห้อง Le Rouge เลาจน์ไวน์กับคอกเทล ร้านชา-กาแฟ Tea Workshop & Tea Factory อาคารอีเวนต์ 2 ชั้นไว้ให้เรียนคอร์สชงชาอย่างมืออาชีพ ลานน้ำพุและสะพานราวเชือก รองรับกลุ่มจัดแต่งงาน สวนครัวเกษตรอินทรีย์ ฟาร์มเปิดโล่งกลางแจ้ง เลี้ยงม้า ไก่ไข่ เหมาะกับครอบครัวพาลูก ๆ ไปให้อาหารม้าเก็บไข่จากฟาร์ม
ตอนนี้กลุ่มครอบครัวแห่แหนกันมาอลาคอมปาณย์เฉลี่ยเดือนละกว่า 8,000-10,000 คน ช่วงเทศกาลวันหยุดจะเกินวันละ 1,000 คน จึงเป็นแม่เหล็กใหม่ในพัทยาที่จะส่งต่อกระจายคนไปท่องเที่ยวยังรอบพื้นที่ใกล้ ๆ ในภาคตะวันออกได้ด้วย
ส่วนไฮไลต์ใหม่มาแรงอีกเส้นทาง “ท่องเที่ยวเรือยอร์ช” ใช้ท่าเรือโอเชียน ยอร์ช มารีน่า พัทยา เป็นจุดขึ้นลงโดยมีเรือขนาดต่าง ๆ ให้เช่าทั้งแบบครึ่งวันและเต็มวัน ขนาดบรรทุกลำละ 45 คน เช่าครึ่งวัน ค่าใช้จ่าย แบ่งเป็นเช่าเหมา 30,000 บาท ค่าอาหารกลางวันเฉลี่ยประมาณคนละ 400 บาท มีเมนูทะเลนึ่งพร้อมน้ำจิ้มรสแซ่บทั้ง กุ้ง ปู ปลาหมึกสดย่าง ข้าวผัด ผลไม้
กัปตันเรือจะใช้เวลาประมาณ 50 นาที พานักท่องเที่ยวฝ่าฟองคลื่นล่องไปตามเกาะในทะเลพัทยา หลัก ๆ เกาะเกร็ดแก้วหรือเกาะลิง เพื่อจอดให้ลงไปดำน้ำดูปะการัง แล่นเจ็ตสกีหรือว่ายน้ำเย็น ๆ
ติดตาม More Fun ตะวันออก ในจังหวัดอื่นได้เร็ว ๆ นี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น