ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

TCEBนำร่องทำบิ๊กอัลลไลแอนซ์กับFCAพลิกตลาดไมซ์ไทยนำอาเซียน-คิงเพาเวอน์ประกาศพร้อมลุยชิงสัมปทานดิวตี้ฟรีปี62

TCEBงัดบิ๊กอัลไลแอนซ์FCA2ปีพลิกไมซ์ไทยนำอาเซียน 
ตลาดMIทะลักไทยขนเงินจัดงานบูมเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง 
จับตา!ศึกประมูลดิวตี้ฟรี”คิงเพาเวอร์”ปักหลักพร้อมลุย 
ททท.รุกมาเลย์ตั้งเป้าปี63จ่อโกย5ล้านคน1.3แสนล้าน 
BCPGเครือบางจากลุยเปิดลมลิกอร์รับรู้รายได้เพิ่มปี62 
ทัวร์เมืองรองสระบุรี”เสาไห้-มวกเหล็ก”ตลุยกินของอร่อย 
เคล็ดไม่ลับกับการเลือกกิน5อย่างสร้างสุขภาพแจ๋วจริง 
เอกชนท่องเที่ยวชิงโร้ดโชว์จีนตุนรายได้ไม่รอรัฐแจกเงิน 
การบินไทยชวนแชร์โซเชียลทุกไฟลต์ลุ้นรับตั๋ว60เส้นทาง 
ททท.งัดโปรเจ็กต์Hackaดึงเด็กปั้นดิจิตอลเที่ยวยุคใหม่  

ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 27 เมษายน 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าว #เที่ยวกับกู๋ #วันธรรมดาน่าเที่ยว ช่วงที่ 1 ฟังข่าวดีจากวงการไมซ์ภายใต้การนำของ “จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา” ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” สร้างเซอร์ไพรส์รุกทำอัลไลแอนซ์ครั้งแรกกับกลุ่ม FCA หอการค้าอินเตอร์ 4 ประเทศ เยอรมัน ออสเตรเลีย อังกฤษ อเมริกา ชิมลาง 2 ปีแรก พลิกโฉมตลาดครั้งใหญ่ดึงคอปอร์เรตทั่วโลกแห่นำมางานมาจัดในไทย หลังรัฐบาลไทยหนุนเต็มเหนี่ยวปลดล็อกทีมไมซ์ต่างชาติไม่ต้องทำ Work Permit อีกต่อไป และในช่วงครึ่งปีหลังไทยรับเป็นเจ้าภาพ Meeting-Incentive อื้อซ่า แถมในประเทศยังขยายวงพันธมิตรเข้าไปจับมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เจ้าของเครือข่ายชุมชนสร้างสรรค์ CIV กว่า 200 แห่ง พร้อม ๆ การขยายแนวรุกร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ต่อใน 5 ภาค 


นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB


นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ได้เปิดกลยุทธ์ใหม่ในการลงนามความร่วมมือ (MOU) ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์กับพันธมิตรหอการค้าต่างประเทศกลุ่ม Foreign Chamber Alliance : FCA ที่มีสำนักงานอยู่ในไทยรวมตัวกันด้วยความเหนียวแน่น 4 ประเทศ ได้แก่ เยอรมันออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา โดยเป็นเวลา 2 ปี ตกลงที่จะผนึกกันสร้างความสำเร็จ 3 เรื่อง คือ 1.WIN 2.PROMOTE 3.DEVELOP จุดเริ่มต้นที่กลุ่ม FCA รู้จัก TCEB เพราะการเปิดบริการโครงการ MICE LANE อำนวยความสะดวกให้กลุ่มสมาชิกของ FCA ผู้เข้ามาจัดการประชุมเข้าออกช่องทางพิเศษตามสนามบินนานาชาติในและการจัดคอนเว็นชั่นในไทย เมื่อเอ็มโอยูอัลไลแอนซ์ร่วมกันแล้วอย่างชัดเจนก็มีแผนทำการตลาดไปในทิศทางเดียวกัน ตามปกติสมาชิกของกลุ่มนี้จะจัดการประชุมและอินเซ็นทีฟเป็นประจำ และยังมีตลาดคอร์ปอเรตเป็นแม่เหล็กดึงงานมาจัดการประชุมในภูมิภาคอาเซียน

 ดังนั้น TCEB จะต้องหาช่องทางเพื่อให้กลุ่ม FCA ดึงกลุ่มเครือข่ายคอร์ปอเรตเข้ามาเพราะหอการค้าแต่ละประเทศจะมีสมาชิกบริษัทองค์กรระดับอินเตอร์ 500-600 บริษัท มีทั้งกลุ่มโรงแรม จะพุ่งเป้าเรื่องมาตรฐานสถานที่จัดงาน ซึ่งตามขั้นตอนการทำงานนับจากนี้เป็นต้นไป งานแรกจะต้องประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางให้สอดคล้องกับ 3 เรื่อง รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูล เป็นกระบอกเสียงให้ชาวต่างประเทศในไทยที่ TCEB สามารถช่วยปรับปรุงได้ เพื่อดึงกลุ่มงานไมซ์เข้ามาไทยเพิ่มขึ้น เช่น มีบางกลุ่มการจัดงานต้องเลือกไปประเทศอาจจะเป็นเพราะกำแพงภาษีของไทยยังไม่ได้ปลดล็อก ขณะนี้กลุ่ม FCA ตื่นเต้นมากกับเรื่องที่รัฐบาลไทยปลดล็อกยกเว้นการจัดทำ Work Permit ให้แก่ผู้ที่เดินทางเข้ามาเพื่อปฏิบัติภารกิจด้านไมซ์ในประเทศไทย เป็นหนึ่งในเรื่องที่ TCEB ฟังแล้วเป็นกระบอกเสียงทำให้เรื่องนี้เป็นจริงขึ้นมาได้ 



สำหรับความมือตลอด 2 ปีแรกนั้น จะเป็นโอกาสที่ดีของอุตสาหกรรมไมซ์ ถึงแม้ตลาดระยะไกล Longhaul จะยังไม่ได้ติดอันดับต้น ๆ เหมือนกับจีน อินเดีย ญี่ปุ่นที่ครองอันดับ 1-2-3 แต่อเมริกา กับออสเตรเลีย ก็ติด 1 ใน 10 ผนวกกับตลาดเอ็กซิบิชั่นของเยอรมันสามารถสนับสนุนไทยได้ดีมากเพราะมี MESSE เป็นองค์กรใหญ่สุด โดยไทยได้หลายงานมาจัดในประเทศ เช่น งานอาหาร งานพลังงาน งาน VIV ASIA 2019 จัดไปเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2562 ส่วนอังกฤษทาง TCEB เตรียมจัดทำโร้ดโชว์เข้าไปยังลอนดอนเพื่อนำตลาดคอร์ปอเรตเข้ามายังไทย

ช่วงสัปดาห์แรกเดือนพฤษภาคม นี้ โดยจะมีตัวแทนการตลาดทำหน้าที่เชิญกลุ่มคอร์ปอเรตและเอเย่นซี่ DMC-Destination Management Companies ผู้รับผิดชอบการนำคอร์ปอเรชั่นจัดงานประชุม จะมีจำนวนบริษัทจะเข้าร่วม 20 ราย จากนั้นก็จะมีงาน IMEX 2019 ที่สหรัฐอเมริกา กลางปีนี้ และ BTM 2019 บาร์เซโลน่า ช่วงครึ่งปีหลังก็จะมีงานต่างประเทศเข้ามาจัดในไทย ก็มีงาน เอ็กซิบิชั่น ได้แก่ PROPAX ASIA งานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมด้านการผลิต แปรรูปบรรจุภัณฑ์ 15 มิถุนายน นี้ โดยจะขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น



รวมทั้งได้ชิงงาน SITE การประชุมของสมาคม DMC ระดับโลกมาจัดในไทย และงาน 86th UFI GLOBAL Congress 2019 ระหว่าง 6-9 พฤศจิกายน 2562 กำลังเลือกสถานที่ เป็นงานเกี่ยวกับผู้นำกลุ่มผู้จัดงานแสดงสินค้าทั่วโลกกลุ่มหลัก ๆ จะมารวมตัวกันอยู่ในช่วงปลายปีนี้ที่เมืองไทย ถือได้ว่าปีนี้ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพงานใหญ่ระดับโลกทั้ง Meeting และ Incentive ส่วนอินเซ็นทีฟใหญ่อีกรายการคือการประชุม ITA 2019 ของสมาชิกประกันจีนที่มีมาจากทั่วโลกกว่า 15 ประเทศ จะจัดช่วงเดือน 10-13 สิงหาคม 2562 นับเป็นคอนเว็นชั่นใหญ่เพราะอินเซ็นทีฟจีนตามปกติจะเป็นขายตรงที่นิยมพักโรงแรมระดับ 3-4 ดาว แต่รายการนี้เลือกพักโรงแรมระดับ 5 ดาว แล้วยังพ่วงการจัดประชุมย่อย รวมถึงมีโปรแกรมเดินทางไปเชียงใหม่ด้วย

ส่วนทางออสเตรเลียกำลังนำงาน Royal Australian of Collage of Surgion 2019 ระหว่าง 6-10 พฤษภาคม 2562 เป็นงานประชุมเกี่ยวกับเรื่องของวงการแพทย์จากออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จำนวนรวมกว่า 1,500 คน ผอ.จิรุตถ์กล่าวว่า นอกจากการเร่งทำตลาดไมซ์ในต่างประเทศทั่วโลกครอบคลุมทุกรูปแบบแล้ว ในการเดินหน้าตลาดไมซ์ในประเทศก็จะทำต่อเนื่องจากปี 2561 หลังจากนำร่องผนึกความร่วมมือกับทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ เริ่มต้น 35 สหกรณ์ จากการติดตามผลมีผู้เข้าไปใช้บริการมากกว่า 100 กลุ่ม เฉพาะราชบุรีแห่งเดียวมีมากกว่า 30 กลุ่ม



ล่าสุดได้ประชุมร่วมกับอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ตั้งเป้าปี 2562 จะขยายให้ได้ 200 สหกรณ์ แต่ทาง TCEB ต้องการตรวจสถานที่ที่มีมาตรฐานเพราะต้องการเน้นคุณภาพ จึงตั้งเป้าริเริ่มเลือกโมเดลต้นแบบ 5 แห่ง ภาคเหนือ จะต้องเป็นสถานที่ที่สามารถจัดประชุม ไปพร้อมกับจัดการแสดง กิจกรรม เพื่อให้ได้ประโยชน์เต็มที่ เพราะตามปกติพฤติกรรมของกลุ่มที่เข้าไปยังสหกรณ์จะเพียงแค่เยี่ยมชมดูงาน รับประทานอาหารกลางวัน และซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชน แต่ทางเราต้องการเพิ่มรายได้จากกลุ่มนี้ขยายจัดกิจกรรม และเพิ่มมูลค่ารายได้ให้แก่ชุมชน ซึ่งเป็นหนึ่งในการจัดทำ AREA BASE อีกรูปแบบ และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการกระจายรายได้สู่ชุมชน

ขณะนี้ยังได้เข้าไปเจรจากับทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งมีโครงการพัฒนาชุมชนสร้างสรรค์ Creative Innovation Village : CIV ทาง TCEB จะเข้าไปร่วมทำกับเครือข่ายดังกล่าวเพิ่มขึ้นด้วย สำหรับแผนงานการจัดทำโครงการคืนประโยชน์จากอุตสาหกรรมไมซ์สู่สังคม หรือ CSR นั้น TCEB มีฝ่ายรับผิดชอบการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์อย่างยั่งยืนอยู่แล้ว เมื่อปี 2561 เริ่มทำทางด้านลดความสูญเสียเรื่องอาหารในโรงแรม (food waste) ปี 2562 มีคอร์ส TSEM ระดับความเข้มข้นยังไม่ถึงกับเป็นเกณฑ์มาตรฐานแต่เป็นโค้ชทางด้านความยั่งยืนเพื่อสนับสนุนโรงแรมให้มีมาตรฐานการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม โดยจะเริ่มจาก 30 โรงแรม เลือกจากกลุ่มโรงแรมที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของ TCEB มาแล้ว เช่น การใช้น้ำ ขวดแก้ว บริการในโรงแรมที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งตอนนี้มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการเต็มแล้ว ตอนนี้ต้องพิจารณา 


ผอ.จิรุตถ์ย้ำว่า TCEB จะรักษาอันดับให้ประเทศไทยเป็นผู้นำไมซ์อาเซียน และถึงแม้ศูนย์การประชุมแห่งชาติ (NCC) จะปิดเพื่อขยายการลงทุนใหม่ใหญ่กว่าเดิม 5 เท่า พร้อมเปิดบริการในอีก 2 ปีครึ่ง หรือประมาณปลายปี 2565 ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีในวงการไมซ์ไทย แต่ขณะนี้ก็มีสถานที่ใหม่ ๆ อย่าง รอยัล พารากอน ฮอลล์ เซ็นทารา แอท เซ็นทรัล เวิลด์ หรือไบเทค แล้วก็ยังมีสถานที่ประชุมมาตรฐานสากลในต่างจังหวัด เช่น Peace พัทยา NICE สวนนงนุช สงขลา และ KICE ขอนแก่น ซึ่งจะพยายามกระตุ้นทุกคอนเว็นชั่นผลักดันให้เกิดการกระจายนำงานระดับนานาชาติไปจัดตามภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศให้ได้มากที่สุดทุกปี

 ฟังข่าวต้นชั่วโมง 

 ข่าวที่ 1 “จับตาศึกชิงสัมปทานดิวตี้ฟรีคิงเพาเวอร์ย้ำจุดยืนพร้อมแข่ง” 



 สนามแข่งขันชิงงานประมูลที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดให้ภาคธุรกิจเอกชนที่สนใจมาซื้อซองเอกสารข้อกำหนดขอบเขตและรายละเอียดการประกวดราคา (Term Of Reference :TOR) “เข้าร่วมบริหารพื้นที่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” ซึ่งกำหนดการคัดเลือกหาผู้ชนะหรือทำคะแนนสูงสุดให้ได้ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2562 เพื่อเข้าทำสัญญา 2 โครงการ กำลังอยู่ในกระแสความสนใจของหลายฝ่าย ประกอบด้วย

โครงการแรก การบริหารพื้นที่จำหน่ายสินค้าปลอดอากร (Airport duty free) ขนาด 12,021 ตารางเมตร และโครงการที่ 2 การบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ (commercial Area) เป้าหมายการประมูลบริหารพื้นที่ร้านค้าดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิรอบนี้ ทอท.ได้กำหนดเกณฑ์การตัดสินโดยขีดเส้นใต้ชัดเจนว่าจะใช้กติกาอย่างเป็นรูปธรรมคือเลือก “ผู้ชนะเพียงรายเดียว” (Master Concessions) ซึ่งจะต้องเป็นผู้เสนอ “ผลประโยชน์ตอบแทนรัฐสูงสุด” ต่อเนื่องตลอดสัญญา 10 ปี ระหว่าง 28 กันยายน 2563-31 มีนาคม 2574 และต้องโชว์ศักยภาพความพร้อมจะพัฒนาธุรกิจอย่างมืออาชีพ ด้วยกลยุทธ์ “การนำเสนอแผนบริหารจัดการขายสินค้ากับแผนการตลาด” ซึ่งสามารถลงมือทำได้จริงโดยไม่สะดุดกลางคัน

ประการสำคัญอีกอย่างคือ ”จะต้องเป็นผู้ที่มีพลังความแข็งแกร่ง” สูงพอจะขับเคลื่อนนำพาภาพลักษณ์ในอนาคตของประเทศไทยให้ก้าวไปยืนเทียบชั้นดิวตี้ฟรีในเวทีโลกได้อย่าง “สง่างาม”

 ระหว่างรอการเปิดขายซองประกวดราคาตั้งแต่เดือนกันยายน 2561 เรื่อยมาจนถึงขณะนี้ถึงแม้จะปิดขายซองราคาไปแล้ว ก็ยังมี “ความเห็นต่าง” สู่สาธารณะโดยการนำประเทศไทยไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ อย่างกว้างขวาง

ทว่าในทางกลับกันกว่า 3 ทศวรรษที่ผ่านมา ก็ยังไม่เคยมีปรากฎการณ์ที่ประเทศอื่น ๆ จะเปิดทางให้นักลงทุนไทยเข้าไปยึดพื้นที่สัมปทานดิวตี้ฟรีสนามบินนานาชาติของประเทศนั้น ๆ ได้ วันนี้คงมีแต่ประเทศไทยที่เปิดกว้างให้ดึงกลุ่มทุนประเทศอื่นเข้ามาแบ่งเค้กจากสนามบินไทยกันอย่างคึกคัก ในช่วง ”ยุคทองอุตสาหกรรมท่องเที่ยว” ของประเทศกำลังเบ่งบานมีปริมาณผู้โดยสารผ่านเข้าออกสนามบินสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชีย ทั้งต่างชาติมาท่องเที่ยวไทย (inbound) และคนไทยเดินทางไปต่างประเทศ (outbound) ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดลูกค้าหลักของร้านค้าดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิ

 คำถามแรก คือ ชัยชนะจากการประมูลครั้งนี้จะเป็นตัวชี้อนาคตประเทศไทยอีกมุมเกี่ยวกับเรื่อง “รายได้หมุนเวียน” วันข้างหน้าควรจะอยู่ในมือ “คนไทยด้วยกัน” หรือ “ควรแบ่งปันความมั่งคั่ง” ให้กับนานาประเทศ ?

 คำถามที่สอง คือ ทุกวันนี้คนไทยมีขีดความสามารถด้านการพัฒนาธุรกิจร้านค้าปลอดอากร วิกฤตถึงขั้นสู้นานาประเทศไม่ได้จริงหรือ? จึงต้องจูงมือกลุ่มทุนต่างชาติเข้ามามีส่วนได้ส่วนเสีย และ/หรือ ดิวตี้ฟรีเป็นขุมทองทางการค้าที่เรากำลังไล่ล่ากันเองเพื่อชัยชนะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น จนไม่มองข้ามผลประโยชน์แท้จริงที่ประเทศไทยควรจะได้รับหรือไม่ ?

คำถามที่สาม คือ โลกยุคนี้ต้องเปิดการค้าเสรี ที่ประเทศไทยมีให้อย่างเต็มที่ แต่นักลงทุนไร้พรมแดนสามารถเลือกช้อปเฉพาะกิจการที่ได้ผลตอบแทนง่าย ๆ ซึ่งผ่านพ้นความยากลำบากพัฒนามาถึงยุคมั่งคั่งได้ทุกวันนี้ โดยมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแรงมากพอ กลายเป็นขุมทรัพย์ใส่พานรอไว้ให้เช่นนั้นหรือ ? 

“นิตินัย ศิริสมรรถการ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่าหน้าที่เปิดประมูลต้องเป็นไปตามกระบวนการของ ทอท.ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ส่วนเอกชนทุกกลุ่มเมื่อสนใจเข้าสู่เส้นทางการแข่งขันก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและกติกาตามทีโออาร์ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนทั้ง 2 โครงการด้วยเช่นกัน

 ระหว่างนี้ไปจนถึงก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม 2562 ตามทีโออาร์ได้ระบุวันและขั้นตอนการปฏิบัติตามระเบียบ ทอท. ให้ต้องทำตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน เชิญเอกชนผู้ซื้อซองประกวดราคาเข้ารับฟังรายละเอียดทั้งหมด วันที่ 23 เมษายน พาลงพื้นที่ชมสถานที่ประกอบการ วันที่ 8 พฤษภาคม ผู้ซื้อซองประกวดราคาจะต้องแจ้งข้อมูลผู้ร่วมทุนแต่ละกลุ่มที่ยื่นประมูลอย่างเป็นทางการ วันที่ 22 พฤษภาคม เอกชนต้องยื่นข้อเสนอดำเนินการ วันที่ 27 พฤษภาคม นำเสนอผลงานและข้อเสนอทางเทคนิค วันที่ 28 พฤษภาคม เปิดซองเสนอค่าตอบแทน และวันที่ 31 พฤษภาคม ประกาศผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดในแต่ละโครงการ

อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา
  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์


 “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวย้ำซ้ำ ๆ ตลอดมาว่า พร้อมทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อเข้าร่วมแข่งขันการประมูลบริหารพื้นที่ร้านค้าดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิ โดยจะแข่งขันกับทุกฝ่ายโดยยึดประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นหลัก เนื่องจากแต่ละกลุ่มธุรกิจคนไทยล้วนมีจุดแข็งการพัฒนาการค้าแตกต่างกัน ด้านศักยภาพความสามารถของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในฐานะผู้บุกเบิกร้านค้าดิวตี้ฟรีเมืองไทยมา 3 ทศวรรษ ก็ยืนยันได้ว่าตลอดการดำเนินธุรกิจนั้น ได้ปฏิบัติตามกติกาและข้อกำหนดของหน่วยงานภาครัฐทุกภาคส่วน รวมทั้งจ่ายคืนรัฐทั้งในรูปแบบของผลตอบแทนตามข้อตกลงสัญญา ภาษีธุรกิจ เรื่อยไปจนถึงได้สร้างชื่อเสียงนำดิวตี้ฟรีไทยมียอดขายติดอันดับ 1 ของเอเชีย และ 1 ใน 5 ของโลก

 รวมทั้งได้ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์อย่างสม่ำเสมอ เดินหน้าเพิ่มสัดส่วนคัดเลือกสินค้าชุมชนคุณภาพดีจากทั่วประเทศนำมาวางขายในร้านค้าคิง เพาเวอร์ ครอบคลุมทุกสาขาทั้งคิง เพาเวอร์ สนามบินและร้านค้าในเมืองทั่วประเทศ

ล่าสุดเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2562 ได้ต่อยอดทำโครงการ Thai National Dye Collection ด้วยการนำผ้าตีนจกและมัดย้อมของชาวปกากะญอ จังหวัดลำพูน ซึ่งออกแบบเป็นพิเศษหนึ่งเดียวในโลกไปเปิดตัววางขายเทียบชั้นแบรนด์อินเตอร์ ณ เดอะ ซิตี้ แฟนสโตร์ แอท คิง เพาเวอร์ สเตเดียม” สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ 

นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากภาคเหนือ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ และภาคอื่น ๆ เพื่อสร้างแบรนด์ไทยก้าวไกลสู่ตลาดโลก พร้อม ๆ กับการเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการคืนประโยชน์สู่สังคม “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ครบทั้ง 4 เรื่อง ได้แก่ 1.COMMUNITY POWER : พลังสินค้าชุมชน 2.SPORT POWER : พลังกีฬา 3.MUSIC POWER : พลังดนตรี และ 4.EDUCATION & HEALTH POWER : พลังการศึกษาและสุขภาพ



 ทั้งนี้ในสนามแข่งขันการประมูลโครงการ บริหารร้านค้าดิวตี้ฟรีสนามบินสุวรรณภูมิ ระหว่างเมษายน-พฤษภาคม 2562 นั้น กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เป็น 1 ใน 5 ที่ยื่นซื้อซองประกวดราคาดิวตี้ฟรีในนาม บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด โดยมีผู้ชิงชัยที่มีกระแสเตรียมจะดึงกลุ่มผู้ร่วมทุนต่างชาติเข้าร่วมวงด้วย 4 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท รอยัลออคิด เชอราตัน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

 ส่วนโครงการ บริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์สนามบินสุวรรณภูมิ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เป็น 1 ใน 4 บริษัท ยื่นซื้อซองประกวดราคาในนาม บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ร่วมกับอีก 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และบริษัท เดอะ มอลล์ กรุ๊ป จำกัด น่าสนใจอย่างยิ่งว่า “สัมปทานดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิ” ขุมทรัพย์สำคัญของ ทอท.และประเทศไทย ที่คนไทยสร้างขึ้นมากับมือ นับจากนี้เป็นต้นไปควรจะอยู่ในมือคนไทย และ/หรือกลุ่มธุรกิจร่วมทุนต่างชาติ ต้องไตร่ตรองอย่างรอบในการเดินหน้าเศรษฐกิจประเทศไทยยุคต่อไป

 ข่าวที่ 2 “บิ๊กททท.รุกตลาดมาเลย์เป้าปี63เฉียด5ล้านคน1.3แสนล้านบาท” 


 นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้นำทีมผู้บริหารทั้งนายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ นายอะหมาน หมัดอาดัม ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานกัวลาลัมเปอร์ พร้อมทีมงาน ททท.อาเซียน จัดทำโครงการ Thanks 4 Million –Let’s Celebrate Songkran Festival ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลซีย เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2562 เพื่อแสดงความขอบคุณโดยมอบประกาศเกียรติคุณ รวมทั้งการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีทำให้เกิดภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยเชิงบวกในตลาดมาเลเซีย ตลอดงานกลุ่มพันธมิตรตอบรับคึกคักมากมีทั้งตัวแทนสายการบิน บริษัทตัวแทนจัดนำเที่ยว คลับรถยนต์ซูเปอร์คาร์ บิ๊กไบค์ คอร์ปอเรต สื่อท่องเที่ยว และองค์กรเกี่ยวข้องเข้าร่วมงานมากถึง 350 ราย

 ตลอดปี 2562 ททท.จะเร่งปูพรมเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวมาเลเซียเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2563 อีก 10 % โดยจะใช้ 2 หมวดหลัก ประกอบด้วย

หมวดแรก “อาหาร” ซึ่งมีส่วนแบ่งการทำรายได้เข้าประเทศมากถึง 20 % ของรายได้ทั้งหมด และไทยเองก็มีความโดดเด่นเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (gastronomy) สามารถขยายผลการกระจายรายได้จากนักท่องเที่ยวจากต้นน้ำจนถึงปลายน้ำได้อย่างกว้างขวางในทุกท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบภาคการเกษตรครบวงจร พืช ผัก ผลไม้ และผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารสามารถซื้อกลับบ้านได้ รวมทั้งยังได้เผยแพร่อาหารถิ่นแต่ละภาคของประเทศให้เป็นรู้จักมากขึ้นด้วย

 ผนวกกับโครงการมิชลินตามนโยบายรัฐบาลไทย ซึ่งประกาศให้มีคู่มือร้านอาหารติดดาวทั้งในกรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ ไปเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นส่วนหนึ่งในการปลุกกระแสอาหารไทยทั้งในตลาดมาเลเซีย อาเซียน และทั่วโลก คึกคักตามไปด้วย

หมวดที่ 2 “ช้อปปิ้งสินค้าชุมชน” ซึ่งสามารถดีไซน์กิจกรรมระหว่างทริปให้นักท่องเที่ยวเข้าไปร่วมทำ D.I.Y.ร่วมทำผลิตภัณฑ์แฟชั่นผ้าไทย ของใช้ ของกิน มากมาย เสร็จแล้วมอบเป็นของที่ระลึกหรือซื้อเพิ่มกลับบ้าน จะได้ทั้งการเรียนรู้ประสบการณ์วิถีชีวิตท้องถิ่นตามคอนเซ็ปต์ Local Exprerience และความประทับใจ ได้เห็นถึงคุณค่าการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่สไตล์ Open to the New Shade 



นายฉัททันต์กล่าวว่า พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวมาเลเซียจะเห็นไทยเป็นจุดหมายปลายทางการเดินทางเที่ยวช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ (weekend destination) เป็นกลุ่มเดินทางท่องเที่ยวซ้ำ 59 % กับกลุ่มเดินทางครั้งแรก 41 % โดยเดินทางท่องเที่ยวอิสระโดยลำพัง (F.I.T) 65 % อายุเฉลี่ย 20-39 ปี เดินทางซ้ำ ๆ คนละ 3-5 ครั้ง/ปี และใช้บริการทัวร์ (G.I.T.) อีก 35 % โดยภาพรวมตลาดมาเลเซียจะเป็นนักท่องเที่ยวผู้หญิง 55 % ผู้ชาย 45 % ส่วนการพักเฉลี่ยในไทยปัจจุบันช่วงสั้น ๆ ครั้งละ 4.94 วัน ใช้จ่ายเงินคนละ 28,000 บาท/ทริป เฉลี่ยวันละ 5,500 บาท/คน ดังนั้น ททท.จึงต้องหาวิธีกระตุ้นให้ใช้เงินอย่างรวดเร็วในหมวดอาหารกับช้อปปิ้ง และอื่น ๆ ก็มีเพิ่มกิจกรรม ความสนุกบันเทิง การวิ่งมาราธอน

 ขณะเดียวกัน ททท.วางกลยุทธ์รุกขายท่องเที่ยวตลาดมาเลเซียพ่วงเมืองท่องเที่ยวหลักและเมืองรองเข้าด้วยกันในแบบ HUB & HOOK โหมนำเสนอปฏิทินการจัดกิจกรรม อีเวนต์ ใส่ไว้ในแต่ละเดือน แนะนำแหล่งใหม่ ทั้งร้านอาหาร โรงแรม ส่งผ่านข้อมูลถึงนักท่องเที่ยวผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ออนไลน์ ดิจิทัล เข้าถึงอย่างรวดเร็ว ในทางกลับกันก็ได้จัดทำข้อมูลให้กับทางฝั่งเจ้าบ้านตามแหล่งท่องเที่ยวชุมชนท้องถิ่นในประเทศไทย (supply) เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของชาวมาเลเซียซึ่งเป็นกลุ่มตลาดที่มีศักยภาพสูง พร้อมจะเข้ามาเพิ่มรายได้ในช่วงนอกฤดูเดินทางหรือช่วงหน้าฝนได้เป็นอย่างดี ทำให้เกิดภาคธุรกิจใหม่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้



นายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการด้านตลาดอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท.กล่าวว่า วางแผนโหมจุดขายในตลาดมาเลเซียมาไทยปี 2562 ชูท่องเที่ยว 4 เมืองรอง ได้แก่ 1.แม่ฮ่องสอน นิยมนำคาราวานรถยนต์ขับท่องเที่ยวในความท้าทายกว่าพันโค้งช่วงพฤศจิกายน-มกราคม ของทุกปี แล้วต่อไปยังจังหวัดอื่น ๆ ในภาคเหนือ 2.เชียงราย เพื่อสัมผัสวิถีวัฒนธรรมล้านนา แล้วเดินทางต่อไปยังเชียงใหม่ 3.เบตง ยะลา ซึ่งมีชายแดนติดต่อกับทางรัฐเปรัค 4.สตูล เมืองมรดกโลกทางด้านจีโอปาร์ค รวมทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมเกาะหลีเป๊ะ และมีพื้นที่เชื่อมต่อบริเวณเกาะลังกาวี

 อีกทั้งยังมีอีกหลายด่านเชื่อมต่อการเดินทางท่องเที่ยวทางบกเข้า-ออก อย่างสะดวกบริเวณชายแดนภาคใต้ จากเมืองปะริด และปีนัง ลัดเลาะเข้ามาถึง พัทลุง นครศรีธรรมราช พื้นที่แถบนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางซ้ำเข้มมาเป็นจำนวนมาก และมีรถตู้บริการจากปาดังเบซาห์-หาดใหญ่ มีรถไฟท้องถิ่น รถไฟฟ้ามาถึงปาดังเบซาห์ วิ่งด้วยความเร็ว 130 กม./ชั่วโมง และเที่ยวบินเช่าเหมาลำ ซึ่งตลาดคอร์ปอเรตมาเลเซียนิยมใช้บริการ

สำหรับการเร่งเพิ่มรายได้จากหมวดอาหาร ช้อปปิ้ง และกิจกรรมอีเวนต์ต่าง ๆ นั้น เตรียมขยายผลเต็มรูปแบบปี 2563 โดยจะเปิดช่องทางเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลโซเชียลมีเดีย ทำเป็นเรื่องราวเสน่ห์แต่ละด้านใส่เพิ่มเข้าไปอย่างสม่ำเสมอ นำเสนอ 1.พื้นที่เมืองรอง 2.บรรยากาศความสนใจของ ร้านอาหารสไตล์ รูฟท็อป ฟู้ดสตรีท และอื่น ๆ ล่าสุดทาง ททท.กัวลาลัมเปอร์ นำสื่อบล็อกเกอร์มาร่วมงานเทศกาลอาหารภูเก็ตมิชลินแล้วกลับไปเผยแพร่มีผลตอบรับที่ดี อีกทั้งปัจจุบันมีร้านอาหารไทยเปิดบริการในกัวลาลัมเปอร์มากถึง 55 ร้าน 

ส่วนการเพิ่มรายได้หมวดช้อปปิ้ง ตอนนี้มีความตื่นตัวเรื่องดีไซน์แฟชั่นผ้าไทยทั้ง 5 ภาค เครื่องสำอางไทย และการมาใช้บริการความงามเช่นทำเลเซอร์ รวมทั้งยังได้จัดทำโปรแกรมท่องเที่ยวกระตุ้นการเดินทางเป็นระยะ เช่น กลุ่มตลาดผู้หญิงจัดทำ Fly Hihg Beauty หรือกลุ่มตลาดครอบครัวมีแพกเกจชวนขับรถมาท่องเที่ยวภาคใต้

 นายอะหมาน หมัดอาดัม ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางเข้า-ออก ทางด่านชายแดนมาเลเซีย-ไทย ที่มีให้เลือกถึง 8 ด่าน จำนวนปีละ 1.8-2 ล้านคน อาทิ ด่านเบตง สุไหงโกลก ตากใบ สะเดา บางปะจัน และการเจาะตลาดใหม่กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยได้ทำโครงการ Roadshow University ไปตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ตั้งเป้าภายในกันยายนนี้รวม 4 มหาวิทยาลัย ส่วนพื้นที่ท่องเที่ยวที่ครองใจมาเลเซียที่สามารถเข้ามาทางบกและมีเที่ยวบินตรง 5 จังหวัดแรก ได้แก่ สงขลา กรุงเทพฯ กระบี่ ภูเก็ต เชียงใหม่ และกำลังขยายมายังเมืองรองโดยมีเที่ยวบิน ได้แก่ ปี 2561 หัวหิน (ประจวบคีรีขันธ์) ปี 2562 เชียงราย ซึ่งมีช่วงตารางเวลาบินเหลืออยู่อีกเป็นจำนวนมาก

 ปัจจุบันมีเที่ยวบินประจำบริการ ไป-กลับ ประเทศไทย กับ มาเลเซีย รวม 351 เที่ยว รวม 9 สายการบิน ได้แก่ 1.การบินไทย 2.ไทยสไมล์ 3.มาเลเซียแอร์ไลน์ส 4.บางกอกแอร์เวย์ส 5.ฟลายเออร์ฟลาย 6.มาลินโด แอร์เวย์ส 7.รอยัล โจดาเนียน8.แอร์เอเชียมาเลเซีย มีเที่ยวบินเข้าไทยมากสุด 9 จังหวัด 154 เที่ยว/สัปดาห์ และ 9.ไทย แอร์ เอเชีย มีมากถึง 56 เที่ยว/สัปดาห์

ททท.ผนึกทีมกันปูพรมเฮรับทั้งจำนวนและรายได้ตลาดมาเลเซียต่อเนื่องปี 2562 และ 2563 ที่จะมีนักท่องเที่ยวเฉียด 5 ล้านคน นำรายได้กว่าแสนล้านบาทกระจายทั่วในเมืองหลักและเมืองรองของไทยอย่างยั่งยืน 


 ข่าวที่ 3 “BCPGเครือบางจากเปิดไฟฟ้าลมลิกอร์ปากพนังเพิ่มรายได้ปี62” 



 นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ในเครือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าได้เปิดโครงการลมลิกอร์กำลังการผลิตติดตั้ง 10 เมกะวัตต์ ที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราชเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2562 เป็นต้นมา ดำเนินการโดยบริษัท ลมลิกอร์ จำกัด ในกลุ่มบีซีพีจี ได้เริ่มต้นการขายไฟฟ้า (COD) ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้เร็วกว่าที่ประมาณการไว้เดิมคือช่วงปลายไตรมาส 2 ทำให้สามารถรับรู้รายได้ได้เร็วขึ้นกว่าที่กำหนดไว้เดิม

 โครงการนี้ประกอบด้วยกังหันลม 4 ต้น สามารถผลิตไฟฟ้าได้เฉลี่ยวันละ 5.1 ชั่วโมง โดยบริษัทฯขายไฟฟ้าได้เฉลี่ยหน่วยละประมาณ 6.60 บาท จากการได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (adder) 3.50 บาทต่อหน่วย จากราคาค่าไฟฐานเป็นเวลา 10 ปี และมีระบบจัดการพลังงาน (Energy Management System) ภายในโครงการช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพในการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ กฟภ. อย่างสม่ำเสมอ 

โครงการนี้ นอกจากจะเป็นการตอบสนองความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องแล้ว ยังเป็นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ซึ่งคาดปี 2562 จะลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 7,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และประมาณ 9,300 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

ส่วนปีต่อไปจะผลิตไฟฟ้าเต็มปี ก็จะยิ่งช่วยลดคาร์บอนได้มากยิ่งขึ้นต่อไป

 ช่วงที่ 2 เที่ยวกันเถอะรอบกรุงเทพฯ ในเมืองรอง “สระบุรี” 2 อำเภอ “เสาไห้-มวกเหล็ก” มีแหล่งท่องเที่ยวตลาดพื้นบ้าน “กับร้านอาหารเต็มไปด้วยของอร่อยรอต้อนรับอยู่เพียบ แนะนำ “ร้านไร่สินทวี-บิ๊กโจ๊ย” ส่วนการกินฟัง “เคล็ดไม่ลับ5อย่าง” กับการกินดีเพื่อสุขภาพแจ๋วตลอด และข่าวน่ารู้ “เอกชนท่องเที่ยวตลุยโร้ดโชว์จีน3เมืองรอง” ตุนรายได้ครึ่งปีหลัง ไม่รอนรัฐแจกเงินคนไทยเที่ยวไทย “การบินไทย” ชวนแชร์ภาพลงโซเชียลลุ้นรับตั๋วบินฟรี 60 เส้นทาง และ “ททท.” ผุดโปรเจ็กต์ HackaTravel ระดมคนรุ่นใหม่ปั้นนวัตกรรมดิจิตอลท่องเที่ยวขยายตลาดระยะยาว 

@เที่ยวเมืองรองกินอาหารอร่อยในเสาไห้-มวกเหล็ก สระบุรี 



 วันนี้มีเส้นทางขับรถเที่ยวสบาย ๆ ใกล้กรุงเทพฯ ในเมืองรอง “สระบุรี” มานำเสนอแหล่งท่องเที่ยวมุมอาหารอร่อย 2 ตลาด “ตลาดน้ำลาวเวียง-ตลาดต้าน้ำโบราณบ้านต้นตาล” กับ 2 ร้านอาหาร มุ่งหน้าตรงไป “อำเภอเสาไห้” เป้าหมายปลายทางแรก คือ “ตลาดน้ำลาวเวียง” ในชุมชนเล็ก ๆ มีกลิ่นอายชนบทโดยผู้คนมีความเข้มแข็งในการดีไซน์ให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ โดยนำสิ่งที่มีอยู่มาผสมผสานกันอย่างลงตัว

อย่างแรกคือ “ปูเสื่อกินอาหาร” ใต้ต้นก้ามปูริมน้ำ ความร่มครึ้มจากกิ่งใบก้ามปูที่แผ่กว้างช่วยเติมเต็มความสุขได้ หรือจะเลือกนั่งพักผ่อนแถวแพริมน้ำก็ได้เหมือนกัน ระหว่างนั้นทางหมู่บ้านได้นำกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาโชว์นักท่องเที่ยวได้ชมกันเพลิน ๆ อย่าง ระบำ รำเซิ้ง มวยทะเล แข่งงมหอย หรือเล่นหมาเน่าลอยน้ำ การตีโป่งผ้าถุงในน้ำ การแข่งเรือหัวใบ้ท้ายบอด เดินกะลา ไม้โถกเถก แวะไม่วันหยุดสัปดาห์ไหนก็ได้ตามสะดวกใจ ก็จะได้สัมผัสอารมณ์ความรู้สึกบรรยากาศตลาดน้ำลาวเวียงได้ตั้งแต่ 10 โมงเช้า ถึง 2 ทุ่ม



 ปลายทางพักผ่อนแห่งที่ 2 แวะ “ตลาดต้าน้ำโบราณบ้านต้นตาล” หรือตลาดท่าน้ำนั่นเอง บรรพบุรุษขอชาวบ้านแถบนี้อพยพมาจากเชียงแสนนานกว่า 215 ปี เป็นชาวไทย-ยวน ที่มาตั้งรกรากอยู่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 เมื่อปี 2347 พร้อมกับนำฝีมือ “ทอผ้ายกมุก” คล้ายชาวล้านนาและอู้ภาษาคำเมืองเหนือ

โดยนำอัตลักษณ์เหล่านี้มาเป็นจุดขายทำค้าขายในตลาด ด้วยการตกแต่งตลาดให้มีบรรยากาศเมืองเหนือวางขายอยู่ในวัดเปิดบริการเฉพาะวันอาทิตย์ สัปดาห์ละ 1 วันเท่านั้น ช่วง 8 โมงเช้า ถึง 4 โมงเย็น เน้นการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันเอง และให้นักท่องเที่ยวที่แวะเข้าไปได้ช้อปตามอัธยาศัย โดยมีอาหารเหนือมากมาย อย่าง ผัดหมี่ ไทย-ยวน ข้าวแครบ หรือข้าวเกรียบเมืองเหนือ และอื่น ๆ ขายงานหัตถกรรม ผลิตภัณฑ์แฟชั่นภูมิปัญญาท้องถิ่น อย่าง ผ้าทอมือ เสื้อสำเร็จสำเร็จตัดเย็บสไตล์พื้นเมือง เครื่องจักรสาน และงานฝีมืองาม ๆ อีกเพียบ จะไปเที่ยวก็โทรสอบถามก่อนได้ที่ 089 985 7726



 ส่วนร้านอาหารแนะนำให้แวะตรง อำเภอมวกเหล็ก ร้านแรก “ร้านไร่สินทวี” ตกแต่งร้านสไตล์ธรรมชาติในเขตไร่องุ่น มีบริการเมนู สเต็ก สปาเก็ตตี้ สลัดกุ้งทอง ข้าวผัดต้มยำกุ้ง และเมนูตามสั่งที่แต่ละคนชอบ ของหวานต้องสั่งเค้ก เบเกอรี่ กาแฟสด และน้ำองุ่นสด เปิดทุกวัน ช่วง 8 โมงเช้า – 6 โมงเย็น โทร.036 342 452 , 081 928 5079 หรือดูได้จากเฟซบุ๊ค www.facebook.com/raisintawee 



ร้านที่สอง “บิ๊กโจ๊ย” ร้านจะอยู่ก่อนขึ้นเขาใหญ่ สามารถแวะนั่งชีลได้ในบรรยากาศคันทรี ๆ เสิร์ฟอาหารรสจัดแบบปักษ์ใต้ อย่าง แกงเหลือาปลากะพง ข้าวคลุกแกงไตปลา ไก่ทอด และไฮไลต์คือน้ำพริกหมูบิ๊กโจ๊ย ส่วนนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบเมนูเยอรมันก็มีให้เลือกชิม ไส้กรอก ขาหมู ปีกไก่บาร์บีคิว อร่อยไม่แพ้กัน ถ้าไปวันธรรมดา จันทร์-ศุกร์ เปิด 10 โมง – 2 ทุ่ม เสาร์-อาทิตย์ เปิด 10 โมง – 3 ทุ่ม โทร.098 945 1956 ออกไปพักผ่อนในบรรยากาศแปลกแตกต่าง ชิมแหล่งอาหารอร่อย ไปกับวิถีชีวิตของคนไทยในเมืองสระบุรีได้ทุกวัน

 @เคล็ดไม่ลับ 5 อย่างกับการกินดีเพื่อสุขภาพแจ๋วตลอด 



 เคล็ดไม่ลับ กินดีเพื่อสุขภาพ เริ่มที่อาหาร 5 หมู่ต้องกินให้ครบ เน้นหลักความหลากหลายของอาหาร เราไม่จำเป็นต้องอด แค่รู้จักความพอดี ไม่ว่าจะอ้วนไป หรือปผอมไป หากกินให้หลากหลาย รู้ว่าขาดอะไรต้องลดอะไรเท่านั้น ทำได้ง่าย ๆ ดังนี้

 1.รู้จักแป้ง - แป้งก็อยู่ในอาหารหลักของเรา การทำความรู้จักแป้ง กลไกของมันโดยกินอย่างเหมาะสม เช่น เปลี่ยนข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง เท่านี้ก็ช่วยได้

2.เป็นเพื่อนผักผลไม้ - เพราะในอาหารกลุ่มนี้มีทั้งวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และเป็นสิ่งที่คนไทยขจาดมากที่สุด ทั้งๆ ที่เราเป็นราชาของการผลิตสิ่งเหล่านี้

3.หันไปกินปลา พืชตระกูลถั่ว นม ไข่ - เพราะเป็นแหล่งโปรตีนดี และไขมันน้อย แต่หากมีภาวะคอเลสเตอรอลสูง อาจต้องกินอย่างพอเหมาะมากกว่าปกติ

4.โบกมือลาไขมัน - อาหารทอด เป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะไขมันในเลือดสูงอย่างดี เราจำเป็นต้องควบคุมปริมาณการกินเป็นพิเศษ กินได้ แต่กินน้อย ๆ

5.อ่อนหวาน อ่อนเค็ม - คนไทยบริโภคสองสิ่งนี้สูงเกินปริมาณเหมาะสม ซึ่งควรหันมาบริโภคอาหารรสจืดดูบ้าง ค่อย ๆ ลดปริมาณความหวาน ความเค็มลง ก็สามารถอร่อยอยู่เหมือนเดิมได้

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 ข่าวแรก “แอตต้าบุกโร้ดโชว์จีนตุนรายได้ครึ่งปีหลังไม่รอรัฐแจกเงินคนเที่ยว”

 ระหว่างที่ยังมีการรอคำตอบจากรัฐบาลถึงมาตรการโยนหินจากกระทรวงการคลังที่จะแจกเงินให้คนไทย คนละ 1,000-1,500 บาท นำไปใช้ท่องเที่ยวเมืองรองเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงครึ่งปีหลัง ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประสานคำตอบเป็นเสียงเดียวกันว่ายังไม่รู้ข้อเสนอเรื่องนี้แต่อย่างใด ในส่วนของผู้ประกอบการท่องเที่ยวเอกชนจึงต้องลุยทำตลาดเองเพื่อตุนรายได้ช่วงครึ่งปีหลังไว้ก่อน

ล่าสุด นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) กล่าวว่า วางแผนนำสมาชิกบริษัทนำเที่ยว 60 ราย เดินทางไปทำโรดโชว์ระหว่างวันที่ 26-31 พฤษภาคม 2562 เป้าหมายหลักในตลาดสาธารณรัฐประชาชนจีน 3 เมืองรอง ซึ่งมีประชากรรวมกันกว่า 150 ล้านคน และเที่ยวบินตรงเข้าไทยจำนวนมากได้แก่

 1.เมืองเซียะเหมิน มณฑลฮกเกี้ยน 2.เมืองหนานชาง มณฑลเจียงซี 3.เมืองฉางชา มณฑลหูหนาน ทั้งนี้ภาคเอกชนท่องเที่ยวไทย ยังคงมีความเชื่อมั่นว่าจีนจะเป็นตลาดหลักที่จะเดินทางเข้ามาไทยปี 2562 กว่า 11 ล้านคน ขณะที่นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่จะให้ใช้เงินโครงการพยุงเศรษฐกิจไตรมาส 2 และ 3 เกี่ยวกับการแจกคนไทยอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป นำไปใช้ท่องเที่ยว 55 เมืองรอง จะสรุปก่อนเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 30 เมษายน 2562 เพื่อเริ่มใช้ทันทีตั้งแต่ไตรมาส 2 นี้เป็นต้นไป

ข่าวที่สอง “บินไทยชวนใช้โซเชียลแชร์รูปลุ้นรับตั๋วฟรี60เส้นทาง”  



นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทยฯ เปิดเผยว่า การบินไทยกับไทยสไมล์จัดกิจกรรม “SEE THE WORLD. SENSE THE WORLD.” Photo Contest เปิดให้ผู้โดยสารได้อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ร่วมเก็บภาพประสบการณ์ความทรงจำอันประทับใจจากการเดินทางแต่ละครั้งกับทั้ง 2 สายการบิน โดยโพสต์รูปผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัว อินสตาแกรม เฟซบุ๊ค ครั้งละไม่เกิน 3 รูป เมื่อบินในประเทศและระหว่างประเทศ ระหว่างวันนี้ – 15 กรกฎาคม 2562 ชิงรางวัลบัตรโดยสารการบินไทยและไทยสมายล์กว่า 60 เส้นทาง รวม 38 รางวัล

 ด้วยกติกาง่าย ๆ คือตั้งค่าโพสต์เป็นสาธารณะ พร้อมใส่แคปชั่นระบุเที่ยวบิน วันเดินทาง คำบรรยายภาพ ติดแฮชแท็ก #LetsSenseTheWorld และแท็ก @ThaiAirways หรือ @ThaiSmileAirways การบินไทยจะประกาศรายชื่อผู้โชคดีทาง www.thaiairways.com วันที่ 15 สิงหาคม 2562

 ข่าวที่ 3 “ททท.งัดโปรเจ็กต์HackaTravelดึงคนรุ่นใหม่ปั้นนวัตกรรมท่องเที่ยว” 



 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้จัดทำโครงการ“HackaTravel” ชิงรางวัลมูลค่า 300,000 บาท โดย ททท.ร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และบริษัท เทคมี ทัวร์ จำกัด ผลักดันผลสำเร็จครั้งนี้ ด้วยการตั้งเป้าดึงคนรุ่นใหม่สร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัลใหม่ ๆ เข้ามาพัฒนากระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวของประเทศเติบโตอย่างมีคุณค่าในอนาคต

 นายนพพล อนุกูลวิทยา กล่าวว่า มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ HackaTravel ที่เปิดรับไปเมื่อช่วง 18 มีนาคม - 9 เมษายน 2562 บรรดาคนรุ่นใหม่ นิสิต นักศึกษา และสายอาชีพที่เกี่ยวข้องแห่มาสมัครรวม 268 คน ผ่านการคัดเลือกเข้ารอบ 90 คน เพื่อลงชิงชัยกันในวันที่ 27 – 28 เมษายน นี้ ที่ศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งจะเปิดให้ผู้สนใจติดตามการแข่งขันได้ที่ www.takemetour.com/hackatravel

 ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง