ททท.ซิดนีย์รุกชิงตลาดโอเชเนียครึ่งปีหลัง 62 -เปิดพลังดีคิงเพาเวอร์-เที่ยวสนุกในชัยนาทตลาดเจ้าพระยาแล
ททท.ซิดนีย์รุกชิงตลาดโอเชเนียครึ่งปีหลัง 62
สุลัดดานำทีมฝ่า5ความท้าทายเศรษฐกิจ-คู่แข่ง
เปิดพลังดีคิงเพาเวอร์สร้างสะพานเศรษฐกิจไทย
ททท.ผนึกพาณิชย์5กรมเพิ่มรายได้เที่ยวชุมชน
เชียงรายแต้แต้ชวน@lineรับสิทธิ์เที่ยวถึงก.ย.นี้
บางจากชูแคมเปญเติมปั๊บดับร้อนบัตรเครดิตซิตี้
มูลนิธิปิดทองนำชมชุมชนแนวพระราชดำริจ.เลย
เที่ยวชัยนาทวัดดัง-ตลาดดี-หัตกรรมผักตบแจ๋ว
ชวนกันเลือกกินอาหารป้องกันโรคไตกันไว้ดีกว่า
บินไทยจ่อซื้อฝูงบิน1.5แสนล้าน-แบกหนี้หมื่นล้าน
นกแอร์กัดกันขอผู้ถือหุ้นกู้ 3พันล้านฟื้นขาดทุน
ไปวิ่ง"กิโลรัน"ครั้งแรกกับโดมที่เยาวราช26พ.ค.
แอร์เอเชียตั๋วถูก990บาทบินกรุงเทพ-สีหนุวิลล์
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ 28 เมษายน 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าว #เที่ยวกับกู๋ #เที่ยว #TATSYDNEY #ExperienceNewVarietyofAmazingThailand
ช่วงที่ 1 ต่อสายตรงจากไทยไปโอเชเนียเพื่อเกาะติดภารกิจของ “สุลัดดา ศรุติลาวัณย์” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานซิดนีย์ ที่ต้องเทพลังหมดหน้าตักเพื่อฟันฝ่า 5 ความท้าทายทั้งทางด้าน “เศรษฐกิจ-การเมือง-คู่แข่ง” ในออสเตรเลีย ดึงคนมาใช้เงินกระจายตามแหล่งท่องเที่ยวในไทยปีละ 6.6 หมื่นล้านบาท ต้องใช้ฝีมือและงัดสินค้าใหม่ ๆ มาสร้างแรงจูงใจลูกค้าไหลเข้ามายังเมืองหลัก เมืองรอง ครึ่งปีหลังตลุยขาย ภาคใต้-ภูเก็ต/ กระบี่/พังงา/สุราษฎร์ธานี/นครศรีธรรมราช “ภาคตะวันออก” พัทยา/จันทบุรี/ตราด ภาคเหนือ-เชียงราย/เชียงใหม่
นางสาวสุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานซิดนีย์ |
นางสาวสุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานซิดนีย์ ดูแลพื้นที่ตลาด ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ตลาดโอเชเนียมีออสเตรเลียมีขนาดใหญ่สุด ช่วงปี 2561 เดินทางมาเที่ยวเมืองไทย 8.22 แสนคน สร้างรายได้ 66,190 ล้านบาท เพิ่ม 0.6 % วันพักเฉลี่ย 13-14 วัน/ทริป (13.85วัน) ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 5,671 บาท/วัน โดยนิยมซื้อทุกอย่างผ่านทางออนไลน์ จึงมีกลุ่มเดินทางท่องเที่ยวเอง (F.I.T.) มากสุดถึง 90 % เพิ่มขึ้น 10.8 % ขณะที่นักท่องเที่ยวนิวซีแลนด์มาไทย 1.013 แสนคน สร้างรายได้เข้าไทย 7,570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.4 % นิยมท่องเที่ยวเอง วันพักเฉลี่ย 13-14 วัน/ทริป (14.15 วัน) ใช้จ่ายเฉลี่ย 5,208 บาท/คน/วัน เพิ่มขึ้น 3.14 % เป็นกลุ่มเดินทางท่องเที่ยวเอง (F.I.T.) มากสุดถึง 88 % เพิ่มขึ้น 9.3 %
สรุปแล้วทั้งนักท่องเที่ยวทั้ง 2 ประเทศ มีรูปแบบการเดินทางเข้ามาไทยคล้ายคลึงกัน เป็นกลุ่มเดินทางมาท่องเที่ยวซ้ำกว่า 60 % รู้จักแหล่งท่องเที่ยวเมืองไทยเป็นอย่างดี ชื่นชอบสถานที่ อัธยาศัยไมตรีและวิถีชีวิตคนไทย ปี 2562 สถานการณ์จะชะลอตัวทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยตัวเลขจำนวนและรายได้ขณะนี้ยังทรงตัว ซึ่งจะต้องจับตาดูการเลือกตั้งครั้งใหม่ในออสเตรเลียช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 ว่าสภาวะเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มจะกระเตื้องขึ้นหรือไม่ เช่นเดียวกับนิวซีแลนด์ต้องรอดูเศรษฐกิจภาพรวมด้วย
ตามแผน ททท.ซิดนีย์เตรียมเดินหน้าทำกิจกรรมการตลาดต้องผลักดันต่อไป ในการร่วมมือกับกลุ่มภาคีพันธมิตร เนื่องจากชาวออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ชื่นชอบเที่ยวหาดทรายทะเล ดังนั้นการชูขายภูเก็ต สมุย และภาคตะวันออก ต้องเร่งเพิ่มน้ำหนักการขายต่อเนื่องอย่างเข้มข้น ส่วนเมืองรองก็ส่งเสริมต่อเนื่องโดยเฉพาะพื้นที่ “เชียงราย” ขายพ่วงกับเชียงใหม่ ซึ่งชาวออสเตรเลียรู้จักดีจากเหตุการณ์ที่มีนักดำน้ำชาวออสเตรเลียมาช่วยทีม 13 หมูป่าติดอยู่ในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน และจังหวัดตราดเน้นความโดดเด่นมีหาดทรายชายทะเลเป็นเมืองรองสามารถนำเสนอขายได้ มีเกาะสวยงามกับ Local Experience และท่องเที่ยวชุมชนที่น่าสใจมากมาย
ททท.ซิดนีย์จึงได้ดำเนินการการส่งเสริมตลาดทั้งเมืองหลักเมืองรองได้ใช้กลยุทธ์ 2 ส่วน คือ ส่วนแรก ประชาสัมพันธ์ เน้นโซเชียล มีเดีย พร้อมกับ KOL-Key Opinion Leader นำกลุ่มผู้นำทางความคิด อย่าง บล็อกเกอร์ต่าง ๆ ออนไลน์ และ influencer เดินทางเข้ามาเยี่ยมชมสำรวจพื้นที่ใหม่แล้วนำข้อมาเสนอในตลาด เช่น เชียงราย ตราด และพื้นที่ใกล้เคียงกับภูเก็ต เช่น กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี ส่วนที่ 2 การเสนอขาย พุ่งเป้าร่วมทำกับ 3 หลายเครือข่ายหลัก มีทั้ง
1.กลุ่มบริษัทตัวแทนนำเที่ยวทั้งร้านค้าส่ง ค้าปลีก และการท่องเที่ยวออนไลน์-Online Travel Agents แถวหน้าของประเทศ 2.ผนวกความร่วมมือกับสายการบิน เช่น การบินไทย ทำแคมเปญ Stop Over โดยมีผู้โดยสารออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เดินทางมาต่อเครื่องที่ไทยไปยังประเทศอื่น ๆ ทางยุโรป อเมริกา หรือเอเชีย ททท.เห็นช่องทางจะให้กลุ่มนี้แวะพักค้างคืนในไทย 1 คืน เพื่อใช้จ่ายเงิน หรือการร่วมกับ สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ขายตั๋วเครื่องบิน แพกเกจท่องเที่ยว ผ่านออนไลน์
3.การทำตลาดสนใจเดินทางท่องเที่ยวเฉพาะ หรือ Niche Market แบ่งเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
3.1 เจาะตลาด Wedding & Honeymoon กลุ่มคู่รักนิยมมาจัดฉลองและแต่งงานบีช ปาร์ตี้ แหล่งยอดนิยมคือสมุย ภูเก็ต ก็พาผู้จัดการมาชมโรงแรมและสถานที่จริงเพื่อนำไปทำแพกเกจการขายต่อไป
3.2 Health and Wellness กลุ่มความงามและส่งเสริมสุขภาพ ทำโยคะ นั่งสมาธิ ททท.ซิดนีย์ จะเลือกเข้าร่วมงานที่มีตลาดเหล่านี้ เช่น Body Spirit เป็นรายการขายแพกเกจสุขภาพ มีโรงพยาบาล ทันตกรรม เข้าร่วมแล้วทำแพกเกจมารับบริการในเมืองไทย
3.3 เข้าร่วมงานเพื่อเจาะกลุ่มตลาด Gastronomy Tourism ท่องเที่ยวเชิงอาหาร มาเป็นตัวดึงให้นักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวเพราะรู้จักอาหารไทยขึ้นชื่ออีกทั้งกลุ่มตลาดนี้นิยมรับประทานอาหารนอกบ้าน โดยได้ขายร่วมกับบริษัทตัวแทนท่องเที่ยว แพกเกจฟู้ดทัวร์ และ cooking class ซึ่งสามารถขายสถานที่ตั้งแต่พื้นที่ปลูกวัตถุดิบเรื่อยไปจนถึงขั้นตอนการผลิตอาหารก่อนรับประทาน
3.4 Sport Tourism กลุ่มท่องเที่ยวเชิงกีฬา ซึ่งรุกเข้าไปส่งเสริมเจาะคนปั่นจักรยาน วิ่งมาราธอน หรือช่วง 14-29 เมษายน 2562 ได้ส่งนักปั่นจากเมืองเพิร์ธปั่นแบบแอดเวนเจอร์ ปั่นจากภูเก็ตมาถึงนครศรีธรรมราช แล้วนำ VDO การปั่นตามเส้นทางทั้งหมด โดยร่วมกับการบินไทย มาเผยแพร่ต่อยอดเป็น Call to Action กระตุ้นคนมาร่วมกิจกรรมปั่นในเมืองไทยต่อไป
ผอ.สุลัดดากล่าวว่าเมื่อต้นเดือนเมษายน 2562 ได้ทำโครงการ Experience New Variety and Family Fun of Amazing Thailand 2019 นำทั้งเอเย่นต์และสื่อมวลชนออสเตรเลียเข้ามาสำรวจพื้นที่ท่องเที่ยวคุณภาพแหล่งใหม่ ๆ แบ่งเส้นทางออกเป็น กลุ่มแรก สื่อมวลชนพาไป กระบี่ พังงา กรุงเทพฯ นำชมเกาะบูดู นั่งเรือทำกิจกรรมในพังงา เขียนผ้าบาติก ชุมชนเกาะกลาง จ.กระบี่ เป็น Local Experience ที่สร้างความประทับใจได้เป็นอย่างมาก กลุ่มที่ 2 กลุ่มตัวแทนบริษัทนำเที่ยว ลงพื้นที่ไปยังภาคตะวันออก 4 จังหวัด ได้แก่ พัทยา ชลบุรี จัดการพบปะเจรจาธุรกิจแบบ Business to Business ส่วนจันทบุรีนำเสนอเส้นทาง Local Experience พาดูบ่อลพอยวิธีขุดพลอย ชมชุมชนริมน้ำจันทบูร เกาะหมาก จ.ตราด โชว์เรื่องการเป็นเกาะโลว์คาร์บอน ร่วมทำกิจกรรมอาหารออร์แกนิกทั้งหลายได้
จากนั้นก็นำทั้ง 2 กลุ่มทั้งสื่อมวลชนและเอเย่นต์ท่องเที่ยวออสเตรเลียในโครงการ Experience New Variety and Family Fun of Amazing Thailand 2019 มารวมตัวในกรุงเทพฯ ก็ให้ดูสิ่งอำนวยความสะดวกระบบคมนาคมขนส่ง และโครงการใหม่รถนำเที่ยวสไตล์ Hop on Hop off พร้อมกับจัดประชาสัมพันธ์แนะนำเมืองรองจำลองเมืองรอง 5 ภูมิภาค ให้ผู้ประกอบการ 43 ราย เข้าร่วมชมในบรรยากาศการทำกิจกรรมเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการไทย เน้นเจาะกลุ่มตลาดครอบครัว โดยเชิญชวนผู้ขายมีทั้งกลุ่มโรงแรม รีสอร์ต บริษัทนำเที่ยว สวนสนุก เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ศูนย์การค้า ในไทยเข้ามาร่วม 53 ราย
ส่วนการจำลองเมืองหลัก เมืองรอง มาไว้ในงานนั้น ททท.ได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยพร้อมเสนอขายเรื่องราวเกี่ยวกับ Local Experience ต่อเนื่องจากการลงพื้นที่เรียบร้อยแล้ว เช่น ภาคใต้ ทำกิจกรรมกระเป๋าจากกระจูด จ.พัทลุง ภาคเหนือ การชงชาออแกนิก จ.เชียงราย ภาคอีสาน การทำผ้ามัดย้อมภูอัคคนี จ.บุรีรัมย์ ภาคตะวันออก การสานงอบ จ.ตราด ภาคกลาง การทำหัวโขน จ.สมุทรสงคราม โดยเปิดให้ทุกคนได้ทดลองทำรวมถึงผู้ประกอบการที่เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวครอบครัวก็มารวมอยู่ในโครงการนี้ด้วย
ผอ.สุลัดดาย้ำว่า ปี 2562 การทำตลาดท่องเที่ยวช่วงครึ่งปีหลังมีความท้าทายในการรุกเจาะโอเชเนียซึ่งเป็นตลาดใช้จ่ายเงินสูงและมีวันพักระยะยาว แต่เนื่องจากเป็นตลาดระยะไกลใช้เวลาบินมากกว่า 8 ชั่วโมง จึงมีปัจจัยที่จะนำไปสู่การตัดสินใจเลือกประเทศเพื่อเดินทางท่องเที่ยวนั้น ไทยเองต้องฝ่าความท้าทายให้ได้ใน 5 เรื่องหลัก ๆ ดังนี้
1.เศรษฐกิจภายในประเทศค่อนข้างชะลอตัว ซึ่งเป็นผลมาจากหลาย ๆ ส่วนคล้ายกับเศรษฐกิจทั่วโลก
2.ความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งในออสเตรเลีย
3.ค่าเงินออสเตรเลียอ่อนตัวลง แต่ไทยเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวคุ้นเคยเป็นอย่างดีโดยเฉพาะเรื่องฮอสพิทาลิตี้ ซึ่ง ททท.พร้อมจะใช้เป็นจุดแข็งกระตุ้นให้ตลาดเลือกมาไทยเป็นอันดับต้น ๆ ส่วนกลุ่มเดินทางครั้งแรก first visit ต้องคัดสรรโปรดักซ์ใหม่เฉพาะกลุ่มอย่าง อาหาร บิวตี้แอนด์เวลเนส เพื่อช่วยดึงปริมาณนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้นได้
4.ประเทศคู่แข่ง ทำการตลาดหนักพอสมควร มีกิจกรรมมากมายมาดึงความสนใจ โดยเฉพาะญี่ปุ่น ชูการเตรียมเป็นเจ้าภาพ รักบี้ เวิลด์ คัพ 2020 ซึ่งเป็นกีฬายอดนิยมของชาวออสเตรเลียก็น่าจะดึงคนไปได้มากพอสมควร
5.การคมนาคมเข้าถึงประเทศไทย เรื่องจำนวนเที่ยวบินยังมีไม่มากและที่มีอยู่แล้วบินตรงยังน้อย ปัจจุบันมีเพียง 53 เที่ยว/สัปด์ ส่วนใหญ่จะต้องไปแวะพักประเทศอื่น 150 เที่ยว/สัปดาห์ จำนวนที่นั่งจองซื้อได้รวมทั้งหมด 18,337 ที่นั่ง/สัปดาห์ แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต้องการบินตรงเข้าไทยมากกว่าจะต้องไปต่อเที่ยวบินหลายจุดบินอ้อมเข้าประเทศอื่นก่อนถึงไทย
ทั้งนี้ ททท.ซิดนีย์ ได้นำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวรุกเจาะตลาดออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ตลอดครึ่งหลังปี 2562 ประกอบด้วย 1.Amazing Thailand : Go Local ชูขายแหล่งท่องเที่ยวชุมชน อาทิ แม่กำปอง เชียงใหม่ เมืองเก่าภูเก็ต บ้านน้ำเชี่ยว กับบ้านสลักคอก จ.ตราด 2.การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy) แนะนำอาหารถิ่นที่มีอัตลักษณ์เฉพาะทั่วประเทศทั้ง 5 ภูมิภาค 3.ตลาดสนใจเดินทางท่องเที่ยวเฉพาะ (Niche Markets) ทั้งสุขภาพความงาม หรูหรา แต่งงานและฮันนีมูน กีฬา และกลุ่มเพศสภาพ LGBT-เลสเบี้ยน-เกย์-สองเพศ-แปลงเพศ
โดยจัดทำประชาสัมพันธ์ในกลุ่มสื่อหลัก สื่อโซเชียลแพลทฟอร์ม เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ ยูทูบ อินสตาแกรม ปัจจุบันทำให้ ททท.ซิดนีย์ มีสมาชิกอยู่มากกว่า 98,399 สมาชิก ร่วมสนับสนุนโฆษณาทั้งอินและเอาท์ดอร์ จับมือกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลต่อการท่องเที่ยว และจัดทำกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ส่วนการนำเสนอขายก็พุ่งเป้าทำกับ กลุ่มเอเย่นต์ กลุ่มผู้ค้าส่งและค้าปลีกท่องเที่ยว จอยโปรโมชั่น ทำโรดโชว์ ผนึกเครือข่ายเอเย่นต์ขายท่องเที่ยวออนไลน์ (Online Travel Agent :OTA)
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “เปิดพลังดี “คิง เพาเวอร์”ต้นตำรับดิวตี้ฟรี3ทศวรรษ
เข้าสู่ฤดูเปิดการประมูลโครงการบริหารจัดการพื้นที่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” ที่ได้ผนวกรวมพื้นที่ในอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังปัจจุบันกับอาคารแซตเทิลไลท์หลังใหม่ รวม 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการแรก การบริหารจัดการพื้นที่ร้านค้าปลอดอากรสนามบินสุวรรณภูมิ (Airport duty free) ขนาด 12,021 ตารางเมตร และโครงการที่ 2 การบริหารจัดการพื้นที่ร้านค้าเชิงพาณิชย์สนามบินสุวรรณภูมิ (Commercial Area) ขนาดกว่า 20,000 ตารางเมตร
การประมูลใหม่ในรอบกว่าทศวรรษครั้งนี้ สปอตไลท์ทุกดวงส่องมาที่ “กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์” แชมป์เก่าในฐานะผู้บุกเบิกการพัฒนาร้านค้าดิวตี้ฟรีทุกรูปแบบขึ้นในประเทศไทย และเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ที่ไม่มี “วิชัย ศรีวัฒนประภา” ผู้ก่อตั้งและอดีตประธานกรรมการ เป็นแม่ทัพนำทีมเหมือนที่ผ่านมา ทว่าเปลี่ยนเป็น “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทายาทกับทีมบริหารที่เคยเคียงข้างคุณวิชัยหลอมรวมพลังประสบการณ์ทั้งหมดลงสู้ศึกใหญ่ครั้งนี้อย่างมืออาชีพ
“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวย้ำว่าตลอด 3 ทศวรรษการเป็นบุกเบิกร้านค้าดิวตี้ฟรีในไทยทั้งในสนามบิน (airport) และในเมือง (downtown) โดยยึดมั่นพัฒนาธุรกิจที่เป็นมากกว่าร้านค้าปลีกดิวตี้ฟรีด้วยการยกระดับให้เป็นจุดหมายปลายทางการเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุดของผู้คนทุกชาติทุกภาษา
ทุกวันนี้กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ภายใต้การนำของอัยยวัฒน์ ประกาศความมุ่งมั่นสานต่อการทำหน้าที่ “สร้างสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีด้านเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ไทยกับทั่วโลก” ในฐานะนักธุรกิจคนไทยที่ค้าขายกับเครือข่ายพันธมิตรนานาประเทศ ซึ่งมีทั้งกลุ่มเจ้าของสินค้าแบรนด์เนม กลุ่มลูกค้านักเดินทาง นักธุรกิจ นักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย และได้ทำให้เกิด “สะพานเชื่อมอัตลักษณ์สินค้าชุมชนไทยสู่ตลาดโลก” กระจายรายได้ สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างโอกาสในหลากหลายรูปแบบ ถึงมือชาวบ้านในท้องถิ่นทั่วประเทศ โดยได้ทำอย่างนี้ต่อเนื่องสม่ำเสมอมาตลอด 3 ทศวรรษ
และจะยังคงยึดแนวทางพัฒนาธุรกิจอย่างสร้างสรรค์เช่นนี้ต่อไป จากอดีตจนถึงปัจจุบันกลุ่ม บริษัทคิง เพาเวอร์ จึงกวาดรางวัลระดับโลกมาแล้วกว่า 100 รางวัลซึ่งแต่ละรางวัลการันตีว่าเป็นสถานประกอบการร้านค้าดิวตี้ฟรีไทยที่มีทั้งยอดขายหมุนเวียนติด 1 ใน 5 ของโลก และมีผลงานบริการยอดเยี่ยม เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน “พลังรายได้หมวดช้อปปิ้ง” ดึงเงินหลั่งไหลเข้าประเทศไทย ทำยอดขายหมุนเวียนจากธุรกิจในเครือทั้งหมดมูลค่ารวมปีละเกือบ 1 แสนล้านบาท จนกลายเป็นจุดสนใจให้เหล่าผู้ประกอบการกลุ่มอื่น ๆ พร้อมจะกระโดดเข้ามาชิงเค้กในธุรกิจดิวตี้ฟรีเพิ่มมากขึ้น
ทว่ายอดขายหมุนเวียนปีละเกือบ 1 แสนล้านบาท นั้น กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้กระจายความมั่งคั่งไปยัง “กลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน” ปัจจุบันดำเนินการภายใต้โครงการ “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย” ที่เรียกว่า Community Power โดยได้ทุ่มเงินลงทุนส่งทีมเข้าไปพัฒนาตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำอย่างจริงจัง ทั้งเลือกหมวดสินค้า เทคโนโลยีการผลิต การจัดทำแพกเกจจิ้ง การบริหารจัดการ การตลาดและช่องทางจัดจำหน่ายตามสาขาคิง เพาเวอร์ ทุกแห่ง ปัจจุบันมีสัดส่วนเกินกว่า 20 % จึงนับเป็นโครงการสร้างความเข้มแข็งด้านการผลิตสินค้าไทยระดับฐานรากของประเทศ เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยลดความเหลื่อมล้ำที่จับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม
ล่าสุดทางผู้จัดงาน THE INTERNATIONAL CSR SUMMIT 2019 (ICS 2019) ณ กรุงไทเป ไต้หวัน แจ้งอย่างเป็นทางการมาแล้วว่าวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 จะใช้เวทีดังกล่าวมอบรางวัล The ASIA RESPONSIBLE ENTERPRISE AWARDS 2019 (AREA 2019) ให้แก่ บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการร้านค้าปลีกที่บุกเบิกจัดทำโครงการคืนประโยชน์สู่สังคมภายใต้ชื่อ King Power Thai Power ได้อย่างมีคุณค่าต่อประเทศ
ตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพความมุ่งมั่นของ “กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์” ดำเนินธุรกิจเข้าตาพันธมิตรนานาชาติอย่างไม่มีวันเสื่อมคลายมาตลอดจนถึงวันนี้
อีกทั้งกลุ่มคิง เพาเวอร์ ยังได้ทำหน้าที่เป็น “สะพานเชื่อมโอกาส” เปิดให้เด็กไทยก้าวไปเติบโต เรียนฟรีและฝึกทักษะสร้างชื่อเสียงในวงการฟุตบอลระดับโลกโครงการ SPORT POWER กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ใช้เงินลงทุนให้ฟรีกว่า 300 ล้านบาท เพื่อให้นักเตะเยาวชนเข้าไปร่วมประสบการณ์ดี ๆ ในสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ประเทศอังกฤษ และสโมสร OH LEUVEN ประเทศเบลเยี่ยม ส่วนในการลงสนามประมูลสัมปทานทั้ง 2 โครงการ ภายในเดือนพฤษภาคม 2562 “กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์”
โครงการประมูลงานบริหารจัดการพื้นที่ร้านค้าปลอดอากรสนามบินสุวรรณภูมิ ได้เสนอชื่อ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ชิงกับขาใหญ่ในวงการธุรกิจค้าปลีกและการบินอีก 4 บริษัท ได้แก่ 1.บริษัท ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด 2.บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 3.บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) 4.บริษัท รอยัลออคิด เชอราตัน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
สำหรับโครงการงานบริหารจัดการพื้นที่ร้านค้าเชิงพาณิชย์ สนามบินสุวรรณภูมิ เสนอชื่อ บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ชิงกับอีก 3 บริษัท ได้แก่ 1.บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) 2.บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) 3.บริษัท เดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด
ข่าวที่ 2 “ททท.กอดคอพาณิชย์5กรมปั๊มรายได้ท่องเที่ยวครึ่งหลังปี62”
ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับ นางสาว ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ร่วมเป็นสักขีพยานเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2562 ในการลงนามMOU โครงการ “ความร่วมมือในการพัฒนาและเชื่อมโยงการค้าและการท่องเที่ยวในรูปแบบ Trade & Tourism Alliance (TTA)” ระหว่าง ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กับปลัดกระทรวงกระทรวงพาณิชย์ ตัวแทนของ 5 กรมที่รับผิดชอบด้านการค้าการส่งออกระหว่างประเทศ
โครงการดังกล่าวเป็นการเดินหน้าประกาศความร่วมมือการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดของ 2 องค์กร ระหว่าง ททท. กับ สำนักงานปลัดพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ 5 หน่วยงาน ได้แก่ 1.กรมการค้าภายใน 2.กรมการค้าต่างประเทศ 3.กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ 4.กรมพัฒนาธุรกิจการค้า 5.กรมทรัพย์สินทางปัญญา
ตามแผนงานจะเร่งผนึกทีมกันขับเคลื่อนเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย ให้ใช้จ่ายเงินเพิ่ม 2หมวดหลัก ได้แก่ 1.อาหาร 2.แฟชั่นผ้าไทยทุกชนิด ของใช้ ของที่ระลึก เครื่องประดับ และอื่น ๆ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน ซึ่งพร้อมจะรุกขยายฐานเจาะขายในกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามาไทยปีละกว่า 40 ล้านคน และกลุ่มตลาดในประเทศ คนไทยเดินทางเที่ยวไทยปีละเกิน 166 ล้านคน-ครั้ง
นอกจากจะบริโภคและจับจ่ายในระหว่างเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในประเทศไทยแล้ว นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติยังสามารถซื้อกลับบ้านได้ ถือเป็นหนึ่งในช่องทางการส่งออกแนวใหม่ โดยไม่ต้องลงทุนยกทีมไปทำตลาดในต่างประเทศให้ยุ่งยาก แถมยังสามารถสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว ที่ได้มีโอกาสร่วมประสบการณ์กับชุมชน โดยการเข้าไปชมหรือร่วมลงมือผลิตสินค้าชนิดต่าง ๆ ได้ด้วย ทั้ง สะดวก สนุก และสร้างความประทับใจให้เกิดภาพจำที่ดี ๆ เชิงบวกกับชุมชนท่องเที่ยวในประเทศไทย
ขณะเดียวกันทางกระทรวงพาณิชย์ จะปลุกกระแสเชิญชวนเครือข่ายร้านอาหารไทยในต่างแดนเข้ามาร่วมทำหน้าที่เป็นโชว์รูมความเป็นไทยที่น่าเดินทางมาสัมผัสอย่างยิ่งกับนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่สนใจจะมาเที่ยวเมืองไทย
ฟังข่าวที่ 3 “ททท.ชูแอดLineเชียงรายแต้แต้ลุ้นรับสิทธิ์เพียบถึงก.ย.62”
นายบุญส่ง คุ้มบุญ ผู้อำนวยการกองตลาดภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)กล่าวว่า ได้ร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนในเชียงรายต่อยอดจัดโครงการ “เชียงราย แต้ แต้” ทำกิจกรรมส่งเสริมการเชิงคุณภาพและสร้างภาพลักษณ์ให้เชียงราย ชวนนักท่องเที่ยวเข้าร่วมประสบการณ์ สุขทุกวัย สนุกทุกไลฟ์สไตล์ ความโดดเด่นของโครงการนี้คือได้เชิญ บอย-ตรัย ภูมิรัตน์ ศิลปินชื่อดังมาแต่งเพลง พร้อมนำครอบครัวร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ท่องเที่ยวผ่านคลิปที่พร้อมโปรโมตร่วมกับ 5 Blogger ดัง อาทิ PunproHopper และ Sneakout ในบรรยากาศการเลี้ยงลูกระหว่างเดินทางแอ่วตึงบ้านสะท้านเจียงฮาย 3 สไตล์ R A I วางกลยุทธ์กระตุ้นนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวเข้าร่วมโครงการด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษ เพียงแค่แอดไลน์ @tatchiangrai และกดไลก์เฟสบุ๊ค tatchiangrai ก็รับไปเลยสิทธิประโยชน์เพียง ตั้งแต่วันนี้-กันยายน 2562
สำหรับโครงการ “เชียงราย แต้ แต้” ททท.มุ่งการประชาสัมพันธ์ตอกย้ำจุดเด่นของเชียงรายที่มีครบทั้ง 3 ด้าน ตามแนวคิด Chiang R A I ประกอบด้วย R : Relax, A : Art, I : Inspiration เพิ่มความชัดเจนให้นักท่องเที่ยวจดจำได้ง่าย เป็นเส้นทาง Multi-Gen Destination สนับสนุนการให้บริการแบบเป็นมิตรต่อการเข้าพัก หรือเดินทางแบบครอบครัวหลายวัย เช่น ในที่พักได้จัดพื้นที่นั่งเล่นเด็ก ๆ ในร้านอาหารมีเก้าอี้เด็ก รถเช่ามีบริการ Car Seat ห้องน้ำมีแบบชักโครก ทางลาด ลิฟต์ รถเข็นให้ผู้สูงอายุ ขณะที่อาหารถิ่นก็มีให้เลือกหลายประเภท เช่น อาหารอ่อนรสไม่จัด หรือเมนูที่เด็ก ๆ กินได้ง่าย
ข่าวที่ 4 “บางจากเปิดปั๊มทำแคมเปญเติมปั๊บดับร้อนกับซิตี้ถึง15พ.ค.นี้”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้ผนึกความร่วมมือกับทางบัตรเครดิต ซิตี้แบงก์ จัดแคมเปญ “เติมปั๊บดับร้อน กับบัตรเครดิตซิตี้” ระหว่างวันนี้ - 15 พ.ค. 62 หรือจนกว่าของจะหมด โดยมอบสิทธิพิเศษให้เฉพาะสมาชิกบัตรเครดิตซิตี้ เมื่อเติมน้ำมันบางจากครบ 800 บาท / เซลล์สลิป แล้วชำระด้วยบัตรเครดิตซิตี้ ทุกประเภท จะได้รับ “Festa C Daily Fiber กลิ่นส้ม หรือ กลิ่นสตรอเบอร์รี่ ขนาด 100 มล. จำนวน 1 ขวด” (จำกัด 1 ขวด/บัตร/วัน)
โดยเลือกเติมตามสถานีบริการน้ำมันบางจากที่เข้าร่วมรายการทั้งในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ได้แก่ ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ ทางธนาคารซิตี้แบงก์: ระบุเงื่อนไข 1. จำกัด 1 ขวด/บัตร/วัน หรือ จนกว่าของจะหมด 2. สำหรับการเติมน้ำมันที่ปั๊มบางจากในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ร่วมรายการ 3. ผู้ซื้อกรอกถังไม่สามารถร่วมรายการนี้ได้ 4. โปรโมชั่นนี้ไม่สามารถใช้ร่วมรายการส่งเสริมการขายอื่นได้
ข่าวที่ 5 “มูลนิธิปิดทองฯพาสำรวจชุมชนเข้มแข็งสืบสานแนวพระราชดำริจ.เลย
มูลนิธิปิดทองหลังพระ รายงานว่า ระหว่างวันที่ 29-30 เมษายน 2562 เตรียมนำสื่อมวลชนและคณะลงสำรวจดูงานโครงการ “ชุมชนเข้มแข็ง สืบสานแนวพระราชดำริ” ที่จังหวัดเลย 2 แห่ง แห่งแรก ชุมชนบ้านผาหวาย ต.ปวนพู อ.หนองหิน ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ภูป่าเปาะ ที่มีนายบุญลือ พรมหาลา ผู้ใหญ่บ้าน กับ ดร.สัญชัย เกียรติทรงชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนามหาวิทยาราชภัฎเลย จะพาไปชมความเข้มแข็งของชาวบ้าน โดยจะให้ดูสาธิตการทำงานของกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ของชมรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ภูป่าเปาะ (องค์กรสวัสดิการชุมชน) ซึ่งเกิดจากการรวมกลุ่มของชาวชุมชนบ้านผาหวาย ที่รวมตัวกันจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้ฐานทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ แก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่า และลดความขัดแย้งกับหน่วยงานภาครัฐ เปลี่ยนสถานะมาสู่ผู้ดูแลรักษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชน ช่วยกันพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และต่อยอดสู่การพัฒนาด้านอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวชุมชน ให้สามารถลืมตาอ้าปาก จากที่เคยมีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำ จปฐ.ในอดีต
แห่งที่ 2 ไปยังอำเภอเอราวัณ ติดตาม ดร. นายแพทย์สมยศ ดีรัศมี ประธานมูลนิธิกาญจนบารมี เยี่ยมชมการดำเนินงานในพื้นที่ เกี่ยวกับการทำโครงการคัดกรองมะเร็งเต้านมโดยเครื่องเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ (Mammogram) ในสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาส เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านการสาธารณสุข ที่แสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระราชทานพระราชดำริให้ก่อตั้ง “โครงการกาญจนบารมี” ขึ้น ด้วยทรงห่วงใยและคำนึงถึงชีวิตความเป็นอยู่ของพสกนิกรไทยในด้านสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับความทุกข์ยากจากการเจ็บป่วย ยากไร้และขาดโอกาส คือ และทรงเป็นประธาน จัดสร้างศูนย์บำบัดรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง เพื่อลดความทุกข์ยากลำบากในการเดินทางมารับการรักษา
ต่อมา ยกสถานะขึ้นเป็นโรงพยาบาลมหาวชิราลงกรณธัญบุรี ให้บริการรักษาผู้ป่วยมะเร็งทุกประเภทปีละมากกว่า 2,000 ราย รวมทั้งให้ความรู้ในการป้องกัน การดูแลรักษาทั้งทางร่างกายและจิตใจสำหรับผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายให้มีความสุข ถือเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านมะเร็งที่ครบวงจรและทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ
ปี 2540 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง “มูลนิธิกาญจนบารมี” ขึ้น เป็นกองทุนสนับสนุนการดำเนินงานของโรงพยาบาล และดูแลผู้ป่วยที่ยากไร้ขาดโอกาสให้ได้รับการดูแล ด้วยโครงการคัดกรองมะเร็งเต้านมโดยเครื่องเอกซเรย์เต้านม (Mammogram) ในสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาสขึ้น เพื่อค้นหาผู้ป่วยที่อยู่ในพื้นที่ทุรกันดารห่างไกล มีฐานะยากจนและขาดโอกาส ให้ได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็ง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
พร้อมกับรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม ซึ่งเป็นโรคร้ายที่ผู้หญิงไทยป่วยและเสียชีวิตในอัตราสูง ปัจจุบันการดำเนินงานโครงการเข้าสู่ระยะที่ 5 มีการออกหน่วยคัดกรองมะเร็งเคลื่อนที่ ใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ รวมแล้ว 763 ครั้ง (ณ สิ้นสุดวันที่ 30 มีนาคม 2562) มีการตรวจคัดกรองมะเร็งให้กับผู้หญิงกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ห่างไกลไปแล้วมากกว่า 200,000 คน พบผู้ป่วยมากกว่า 1,500ราย ที่ถูกส่งต่อไปรับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างเหมาะสม
ช่วงที่ 2 ได้เวลาเที่ยวเมืองรองใน “ชัยนาท” ไปชมวัดดัง “ทรงเสวย” ตลาดดีๆ ในอำเภอสรรพยา ที่ ศูนย์หัตถกรรมจักสานผักตบชวาบ้าน ตลาดน้ำพระยาแลนด์ ครบวงจร แหล่งพักผ่อนมุมเก๋ ๆ ริมเจ้าพระยา จากนั้นมาดูว่า “ควรเลือกกินอาหารป้องกันไตพัง” ไว้ก่อนจะดีกว่า และ ข่าวฮ็อต ๆ ต้องยกให้ “การบินไทยจ่อเท 1.5 แสนล้านบาท” ซื้อฝูงบินภายในปี 62 รวม 38 ลำ และประกาศกับผู้ถือหุ้นว่ากำลังแบกหนี้อ่วมปี’61 ไว้กว่า 1.1 หมื่นล้านบาท “นกแอร์ฮึดกู้3,000 ล้านบาท” หวังฟื้นฟูธุรกิจขาลง “ไทยแอร์เอเชีย” อัดโปรเปิดจุดบินใหม่ กรุงเทพฯ-สีหนุวิลล์ เหลือแค่ 990 บาท เริ่มบิน 1 ก.ค.2562 “โดม-ปกรณ์ ลัม” ชวนนักวิ่งกินเที่ยวลงสนามครั้งแรก “KILORUN BANGKOK 2019” 26 พ.ค.นี้ ผ่าใจกลางเยาวราช
@เที่ยวชัยนาทไปชมวัดดัง-ตลาดดี-หัตถกรรมแจ๋ว
เริ่มเข้าสู่หน้าฝนลองมองหาสถานที่เที่ยวเมืองรอง ใกล้ ๆ อย่าง “ชัยนาท” ดูว่ามีอะไรเด็ดดีดังมาชวนออกไปพักผ่อนหย่อนใจได้บ้าง ในอำเภอวัดสิงห์ มีวัดดังแนะนำไปสักครั้งในชีวิต “วัดทรงเสวย” หรือชาวบ้านมักจะเรียกว่า “วัดหนองแค”
ตามประวัติวัดนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จพระราชดำเนินตรวจสอบตามลำน้ำมะขามเฒ่า ซึ่งตอนนั้นคลองเต็มไปด้วยผักตบชวาชาวบ้านจึงได้ช่วยกันเก็บกวาดจนเกลี้ยง ระหว่างนั้นพระองค์ทรงได้ประทับแรมบริเวณบ้านหนองแคแห่งนี้แล้วทรงเสวยพระยาหารที่ชาวบ้านนำมาถวาย จึงทรงตรัสให้เรียกวัดเสวย เป็นต้นมาตั้งแต่ปี 2451 จนถึงปัจจุบัน
ภายในวัดมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กราบไหว้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล รวมทั้งมีการจัดทำพื้นที่บริเวณ “สถานที่เสด็จประพาสต้นและประทับแรม” เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชม ถึงความร่มรื่น ร่มเย็น
ส่วนที่อำเภอสรรพยา มีแหล่งท่องเที่ยวเก๋ ๆ แนะนำให้เที่ยว 2 แห่ง คือ แห่งแรก ชุมชน “หัตถรรกมจักสานผักตบชวาบ้านอ้อย” ซึ่งได้รับรางวัล OTOP 5 ดาว การันตีให้ไปอุดหนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนคุณภาพเลิศ ส่งออกขายยังต่างประเทศด้วย มีทั้ง กระเป๋า รองเท้า เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ต่าง ๆ ให้ซื้ออย่างเต็มที่ รวมทั้งยังเปิดเป็นสถานที่ศึกษาดูงานด้านการผลิตด้วย
เปิดทุกวัน โทร.สอบถามได้ที่ 056 499 496, 089 536 3839
แห่งที่ 2 “ตลาดน้ำพระยาแลนด์” อยู่บริเวณริมเขื่อนเจ้าพระยา เป็นแหล่งจำหน่ายปลาแม่น้ำขนาดใหญ่สุดในชัยนาท มีทั้งปลาสด ปลาแห้งขึ้นชื่อ เช่น อย่าง ปลาเกลือ ปลาเค็ม ปลาเจ่า ปลาสับ ปลาร้า ปลาย่าง ปลาแดดเดียว แล้วยังได้ออกแบบที่ดินขนาด 7.5 ไร่ให้เป็นศูนย์บริการสินค้ามากมายแบบครบวงจร มีให้เลือกกว่า 92 ร้าน แบ่งเป็น โซนอาหาร ของฝากของที่ระลึก และโซนแฟชั่นเสื้อผ้า
เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 7 โมงเช้า – 3 ทุ่ม แวะไปสัมผัสบรรยากาศได้ โทร.036 770 096-7
@มาทำความรู้จักและดูแลรักษาไตกันไว้ดีกว่า
ไตทำหน้าที่ในการกรองของเสียออกทางปัสสาวะ สร้างฮอร์โมนสำคัญต่อการสร้างกระดูก สร้างเม็ดเลือดแดงและควบคุมความดันโลหิต ถ้าอยากให้ไตสุขภาพดีต้องเลือกกิน อาหารที่ไม่ทำให้ไตทำงานหนัก โดยมีหลักการ คือ
1. การกินเนื้อสัตว์ โดยกะปริมาณ 1 ฝ่ามือต่อวัน ส่วนคนที่เริ่มมีผลเลือดบอกค่าการทำงานทองไตผิดปกติ ต้องควบคุมโปรตีน ให้เหลือ 0.6 0.8 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน
2. งดสารปรุงแต่ง สีสังเคราะห์ สารแต่งกลิ่นเพราะสิ่งเหล่านี้ จะทำให้ไตทำงานหนักโดยไม่จำเป็น
3. งดผงชูรสและอย่าติดเค็ม จำกัดปริมาณโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม ต่อวัน ผงชูรสหรือโมโนโซเดียมกลูตาเมต เป็นโซเดียมที่ไม่เค็ม กินไปปริมาณเท่าไหร่ก็จะไม่รู้ทำให้ไตทำงานหนัก เมื่อไตเริ่มทำงานผิดปกติ ให้คุมโพแทสเซียมและฟอสฟอรัสในอาหารไม่ให้เยอะเกินไป โพแทสเซียม มีมากในผักใบเขียวจัด เช่น ผักโขม ผักบุ้ง บรอกโคลี มันฝรั่ง มันเทศ มะขามหวาน ส่วนฟอสฟอรัส มีมากในกาแฟและน้ำอัดลมจึงควรระวัง
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มที่ www.nephrothai.org สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย ฯ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “บินไทยจ่อซื้อฝูงบิน1.5แสนล้านเพิ่มจุดบินอ่วมหนี้หมื่นล้าน”
นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าได้เสนอแผนจัดหาฝูงบินใหม่ 38 ลำ วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท รอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติภายในเดือนเมษายน 2562 เบื้องต้นมี 3 รูปแบบ คือ 1.ซื้อ 2.เช่าซื้อ 3.ซื้อมาขายไปและเช่ากลับอีกครั้ง อนุมัติก็จะใช้เวลาพิจารณาสั่งซื้อและรับมอบเครื่องลำแรกในอีก 6 เดือนหน้า ล็อตแรกจะสั่งภายใน 2 ปี จำนวน 25 ลำ โดยได้วางแผนรับมือกับการเพิ่มเที่ยวความถี่และเส้นทางบินใหม่ช่วงตารางบินฤดูหนาว ตั้งแต่ 28 ตุลาคม 2562-29 มีนาคม 2563 เตรียมเช่าซื้อ Boeing 777-300ER 3 ลำ มาไว้ใช้ในช่วงรอฝูงบินใหม่ 2 ปีหน้า
ขณะนี้เตรียมเปิดจุดบินใหม่ ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เซนได เริ่ม พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป 3 เที่ยว/สัปดาห์ กับยุโรป 2 เส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ สู่เมือง มาดริด (สเปน) และแมนเชสเตอร์ (อังกฤษ) ขณะเดียวกันการบินไทยรายงานแผนเช่าฝูงบินบางส่วนไปบินเพิ่มความถี่ ไป-กลับ แบบประจำ จาก กรุงเทพฯ สู่เวียนนา(ออสเตรีย) กับ บรัสเซลส์ (เบลเยี่ยม) แต่ละจุดจะเพิ่มความถี่เป็น 7 จากเดิม 5 เที่ยว/สัปดาห์ ซูริค(สวิตเซอร์แลนด์ จะเปลี่ยนแบบเครื่องบินขนาดใหญ่ขึ้นรองรับต้องการผู้โดยสารเติบโตมาก และกรุงโซล (เกาหลีใต้) จะเพิ่มความถี่จะเพิ่มเป็น 7 จากเดิม 4 เที่ยว/สัปดาห์
ทั้งนี้ในการประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ประจำปี 2561 เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2562 ประกาศผลการขาดทุนสุทธิ 11,569 ล้านบาท มีรายได้จากผลการดำเนินงาน 199,500 บาท เพิ่มขึ้น 3.9 % แต่ค่าใช้จ่ายรวมกับทะยานสูงถึง 208,558 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,468 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่ม 10.3 %
ข่าวที่สอง “นกแอร์ลุยกู้เงินสำรอง3พันล้านกู้วิกฤตขาดทุนอื้อ”
นายประเวช องอาจสิทธิกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2562 เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2562 มีมติอนุมัติการเข้าทำรายการรับความช่วยเหลือทางการเงินกับบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน ภายใต้วงเงินกู้ยืม3,000 ล้านบาท ตามวัตถุประสงค์เพื่อเพื่อนำมาใช้เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนสำรองการดำเนินงานทั่วไป ระหว่างการเดินหน้าจัดทำแผนฟื้นฟูธุรกิจ การกู้ยืมครั้งนี้นกแอร์โดยจะต้องเงื่อนไขการผ่อนปรนกว่าสถาบันการเงิน เป็นการลดภาระของผู้ถือหุ้น เพราะไม่ต้องทำการเพิ่มทุนอีกและถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของแหล่งเงินทุน
ส่วนการวางแผนบริหารจัดการธุรกิจนับจากนี้เป็นต้นไป นกแอร์จะต้องเลือกปฏิบัติการในเส้นทางบินให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำกำไรในแต่ละเส้นทางบิน รวมถึงการบริหารจัดการเครื่องบิน (Aircraft Utilization) เส้นทางบินระหว่างประเทศซึ่งเป็นตัวทำกำไรจากการขายตั๋วโดยสารให้ได้ดีกว่าตลาดภายในประเทศ
ข่าวที่สาม“ปลุกเทรนด์วิ่ง“KILORUN BANGKOK 2019”
นำร่องเยาวราช26พ.ค.นี้” “โดม-ปกรณ์ ลัม” ชวนร่วมสนุกงานวิ่ง กิน เที่ยว “กิโลรัน กรุงเทพ 2019” (KILORUN BANGKOK 2019) ครั้งแรกบนเส้นทาง 2 วัฒนธรรมชาวไทยเชื้อสายจีน ผ่านถนนสายมังกร ย่านเยาวราช หรือ ไชน่า ทาวน์ ชื่อที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จัก สู่แลนด์มาร์ครอบเกาะรัตนโกสินทร์ ร่วมสัมผัสเสน่ห์ย่านเมืองเก่า แหล่งเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของไทย (The Iconic City) วันที่ 26 พฤษภาคมนี้ จากนั้นจะขยายความสนุกการวิ่งกิโลรันต่อที่ เชียงราย
โดยจะ เปิดให้จองซื้อบัตรเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่ 26 เมษายน 2562 งาน KILORUN BANGKOK 2019 เหมาะกับกลุ่มสายวิ่งยามเช้า KILORUN-KM (กิโลเมตร) มี 2 ระยะทาง ได้แก่ 1.L-RUN 10 กิโลเมตร และ 2.M-RUN 5.5 กิโลเมตร จะให้วิ่งผ่านจุดแลนด์มาร์คสถานที่สำคัญ ๆ ทางประวัติศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นของประเทศไทย (The Iconic City) อาทิ ถนนสายมังกร ย่านเยาวราช หรือ ไชน่า ทาวน์, วัดสุทัศนเทพวราราม, เสาชิงช้า, อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย, โลหะปราสาท, พิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์ และ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ฯ
ชมเสน่ห์ย่านเมืองเก่าแลนด์มาร์ครอบเกาะรัตนโกสินทร์ ตามด้วยสายกินยามค่ำ KILORUN-KG (กิโลกรัม) อิ่มอร่อยฟินเว่อร์กับอาหารจานเด็ดย่าน “เยาวราช” ตลอดระยะทาง 3 กิโลเมตร อาทิ บะหมี่เกี้ยวกุ้งหมูแดง(โอเดี้ยน), ชานมเย็นและซาลาเปาลาวาไข่เค็ม (หลงโถวคาเฟ่), ขนมปังเจ้าอร่อยเยาวราช, ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่กรอบ (ครัวพรละมัย) และ ลอดช่องสิงคโปร์(ลอดช่องสิงคโปร์ เจ้าแรก แยกหมอมี)ฯ ที่สุดของสวรรค์ของนักชิมทั่วโลกและการันตี โดย Kilorun’s Choice ว่าหอเจี๊ยะทุกเมนู! จากร้านดังในตำนานทั้งร้านเก่าและร้านใหม่ที่เป็น SIGNATURE ต้นตำรับแท้ของเยาวราช
ข่าวที่สี่ “ไทยแอร์อัดโปรเปิดบินสีหนุวิลล์ไม่ถึงพันบาทเริ่ม1ก.ค.62”
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ปี 2562 พร้อมเปิดเส้นทางบินตรง ไป-กลับ “กรุงเทพ-สีหนุวิลล์” 4 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 1 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป พร้อมจัดโปรโมชั่นสุดคุ้ม 990 บาท/เที่ยว เส้นทางบินนี้ตั้งเป้าเจาะกลุ่มเจาะผู้โดยสารต่างชาติเดินทางเชื่อมต่อจากไทย ไปเมืองตากอากาศ ของกัมพูชา อีกทั้งสีหนุวิลล์ยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่จะดึงดูดชาวไทยเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวได้ด้วยเช่น ในราคาที่ประหยัด
ซึ่งแอร์เอเชียมองหาโอกาสการลงทุนเปิดจุดบินใหม่ ๆ อยู่ตลอดในอินเดีย และกลุ่มประเทศ CLMV กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม สำหรับ ไทยแอร์เอเชีย มีบริการบินตรงระหว่างไทย-กัมพูชา 3 จุด จากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) ไปยังพนมเปญ เสียมราฐ และสีหนุวิลล์ และจากภูเก็ต ไปยัง เสียมราฐ และพนมเปญ
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น