ไทยเฮ!!นายกฯพลเอกประยุทธ์นำทีมรับวัคซีนโควิด-19 เดินหน้าคืนรอยยิ้มให้ประเทศไทยฟื้นเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว
ไทยเฮ!!นายกฯพลเอกประยุทธ์นำทีมรับวัคซีนโควิด-19
เดินหน้าคืนรอยยิ้มให้ประเทศไทยฟื้นเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว
เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #วัคซีนโควิด19คืนรอยยิ้มประเทศไทย #ททท
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอขา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายหยาง เซิน อุปฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ทีมรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แพทย์สาธารณสุข และบุคลากรอีกหลากหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง ไปรอรับวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกในประวัติศาสตร์ไทย จำนวน 200,000 โด๊ส มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เวลาประมาณ 10.00 น.
วัคซีนโควิด-19 มากับเครื่องบินแอร์บัส A350-900 ของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
สำหรับวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรก จะต้องนำไปตรวจสอบในห้
องแลบเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนเป็นเวลา 3-4 วัน ก่อนจะนำมาแจกจ่ายฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ตามลำดับความสำคัญตามความเสี่ยงของแพทย์แต่ละกลุ่มที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชน แล้วในปี 2564 รัฐบาลจะทยอยนำเข้าวัคซีนเพื่อกระจายฉีดให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง นำร่องก่อน 18 จังหวัด
ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า
เข็มแรกเป็นคนแรก แล้วจากนั้นจะฮีดให้ครบเข็มที่สองถัดไปอีก 6 สัปดาห์ ส่วนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะฉีดพร้อมนายกฯ แต่จะฉีดวัคซีนของซิโนแวค (SINOVAC) ซึ่งเป็นวัคซีนที่ฉีดไม่จำกัดอายุ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน
ส่วนผลเชิงบวกโดยเฉพาะ "อุตสาหกรรมท่องเที่ยว" ประเมินจะส่งผลดีที่รัฐบาลไทยจะสามารถประกาศให้ทั่วโลกรับรู้ว่า ไทยมีวัคซีนโควิด-19 พร้อมฉีดให้คนไทยชาติ เพื่อที่จะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทาง นำเงินเข้ามาใช้จ่ายตามพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก ๆ ที่มีความพร้อม เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เริ่มกลับมาแข็งแรงมากขึ้นต่อไป
หลังจากก่อนหน้านี้หลายจังหวัด ทั้ง ภูเก็ต พังงา กระบี่ สมุย(สุราษฎร์ธานี) พัทยา ชลบุรี เคยเป็นพื้นที่พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก รวมทั้งโดยภาพรวมประเทศไทยในปี 2562 ก็เคยได้รับจากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมปีละกว่า 2 ล้านล้านบาท
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น