ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.ขอนแก่นเปิดแผนปี2567ชูปลาร้า.comบูมท่องเที่ยวเชิงอาหาร


นายเสกสรร ศรีไพรวรรณ

ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานขอนแก่น


ททท.ปั้นขอนแก่น“เมืองท่องเที่ยวอาหาร-เทศกาลดนตรีโลก”

งัด“ปลาร้า.com”บูมเที่ยวยั่งยืนเจาะในประเทศ-สแกนดิเนเวีย

ปี’67ดึง5ล้านคนทัวร์ขอนแก่น-กระหน่ำขายE/Entertainment

แจกจริง!คิงเพาเวอร์3แจกบัตรGift+KTCแพกเกจเที่ยวเกาหลี

ด่วน!คิงเพาเวอร์รางน้ำชวนAnimal Loverช้อป4แบรนด์ไทย

ททท.งัด4Digital TourismดึงเอกชนพัฒนาสมดุลESG-ยั่งยืน

บางจากสุดปลื้มคว้ารางวัลแห่งปี“ต้นแบบธุรกิจยั่งยืนPPPP”

TCEBเปิดประสบการณ์ไมซ์ชุมชนบ้านเชียงวิถีดงแพง5พันปี

เที่ยวมรดกโลกใหม่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพเพชรบูรณ์

10เทคนิคถนอมดวงตาต้องดูแลบำรุงทำได้ทุกวัยมองเห็นดี

ททท.ใต้14จังหวัดชู“ตะรุเตาโมเดล”ลุยขายทัวร์โลว์คาร์บอน

ไทยเวียตเจ็ทโชว์ครึ่งปี66อู้ฟู่ผู้โดยสารบินอินเตอร์โต1,332%

วันอาทิตย์ที่  27 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #TCEB  #บางจาก #ทททขอนแก่น  #ปลาร้าดอตcom

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/mGAwfynsls/

ช่วงที่ 1 อีสานโกอินเตอร์ กับ “เสกสรร ศรีไพรวรรณ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานขอนแก่น ททท.ลุยดันเที่ยวเชิงอาหาร “Thailand Soft Power : Isan Food Tasting” นำทัพบิบกูร์มองด์ มิชลินไกด์ชูโรงอาหารถิ่น ปั๊มรายได้เป็นกอบกำ 25 % ของค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวทั้งหมด ทุ่มสร้างแพลตฟอร์ม ปลาร้า.com จัดเต็มเส้นทางทัวร์ปลาร้า ผนวกขายเที่ยวยั่งยืน ลงลึกวิถีถิ่นเต็มรูปแบบ บุกเจาะตลาดในประเทศ และอินเตอร์พื้นที่แรก “สแกนดิเนเวีย” ปี’67 ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยว 5 ล้านคน งัด E-Entertainment อีเวนต์นานาชาติ เปิดมหกรรมขายเทศกาลดนตรี คาดคนทะลักเงินหลั่งไหลเข้าเมืองหมอแคน นำร่องด้วยอีสาน เฟสติวัล ปลายปี’66 นี้

 

นายเสกสรร ศรีไพรวรรณ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานขอนแก่น เปิดเผยว่า แนวทางส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวขอนแก่นตั้งแต่สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป ด้วยสินค้าซอฟท์ เพาเวอร์ 5F เรื่องโดดเด่นคือ “Food หรืออาหาร” ในฐานะขอนแก่นเป็นจังหวัดที่ได้รับรางวัลโดยมีร้านอาหาร “บิบ กูร์มองด์” มิชลินไกด์ ถึง 11 ร้าน มากที่สุดในอีสาน ยังไม่รวมร้านมิชลินอื่น ๆ ดังนั้นขอนแก่นจึงได้ใช้มิติด้านอาหารมาส่งเสริมการท่องเที่ยว นำร่องช่วงต้นเดือนสิงหาคมได้จัดงาน Thailand Soft Power : Isan Food Tasting ที่ร้านแก่น อำเภอเมือง ขอนแก่น ทำกิจกรรมนำคอนเทนท์เรื่องราวอาหารกับวัฒนธรรม

 

ด้วยการดีไซน์เมนูอาหารโดยใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นรอบพื้นที่มาเล่าเรื่อง ตั้งแต่กระบวนคัดเลือกวัตถุดิบ ภาชนะรองและใส่อาหาร เช่น เครื่องปั้นดินเผา รวมทั้งนำ “ศิลปะการหมักดอง” อย่างวิถีสุราพื้นบ้านมาทำเครื่องดื่มเสิร์ฟในงาน เปิดให้ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมผ่านเพจ เที่ยวอีสาน.com โดยจะสุ่มเลือกผู้โชคดีเข้าร่วมกิจกรรมช่วงวันที่ 23-27 สิงหาคม 2566 เวลา 17.30 น.ที่ร้านอาหารแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น ต่อเนื่องจากก่อนหน้านี้ ททท.ได้นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวเชิงอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเมนูอาหารในตำนาน เมนูอาหารพระรอง ซึ่งรับประทานได้ง่ายแต่จะต้องเดินทางมารับประทานในจังหวัดขอนแก่นเท่านั้น

 


ผอ.เสกสรร กล่าวว่า กระแสตอบรับหลังจากเปิดจุดขายเส้นทางท่องเที่ยวเชิงอาหารในพื้นที่ได้รับประโยชน์ในหลายมติด้วยกัน โดยเฉพาะ “มิติรายได้เพิ่มขึ้น” ต่อเนื่องทุกปีจากนักท่องเที่ยวใช้จ่ายเพื่อรับประทานอาหารและเครื่องดื่มซึ่งเป็นรายได้หลักโดยมีส่วนแบ่งตลาด 24-25 % ของรายได้ท่องเที่ยวทั้งหมด สูงกว่าค่าใช้จ่ายด้านที่พักซึ่งทำได้ประมาณ 21 % จึงสอดคล้องกับกลยุทธ์ที่ ททท. ตัดสินใจทำประชาสัมพันธ์เลือกนำอาหารมาเป็นสินค้าสำคัญทางการท่องเที่ยวในจังหวัดขอนแก่น

ขณะนี้มีแผนจะทำเบื้องต้น 3 โครงการ ประอบด้วย โครงการที่ 1 ต่อยอดการท่องเที่ยวชุมชน ด้วยการออกแบบกิจกรรมใหม่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่ได้รับประทานแล้ว ตัดสินใจเลือกเดินทางต่อไปตามแหล่งวัตถุดิบอาหาร เช่น ชุมชนแก่งละว้า ชุมชนอำเภอสีชมพู ชุมชนท่องเที่ยวภูผาม่าน ซึ่ง ททท.ขอนแก่นจะได้นำไปบรรจุไว้ในโปรแกรมและกิจกรรมการท่องเที่ยว เพื่อให้ influencer, KOL เข้ามาในพื้นที่แล้วมีโอกาสนำเสนอเชิญชวนคนเข้าไปรับประทานอาหารหรือท่องเที่ยวตามพื้นที่ดังกล่าว

 


โครงการที่ 2 ออกแบบเมนูประสบการณ์จัดทำแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งชุมชนสามารถขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ททท.ขอนแก่นได้ร่วมมือกับแต่ละฝ่ายในองค์กร ททท. คือกองนวัตกรรม กองบริหารความยั่งยืน และฝ่ายประชาสัมพันธ์ สร้างแพลตฟอร์มเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการร้านอาหาร กับชุมชน ในขอนแก่น โดยชุมชนได้นำเสนอโปรแกรมท่องเที่ยวครึ่งวัน พาไปชมการทำปลาร้า ปลาส้ม ออกแบบทำผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ให้เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น เมื่อประสบความสำเร็จสูงสุดแล้วจะสามารถนำไปสู่การพัฒนาห่วงโซ่อุปทานหรือ Shape Supply ทำให้ผู้ผลิตในชุมชนขายสินค้าทางออนไลน์ทำให้เกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริง

 

สำหรับนักท่องเที่ยวก็สามารถมีส่วนร่วมกับชุมชนแหล่งท่องเที่ยวได้ด้วย ตัวอย่างขณะนี้ ททท.ขอนแก่น จับมือกับชุมชนจัดกิจกรรม “ท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์” เมื่อเลือกเข้าพักในฟาร์มหรือโฮมสเตย์จะนำเสนอ 1.ร่วมลงมือทำ “อ๋อปลา” (อ๋อ ในความหมายคือ แกงน้ำขลุกขลิก) เลือกใช้ปลาที่ใช้ในพื้นที่ ตั้งชื่อว่า “เมนูลับ” 2.ร่วมกิจกรรมทัวร์ครึ่งวัน เริ่มตั้งแต่พาไปจ่ายตลาด ทำ D.I.Y.หาแหล่งวัตถุดิบด้วยตนเองกับประมงพื้นบ้าน แล้วนำมาทำเมนูอาหารที่บ้านกับแม่บ้าน โดยหวังผลให้นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์พร้อมกับเรียนรู้เทคนิคการทำอาหารอีสานกลับไปด้วย

หากเลือกใช้บริการร่วมกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ดังกล่าว จะต้องทำการจองล่วงหน้าบนแพลตฟอร์มที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งเป็นออฟชั่นที่นำไปวางไว้กับทางร้านอาหารและที่พักต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ

ผอ.เสกสรร กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2567 ตามเป้าหมายปี 2567 จะต้องดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าขอนแก่นให้ได้ไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน สร้างรายได้ตามเป้าหมายให้ใกล้เคียงปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ด้วยศักภาพปัจจุบันขอนแก่นเติบโตจากตลาดไมซ์ MICE ไฮไลต์โดดเด่นด้าน E-Entertainment Events เป็นแรงขับเคลื่อนรายได้เข้าขอนแก่น ได้พยายามจัดอีเวนต์ขนาดใหญ่เด่น ๆ อย่างเทศกาลดนตรีระดับนานาชาติ สามารถดึงคนในประเทศและต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามาชมได้

ดังนั้น ททท.กับทางจังหวัดขอนแก่น ภาครัฐ เอกชน และหน่วยงานเกี่ยวข้องกับการจัดงานเชิงสร้างสรรค์ หารือร่วมกันแล้วตั้งแต่ปลายปี 2566 หรือต้นปี 2567 เตรียมจัด Music Events ในรูปแบบเอนเทอร์เมนท์เชิงวัฒนธรรม นำมาเสนอเป็น “จุดขายใหม่” ทางการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นให้เกิดรายได้ช่วงฤดูท่องเที่ยว (high season) ในอนาคตอันใกล้นี้

โดยมีงานอีเวนต์ที่สามารถจัดได้ทันที คือ “อีสาน เฟสติวัล” พยายามนำวิถีวัฒนธรรมแซกอยู่ในดนตรี ตามปกติอีเวนต์นี้จะเริ่มพฤศจิกายน-ธันวาคม ของปี ตอนนี้วางแผนร่วมกับแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องบ้างแล้ว โดยเลือกใช้ศูนย์ประชุมนานาชาติขอนแก่นซึ่งบรรจุเป็นปฏิทินจัดงานไว้อยู่แล้ว เนื่องจากที่ผ่านมามีตัวอย่างผู้จัดงานสไตล์อินดี้ มีคนจากทั่วประเทศหลั่งไหลเข้าขอนแก่นภายช่วง 3 วัน มากกว่า 100,000 คน ทำให้เห็นปริมาณคนเข้าร่วมและสร้างรายได้มหาศาล รวมทั้งช่วงเวลาดังกล่าวก็มีดนตรีค่ายใหญ่ทยอยเข้ามาจัดด้วย

 


ขณะเดียวกันขอนแก่นเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านคมนาคม ทางอากาศ ซึ่งมี “ที่นั่งเที่ยวบินบริการ” เดินทางเข้าออกเชื่อมโยง ระหว่างกรุงเทพฯ-ขอนแก่น 44-45 เที่ยว/วัน ถ้ารวม ไป-กลับ ก็ประมาณ 80-90 เที่ยว/วัน แล้วยังไม่นับเที่ยวบินข้ามภูมิภาค จากภาคเหนือ มี ขอนแก่น-เชียงใหม่ ภาคใต้ ขอนแก่น ปลายทาง ภูเก็ต และหาดใหญ่ สามารถประชาสัมพันธ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวข้ามภาคเข้ามาได้ “ทางบก” ก็มีรถโดยสารประจำทาง กับรถไฟ ได้ด้วย

ผอ.เสกสรร กล่าววว่า ททท.ได้ร่วมกับท้องถิ่นทำโครงการนำร่องพื้นที่ชุ่มน้ำ “แก่งละว้า” อำเภอเมืองขอนแก่น ซึ่งเป็นแหล่งปลาน้ำจืดมีชุมชนประมงพื้นบ้านที่น่าสนใจ สามารถนำมาถ่ายทอดเรื่องราวการหมักดองผลิตภัณฑ์ “ปลาร้า” นำมาสร้างเว็บไซต์ www.ปลาร้า.com ซึ่งเกิดจากการนำปัญหากของนักท่องเที่ยวกลุ่มสนใจท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม แต่ที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่งยาก เพราะนักท่องเที่ยวจะต้องติดต่อนัดหมายล่วงหน้าผนวกกับค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเพราะต้นทุนโลจิสติกส์ค่าจัดส่งสินค้า จึงได้ปรับแผนนำเว็บไซต์ใหม่เข้ามาสนับสนุนชุมชนท่องเที่ยวในจังหวัด

ขณะเดียวกันชุมชนก็สามารถขายของได้โดยไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ และช่วยลดการทำเทเลเมดโปรแกรม หรือตั้งตารอนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว วิธีนี้เป็นการเข้าไปช่วยแก้ปัญหาโครงสร้างห่วงโซ่อุปทาน (supply side) เพราะทางชุมชนแก่งละว้ามีความเข้มแข็งปัจจุบันขายของได้ค่อนข้างดี แต่ยังสามารถทำรายได้เพิ่มด้วยวิธีแปรรูปเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น

 


ล่าสุด ททท.ขอนแก่น ได้นำเส้นทางดังกล่าวไปเสนอผ่านโครงการ Meaningful Travel Showcase : Amazing Thailand Roadshow to Scandinavia 2023 ในตลาดสแกนดิเนเวีย เมืองโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ก สต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมืองละ 1 วัน ตลาดดังกล่าวแสดงความสนใจ เนื่องจากวัฒนธรรมของสแกนดิเนเวียก็ทำเรื่องหมักดองปลาเช่นกัน คือนำปลาทะเลมาหมักคล้ายปลาร้าของอีสาน  ซึ่งก่อให้เกิดการสร้างสมดุลหรือลดขยะอาหาร (Food Waste) ด้วยวิธีถนอมอาหาร ททท.จึงหยิบยกเรื่องราวของขอนแก่นตามเส้นทางปลาร้า เส้นทางเกลือซึ่งเป็นแหล่งนำมาหมักดองอาหาร และทำโฮมสเตย์แบบ Home cook โดยใช้วัตถุดิบหาได้ในชุมชนปรุงโดยฝีมือแม่ไปเสนอตลาดสแกนดิเนเวียในชื่อ Khonkaen Gastronomy Towards Sustainable Tourism สร้างแรงจูงใจพร้อมจะสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับนักท่องเที่ยวตลาดนี้ต่อไป

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง


ข่าวที่ 1 แจกจริง!!คิงเพาเวอร์3แจก“บัตรGift+KTCแพกเกจทัวร์เกาหลี” 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ทำให้ทุกอย่าง “เป็น-ไป-ได้” ทุกวันแจกทุกการช้อป ตั้งแต่วันนี้30 กันยายน 2566 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต เดินหน้า “แจกส่วนลดทุกการช้อป” โดยเฉพาะสมาชิก คิง เพาเวอร์ ลดสูงสุด 20 % กับสินค้าแบรนด์ต่าง ๆ ที่ร่วมรายการ ดังนี้

 

แจกที่ 1Gift Voucher-คูปองบัตรกำนัล” นำไปช้อปต่อสูงสุด 1,000 บาท  ได้คนละ 1 สิทธิ์/วัน เมื่อช้อปครบ 15,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) รับ Gift Voucher 500 บาท หรือ ช้อปครบ 25,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) รับ Gift Voucher 1,000 บาท

 

พิเศษ! สมาชิก คิง เพาเวอร์ ONYX, CROWN และ VEGA นำ Gift Voucher ไปช้อปต่อยอดที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ

 

แจกที่ 2 แลก 100 กะรัต รับ Gift Card-บัตรกำนัล มูลค่า 5,000 บาท เมื่อช้อปครบ 200,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ)

 

แจกที่ 3 สมาชิกบัตรเครดิต KTC ตั้งแต่วันนี้ -31 สิงหาคม 2566 สมาชิก 1,000 คนแรก รับคูปองส่วนลด 400 บาท เพื่อใช้เป็นส่วนลดเพิ่มจากส่วนลดสถานะสมาชิก คิง เพาเวอร์ โดยต้องใช้ซื้อสินค้าคู่กับบัตรเครดิต KTC 8,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ)/ใบเสร็จ เพียงแสดงบัตรเครดิต KTC ที่จุดบริการสมาชิก คิง เพาเวอร์

 

พิเศษ !! Top Spender 2 คนที่มียอดช้อปสูงสุด ซึ่งมียอดช้อปสะสมขั้นต่ำ 500,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) รับไปเลย “ทริปท่องเที่ยวสุดเอ็กซ์คลูซีฟสู่เกาหลีใต้”  รวมมูลค่า 320,000 บาท เดินทาง 2 คน มูลค่ารางวัลละ 160,000 บาท

 

สำหรับรางวัลแพ็กเกจท่องเที่ยวเกาหลีใต้ : Only In Korea, Especially for you มอบ 1 รางวัล ให้เดินทาง 2 คน มูลค่ารางวัลละ 160,000 บาท ซึ่งยังไม่ได้รวมค่าภาษี หัก ณ ที่จ่าย 5% และออกเดินทางวันที่ 1 - 5 พฤศจิกายน 2566

รวม 5 วัน 3 คืน เดินทางด้วยสายการบิน โคเรียนแอร์  + ห้องรับรองคิงเพาเวอร์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และคอร์สดูแลผิวพรรณด้วยสมุนไพรโสมเกาหลี + พักโรงแรม 4 ดาวหรือเทียบเท่า

 

เคทีซีจะประกาศรายชื่อสมาชิกที่มียอดใช้จ่ายสะสมสูงสุดตามที่กำหนด ผ่านเว็บไซต์  https://www.ktc.co.th/promotion/travel/air-ticket/visitkorea2023 ภายใน 1 ตุลาคม 2566 และจะติดต่อแจ้งขั้นตอนและเงื่อนไขการรับของรางวัลให้ทราบผ่านทางหมายเลขโทรศัพท์ ที่ได้แจ้งไว้กับเคทีซี ภายใน 7 วัน นับจากวันประกาศรายชื่อ โดยสมาชิกจะต้องติดต่อขอรับของรางวัลตามเงื่อนไขและภายในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น หากผิดเงื่อนไขจะถือว่าสละสิทธิ์ในการรับของรางวัลดังกล่าว

 


ข่าวที่ 2 ด่วน!!คิงเพาเวอร์รางน้ำปลุกAnimal Loverช้อป4แบรนด์ไทย

 

คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย จัดเต็มเอาใจนักช้อปสาย Animal Lover ชวนมาเดินเล่น มาเช็กอิน และมาช้อปที่ “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” ตื่นตากับสินค้าไทย บริเวณโซนไลฟ์สไตล์ ชั้น 3 เป็นผลงานที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสัตว์ซึ่งทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี เลือกซื้อได้ที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา กับ 4 แบรนด์ดีฝีมือคนไทย ดังนี้

 

แบรนด์ที่ 1 บายศรี (BAISRI) ผ้าทอดีไซน์และลวดลายเก๋กับคอลเลกชันใหม่ “สิงสาราสัตว์” ที่โดดเด่นด้วยลวดลายสัตว์ เช่น สัตว์เลี้ยงน่ารักอย่างแมว หรือสัตว์ป่าอย่างเสือโคร่งลายพาดกลอน เสือชีต้า

 

แบรนดที่ 2 ผ้าพันคอ HOROSCARF/โฮโรคราฟต์ เสริมสิริมงคลตามปีนักษัตร โดดเด่นด้วยลวดลายสัตว์มงคล 12 ชนิดตามหลักฮวงจุ้ย แล้วยังมีสัตว์อื่น ๆ อีกมากมาย

 

แบรนด์ที่ 3  N2 INDIGO ผู้ที่กำลังมองหาของตกแต่งเพื่อมาเพิ่มมุมโปรดของบ้านเลือกช้อปงานแฮนด์เมดสไตล์ ECO จากชาวบ้านในเชียงใหม่ได้ผสมผสานผ้ามัดย้อมสีครามกับผ้าพิมพ์ลายดีไซน์โดยใส่เอกลักษณ์ไทย เช่น ช้าง ควาย (Tui Toy) ออกมาน่ารักน่าใช้

 

แบรนด์ที่ 4  Larinn by Double P.ของคนรุ่นใหม่อยากสานต่อภูมิปัญญาการทอผ้าของชาวลำพูน ออกแบบตัดเย็บเป็นตุ๊กตาช้างสุดน่ารัก

 

เหล่าผู้ที่หลงรักสัตว์เลี้ยง บอกเลยว่า แวะมาเพิ่มประสบการณ์ช้อปเลือกซื้อสินค้าได้ที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา  โดยเฉพาะที่ “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” ได้ของกลับไปฝากคนที่บ้านอย่างแน่นอนสินค้ารูปสัตว์อีกมากมายรอให้คุณมาเลือกแมตช์ให้เหมาะได้ตามต้องการ

 

ข่าวที่ 3 ททท.งัด4Digital TourismดึงเอกชนพัฒนาสมดุลESG-ยั่งยืน

 

นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัลวิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าได้นำศูนย์พัฒนาวิชาการด้านตลาดการท่องเที่ยว (TAT Academy) เปิดตัว “โครงการพัฒนาหลักสูตรเพิ่มพูนความรู้ด้านดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยว” หรือ 4Digital Tourism จัดทำบริการคอร์สเรียนออนไลน์ ร่วมยกระดับความรู้ด้านดิจิทัลให้เอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเป็นปัจจัยเร่งรัดด้านการปรับตัวทางธุรกิจ ททท.จึงได้นำความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยเร่งปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ

 

ททท.ได้ลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์ม 4Digital Tourism เปิดให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวเอกชนเข้ามาใช้งานครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นมา จนถึงขณะนี้มีกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการให้ความสนใจร่วมลงทะเบียนเข้าใช้แพลตฟอร์มแล้วกว่า 2,407 คน พร้อมทั้งเปิดให้เอกชนลงทะเบียนเข้ามาเรียนรู้ได้ทุกที่ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยการจัดทำรวมทั้งหมด 22 หลักสูตร ผู้ประกอบการแสดงความสนใจเข้ามาร่วมศึกษาและพัฒนาทักษะเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในยุคดิจิทัล

 

โดยมีหลักสูตรที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เช่น ไขกุญแจสู่ธุรกิจ และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” ซึ่งสามารถทำให้ได้เรียนรู้ถึงการทำธุรกิจท่องเที่ยวด้วยหลักสมดุล ESG ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ไปพร้อมกับการยกระดับภาคบริการด้วยดิจิทัล สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)

 

นายนิธี ยืนยันว่า ททท. พร้อมเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสนับสนุนผู้ประกอบการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยก้าวไกลและครองใจนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก รวมทั้งจะสามารถก้าวสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศ มุ่งพัฒนาการท่องเที่ยวไทยบนพื้นฐานแห่งความยั่งยืนต่อไป

 

สำหรับแพลตฟอร์มดังกล่าวเกิดขึ้นจากจากความร่วมมือของ ททท.กับ พันธมิตรและเครือข่ายผู้ประกอบการท่องเที่ยวมากมายที่ร่วมสนับสนุนและเชิญชวนผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการเบื้องต้น 10 องค์กร ได้แก่ 1.สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 2.สมาคมโรงแรมไทย 3.สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย 4.สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว 5.สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ 6.สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว 7.สมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย 8.องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน 9.สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) และ 10.ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย

 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2566 ททท.นำพันธมิตร ร่วมกันจัดงานเปิดตัว โครงการพัฒนาหลักสูตรเพิ่มพูนความรู้ด้านดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยว พร้อมกับมอบประกาศนียบัตรให้กับผู้สำเร็จหลักสูตรต่าง ๆ ของโครงการฯ ในระยะนำร่องเรียบร้อยแล้ว 105 ราย

 

ขณะนี้ ททท.ยังคงเปิดแพลตฟอร์ม 4Digital Tourism ให้ผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ได้ต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยว สถานประกอบการ หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในไทย  ร่วมมือกันผลักดันประเทศเป็นจุดหมายปลายทางที่สร้างความประทับใจและน่ามาเยือน รวมถึงสร้างบริบททางการท่องเที่ยวแบบใหม่ให้ Amazing ยิ่งกว่าเดิม รวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

 

ททท. ตั้งความหวังจะใช้แพลตฟอร์ม 4Digital Tourism ช่วยให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจได้เตรียมความพร้อมทางด้านการเพิ่มและปรับปรุง หรือ Upskill และ Reskill องค์ความรู้ แล้วสามารถนำไปประยุกต์ใช้ร่วมกับธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถแข่งขันได้อย่างเท่าทันในโลกยุคดิจิทัล

 

ขณะเดียวกันโครงการพัฒนาหลักสูตรเพิ่มพูนความรู้ด้านดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยว (4Digital Tourism) ยังคงเดินหน้าเปิดให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมถึงบุคคลทั่วไปที่สนใจก็สามารถเข้ามาลงทะเบียนเรียนได้ทาง www.4digitaltourism.com รวมทั้งติดตามเพิ่มเติมได้ทางเซ็บไซต์หลักคือ https://www.facebook.com/4DigitalTourism  

 

ข่าวที่ 4 บางจากปลื้มคว้ารางวัล“ต้นแบบธุรกิจยั่งยืนPPPP

 

นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เป็นตัวแทนบางจากฯ รับมอบเข็มเกียรติคุณและประกาศนียบัตรจาก นางพันทิพา เอี่ยมสุทธา เอกะโรหิต รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะที่เป็นต้นแบบความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในรูปแบบ Public Private Partnership for People (PPPP) ผ่านโครงการพัฒนากาแฟเทพเสด็จสู่ร้านกาแฟอินทนิล สานต่อการขับเคลื่อนความร่วมมือของภาครัฐสู่ภาคเอกชนและส่งผลต่อชุมชน สร้างความยั่งยืนในวงกว้าง ภายในงาน
TICA Connect ครั้งที่ 8 ภายใต้หัวข้อ “Enhancing International Development Cooperation for Sustainable Future” จัดโดยกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ

 

โดยมี นางพันทิพา เอี่ยมสุทธา เอกะโรหิต รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศและนางอุรีรัชต์ เจริญโต อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ให้เกียรติเยี่ยมชมนิทรรศการและทดลองชิม “กาแฟดริปเทพเสด็จตราอินทนิล” พร้อมด้วยนางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ นายวิษณุ วงศ์สุมิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด ให้การต้อนรับ นอกจากนี้ ยังได้จัดเครื่องดื่มอินทนิลเพื่อรับรองผู้แทนระดับสูงจากประเทศต่าง ๆ คณะทูตานุทูต และผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมงานกว่า 400 คน

 

ข่าวที่ 5 TCEBเปิดประสบการณ์ไมซ์ชุมชนบ้านเชียงวิถีดงแพง5พันปี

 

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” ชวนนักเดินทางมาเยือนถิ่นโบราณสถาน 5,000 ปี ในเมืองไมซ์ซิตี้ จ.อุดรธานี แหล่งโบราณคดีเลื่องชื่อ หนึ่งในมรดกโลกที่ได้ขึ้นทะเบียนกับองค์กร UNESCO พร้อมเรียนรู้วิถีชีวิต ‘ชุมชนบ้านเชียง’ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งยังคงอนุรักษ์ประเพณี วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์พื้นถิ่นไว้เป็นอย่างดี

 

“ชุมชนบ้านเชียง” ในอดีตมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเนินดินอันอุดมสมบูรณ์ เรียกขานกันว่า ‘ดงแพง’  ทำเลที่ตั้งติดแม่น้ำโขง ชาวบ้านส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากชาวไทพวน ส่งผลให้วัฒนธรรมในชุมชนมีความหลากหลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ต่อมาเมื่อค้นพบแหล่งโบราณคดี ชาวบ้านจึงก่อตั้ง ‘วิสหากิจท่องเที่ยว โดยชุมชนบ้านเชียง’ เพื่อสืบสานภูมิปัญญา และอนุรักษ์ประวัติศาสตร์ไว้แก่ชนรุ่นหลัง

 

ปัจจุบันในชุมชนบ้านเชียงมี “กิจกรรมไมซ์” ให้เลือกทำมากมายทั้งการเดินทางสัมผัสธรรมชาติ ชื่นชมอุโบสถดอกบัวกลางน้ำแห่งเดียวในเมืองไทย ทดลองเรียนรู้การย้อมผ้าครามแบบชาวไทพวน ซึ่งเป็นภูมิปัญญาสืบสานมาอย่างยาวนาน หรือการศึกษาประวัติศาสตร์ยังพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติบ้านเชียง หนึ่งในมรดกสำคัญของโลก

 

ชาวบ้านเชียงเตรียมกิจกรรมอื่น ๆ อีกหลากหลายมากมายไว้ต้อนรับนักเดินทางไมซ์ เข้าไปสัมผัส เรียนรู้ เอายดินกลิ่นบ้านเชียงแบบดั้งเดิม เก็บเกี่ยวประสบการณ์ล้ำค่าได้ทุกวัน

 

            ช่วงที่ 2 เตรียมตัวเที่ยวมรดกโลกแห่งใหม่เมืองไทยที่ “อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ” จ.เพชรบูรณ์ ย้อนเวลาไปชม “เมืองอภัยสาลี” ยุคทวารดี อันมั่งคั่งสมบูรณ์ แล้วอย่าลืมดูแลสุขภาพ กับ “10เทคนิคถนอมสาย” ตามที่แพทย์แนะนำ และเกาะติดข่าวเด่น ข่าวแรก “ททท.ภาคใต้” ใช้ “ตะรุเตาโมเดล” นำ 14 จังหวัดขายท่องเที่ยวโลว์คาร์บอน ข่าวที่สอง “ไทยเวียตเจ็ท” ตีปีกครึ่งปีแรก66 ผู้โดยสารบินอินเตอร์โต 1,332 %

 

ท่องเที่ยว –เที่ยวมรดกโลกใหม่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพจ.เพชรบูรณ์

 

ข่าวดีของคนไทยเมื่อ “อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ” จ.เพชรบูรณ์ ได้รับการขึ้นทะเบียน UNESCO World Heritage จากองค์การศึกษาและวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO :United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization) ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งใหม่ล่าสุด ทาง ททท.ก็เตรียมจัด “มหัศจรรย์แสงสี ณ ศรีเทพ สู่มรดกโลก : The Magical Si Thep to World Heritage” ระหว่างวันที่29 สิงหาคม - 3 กันยายน 2566 เวลา 16.00 – 21.00 น. ณ เขาคลังนอก อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์

 

“อุทยานศรีเทพ” เป็นโบราณสถานสำคัญที่น่าสนใจศึกษาหาความรู้มากสุดแห่งหนึ่งในเพชรบูรณ์ มีพื้นที่ครอบคลุมโบราณสถานในเมืองเก่าศรีเทพ มีชื่อเดิมว่า “เมืองอภัยสาลี” สร้างขึ้นในยุคขอมเรืองอำนาจ มีอายุไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี  ภายในอุทยานฯ มีโบราณสถานและสถานที่สำคัญ

 

จุดที่ 1 ศูนย์บริการข้อมูล ในอาคารจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และโบราณสถานของเมืองโบราณศรีเทพ ภายในประกอบด้วยห้องจัดแสดงนิทรรศการ  และส่วนจำหน่ายหนังสือ สินค้าที่ระลึก  

 

จุดที่ 2 อาคารหลุมขุดค้นทางโบราณคดี และ จุดที่ 3 อาคารจัดแสดงโครงกระดูกมนุษย์และโครงกระดูกช้างที่ได้จากการขุดค้นทางโบราณคดี เมื่อ พ.ศ. 2531 ปรางค์สองพี่น้อง ลักษณะเป็นปรางค์ 2 องค์ ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงขนาดใหญ่ พบทับหลังที่มีจำหลักเป็นรูปพระอิศวรอุ้มนางปารพตีประทับนั่งอยู่เหนือโคอุศุภราช อยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 เป็นศิลปะขอมแบบบาปวนต่อนครวัด ปรางค์ศรีเทพ เป็นสถาปัตยกรรมแบบศิลปะเขมรหันหน้าไปทางทิศตะวันตก สร้างด้วยอิฐและศิลาแลง ฐานล่างก่อด้วยศิลาแลงเป็นฐานบัวลูกฟักแบบเดียวกับสถาปัตยกรรมเขมรทั่วไป เรือนธาตุก่อด้วยอิฐ

 

ในการขุดค้นบริเวณนี้ พบชิ้นส่วนทับหลังรูปลายสลักอายุราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 โบราณสถานเขาคลังใน สร้างประมาณพุทธศตวรรษที่ 11-12 โดยผังเมืองและศิลปะการก่อสร้างเป็นสมัยทวารวดีคล้ายกับการค้นพบที่จังหวัดนครปฐม และเมืองโบราณบ้านคูบัว จังหวัดราชบุรี ซึ่งได้ใช้ศิลาแลงเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง ตรงบริเวณฐานมีรูปปูนปั้นบุคคลและสัตว์ประดับเป็นศิลปะสมัยทวารวดี เชื่อกันว่าเป็นที่เก็บอาวุธและทรัพย์สมบัติจึงเรียกว่า “เขาคลัง”

 

ทำให้ “โบราณสถานเขาคลังนอก” มีลักษณะเป็นมหาสถูป อาจรับคติการสร้างจากพุทธศาสนามหายานที่นิยมสร้างอาคารบนฐานสูง รูปแบบผังมณฑลจักรวาล พบโบราณวัตถุสำคัญ ได้แก่

 

ไฮไลต์ที่ 1 พระพุทธรูปศิลปะทวารวดี สลักจากหินทรายสีเขียว มีลักษณะประทับยืนปางแสดงธรรม (วิตรรกะ) 2 พระหัตถ์

 

ไฮไลต์ที่ 2 ศาลเจ้าพ่อศรีเทพ เป็นศาลที่เคารพสักการะของชาวบ้านทั่วไป มีงานบวงสรวงทุกปี ในวันขึ้น 2-3 ค่ำ เดือน 3 ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ เปิดทุกวัน เวลา 08.00–16.30 น.

 

การท่องเที่ยว “อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ” ค่าเข้าชม คนไทย 20 บาท ต่างชาติ 100 บาท รถยนต์คันละ 50 บาท หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะพร้อมต้องการวิทยากรบรรยาย โทรประสานงานโดยตรงกับทางเจ้าหน้าที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ โทร. 0 5692 1322, 0 5692 1317

 

สำหรับ “อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ” เคยได้รับรางวัล Thailand Tourism Award ประจำปี 2543 สองรางวัล คือ 1.รางวัลประเภทแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมโบราณสถานยอดเยี่ยม และ 2.รางวัลสื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ด้านอินเตอร์เนตดีเด่น

 

เที่ยวเมืองไทย เที่ยวได้ทั้ง  365 วัน ออกมาเดินทางหาประสบการณ์ใหม่ เพิ่มมูลค่าและคุณค่าให้ทุกวันในชีวิตเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุขที่ได้มีโอกาสแบ่งปันสิ่งดี ๆ ทั่วไทย

 

สุขภาพ –10เทคนิคถนอมสายตาต้องดูแลบำรุงทำได้ทุกวัยมองเห็นดี

 

จักษุแพทย์ แนะนำให้ทุกวัยหันมาดูแล “ดวงตาของเรา” เป็นอวัยวะหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะชาวออฟฟิศซินโดรมแบบเรา ๆ ที่ต้องนั่งจ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานจนปวดตา รู้สึกตาพร่า เบลอ มองไม่ชัดเจน แบบนี้เป็นสัญญาณเตือนว่าควรพักสายตาและควรจะต้องถนอมดวงตาของเราไว้ก่อนที่ดวงตาของเราจะเสื่อมประสิทธิภาพก่อนวัยอันควร ได้รวม 10 วิธีดูแลและบำรุงสายตา เพราะสุขภาพตาสำคัญกว่าที่คิด

 

            1.ทานอาหารที่ช่วยบำรุงสาย เช่น ผักใบเขียว ไขมันดี ปลาทะเล

2.สวมแว่นตากันตากันแดด ถนอมสายตาจากรังสี UV

3.พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเมื่อยล้าของดวงตา

4.ดื่มน้ำให้เพียงพอ คืนความชุ่มชื้นให้ดวงตา

5.พักสายตาเป็นระยะ เมื่อต้องใช้สายตาเป็นเวลานาน

 

6.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ลดเสี่ยงโรคแทรกซ้อน

7.เลี่ยงการสูบบุหรี่ ลดความเสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อม

8.ไม่มองจอใกล้เกินไป ลดเสี่ยงสายตาสั้น

9.กระพริบตาให้บ่อย ลดอาการตาแห้ง

10.ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ เพราะบางโรคอาจไม่มีแสดงอาการ

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก –ททท.ใต้14จังหวัดชู“ตะรุเตาโมเดล”ลุยขายทัวร์โลว์คาร์บอน

 

นายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้นำทีมผู้อำนวยการ ททท.และพันธมิตรเปิดงานโครงการ "Low Carbon Destination in The South" เร่งส่งเสริมเทรนด์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน STGs (Sustainable Tourism Goals) นำร่องทำแคมเปญ Pirate of The South @ Satun” ที่เกาะตะรุเตา อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ด้วยการนำทัพนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สื่อมวลชน และผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ออกเดินทางในฐานะเป็นนักล่าแห่งท้องทะเลอันดามัน ที่บริเวณเกาะตะรุเตา (อุทยานแห่งชาติตะรุเตา) ซึ่งอดีตคุกกลางทะเลและชุมทางโจรสลัด จัดทำเส้นทางท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบแบบคาร์บอนต่ำ พร้อมนำชมความสวยงามและความอุดมสมบูรณ์หมู่เกาะต่าง ๆ ในสตูล สร้างสนุกสนานกับกิจกรรมแนวคิดใหม่ Low Carbon เพื่อนำไปขยายผลผลิตแพกเกจทำตลาดการขายท่องเที่ยว ส่งมอบประสบการณ์ที่มีความหมายและคุณค่าต้อนรบฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงปลายปี 2566 เป็นต้นไป

 

นายสมชาย กล่าวว่า ททท. มุ่งส่งเสริมทางด้านการตลาดและการท่องเที่ยวครอบคลุมทุกมิติ จึงเร่งผลักดันให้ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาสินค้าและบริการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐานอย่างมีคุณภาพ เน้นการสร้างสมดุลระหว่างทรัพยากรทางการท่องเที่ยวและความต้องการทางการตลาดให้เกิดความยั่งยืนตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติตามนโยบาย BCG :Bio-Circular-Green เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ททท.จึงได้จัดโครงการ "Low Carbon Destination in The South"  ร่วมกับจังหวัดสตูล อุทยานแห่งชาติตะรุเตา สมาคมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) ตัวแทนผู้ประกอบการ (DMC :Destination Management Company)ในจังหวัดสตูล นำร่องจัดกิจกรรมขึ้นในพื้นที่เกาะตะรุเตา (อุทยานแห่งชาติตะรุเตา) และบริเวณเกาะใกล้เคียง จังหวัดสตูล

 

ตั้งเป้าหมายส่งเสริมการตลาดในภูมิภาคภาคใต้ เร่งกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวไปยังพื้นที่จังหวัดสตูล ซึ่งจะเป็นต้นแบบนำไปสู่การยกระดับโมเดล “พัฒนาการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในพื้นที่ภาคใต้” ส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Responsible Tourism) เต็มรูปแบบในปัจจุบันและอนาคต

 

โดยเฉพาะการจัดทำโมเดล “การท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ” (Low Carbon Tourism) ด้วยวิธีบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรผลักดันและส่งเสริมสินค้าท้องถิ่นให้มีศักยภาพพร้อมขาย ตลอดจนสร้างกระแสให้เกิดการรับรู้ในการอนุรักษ์ไปพร้อมกับการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และเพิ่มขีดความสามารถและมาตรฐานด้านการจัดการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ชุมชนท่องเที่ยว นักท่องเที่ยว และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง

 

นายสมชาย กล่าวว่าปัจจุบันเทรนด์การท่องเที่ยวเปลี่ยนไป จึงส่งผลทำให้นักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก เริ่มหันมาตระหนักรวมทั้งให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้นเรื่อง การมีส่วนร่วมดูแลสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิต ชุมชน ศิลปวัฒนธรรม และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สร้างรูปแบบการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ททท.จึงจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ พร้อมสอดแทรกกิจกรรมท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่น่าสนใจ ด้วยคอนเซ็ปต์สุดสร้างสรรค์ “Pirate of The South @ Satun”เป็นโปรแกรมท่องเที่ยวนำร่อง จำนวน 3 วัน 2 คืน

 

ททท.ได้นำนักท่องเที่ยวจากเครือข่ายพันธมิตร ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐ เอกชนทั้งในและนอกพื้นที่ สื่อมวลชน นักท่องเที่ยวทั่วไปที่สนใจอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมกิจกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ รวม 80 คน ร่วมเดินทางมาทดสอบโปรแกรมท่องเที่ยวสัมผัสความงดงามและความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติแห่งทะเลใต้ จังหวัดสตูล  ซึ่งตั้งอยู่ใต้สุดของประเทศไทยด้านฝั่งอันดามัน เช่น เกาะตะรุเตา เกาะไข่ เกาะเหล็ก เกาะหินงาม เกาะหินซ้อน เกาะราวี อ่าวแม่หม้าย เกาะอาดัง จุดดำน้ำร่องน้ำจาบัง เกาะหลีเป๊ะ และอีกหลายแห่งด้วยกัน

 

ทำให้ผู้ร่วมกิจกรรม “Pirate of The South @ Satun” ได้เรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์บนเกาะตะรุเตา เที่ยวเพื่อสังคมสัมผัสกับวิถีชีวิตชาวเกาะอูรักลาโว้ยอย่างใกล้ชิด พร้อมกับชมภาพ Street Art บนเที่ยวถนนคนเดิน ชมพระอาทิตย์ตกที่หาดซันเซ็ทบนเกาะหลีเป๊ะ สนุกสนานไปกับการทำเวิร์คชอปรักษ์โลก ที่ได้ออกแบบให้เป็นหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำของ ททท.

 

โดยเฉพาะการพานักท่องเที่ยวร่วมเป็นนักล่าแห่งท้องทะเลใต้ทำกิจกรรมเก็บขยะบนเกาะ มุ่งสร้างความสะอาดและเพิ่มความสวยงามแก่ชายหาดและท้องทะเล แล้วยังช่วยสร้างจิตสำนึกที่ดีให้ทุกคนร่วมกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยมีไฮไลต์ลดพลังงานในคืนพระจันทร์เดือนมืด Dark Sky Party” กับกิจกรรมตื่นมาวิ่งล่าแสงเช้า Wake Up Run” กับชุดนอนแสนรัก สัมผัสบรรยากาศริมหาดรับแสงแรกวันใหม่บนเกาะหลีเป๊ะด้วยกัน

 

ปิดท้าย ททท. ได้ทำกิจกรรมซีเอสอาร์ส่งมอบตู้ล็อคเกอร์ให้อุทยานแห่งชาติตะรุเตาโดยให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวบนเกาะแห่งนี้ได้ใช้ประโยชน์ต่อไป ช่วยกันรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวพกสิ่งของสัมภาระเข้าเกาะน้อยชิ้นที่สุดตามแนวคิด “เที่ยวเกาะขอสองชิ้น - Two Please” จะช่วยลดการเกิดคาร์บอนฟุตปริ้นท์ พร้อมกับแนะนำวิธีท่องเที่ยวเข้าอุทยานแห่งชาติจะต้องจองผ่าน App QueQ โดยจองล่วงหน้าก่อน 60 วัน  เมื่อไปถึงแล้วแนะนำให้ออกแบบท่าและเทคนิคการถ่ายภาพโพสต์แต่ละแหล่งท่องเที่ยวร่วมกันเปิดจุดขายใหม่โดย ททท.มอบรางวัลการสะสมแต้มผ่านออนไลน์ด้วย

 

ข่าวที่สอง -ไทยเวียตเจ็ทครึ่งปี’66อู้ฟู่ผู้โดยวสารอินเตอร์โต1,332%

 

นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยเวียตเจ็ท เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์บริการบินตลอดปี 2566 ทำรายได้รวมเติบโตตามเป้าหมาย 72 % มีจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 6,31 ล้านคนเติบโต 9% โดยจะรักษาส่วนแบ่งตลาดในประเทศไทยคงไว้ที่อันดับ 2 เฉพาะการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรก 2566 มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 103.63 % จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน แบ่งเป็นรายได้จากการขายตั๋วโดยสาร 73.20 % และบริการเสริมและบริการบนเครื่องบินอีก 26.72 % รวมทั้งมีผลการดำเนินงานสิ้นเดือนมิถุนายน 2566 ไทยเวียตเจ็ทมีผู้โดยสารสะสมรวมมากถึง 21.54 ล้านคน เริ่มนับตั้งแต่เปิดเที่ยวบินแรกเมื่อปี 2559 ผนวกกับดึงผู้โดยสารมาใช้บริการได้ถึง 3.04 ล้านคน เพิ่มขึ้นประมาณ 10.12 %

 

เป็นผลมาจากได้ขยายเครือข่ายเส้นทางบินระหว่างประเทศขนส่งผู้โดยสารได้กว่า 729,000 คน เติบโต 884 %  จากเที่ยวบินในประเทศเฉลี่ย 547 เที่ยว/สัปดาห์ ทำอัตราบรรทุกเฉลี่ย 85 % และเที่ยวบินระหว่างประเทศเฉลี่ย 190 เที่ยว/สัปดาห์ อัตราบรรทุกเฉลี่ยได้ 77% จากฝูงบินแอร์บัส A320 และ A321 ที่มีอยู่ทั้งหมด 18 ลำ

ขณะเดียวกันก็ยังได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จาก เวียตเจ็ท กรุ๊ป ในฐานะผู้ให้บริการเที่ยวบินมากเป็นอันดับต้น ๆ เปรียบเทียบการเติบโตปีนี้กับช่วงเดียวกันกับปีก่อน ในเส้นทางบินระหว่างไทยและเวียดนาม มีจำนวน 4,200 เที่ยว เพิ่มขึ้น 446.36 % ให้บริการผู้โดยสารระหว่างสองประเทศกว่า 683,000 คน 1,332.37 % ได้แก่ เที่ยวบิน ไป-กลับ 3 จุดบินหลัก ประกอบด้วย จุดบินที่ 1 กรุงเทพฯ สู่เมืองหลักโฮจิมินห์ซิตี้ ดานัง ฟู้โกว๊ก ฮานอย จุดบินที่ 2 ภูเก็ต สู่ฮานอย และ โฮจิมินห์ซิตี้ จุดบินที่ 3 เชียงใหม่ สู่ โฮจิมินห์ซิตี้  

 

ส่วนครึ่งหลังปี 2566 ไทยเวียตเจ็ทยังคงมุ่งให้ความสำคัญมากที่สุดโดย 2 เรื่องหลัก ได้แก่ เรื่องที่ 1 จะเน้นเพิ่มบริการดิจิทัลและเดินหน้าปรับปรุงบริการเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ผู้โดยสาร เรื่องที่  2 มุ่งขยายเครือข่ายเส้นทางบินระหว่างประเทศ ซึ่งได้ศึกษาถึงโอกาสการให้บริการเส้นทางระหว่างประเทศเส้นทางใหม่ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพิ่มมากขึ้นตามการเติบโตของตลาดการเดินทางและการท่องเที่ยว

 

ขณะนี้ไทยเวียตเจ็ทเปิดให้ลูกค้าเข้าถึงบริการด้วยเทคโนโลยีสมัยรวมถึง “Amy Chatbot – แชทบ็อต”ซึ่งเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) สนทนาทันทีกับผู้โดยสารทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อจัดการจองตั๋วหรือสอบถามข้อมูลการเดินทางที่จำเป็นได้อย่างสะดวก Amy Chatbot สร้างประสบความสำเร็จให้สายการบินด้วยการยกระดับอัตราความพึงพอใจของลูกค้าตลอดครึ่งแรกปี 2566 ลูกค้าพึงพอใจการใช้งานสูงถึง 90 %ดีกว่าปีก่อนทำได้ 83 %

 

อีกทั้งช่วงครึ่งปี 2566 ยังมีผู้ใช้บริการแชตบ็อต 87.6 % สูงกว่าครึ่งปี 2565 มีผู้ใช้เพียง 78.6 % โดยภาพรวมปีนี้เพิ่มขึ้น11.54 % ภายในสิ้นปี 2566 ไทยเวียตเจ็ทมีเป้าหมายจะยกระดับการใช้ Amy Chatbot โดยจะสร้างความพึงพอใจของลูกค้าขยับขึ้นเป็น 95 % และเพิ่มอัตราการใช้บริการให้ได้ถึง 90 %

 

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง