CEOสถาบันไอทิมลุยปี66ผลิตคนป้อนอุตฯท่องเที่ยว/โรงแรม
ทุ่มลงทุนITIM Plusดันไทยขึ้นผู้นำHospitality
Learning Center
ผนึกจุฬาฯ-มืออาชีพเปิด100วิชาราคาเข้าถึงได้100-1,000บาท
เป็นสมาชิกคิงเพาเวอร์คุ้ม4สิทธิ์SCARLETรับฟรีบัตรอาหาร
ช้อปKingPowerOnlineลดสูงสุด20%+สิทธิเงินคืน1หมื่นบาท
ททท.จัด“WriteAmazingNewChapters”เอเชียรับรู้20ล้านคน
บางจากMOUกรมโรงงานลดคาร์บอน/ก๊าซเรือนกระจกEEC
TCEBชวนเที่ยวPrakan Festivalที่ป้อมผีเสื้อสมุทร25-27ส.ค.
เที่ยวทริปดีวัดปริวาส/วัดชมภูเวกนนท์/พระปฐมสมุทรสาคร”
5 ทริคง่ายๆ พักสายตาบอกเลยว่าช่วยถนอมดวงตาได้ดีจริง
ท่องเที่ยวหวังทัวร์มุสลิมโลกเข้าไทยชิงรายได้8.51ล้านล้าน
โรบินฮู้ดชู“RobinhoodxVeranda Resort”แจกใหญ่3ต่อลด20%
วันอาทิตย์ที่ 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #TCEB #บางจาก #UnseenNewChapters #วัดชมภูเวกนนทบุรี
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...https://fb.watch/mxjY8G60Rm/
ช่วงที่ 1 เจาะยุคเฟื่องฟูกับ “ธนวัง ศรีนันทพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO สถาบันโรงเรียนการจัดการโรงแรมนานาชาติ หรือ ITIM School :The Internatoinal Hotel &Tourism Industry Management School ทุ่มลงทน ITIM Plus ยกระดับไทยเป็น Hospitality Learning Center เดินหน้าธุรกิจผลิตบุคลากรทุกระดับป้อนตลาดท่องเที่ยว โรงแรม หลังโควิด ขานรับกลุ่มนายจ้างพร้อมจ่ายเพิ่มกลุ่มสต๊าฟทักษะสูง ปี’66 ตั้งเป้าเปิดกว่า 100 วิชา ราคาสบายกระเป๋า หลัก 100-1,000 บาท/วิชา ชูเทรนด์เรียนออนไลน์กับคอร์สที่ไม่มีวันหยุดอายุ จัดทัพไฮไลต์ 5 หลักสูตร ผนึกจุฬาฯ บูม 2 หลักสูตรเด่น 1.HM-CU :Hotel Managerial Economics เศรษฐกิจการโรงแรม 12 วิชา 2. DH-CU : Creative Digital Economy for Hotel & Tourism Industry เศรฐกิจดิจิทัลสร้างสรรค์ 10 วิชา พร้อมคอร์สระดับปฏิบัติการด้านทักษะเรียกว่า Hotelest สอน “ตามตำแหน่งงานสายอาชีพนั้น ๆ ต.ค.นี้เปิดอีกเพียบ
นายธนวัง ศรีนันทพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO สถาบันโรงเรียนการจัดการโรงแรมนานาชาติ
(ITIM School :The Internatoinal Hotel
&Tourism Industry Management School) เปิดเผยว่าแผนตลาดของสถาบันด้านการผลิตบุคลากรเข้าสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวปี
2566 ได้ดำเนินงานมากว่า 35 ปี
ตามรูปแบบอเมริกัน-สวิตเซอร์แลนด์ พร้อมทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการศึกษาของอาเซียน
ควบคู่กับการยกระดับเป็น Hospitality Learning Center ขยายฐานรุกเข้าไปยังตลาดอาเซียน
ขยายความรู้ทางวิชาการสู่กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ผลิตแรงงานสนับสนุนการท่องเที่ยวและอาเซียนอย่างเต็มประสิทธิภาพ
สถานการณ์ภาพรวมตั้งแต่สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและโรงแรมกำลังเผชิญความท้าทายเรื่อง “ขาดแคลนแรงงาน” เกิดจากวิกฤตโควิด-19 โรงแรมต่าง ๆ ต้องปิดตัวลงบางส่วนทำให้แรงงานไหลออกและย้ายถิ่นไปทำอาชีพอื่นมากขึ้น ปัจจุบันเมื่อการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวแล้วโดยมีอนาคตสดใสมากขึ้น ทางฝั่งเอกชนผู้ให้บริการที่พักโรงแรมสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงแนวทางใหม่ด้านการจ้างงานหลังโควิดต้องการจะปรับโครงสร้างสำคัญ 2 เรื่อง ได้แก่
เรื่องที่
1 มุ่งจ้างแรงงานที่มีประสิทธิภาพให้ผลผลิตงานได้มากขึ้น
เน้นจ้างจำนวนคนทำงานน้อยเน้นคุณภาพงาน
เรื่องที่
2 นายจ้างพร้อมจ่ายผลตอบแทนต่อคนสูงขึ้น เตรียมรองรับนโยบายรัฐบาลใหม่เรื่องอัตราการปรับค่าแรงขั้นต่ำ
ภายใต้เงื่อนไขจะต้องได้ผลผลิตงานดีขึ้นกว่าเดิม
ดังนั้นสถาบันไอทิมจึงยังคงเดินหน้าผลิตบุคลากรแบ่งเป็น
ส่วนที่ 1 รับนักเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 เข้ามาเรียนสายอาชีพในสถาบันต่ออีก 2 ปี
ซึ่งเป็นหลักสูตรปกติ ส่วนที่ 2 ขยายหลักสูตรบริการโดยลงทุนทำแพลตฟอร์ม
ITIM Plus เปิดคอร์สสอนผ่านช่องทางออนไลน์ในเว็บไซต์ www.itimplus.com
นำเสนอ พลัสความรู้
พลัสชีวิต พลัสทักษะ (skill plus) ซึ่งเป็นใบเบิกทางให้ดีกับชีวิตได้
ครอบคลุมเทรนด์พลัส Re Skill, Up Skill และ New Skill เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานยุคปัจจุบัน
การลงทะเบียนคอร์สออนไลน์กับ
ITIM Plus แบบเรียนที่ไหน เมื่อไรก็ได้
เมื่อสมัครเรียนแล้วคอร์สดังกล่าวจะไม่หมดอายุ โดยพุ่งเป้าเจาะกลุ่ม
“คนอาชีพโรงแรม” ตั้งแต่ระดับบริหารไปจนถึงปฏิบัติการ ขณะนี้เปิดเว็บไซต์ www.itimplus.com มีหลักสูตรการสอนภายในปี
2566 ตั้งเป้าให้ได้เกิน 100 วิชา
ทางไอทิมจับมือกับคณะเศรษฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นำร่องเปิดสอนเมื่อเรียนจบแล้วจะได้ใบประกาศนียบัตรอิเลคทรอนิกส์ (E-Certificate) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทั้ง 2 หลักสูตรเด่น ๆ
ประกอบด้วย
หลักสูตรที่
1 HM-CU :Hotel Managerial Economics หรือหลักสูตรเศรษฐศาสตร์การจัดการโรงแรม
จำนวน 12 วิชา
เน้นการนำองค์ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์และบริหารจัดการจากจุฬาฯ
มาผสมผสานบูรณาการเข้ากับองค์ความรู้ด้านโรงแรมของสถาบันไอทิม
หลักสูตรที่
2 DH-CU : Creative Digital Economy for Hotel & Tourism Industry
หรือหลักสูตรเศรฐกิจดิจิทัลสร้างสรรค์สำหรับธุรกิจโรงแรมและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
จำนวน 10 วิชา นำเสนอเทคโนโลยีใหม่
ที่จะใช้ปรับองค์กรโรงแรมก้าวทันโลก
ทำให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพในการดำเนินงานมากขึ้น สอดรับกับรูปแบบธุรกิจปัจจุบัน
และพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไปตามการพัฒนาของเทคโนโลยียุคนี้
พร้อมทั้งมีหลักสูตรเด่น ๆ
ของสถาบันไอทิมเอง เปิดให้กลุ่มคนโรงแรม สาขา หรือแผนกต่าง ๆ ที่ต้องการเติบโตเป็น
“ผู้บริหารโรงแรมในอนาคต” อีก 3 หลักสูตร ได้แก่ 1.หลักสูตร Hotel Revenue
Management นักบริหารรายได้โรงแรมชั้นยอด 2.หลักสูตร
Hotel Digital Marketing นักการตลาดโรงแรมดิจิทัล 3.หลักสูตร Hotel Finance & Accounting นักบัญชีการเงินโรงแรมมืออาชีพ
ต่อเนื่องถึงคอร์สระดับปฏิบัติการด้านทักษะเรียกว่า
Hotelest สอน “ตามตำแหน่งงานสายอาชีพนั้น ๆ” ทางไอทิมดีไซน์จากมาตรฐานอาเซียนและ
Inter Chain ต่าง ๆ
เพื่อให้เกิดความเป็นสากลในการทำงานครอบคลุมทุกแผนกตั้งแต่ แม่บ้าน พนักงานต้อนรับ
พนักงานอาหารและเครื่องดื่ม คอร์สเกี่ยวกับ Soft skill ต่าง
ๆ โดยได้เชิญวิทยากรที่เชี่ยวชาญงานโรงแรมสาขาต่าง ๆ
ระดับบริหารจริงมาถ่ายทอดความรู้
พร้อมกับนำเสนอตัวอย่างเป็นกรณีศึกษาให้ผู้เรียนได้เข้าใจ
เห็นภาพการทำงานชัดเจนมากยิ่งขึ้น
แล้วยังมีหลักสูตรอื่น
ๆ เตรียมจะเปิดเพิ่มเติมและรับสมัครได้ภายในเดือนตุลาคม 2566
เป็นต้นไป เช่น Restaurant Management, Sales Management,
Hotel Investment & Asset Management รวมถึงหลักสูตรย่อย ๆ
ครอบคลุมทุกสาขา เมื่อจบแล้วจะได้รับใบประกาศนียบัตรอิเลคทรอนิกส์จาก ITIM
PLUS เช่นกัน
นายธนวัง
กล่าวว่าสถาบันไอทิมยังมีหลักสูตร Onsite
การบริหารจัดการโรงแรม ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ไอทิมเป็น 1 ในไม่กี่สถาบันในเมืองไทยที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงมหาดไทย
ปัจจุบันดำเนินการสอนไปแล้ว 50 รุ่น ข้อดีของหลักสูตรนี้จะ
“ได้รับใบประกาศนียบัตรจากกระทรวงมหาดไทย” ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์จดแจ้งเป็น
“ผู้จัดการ” กับนายทะเบียนท้องที่ต่าง ๆ ได้ตามกฎหมายพระราชบัญญัติโรงแรมไทย
สำหรับ
“ค่าลงทะเบียนเรียน” ราคาเรียนทางออนไลน์ มีให้เลือกตั้งแต่หลัก 500-2,000 บาท/วิชา ยกเว้นบางกลุ่มวิชาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หากซื้อเป็นรายวิชาจะประมาณกว่า 1,000 บาท/วิชา ซื้อยกแพกเกจประมาณ
7,000-8,000 บาท ซึ่งถือเป็นราคาเข้าถึงง่ายไม่ได้แพงเกินไป
ส่วนหลักสูตรเรียนหน้างานจริงหรือ
Onsite ด้านบริหารจัดการโรงแรม
จะใช้สถานที่เรียนในโรงแรมราคาประมาณ 79,000 บาท/หลักสูตร
ตามเป้าหมายสถาบันไอทิมสามารถผลิตบุคลากรตามหลักสูตรปกติรุ่นละ
200-300 คน/ปี หลักสูตรออนไลน์ทำได้ประมาณปีละกว่า 1,000
คน และหลักสูตรออนไซต์ผลิตได้ปีละ 2-3 รุ่น ๆ
ละ ประมาณ 20 คน
นายธนวัง
กล่าวต่อถึงผู้ที่เรียนจบจากสถาบันไอทิม จะประกอบด้วย ส่วนที่ 1 นักเรียนบางส่วนจะเรียนต่อปริญญาตรีทั้งในและต่างประเทศ
ส่วนที่เหลือจะเข้าสู่อาชีพทำงานจริงได้เกือบ 100 %
ทั้งในโรงแรม เรือสำราญ
ไม่รวมถึงบางคนไปเปิดกิจการด้านอาหารและเครื่องดื่มเป็นของตัวเอง ปี 2566 มีความพิเศษมากขึ้น เนื่องจากมีต่างประเทศติดต่อขอให้นักเรียนที่กำลังจะจบไปทำงานในประเทศนั้น
ๆ ด้วย มีทั้ง เยอรมัน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ดูไบ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สะท้อนถึงภาพตอนนี้ภาวะการขาดแคลนแรงงานกระจายไปทั่วอาเซียน
เอเชีย โอเชเนีย ยุโรป
สำหรับสถาบันไอทิมมีเครือข่ายพันธมิตรหลักร่วมพัฒนาการเรียน
การผลิตบุคลากรเข้าสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและโรงแรม 5 กลุ่ม ประกอบด้วย
กลุ่มที่
1 สถาบันการศึกษาในประเทศ ได้แก่ คณะเศรษฐศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นคอร์สออนไลน์ และมหาวิทยาลัยเอกชนอีกหลายแห่ง
ที่ไอทิมได้ลงนาม MOU ร่วมกัน
เพื่อให้นักเรียนที่สำเร็จการศึกษาระดับ อนุปริญญา (Diploma) จากไอทิมสามารถเทียบโอนหน่วยกิตไปเรียนต่อระดับปริญญาตรีอีก 1.5-2 ปี
จึงไม่เสียเวลาเปล่านั่นเอง
กลุ่มที่
2 สถาบันการศึกษาในต่างประเทศ ได้แก่ สวิสเซอร์แลนด์
ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์
โดยสามารถเทียบโอนหน่วยกิตไอทิมไปเรียนต่อระดับปริญญาตรีได้เช่นเดียวกัน
กลุ่มที่
3 องค์กรเอกชนอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งทำคอร์สออนไลน์ร่วมกัน เช่นโรงเรียนสปา
โรงเรียนสอนจัดดอกไม้ บริษัทที่ปรึกษาด้าน Food Safety Management และอีกมากมาย
กลุ่มที่
4 หน่วยราชการ ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย ผ่านการอบรมหลักสูตรบริหารจัดการโรงแรม (HMC)
และกระทรวงแรงงาน ที่ไอทิมได้รับการตั้งให้เป็นศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน
กลุ่มที่
5 กลุ่มนายจ้าง ไอทิมมีเครือข่ายกับโรงแรม
ร้านอาหาร และเรือสำราญ กระจายอยู่ในทุกภูมิภาคของไทย และต่างประเทศ
โดยในปีนี้จะมีนายจ้างจากต่างประเทศ อาทิ ออสเตรีย เยอรมัน นิวซีแลนด์ ฮ่องกง
ญี่ปุ่น ดูไบ ที่เป็นพันธมิตรเราพร้อมรับนักเรียนไอทิมไปฝึกปฏิบัติงาน
และทำงานต่อได้ผลตอบแทนที่ดีได้
ขณะนี้สถาบันไอทิม
พร้อมต้อนรับบุคลากรเข้าเรียนทุกหลักสูตรที่เปิดคอร์สบริการ
สามารถสมัครได้ทั้งการเรียนปกติ 2 ปี
เรียนออนไลน์ทางแพลตฟอร์ม ITIM Plus และเรียนหน้างานจริง Onsite ได้ดังนี้
ช่องทางแรก
โรงเรียนไอทิม ติดตามได้ทางเว็บไซต์ www.i-tim.ac.th , Facebook : ITIM
School และ LineOA : @itimschool
ช่องทางที่
2 แพลตฟอร์มไอทิมพลัส ติดตามได้ทาง เว็บไซต์ www.itimplus.com, Facebook
: ITIM Plus - Hospitality Learning Center และ LineOA : @itimplus
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1 สมาชิกคิงเพาเวอร์คุ้ม4สิทธิ์บัตรSCARLETฟรีคูปองอาหาร
เป็นสมาชิก
คิง เพาเวอร์ วันนี้- 31 ธันวาคม 2566
รับความคุ้มค่าแบบยาว ๆ 4
สิทธิ์ และด่วน!! สมาชิกใหม่บัตร SCARLET
ห้ามพลาดรับสิทธิพิเศษบัตรรับประทานอาหารอร่อย ๆ
สมัครสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ แต่ละประเภท รับไปเลยแบบปัง ๆ 4 สิทธิ์ ได้แก่
1.รับส่วนลดทุกการช้อป ตามสถานะสมาชิก สูงสุด 10% ทันทีที่สมัคร
2.สิทธิ์วันเกิด รับ Cash Back 25% x2 สิทธิ์
3.สิทธิประโยชน์จาก คิง เพาเวอร์ และพันธมิตรชั้นนำมากมาย
4.รับกะรัตรีวอร์ด เพื่อใช้แทนเงินสด จากการช้อปครบทุก 100 บาท
รับ 1 กะรัต
พิเศษ! เฉพาะสมาชิกใหม่คิง เพาเวอร์ SCARLET ที่สมัครภายในวันที่ 30 กันยายน 2566 รับฟรี! ทันทีบัตรรับประทานอาหาร 300 บาท ที่ร้านอาหาร นารา คิง
เพาเวอร์ รางน้ำ ชั้น 3
ด่วน!! สมาชิกที่ไม่มีไฟลต์ ช้อปแล้วรับส่วนลดพิเศษได้ที่ FIRSTER ซึ่งมีสินค้าทั้งในร้าน 2 สาขาหลัก คิง เพาเวอร์
มหานคร และสยามสแควร์ ซอย 7 และทางออนไลน์ www.firster.com มีสินค้าคุณภาพแบรนด์ดีให้เลือกช้อปทั้งบิวตี้และไลฟ์สไตล์แบบละลานตากว่า
90,000 รายการ
สมัครง่ายๆ ผ่าน LINE Official Account @kingpower หรือที่จุดบริการ Member
Service คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา
ข่าวที่ 2 ช้อปKingPowerOnlineลดสูงสุด20%+สิทธิเงินคืน1.1หมื่นบาท
มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งแล้วสนุกกับการช้อป
“King คิง
เพาเวอร์ ออนไลน์ พร้อมรับสิทธิประโยชน์ดี ๆ ได้เเล้ว วันนี้- 24 สิงหาคม
2566
คุ้มที่
1 : KING POWER ONLINE ช้อปทุกที่เป็นไปได้
โปรดีต้องบอกต่อ
ให้ชาวนักช้อปเข้ามาเลือกสรร สินค้าคุณภาพดี ช้อปคุ้ม ดีลครบ
รับของง่ายๆที่ขาเข้าหรือขาออกนอกประเทศ รับทันทีส่วนลดสูงสุด 15%
เมื่อช้อปครบ 6,000 บาท รหัสส่วนลด
AUG15 และลดสูงสุด
20% เมื่อช้อปครบ 10,000 บาท รหัสส่วนลด AUG20 ทางบริษัทจะส่งรหัสส่วนลดไปยังอีเมลที่ผู้ซื้อใช้ลงทะเบียนเพื่อซื้อได้เฉพาะสินค้าเข้าร่วมรายการ
คุ้มที่
2 : พิเศษ! สมัครสมาชิก KING POWER ONLINE
รับส่วนลดทันที 200 บาท เมื่อช้อปครบ
1,000 บาท พบกันสินค้าเเบรนด์ดังสุดฮอตมากมายให้คุณได้เลือกช้อป
พร้อมดีลสุดคุ้มที่มีมาให้คุณตลอดปี
สำหรับสินค้า Duty Free สุดฮอต
มีไฟลต์บินแล้วรีบช้อปเลย! พร้อมรับสินค้าที่สนามบินได้ทั้งขาเข้า-ขาออก
ตามเงื่อนไขและรายละเอียดการสมัครสมาชิก
พร้อมทั้งรับสิทธิ์ 1.แบ่งชำระ
0% นานสูงสุดถึง 10
เดือน 2.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 11,000 บาท 3.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์
เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท(สุทธิ)
ข่าวที่ 3 ททท.จัด“Write Amazing New
Chapters”เอเชียรับรู้20ล้านคน
นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยเดินสายไปจัดงาน
“Write Your Own Amazing New Chapters” ตอกย้ำสร้างการรับรู้แคมเปญ 'Visit
Thailand Year 2023: Amazing New Chapters' ที่กำลังดำเนินอยู่
โดยตั้งเป้าจะใช้งานดังกล่าวสร้างแรงบันดาลใจให้ Influencers สื่อมวลชนท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เร่งผลิตเนื้อหาท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์อย่างน้อย
150 ชิ้นงาน เผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและช่องทางสื่อออนไลน์
ดึงดูดคนทั่วโลกผู้เข้าถึงเนื้อหาท่องเที่ยวเมืองไทยได้ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน-ครั้ง
ด้วยมุ่งลงทุนจัดงาน “Write Your Own
Amazing New Chapters”ให้สอดคล้องตามนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจ
BCG Model กระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียน เน้นวิสัยทัศน์การฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสู่ความสมดุลและยั่งยืนทุกมิติ
ตอบโจทย์เป้าหมายเพิ่มฐานนักท่องเที่ยวมูลค่าสูง โดยวิธีบริหารความสัมพันธ์เครือข่ายสื่อออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
โดยได้เชิญผู้เข้าร่วมงานมีทั้ง Influencers
สื่อมวลชนนักรีวิวท่องเที่ยว 60 ราย และผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย
50 ราย จับคู่เจรจาท่องเที่ยวกับคู่ค้า นำเสนอการท่องเที่ยว 3
เส้นทาง ได้แก่ เชียงใหม่ พัทยา/ระยอง และภูเก็ต
นายฉัททันต์ กล่าวว่า งาน “Write
Your Own Amazing New Chapters” ระหว่าง 9-13 สิงหาคม 2566 มีผู้เข้าร่วม Influencer และนักรีวิว 60 ราย ทั่วเอเชียและแปซิฟิกใต้ ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น
มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และเวียดนาม รวมต่างชาติทั้งสองกลุ่มที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยด้วย เพื่อให้ทุกคนได้แบ่งปันความประทับใจเกี่ยวกับประสบการณ์ท่องเที่ยวไทยมุมมองใหม่ซึ่งมีความ Amazing ยิ่งกว่าที่เคย ด้วยการทดลองทำกิจกรรมท่องเที่ยวยอดนิยม
3 พื้นที่ ได้แก่ เชียงใหม่
พัทยา ระยอง ภูเก็ต รวมทั้งกรุงเทพมหานคร โดยเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ (Experience-Based Tourism) ควบคู่กับนำเสนอ Soft Power of
Thailand : 5F ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ทางจุดขายของไทย และกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืนต่าง ๆ
ช่วงเริ่มวันที่ 9 สิงหาคม 2566
จัดกิจกรรมส่งเสริมเครือข่ายเพื่อสร้างและกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง Influencer
ต่างชาติกับพันธมิตรผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยซึ่ง
ททท.ได้เชิญกลุ่มหลักที่เน้นความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ทั้งโรงแรมชั้นนำ แหล่งท่องเที่ยว และสายการบิน รวม 50 หน่วยงาน ร่วมพบปะกับ Influencer และสื่อมวลชนท่องเที่ยว จัดทำแบบจับคู่ธุรกิจ B2B :Business to Business ให้ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการท่องเที่ยวและสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน ที่โรงแรม
ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล จากนั้นได้จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำต้อนรับบริเวณสวนน้ำ
Columbia Pictures Aquaverse จังหวัดชลบุรี พร้อมกับจัดการแสดงทางวัฒนธรรม สร้างความประทับใจ เผยแพร่ อัตลักษณ์อันงดงามของไทยสู่สายตานักท่องเที่ยว
ช่วงที่สอง
ระหว่าง 10-13 สิงหาคม 2566 ททท. มอบความพิเศษจัด Media Fam Trip พาคณะ Influencers และสื่อมวลชนท่องเที่ยว
แบ่งกลุ่มออกเดินทางสำรวจเส้นทางท่องเที่ยว 3 เส้นทาง ได้แก่ เชียงใหม่ พัทยา-ระยอง และภูเก็ต
โดยแต่ละเส้นทางได้ออกแบบเชื่อมโยงการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์
และวัฒนธรรม ผสมผสานกับกิจกรรมและแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ เน้นส่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีคุณค่า
ความหมายและยั่งยืน สะท้อนอัตลักษณ์อันเป็นจุดขายของแต่ละพื้นที่จุดหมายอย่างชัดเจน
ดังนี้
ภาคเหนือ
เส้นทาง “เชียงใหม่” ททท.ชูไฮไลท์ธรรมชาติทิวทัศน์สวยงาม วัฒนธรรมล้านนา
ด้วยการจัด 5 กิจกรรม ได้แก่ 1.ปั่นจักรยานสำรวจเมืองยามค่ำคืน (Night Bike Tour) 2.ทำเวิร์กช็อปในชุมชน 3.ท่องเที่ยวเชิงกีฬา ร่วมสนุกกับพารามอเตอร์ 4.ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสปาผ่อนคลาย
5.การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ดูแลช้าง
ภาคตะวันออก
เส้นทาง “พัทยาและระยอง” นำเสนอช่วงเวลาแห่งความสนุกที่สวนน้ำ Columbia Pictures Aquaverse จ.ชลบุรี
ผสมผสานกับ 4 กิจกรรม ได้แก่ 1.ผจญภัยและเชิงอนุรักษ์
เช่น เดินป่าศึกษาธรรมชาติ ที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า จ.ระยอง 2.การท่องเที่ยวเชิงกีฬา เล่นกระดานโต้คลื่นที่หาดแม่รำพึง 3.การท่องเที่ยวในแหล่งที่มนุษย์สร้างขึ้น (Manmade)
ทั้งที่ สวนนงนุช สวนพฤกษศาสตร์ระยอง บ้านเพ และ 4.ท่องเที่ยววิถีชีวิต
ที่ตลาดร้อยสาว กับเจดีย์ลอยน้ำ
ภาคใต้ “ภูเก็ต”
เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก ททท.ได้นำเสนอประสบการณ์การท่องเที่ยวสุดหรู พาล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกและเรียนทำอาหารไทยที่ร้านอาหารชั้นเลิศ
พร้อมสัมผัสกิจกรรมท้องถิ่น ทัวร์เดินเท้าสำรวจชุมชน สปาผ่อนคลาย
เวิร์กช็อปที่โรงกลั่นเหล้ารัมของท้องถิ่น
การนำ influencer สื่อมวลชน ลงพื้นที่ 3 ภูมิภาค ทั้ง 3 เส้นทาง นั้นได้ไฮไลต์จุดขาย ไทยแลนด์ ซอฟท์ เพาเวอร์
เรื่อง Food หรือการท่องเที่ยวเชิงอาหารของแต่ละท้องถิ่นที่มีความหลากหลายและโดดเด่นไม่เหมือนใคร
ก่อนจะเดินทางกลับมาเลี้ยงอาหารค่ำที่กรุงเทพฯ
เพื่อให้สื่อทั้งหมดนำความประทับใจไปถ่ายทอดสู่นักเดินทางในเอเชียและแปซิฟิกใต้
กระตุ้นให้เลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวมูลค่าสูงอย่างยั่งยืนต่อไป
ข่าวที่
4 บางจากMOUกรมโรงงานลดคาร์บอน/ก๊าซเรือนกระจกEEC
นายธรรมรัตน์ ประยูรสุข
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกัน ระหว่างกรมโรงงานอุตสาหกรรม
กับโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และพื้นที่อื่น
ๆ เดินหน้าลดมลพิษและลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG
ด้วยระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนในโรงงานอุตสาหกรรม
(ภายใต้โครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบาย BCG สำหรับภาคอุตสาหกรรมสู่การลด
CO2)
โดยมีนายจุลพงษ์ ทวีศรี
อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีลงนามที่โรงแรมอมารี วอร์เตอร์เกท
กรุงเทพฯ ซึ่งมีเอกชนเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น
7 โรงงาน ได้แก่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น
จำกัด (มหาชน) บริษัท เอจีซี วีนิไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์
จำกัด บริษัท โคเวสโตร ประเทศไทย กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย บริษัท
โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน)
ความร่วมมือครั้งนี้
เพื่อร่วมกันส่งเสริมให้โรงงานอุตสาหกรรมจัดเก็บรวบรวมหรือตรวจวัดข้อมูลและจัดทำรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
(Measurement and Reporting) ผลักดันการดำเนินงานเพื่อบริหารคุณภาพสิ่งแวดล้อมและบริหารคุณภาพอากาศ
(Air Pollution Control) พร้อมกับลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคอุตสาหกรรมให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายของรัฐ
และช่วยให้ไทยสามารถบริหารจัดการเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศได้
รวมถึงการพัฒนาและสนับสนุนการดำเนินงานตามมาตรการลดก๊าซเรือนกระจกภาคพลังงาน
เป็นความร่วมมือกันเดินหน้าทำภายใต้นโยบายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย
(Greenhouse Gas Emission Reduction) เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน
(Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 (ค.ศ.
2050) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net
Zero GHG Emission) ภายในปี 2608 (ค.ศ.
2065) ในส่วนของบริษัท บางจากฯ
ตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี
2573 (ค.ศ.
2030) และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net
Zero GHG Emissions) ในปี 2593 (ค.ศ. 2050)
ข่าวที่
5 TCEBชวนเที่ยวPrakan Festivalที่ป้อมผีเสื้อสมุทร25-27ส.ค.
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB”
รายงานว่า เตรียมพบกับ เทศกาล Prakan Festival วันที่
25-27 สิงหาคม 2566
บริเวณป้อมผีเสื้อสมุทร จังหวัดสมุทรปราการ ชวนนักเดินทางมาร่วมเปิดประสบการณ์
ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์รูปแบบใหม่ ล่องไปกับเหตุการณ์ ประวัติศาสตร์ รศ.112
พบกับ Life Exhibition นิทรรศการมีชีวิต “ปราการ Living
History “ สัมผัสเรื่องราวจากการเที่ยวท่องตื่นตากับฉากทัศน์ต่าง
ๆ ที่สร้างขึ้นอย่างสวยงาม พร้อมการเล่าเรื่องผ่านบทบาทจำลองบุคคล ตลอดการชมเสมือนได้เข้าอยู่ร่วมในเหตุการณ์จริง
แบ่งรอบการแสดง รอบละ 30 นาที เวลา 9.00 10.00 15.00 16.00 เปิดให้อจองผ่านระบบ Application App Prakan และสามารถดาวน์โหลดแผนที่
เมืองสมุทรปราการ เพื่อออกท่องเที่ยวสำรวจหมุดหมายป้อมปราการ 25 แห่ง ซึ่งเป็นแหล่งบันทึกประวัติศาสตร์น่าสนใจทั่วทั้งเมืองอันหลากหลายน่าท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง
พร้อมทั้งได้เปิดให้เข้าชมหอนิทรรศการ
รศ.112 โซนปรับปรุงใหม่ได้ด้วย คือ บริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า และฟังคำบรรยาย
ชมเรือรบหลวงแม่กลอง สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ร่วมเทศกาล ธง กับ การจัดแสดง แข่งขัน การตีธงทหารเรือ การควงธง Colour
guard เพื่อร่วมเชิดชู ประวัติศาสตร์ ธงช้าง
ธงชาติไทย สู่สากล
ช่วงที่ 2 ไปเที่ยวมิติใหม่ Unseen New Chapters ในกรุงเทพฯ
รอบปริมณฑล สายมูต้องมา “วัดปริวาสวิหาร” เขตยานนาวา กรุงเทพฯ “วัดชมภูเวก”
อ.เมือง นนทบุรี โดดเด่นด้วยเรื่องราวของอิสตรีสายบุญ และ “สมเด็จองค์พระปฐม”
พระพุทธสิขีจักรพรรดิมุนีสัมพุทธชยันตีศรีสาคร วัดแหลมสุวรรณาราม อ.เมือง
จ.สมุทรสาคร แล้วห้ามพลาด “5ทริก ง่ายๆ ถนอมดวงตา” ปลอดภัยจากดิจิทัล
และข่าวฮ็อต ข่าวแรก “กรมการท่องเที่ยวเร่งดึงตลาดมุสลิมทัวร์ไทย”
ชิงรายได้ตลาดโลก 8.51 ล้านล้านบาท ข่าวที่สอง
“โรบินฮู้ดผนึกวีรันดารีสอร์ต” แจกพิเศษ3ต่อ ลดห้องพัก
20 %
ท่องเที่ยว
–เที่ยวทริปดีปริวาส/วัดชมภูเวกนนท์/พระปฐมสมุทรสาคร”
วันนี้จะชวนไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยว Unseen New Chapters ในพื้นที่กรุงเทพ
และรอบปริมณมลฑลแบบไปเช้ากลับเย็นได้สบาย สุดฟินแสนชิล 3 พิกัด
“วัดปริวาสราชสงคราม” เขตยานนาวา กทม. “วัดชมภูเวก” อ.เมืองนนทบุรี
จ.นนทบุรี และ “สมเด็จองค์พระปฐม” พระพุทธสิขีจักรพรรดิมุนีสัมพุทธชยันตีศรีสาคร
วัดแหลมสุวรรณาราม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
พิกัดที่
1 วัดปริวาสราชสงคราม
แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา จ.กรุงเทพมหานคร ธรรมะฉบับอินดี้…ร่วมชมงานซุปเปอร์ฮีโร่
เปิดโลกแห่งจินตนาการไม่รู้จบ กับวิหารที่เต็มไปด้วยซุปเปอร์ฮีโร่และตัวการ์ตูนสุดแฟนตาซี
และน่าจะเป็นศาสนสถานแห่งเดียวบนโลกใบนี้ ที่มีทั้งซุปเปอร์แมน สไปเดอร์แมน แบทแมน
กัปตันอเมริกา เดอะฮัลค์ หรือแม้กระทั่งตัวการ์ตูนขวัญใจตลอดกาลอย่างมิกกี้เมาส์
ซึ่งนอกจากวิหารแห่งนี้จะเต็มไปด้วยตัวการ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่
ยังมากด้วยเรื่องราวและคติธรรมให้ค้นหา เป็นกุศโลบายน่ารัก ๆ
ที่ช่วยให้คนทุกวัยมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น
ททท.สำนักงานกรุงเทพฯ เบอร์โทรศัพท์ 0
2410 3797-8
พิกัดที่
2 วัดชมภูเวก อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี เยือนวิหาร…พร้อมชมภาพอิสตรีแห่งกาลเวลา
วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยพุทธศิลป์ที่มีกลิ่นอายความงามแบบอิสตรี
ทั้งภาพวาดพระแม่ธรณี…หญิงสาวผู้งดงามเหนือกาลเวลา
อีกทั้งจิตรกรรมฝาผนังในวัดก็มากด้วยภาพของภิกษุณี
หรือแม้กระทั่งใบหน้าของพระพุทธรูปยังมีพระพักตร์งดงามอ่อนหวาน ด้วยเหตุนี้
จึงมีความเชื่อว่า “วัดชมภูเวก” อาจสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้ กับสตรีนางใดนางหนึ่ง
และยังถือเป็นร่องรอยวัฒนธรรมครั้งสมเด็จพระนารายณ์
เสน่ห์แห่งพุทธศิลป์ถิ่นรามัญที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังมีศาลพ่อปู่ศรีชมภู
ซึ่งคนเก่าคนแก่บอกว่า เป็นสถานที่ขอพรที่มีความศักดิ์สิทธิ์
โดยเฉพาะหากผู้ที่มาบนบานศาลกล่าว
เป็นเพศหญิงคำอธิษฐานจะมีโอกาสสัมฤทธิ์ผลแบบคูณสอง
ททท.สำนักงานกรุงเทพฯ เบอร์โทรศัพท์ 0 2410 3797-8
พิกัดที่
3 สมเด็จองค์พระปฐม
พระพุทธสิขีจักรพรรดิมุนีสัมพุทธชยันตีศรีสาคร วัดแหลมสุวรรณาราม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ตระการตาพระทรงเครื่อง…ความรุ่งเรืองแห่งท่าฉลอม
สมเด็จองค์พระปฐมฯ วัดแหลมสุวรรณาราม
เป็น 1 ใน
9
พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นทั่วประเทศ ณ พื้นที่ซึ่งรัชกาลที่ 5
เคยเสด็จประพาส องค์พระมีลักษณะสูงสง่า มาพร้อมความตระการตาของเครื่องทรง
ที่ตั้งใจตกแต่งให้ดูงดงามดุจมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่
ตามแบบฉบับของพระพุทธรูปปางทรมานพระยามหาชมพู (หรือปางโปรดพญาชมพูบดี)
แถมยังสะท้อนความมั่งคั่งรุ่งเรืองของชุมชนจีนริมน้ำ และด้วยความโดดเด่นนี้เอง
ทำให้ ‘พระทรงเครื่อง’ กลายเป็นมุมซิกเนเจอร์ใหม่ของชุมชนท่าฉลอมแห่งแม่น้ำท่าจีน
ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม เบอร์โทรศัพท์
0 3475 2847-8
สุขภาพ –5 ทริคง่ายๆ
พักสายตาบอกเลยว่าช่วยถนอมดวงตาได้ดีจริง
ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างทันสมัยสามารถอัปเดตข้อมูลรวดเร็วทันใจ
ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลในการทำงาน ข่าวสารประจำวัน พักผ่อนดูละครหรือซีรีส์ต่าง ๆ
พูดคุยกับเพื่อน หรือสมาชิกในครอบครัว
การชอปปิงซื้อของก็สามารถทำได้กับมือถือสมาร์ตโฟนเครื่องเดียว หรือคอมพิวเตอร์
ซึ่งเราแทบจะไม่สามารถพักสายตาได้เลย
แต่การพักสายตานั้นถือเป็นการช่วยถนอมดวงตาได้อีกวิธีหนึ่ง ที่มีส่วนช่วยลดภาวะอาการตาแห้ง
ตาล้า ที่เกิดจากการใช้สายตามากเกินไป
หรือกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดจากรูปแบบการดำเนินชีวิต
ที่มีส่วนช่วยทำลายดวงตาได้ ทริคง่าย ๆ ในการถนอมดวงตา
1. พักสายตาเป็นเวลา 20 วินาที
-ในกิจวัตรประจำวันที่เราต้องใช้มือถือ อุปกรณอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดเวลา
หรือการทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ที่ต้องใช้สายตา การพักเบรกสายตา ทุก 20 นาที
เป็นเวลา 20 วินาที การมองพักสายตาออกไปไกล ๆ บริเวณพื้นที่โปร่ง โล่ง สบายสายตา
จะลดอาการเกร็ง สามารถช่วยพักสายตาและถนอมสายตาได้
2.
การทำให้ดวงตามีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ -การใช้สายตานาน ๆ
ที่เกิดจากการใช้สายตาในกิจวัตรประจำวันทั่วไป เช่น ใช้มือถือเป็นเวลานานตลอดเวลา
อาจก่อให้เกิดการเมื่อยล้าดวงตา ตาแห้ง ระคายเคืองได้
โดยสามารถเพิ่มความชุ่มชื่นของดวงตาได้ดังนี้
-
กะพริบตา ช่วยในการกระจายน้ำตาให้เคลือบกระจกตา สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นของดวงตาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
-
น้ำตาเทียม สามารถเพิ่มความชุ่มชื่นดวงตาได้อย่างดี
-
ดื่มน้ำเปล่าเป็นประจำสม่ำเสมอ อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน
เพื่อป้องกันให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ
เพราะการขาดน้ำในร่างกายนอกจากจะทำให้ระบบร่างกายไม่สามารถทำงานได้สมบูรณ์
ผิวพรรณสูญเสียความชุ่มชื่นแล้ว ยังส่งผลต่อดวงตาที่เกิดตาแห้งได้อีกด้วย
3.
การประคบเย็นกล้ามเนื้อตา
-โดยการประคบเย็นนั้นสามารถช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อตาได้ดี
และยังลดการบวมของดวงตาได้อีกด้วย โดยสามารถประคบตาได้จาก เจลประคบตา
หรือผ้าชุบน้ำเย็น โดยนำมาประคบตาประมาณ 3 - 5 นาที
4.
การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ -การนอนหลับเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด
นอกจากจะช่วยให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูสมรรถภาพต่าง ๆ ในร่างกายแล้ว
ยังสามารถช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกายได้เป็นอย่างดี
และยังช่วยฟื้นฟูดวงตาจากความเมื่อยล้าของกิจวัตรประจำวันที่ใช้สายตามาก ๆ
ได้อย่างดีอีกด้วย
5.
การตรวจตาสม่ำเสมอทุกปี -เพราะดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญในการมองเห็น
การตรวจสายตาเป็นประจำจึงช่วยลด หรือรักษาโรคที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–ท่องเที่ยวหวังทัวร์มุสลิมโลกเข้าไทยชิงรายได้8.51ล้านล้าน
นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช
อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กรมการท่องเที่ยวตั้งเป้าหมายภายในปี
2570 จะนำประเทศไทยเป็น
1 ใน 5 ของจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวมุสลิมทั่วโลก ล่าสุดจึงได้จัดอบรมให้ความรู้เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการด้านบริการเพื่อการท่องเที่ยว
โดยจัดเสวนาแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านระบบการประชุมทางไกล (online meeting) โดยมีผู้สนใจทั่วประเทศเข้าร่วมกว่า 300 ราย ถึงแผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพตลาดนักท่องเที่ยวมุสลิม
ระยะ 5 ปีหน้า (พ.ศ. 2566 – 2570) โดยได้นำวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญจาก 5 องค์กรหลัก
ได้แก่ 1.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) 2.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
3.ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาลจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
4.สถาบันฮาลาลมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
และ 5.สมาคมการค้าการท่องเที่ยวฮาลาลไทย-อาเซียน
เข้าร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร สปา สถานบริการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยว
ตามแผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวตลาดนักท่องเที่ยวมุสลิม
ต่อเนื่องตลอด 5 ปีข้างหน้า
ตามนโยบายรัฐบาลมุ่งเน้นสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ให้ความสำคัญกับการเปิดตลาดใหม่ด้วยการสร้างคุณค่าใหม่ในอนาคต
โดยเฉพาะ “ตลาดตะวันออกกลาง”
หลังจากนายกรัฐมนตรีนำทีมประเทศไทยเดินทางไปฟื้นฟูความสัมพันธ์กับทางซาอุดิอาระเบียอย่างเป็นทางการ
เมื่อเดือนมกราคม 2565 โดยเดินหน้าส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า
การท่องเที่ยว อีกทั้งก่อนเกิดโควิด-19 ผู้ประกอบการไทยได้นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวรุกเจาะตลาดนักมุสลิมในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางเข้ามาใช้จ่ายเงินในไทย
นายจาตุรนต์ กล่าวว่านักท่องเที่ยวมุสลิมทั่วโลกเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก
คิดเป็น 10 % ของนักเดินทางทั้งหมด
และมีความต้องการเฉพาะซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวจำนวนมากเป็นตลาดเกิดใหม่มีประชากรเติบโตสูง
โดยมีข้อกำหนดคล้ายคลึงกัน หลายเรื่อง คือ ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเป็นมิตรกับชาวมุสลิม
มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีรูปแบบการเดินทางแตกต่างกันไป ตามอายุ เพศ
และวัตถุประสงค์ของการเดินทาง ทำให้กรมการท่องเที่ยวต้องเร่งบูรณาการทำงานร่วมกับพันธมิตรข้างต้นทั้ง
5 องค์กร
เพื่อกำหนดทิศทางทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ สร้างเอกภาพร่วมมือกันสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ
สร้างกระบวนการผลิตสินค้าและบริการตลอดห่วงโซ่อุปทานด้านการท่องเที่ยว
ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ยกระดับท่องเที่ยวเข้าสู่มาตรฐานการบริการรองรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ
ตามคาดการณ์ภายในปี 2567 นักท่องเที่ยวชาวมุสลิมจะใช้จ่ายสูงถึง
2.74 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 8.51 ล้านล้านบาท (คำนวณอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย
ปี 2562 : 1 USD = 31.047
บาท โดยอ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย) จากสถิติก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 เมื่อปี
2561 มีนักท่องเที่ยวมุสลิมใช้จ่ายเงินเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกมากถึง 1.89
แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 5.87 ล้านล้านบาท
ปัจจุบันยังไทยติดอันดับ 4 ของโลก
โดยยังคงเป็นประเทศจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวมุสลิมที่ไม่ใช่รัฐอิสลาม
(กลุ่มประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม หรือ Non-OIC) ซึ่งมีประเทศ
3 อันดับแรก ได้แก่ สิงคโปร์ อังกฤษ ไต้หวัน
ส่วนปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครองความนิยมด้วยจุดแข็งหลักคือ
การบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกซึ่งเป็นพื้นฐานของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม และพบข้อมูลนักท่องเที่ยวมุสลิมจากตะวันออกกลาง
กลุ่มประเทศมุสลิม และประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม ล้วนเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวสำคัญกับทั่วโลก
ระหว่างปี2560 – 2562 สามารถนำนักท่องเที่ยวมุสลิมมาเมืองไทยเพิ่มขึ้นตามลำดับดังนี้
ปี 2560 ทำได้
875,043 คน รายได้ 72,739.64 ล้านบาท ปี 2561 ทำได้ 767,318 คน สร้างรายได้ 61,795.44
ล้านบาท ปี 2562 ทำได้
727,318 คน สร้างรายได้ 57,381.19 ล้านบาท ตามลำดับ
โดยสามารถทำวันพักเฉลี่ยได้สูงถึง 13
วัน/คน/ทริป ด้วยการใช้จ่ายเงินในไทยกว่า 6,000 บาท/คน/วัน เปรียบเทียบแล้วจัดเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงซึ่งใช้เงินมากกกว่านักท่องเที่ยวจากประเทศในแถบภูมิภาคอื่น
ๆ
สัดส่วนนักท่องเที่ยวมุสลิมกลุ่มที่น่าสนใจเป็น
“ผู้หญิง” สถิติปี 2561 มีประมาณ 28 % ของผู้หญิงทั้งหมดที่เดินทางและชื่นชอบเดินทางคนเดียว
(Solo Travels) ซึ่งมีแรงจูงใจสำคัญคือ เรื่องที่ 1 ร้านอาหารฮาลาลเป็นสำคัญ 94% เรื่องที่ 2 ห้องละหมาดที่แต่ละประเทศคำนึงถึงที่จะให้บริการเฉพาะผู้หญิง
86% เรื่องที่ 3 การเลือกสถานเสริมความงามและสปาสำหรับผู้หญิงเท่านั้น
79% เรื่องที่ 4 การเลือกการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
73%
ส่วนนักท่องเที่ยวมุสลิมจากตะวันออกกลาง
ประเทศเติบโตสำคัญสุดเรียงตามลำดับคือ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับ
เอมิเรตส์ เลบานอน และคูเวต พฤติกรรมนักท่องเที่ยวมุสลิมเลือกมาเที่ยวเมืองไทยโดยมีแรงจูงใจหลายอย่าง เช่น
ต้องการพักผ่อนและสัมผัสสถานที่ใหม่ ๆ หลีกหนีอากาศในฤดูร้อน
อยากเรียนรู้และสัมผัสวัฒนธรรมใหม่ ชอบจับจ่ายซื้อสินค้า ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป
เครื่องเทศ สมุนไพร แฟชั่น เครื่องประดับ เครื่องหนัง เครื่องแต่งกายของไทย เลือกท่องเที่ยวเชิงเกษตรชอบรับประทานอาหารไทย
ชอบอาหารสะอาด
ถูกสุขอนามัยที่ได้รับเครื่องหมายฮาลาล
และนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางยังนิยมเลือกโรงแรมมากกว่าที่พักอื่น ๆ มีมากถึง 68 % สนใจจุดหมายปลายทางในพื้นที่ท่องเที่ยวซึ่งมีผู้คนพลุกพล่านน้อยกว่าเมืองเล็ก
ๆ และนิยมการใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้น
ดังนั้นกรมการท่องเที่ยวจึงเร่งเดินหน้าทำตามแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว
5 ปีหน้า
2566-2570 ประกอบด้วย
5 เรื่องสำคัญ คือ
เรื่องที่ 1 ยกระดับผู้ประกอบการท่องเที่ยวเพื่อเข้าสู่มาตรฐานสากลพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวมุสลิมทั่วโลก
เรื่องที่ 2 พัฒนาสินค้า บริการ
และกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวมุสลิม
เรื่องที่ 3 สนับสนุนการนำเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวมุสลิม
เรื่องที่ 4 บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวมุสลิม
เรื่องที่ 5 เพิ่มโอกาสทางการตลาด และสร้างการรับรู้ความพร้อมของประเทศไทยในการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวมุสลิม
ข่าวที่สอง
-โรบินฮู้ดชู“RobinhoodxVeranda Resort”แจกใหญ่3ต่อลด20%
นายศรัณย์ ชินสุวพลา
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า
ล่าสุดนำแอปพลิเคชั่น Robinhood/โรบินฮู้ด จับมือกับนายสุรศักดิ์
ว่องเกียรติถาวร Executive Director – EVP Hotel Operations บริษัท
วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดตัวแคมเปญ
“Robinhood x Veranda Resort” เอาใจแฟนคลับสายท่องเที่ยวได้ใช้บริการในช่วงวันหยุดยาวระหว่างเดือนสิงหาคม-ธันวาคม
2566 โดยได้มอบส่วนลดพิเศษ
3 ต่อ สูงถึง 20%
ปัจจุบันแพลตฟอร์มโรบินฮู้ด มีลูกค้าใช้บริการบนแพลตฟอร์มกว่า
3.7 ล้านคน ซึ่งสามารถจัดทริปเที่ยวทั่วไทยแบบสุดคุ้มต่อเนื่องตลอดช่วงวันหยุดยาว
ดังนั้นจึงได้ผนึกความร่วมมือกับโรงแรมในเครือวีรันดารีสอร์ต แอนด์ โฮเต็ลส์ กว่า 5
แห่ง ผ่านโรบินฮู้ด แทรเวล (Robinhood Travel) บนแอปพลิเคชั่น
Robinhood สามารถเลือกรับสิทธิพิเศษ
3 ต่อ ดังนี้
ต่อที่ 1 แจกโค้ดส่วนลด 20%
สูงสุด 1,000 บาท เพียงกรอกโค้ด VERANDA1000 ในการจองโรงเเรมที่ร่วมรายการ
โดยไม่มีจำนวนยอการจองขั้นต่ำ โดยมีให้เลือกถึง 300
สิทธิ์
ต่อที่ 2 รับฟรีโค้ดส่วนลดค่าจัดส่งอาหาร 20
บาท มากถึง 10 ครั้ง เมื่อสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มผ่าน Robinhood
Food ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ต่อที่ 3 รับสิทธิพิเศษและส่วนลดมากมาย ให้กับลูกค้าของโรบินฮู้ด
แทรเวล เพื่อรับได้ทั้ง Welcome Card for Robinhood customer, Welcome
Complimentary Set ส่วนลดค่าอาหาร
10% ส่วนลดสปา 20% เมื่อจองที่พักระหว่างวันนี้
– 31 สิงหาคม 2566 แล้วเข้าพักได้ตั้งแต่วันนี้–
20 ธันวาคม 2566
สำหรับแอพลิเคชั่นโรบินฮู้ด
เป็นช่องทางเพื่อคนตัวเล็กที่ยั่งยืน ซึ่งสามารถช่วยกระตุ้นท่องเที่ยวไทยได้ต่อเนื่องโดยร่วมกับมือวีรันดารีสอร์ทผู้นำธุรกิจโรงแรม
รีสอร์ทและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้ไลฟ์สไตล์การพักผ่อนแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่ผ่านแคมเปญ
“Robinhood x Veranda Resort”
ที่จะสร้างประสบการณ์อย่างคุ้มค่าให้กับนักท่องเที่ยวเดินทางพักผ่อนอย่างมีความสุข
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น