ททท.สมุย!!ปลื้มนำธุรกิจฟื้นเร็วโตแรงครึ่งปีแรก2566แซงปี62
บูมเที่ยวใหม่!!2โปรเจกต์4แห่งวิถีเลรักษ์โลกรับ 1.36 ล้านคน
ปี’67ขาย Amazing Samui Amazing Sport Funโกยตลาดโลก
ย้ำ!!ช้อปคิงเพาเวอร์อย่างปลอดภัยออนไลน์/โซเชียล9ช่องทาง
คิงเพาเวอร์ลดแล้วลดอีกให้สายบิวตี้ช้อปสนั่นวันนี้-31ส.ค.นี้
ททท.ผนึก2บริษัทผลิตหนังจีนบูมซอฟท์เพาเวอร์เที่ยวทั่วไทย
CEO บางจากแนะธุรกิจรวมพลังใช้UNSDGs-ESGสู้วิกฤตโลก
TCEBแจกโค้งสุดท้ายเงินประชุมเมืองไทย7กิจกรรมจบ22ส.ค.
เที่ยวอีสานเขียวUnseen3พิกัดภูผาม่าน/หาดแห่/วังเทียมเมฆ
รู้ไว้!!ทำIFกินข้าววันละมื้อ4ประโยชน์4ความเสี่ยงต่อสุขภาพ
AOT-DCAPผุดโซลาร์รูฟสุวรรณภูมิGreenAirportแรกในไทย
รร.อินเตอร์คอนเครือIHGจัด“Recruitment Day”30ส.ค.66
วันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #TCEB #บางจาก #ทททสำนักงานสมุย
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/mo5eDWcS0w/
ช่วงที่ 1 สมุยฟื้นเร็วโตไวกับ “กนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุย ททท.นำท่องเที่ยวสมุยฟื้นเร็วครึ่งปีแรกโตแซงหน้าปี 62 ได้แล้ว 2.65 % ดึงผู้เยี่ยมเยือนได้ถึง 1.36 ล้านคน เร่งผนึกความร่วมมือเอกชนโหมเสริมทัพขายเที่ยวทะเลเพิ่มอีก 2 โครงการ “ทัวร์ชุมชนรักสิ่งแวดล้อม-วิถีมะพร้าววิถีชาวเลวิถีสมุย” พร้อมเปิดใหม่อีก 4 จุดขายมาแรง ปี’67 เคลื่อนทัพโครงการ Amazing Samui Amazing Sport Fun ปั๊มตลาดบิ๊กเทรนด์ ท่องเที่ยวเชิงกีฬามาเต็ม ชิมลางงานอินเตอร์ แข่งเทคบอลโลก 13 ส.ค. จัด Sound of Earth รักษ์โลก ในย่านฟิชเชอร์สแมน วิลเลจ 19 ส.ค.นี้
นางกนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุย เปิดเผยว่า ขณะนี้ธุรกิจการท่องเที่ยวภาพรวมบนเกาะสมุยฟื้นตัวค่อนข้างเร็ว โรงแรมที่พักเปิดบริการแล้วเกิน 90 % ผนวกกับมีจุดเด่นทะเลสวยงามกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ดึงดูดคนไทยและต่างชาติทั่วโลก ครึ่งปีแรก ระหว่างมกราคม-มิถุนายน 2566 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมเยือนแล้วกว่า 1,369,383 คน เพิ่มขึ้น 67.6 % จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน เพิ่มขึ้นแซงปี 2562 ขึ้นมาได้แล้ว 2.65 % ส่วน “อัตราเข้าพักเฉลี่ย” ทำได้มากถึง 75.53 % เพิ่มขึ้น 38.27 % จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยได้แรงส่งจากมกราคม-เมษายน ทำได้เกิน 80 %
ขณะที่ “การใช้จ่ายเฉลี่ย” ของนักท่องเที่ยว ทำได้ 4,276.28 บาท/คน/ทริป เพิ่มขึ้น 14.75 % จากช่วงเดียวกันกันกับปีก่อน แต่ยังต่ำกว่าปี 2562 ประมาณ 9.93 %
แนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวและอัตราเข้าพักเฉลี่ยของผู้เยี่ยมเยือนมายังเกาะสมุย เดือนสิงหาคมนี้จะขยับสูงขึ้นเกิดน 80 % จากนั้นเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน นี้ อาจจะลดลงเนื่องจากเป็นช่วงฤดูมรสุมในฝั่งทะเลอ่าวไทย นักท่องเที่ยวจึงไม่นิยมเดินทางเข้ามามากนัก
ททท.สมุย
ได้ร่วมมือกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเกาะสมุย และผู้ประกอบการแต่ละประเภท
สร้างสรรค์กิจกรรมที่สร้างประสบการณ์แปลกใหม่มีความหมายและคุณค่าโดยได้จัดทำเพิ่ม 2
โครงการ ได้แก่
โครงการที่ 1 กิจกรรมชุมชนเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งทางเกาะสมุยได้รับเลือกจาก AIS นำรถมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าเข้ามาบริการให้เช่าร่วมกับ Bike Club มีส่วนร่วมส่งเสริมการรักษาสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ
โครงการที่ 2 วิถีมะพร้าว วิถีชาวเล วิถีสมุย ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ดั้งเดิม ก้าวสู่โรงแรมรีสอร์ตหลากหลายเพิ่มมากขึ้นเป็น 5 ดาว
ส่วนการเดินทางเข้าถึงอาจจะต้องวางแผนการเดินทางล่วงหน้าก่อน
เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์เป็นเกาะ จะต้องนั่งเครื่องบิน ลงเรือเฟอรี่
กว่าจะถึงที่พักหรือแหล่งท่องเที่ยวในเกาะ
ขณะนี้มีเที่ยวบินบริการแบบประจำเข้าออกเกาะสมุย เที่ยวบินในประเทศ วันละ 35-40
เที่ยว
และมีบินตรงจากจังหวัดและภาคอื่น ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่
ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติที่ชื่นชอบประสบการณ์ตรงเที่ยว 2 ทะเล ทั้งอันดามันและอ่าวไทย
ขณะที่ “เที่ยวบินระหว่างประเทศ”
ก็มีบินตรงจากสิงคโปร์-เกาะสมุย ฮ่องกง-สมุย เฉินตู-สมุย
จึงเป็นโอกาสดีที่นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติจะได้มีมาสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวเกาะสมุย
ตอนนี้มีไฮไลต์แหล่งท่องเที่ยวใหม่เพิ่มเติมนอกเหนือจากทะเลอ่าวไทยอีกอย่างน้อย 4
แห่ง ได้แก่
แห่งที่
1 “บ้านโบราณเกาะสมุย”
ตั้งแต่รุ่นคุณฑวด-ปู่ มาถึงรุ่นลูกหลาน
ได้เห็นการรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้เป็นอย่างดี
เมื่อมีโอกาสมาเที่ยวก็จะเห็นกระบวนการใช้ประโยชน์จากมะพร้าวบนเกาะสมุยตั้งแต่ต้นน้ำ
กลางน้ำ ถึงปลายน้ำ ทำเมนูอาหาร ขนมหวาน รสชาติอร่อย แล้วยังสามารถออกทะเลไปร่วมตกหมึก
งมหอย จากนั้นจะมีวัฒนธรรมนั่งรับประทานข้าวมื้อเย็นด้วยกันเรียกว่ากินเล
แต่ละบ้านจะนำข้าวหม้อ แกงหม้อ มานั่งกินด้วยกัน สังสรรค์ริมทะเล
แห่งที่ 2 บ้านสวนลางสาด
เน้นเรื่องอาหารการกินจะต้องจองล่วงหน้า 1 วัน
เพราะแต่ละวันจะใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นมาปรุงเมนูอาหาร
แห่งที่
3 เนเจอร์ สมุย
โดดเด่นคล้ายกันเป็นเรื่องอาหารการกิน
รอบบริเวณจะปลูกไม้กินได้คล้ายประดับนำมาปรุงเมนูรับประทานได้แต่ละจานเป็นงานศิลปะสวยงาม
แห่งที่ 4 ปางช้าง ได้จัดกิจกรรมทำอาหารให้ช้าง อาบน้ำช้าง ที่ผ่านมาเคยเป็นข้อถกเถียงเป็นเรื่องทรมานช้างหรือไม่ แต่ได้อธิบายถึงช้างไทยมีวิถีเป็นช้างบ้านในครอบครัว นักท่องเที่ยวสามารถทำกิจกรรมร่วมกับช้างได้
ผอ.กนกกิตติกา กล่าวว่า การวางแผนนำเสนอกิจกรรมการท่องเที่ยววิถีชุมชนคนเกาะสมุย จะย้ำเน้นถึง “การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” ตอนนี้ได้พัฒนาต่อยอดกะลามะพร้าว เศษแก้วต่าง ๆ ทำเป็นบ้าน หรือแม้แต่ของเหลือใช้ต่าง ๆ ได้ร่วมมือกันบริหารจัดการนำมาใช้ประโยชน์เกือบทั้งหมดไม่ให้เป็นขยะบนเกาะอีกต่อไป
ปี 2567 ททท.สมุย พยายามปรับจุดขายมิติใหม่
นอกเหนือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งมีโรงพยาบาลระดับอินเตอร์เนชั่นแนลหลายแห่ง
เวลเนสสปา รองรับตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มชื่นชอบความหรูหรา ไฮเอนด์ แล้ว
ยังได้นำเสนอเพิ่มด้วยโครงการ Amazing Samui Amazing Sport Fun ขณะนี้มีสนามมวยไทย “เพชรบัญชา”
มาตรฐานเทียบชั้นได้กับเวทีมวยราชดำเนิน เวทีลุมพินี ในกรุงเทพฯ พร้อมกับ
“โรงแรมมวย” บริการนักท่องเที่ยว ผนวกกับกิจกรรมท่องเที่ยวกีฬาทางน้ำ 3 เกาะ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า
ซึ่งแต่ละพื้นที่จะชูจุดขายอย่างโดดเด่น
รวมทั้งมีกีฬาแปลกใหม่เลือกใช้เกาะสมุยเป็นสถานที่แข่งขัน TEQBALL TOUR จัดโดย International Teqball Federation (FITEQ) ร่วมกับ มาราเลน่า สปอร์ต รีสอร์ท เกาะสมุย เทศบาลนครเกาะสมุย, ททท.สำนักงานเกาะสมุย และสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่อำเภอเกาะสมุย ซึ่งเป็นเทรนด์กีฬาใหม่ของโลกจัดแข่งขัน World Tour มีนักกีฬาจากทั่วโลกเดินทางเข้ามาแข่งขันระหว่างวันที่ 10 -13 สิงหาคม 2566 นี้ พร้อมกับได้ถ่ายทอดผ่านสื่อกีฬาระดับโลกช่อง ESPN และอื่น ๆ
จากนั้น ททท.จะร่วมกับชุมชนและทีม Sound of Earth Acoustic ของศิลปิน “จอห์น/รัตเวโรจน์ นูโว” จัดกิจกรรมชวนร่วมประสบการณ์แปลกใหม่เทรนด์อนาคตเข้ากับธรรมชาติ ในการท่องเที่ยวฟังเสียงโลกและความรู้สึกของตนเองผ่านเพลงของจอห์นโดยไม่มีเสียงดังรบกวนคนรอบข้าง ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 บริเวณ Fisherman’s Village ตรงบ่อผุด สมุย ซึ่งเป็นศูนย์รวมร้านอาหารชั้นดี แหล่งพักผ่อน ช้อปปิ้ง ริมทะเล แนะนำให้นักท่องเที่ยวสแกนคิวอาร์โค้ดล่วงหน้าก่อนเข้างาน ซึ่งสามารถใช้หูฟังแล้วเดินไปตามริมทะเลบนถนนสายกิน สายช้อปปิ้ง ดังกล่าวได้อย่างเต็มที่
ผอ.กนกกิตติกา กล่าวว่า เชิญชวนคนไทยวางแผนล่วงหน้าเดือนพฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป ท้องทะเลอ่าวไทยเกาะสมุยจะสวยงาม แล้วยังสามารถเดินทางไปเที่ยวพะงัน และเกาะเต่า ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติอยู่อย่างมาก กำลังคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน มาสัมผัสประสบการณ์ที่มีความหมายและคุณค่าของเมืองไทยอย่างมีความสุขไปด้วยกัน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1 ย้ำ!!ช้อปคิงเพาเวอร์อย่างปลอดภัยออนไลน์/โซเชียล9ช่องทาง
ฟังทางนี้ !! นักช้อปแฟนคลับของ “คิง เพาเวอร์” ทุกคน ก่อนคลิกจ่ายเงินซื้อสินค้าทุกครั้ง แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลความถูกต้องที่ทาง “คิง เพาเวอร์” ให้บริการอย่างเป็นทางการ 9 ช่องทางเท่านั้น ใน 4 แพลตฟอร์มออนไลน์ และ 5 โซเชียลมีเดีย ดังนี้
ช้อป “แพลตฟอร์มออนไลน์” 4 ช่องทาง
ได้แก่
1.เว็บไซต์
www.kingpower.com
2.King Power
Application ดาวน์โหลดได้ทั้ง App Store / Google Play / App
Gallery
3.บริการ
King Power Call to Shop : โทรศัพท์ 02-338-7870
4.บริการ
King Power Chat to Shop : LINE @KP_ChatToShop
ช้อป “โซเชียลมีเดีย” 5
ช่องทาง ได้แก่
1.Facebook https://www.facebook.com/Kingpowerofficial
2. Instagram
https://www.instagram.com/kingpowerofficial / https://www.instagram.com/kingpowerbeautyclub
3.LINE OA
@kingpower
4.X https://twitter.com/KingPowerhq
5.TikTok https://www.tiktok.com/@kingpower_official
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์ลดแล้วลดอีกให้สายบิวตี้ช้อปสนั่นวันนี้-31ส.ค.นี้
สายบิวตี้ นักเดินทางที่มีทริป
ไฟลต์บินต่างประเทศ ห้ามพลาด! “คิง เพาเวอร์” แจกส่วนลดกระหน่ำ ลดแล้ว
ลดเพิ่มอีก ช้อปได้ตั้งแต่วันนี้-31
สิงหาคม 2566 ที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา ยกเว้นที่สนามบินนานาชาติหาดใหญ่
ช้อปให้สะใจ ดังนี้
1.ช้อปเครื่องสำอาง น้ำหอมครบ 3,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ รับส่วนลดทันที 10% + รับส่วนลด On Top เพิ่มอีก 5% เมื่อเป็นสมาชิก คิง
เพาเวอร์ รีบสมัครได้ทั้งทางเว็บไซต์ สาขา
และ Line @kingpower
2.ช้อปเครื่องสำอาง น้ำหอมครบ 8,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ รับส่วนลดทันที 15%* + รับส่วนลด On Top เพิ่มอีก 5% เมื่อเป็นสมาชิก คิง เพาเวอร์
(เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ)
ช้อปทั้ง 2 รายการ
ตามเงื่อนไขของบริษัทฯ
กำหนด เพื่อให้การช้อปสนุก
สะดวก ได้ของดีครบตามความต้องการ
ข่าวที่
3 ททท.ผนึก2บริษัทผลิตหนังจีนบูมซอฟท์เพาเวอร์เที่ยวทั่วไทย
นายกิตติพงษ์
ประพัฒน์ทอง ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมเปิดตัวภาพยนตร์ "สเต็ปกล้าท้าฝัน One and
Only" ที่โรงแรมสินธรเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ โดยได้ใช้โอกาสนี้พบปะหารือกับผู้บริหารหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน
โดยเฉพาะกับ Mr. Zhang Dong CEO บริษัท อาร์ท้อป มีเดีย (ไทยแลนด์)
จำกัด ผู้ผลิตภาพยนตร์ สื่อ รายการโทรทัศน์ อีเว้นท์ต่าง ๆ รวมถึงเป็นผู้นำเข้าลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว
และ Mr. Kelvin Yau ประธานบริษัท iQIYI ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มวีดีทัศน์ออนไลน์ของสาธารณรัฐประชาชนจีน
และเป็นหนึ่งในเว็บไซต์วีดีโอออนไลน์รายใหญ่ที่สุดของโลก ที่มีผู้งานเดือนละมากกว่า
500 ล้านคน ใช้เวลาให้บริการเดือนละเกือบ 6,000 ล้านชั่วโมง
ซึ่งทั้ง 2 บริษัท
ดังกล่าวมีแผนจะทำงานร่วมกับ ททท. เดินหน้าต่อยอดเชิญชวนให้ต่างชาติเลือกมาใช้ทำเลสร้างภาพยนตร์ในเมืองไทย
เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในประเทศ และเพิ่มช่องทางที่ดีด้วยการจะนำเสนอภาพลักษณ์ประเทศไทยหรือ
Thailand Soft Power สู่สายตาจีนและต่างชาติทั่วโลกไปพร้อมกันได้ด้วย
สำหรับ "สเต็ปกล้าท้าฝัน One
and Only" เป็นภาพยนตร์จีนที่สร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนทุกคนให้มีความกล้าหาญมุ่งมั่น
ฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ก้าวสู่ความสำเร็จได้เป็นอย่างดี นำแสดงโดย
"หวังอี้ป๋อ" นักแสดงระดับแนวหน้าของสาธาณรัฐประชาชนจีน ทันทีที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดฉายในจีนเพียง
10 วัน สามารถทำรายได้มากกว่า 700 ล้านหยวน
ข่าวที่
4 CEO บางจากแนะธุรกิจรวมพลังใช้UNSDGs-ESGสู้วิกฤตโลก
นายชัยวัฒน์
โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้รับเชิญในฐานะเอกชนไทยเข้าร่วมงานเสวนา
1st
Global Sustainability & Productivity Network Dialogue ภายใต้หัวข้อ
“Collaborative Approaches to Achieving SDGs: Case Studies and Lessons
from Bilateral and Multilateral Cooperation" โดยได้นำเสนอนแนวทางการแบ่งปันประสบการณ์ดำเนินงานของบางจากฯ
เรื่องการผสานใช้หลัก UNSDGs และ ESG ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจของบางจากฯ
ซึ่งมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมธุรกิจควบคู่กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมมาตลอด
รวมทั้งเป็นหนึ่งในองค์กรร่วมก่อตั้ง
UN Global Compact Thailand เมื่อปี 2559
อีกทั้งบางจากฯ
ยังให้ความสำคัญเรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพ เพิ่มผลผลิต
ส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรม และเป็นโรงกลั่นน้ำมันเพียงแห่งเดียวในเมืองไทยที่ได้รับรางวัลคุณภาพแห่งชาติ
Thailand
Quality Award ประจำปี 2565
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า
บนเวทีได้อธิบายถึงแผนงาน BCP316
NET เพื่อจะทำให้บรรลุเป้าหมายลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net
Zero GHG Emissions) ในปี 2593 ครอบคลุมการปรับปรุงประสิทธิภาพต่าง
ๆ อย่างคุ้มค่า ทั้งในกระบวนการผลิต การลงทุนทางนวัตกรรม ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิต และลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์
การดูดซับคาร์บอนด้วยธรรมชาติ การเพิ่มสัดส่วนธุรกิจสีเขียว
การผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) จากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว
ตอบโจทย์ครอบคลุมเรื่องโอกาสทางธุรกิจและช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ต่อเนื่องถึงการสร้างระบบนิเวศสู่สังคมคาร์บอนต่ำผ่าน
Carbon Markets Club
ขณะเดียวกันยังได้ชี้ให้เห็นถึงเศรษฐกิจโลกเติบโตมาได้โดยขึ้นอยู่กับพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นระยะเวลากว่า
100
ปี จึงเป็นไปได้ยากที่จะเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดทันที แม้ในช่วงที่ผ่านมาหลายภาคีจะหันมาร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียว
พลังงานสะอาด แต่ก็ยังไม่สามารถทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลได้ สะท้อน ถึงจะพึ่งพาภาคธุรกิจอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ
ภาครัฐต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญร่วมสร้างแรงจูงใจ
หรือกำหนดมาตรการเพื่อช่วยเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด เช่น สร้างมาตรฐานการซื้อขายคาร์บอนเครดิต
และอื่น ๆ
ทางสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติร่วมกับ
Diplomatic
Council & GEN THAILAND จัดงานเสวนาครั้งนี้ขึ้น ที่อาคาร UNESCAP โดยมีผู้ร่วมเสวนาระดับสากล
ได้แก่ H.E. Paolo Dionisi
เอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย Mr. Michael Helleman ทูตพาณิชย์อาวุโสและอัครราชทูตที่ปรึกษา
สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ดร. เจนกฤษณ์ คณาธารณา รองผู้อำนวยการ
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (NSTDA) และนายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
งานนี้ถือเป็นเวทีที่เปิดให้ภาคส่วนต่าง
ๆ ร่วมกันหารือค้นหาทางออกเพื่อต่อสู้กับวิกฤตโลกที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
ด้วยแนวทางการสร้างความยั่งยืน ปรับปรุงกระบวนการเพื่อเพิ่มผลผลิต สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญในการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
และการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิผลสูงสุดและบรรลุผลสำเร็จ ด้วยวิธีแบ่งปันความรู้
แนวปฏิบัติที่ดีที่สุด โดยมีตัวแทนภาครัฐ ภาคธุรกิจ เอกอัครราชทูตจากนานาประเทศ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเพิ่มผลผลิต นักวิจัย นักวิชาการ และภาคประชาสังคม
เข้าร่วมอย่างคับคั่ง
เพื่อรวมพลังกันสร้างอนาคตของประเทศสู่โลกสีเขียวที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
ข่าวที่ 5 TCEBแจกโค้งสุดท้ายเงินประชุมเมืองไทย7กิจกรรมจบ22ส.ค.
นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า เข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้วการทำโครงการ “ประชุมเมืองไทย
เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” ให้งบประมาณสนับสนุนภาครัฐ เอกชน หน่วยงานต่าง ๆ
จัดงานประชุม สัมมนา งานไมซ์ในประเทศ เหลือเวลาอีกเพียง 9 วันเท่านั้น
ภายใน 22 สิงหาคม 2566 ตามเป้าหมายต้องการให้เกิดการจัดงานไมซ์ทั่วประเทศไม่น้อยกว่า
1,000 กลุ่ม
กำหนดเกณฑ์ที่จะได้รับการสนับสนุนงบประมาณ
ในกลุ่ม 7 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 1.กิจกรรมการประชุม
(Meetings) 2.กิจกรรมการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล
(Incentives) 3.กิจกรรมสัมมนา (Seminars) 4.กิจกรรมการอบรม (Trainings) 5.กิจกรรมเพื่อสังคม (CSR)
6.กิจกรรมพนักงานสัมพันธ์ (Outing) และ 7.กิจกรรมศึกษาดูงาน (Field Trip)
ดังนั้นระหว่างวันนี้
– 22 สิงหาคม 2566
ทีเส็บจึงเร่งรณรงค์ให้ องค์กร
ผู้ประกอบการและนิติบุคคลตามกฎหมายเอกชน #จอยประชุมไมซ์
เข้าร่วมโครงการ "ประชุมเมืองไทยเร่งสร้างเศรษฐกิจไทย" 1 วัน หรือ 2 วัน 1 คืน สามารถรับเงินสนับสนุนวงเงิน
ดังนี้ กิจกรรม 1 วัน วงเงินสนับสนุน 15,000 บาท และกิจกรรม 2 วัน 1 คืน
วงเงินสนับสนุน 30,000 บาท
ดูรายละเอียดและสอบถามเพิ่มได้ทาง
www.businesseventsthailand.com โทร: 02-793 3456 Line:
@thaimiceconnect FB: Thaimiceconnect ตั้งแต่วันจันทร์-วันศุกร์
เวลา 8.30-17.30 น.
ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยไปให้สุด Unseen New Chapters เช็คอินอีสานเขียวเที่ยว
“ภูผาม่าน ขอนแก่น-หาดแห่ นครพนม-วังเทียมเมฆ มุกดาหาร” แล้วใครที่กำลังทำ IF
“กินข้าววันละมื้อ” ควรรู้ผลต่อสุขภาพ เกิด 4 ประโยชน์ 4 ความเสี่ยง
และเกาะติดข่าวฮ็อต ข่าวแรก “โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล สุขุมวิท” จัดสมัครงาน Recutment
Recruitment
Day”30ส.ค.66 สัมภาษณ์รู้ผลในวันเดียว ข่าวที่สอง
“ทอท.จับมือ DCAP” ติดตั้งโซลาร์รูฟหลังคาสุวรรณภูมิ นำร่อง Green Airport สนามบินแรกเมืองไทย
ท่องเที่ยว
–เที่ยวอีสานเขียวUnseen3พิกัด“ภูผาม่าน/หาดแห่/วังเทียมเมฆ”
ชีวิตดีมีความสุขด้วยประสบการณ์การเดินทาง
ได้อย่างไม่สิ้นสุด ส่งท้ายหน้าฝนปีนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
แนะนำเช็อคิน “ภาคอีสาน” กับแหล่งใหม่ Unseen New Chapters 3 พิกัด
ชิว วิว สวย ธรรมชาติแสนงาม
พิกัดที่
1 จุดชมวิวหนองสมอ
อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น อลังการแห่งภูผา…ตระการตาแห่งสายน้ำ
จัดเช็คอินใหม่ในแดนอีสาน
กับมุมสวยสุดสายตาที่ซ่อนตัวอยู่กลางขุนเขาในขอนแก่น
สนุกกับกิจกรรมไฮไลท์ล่องเรือชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางวิถีชีวิตยามเช้าของชาว
“หนองสมอ” หรือจะพายเรือชมวิว จิบกาแฟ แลผืนน้ำดูเงาสะท้อนของภูผาม่านที่ฉาบลงบนผืนน้ำขนาด
400 ไร่ในช่วงเย็น
ถือเป็นมุมลับของนักเดินทางสายดริปกาแฟที่เชื่อว่า
ใครเห็นก็ต้องอยากแวะมาจิบกาแฟที่นี่ดูสักครั้ง ฤดูกาลที่เหมาะกับการท่องเที่ยว
คือ ฤดูฝน และฤดูหนาว
สอบถามเพิ่มที่ ททท.สำนักงานขอนแก่น
โทร 0 4322 7714-5
พิกัดที่
2 ชม หาดแห่
อ.ธาตุพนม จ.นครพนม “น้ำลดเกาะผุด…สนุกให้สุดที่หาดแห่”
เมื่อน้ำโขงลด…เกาะแห่งความสนุกก็ผุดขึ้นกลางแม่น้ำโขงของจังหวัดนครพนม
หาดทรายผสมหินกรวด คนท้องถิ่นเรียกว่า “หินแห่” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “หาดแห่”
จุดคลายร้อนพักผ่อนช่วงหน้าแล้งของนักท่องเที่ยว
ที่จะสร้างความสนุกและความตื่นเต้นกับกิจกรรมขับเจ็ตสกี ขี่บานาน่าโบ๊ต
ล่องห่วงยาง พร้อมอิ่มอร่อยกับสารพัดเมนูปลาน้ำโขงบนแพกลางน้ำ
ถือเป็นเกาะที่เต็มไปด้วยสีสันของกิจกรรมช่วงฤดูร้อน
เหมาะกับการมาเป็นครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนอป็นอย่างยิ่ง
ฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวสามารถมาชมหาดแห่ได้ คือ ประมาณเดือน ก.พ. - พ.ค. ของทุกปี
(ช่วงน้ำโขงลด)
สอบถาม ททท.สำนักงานนครพนม โทร 0 4251
3490-1
พิกัดที่ 3 วังเทียมเมฆ
อ่างเก็บน้ำห้วยวังนอง อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร “จากผืนน้ำสู่ผืนฟ้า…สุดสายตาวังเทียมเมฆ”
"วังเทียมเมฆ"
ดินแดนผืนน้ำจรดเมฆา คำว่า “วัง” แปลว่า “น้ำ” วังเทียมเมฆจึงหมายถึง
พื้นที่ซึ่งเป็นผืนน้ำจรดกับเมฆบนท้องฟ้า โดยบริเวณนี้ประกอบไปด้วย
“เกาะก้านเหลือง” เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้หายากอย่างต้นก้านเหลือง
พบมากตามพื้นที่ป่าชายน้ำ นอกจากนี้ยังมี “อ่างเก็บน้ำห้วยวังนอง” จุดชมวิวไฮไลท์
ซึ่งจะสวยงามมากในช่วงพระอาทิตย์ตก
โดยเฉพาะวินาทีที่แสงทองฉาบลงบนผืนน้ำท่ามกลางขุนเขา
นับเป็นสวรรค์ของสายแคมป์ปิ้งที่อยากใกล้ชิดธรรมชาติอย่างแท้จริง
สอบถาม ททท.สำนักงานนครพนม โทร 0
4251 3490-1
สุขภาพ
–รู้ไว้!!ทำIFกินข้าววันละมื้อ4ประโยชน์4ความเสี่ยงต่อสุขภาพ
การกินข้าววันละมื้อเป็นรูปแบบหนึ่งของการทำ IF (Intermittent Fasting) หรือวิธีการควบคุมน้ำหนักด้วยการอดอาหารเป็นช่วงเวลา
โดยจะอดอาหารติดต่อกันเป็นเวลา 23 ชั่วโมง และกินอาหารมื้อใหญ่ 1 มื้อในช่วงเวลา 1 ชั่วโมงที่เหลือเท่านั้น
หลายคนเชื่อว่าการกินข้าววันละมื้อสามารถช่วยควบคุมน้ำหนักได้
จึงกลายเป็นวิธีควบคุมน้ำหนักที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ซึ่งอาจไม่ได้มีแต่ประโยชน์ต่อสุขภาพเสมอไป
เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ด้วย
เกิด 4 ประโยชน์ต่อสุขภาพจากการกินข้าววันละมื้อ
1.อาจช่วยในการควบคุมน้ำหนัก -การกินข้าววันละมื้ออาจสามารถช่วยควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพในผู้ที่มีสุขภาพดี
หรือผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน
โดยการควบคุมน้ำหนักด้วยวิธีนี้จะเกิดผลดีหากคุณสามารถควบคุมปริมาณของอาหารที่กินใน
1 มื้อไม่ให้เกินปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายควรได้รับต่อวันได้
รวมถึงควรเลือกกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วนและมีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นหลัก
2.อาจช่วยเพิ่มกระบวนการเผาผลาญ - ส่งผลทำให้ระบบการเผาผลาญพลังงานในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น
เนื่องจากพลังงานที่ได้รับจากการกินอาหารเพียง 1 มื้อน้อยกว่าพลังงานที่ได้รับจากการกินอาหาร
3 มื้อตามปกติ
และน้อยกว่าพลังงานที่ร่างกายถูกใช้ออกไปจากการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันนั่นเอง
3.อาจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด -ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้
รวมถึงอาจช่วยป้องกันการเกิดภาวะดื้ออินซูลิน อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่กำลังกินยารักษาโรคเบาหวานควบคุมน้ำหนักด้วยวิธีการนี้
เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้
4.อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
-ส่งผลให้ร่างกายจำเป็นต้องเผาผลาญไขมันที่สะสมอยู่ออกมาใช้เป็นพลังงาน
จึงอาจทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายลดลง โดยเฉพาะชนิดที่ไม่ดี แล้วยังอาจช่วยลดภาวะความดันโลหิตสูง
ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้นั่นเอง
และ 4 “ความเสี่ยงต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้จากการกินข้าววันละมื้อ”
1.อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการกินข้าววันละมื้อมีหลายประการ ได้แก่
รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนแรง วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อารมณ์แปรปรวน สมองไม่แล่น
หรือไม่มีสมาธิ ส่งผลกระทบกับการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ เช่น เรียน การทำงาน
2.อาจทำให้รู้สึกหิวจนควบคุมไม่ได้ การอดอาหารเป็นเวลานานหลายชั่วโมงจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเกรลิน
(Ghrelin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นความอยากอาหารออกมามากขึ้น
ซึ่งอาจทำให้คุณรู้สึกหิวมากจนไม่สามารถควบคุมปริมาณของอาหารหรือชนิดของอาหารที่กินเข้าไปได้
เช่น คุณอาจเลือกกินอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์ที่สามารถกินได้ไม่จำกัด
แต่อาจก่อให้เกิดโทษต่อสุขภาพได้มากกว่าอาหารชนิดทั่วไป
3.อาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่สมดุล การอดอาหารเป็นเวลาหลายชั่วโมงจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลง
แต่เมื่อกินอาหารเข้าไปในปริมาณมากอย่างรวดเร็วมื้อเดียว จะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นอย่างกะทันหันเช่นกัน
ซึ่งหากระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นและลดลงอย่างไม่สมดุล
ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
4.อาจไม่เหมาะสมกับผู้ที่มีภาวะสุขภาพบางอย่าง การกินข้าววันละมื้อไม่ใช่วิธีการควบคุมอาหารที่เหมาะสมสำหรับใครหลาย
ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี ผู้สูงอายุ ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ผู้ที่ต้องกินยาพร้อมอาหาร ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
รวมถึงผู้ที่มีความผิดปกติในการกินอาหารด้วย
เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพได้รุนแรงกว่าคนทั่วไป
หรืออาจทำให้อาการของโรคที่เป็นอยู่แย่ลงได้
แม้ว่าการกินข้าววันละมื้อจะเป็นวิธีการควบคุมน้ำหนักที่ได้ผลสำหรับใครหลายคน
แต่หากทำไปนาน ๆ ก็อาจนำไปสู่การเกิดภาวะทุพโภชนาการ (Malnutrition) หรือปัญหาสุขภาพอื่น
ๆ อีกมากมายได้
ดังนั้น การกินอาหารวันละประมาณ 2–3 มื้อตามปกติ
โดยเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
อาจเป็นวิธีการควบคุมน้ำหนักที่เหมาะสมมากกว่านั่นเอง
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–รร.อินเตอร์คอนเครือIHGจัด“Recruitment Day”30ส.ค.66
นายปรินทร์ พัฒนธรรม ผู้จัดการทั่วไป
โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ สุขุมวิท เปิดเผยว่า ทางโรงแรมเตรียมจัดงาน “Recruitment
Day” รับสมัครพนักงานจำนวนมากสามารถสัมภาษณ์และฟังผลได้เลยภายในวันเดียวคือ วันพุธที่
30 สิงหาคม 2566 เวลา
12.00 น. – 20.00 น. บริเวณจุดนัดพบที่โรงแรมสเตย์บริดจ์
สวีทส์ กรุงเทพฯ สุขุมวิท ตรงสุขุมวิท 24 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส พร้อมพงษ์
ซึ่งพร้อมจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่กำลังมองหาอาชีพมีทางเลือกอย่างหลากหลาย จากการเปิดรับตำแหน่งงานตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงผู้บริหาร
และนักศึกษาฝึกงานก็สมัครได้ทุกแผนกเช่น เสมือนเป็นประตูเปิดกว้าให้กับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นหรือก้าวสู่สายอาชีพคนโรงแรมหรูอินเตอร์เชนระดับโลก
ซึ่งตามกำหนดเตรียมเปิดบริการตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2566 เป็นต้นไป
สำหรับ “อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ
สุขุมวิท” เป็นหนึ่งในโรงแรมและรีสอร์ตเครือไอเอชจี (IHG Hotels &
Resorts) หนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจโรงแรมของโลก
พร้อมจะเปิดบ้านต้อนรับทุกคนที่กำลังมองหาและสนใจเข้าร่วมงานด้านบริการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งกำลังสร้างรายได้เข้าประเทศมหาศาล
จึงต้องการบุคลากรที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง หลงใหลและมีใจรักในงานบริการ
ชอบความท้าทาย พร้อมจะเติบโตไปด้วยกันกับแบรนด์ระดับโลกอย่างไอเอช
โดยเฉพาะ โรงแรมแบรนด์อินเตอร์คอนติเนนตัล
เป็นแบรนด์หรูหรามีชื่อเสียงด้านการให้บริการลูกค้าทั้งคนไทยและทั่วโลก มีความมุ่งมั่นจะสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานอันหลากหลายและครอบคลุมรอบด้าน
โดยเฉพาะนโยบายหลักเน้นให้ความสำคัญคัดสรรพนักงานที่มีศักยภาพเฉพาะตัว ผู้ผ่านการสัมภาษณ์เข้าทำงานจะมีโอกาสเข้าร่วมทีมหรือก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ที่มอบประสบการณ์เหนือชั้นให้ผู้ใช้บริการทั่วโลกอย่างสม่ำเสมอ
ทางโรงแรมเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วม Recruitment
Day” สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนได้ที่
https://bit.ly/RecruitmentREGISTER หรือดูตำแหน่งงานว่างได้ที่ https://bit.ly/InterConBangkokSukhumvit และติดต่อกับทางคุณกิตติมา
ฉิมพลี ผู้จัดการฝ่ายการเรียนรู้และพัฒนา โทร. 061 151 6562 หรืออีเมล kittima.chimpli@ihg.com
นายปรินทร์ ย้ำว่า โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล
กรุงเทพฯ สุขุมวิท ขอเชิญชวนผู้สมัครทุกคน เข้าร่วมงานเปิดบ้านสมัครงานครั้งนี้
โดยเฉพาะผู้ที่มีศักยภาพ มีความกระตือรือร้นจะร่วมเดินทางสำรวจโลกของการบริการระดับโลกไปด้วยกัน ซึ่งทีมงานทุกคนมีแพชชั่นเรื่อง
การสร้างโอกาสและการบ่มเพาะการเติบโตในสายงานอาชีพงาน และมองเห็นโรงแรมแห่งนี้เป็นแหล่งกำเนิดความเป็นเลิศด้านการบริการชั้นนำของเมืองไทยได้
รวมถึงเป็นงานในฝันของใครหลายคน ซึ่งอาจกลายเป็นความจริงได้
สำหรับ “โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล
กรุงเทพฯ สุขุมวิท” กำหนดเปิดให้บริการไตรมาส 4 ปี 2566 เป็นต้นไป ตั้งอยู่ใจกลางย่านทองหล่อ
ระยะทางห่างจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทองหล่อไม่กี่นาที เป็นจุดหมายปลายทางการผสมผสานเอกลักษณ์ของงานศิลปะไทยช่างสิบหมู่และความหรูหราเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
พร้อมส่งมอบประสบการณ์การต้อนรับโดดเด่นให้นักเดินทางทุกคน
ภายในโรงแรม ประกอบด้วย “ห้องพักและห้องสวีท”
241 ห้อง ออกแบบอย่างหรูหรา พร้อมทั้งมีบริการเทคโนโลยีชั้นสูงในห้องพัก
ให้ผู้เข้าพักเพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น สมาร์ททีวีขนาด 55 นิ้ว
ระบบส่งภาพจากมือถือขึ้นทีวี
เครื่องเสียงและนาฬิกาเรืองแสงบลูทูธปรับสภาพแสงเอื้อต่อการพักผ่อน ซาวด์บาร์ เซ็นเซอร์จับความเคลื่อนไหวในแต่ละห้อง
อีกทั้ง “ทุกห้องพัก” มีสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นแบรนด์ลักซ์ชัวรี่ระดับโลกไบรีโด (BYREDO)
คืออ่างอาบน้ำ
ให้วิวเมืองอันงดงามของเส้นขอบฟ้ากรุงเทพฯ ได้ด้วย
ข่าวที่สอง-“AOT-DCAP”ผุดโซลาร์รูฟสุวรรณภูมิGreenAirportแรกในไทย
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์
ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท./AOT” เปิดเผยว่า AOT ร่วมกับ บริษัท
ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จำกัด (DCAP) จำกัด เปิดโครงการ “ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา”
อาคารผู้โดยสารสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ (Solar Rooftop) อย่างเป็นทางการ
เบื้องต้นมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากธรรมชาติขนาด 4.4 เมกะวัตต์
ซึ่งจะเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญขับเคลื่อนสุวรรณภูมิก้าวสู่เป็นสนามบินต้นแบบแห่งแรกของเมืองไทยด้านการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
(Green Airport)
รวมทั้ง
AOT ยังมีเป้าหมายต่อไป จะทยอยติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้าบนอาคารต่าง
ๆ ซึ่งอนาคตอันใกล้นี้ก็จะนำระบบแผงโซลาร์เซลบนผืนน้ำหรือ Floating Solar เข้ามาใช้เพิ่มในสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิด้วยตั้งเป้าติดตั้งเพิ่ม 50
เมกะวัตต์ เท่ากับปริมาณไฟฟ้า 20%
ของการใช้พลังงานทั้งหมดในสนามบินดังกล่าว มุ่งมั่นยกระดับเป็นสนามบินชั้นนำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป
ขณะนี้
AOT ร่วมกับ DCAP บุกเบิกการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์มีกำลังการผลิตไฟฟ้าขนาด
4.4 เมกะวัตต์ บนหลังคาอาคารผู้โดยสาร เลือกนำพลังงานจากธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทดแทนการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ
ร่วมมือกันสร้างกิจกรรมรักษ์โลกนำไปสู่แผนพัฒนาอุตสาหกรรมทางการบินอย่างยั่งยืน
วางแผนจะนำไฟฟ้ามาใช้หมุนเวียนภายในสนามบินนานาชาติ และมั่นใจจะเกิดประโยชน์อย่างน้อยถึง
3 เรื่อง ได้แก่
เรื่องที่
1 ทำให้ความร้อนภายในอาคารผู้โดยสารลดลงได้มากกว่า
7 องศาเซลเซียส เรื่องที่ 2 ลดการใช้พลังงานระบบความเย็นภายในอาคารได้
2 % หรือคิดเป็นมูลค่าลดการใช้จ่ายลงกว่าปีละ 11 ล้านบาท เรื่องที่ 3 สามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า
3,600 ตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับจำนวนการปลูกต้นไม้ปีละ 360,000 ต้น ในการใช้ดูดซับปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ
ดร.กีรติ กล่าวว่า โครงการนี้มีหน่วยงานเกี่ยวข้องต่างๆ
ร่วมวางแผนพัฒนาและทดสอบหลากหลายขั้นตอนเพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานสากล สร้างความมั่นใจอนาคตเมื่อใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจะเกิดประโยชน์สูงสุด
ปลอดภัย
ไม่กระทบต่อการบินและการควบคุมการจราจรทางอากาศตามกฎขององค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา
(Federal Aviation Administration: FAA) ตลอดจนจะกระทบกับตัวอาคารผู้โดยสาร
สำหรับพิธีเปิดโครงการการติดตั้งแผงโซลาร์เซลบนหลังคาสนามบินสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการ
มีผู้บริหารจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมด้วย นำโดย ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์
ผู้อำนวยการใหญ่ AOT นายอรรถพล
ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด
(มหาชน) (ปตท.) นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
(กฟผ.) นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และนายสุวิทัต
วงศ์วิเชียร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายการพาณิชย์)
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น