ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เปิดใจ "ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์"ผู้่ว่าการ ททท.คนที่ 11 เริ่ม 1 ก.ย.2566


ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์

ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คนที่ 11 

เปิดใจ“ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์”ผู้ว่าการ ททท.ไฟแรงคนใหม่

นำทัพท่องเที่ยวไทยผนึกรัฐบาลเศรษฐาทำรายได้3ล้านล้าน

ลุยใช้5กองกำลังใหญ่+4MOVEดันไทยผงาดผู้นำเอเชีย3ฮับ

เสนอรัฐบาลหนุน4เรื่องรุกโร้ด&เทรดโชว์เพิ่มพันธกิจใหม่

แจกเป็นแจก!!ที่คิงเพาเวอร์รางน้ำช้อปจัดเต็มตลอดก.ย.66

สมาชิกคิงเพาเวอร์รับฟรีตั๋วหนังSF-Firsterรับแบบไม่มีขั้นต่ำ

คิงเพาเวอร์ลดต่อบิวตี้แบรนด์เซลช้อปทุกสาขาถึง17ก.ย.66

ททท.ชู“The LINK”ท่องเที่ยวมิติใหม่5ภาค15พื้นที่30เส้นทาง

บางจากปิดบิ๊กดีลชำระหุ้นเอสโซ่65.99%ขึ้นนำธุรกิจโรงกลั่น

TCEB-สนท.โร้ดโชว์OneBeltดึงไมซ์จีน/ลาว-เมียนมาเข้าไทย

ทัวร์Unseenอีสาน“วัดเทพพล/ผาหมอกมิวาย/ผาแดงกาฬสินธุ์”

ฟังด่วน!!5วิธีแก้อาการเจ็บคอที่ปลอดภัยลองทำดูได้ผลจริง

เศรษฐาถก8สายการบินAOTเพิ่มเที่ยวบิน-ลดค่าตั๋วไฮซีซัน

บินไทยนำA320ใน4จุด“อาห์เมดาบัด/เกาสง/ปีนังกัลกัตตา”

 

วันเสาร์ที่ 2 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #TCEB  #บางจาก #ฐาปนีย์เกียรติไพบูลย์  #UnseenNewChaptersอีสาน

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...https://fb.watch/mOsRYkDW-9/

                ช่วงที่ 1 เอ็กซ์คลูซีฟ “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คนใหม่ เดินทัพใหญ่ท่องเที่ยวไทยทำเงิน 3 ล้านล้านบาท ติด 1 ใน 5 ของโลก โหมภารกิจสร้าง 3 ฮับ “อีเวนต์เฟสติวัล/เอนเตอร์เทนเมนท์-เฮลท์เวลเนส-กีฬาโลก” ลุยจัดกองกำลัง 5 ด้าน “สื่อสาร-ตลาดในและต่างประเทศ-สินค้า-ดิจิทัล-บริหาร” รุกขาย Thailand All Year Round และ 365 วันมหัศจรรย์เมืองไทย เร่งเครื่อง Reboot &BounceBack ด้วย “The Link Local to Gobal +TAT STAR+STGs” ยึดกลยุทธ์ 4 MOVE ติดเทอร์โบโร้ดโชว์ เทรดโชว์ ทั่วโลก ลั่นเพิ่มบทบาทใหม่ในเวทีประชุมนานาชาติ นำร่องสมัชชาการท่องเที่ยวโลก ที่อุเบกิซสถาน

 


นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ทันทีที่เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ ททท. ขึ้นเป็นผู้นำการท่องเที่ยวเข้ามาแลอุตสาหกรรมที่มีเสน่ห์และความหลากหลายที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ตั้งแต่ระดับชุมชนท้องถิ่นไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ของประเทศและนานาชาติ จึงจะขอให้ความสำคัญกับทุกพันธกิจหลักเพื่อนำเข้ารายได้จากต่างประเทศและในประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาลชุดใหม่ให้ความสำคัญการท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรเร่งด่วนสร้างเศรษฐกิจประเทศจึงได้เดินหน้าทำงานทันทีเพื่อนำท่องเที่ยวทำรายได้เข้าประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมายปี 2567 กว่า 3 ล้านล้านบาท โดยจะเร่งบริหารจัดการครอบคลุมทั้ง 5 ด้าน คือ

 

@คุมกองกำลังท่องเที่ยว 5 ด้าน

ด้านที่ 1 การสื่อสารการตลาด โฆษณา ประชาสัมพันธ์ ภาพลักษณ์สร้างความมั่นใจทุกมิติในการเดินทางของทั่วโลกเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทย โดยมุ่งบริหารจัดการดูแลป้องกันชื่อเสียงที่จะเกิดเชิงลบ เพราะหากปล่อยให้วิกฤตแล้วจะแก้ไขค่อนข้างยาก ตัวอย่างการส่งต่อในโซเชียลของนักท่องเที่ยวจีน

ด้านที่ 2 ตลาดทั้งในและต่างประเทศ จะชูจุดแข็งของไทยทำให้เป็นประเทศจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวได้ทุกวันตลอดทั้งปีหรือ Thailand All Year Round ไฮไลต์ของกุญแจสู่ความสำเร็จ โดยมี “ต้นทุน” ทางทรัพยากรธรรมชาติ บุคลากร ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากสามารถขายการท่องเที่ยวได้ตามเป้าหมาย เมื่อกระตุ้นตลาดในประเทศออกเดินทางก็จะเป็นแรงส่งดึงดูดทั่วโลกเข้ามาเที่ยวเพิ่มขึ้นด้วย จะใช้ยุทธศาสตร์ Reboot กับ Bounce back หรือเริ่มเดินเครื่องใหม่กับการฟื้นกลับคืนสู่ปกติ จะทำคู่ขนานกันไป แตกต่างจากอดีตจะเดินเครื่องใหม่ด้วยตลาดในประเทศเพื่อดึงตลาดต่างประเทศเข้ามาเพิ่ม โดยเน้นให้ความสำคัญเบื้องต้นกับ 3 เรื่องใหญ่ ประกอบด้วย 

เรื่องที่ 1 ปลดล็อกการเดินทางตลาดต่างประเทศ เช่น การทำวีซ่า เพื่อกระตุ้นตลาดสำคัญ ให้สอดคล้องกับนโยบายหลักของรัฐบาล ททท.จะเร่งสนับสนุนเรื่องข้อมูลต่าง ๆ

เรื่องที่ 2 ใช้พลังไทยแลนด์ ซอฟท์ เพาเวอร์ เป็นจุดขายด้วยคอนเซ็ปต์โครงการ The Link สร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวท้องถิ่นหรือ Local Experience ด้วยนวัตกรรมที่ได้รักษาความสัมพันธ์กับพันธมิตรกับเครือข่ายทุกกลุ่มในชุมชนไว้แล้วนำมาเป็นองคาพยพหลักโปรโมทในปีงบประมาณ 2567 จะเริ่ม 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป

เรื่องที่ 3 เข้าไปช่วยผลักดันการปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อทำให้การเพิ่มขีดความสามารถทางแข่งขันของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเมืองไทยได้อย่างเต็มที่

ด้านที่ 3 สินค้าการท่องเที่ยว จะเน้นออกแบบและจับมือทำงานกันพันธมิตรสร้างบริการมิติใหม่เพื่อขายได้โดยตอบโจทย์การท่องเที่ยวเมืองไทยได้ทั้ง 365 วัน และตลอดทั้งปี รวมทั้งจะยกระดับไทยเป็นประเทศศูนย์กลาง (Hub) ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ อีเวนต์เอนเตอร์เทนเมนท์ กับท่องเที่ยวเชิงกีฬาของภูมิภาคเอเชีย และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์รวมหรือHealth and Wellness เของโลก โดยเตรียมความพร้อมในห่วงโซ่อุปทาน (Shape Supply) ทั้งเกี่ยวและไม่เกี่ยวข้อง เช่น การสร้างเส้นทางการเข้าถึงอย่างมีประสิทธิภาพ

 

โดยเฉพาะสินค้าการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Health and Wellness ททท.ต้องขอบคุณรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ทำนโยบายโครงสร้างพื้นฐานชุมชนไว้เป็นอย่างดี จึงทำให้ ททท.สามารถทำแผนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable) ให้เห็นจริงเป็นรูปธรรม และได้ทำโครงการ STAR :Sustainable Tourism Acceleration Rating มอบมาตรฐานดาววัดระดับ ประเมินศักยภาพผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวในไทยให้พร้อมสู่การพัฒนาและเปลี่ยนแปลงนำไปสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนด้ยหลักเกณฑ์ SDGs :Sustainable Development Goals ของ UNWTO ทั้ง 17 ข้อ ผสานเข้ากับมาตรฐานใหม่ที่ ททท.จัดทำขึ้นคือ STGs :Sustainable Tourism Goals มีเกณฑ์ 17 ข้อเหมือนกัน

 


ภายในปี 2568 ททท.คาดหวังจะมีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเมืองไทยได้รับดาวมาตรฐาน STAR ได้มากถึง 85 % ของทั้งหมด มีตั้งแต่ 3-4-5 ดาว แล้ว ททท.จะเข้าไปช่วยต่อยอดพัฒนาสินค้าท่องเที่ยวให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

 

ด้านที่ 3 การบริหาร ททท.ต้องให้ความสำคัญกับ 4 เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ 1 การปลุกกระแสใหม่เรื่องกรอบความคิดหรือทัศนคติทางจิตใจ (mindset) เรื่องที่ 2 สร้างรูปแบบปฏิบัติ (performance) คู่ขนานไปกับพันธมิตรทั้งในและนอกห่วงโซ่การท่องเที่ยว โดยนำดิจิทัลเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพ เรื่องที่ 3 ให้ความสำคัญกับการเชื่อมต่อกันในมิติต่าง ๆ ทั้งกับพันธมิตร และตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวตลาดกลุ่มใหม่ เช่น กลุ่ม Sub-Culture หรือวัฒนธรรมย่อย ซึ่งจะลงลึกถึง DNA ความต้องการของนักท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องจับทางให้ได้ว่านักท่องเที่ยวต้องการอะไรบ้าง เรื่องที่ 4 สร้างทัศนคติในกลุ่มผู้ประกอบการจะต้องหันมาร่วมให้ความสำคัญกับความยั่งยืน

พร้อมกับทำให้ ททท.เป็นองค์กรผู้นำความยั่งยืน พร้อมกับทำให้เกิด TAT AI คือการใช้ข้อมูลกับประสบการณ์ เพราะ AI คือการประมวลข้อมูลผสมผสานเข้ากับประสบการณ์ของ ททท.สั่งสมมากว่า 60 ปี ซึ่งจะทำให้เกิดความท้าทายเห็นนโยบายอย่างชัดเจน

ด้านที่ 4 ดิจิทัล ทุกองคาพยพต้องมุ่งสู่ดิจิทัลนั่นคือความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง (digital disruption) ดังนั้นจึงต้องผสมผสานให้ได้ระหว่างโลกจริงกับเสมือนจริง โดยใช้ Online กับ offline มาขับเคลื่อนก็จะทำให้การท่องเที่ยวก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว

 

นางสาวฐาปนีย์กล่าวว่า ต้องขอบคุณรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สามารถนำนโยบายต่าง ๆ มาฟันฝ่าอุปสรรคซึ่งเป็นวิกฤตที่โลกไม่เคยเจอมาก่อนอย่างการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เห็นว่าประเทศไทยสามารถก้าวข้ามวิกฤตดังกล่าวมาได้ โดย ททท.เองก็นำการท่องเที่ยวประสานการทำงานเข้ากับนโยบายของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา รวมทั้งปัจจุบันกำลังทำงานกับรัฐบาลใหม่ของคุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็ต้องขอขอบคุณด้วยเช่นกันที่เริ่มต้นสร้างความเข้มแข็งกับผู้ประกอบการแล้วใช้นโยบายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วน

 

“ในฐานะผู้ว่าการคนใหม่ พร้อมจะใช้ยุทธศาสตร์แผนวิสาหกิจ ททท.ยึดโยงกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีหน้า และแผนของสำนักงานคณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ระหว่างปี 2566-2570 แล้วจะนำไปผสมผสานกับนโยบายรัฐบาลใหม่เพื่อทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ตามเป้าหมายหรืออาจจะทำให้ได้มากกว่า ตามแผนของ ททท.ปี 2567 จะต้องได้โดยนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 25-28 ล้านคน”

 


@เดินทัพ4 MOVE :Marketing&More/Operation/Vacation/ Effectiveness

 

นางสาวฐาปนีย์กล่าวว่า เตรียมสานต่อกลยุทธ์ MOVE ของ ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร อดีตผู้ว่าการ โดยขอขอบคุณที่ดูแล ททท.เป็นอย่างดีมา 8 ปี ด้วยการวางฐาน 1.M คือ Marketing and More การช่วยเหลือผู้ประกอบการทางด้านการทำตลาด เป็นสิ่งที่จะเพิ่มเติมเข้าไป 2.O -Operation Excellence การเป็นองค์กรที่ดีเลิศ จะต้องบริหารความสัมพันธ์กับทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วน ทั้งภายในและภายนอก พร้อมกับปรับทัศนคติกรอบแนวคิดไปสู่ผู้นำอุตสาหกรรมความเป็นเลิศทางการตลาดด้วย

 

3.V คือ Vacation ททท.จะสานสัมพันธ์กับพันธมิตรเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวแบบ 360 องศา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในและต่างประเทศทั่วโลก ซึ่งอนาคตต่อไป “บริษัทตัวแทนนำเที่ยว /Tour Operator” อาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการท่องเที่ยวอีกต่อไป ขณะนี้ ททท.สำนักงานต่างประเทศ 29 แห่ง ต้องหันไปจับมือกับหน่วยงานอื่น ๆ บูรณาการทำงานเพิ่มขึ้น เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกเลือกเดินทางเข้ามาไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

 

4.E คือ Effectiveness หรือประสิทธิภาพการทำงาน ททท.เตรียมตั้งทีมรับมือวิกฤตเป็นทีมม้าเร็ว เนื่องจากมีปัจจัยของโลกเกิดขึ้นนอกเหนือความคาดคิด อย่างเรื่อง วิกฤตออนไลน์ โลกร้อน ภัยพิบัติทางธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้ จำเป็นจะต้องมีองคาพยพในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเข้ามาช่วยกันทำงาน

ผู้ว่าฯ ฐาปนีย์ กล่าวว่าจะเลือกใช้บริบทของ MOVE ตามจังหวะและเหตุการณ์ต่าง  ๆ มุ่งสู่ 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ ประเด็นที่ 1 ขณะกระแส Generative Tourism การฟื้นสร้างท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ประเด็นที่ 2 สร้างองค์ประกอบต่าง ๆ รับมือดิจิทัลที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงใหม่จะต้องเป็นหนึ่งในยาวิเศษทำให้ท่องเที่ยวเติบโตได้ ประเด็นที่ 3 การนำเสนอ Sub Culture พุ่งเป้าเจาะไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพอย่างมีประสิทธิภาพ



@ลุยต่อRoadshow+TradeShow ทั่วโลก

รวมทั้งยังมีแผนทำโร้ดโชว์ เทรดโชว์ นำผู้ประกอบธุรกิจไทยเข้าร่วมงานระดับโลกและตลาดนานาชาติด้วยไฮไลต์ 3 เรื่อง ได้แก่

เรื่องที่ 1 จัดทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ด้วยรูปแบบ Themetic ผ่านสื่อทุกช่องทาง และใช้ Influencer นำเสนอแนวคิดโดยมุ่งปักธงทำอย่างจริงจัง

 

เรื่องที่ 2 นำเสนอ TAT STAR มาตรฐานผู้ประกอบการท่องเที่ยวยั่งยืน 3-4-5 ดาว โดยใช้คำว่า Meaningful Relationship หรือความสัมพันธ์อย่างมีคุณค่าและมีความหมาย นำเสนอภาพการท่องเที่ยวมุมมองใหม่ ศิลปะวัฒนธรรม มิตรไมตรี นำส่งประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีคุณค่าขีดเส้นใต้ความเป็น Meaningful Travel ส่งต่อไปยัง Meaningful Relationship ให้กับตลาดนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มเป้าหมายในสนใจวัฒนธรรมย่อยหรือ  Sub-Culture ซึ่งกำลังมาแรง

 

เรื่องที่ 3 การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ให้ความสำคัญอันดับต้น ๆ คำนึงถึงการท่องเที่ยวต้องปกป้องดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการ STGs กับ Meaningful Travel เข้าด้วยกัน เป็นการทำงานเชิงรุกเห็นผลประจักษ์อย่างแท้จริง

 

ททท.นำเอกชนไทยเข้าร่วมอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องมายาวนาน ก็มี โครงการที่ 1 งานเทรดโชว์ระดับโลก WTM :World Travel Mart ที่ลอนดอน สหราชอาณาจักร จัดเดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็นทั้งการขายระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ และกับนักท่องเที่ยวหรือผู้บริโภคทั่วไป งาน ITB Berlin กรุงเบอร์ลิน เยอรมัน จัดทุกต้นเดือนมีนาคมของทุกปี และงานเทรดโชว์แถบเอเชีย ได้แก่ ITB ASIA ที่สิงคโปร์ งาน SATTE :South Asia Travel and Tourism Exchange ในอินเดีย

 

โครงการที่ 2 จับมือกับทีมไทยแลนด์ สถานฑูตไทย ในแต่ละประเทศ จัดทำโชว์เคสต์การท่องเที่ยว นำคอนเซ็ปต์ The Link Local to Global คัดเลือกพื้นที่ท่องเที่ยวในประเทศที่สอดคล้องกับตลาดต่างประเทศ

 

โครงการที่ 3 จะเข้าการประชุมสำคัญระดับนานาชาติ เป็นไฮไลต์ที่ ททท.จะทำเพิ่มในปี 2567 เช่น การประชุมสมัชชาการท่องเที่ยวโลก ที่อุเบกิซสถาน เดือนพฤศจิกายน 2566 ททท.จะเป็นส่วนหนึ่งจะขับเคลื่อนการท่องเที่ยวได้มากขึ้น หรืองานประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน จะเน้นมิติการขายท่องเที่ยวเชื่อมโยงอาเซียนซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ใหญ่ของ ททท.ในปีต่อไป

 

นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า ททท.พร้อมจะเดินหน้าตามนโยบายรัฐบาบใหม่ โดยการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนขับเคลื่อนการท่องเที่ยวต่อเนื่องในทุกมิติ  ตามที่คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำเสนอการตั้งเป้ารายได้ท่องเที่ยวปี 2567 ให้ถึง 3 ล้านล้านบาท ซึ่ง ททท.ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไว้ 35 ล้านคน หรือโครงการผลักดันไทยเป็นประเทศศูนย์กลางเป็นฮับเอนเตอร์เทนเมนท์แห่งเอเชีย และเฟสติวัลของโลก โดยใช้ตัวจุดกระแสซอฟท์ เพาเวอร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากระดับท้องถิ่น ผู้ว่าราชการจังหวัดคือ Festival & Thailand Experience เป็นอย่างดี

 

@ขอรัฐบาลใหม่หนุน4เรื่องนำไทยผงาดขึ้นผู้นำ 3 HUB

ซึ่ง ททท.จะขอรัฐบาลใหม่สนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพิ่มรายได้ในระบบเศรษฐกิจ 4 เรื่อง ได้แก่ 

เรื่องที่ 1 ช่วยสนับสนุนพิจารณาเรื่องการเพิ่มสิทธิประโยชน์พิเศษกับผู้นำงานกิจกรรมระดับโลกเข้ามาจัดในเมืองไทย

เรื่องที่ 2 นโยบายสร้างประสบการณ์นวัตกรรมทางวัฒนธรรม เอื้อต่อการส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองไทย 365 วัน ล่าสุดได้นำร่องจัด “นวัตวัฒนธรรม” ใช้วัฒนธรรมเชิงสร้างสรรในมิติต่าง ๆ

เรื่องที่ 3 การเป็นศูนย์กลางการเดินทาง หรือ Transport Regional Hub โดยเฉพาะสนามบิน ททท.ร่วมมือมาตลอดในการเจรจาเชิญชวนการบินนานาชาติมาใช้ไทยเป็นจุดเชื่อมต่อเที่ยวบิน รวมถึงการพัฒนาระบบขั้นตอนตรวจเอกสารการเดินทางเข้าออกเมืองให้ง่ายสะดวก ลดอุปสรรคต่าง ๆ ลง เพื่อทำรายได้ท่องเที่ยวให้มากที่สุด

เรื่องที่ 4 การท่องเที่ยวด้านสุขภาพและท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ ททท.สามารถทำงานร่วมกับหลายกระทรวงโดยตรงและโดยอ้อม จึงน่าจะทำให้ไทยเป็นมหานครการท่องเที่ยวยั่งยืนและสุขภาพได้แน่นอน

ฟังข่าวต้นชั่วโมง



ข่าวที่ 1 แจกเป็นแจก!!ที่คิงเพาเวอร์รางน้ำช้อปจัดเต็มตลอดก.ย.66

 

แจกเป็นแจก! คิง เพาเวอร์ ชวนช้อปจัดเต็มทั้งเดือนกันยายน 2566 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2566

 

แจก! ที่ 1 ส่วนลดสูงสุด 20% สมาชิก คิง เพาเวอร์

แจก! ที่ 2 Gift Voucher สูงสุด 1,000 บาท เมื่อช้อปครบตามโปรโมชั่นและเงื่อนไขที่ระบุไว้

แจก! ที่ 3 ทริปเกาหลี สุดเอกซ์คลูซิฟ แจกไปเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อ 31 สิงหาคม 2566

 

รวมทั้งสมัครแล้วแจก! ที่ 4 พิเศษกว่าผู้ที่ยังไม่เป็นสมาชิก

 

1.เมื่อสมัครสมาชิก SCARLET  >แจก คูปองพิเศษ 500 บาท+ แจกส่วนลดทุกการช้อป 10%+แจกฟรี 50 กะรัต

 

2.สมัครสมาชิก NAVY  แจกส่วนลดทุกการช้อป 5% + แจกฟรี 50 กะรัต

 

ข่าวที่ 2 สมาชิกคิงเพาเวอร์รับฟรีตั๋วหนังSF-Firsterรับแบบไม่มีขั้นต่ำ

 

สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิก คิง เพาเวอร์  NAVY, SCARLET, ONYX, CROWN และ VEGA แลกเพียง 200 กะรัต

รับฟรี! บัตรชมภาพยนตร์ มูลค่า 260 บาท จำนวน 1 ที่นั่งที่โรงภาพยนตร์ในเครือ SF

 

รับสิทธิ์ได้ 2 ช่องทาง  ช่องทาง LINE Official Account : @KINGPOWER หรือคลิก https://bit.ly/43fcKX5

และช่องทาง Website : member.kingpower.com ตั้งแต่วันนี้ – 14 กรกฎาคม 2567

 

                ส่วนสายช้อปบิวตี้ไอเทมและไลฟ์สไตล์ ห้ามพลาด! FIRSTER ให้คุ้ม ฟิน ในที่เดียว ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2566

ได้ทั้ง 1.แลก 30 กะรัต เพื่อรับคูปองส่วนลด 300 บาท  2.รับส่วนลดตามสถานะสมาชิกสูงสุด 20% ไม่มียอดขั้นต่ำ ในการช้อป  3.รับส่วนลดทุกการช้อป 10%  ไม่มียอดขั้นต่ำในการช้อป

 

กดรับสิทธิ์ง่าย ๆ ผ่าน LINE Official Account  คลิก : https://lin.ee/QxLtQ1b  เมื่อสมัครสมาชิกคิง เพาเวอร์แล้ว อย่าลืมผูกบัญชีสมาชิกบน LINE ด้วย

 

ข่าวที่ 3 คิงเพาเวอร์ลดต่อบิวตี้แบรนด์เซลทุกสาขาถึง17ก.ย.66

 

คิง เพาเวอร์ ลดต่อ ช้อปไม่ต้องยั้ง! มหกรรม “บิวตี้แบรนด์เซล” วันนี้  – 17 กันยายน 2566 ที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา (ยกเว้นท่าอากาศยานหาดใหญ่) 1.ช้อปครบ 10,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ ลดสูงสุด 20% 2.ช้อปครบ 15,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ ลดสูงสุด 30%

 

ลดต่อ ช้อปไม่ต้องยั้ง! มหกรรมบิวตี้แบรนด์เซล  โปรดีลพิเศษสุด ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง สายบิวตี้ ตัวพ่อตัวแม่ต้องมี ช้อปก่อนเริ่ดก่อน!

1.ลดสูงสุด 20% เมื่อช้อปครบ 10,000 บาท เพียงกดรหัสส่วนลด PAPC20

2.ลดสูงสุด 30% เมื่อช้อปครบ 15,000 บาท รหัสส่วนลด PAPC30

 

สินค้า Duty Free สุดฮอต มีไฟลต์บินแล้วรีบเลย! รับสินค้าที่สนามบิน ช้อปได้ทั้งขาเข้าและขาออก แล้วเลือกแบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน  รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 11,000 บาท รับเลย! ส่วนลด 200 บาทเมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์  และรับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท(สุทธิ)

 

ข่าวที่ 4 ททท.ชู“The LINKท่องเที่ยวมิติใหม่5ภาค15พื้นที่30เส้นทาง

 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า  ททท.พร้อมนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง Happy Link : Thailand’s Dream Destinations เพิ่มประสบการณ์ความสุขภายใต้ โครงการ The LINK Local to Global” วางกลยุทธ์ส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศออกเดินทางข้ามภูมิภาค เน้นสร้างภาพลักษณ์เพิ่มจุดขายแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพด้วยการนำเสนอสินค้าและบริการมุมมองใหม่ ทำให้เกิดการเพิ่มครอบคลุมทั้ง 3 ส่วน ทั้งการเพิ่มรายได้ เพิ่มความถี่ในการเดินทาง เพิ่มอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (OR-Occupacy Rate) แล้วการกระจายเม็ดเงินเข้าถึงชุมชนท้องถิ่นอย่างทั่วถึงในแต่ละภาคตลอดโครงการ

 

ททท.ได้นำเสนอการท่องเที่ยวในโครงการ The Link Local to Global ครอบคลุมทั้ง 5 ภูมิภาค รวม 15 พื้นที่เชื่อมโยง 30 เส้นทาง ผลักดันให้เกิดรายได้สู่เศรษฐกิจ สังคม และชุมชน ตลอดจนห่วงโซ่อุปทานในแต่ละเส้นทาง ขับเคลื่อนเป็น 1 ในหมุดหมายใหม่สร้างคุณค่าและประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยวให้คนไทยและต่างชาติ นำสู่เป้าหมายอนาคตที่จะก้าวขึ้นเป็น 1 ในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลกต่อไป

 

ททท.ได้ทำโครงการ The LINK Local to Global ครั้งนี้ โดยได้รับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ เอกชน เจ้าของพื้นที่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จับมือกันออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวพื้นที่เชื่อมโยง ปลุกกระแสนักท่องเที่ยวเดินทางกระจายตัวข้ามภาคต่าง ๆ ของไทย ควบคู่กับการยกระดับภาพลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพด้วยการคัดสรรสินค้าและบริการท่องเที่ยวในมุมใหม่ที่ได้พัฒนาและยกระดับทำร่วมกัน

 

นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า ตลอดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในโครงการนี้ ได้นำเรื่องราว วิถีชีวิต วัฒนธรรม เชื่อมโยงพื้นที่ในมิติต่าง ๆ เกี่ยวข้องกับ การคมนาคม สังคม ประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตและชุมชน พัฒนาตลาดควบคู่กับการสร้างผู้ประกอบการท่องเที่ยวท้องถิ่นแต่ละพื้นที่ให้เกิดความเข้มแข็ง แล้วยังสามารถกระแสการเดินทางท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนได้ตลอดทั้งปี โดยมีตัวอย่างการจับคู่ของ ททท. 4 ภูมิภาค 8 จังหวัด ดังนี้

 

ททท.ภูมิภาค “ภาคเหนือจับคู่กับภาคกลาง” นำเสนอ  2 เส้นทางเชื่อมโยง ได้แก่

 

เส้นทางที่ 1  : จังหวัดแพร่กับประจวบคีรีขันธ์ นำเสนอเรื่องราวแฟชั่นงานผ้า Craft & Kram ผ้าหม้อห้อม ซึ่งเป็นสินค้า GI ของจังหวัด เชื่อมโยงกับ “ผ้าพิมพ์ลายพื้นเมืองโขมพัสตร์ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง

 

เส้นทางที่ 2 : เชียงใหม่กับเพชรบุรี ผ่านการเชื่อมโยงเรื่องราวเส้นทางท่องเที่ยว  The Royal Route “เที่ยวพริบพรีภิรมย์” ชิมขนม ชมวัง ฟังเสียงคลื่น กับ กิจกรรมล่องเรือชมแม่น้ำปิง “ภิรมย์นาวา”พร้อมจิบชายามบ่ายหรือ  afternoon tea 

 

ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออก จับคู่กับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 เส้นทางเชื่อมโยง ได้แก่

 

เส้นทางที่ 1 : จันทบุรีกับอุบลราชธานี ผ่านการเชื่อมโยงเรื่องราวเส้นทางอาหาร เมนูสมุนไพรประจําถิ่น ที่มีชื่อเสียงประจําจังหวัดจันทบุรี เช่น การนำกระวานมาเป็นวัตถุดิบปรุงอาหาร รวมถึงเชื่อมโยงเข้ากับอาหารถิ่นอุบลราชธานีที่ได้รับสัญลักษณ์ ‘บิบ กูร์มองด์’ จากมิชลินไกด์ ปี 2566 สามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดี

 

ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จับคู่กับภาคใต้ 1 เส้นทางเชื่อมโยง ได้แก่

 

 

เส้นทางที่   : นครพนมกับนครศรีธรรมราช ผ่านการเชื่อมโยงด้วยความศรัทธา ความเชื่อ แสดงออกถึงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมงานประเพณีบวงสรวงองค์พญาศรีสัตตนาคราช นครพนม กับงานประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุยามค่ำคืน นครศรีธรรมราช ซึ่งทั้งสองเป็นงานประเพณีที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวจำนวนมากทุกปี

 

ขณะเดียวกัน ททท.ได้จัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมเส้นทางท่องเที่ยว 15 พื้นที่เชื่อมโยง รวมทั้งหมด 30 เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้าไปชมและเลือกเดินทางได้จากเว็บไซต์ www.tourismthailand.org

 

ข่าวที่ 5 บางจากปิดบิ๊กดีลชำระหุ้นเอสโซ่65.99%ขึ้นนำธุรกิจโรงกลั่น

 

 

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บมจ.บางจาก ดำเนินการชำระราคาซื้อขายหุ้นสามัญของ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (เอสโซ่) 2,283,750,000 หุ้น หรือคิดเป็น 65.99 % ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ บริษัทเอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เสร็จสิ้นในราคา 9.8986 บาทต่อหุ้น พร้อมทั้งจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของเอสโซ่ (ประเทศไทย) อีก 34.01 % ตามกำหนดระยะเวลาทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน -12 ตุลาคม 2566

 

ทาง บมจ.บางจากมั่นใจการธุรกรรมครั้งนี้จะสามารถสร้าง synergy จากศักยภาพที่เกื้อหนุนกัน รวมทั้งได้ช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ทำให้ประชาชนคนไทยเข้าถึงแหล่งพลังงานได้ดีขึ้น และยังช่วยให้มีกำไร (EBITDA) เพิ่มขึ้นในประเทศอีกปีละนับพันล้านบาทด้วย

 

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่าการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) นับเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญในอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศและบริษัทฯ สอดคล้องกับกลยุทธ์การขยายธุรกิจ
เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน เสริมสร้างจุดยืนอันแข็งแกร่งด้านธุรกิจพลังงานระดับประเทศและภูมิภาค โดยจะเข้าดำเนินการโรงกลั่นน้ำมันขนาดกำลังการกลั่น
174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมันและสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศได้ทันทีกว่า 800 แห่ง

 

โดยกลุ่มบริษัทบางจาก จะมีกำลังการกลั่นน้ำมันสูงสุดในประเทศรวมเกือบ 300,000 บาร์เรลต่อวันจากโรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานระดับโลก 2 แห่ง คือ โรงกลั่นบางจาก พระโขนงและโรงกลั่นบางจาก
ศรีราชา สามารถทำธุรกิจได้ครบวงจรมากขึ้น โดยได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีการกลั่นเสริมกันของโรงกลั่นทั้งสองแห่ง ซึ่งจะเพิ่มความหลากหลายการจัดหาน้ำมันดิบ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดหาและขนส่งน้ำมันดิบร่วมกัน เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดและปรับปรุงประสิทธิภาพการกลั่น รวมถึงสามารถใช้ประโยชน์จากแผนบำรุงรักษาโรงกลั่นร่วมกัน

 

ขณะที่การบริการด้านการตลาดจะครอบคลุมและนำเสนอให้ลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นผ่านเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศรวมแล้วกว่า 2,200 แห่ง เป็นเครือข่ายเอสโซ่ ผลิตภัณฑ์และน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน จะเข้ามาเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์บางจาก สร้างโอกาสการพัฒนาสถานีบริการให้สอดคล้องกัน ส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงมากขึ้น ไม่เพียงส่งผลดีต่อธุรกิจของบางจากฯ เท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อภาพรวมของธุรกิจพลังงานในไทยด้วย

 

ทั้งนี้สถานีบริการของเอสโซ่จะเริ่มทยอยเปลี่ยนป้ายเป็นสถานีบริการบางจากภายใน 2 ปี โดยจำหน่ายในสถานีบริการเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันคุณภาพสูงจากโรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานระดับโลกทั้ง 2 แห่ง ของกลุ่มบริษัทบางจาก น้ำมันทุกชนิดเป็นผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและได้ควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานของกรมธุรกิจพลังงาน รวมทั้งน้ำมันเกรดพรีเมียมของบางจากทั้งแก๊สโซฮอล์และดีเซล ยังได้มาตรฐานยูโร 5 และมีค่าออกเทนและซีเทนสูงกว่าค่ามาตรฐานของกรมธุรกิจพลังงาน

 

ส่วนสมาชิกบัตรเอสโซ่สไมลส์ยังสามารถสะสมคะแนนและแลกคะแนนได้ภายใต้บัตรเดิมอีก 1 ปี จากวันนี้ไปจนถึง 31 สิงหาคม 2567 หรือโอนคะแนนสะสมมาเป็นสมาชิกบางจากกรีนไมลส์ ภายใน 30 พฤศจิกายน 2566 โดยจะได้โบนัสพิเศษเพิ่ม 100 คะแนน ซึ่งสมาชิกกรีนไมลส์ เปิดให้นำคะแนนสะสมจากการเติมน้ำมันและซื้อสินค้าในเครือบางจากฯ มาใช้เป็นส่วนลดหรือทำประโยชน์อื่น ๆ ตามไลฟ์สไตล์ของตนแล้ว ยังสามารถรับส่วนต่างราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นคืนเป็นคะแนนพิเศษเพิ่มเมื่อเติมน้ำมันในวันแรกที่ปรับขึ้นราคา และยังร่วมบริจาคเงินจากการสะสมคะแนนให้กับองค์กรสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่บางจากฯ ดำเนินมาต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 เพื่อร่วมกันช่วยทำให้สังคมไทยน่าอยู่อย่างยั่งยืนด้วย

 

นายชัยวัฒน์กล่าวตอนท้ายว่า วันนี้มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับพนักงาน ผู้ประกอบการและลูกค้ารายใหม่จากเอสโซ่สู่ครอบครัวบางจาก การรวมทีมงานคุณภาพของสองบริษัทจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความสามารถดำเนินการตามแผนขยายธุรกิจให้เติบโตได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ “Greenovative Experience” ผ่านช่องทางบริการการขยายเพิ่มขึ้นกว่าเดิมผสานสองพลังที่ยิ่งใหญ่ Together To Greater เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ที่ดีที่สุดสู่ลูกค้า ไม่เพียงส่งผลดีต่อธุรกิจของกลุ่มบริษัทบางจากและต่อภาพรวมด้านพลังงานของประเทศด้วย

 

ข่าวที่ 6 TCEB-สนท.โร้ดโชว์OneBeltดึงไมซ์“จีน/ลาว-เมียนมา”เข้าไทย

 

นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ทีเส็บจับมือกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) จัดกิจกรรม ONE BELT ONE ROAD MICE ROAD SHOW 2023 ส่งเสริมตลาดการขายอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) ครอบคลุมทั้งการประชุมสัมมนา จัดการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (MI :Meeting)   จัดงานแสดงสินค้า (Exhibition) และจัดประชุมนานาชาติ (Convention) โดยได้เชิญตัวแทนผู้ซื้อกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและไมซ์ที่มีศักยภาพจาก3 ประเทศ ได้แก่ สปป.ลาว สาธารณรัฐประชาชนจีน และเมียนมา รวม 20 ราย ซึ่งสนใจทำตลาดไมซ์ในพื้นที่เชื่อมโยงเส้นทางสายไหมสายใหม่ทางถนน R3A ต่อยอดการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง เริ่มต้นจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าสู่ประเทศไทย สร้างประสบการณ์ไมซ์ภาคเหนือของไทยจากเชียงราย พิษณุโลก มาจนถึงกรุงเทพมหานคร

 

โดยมีตัวแทนผู้ประกอบการไมซ์ของไทยในฐานะผู้ขายร่วมกิจกรรมสร้างเครือข่ายและเจรจาจับคู่ทางธุรกิจกับตัวแทนผู้ซื้อจากทั้ง 3 ประเทศ จีน สปป.ลาว และเมียนมา ร่วมมือและแลกเปลี่ยนการค้าอุตสาหกรรมไมซ์ระหว่างกันในกิจกรรม ONE BELT ONE ROAD MICE ROADSHOW ภายใต้แนวคิด 1 Marketing 3 destination หรือ 1 ตลาด 3 เส้นทาง ตามที่รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนมีนโยบายสนับสนุนการเชื่อมโยงจีนตอนใต้เข้ากับประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะทางภาคเหนือของไทยต่อเนื่องเข้าถึงใจกลางกรุงเทพฯ  

 

นางศุภวรรณกล่าวว่า ในการจัดงานครั้งนี้ทีเส็บประสบความสำเร็จโดยทุกแห่งได้ทำสำรวจพื้นที่ (SITE INSPECTION) พร้อมกับจับคู่ธุรกิจร่วมด้วย ซึ่งผลตอบรับทางธุรกิจระหว่างตัวแทนผู้ซื้อกลุ่มผู้ประกอบการไมซ์ของไทย กับคู่ค้าบริษัทตัวแทนผู้ซื้อทั้ง 3 ประเทศ คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน สปป.ลาว และเมียนม่า ชื่นชมโครงการนี้ซึ่งสามารถสร้างเครือข่ายทางธุรกิจการค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมไมซ์ระหว่างกันได้มากขึ้น

 

            ช่วงที่ 2 เที่ยว Unseen อีสาน ปักหมุดได้เลย “วัดเทพพลประดิษฐาราม” สไตล์ล้านช้าง จ.หนองคาย “ผาหมอกมิวาย” จ.ร้อยเอ็ด และ “ผาแดง” กาฬสินธุ์  แล้วฟัง “5วิธีแก้อาการเจ็บคอได้ดี” กับข่าวฮ็อต ๆ ข่าวแรก “นายกฯเศรษฐาถก8แอร์ไลน์ส” เพิ่มเที่ยวบินลดค่าตั๋วไฮซีซัน ข่าวที่สอง “การบินไทย” นำแอร์บัส A320บินแทนไทยสมายล์ในต่างประเทศ 4 เมือง เริ่ม ก.ย.66 เป็นต้นไป

ท่องเที่ยว –ทัวร์Unseenอีสาน“วัดเทพพล/ผาหมอกมิวาย/ผาแดงกาฬสินธุ์”

 

ได้เวลาออกเที่ยวกันอีกแล้ว เล็งพื้นที่ใหม่ ๆ ใน Unseen New Chapters อีสาน 3 พิกัด “วัดเทพพลอารยธรรมล้านช้าง” หนองคาย “ผาหมอกมิวาย” ร้อยเอ็ด และ “ผาแดง” ผาแห่งถิ่นไดโนเสาร์ กาฬสินธุ์

 

พิกัดที่ 1 วัดเทพพลประดิษฐาราม อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย อันซีน…แสงส่องธรรม…สถาปัตยกรรมแห่งล้านช้าง

 

วัดเทพพลประดิษฐาราม เป็นวัดเก่าแก่ประจำบ้านเวียงคุก ซึ่งบริเวณนี้ในอดีตเคยเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก จึงมีร่องรอยของพุทธศิลป์ที่งดงามคงเหลืออยู่ เป็นโบราณสถานและโบราณวัตถุสมัยวัฒนธรรมล้านช้าง อาทิ พระธาตุเจดีย์คู่และเสมาหิน

 

รวมทั้งมีอีกหนึ่งอันซีนของวัดที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลา 14.30 – 16.30 น. ภายในวิหาร ณ วินาทีที่ลำแสงส่องลงมาจากหลังคาวิหารด้านทิศตะวันตก ไปตกกระทบที่องค์พระประธาน “หลวงพ่อใหญ่” ก่อเกิดเป็นภาพลำแสงแห่งธรรมที่ดูงดงามน่าเลื่อมใส ถือเป็นวัดที่มีศิลปะล้านช้างผสมล้านนา และมีการออกแบบทางสถาปัตยกรรมเพื่อให้รองรับความงดงามของธรรมชาติ จนก่อให้เกิดความงดงามในแต่ละช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไป

 

สอบถาม ททท.สำนักงานอุดรธานี โทร 0 4232 5406-7

 

พิกัดที่ 2 ดูหมอก…ส่องนก…ชมพระอาทิตย์ตก ณ ผาหมอกมิวาย  เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาน้ำทิพย์ อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด

 

ปีนขึ้นไปยังเทือกเขาหินทรายสูงชันสลับซับซ้อน ห้อมล้อมด้วยป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง ที่หมอกถาโถมปกคลุมเทือกเขาตลอดทั้งปีตามชื่อ “หมอกมิวาย” ของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาน้ำทิพย์ ที่สามารถชมวิวทิวทัศน์ความสมบูรณ์ของป่าธรรมชาติจากลานจุดวิวซึ่งจะสวยงามมากเป็นพิเศษในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและตก

 

แล้วก็มีจุดบริการบ้านพักและลานกางเต็นท์สำหรับสายแคมป์ปิ้ง รวมถึงกิจกรรมส่องนกสำหรับผู้ที่สนใจและเหล่าบรรดาช่างภาพ ฤดูกาลที่เหมาะกับการท่องเที่ยว คือ ฤดูฝน และฤดูหนาว

 

สอบถาม ททท.สำนักงานขอนแก่น โทร 0 4322 7714-5      

 

พิกัดที่ 3 มหัศจรรย์แห่งผาหิน ณ ถิ่นไดโนเสาร์ ผาแดง อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์

 

ในอำเภอสหัสขันธ์ นอกจากจะเป็นจุดที่มีการขุดพบฟอสซิลไดโนเสาร์เป็นจำนวนมากของภาคอีสานแล้ว ยังมีสถานที่ที่น่าค้นหาและที่น่าสนใจ รอวันเปิดตัวสู่สายตาของนักท่องเที่ยว อย่าง “ผาแดง” หน้าผาหินทรายสีแดงส้มที่มีขนาดใหญ่และหนา แสดงให้เห็นถึงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะกัดกร่อนจากน้ำและลม ทำให้เกิดกลุ่มหินทรายสีแดงเรียงเป็นชั้นๆ

 

ถือเป็นความโดดเด่นทางธรณีวิทยาที่ดูสวยงามอย่างน่ามหัศจรรย์ สำหรับเส้นทางไปยังผาแดง จะเป็นการท่องเที่ยวเดินป่าแบบธรรมชาติระยะทาง 1.8 กม. ตลอดเส้นทางอุดมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของป่า และเต็มไปด้วยความน่าตื่นตาของทิวทัศน์อำเภอสหัสขันธ์

 

สอบถาม ททท.สำนักงานขอนแก่น โทร 0 4322 7714-5

 

สุขภาพ –ฟังด่วน!! 5 วิธีแก้เจ็บคอที่ปลอดภัยลองทำดูได้ผลจริง

 

เมื่อมีอาการเจ็บคอเกิดขึ้นควรพักการใช้เสียงและหลีกเลี่ยงการสูดดมสารที่อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองในลำคอเพิ่มมากขึ้น เช่น ควันบุหรี่ จากนั้นสามารถบรรเทาอาการเจ็บคอได้ด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้

 

1. จิบน้ำ -การจิบเครื่องดื่มอุ่น ๆ เช่น น้ำเปล่า น้ำอุ่นผสมน้ำผึ้ง หรือชาสมุนไพรที่ไม่มีคาเฟอีน จะช่วยให้รู้สึกชุ่มคอ ช่วยลดภาวะขาดน้ำ และอาจช่วยละลายเสมหะเหนียวข้นที่ติดค้างอยู่ภายในลำคอได้ ในบางกรณี การจิบเครื่องดื่มเย็นก็อาจช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอบางประเภทได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำที่รุนแรงขึ้น

 

2. อมยาอมหรือใช้สเปรย์พ่นคอ สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้ เนื่องจากยาอมแก้เจ็บคอและสเปรย์พ่นคอเหล่านี้มักมีส่วนผสมของเมนทอลหรือยาเบนโซเคน (Benzocaine) ซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาชา จึงช่วยทำให้รู้สึกเจ็บคอน้อยลงได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรให้เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 4 ปีอมยาอมแก้เจ็บคอ เพราะอาจเสี่ยงต่อการสำลักได้ง่าย

 

3. กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ  อาจสามารถช่วยละลายเสมหะในลำคอ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในลำคอ และช่วยลดอาการบวมในลำคอได้ โดยเมื่อมีอาการเจ็บคอให้ละลายเกลือแกงครึ่งช้อนชาลงในน้ำอุ่น 240 มิลลิลิตร จากนั้นกลั้วคอประมาณ 30 วินาทีแล้วบ้วนทิ้ง และควรกลั้วคอวันละ 2–3 ครั้ง นอกจากนี้ อาจใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรียในการกลั้วคอก็ได้เช่นกัน

 

4. พักผ่อนและหลีกเลี่ยงการใช้เสียง จะช่วยให้ร่างกายสามารถฟื้นตัวจากไข้หวัดที่อาจเป็นสาเหตุของอาการเจ็บคอได้อย่างรวดเร็ว โดยควรนอนหลับวันละ 6–8 ชั่วโมง ในท่ายกศีรษะให้สูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการบวมบริเวณลำคอ และสิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือควรหลีกเลี่ยงการใช้เสียง เช่น การพูด การร้องเพลง หรือการตะโกน

 

5. รับประทานยาแก้เจ็บคอ หากมีอาการเจ็บคอที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน อาจรับประทานยาแก้ปวดทั่วไป เช่น ยาอะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen) หรือยาไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) เนื่องจากยาแก้ปวดจะออกฤทธิ์บรรเทาอาการอักเสบบริเวณลำคอที่อาจเป็นสาเหตุของอาการเจ็บคอที่เกิดขึ้นได้ โดยผู้ป่วยควรใช้ยาตามคำแนะนำบนฉลากหรือคำแนะนำของเภสัชกรอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพตามมา

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก-เศรษฐาถก8สายการบินAOTเพิ่มเที่ยวบิน-ลดค่าตั๋วไฮซีซัน

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย เปิดให้สมาคมสายการบินแห่งประเทศไทย 8 สายการบิน และ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT/ทอท.” เข้าร่วมหารือที่พรรคเพื่อไทยเมื่อวันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม 2566 โดยขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจากตลาดต่างประเทศเพิ่มรายได้เร่งด่วนเข้าไทยตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 เดือนตุลาคม 2566 เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นช่วงวันชาติจีนซึ่งจะมีนักเดินทางเป็นจำนวนมาก จึงขอให้เน้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า 2 เรื่องด่วน ได้แก่

 

เรื่องที่ 1 กำหนดแนวทางเพิ่มปริมาณจราจรเที่ยวบินทางอากาศระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นให้เพียงพอกับความต้องการของผู้โดยสารช่วงฤดูเดินทางท่องเที่ยวหนาแน่น (high season) ปลายปีนี้ เรื่องที่ 2 แก้ปัญหาราคาตั๋วโดยสารเครื่องบินระหว่างประเทศหลังสถานการณ์โควิด-19 แต่ราคาตั๋วยังคงสูงกว่าสถานการณ์ปกติทั่วไป

 

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ นายกสมาคมสายการบินแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอในที่ประชุมกับนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี ถึงความต้องการของสมาชิกทั้ง 8 สายการบินของไทย ได้แก่ บางกอกแอร์เวย์ส การบินไทย  ไทยสมายล์ ไทยแอร์เอเชีย ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ นกแอร์ ไทยไลอ้อนแอร์ และไทยเวียตเจ็ท ก็ต้องการเสนอให้รัฐบาลใหม่ช่วยปลดล็อกปัญหาหลักของเอกชนเช่นกันเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและขีดความสามารถแข่งขันกับสายการบินนานาชาติอื่น ๆ ได้ เบื้องต้น 3 เรื่อง ได้แก่

 

เรื่องที่ 1 ขอให้กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ชะลอหรือลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน (excise tax) เครื่องบินไอพ่นลง จะได้ช่วยลดต้นทุนการบินลงได้ จากปัจจุบันกลับมาเก็บสูงถึง 4.726 บาทต่อลิตร ซึ่งเพิ่มขึ้นจากมาตรการก่อนหน้านี้เคยช่วยเหลือเรียกเก็บเพียง 0.20 บาทต่อลิตร

 

เรื่องที่ 2 การส่งเสริมอุตสาหกรรมการบินของไทยให้มีความแข็งแกร่งสามารถฟื้นฟูการท่องเที่ยวของประเทศไทยกลับมาเติบโตอย่างรวดเร็ว เกี่ยวกับขั้นตอนการนำเครื่องบินผู้โดยสารเข้า-ออก ตามสนามบินต่าง ๆ

 

เรื่องที่ 3 รัฐบาลควรเร่งเจรจาเพิ่มสิทธิการบินระหว่างประเทศในประเทศกลุ่มตลาดเป้าหมายสำคัญของไทย โดยเฉพาะการพิจารณาอนุมัติวีซ่านักท่องเที่ยวไทยกับนานาชาติให้คล่องตัวรวดเร็วเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

 

ทางด้าน นายกีระติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT/ทอท.” กล่าวรับนโยบายรัฐบาลใหม่โดยจะเร่งเดินหน้าบริหารจัดการความแออัดของผู้โดยสารทั้ง 2 สนามบินหลัก คือ สุวรรณภูมิกับดอนเมืองให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด โดยจะทำให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2566 ควบคู่กับการร่วมกับสายการบินเอกชนสมาชิกสมาคมสายการบินแห่งประเทศไทย ทำให้ขั้นตอนการนำเครื่องขึ้น-ลง และการจัดจราจรผู้โดยสารสนามบินคล่องตัวเพิ่มขึ้น

 

ข่าวที่สอง-บินไทยนำA320ใน4จุด“อาห์เมดาบัด/เกาสง/ปีนังกัลกัตตา”

 

              บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่าได้นำฝูงบินแอร์บัส A320 มาบินทดแทนไทยสมายล์ เริ่ม 1 กันยายน 2566 เป็นต้นไป ตามเส้นทางบินระหว่างประเทศระยะใกล้ เริ่มต้น 4 เมืองหลัก ได้แก่ อาห์เมดาบัด (อินเดีย) เกาสง (ไต้หวัน) ปีนัง  (มาเลเซีย) และกัลกัตตา (อินเดีย) จะเริ่มวันที่ 15 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป  

 

ผู้โดยสารที่ถือบัตรโดยสารของไทยสมายที่การบินไทยเข้าไปทำการบินแทนสามารถเดินทางได้ตามปกติ และหากต้องการเปลี่ยนแปลงการเดินทางก็เปลี่ยนหรือคืนบัตรโดยสารได้ที่ THAI Smile Call Center โทร. 1181 หรือ 0-2118-8888 ทุกวัน (06.00 - 21.00 น. พร้อมสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม รายละเอียดตารางบิน พร้อมสำรองที่นั่งและออกบัตรโดยสารได้ที่เว็บไซต์thaiairways.com สำนักงานขายการบินไทย หรือ THAI Contact Center โทร. 0-2356-1111 ทุกวัน (ตลอด 24 ชม.)

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai