เปิดใจ“ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์”ผู้ว่าการ ททท.ไฟแรงคนใหม่
นำทัพท่องเที่ยวไทยผนึกรัฐบาลเศรษฐาทำรายได้3ล้านล้าน
ลุยใช้5กองกำลังใหญ่+4MOVEดันไทยผงาดผู้นำเอเชีย3ฮับ
เสนอรัฐบาลหนุน4เรื่องรุกโร้ด&เทรดโชว์เพิ่มพันธกิจใหม่
แจกเป็นแจก!!ที่คิงเพาเวอร์รางน้ำช้อปจัดเต็มตลอดก.ย.66
สมาชิกคิงเพาเวอร์รับฟรีตั๋วหนังSF-Firsterรับแบบไม่มีขั้นต่ำ
คิงเพาเวอร์ลดต่อบิวตี้แบรนด์เซลช้อปทุกสาขาถึง17ก.ย.66
ททท.ชู“The LINK”ท่องเที่ยวมิติใหม่5ภาค15พื้นที่30เส้นทาง
บางจากปิดบิ๊กดีลชำระหุ้นเอสโซ่65.99%ขึ้นนำธุรกิจโรงกลั่น
TCEB-สนท.โร้ดโชว์OneBeltดึงไมซ์จีน/ลาว-เมียนมาเข้าไทย
ทัวร์Unseenอีสาน“วัดเทพพล/ผาหมอกมิวาย/ผาแดงกาฬสินธุ์”
ฟังด่วน!!5วิธีแก้อาการเจ็บคอที่ปลอดภัยลองทำดูได้ผลจริง
เศรษฐาถก8สายการบินAOTเพิ่มเที่ยวบิน-ลดค่าตั๋วไฮซีซัน
บินไทยนำA320ใน4จุด“อาห์เมดาบัด/เกาสง/ปีนังกัลกัตตา”
วันเสาร์ที่ 2 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #TCEB #บางจาก #ฐาปนีย์เกียรติไพบูลย์ #UnseenNewChaptersอีสาน
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...https://fb.watch/mOsRYkDW-9/
ช่วงที่ 1 เอ็กซ์คลูซีฟ “ฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คนใหม่ เดินทัพใหญ่ท่องเที่ยวไทยทำเงิน
3 ล้านล้านบาท
ติด 1 ใน 5 ของโลก
โหมภารกิจสร้าง 3 ฮับ
“อีเวนต์เฟสติวัล/เอนเตอร์เทนเมนท์-เฮลท์เวลเนส-กีฬาโลก” ลุยจัดกองกำลัง 5 ด้าน
“สื่อสาร-ตลาดในและต่างประเทศ-สินค้า-ดิจิทัล-บริหาร” รุกขาย Thailand All Year Round และ
365 วันมหัศจรรย์เมืองไทย
เร่งเครื่อง Reboot
&BounceBack ด้วย “The Link Local to Gobal +TAT STAR+STGs” ยึดกลยุทธ์
4 MOVE ติดเทอร์โบโร้ดโชว์
เทรดโชว์ ทั่วโลก ลั่นเพิ่มบทบาทใหม่ในเวทีประชุมนานาชาติ นำร่องสมัชชาการท่องเที่ยวโลก
ที่อุเบกิซสถาน
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) เปิดเผยว่า ทันทีที่เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ ททท.
ขึ้นเป็นผู้นำการท่องเที่ยวเข้ามาแลอุตสาหกรรมที่มีเสน่ห์และความหลากหลายที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ตั้งแต่ระดับชุมชนท้องถิ่นไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ของประเทศและนานาชาติ
จึงจะขอให้ความสำคัญกับทุกพันธกิจหลักเพื่อนำเข้ารายได้จากต่างประเทศและในประเทศ
ซึ่งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาลชุดใหม่ให้ความสำคัญการท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรเร่งด่วนสร้างเศรษฐกิจประเทศจึงได้เดินหน้าทำงานทันทีเพื่อนำท่องเที่ยวทำรายได้เข้าประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมายปี
2567 กว่า 3 ล้านล้านบาท โดยจะเร่งบริหารจัดการครอบคลุมทั้ง 5
ด้าน คือ
@คุมกองกำลังท่องเที่ยว 5 ด้าน
ด้านที่ 1 การสื่อสารการตลาด โฆษณา ประชาสัมพันธ์ ภาพลักษณ์สร้างความมั่นใจทุกมิติในการเดินทางของทั่วโลกเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทย โดยมุ่งบริหารจัดการดูแลป้องกันชื่อเสียงที่จะเกิดเชิงลบ เพราะหากปล่อยให้วิกฤตแล้วจะแก้ไขค่อนข้างยาก ตัวอย่างการส่งต่อในโซเชียลของนักท่องเที่ยวจีน
ด้านที่ 2 ตลาดทั้งในและต่างประเทศ จะชูจุดแข็งของไทยทำให้เป็นประเทศจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวได้ทุกวันตลอดทั้งปีหรือ Thailand All Year Round ไฮไลต์ของกุญแจสู่ความสำเร็จ โดยมี “ต้นทุน” ทางทรัพยากรธรรมชาติ บุคลากร ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากสามารถขายการท่องเที่ยวได้ตามเป้าหมาย เมื่อกระตุ้นตลาดในประเทศออกเดินทางก็จะเป็นแรงส่งดึงดูดทั่วโลกเข้ามาเที่ยวเพิ่มขึ้นด้วย จะใช้ยุทธศาสตร์ Reboot กับ Bounce back หรือเริ่มเดินเครื่องใหม่กับการฟื้นกลับคืนสู่ปกติ จะทำคู่ขนานกันไป แตกต่างจากอดีตจะเดินเครื่องใหม่ด้วยตลาดในประเทศเพื่อดึงตลาดต่างประเทศเข้ามาเพิ่ม โดยเน้นให้ความสำคัญเบื้องต้นกับ 3 เรื่องใหญ่ ประกอบด้วย
เรื่องที่ 1 ปลดล็อกการเดินทางตลาดต่างประเทศ เช่น การทำวีซ่า เพื่อกระตุ้นตลาดสำคัญ ให้สอดคล้องกับนโยบายหลักของรัฐบาล ททท.จะเร่งสนับสนุนเรื่องข้อมูลต่าง ๆ
เรื่องที่ 2 ใช้พลังไทยแลนด์ ซอฟท์ เพาเวอร์ เป็นจุดขายด้วยคอนเซ็ปต์โครงการ The Link สร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวท้องถิ่นหรือ Local Experience ด้วยนวัตกรรมที่ได้รักษาความสัมพันธ์กับพันธมิตรกับเครือข่ายทุกกลุ่มในชุมชนไว้แล้วนำมาเป็นองคาพยพหลักโปรโมทในปีงบประมาณ 2567 จะเริ่ม 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป
เรื่องที่ 3 เข้าไปช่วยผลักดันการปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อทำให้การเพิ่มขีดความสามารถทางแข่งขันของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเมืองไทยได้อย่างเต็มที่
ด้านที่
3 สินค้าการท่องเที่ยว
จะเน้นออกแบบและจับมือทำงานกันพันธมิตรสร้างบริการมิติใหม่เพื่อขายได้โดยตอบโจทย์การท่องเที่ยวเมืองไทยได้ทั้ง
365 วัน
และตลอดทั้งปี รวมทั้งจะยกระดับไทยเป็นประเทศศูนย์กลาง (Hub) ทั้ง 3 ด้าน
ได้แก่ อีเวนต์เอนเตอร์เทนเมนท์ กับท่องเที่ยวเชิงกีฬาของภูมิภาคเอเชีย
และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์รวมหรือHealth and Wellness เของโลก โดยเตรียมความพร้อมในห่วงโซ่อุปทาน (Shape
Supply)
ทั้งเกี่ยวและไม่เกี่ยวข้อง เช่น การสร้างเส้นทางการเข้าถึงอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะสินค้าการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
Health and Wellness ททท.ต้องขอบคุณรัฐบาลพลเอกประยุทธ์
จันทร์โอชา ได้ทำนโยบายโครงสร้างพื้นฐานชุมชนไว้เป็นอย่างดี จึงทำให้
ททท.สามารถทำแผนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable) ให้เห็นจริงเป็นรูปธรรม และได้ทำโครงการ STAR
:Sustainable Tourism Acceleration Rating มอบมาตรฐานดาววัดระดับ
ประเมินศักยภาพผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวในไทยให้พร้อมสู่การพัฒนาและเปลี่ยนแปลงนำไปสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนด้ยหลักเกณฑ์
SDGs :Sustainable Development Goals ของ UNWTO
ทั้ง 17 ข้อ ผสานเข้ากับมาตรฐานใหม่ที่ ททท.จัดทำขึ้นคือ STGs
:Sustainable Tourism Goals มีเกณฑ์ 17
ข้อเหมือนกัน
ภายในปี
2568 ททท.คาดหวังจะมีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเมืองไทยได้รับดาวมาตรฐาน
STAR ได้มากถึง 85
% ของทั้งหมด มีตั้งแต่ 3-4-5 ดาว แล้ว
ททท.จะเข้าไปช่วยต่อยอดพัฒนาสินค้าท่องเที่ยวให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ด้านที่ 3 การบริหาร ททท.ต้องให้ความสำคัญกับ 4 เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ 1 การปลุกกระแสใหม่เรื่องกรอบความคิดหรือทัศนคติทางจิตใจ (mindset) เรื่องที่ 2 สร้างรูปแบบปฏิบัติ (performance) คู่ขนานไปกับพันธมิตรทั้งในและนอกห่วงโซ่การท่องเที่ยว โดยนำดิจิทัลเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพ เรื่องที่ 3 ให้ความสำคัญกับการเชื่อมต่อกันในมิติต่าง ๆ ทั้งกับพันธมิตร และตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวตลาดกลุ่มใหม่ เช่น กลุ่ม Sub-Culture หรือวัฒนธรรมย่อย ซึ่งจะลงลึกถึง DNA ความต้องการของนักท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องจับทางให้ได้ว่านักท่องเที่ยวต้องการอะไรบ้าง เรื่องที่ 4 สร้างทัศนคติในกลุ่มผู้ประกอบการจะต้องหันมาร่วมให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
พร้อมกับทำให้ ททท.เป็นองค์กรผู้นำความยั่งยืน พร้อมกับทำให้เกิด TAT AI คือการใช้ข้อมูลกับประสบการณ์ เพราะ AI คือการประมวลข้อมูลผสมผสานเข้ากับประสบการณ์ของ ททท.สั่งสมมากว่า 60 ปี ซึ่งจะทำให้เกิดความท้าทายเห็นนโยบายอย่างชัดเจน
ด้านที่ 4 ดิจิทัล
ทุกองคาพยพต้องมุ่งสู่ดิจิทัลนั่นคือความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง
(digital disruption)
ดังนั้นจึงต้องผสมผสานให้ได้ระหว่างโลกจริงกับเสมือนจริง โดยใช้ Online กับ offline มาขับเคลื่อนก็จะทำให้การท่องเที่ยวก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
นางสาวฐาปนีย์กล่าวว่า
ต้องขอบคุณรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สามารถนำนโยบายต่าง ๆ
มาฟันฝ่าอุปสรรคซึ่งเป็นวิกฤตที่โลกไม่เคยเจอมาก่อนอย่างการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทำให้เห็นว่าประเทศไทยสามารถก้าวข้ามวิกฤตดังกล่าวมาได้ โดย ททท.เองก็นำการท่องเที่ยวประสานการทำงานเข้ากับนโยบายของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา
รวมทั้งปัจจุบันกำลังทำงานกับรัฐบาลใหม่ของคุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
ก็ต้องขอขอบคุณด้วยเช่นกันที่เริ่มต้นสร้างความเข้มแข็งกับผู้ประกอบการแล้วใช้นโยบายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วน
“ในฐานะผู้ว่าการคนใหม่ พร้อมจะใช้ยุทธศาสตร์แผนวิสาหกิจ ททท.ยึดโยงกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีหน้า และแผนของสำนักงานคณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ระหว่างปี 2566-2570 แล้วจะนำไปผสมผสานกับนโยบายรัฐบาลใหม่เพื่อทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ตามเป้าหมายหรืออาจจะทำให้ได้มากกว่า ตามแผนของ ททท.ปี 2567 จะต้องได้โดยนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 25-28 ล้านคน”
@เดินทัพ4
MOVE :Marketing&More/Operation/Vacation/ Effectiveness
นางสาวฐาปนีย์กล่าวว่า
เตรียมสานต่อกลยุทธ์ MOVE ของ
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร อดีตผู้ว่าการ โดยขอขอบคุณที่ดูแล ททท.เป็นอย่างดีมา 8
ปี ด้วยการวางฐาน 1.M คือ Marketing and More การช่วยเหลือผู้ประกอบการทางด้านการทำตลาด
เป็นสิ่งที่จะเพิ่มเติมเข้าไป 2.O -Operation Excellence การเป็นองค์กรที่ดีเลิศ
จะต้องบริหารความสัมพันธ์กับทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วน ทั้งภายในและภายนอก
พร้อมกับปรับทัศนคติกรอบแนวคิดไปสู่ผู้นำอุตสาหกรรมความเป็นเลิศทางการตลาดด้วย
3.V คือ Vacation ททท.จะสานสัมพันธ์กับพันธมิตรเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวแบบ
360 องศา
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในและต่างประเทศทั่วโลก ซึ่งอนาคตต่อไป
“บริษัทตัวแทนนำเที่ยว /Tour Operator”
อาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการท่องเที่ยวอีกต่อไป ขณะนี้ ททท.สำนักงานต่างประเทศ 29 แห่ง ต้องหันไปจับมือกับหน่วยงานอื่น ๆ บูรณาการทำงานเพิ่มขึ้น
เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกเลือกเดินทางเข้ามาไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
4.E คือ Effectiveness หรือประสิทธิภาพการทำงาน ททท.เตรียมตั้งทีมรับมือวิกฤตเป็นทีมม้าเร็ว เนื่องจากมีปัจจัยของโลกเกิดขึ้นนอกเหนือความคาดคิด อย่างเรื่อง วิกฤตออนไลน์ โลกร้อน ภัยพิบัติทางธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้ จำเป็นจะต้องมีองคาพยพในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเข้ามาช่วยกันทำงาน
ผู้ว่าฯ
ฐาปนีย์ กล่าวว่าจะเลือกใช้บริบทของ MOVE ตามจังหวะและเหตุการณ์ต่าง ๆ มุ่งสู่ 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ ประเด็นที่ 1 ขณะกระแส Generative Tourism การฟื้นสร้างท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ประเด็นที่ 2
สร้างองค์ประกอบต่าง ๆ
รับมือดิจิทัลที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงใหม่จะต้องเป็นหนึ่งในยาวิเศษทำให้ท่องเที่ยวเติบโตได้
ประเด็นที่ 3 การนำเสนอ Sub
Culture พุ่งเป้าเจาะไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพอย่างมีประสิทธิภาพ
@ลุยต่อRoadshow+TradeShow ทั่วโลก
รวมทั้งยังมีแผนทำโร้ดโชว์ เทรดโชว์ นำผู้ประกอบธุรกิจไทยเข้าร่วมงานระดับโลกและตลาดนานาชาติด้วยไฮไลต์ 3 เรื่อง ได้แก่
เรื่องที่ 1 จัดทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ด้วยรูปแบบ Themetic
ผ่านสื่อทุกช่องทาง และใช้ Influencer
นำเสนอแนวคิดโดยมุ่งปักธงทำอย่างจริงจัง
เรื่องที่ 2 นำเสนอ TAT STAR มาตรฐานผู้ประกอบการท่องเที่ยวยั่งยืน 3-4-5
ดาว โดยใช้คำว่า Meaningful
Relationship หรือความสัมพันธ์อย่างมีคุณค่าและมีความหมาย
นำเสนอภาพการท่องเที่ยวมุมมองใหม่ ศิลปะวัฒนธรรม มิตรไมตรี
นำส่งประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีคุณค่าขีดเส้นใต้ความเป็น Meaningful Travel
ส่งต่อไปยัง Meaningful
Relationship
ให้กับตลาดนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มเป้าหมายในสนใจวัฒนธรรมย่อยหรือ Sub-Culture ซึ่งกำลังมาแรง
เรื่องที่ 3 การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ให้ความสำคัญอันดับต้น ๆ
คำนึงถึงการท่องเที่ยวต้องปกป้องดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการ STGs กับ Meaningful Travel เข้าด้วยกัน
เป็นการทำงานเชิงรุกเห็นผลประจักษ์อย่างแท้จริง
ททท.นำเอกชนไทยเข้าร่วมอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องมายาวนาน
ก็มี โครงการที่ 1 งานเทรดโชว์ระดับโลก
WTM :World Travel Mart ที่ลอนดอน
สหราชอาณาจักร จัดเดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็นทั้งการขายระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ
และกับนักท่องเที่ยวหรือผู้บริโภคทั่วไป งาน ITB Berlin กรุงเบอร์ลิน เยอรมัน
จัดทุกต้นเดือนมีนาคมของทุกปี และงานเทรดโชว์แถบเอเชีย ได้แก่ ITB ASIA ที่สิงคโปร์ งาน SATTE :South Asia Travel
and Tourism Exchange ในอินเดีย
โครงการที่ 2 จับมือกับทีมไทยแลนด์ สถานฑูตไทย ในแต่ละประเทศ จัดทำโชว์เคสต์การท่องเที่ยว นำคอนเซ็ปต์ The
Link Local to Global คัดเลือกพื้นที่ท่องเที่ยวในประเทศที่สอดคล้องกับตลาดต่างประเทศ
โครงการที่ 3 จะเข้าการประชุมสำคัญระดับนานาชาติ เป็นไฮไลต์ที่ ททท.จะทำเพิ่มในปี 2567 เช่น การประชุมสมัชชาการท่องเที่ยวโลก
ที่อุเบกิซสถาน เดือนพฤศจิกายน 2566
ททท.จะเป็นส่วนหนึ่งจะขับเคลื่อนการท่องเที่ยวได้มากขึ้น หรืองานประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน
จะเน้นมิติการขายท่องเที่ยวเชื่อมโยงอาเซียนซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ใหญ่ของ ททท.ในปีต่อไป
นางสาวฐาปนีย์
กล่าวว่า ททท.พร้อมจะเดินหน้าตามนโยบายรัฐบาบใหม่
โดยการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนขับเคลื่อนการท่องเที่ยวต่อเนื่องในทุกมิติ ตามที่คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
นำเสนอการตั้งเป้ารายได้ท่องเที่ยวปี 2567 ให้ถึง
3 ล้านล้านบาท
ซึ่ง ททท.ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไว้ 35 ล้านคน
หรือโครงการผลักดันไทยเป็นประเทศศูนย์กลางเป็นฮับเอนเตอร์เทนเมนท์แห่งเอเชีย
และเฟสติวัลของโลก โดยใช้ตัวจุดกระแสซอฟท์ เพาเวอร์
ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากระดับท้องถิ่น ผู้ว่าราชการจังหวัดคือ Festival
& Thailand Experience เป็นอย่างดี
@ขอรัฐบาลใหม่หนุน4เรื่องนำไทยผงาดขึ้นผู้นำ 3 HUB
ซึ่ง ททท.จะขอรัฐบาลใหม่สนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพิ่มรายได้ในระบบเศรษฐกิจ 4 เรื่อง ได้แก่
เรื่องที่ 1 ช่วยสนับสนุนพิจารณาเรื่องการเพิ่มสิทธิประโยชน์พิเศษกับผู้นำงานกิจกรรมระดับโลกเข้ามาจัดในเมืองไทย
เรื่องที่ 2 นโยบายสร้างประสบการณ์นวัตกรรมทางวัฒนธรรม เอื้อต่อการส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองไทย 365 วัน ล่าสุดได้นำร่องจัด “นวัตวัฒนธรรม” ใช้วัฒนธรรมเชิงสร้างสรรในมิติต่าง ๆ
เรื่องที่ 3 การเป็นศูนย์กลางการเดินทาง หรือ Transport Regional Hub โดยเฉพาะสนามบิน ททท.ร่วมมือมาตลอดในการเจรจาเชิญชวนการบินนานาชาติมาใช้ไทยเป็นจุดเชื่อมต่อเที่ยวบิน รวมถึงการพัฒนาระบบขั้นตอนตรวจเอกสารการเดินทางเข้าออกเมืองให้ง่ายสะดวก ลดอุปสรรคต่าง ๆ ลง เพื่อทำรายได้ท่องเที่ยวให้มากที่สุด
เรื่องที่ 4 การท่องเที่ยวด้านสุขภาพและท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ ททท.สามารถทำงานร่วมกับหลายกระทรวงโดยตรงและโดยอ้อม จึงน่าจะทำให้ไทยเป็นมหานครการท่องเที่ยวยั่งยืนและสุขภาพได้แน่นอน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 แจกเป็นแจก!!ที่คิงเพาเวอร์รางน้ำช้อปจัดเต็มตลอดก.ย.66
แจกเป็นแจก!
คิง เพาเวอร์ ชวนช้อปจัดเต็มทั้งเดือนกันยายน 2566 ที่ คิง เพาเวอร์
รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2566
•แจก! ที่ 1 ส่วนลดสูงสุด 20% สมาชิก คิง เพาเวอร์
•แจก! ที่ 2
Gift Voucher สูงสุด 1,000 บาท
เมื่อช้อปครบตามโปรโมชั่นและเงื่อนไขที่ระบุไว้
•แจก! ที่ 3 ทริปเกาหลี สุดเอกซ์คลูซิฟ แจกไปเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อ 31 สิงหาคม 2566
รวมทั้งสมัครแล้วแจก!
ที่ 4 พิเศษกว่าผู้ที่ยังไม่เป็นสมาชิก
1.เมื่อสมัครสมาชิก SCARLET
>แจก คูปองพิเศษ 500 บาท+ แจกส่วนลดทุกการช้อป 10%+แจกฟรี 50 กะรัต
2.สมัครสมาชิก NAVY แจกส่วนลดทุกการช้อป 5% + แจกฟรี 50 กะรัต
ข่าวที่ 2 สมาชิกคิงเพาเวอร์รับฟรีตั๋วหนังSF-Firsterรับแบบไม่มีขั้นต่ำ
สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิก คิง เพาเวอร์ NAVY, SCARLET, ONYX, CROWN และ
VEGA แลกเพียง
200 กะรัต
รับฟรี! บัตรชมภาพยนตร์ มูลค่า 260
บาท จำนวน 1 ที่นั่งที่โรงภาพยนตร์ในเครือ SF
รับสิทธิ์ได้ 2
ช่องทาง ช่องทาง
LINE Official Account : @KINGPOWER หรือคลิก https://bit.ly/43fcKX5
และช่องทาง Website :
member.kingpower.com ตั้งแต่วันนี้
– 14 กรกฎาคม 2567
ส่วนสายช้อปบิวตี้ไอเทมและไลฟ์สไตล์
ห้ามพลาด! FIRSTER ให้คุ้ม
ฟิน ในที่เดียว ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม
2566
ได้ทั้ง 1.แลก 30 กะรัต เพื่อรับคูปองส่วนลด 300
บาท 2.รับส่วนลดตามสถานะสมาชิกสูงสุด 20% ไม่มียอดขั้นต่ำ
ในการช้อป 3.รับส่วนลดทุกการช้อป 10% ไม่มียอดขั้นต่ำในการช้อป
กดรับสิทธิ์ง่าย ๆ
ผ่าน LINE Official
Account คลิก
: https://lin.ee/QxLtQ1b เมื่อสมัครสมาชิกคิง เพาเวอร์แล้ว
อย่าลืมผูกบัญชีสมาชิกบน LINE
ด้วย
ข่าวที่
3 คิงเพาเวอร์ลดต่อบิวตี้แบรนด์เซลทุกสาขาถึง17ก.ย.66
คิง
เพาเวอร์ ลดต่อ ช้อปไม่ต้องยั้ง! มหกรรม “บิวตี้แบรนด์เซล” วันนี้ – 17 กันยายน 2566 ที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา (ยกเว้นท่าอากาศยานหาดใหญ่) 1.ช้อปครบ 10,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ ลดสูงสุด 20%
2.ช้อปครบ 15,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ
ลดสูงสุด 30%
ลดต่อ ช้อปไม่ต้องยั้ง!
มหกรรมบิวตี้แบรนด์เซล โปรดีลพิเศษสุด
ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง สายบิวตี้
ตัวพ่อตัวแม่ต้องมี ช้อปก่อนเริ่ดก่อน!
1.ลดสูงสุด 20%
เมื่อช้อปครบ 10,000 บาท เพียงกดรหัสส่วนลด PAPC20
2.ลดสูงสุด 30% เมื่อช้อปครบ
15,000 บาท รหัสส่วนลด PAPC30
สินค้า Duty Free สุดฮอต มีไฟลต์บินแล้วรีบเลย!
รับสินค้าที่สนามบิน ช้อปได้ทั้งขาเข้าและขาออก แล้วเลือกแบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 11,000 บาท รับเลย! ส่วนลด 200 บาทเมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ และรับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท(สุทธิ)
ข่าวที่ 4 ททท.ชู“The LINK”ท่องเที่ยวมิติใหม่5ภาค15พื้นที่30เส้นทาง
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.พร้อมนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง Happy Link : Thailand’s Dream Destinations เพิ่มประสบการณ์ความสุขภายใต้ โครงการ The LINK Local to Global” วางกลยุทธ์ส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศออกเดินทางข้ามภูมิภาค เน้นสร้างภาพลักษณ์เพิ่มจุดขายแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพด้วยการนำเสนอสินค้าและบริการมุมมองใหม่ ทำให้เกิดการเพิ่มครอบคลุมทั้ง 3 ส่วน
ทั้งการเพิ่มรายได้ เพิ่มความถี่ในการเดินทาง เพิ่มอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (OR-Occupacy
Rate)
แล้วการกระจายเม็ดเงินเข้าถึงชุมชนท้องถิ่นอย่างทั่วถึงในแต่ละภาคตลอดโครงการ
ททท.ได้นำเสนอการท่องเที่ยวในโครงการ
The Link Local
to Global ครอบคลุมทั้ง 5 ภูมิภาค รวม 15
พื้นที่เชื่อมโยง 30 เส้นทาง ผลักดันให้เกิดรายได้สู่เศรษฐกิจ
สังคม และชุมชน ตลอดจนห่วงโซ่อุปทานในแต่ละเส้นทาง ขับเคลื่อนเป็น 1 ในหมุดหมายใหม่สร้างคุณค่าและประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยวให้คนไทยและต่างชาติ
นำสู่เป้าหมายอนาคตที่จะก้าวขึ้นเป็น 1 ในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลกต่อไป
ททท.ได้ทำโครงการ
The LINK Local
to Global ครั้งนี้ โดยได้รับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ เอกชน
เจ้าของพื้นที่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จับมือกันออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวพื้นที่เชื่อมโยง
ปลุกกระแสนักท่องเที่ยวเดินทางกระจายตัวข้ามภาคต่าง ๆ ของไทย ควบคู่กับการยกระดับภาพลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพด้วยการคัดสรรสินค้าและบริการท่องเที่ยวในมุมใหม่ที่ได้พัฒนาและยกระดับทำร่วมกัน
นางสาวฐาปนีย์
กล่าวว่า ตลอดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในโครงการนี้ ได้นำเรื่องราว
วิถีชีวิต วัฒนธรรม เชื่อมโยงพื้นที่ในมิติต่าง ๆ เกี่ยวข้องกับ การคมนาคม สังคม
ประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตและชุมชน พัฒนาตลาดควบคู่กับการสร้างผู้ประกอบการท่องเที่ยวท้องถิ่นแต่ละพื้นที่ให้เกิดความเข้มแข็ง
แล้วยังสามารถกระแสการเดินทางท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนได้ตลอดทั้งปี โดยมีตัวอย่างการจับคู่ของ
ททท. 4 ภูมิภาค 8 จังหวัด ดังนี้
ททท.ภูมิภาค
“ภาคเหนือจับคู่กับภาคกลาง” นำเสนอ 2 เส้นทางเชื่อมโยง ได้แก่
เส้นทางที่ 1
: จังหวัดแพร่กับประจวบคีรีขันธ์ นำเสนอเรื่องราวแฟชั่นงานผ้า Craft
& Kram ผ้าหม้อห้อม ซึ่งเป็นสินค้า GI ของจังหวัด
เชื่อมโยงกับ “ผ้าพิมพ์ลายพื้นเมืองโขมพัสตร์”
ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
เส้นทางที่ 2 : เชียงใหม่กับเพชรบุรี
ผ่านการเชื่อมโยงเรื่องราวเส้นทางท่องเที่ยว The Royal Route “เที่ยวพริบพรีภิรมย์” ชิมขนม ชมวัง ฟังเสียงคลื่น กับ
กิจกรรมล่องเรือชมแม่น้ำปิง “ภิรมย์นาวา”พร้อมจิบชายามบ่ายหรือ afternoon tea
ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออก
จับคู่กับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1
เส้นทางเชื่อมโยง ได้แก่
เส้นทางที่ 1 : จันทบุรีกับอุบลราชธานี
ผ่านการเชื่อมโยงเรื่องราวเส้นทางอาหาร เมนูสมุนไพรประจําถิ่น
ที่มีชื่อเสียงประจําจังหวัดจันทบุรี เช่น การนำกระวานมาเป็นวัตถุดิบปรุงอาหาร รวมถึงเชื่อมโยงเข้ากับอาหารถิ่นอุบลราชธานีที่ได้รับสัญลักษณ์
‘บิบ กูร์มองด์’ จากมิชลินไกด์ ปี 2566 สามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดี
ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จับคู่กับภาคใต้ 1 เส้นทางเชื่อมโยง ได้แก่
เส้นทางที่ :
นครพนมกับนครศรีธรรมราช ผ่านการเชื่อมโยงด้วยความศรัทธา ความเชื่อ
แสดงออกถึงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมงานประเพณีบวงสรวงองค์พญาศรีสัตตนาคราช นครพนม กับงานประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุยามค่ำคืน
นครศรีธรรมราช ซึ่งทั้งสองเป็นงานประเพณีที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวจำนวนมากทุกปี
ขณะเดียวกัน ททท.ได้จัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมเส้นทางท่องเที่ยว
15 พื้นที่เชื่อมโยง รวมทั้งหมด 30 เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้าไปชมและเลือกเดินทางได้จากเว็บไซต์
www.tourismthailand.org
ข่าวที่
5 บางจากปิดบิ๊กดีลชำระหุ้นเอสโซ่65.99%ขึ้นนำธุรกิจโรงกลั่น
นายชัยวัฒน์
โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บมจ.บางจาก ดำเนินการชำระราคาซื้อขายหุ้นสามัญของ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด
(มหาชน) (เอสโซ่) 2,283,750,000 หุ้น หรือคิดเป็น 65.99 % ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ
บริษัทเอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เสร็จสิ้นในราคา 9.8986 บาทต่อหุ้น พร้อมทั้งจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของเอสโซ่
(ประเทศไทย) อีก 34.01 % ตามกำหนดระยะเวลาทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่
8 กันยายน -12 ตุลาคม 2566
ทาง
บมจ.บางจากมั่นใจการธุรกรรมครั้งนี้จะสามารถสร้าง synergy จากศักยภาพที่เกื้อหนุนกัน
รวมทั้งได้ช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน
ทำให้ประชาชนคนไทยเข้าถึงแหล่งพลังงานได้ดีขึ้น และยังช่วยให้มีกำไร (EBITDA)
เพิ่มขึ้นในประเทศอีกปีละนับพันล้านบาทด้วย
นายชัยวัฒน์
กล่าวว่าการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) นับเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญในอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศและบริษัทฯ
สอดคล้องกับกลยุทธ์การขยายธุรกิจ
เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน เสริมสร้างจุดยืนอันแข็งแกร่งด้านธุรกิจพลังงานระดับประเทศและภูมิภาค
โดยจะเข้าดำเนินการโรงกลั่นน้ำมันขนาดกำลังการกลั่น 174,000
บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมันและสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศได้ทันทีกว่า 800 แห่ง
โดยกลุ่มบริษัทบางจาก
จะมีกำลังการกลั่นน้ำมันสูงสุดในประเทศรวมเกือบ 300,000 บาร์เรลต่อวันจากโรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานระดับโลก
2 แห่ง คือ โรงกลั่นบางจาก พระโขนงและโรงกลั่นบางจาก
ศรีราชา สามารถทำธุรกิจได้ครบวงจรมากขึ้น โดยได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีการกลั่นเสริมกันของโรงกลั่นทั้งสองแห่ง
ซึ่งจะเพิ่มความหลากหลายการจัดหาน้ำมันดิบ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดหาและขนส่งน้ำมันดิบร่วมกัน
เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดและปรับปรุงประสิทธิภาพการกลั่น
รวมถึงสามารถใช้ประโยชน์จากแผนบำรุงรักษาโรงกลั่นร่วมกัน
ขณะที่การบริการด้านการตลาดจะครอบคลุมและนำเสนอให้ลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นผ่านเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศรวมแล้วกว่า
2,200 แห่ง เป็นเครือข่ายเอสโซ่ ผลิตภัณฑ์และน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน
จะเข้ามาเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์บางจาก สร้างโอกาสการพัฒนาสถานีบริการให้สอดคล้องกัน
ส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงมากขึ้น ไม่เพียงส่งผลดีต่อธุรกิจของบางจากฯ
เท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อภาพรวมของธุรกิจพลังงานในไทยด้วย
ทั้งนี้สถานีบริการของเอสโซ่จะเริ่มทยอยเปลี่ยนป้ายเป็นสถานีบริการบางจากภายใน
2 ปี
โดยจำหน่ายในสถานีบริการเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันคุณภาพสูงจากโรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานระดับโลกทั้ง
2 แห่ง ของกลุ่มบริษัทบางจาก
น้ำมันทุกชนิดเป็นผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและได้ควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานของกรมธุรกิจพลังงาน
รวมทั้งน้ำมันเกรดพรีเมียมของบางจากทั้งแก๊สโซฮอล์และดีเซล ยังได้มาตรฐานยูโร 5
และมีค่าออกเทนและซีเทนสูงกว่าค่ามาตรฐานของกรมธุรกิจพลังงาน
ส่วนสมาชิกบัตรเอสโซ่สไมลส์ยังสามารถสะสมคะแนนและแลกคะแนนได้ภายใต้บัตรเดิมอีก
1 ปี จากวันนี้ไปจนถึง 31 สิงหาคม 2567 หรือโอนคะแนนสะสมมาเป็นสมาชิกบางจากกรีนไมลส์ ภายใน 30 พฤศจิกายน 2566 โดยจะได้โบนัสพิเศษเพิ่ม 100 คะแนน ซึ่งสมาชิกกรีนไมลส์ เปิดให้นำคะแนนสะสมจากการเติมน้ำมันและซื้อสินค้าในเครือบางจากฯ
มาใช้เป็นส่วนลดหรือทำประโยชน์อื่น ๆ ตามไลฟ์สไตล์ของตนแล้ว
ยังสามารถรับส่วนต่างราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นคืนเป็นคะแนนพิเศษเพิ่มเมื่อเติมน้ำมันในวันแรกที่ปรับขึ้นราคา
และยังร่วมบริจาคเงินจากการสะสมคะแนนให้กับองค์กรสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่บางจากฯ
ดำเนินมาต่อเนื่องเป็นปีที่ 18
เพื่อร่วมกันช่วยทำให้สังคมไทยน่าอยู่อย่างยั่งยืนด้วย
นายชัยวัฒน์กล่าวตอนท้ายว่า
วันนี้มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับพนักงาน
ผู้ประกอบการและลูกค้ารายใหม่จากเอสโซ่สู่ครอบครัวบางจาก การรวมทีมงานคุณภาพของสองบริษัทจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความสามารถดำเนินการตามแผนขยายธุรกิจให้เติบโตได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
เปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ “Greenovative
Experience” ผ่านช่องทางบริการการขยายเพิ่มขึ้นกว่าเดิมผสานสองพลังที่ยิ่งใหญ่
Together To Greater เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ที่ดีที่สุดสู่ลูกค้า
ไม่เพียงส่งผลดีต่อธุรกิจของกลุ่มบริษัทบางจากและต่อภาพรวมด้านพลังงานของประเทศด้วย
ข่าวที่ 6 TCEB-สนท.โร้ดโชว์OneBeltดึงไมซ์“จีน/ลาว-เมียนมา”เข้าไทย
นางศุภวรรณ
ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ทีเส็บจับมือกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ
(สทน.) จัดกิจกรรม ONE BELT ONE ROAD MICE ROAD SHOW 2023 ส่งเสริมตลาดการขายอุตสาหกรรมไมซ์
(MICE) ครอบคลุมทั้งการประชุมสัมมนา
จัดการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (MI :Meeting) จัดงานแสดงสินค้า (Exhibition) และจัดประชุมนานาชาติ (Convention) โดยได้เชิญตัวแทนผู้ซื้อกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและไมซ์ที่มีศักยภาพจาก3
ประเทศ ได้แก่ สปป.ลาว สาธารณรัฐประชาชนจีน และเมียนมา รวม 20 ราย ซึ่งสนใจทำตลาดไมซ์ในพื้นที่เชื่อมโยงเส้นทางสายไหมสายใหม่ทางถนน R3A
ต่อยอดการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง
เริ่มต้นจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าสู่ประเทศไทย สร้างประสบการณ์ไมซ์ภาคเหนือของไทยจากเชียงราย
พิษณุโลก มาจนถึงกรุงเทพมหานคร
โดยมีตัวแทนผู้ประกอบการไมซ์ของไทยในฐานะผู้ขายร่วมกิจกรรมสร้างเครือข่ายและเจรจาจับคู่ทางธุรกิจกับตัวแทนผู้ซื้อจากทั้ง
3 ประเทศ จีน สปป.ลาว
และเมียนมา ร่วมมือและแลกเปลี่ยนการค้าอุตสาหกรรมไมซ์ระหว่างกันในกิจกรรม ONE BELT ONE ROAD MICE ROADSHOW ภายใต้แนวคิด 1 Marketing 3 destination หรือ 1
ตลาด 3 เส้นทาง ตามที่รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนมีนโยบายสนับสนุนการเชื่อมโยงจีนตอนใต้เข้ากับประเทศในกลุ่มอาเซียน
โดยเฉพาะทางภาคเหนือของไทยต่อเนื่องเข้าถึงใจกลางกรุงเทพฯ
นางศุภวรรณกล่าวว่า
ในการจัดงานครั้งนี้ทีเส็บประสบความสำเร็จโดยทุกแห่งได้ทำสำรวจพื้นที่ (SITE INSPECTION) พร้อมกับจับคู่ธุรกิจร่วมด้วย ซึ่งผลตอบรับทางธุรกิจระหว่างตัวแทนผู้ซื้อกลุ่มผู้ประกอบการไมซ์ของไทย กับคู่ค้าบริษัทตัวแทนผู้ซื้อทั้ง
3 ประเทศ คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน สปป.ลาว และเมียนม่า ชื่นชมโครงการนี้ซึ่งสามารถสร้างเครือข่ายทางธุรกิจการค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมไมซ์ระหว่างกันได้มากขึ้น
ช่วงที่ 2 เที่ยว Unseen อีสาน ปักหมุดได้เลย
“วัดเทพพลประดิษฐาราม” สไตล์ล้านช้าง จ.หนองคาย “ผาหมอกมิวาย” จ.ร้อยเอ็ด และ
“ผาแดง” กาฬสินธุ์ แล้วฟัง “5วิธีแก้อาการเจ็บคอได้ดี” กับข่าวฮ็อต ๆ ข่าวแรก “นายกฯเศรษฐาถก8แอร์ไลน์ส” เพิ่มเที่ยวบินลดค่าตั๋วไฮซีซัน ข่าวที่สอง “การบินไทย”
นำแอร์บัส A320บินแทนไทยสมายล์ในต่างประเทศ 4 เมือง เริ่ม ก.ย.66 เป็นต้นไป
ท่องเที่ยว
–ทัวร์Unseenอีสาน“วัดเทพพล/ผาหมอกมิวาย/ผาแดงกาฬสินธุ์”
ได้เวลาออกเที่ยวกันอีกแล้ว
เล็งพื้นที่ใหม่ ๆ ใน Unseen
New Chapters อีสาน 3 พิกัด “วัดเทพพลอารยธรรมล้านช้าง” หนองคาย
“ผาหมอกมิวาย” ร้อยเอ็ด และ “ผาแดง” ผาแห่งถิ่นไดโนเสาร์ กาฬสินธุ์
พิกัดที่ 1 วัดเทพพลประดิษฐาราม อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย
อันซีน…แสงส่องธรรม…สถาปัตยกรรมแห่งล้านช้าง
วัดเทพพลประดิษฐาราม เป็นวัดเก่าแก่ประจำบ้านเวียงคุก
ซึ่งบริเวณนี้ในอดีตเคยเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก
จึงมีร่องรอยของพุทธศิลป์ที่งดงามคงเหลืออยู่
เป็นโบราณสถานและโบราณวัตถุสมัยวัฒนธรรมล้านช้าง อาทิ พระธาตุเจดีย์คู่และเสมาหิน
รวมทั้งมีอีกหนึ่งอันซีนของวัดที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลา
14.30 – 16.30 น. ภายในวิหาร ณ
วินาทีที่ลำแสงส่องลงมาจากหลังคาวิหารด้านทิศตะวันตก ไปตกกระทบที่องค์พระประธาน
“หลวงพ่อใหญ่” ก่อเกิดเป็นภาพลำแสงแห่งธรรมที่ดูงดงามน่าเลื่อมใส
ถือเป็นวัดที่มีศิลปะล้านช้างผสมล้านนา และมีการออกแบบทางสถาปัตยกรรมเพื่อให้รองรับความงดงามของธรรมชาติ
จนก่อให้เกิดความงดงามในแต่ละช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไป
สอบถาม ททท.สำนักงานอุดรธานี โทร 0 4232 5406-7
พิกัดที่
2 ดูหมอก…ส่องนก…ชมพระอาทิตย์ตก ณ
ผาหมอกมิวาย เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาน้ำทิพย์ อ.หนองพอก
จ.ร้อยเอ็ด
ปีนขึ้นไปยังเทือกเขาหินทรายสูงชันสลับซับซ้อน
ห้อมล้อมด้วยป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง
ที่หมอกถาโถมปกคลุมเทือกเขาตลอดทั้งปีตามชื่อ “หมอกมิวาย”
ของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาน้ำทิพย์ ที่สามารถชมวิวทิวทัศน์ความสมบูรณ์ของป่าธรรมชาติจากลานจุดวิวซึ่งจะสวยงามมากเป็นพิเศษในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและตก
แล้วก็มีจุดบริการบ้านพักและลานกางเต็นท์สำหรับสายแคมป์ปิ้ง
รวมถึงกิจกรรมส่องนกสำหรับผู้ที่สนใจและเหล่าบรรดาช่างภาพ
ฤดูกาลที่เหมาะกับการท่องเที่ยว คือ ฤดูฝน และฤดูหนาว
สอบถาม ททท.สำนักงานขอนแก่น โทร 0 4322 7714-5
พิกัดที่
3 มหัศจรรย์แห่งผาหิน ณ ถิ่นไดโนเสาร์ ผาแดง อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์
ในอำเภอสหัสขันธ์ นอกจากจะเป็นจุดที่มีการขุดพบฟอสซิลไดโนเสาร์เป็นจำนวนมากของภาคอีสานแล้ว
ยังมีสถานที่ที่น่าค้นหาและที่น่าสนใจ รอวันเปิดตัวสู่สายตาของนักท่องเที่ยว อย่าง
“ผาแดง” หน้าผาหินทรายสีแดงส้มที่มีขนาดใหญ่และหนา
แสดงให้เห็นถึงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะกัดกร่อนจากน้ำและลม
ทำให้เกิดกลุ่มหินทรายสีแดงเรียงเป็นชั้นๆ
ถือเป็นความโดดเด่นทางธรณีวิทยาที่ดูสวยงามอย่างน่ามหัศจรรย์
สำหรับเส้นทางไปยังผาแดง จะเป็นการท่องเที่ยวเดินป่าแบบธรรมชาติระยะทาง 1.8 กม.
ตลอดเส้นทางอุดมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของป่า และเต็มไปด้วยความน่าตื่นตาของทิวทัศน์อำเภอสหัสขันธ์
สอบถาม ททท.สำนักงานขอนแก่น โทร 0 4322 7714-5
สุขภาพ
–ฟังด่วน!!
5 วิธีแก้เจ็บคอที่ปลอดภัยลองทำดูได้ผลจริง
เมื่อมีอาการเจ็บคอเกิดขึ้นควรพักการใช้เสียงและหลีกเลี่ยงการสูดดมสารที่อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองในลำคอเพิ่มมากขึ้น
เช่น ควันบุหรี่ จากนั้นสามารถบรรเทาอาการเจ็บคอได้ด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้
1. จิบน้ำ -การจิบเครื่องดื่มอุ่น ๆ เช่น น้ำเปล่า น้ำอุ่นผสมน้ำผึ้ง
หรือชาสมุนไพรที่ไม่มีคาเฟอีน จะช่วยให้รู้สึกชุ่มคอ ช่วยลดภาวะขาดน้ำ
และอาจช่วยละลายเสมหะเหนียวข้นที่ติดค้างอยู่ภายในลำคอได้ ในบางกรณี
การจิบเครื่องดื่มเย็นก็อาจช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอบางประเภทได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม
ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เพราะอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำที่รุนแรงขึ้น
2. อมยาอมหรือใช้สเปรย์พ่นคอ สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้
เนื่องจากยาอมแก้เจ็บคอและสเปรย์พ่นคอเหล่านี้มักมีส่วนผสมของเมนทอลหรือยาเบนโซเคน
(Benzocaine) ซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาชา
จึงช่วยทำให้รู้สึกเจ็บคอน้อยลงได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรให้เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 4 ปีอมยาอมแก้เจ็บคอ เพราะอาจเสี่ยงต่อการสำลักได้ง่าย
3. กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ อาจสามารถช่วยละลายเสมหะในลำคอ
ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในลำคอ และช่วยลดอาการบวมในลำคอได้
โดยเมื่อมีอาการเจ็บคอให้ละลายเกลือแกงครึ่งช้อนชาลงในน้ำอุ่น 240 มิลลิลิตร จากนั้นกลั้วคอประมาณ 30
วินาทีแล้วบ้วนทิ้ง และควรกลั้วคอวันละ 2–3 ครั้ง นอกจากนี้
อาจใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรียในการกลั้วคอก็ได้เช่นกัน
4. พักผ่อนและหลีกเลี่ยงการใช้เสียง
จะช่วยให้ร่างกายสามารถฟื้นตัวจากไข้หวัดที่อาจเป็นสาเหตุของอาการเจ็บคอได้อย่างรวดเร็ว
โดยควรนอนหลับวันละ 6–8 ชั่วโมง
ในท่ายกศีรษะให้สูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการบวมบริเวณลำคอ
และสิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือควรหลีกเลี่ยงการใช้เสียง เช่น การพูด
การร้องเพลง หรือการตะโกน
5. รับประทานยาแก้เจ็บคอ หากมีอาการเจ็บคอที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
อาจรับประทานยาแก้ปวดทั่วไป เช่น ยาอะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen) หรือยาไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) เนื่องจากยาแก้ปวดจะออกฤทธิ์บรรเทาอาการอักเสบบริเวณลำคอที่อาจเป็นสาเหตุของอาการเจ็บคอที่เกิดขึ้นได้
โดยผู้ป่วยควรใช้ยาตามคำแนะนำบนฉลากหรือคำแนะนำของเภสัชกรอย่างเคร่งครัด
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพตามมา
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก-เศรษฐาถก8สายการบินAOTเพิ่มเที่ยวบิน-ลดค่าตั๋วไฮซีซัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย
เปิดให้สมาคมสายการบินแห่งประเทศไทย 8 สายการบิน
และ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT/ทอท.”
เข้าร่วมหารือที่พรรคเพื่อไทยเมื่อวันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม 2566 โดยขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจากตลาดต่างประเทศเพิ่มรายได้เร่งด่วนเข้าไทยตั้งแต่ไตรมาสที่
4 เดือนตุลาคม 2566 เป็นต้นไป
ซึ่งจะเป็นช่วงวันชาติจีนซึ่งจะมีนักเดินทางเป็นจำนวนมาก
จึงขอให้เน้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า 2
เรื่องด่วน ได้แก่
เรื่องที่
1 กำหนดแนวทางเพิ่มปริมาณจราจรเที่ยวบินทางอากาศระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นให้เพียงพอกับความต้องการของผู้โดยสารช่วงฤดูเดินทางท่องเที่ยวหนาแน่น
(high season) ปลายปีนี้
เรื่องที่ 2 แก้ปัญหาราคาตั๋วโดยสารเครื่องบินระหว่างประเทศหลังสถานการณ์โควิด-19
แต่ราคาตั๋วยังคงสูงกว่าสถานการณ์ปกติทั่วไป
นายพุฒิพงศ์
ปราสาททองโอสถ นายกสมาคมสายการบินแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอในที่ประชุมกับนายเศรษฐา
นายกรัฐมนตรี ถึงความต้องการของสมาชิกทั้ง 8 สายการบินของไทย ได้แก่ บางกอกแอร์เวย์ส
การบินไทย ไทยสมายล์ ไทยแอร์เอเชีย ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ นกแอร์ ไทยไลอ้อนแอร์
และไทยเวียตเจ็ท
ก็ต้องการเสนอให้รัฐบาลใหม่ช่วยปลดล็อกปัญหาหลักของเอกชนเช่นกันเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและขีดความสามารถแข่งขันกับสายการบินนานาชาติอื่น
ๆ ได้ เบื้องต้น 3 เรื่อง
ได้แก่
เรื่องที่ 1 ขอให้กรมสรรพสามิต
กระทรวงการคลัง ชะลอหรือลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน (excise tax) เครื่องบินไอพ่นลง
จะได้ช่วยลดต้นทุนการบินลงได้ จากปัจจุบันกลับมาเก็บสูงถึง 4.726 บาทต่อลิตร
ซึ่งเพิ่มขึ้นจากมาตรการก่อนหน้านี้เคยช่วยเหลือเรียกเก็บเพียง 0.20 บาทต่อลิตร
เรื่องที่ 2 การส่งเสริมอุตสาหกรรมการบินของไทยให้มีความแข็งแกร่งสามารถฟื้นฟูการท่องเที่ยวของประเทศไทยกลับมาเติบโตอย่างรวดเร็ว
เกี่ยวกับขั้นตอนการนำเครื่องบินผู้โดยสารเข้า-ออก ตามสนามบินต่าง ๆ
เรื่องที่ 3 รัฐบาลควรเร่งเจรจาเพิ่มสิทธิการบินระหว่างประเทศในประเทศกลุ่มตลาดเป้าหมายสำคัญของไทย
โดยเฉพาะการพิจารณาอนุมัติวีซ่านักท่องเที่ยวไทยกับนานาชาติให้คล่องตัวรวดเร็วเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ทางด้าน นายกีระติ กิจมานะวัฒน์
ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT/ทอท.”
กล่าวรับนโยบายรัฐบาลใหม่โดยจะเร่งเดินหน้าบริหารจัดการความแออัดของผู้โดยสารทั้ง 2 สนามบินหลัก
คือ สุวรรณภูมิกับดอนเมืองให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด
โดยจะทำให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2566 ควบคู่กับการร่วมกับสายการบินเอกชนสมาชิกสมาคมสายการบินแห่งประเทศไทย
ทำให้ขั้นตอนการนำเครื่องขึ้น-ลง และการจัดจราจรผู้โดยสารสนามบินคล่องตัวเพิ่มขึ้น
ข่าวที่สอง-บินไทยนำA320ใน4จุด“อาห์เมดาบัด/เกาสง/ปีนังกัลกัตตา”
บริษัท
การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่าได้นำฝูงบินแอร์บัส A320 มาบินทดแทนไทยสมายล์ เริ่ม 1 กันยายน 2566 เป็นต้นไป
ตามเส้นทางบินระหว่างประเทศระยะใกล้ เริ่มต้น 4 เมืองหลัก
ได้แก่ อาห์เมดาบัด (อินเดีย) เกาสง (ไต้หวัน) ปีนัง (มาเลเซีย) และกัลกัตตา
(อินเดีย) จะเริ่มวันที่ 15 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป
ผู้โดยสารที่ถือบัตรโดยสารของไทยสมายที่การบินไทยเข้าไปทำการบินแทนสามารถเดินทางได้ตามปกติ
และหากต้องการเปลี่ยนแปลงการเดินทางก็เปลี่ยนหรือคืนบัตรโดยสารได้ที่ THAI Smile Call Center โทร. 1181 หรือ 0-2118-8888
ทุกวัน (06.00 - 21.00 น. พร้อมสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม รายละเอียดตารางบิน
พร้อมสำรองที่นั่งและออกบัตรโดยสารได้ที่เว็บไซต์thaiairways.com สำนักงานขายการบินไทย หรือ THAI Contact Center โทร.
0-2356-1111 ทุกวัน (ตลอด 24 ชม.)
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น