ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนราธิวาส
ททท.ดัน3จังหวัดชายแดนใต้คึกคักQ1ปี67โกย8.5แสนคน
กอรมน.ภาค4นำรัฐ-ธุรกิจโหมจุดขายท่องเที่ยวโดยชุมชน
ชูซอฟท์พาเวอร์บูม“อาหารปัตตานี-เปิดเส้นทางศรัทธาทัวร์
ช้อปคิงเพาเวอร์ออนไลน์Maytimeลดไอเท็มฮ็อต/ฟรี3อย่าง
คิงเพาเวอร์ควง2พันธมิตร“Sisley-10บัตรเครดิต”แจกไม่ยั้ง
ททท.-เมเจอร์งัดโปรตั๋วหนังแจกทัวร์เมืองรอง3หมื่นรางวัล
บางจากศรีราชาQ1/67โกยรายได้6.3หมื่นล้าน-สถิติการกลั่น
สุขที่เที่ยวสมุทรปราการ“งานฮาลาล/บางกะเจ้า/พระพิฆเนศ”
แนะวิธีและขั้นตอนเตรียมห้องปลอดฝุ่นจัดปัญหาPM 2.5
4องค์กรดันโทเค็นรุกการบินโลก-ริยาร์ดชูดิจิทัลแอร์ไลน์
รมว.เสริมศักดิ์นำไทยจัดเวิลด์อีเวนต์“FIFA CONGRESS”
วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/9r2moVbB9mVaNMJ8/?mibextid=oFDknk
ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ นางสาวนวพร ชัวชมเกตุ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนราธิวาส ไตรมาส 1 นำ 3 จังหวัดแรกกวาดนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติเกิน 8.5 แสนคน “ยะลา” โกยไปเกือบ 5 แสนคน ดันอัตราเข้าพักทะลุ 77 % ช่วง 4 เดือนแรก ม.ค.-เม.ย.กระตุ้นเศรษฐกิจ 4 งาน ต่อด้วย 13-17 พ.ค.นี้ เปิดท่องเที่ยว “มหกรรมอาหารจานเด็ดปัตตานี” โปรโมทซอฟท์ พาวเวอร์ พหุวัฒนธรรมอาหารตำรับ “ลังกาสุกะ” ด้าน กอรมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เร่งกระชับความร่วมมือทุกภาคส่วนขานรับนโยบาย “สุขทันทีเที่ยว3จังหวัดชายแดนใต้” ชูไฮไลต์ “ท่องเที่ยวโดยชุมชน” หนุนโปรแกรมเส้นทางเที่ยวป่าธรรมชาติ วิถีผู้คน อาหาร เน้นทัวร์สายศรัทธา
นางสาวนวพร
ชัวชมเกตุ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนราธิวาส
เปิดเผยว่า สถานการณ์ท่องเที่ยว 3 เดือนแรกระหว่างมกราคม
-มีนาคม 2567 มีจำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ
เดินทางเข้ามายังพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
รวมแล้วกว่า 8.5 แสนคน โดยเฉพาะอัตราการเข้าพักเฉลี่ย
(OR :Occupacy Rate) fuปีนี้ดีกว่าปีก่อนมาก ประกอบด้วย “นราธิวาส” 2.6
แสนคน มีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 62
% “ปัตตานี” 1.3 แสนคน มีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 54 % “ยะลา” 4.6
แสนคน มีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 77
% เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทั้งหมด
โดยมีกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวกระตุ้นต่อเนื่องตั้งแต่
4 เดือนแรก
มกราคม-เมษายน ต่อเนื่องช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2567 กำลังเชิญชวนคนมาเที่ยวงานประเพณี
“สมโภชเจ้าแม่โต๊ะโม๊ะ สุไหงโกลก”
อำเภอสุไหงโกลก จ.นราธิวาส พร้อมการแสดงเชิดสิงโตนานาชาติ
เป็นความร่วมมือกันของมูลนิธิ ภาครัฐ เอกชน เป็นงานใหญ่ประจำปี งานที่ 2
Coffee Run Classic Festival ที่สวนศรีเมือง
จ.ยะลา ผู้ประกอบการ้านคาแฟ รถคลาสสิก และการจำหน่ายอาหาร
ทำให้เศรษฐกิจคึกคักพอสมควร งานที่ 3 Amazing
Jungle by UTMB ที่สนามกีฬาเทศบาลเมืองเบตง
จ.ยะลา ดึงดูดคนนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติลงทะเบียนเข้าร่วมงานคับคั่ง
งานที่
4 มหกรรมอาหารจานเด็ดปัตตานี
ระหว่าง 13-17 พฤษภาคม 2567 จัดบริเวณลานศิลปวัฒนธรรม จ.ปัตตานี นำทีมโดย เครือข่ายการท่องเที่ยวปัตตานี
ซึ่งทาง ททท.เข้าไปสนับสนุนจัดกิจกรรมพิเศษ “Chef Table” ระหว่างวันที่ 15-16 พฤษภาคม นี้
เปิดให้ผู้ที่สนใจลิ้มลองรับประทานเมนูประสบการณ์ “ลังกาสุกะ”
เป็นวัฒนธรรมอาหารการกินในแดนใต้ของอาณาจักรมลายูโบราณตั้งอยู่ในคาบสมุทรมาลายู
มีบรรยากาศ รสชาติ และความสวยงาม
“ลังกาสุกะ” เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การสืบสานภูมิปัญญาพื้นบ้าน และซอฟท์ พาวเวอร์ ด้านอาหารที่แตกต่างจากอาหารภาคใต้ทั่วไปอย่าง บูดู ข้าวยำ และอื่น ๆ แต่เมนูลังกาสุกะ ในงานมหกรรมอาหารจะเสนอให้ชิมตั้งแต่เมนูเครื่องดื่ม อาหารจานหลัก นำเครื่องเทศผสมผสานเข้ากับวัตถุดิบผ่านกรรมวิธีการปรุงตามแบบดั้งเดิม คาดหวังจะบอกเล่าเรื่องราวทั้ง 3 จังหวัด ผ่านจานอาหารได้อย่างลึกซึ้ง เช่น เกลือหวานปัตตานี หรือลูกหยีก็รังสรรค์เป็นเครื่องดื่มรสชาติเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งจะต้องเดินทางมาสัมผัสด้วยตนเอง
ผอ.นวพร
กล่าวว่า หลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ในช่วงที่ต้นเดือนพฤษภาคมนี้ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
(กอรม.) ภาค 4 ส่วนหน้า
เป็นผู้นำหารือร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งหมดในพื้นที่ 3 จังหวัด มีทั้ง ททท.สำนักงานนราธิวาส
การท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนราธิวาส ปัตตานี ยะลา
รวมทั้งหน่วยงานเฉพาะกิจในพื้นที่ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ (workshop) พร้อมกับหาแนวทางขับเคลื่อนการท่องเที่ยวทุกด้านลุล่วงไปได้ด้วยดี
ไฮไลต์เน้นแผนงาน “การท่องเที่ยวโดยชุมชน” ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ โดยจะมีกิจกรรมที่คนในชุมชนร่วมกันนำเสนอ สามารถสร้างความยั่งยืนได้ จึงมีเครือข่ายชุมชนท่องเที่ยว 3 จังหวัด พร้อมกับสรุปในเวทีนี้ร่วมกัน เพื่อชี้แนวทางให้ภาครัฐยื่นมือเข้าไปร่วมแก้ไขหรือสนับสนุนส่งเสริมอย่างเป็นระบบต่อไป
ผลการประชุมเบื้องต้นออกมาดีเพราะเอกชนจากสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
3 จังหวัด โดยมี
กอรมน.ภาค 4 ส่วนหน้า
จากหน่วยทหาร เข้ามาเสริมมาตรการความปลอดภัย ที่ผ่านมาในพื้นที่ชายแดนใต้มีจุดขายการท่องเที่ยวโดดเด่นเรื่องเที่ยวชุมชนซึ่งมีป่าธรรมชาติรองรับ
หลัก ๆ
จังหวัด “นราธิวาส” จะมีชุมชนจุฬาภรณ์ 12 มีชุมชนอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าธรรมชาติ จึงสามารถจัดกิจกรรมท่องเที่ยวได้ เช่น ดูนก ล่องแก่ง เดินป่า กินอาหารถิ่น มีความโดดเด่น สดใหม่ และเมนูอาหารวิถีคนในท้องถิ่นผสมผสานรวมอยู่ด้วย แต่ละแห่งยังได้รับรางวัลดีเด่นด้านการท่องเที่ยว หรือ Tourism Awards และมูลนิธิใบไม้เขียว ทางด้านชุมชนอยู่กับป่าได้อย่างลงตัว ส่วน ชุมชนภูเขาทอง” ก็มีกิจกรรมการร่อนแร่ทอง และชุมชนบ้านบาลาย
จังหวัด “ปัตตานี” จะมีชุมชนรอบอ่าวปัตตานี โดดเด่นเรื่องต้นทุนทางทรัพยากรธรรมชาติ มีกิจกรรมล่องเรือลอดอุโมงค์โกงกาง วิถีชีวิตริมน้ำ แล้วยังเป็นพื้นที่เรียกว่าตู้เย็นชุมชน แล้วยังมีสวนผลไม้สามารถนั่งรถเข้าไปเลือกรับประทานได้ตามฤดูได้ด้วย
จังหวัด
“ยะลา” มีธรรมชาติป่าฮาลาบารา ชุมชนจุฬาภรณ์ 9 และ 10
สามารถเดินทางมาสัมผัสโอโซนบริสุทธิ์ของผืนป่า
รับประทานอาหารจากพืชสมุนไพรได้จากต้นทาง ดีต่อสุขภาพของทุกคน โดยเฉพาะ ซูปสมุนไพร
ผักน้ำ
ผอ.นวพร
กล่าวว่า ช่วงหน้าฝนจะท่องเที่ยวป่าธรรมชาติทะเลหมอก
ผนวกกับความเป็นวิถีพหุวัฒนธรรม ไทยพุทธ-มุสลิม-จีน” ตัวอย่าง เส้นทางที่
“สายศรัทธาใจฟู” ไม่เฉพาะการชมวัดศักดิ์สิทธิ์เพียงอย่างเดียว
ยังผนวกแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ
ทุกปีตั้งแต่กุมภาพันธ์จะได้ร่วมสมโภชน์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว สร้างจิตใจให้ผ่องใส
เป็นสิริมงคลกับชีวิต เส้นทางที่ 2 วัดช้างไห้
ปัตตานี เส้นทางที่ 3 สักการะศาลเจ้าแม่โต๊ะโม๊ะ
สุไหงโกลก นราธิวาส เส้นทางที่ 4 ไหว้พระพิฆเนศ
นราธิวาส ต่อเนื่องไปจนถึงมัสยิดต่าง ๆ ที่มีความงดงาม
นักท่องเที่ยวสามารถเลือกแวะตามสถานที่ศรัทธาได้ตามจริตที่ต้องการได้ทุกแห่ง
ส่วนตลาดหลักทางการท่องเที่ยวของ 3 จังหวัดแดนภาคใต้ มีนักท่องเที่ยวเพื่อนบ้านจากต่างประเทศ เข้ามาเที่ยวด้วย ได้แก่ “นราธิวาส” มีด่านสุไหงโกลก ด่านตาบา ตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ เป็นช่องทางการท่องเที่ยวและค้าขายมีร้านดิวตี้ฟรี อยู่ตรงด่านศุลากรเพนกาลันกูโบ รัฐกลันตัน และด่านเบตง มาเลเซียนิยมเดินทางมาเที่ยวทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ พร้อมกับรับประทานอาหาร ซึ่งในเบตงมีวัตถุดิบปรุงเมนูขึ้นชื่อ ไก่เบตง ปลาสายน้ำไหล ปลาพวงชมพู ผักน้ำ หมี่เบตง กับผลไม้ในภาคใต้ช่วงกรกฎาคม-กันยายน ของทุกปี มีทุเรียนสะเด็ดน้ำหลายสายพันธุ์ในยะลา กับลองกองของนราธิวาส
ผอ.นวพร
กล่าวว่า การท่องเที่ยวใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นราธิวาส ปัตตานี ยะลา เป็นดินแดนแห่งอัญมณีที่มีความสดใหม่ทางธรรมชาติที่สวยงาม
กับวิถีชีวิตผู้คน ตลาดพื้นบ้านมีผักผลไม้เด่น
รวมทั้งมีกิจกรรมกับโปรแกรมแนะนำการท่องเที่ยวอัพเดทได้ตลอดทางเพจเฟซบุ๊ค
ททท.สำนักงานนราธิวาสพร้อมให้ข้อมูลทุกคนแบบครบวงจร เส้นทางท่องเที่ยว ที่พัก
ร้านอาหาร การเดินทาง
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 ช้อปคิงเพาเวอร์ออนไลน์Maytimeลดไอเท็มฮ็อต/ฟรี3อย่าง
คิง เพาเวอร์ เปิดแคมเปญ “MAYTIME MAGIC DEAL” สายช้อปห้ามพลาดดีลดีเดือนพฤษภาคม 2567 จัดใหญ่ไอเท็ม ฮ็อต ที่ทุกคนต้องการ ช้อปสินค้าดี ๆ ราคาดิวตี้ ฟรีได้ที่ “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์”
ช้อปสไตล์คน HOT! เมื่อคิง เพาเวอร์ ออนไลน์ ได้ รวมเหล่าไอเทมของแบรนด์ดัง ร้อนแรง ท้าหน้าร้อน ทั้งสกินแคร์ น้ำหอม สายแฟชั่น กระเป๋า แว่นตา นาฬิกา พร้อมไอเทมการเดินทาง Travel Exclusive และอื่น ๆอีกมาก มีไฟลต์ต้องรีบช้อปด่วน! แล้วรอรับของได้ที่สนามบิน
Refresh Your Skin ด้วยไอเทมเด็ดจากแบรนด์ดัง ราคาดิวตี้ฟรี อย่างแบรนด์ LA MER, KIEHL'S, ESTÉE LAUDER, SHISEIDO, SULWHASOO, AUGUSTINUS BADER, L'OCCITANE, BIOTHERM, CLINIQUE และอื่นๆอีกมาก กดช้อปพร้อมรับของที่สนามบิน
1.ลดสูงสุด 10%
เมื่อช้อปครบ 3,500 บาท รหัสส่วนลด 10MAYTD
2.ลดสูงสุด 15% เมื่อช้อปครบ 5,500 บาท รหัสส่วนลด 15MAYTD
รับฟรี
!แบบไม่ต้องลังเล 3 รายการ
1.ผ้าคลุมกระเป๋า King Power ลายสุด Exclusive ขนาด 26 นิ้ว วันนี้- 31 พฤษภาคม 2567 นี้!
เฉพาะลูกค้าที่ช้อปครบ 9,000 ขึ้นไป แถมจนกว่าสินค้าจะหมด
2.ส่วนลด 10% สำหรับซื้อประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ จากเมืองไทย HappyTrip
แผนรายเดี่ยว
ให้สิทธิ์ลูกค้าคิง
เพาเวอร์ คนไทย มียอดช้อปครบ 3,000 บาท(สุทธิ) ขึ้นไป
ใช้ส่วนลดได้ครั้งคนละ
1 สิทธิ์/ครั้ง สิทธิ์ส่วนลดจะจัดส่งให้ทาง SMS เมื่อทำรายการสั่งซื้อสำเร็จ
แจกส่วนลด เริ่ม 13 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน 2567 แล้วเก็บไว้ใช้ได้จนถึง 15 กรกฎาคม 2567
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์ควง2พันธมิตรSisley-10บัตรเครดิตแจกไม่ยั้ง
คิง เพาเวอร์ ชวน 2 พันธมิตร
มอบคุณค่าผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และการใช้เงินอย่างคุ้มค่าให้ลูกค้าดิวตี้ฟรี ช้อปเสร็จจ่ายผ่านบัตรเครดิตที่เข้าร่วมรายการรับไปเลย
ดังนี้
พันธมิตรที่ 1 Sisley
แบรนด์ดังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด
แชมพูและเซรั่มเพื่อการบำรุงฟื้นฟูเส้นผม และหน้งศีรษะ Sisley Hair Rituel
Fortifying shampoo และ Revitalizing Fortifying Serum ที่ช่วยเสริมสร้างเส้นผมใหม่ ให้ดูหนานุ่มและเส้นผมดูมีน้ำหนัก
ด้วยนวัตกรรมเฉพาะจาก Hair Rituel By Sisley
พร้อมให้บริการนักช้อปก่อนเดินทางแล้วที่ คิง เพาเวอร์
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ฝั่งผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ (Main West)
พันธมิตรที่ 2 เลือกจ่ายแบบสบายผ่านบัตรเครดิตที่เข้าร่วมรายการ 10
ธนาคาร แจกให้ช้อปต่อดับร้อนกันได้เลย หน้าร้อนนี้ยังไม่จบ! ช้อปต่อยังคุ้มไม่หยุด
เมื่อช้อปแล้วจ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ รับชัวร์ CASH BACK คืนสูงสุด 17% แบ่งชำระนานสูงสุด 10 เดือน ตั้งแต่วันนี้– 30 มิถุนายน 2567 ที่ คิง เพาเวอร์ กับพันธมิตรบัตรเครดิต
10 ธนาคาร ดังนี้
1.บัตรเครดิตไทยพาณิชย์ และคาร์ดเอกซ์ 2.บัตรเครดิตกสิกรไทย 3.บัตรเครดิตอเมริกัน เอ็กซ์เพรส 4.บัตรเครดิตออมสิน 5.บัตรเครดิตกรุงศรี 6.บัตรเครดิตกรุงศรี เฟิร์สช้อย
วีซ่า 7.บัตรเครดิต KTC 8.บัตรเครดิตทีทีบี ทีเอ็มบี
และธนชาต 9.บัตรเครดิตยูโอบี 10.บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ
ย้ำ นักช้อปใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนเต็มจำนวนตามกำหนด
จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16%
ข่าวที่
3 ททท.-เมเจอร์งัดโปรตั๋วหนังแจกทัวร์เมืองรอง3หมื่นรางวัล
นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ร่วมกับ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์
กรุ้ป จัดแคมเปญ “MOVIECATION
SEASON 4” ตั๋วหนังท่องเที่ยวไทย ข้ามภาค
"สุขทันทีที่เที่ยวกับเมเจอร์" เริ่มวัน- 30 มิถุนายน 2567 เพียงซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ทางแอปพลิเคชั่น
Major Appแล้วลุ้นรับกว่า
30,000 รางวัล
รวมมูลค่ากว่า 1.6 ล้านบาท พร้อมรับสิทธ์ทำกิจกรรมได้อีก 2 ต่อ
เป็นหนึ่งในกลยุทธ์กระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง
และ 365 วันมหัศจรรย์เมืองไทย
เที่ยวได้ทุกวัน ร่วมกับพันธมิตรอย่างเครือเมเจอร์ เจ้าของโรงภาพยนตร์ ซึ่งมีฐานสมาชิกคนรุ่นใหม่
Gen Y, Z ดูหนังแล้วสามารถที่จะร่วมกิจกรรมเพื่อออกเดินทางท่องเที่ยวตามแคมเปญดังกล่าวเพิ่มขึ้นได้อีกไม่ต่ำกว่า
90,000 คน
ส่วนแคมเปญนี้ทางเครือเมเจอร์จะเปิดให้เลือกซื้อบัตรชมภาพยนตร์ผ่าน
Major App เพื่อลงทะเบียนร่วมสนุกกับแคมเปญ
MOVIECATION SEASON 4 :
ตั๋วหนังท่องเที่ยวไทย “ข้ามภาค” ลุ้นรับรางวัลกว่า 30,000 รางวัล เมื่อซื้อบัตรชมภาพยนตร์เรื่องใดก็ได้
ทุกการซื้อ 1 ครั้ง รับ 1 สิทธิ์ ร่วมสนุกแคมเปญ Moviecation Season 4
ตั๋วหนังท่องเที่ยวไทย “ข้ามภาค” เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง
30 มิถุนายน 2567 ไม่เกิน 23.59 น. พร้อมกับให้รับสิทธ์ร่วมกิจกรรมสนุก ๆ ได้อีก 2
ต่อ ดังนี้
ต่อที่ 1 ลุ้นรางวัลมากมาย เช่น บัตรชมภาพยนตร์ เครื่องดื่มและป๊อปคอร์น
และส่วนลดอีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 1.6 ล้านบาท ตลอดแคมเปญจะใช้วิธีสุ่มของรางวัลวันละ
500 สิทธ์ แล้วยังเปิดโอกาสให้ผู้ได้รางวัลต่อที่ 1 สามารถร่วมสนุกกิจกรรมเพื่อลุ้นของรางวัลต่อได้อีกครั้ง
ต่อที่ 2 ลุ้นเที่ยวฟรี แจกฟรีที่พักตามจังหวัดเมืองรอง บัตรเติมน้ำมัน
60 รางวัล มูลค่ากว่า 176,000 บาท จะใช้วิธีจับรายชื่อผู้โชคดีวันที่ 9 กรกฎาคม
2567 รอฟังประกาศรายชื่อผู้โชคดีวันที่ 11 กรกฏราคม 2567 ภายในเวลา 10.00 น.
ผ่านทางเว็บไซต์ www.majorcineplex.com
ในวันสิ้นสุดแคมเปญดังกล่าววันที่ 30
มิถุนายน 2567 ครบตามกำหนดเวลาเปิดให้ผู้ชมภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ได้ร่วมสนุกแล้ว
ทางบริษัทจะนำข้อมูลการลงทะเบียนทั้งหมดออกมาพิมพ์ เพื่อนำมาจับรางวัล
ตามวันและเวลาที่กำหนด
ผู้ที่จะได้รับสิทธิ์อย่างถูกต้องควรปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุไว้นั่นคือ ต้องเข้าร่วมกิจกรรมซื้อตั๋วดูหนังทาง
Major App เริ่มวันแรก
5 พฤษภาคม เวลา14.00 น. ไปจนถึง 30 มิถุนายน 2567 เวลา 23.59 น.
ข่าวที่
4 บางจากศรีราชาQ1/67โกยรายได้6.3หมื่นล้าน-สถิติการกลั่น
นายบัณฑิต
หรรษาไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางจาก
ศรีราชา จำกัด (มหาชน) (BSRC) เปิดเผยว่า
ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 หลังผนึกกำลังทางธุรกิจบูรณการภายในกับทางกลุ่มบริษัทบางจาก
ทำให้บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 63,583 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 6% เทียบช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยมี EBITDA
2,117 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 855 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 198% และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน
263 % คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.25
บาท
นำธุรกิจ “โรงกลั่นน้ำมัน” สร้างสถิติใหม่ด้วยกำลังการกลั่น 150,300 บาร์เรลต่อวัน สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทฯ (คิดเป็น 86
% ของกำลังการผลิต ส่วนค่าการกลั่นปรับเพิ่มขึ้นจากช่วยเดียวกันกับปีก่อน
5.8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปัจจัยหลักมาจากผลกระทบเชิงลบของสินค้าคงคลังลดลง
ขณะที่ “ธุรกิจการตลาด” มีปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในสถานีบริการเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน
4 % สถานีบริการน้ำมันทำยอดขายปลีกเฉลี่ยได้สูงถึง 887
ล้านลิตร ด้วยปัจจัยบวกจากแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพและยอดขายฟื้นตัวจากสถานีบริการที่เปลี่ยนตราสัญลักษณ์เป็นแบรนด์บางจาก
เมื่อสิ้นไตรมาส 1 ปี 2567 บมจ.บางจาก ศรีราชา
ได้เปลี่ยนตราสัญลักษณ์สถานีบริการเป็นบางจากแล้วเสร็จเป็นไปตามแผน 332 สถานี จากจำนวนทั้งหมด 829
สถานี
นายบัณฑิตกล่าวว่าทั้งธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและธุรกิจการตลาด
พร้อมจะเดินหน้าตามกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตอบรับความท้าทายต่าง
ๆ ที่เกิดขึ้นให้ได้อย่างทันท่วงที โดยจะติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด
ควบคู่กับการบริหารจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต
ผนึกธุรกิจและผสานประโยชน์ร่วมกันในกลุ่มบริษัทบางจาก
สร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันใหม่ ๆ สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์
“สรรค์สร้างอนาคตที่ยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมเพื่อพลังงานที่เหนือกว่า”
ซึ่งจะเป็นพลังนำพาธุรกิจประสบความสำเร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว
ช่วงที่ 2 ออกเที่ยวเมืองไทยไปสุขทันทีที่ “สมุทรปราการ” กับทริปเดือนพฤษภาคม นี้
แนะนำ 3 พิกัด “งานฮาลาล” ที่อุทยานการเรียนรู้และหอชมเมือง
“บางกะเจ้า” ปั่นจักรยานสูดโอโซน “ไหว้พระพิฆเนศปางมหาราชา ที่มหาเทวาลัย แล้วฟัง “วิธีกับขั้นตอน” เตรียมห้องปลอดฝุ่น PM
2.5 และข่าวฮ็อต ข่าวแรก “4องค์กรชี้เป้าการบินโลกใช้โคเทน”จัดการครบวงจร
ข่าวที่สอง “รมว.เสริมศักดิ์” โชว์งานแรกนำไทยจัด FIFA CONGRESS 2024 ระหว่าง 13-17 พ.ค.67
ท่องเที่ยว
–สุขที่เที่ยวสมุทรปราการ“งานฮาลาล/บางกะเจ้า/ไหว้พระพิฆเนศ”
เที่ยวใกล้
เที่ยวง่าย เที่ยวใกล้กรุง เดินทางสะดวก “ไปสุขทันทีที่เที่ยวสมุทรปราการ” จะไปเช้าเย็นกลับหรือพักค้างคืนก็ได้
ไปเที่ยวเมืองไทย ด้วยกัน เที่ยวได้ทุกวัน 365 วัน
พิกัดที่
1 ร่วมสัมผัสวิถีชีวิตแบบพหุวัฒนธรรมกันได้ในงาน
“ฮาลาลสมุทรปราการ สู่สุดยอดฮาลาลไทย” วันที่ 17 - 19 พฤษภาคม 2567 เวลา 12 .00 -
21.00 น. ที่อุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ ได้รวมความหลากหลายทางศาสนา
วัฒนธรรม รวบรวมอาหารฮาลาลยิ่งใหญ่ ที่สุดกว่า
เชิญชม นิทรรศการอันสวยงาม ชวนชิมอาหารอร่อย ทั้งไทย จีน มลายู
ในมาตรฐานฮาลาล แวะช้อปมากมายรวมกว่า 100 ร้านค้า
ตื่นตาตื่นใจไปกับกิจกรรมและการแสดงแบบจัดเต็ม
ไฮท์ไลต์ภายในงาน
พบกับ การแข่งขัน การแสดง “อนาชีด” เพื่อชิงถ้วยเกียรติยศ ฯพณฯจุฬาราชมนตรี
และประกวดการหุงข้าวหมก จากตัวแทนมัสยิดและร้านค้า
ฟังการเสวนา
จากบริษัทยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย และพบกับเหล่ามุสลิม Influencer ที่จะมา Talk มาพูดคุยให้ความรู้เกี่ยวกับฮาลาล
หลักการ วัฒนธรรม ห้ามพลาด
พิกัดที่
2 ขี่จักรยานชมธรรมชาติที่บางกระเจ้า
หรือ green lung of Bangkok (ปอดกรุงเทพ)
เกิดจากพระราชดำริของในหลวง ร.9 ซื้อที่ดินบริเวณนี้
ทำเป็นสวนสาธารณะศรีนครเขื่อนขันธ์ เพื่ออนุรักษ์พื้นที่ป่าโกงกางในกรุงเทพฯ
ในศูนย์การเรียนรู้และอนุรักษ์พันธุ์ไม้ต่างๆ
สามารถปั่นสัมผัสธรรมชาติรอบสวนสาธารณะศรีนครเขื่อนขันธ์ ชุมชนริมน้ำ และวิถีชุมชนตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
มีจักรยานบริการเช่าไม่จำกัดเวลา
คันละ 50 บาท มีหลายแห่ง เช่น ใกล้ท่าเรือ ด้านหน้าของสวนสาธารณะศรีนครเขื่อนขันธ์
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง วัดบางน้ำผึ้งนอก วัดบางกระเจ้านอก
วิธีเดินทางจากกรุงเทพฯ
ไปสมุทรปราการ ขึ้นท่าเรือคลองเตยหรือท่าเรือสรรพวุธ ข้ามฟากมาฝั่งบางกระเจ้า
หรือจะขับรถไปทางพระประแดง ก็ได้เหมือนกัน
พิกัดที่ 3 มหาเทวลัย พระพิฆเนศปางค์มหาราชา ต.บางกระเจ้า อ.พระประแดง องค์ใหญ่มาเป็นปางค์มหาราชาที่แรกในโลก
อยู่ไม่ไกลจากตลาดบางน้ำผึ้งถ้าขับรถยนต์มาจะสะดวกสุด
ถ้านั่งรถสาธารณะมาแวะเช่าจักรยานปั่นต่อมาได้ ผู้คนนิยมมากระซิบข้างหูหนูเพื่อขอพรโชคลาภเงินทอง
ส่วนภายในก็มีเทพเจ้าหลายองค์ให้กราบด้วย
ออกไปเที่ยวเมืองไทย
ในสมุทรปราการ เดือนพฤษภาคม นี้ มีกิจกรรมดี ออกไปทำกับเพื่อน ๆ คนไทย
สุขภาพ –แนะวิธีและขั้นตอนเตรียมห้องปลอดฝุ่นจัดปัญหาPM 2.5
ทางกองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ กรมอนามัย แนะวิธีเตรียมห้องปลอดฝุ่น…ในช่วงฝุ่น PM2.5 มีค่าสูงเกินมาตรฐาน
ห้องปลอดฝุ่น คือ
ห้องที่ช่วยลดการสัมผัสฝุ่นในช่วงที่ฝุ่นอยู่ระดับสีส้มและสีแดง
เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพ โดยการป้องกันฝุ่นไม่ให้เข้าห้อง
และไม่ทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่นภายในห้อง
วิธีเตรียมห้องปลอดฝุ่น
1.เลือกห้องที่อยู่ห่างจากแหล่งกำเนิดฝุ่น
เช่น ถนน สถานที่ก่อสร้าง
2.เลือกห้องที่ประตูหรือหน้าต่างมีช่องว่างน้อยที่สุด
3.นำอุปกรณ์ที่เป็นแหล่งสะสมของฝุ่นออกจากห้อง
และทำความสะอาดห้อง
สำหรับการเตรียม “ห้องปลอดฝุ่น” สามารถทำได้ทั้งที่บ้านและอาคารสาธารณะ
ด้วยการปิดช่องไม่ให้อากาศจากภายนอกเข้ามาภายในห้อง หากปิดห้องให้สนิทจะช่วยให้ฝุ่นเข้าห้องน้อยลง
ขั้นตอนการทำห้องปลอดฝุ่น
1.
ปิดช่องหรือรูด้วยวัสดุปิดผนึก เช่น ยาแนวประตู เทป
หรือวัสดุอื่นที่ปิดช่องได้สนิท
2.
ปิดประตูและหน้าต่างให้มิดชิด
3.
เปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ เพื่อหมุนเวียนอากาศภายในห้อง
4.
ช่วงฝุ่นน้อย ให้เปิดประตูและหน้าต่าง
เพื่อให้มีการระบายอากาศภายในห้อง
5.
ทำความสะอาดห้องเป็นประจำทุกวัน
โดยใช้ผ้าชุบน้ำแทนการกวาดหรือปัดฝุ่น
6.
ไม่ทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่นเพิ่มภายในห้อง เช่น จุดธูป จุดเทียน
หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการลดฝุ่นสามารถติดตั้งเครื่องฟอกอากาศเพิ่มได้
1.ดูค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) หรือปริมาณกรสร้างอากาศสะอาด
ยิ่งมีค่าสูง ยิ่งทำความสะอาดอากาศได้เร็ว
2.เลือกขนาดของเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับขนาดของห้อง
3.เลือกแผ่นกรองฝุ่นชนิด HEPA
4.ควรเปลี่ยนแผ่นกรองตามระยะเวลาที่กำหนด หรือเมื่อมีการสะสมของฝุ่นมาก
5.ได้รับ มอก. 1516-2549
(ด้านความปลอดภัย)
6.นำด้านหลังของเครื่องตั้งห่างจากผนัง
10 เซนติเมตร
7.ไม่วางไว้ใต้แอ
ใกล้หัวเตียงหรือหน้าห้องน้ำ
คำแนะนำ: คุณสมบัติของเครื่องฟอกอากาศสามารถดูได้ที่คู่มือการใช้งาน
ระดับค่าฝุ่น
PM
2.5 (ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)
สีฟ้า 0-25 สีเขียว 26-37 สีเหลือง 38-50 สีส้ม 51-90 สีแดง
91 ขึ้นไป
สำหรับสถานการณ์ช่วงที่ฝุ่น PM2.5 มีค่าสูง นอกจากการเตรียมห้องปลอดฝุ่นแล้ว
ควรงดกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่นและจัดสภาพแวดล้อม โดยการปลูกต้นไม้เพื่อดักฝุ่น
รวมทั้งดูแลถนนและบริเวณรอบบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –4องค์กรดันโทเค็นรุกการบินโลก-ริยาร์ดชูดิจิทัลแอร์ไลน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
คณะผู้เชี่ยวชาญด้านการบินได้เปิดเวทีเสวนาในงาน ATM :Arabian Travel
Market 2024 มหกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจการท่องเที่ยวรายการใหญ่อันดับ 3
ของโลก ที่กรุงดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ประเมินสถานการณ์ปี 2567
จะมีผู้โดยสารเดินทางในตะวันออกกลางสูงถึง 429
ล้านคน เพิ่มขึ้น 5.4% จากปี 2562 พร้อมเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความเห็นอนาคตการเดินทางทางอากาศในหัวข้อ
“Looking Skyward for Innovation: How Technology is Disrupting Aviation” นำโดย มาร์ก แฟรรี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินทาง กับ 4 องค์กรการบินระดับโลก ได้แก่ 1.สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA/ไออาต้า) 2.ริดยาร์ด แอร์ 3.Cirium บริษัทจัดทำข้อมูลการบินนานาชาติ
และ 4. AviationX Lab
สตาร์ตอัพด้านนวัตกรรมการบินและการเดินทาง
Kashif
Khalid ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคแอฟริกาและตะวันออกกลาง
สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) กล่าวว่า จากผลการวิจัยในเดือนมีนาคม 2567 มีปริมาณผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 20 % จากเดียวกันกับปีก่อน
เรื่องนวัตกรรมถือเป็นสิ่งสำคัญของการจราจรทางอากาศที่จะรองรับอุตสาหกรรมการบินเติบโตในอนาคตได้ดี
รวมถึงจะเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก
ประเด็นใหญ่คือการพัฒนาสร้างโครงพื้นฐานให้ขยายตัวตามปริมาณผู้โดยสาร
ต้องหานวัตกรรมดิจิทัลที่มีโซลูชั่นสามารถจัดการได้ทั้งผู้โดยสารและสินค้า (cargo)
สำหรับระบบภาคพื้นดินตามสนามบินนานาชาติทั่วโลก
ตอนนี้พยายามนำนวัตกรรมหลายอย่างเข้ามาใช้
เพื่อสนับสนุนให้การบินมีความยั่งยืนมากขึ้น ซึ่ง 1 ในโซลูชั่นใหม่ที่ไออาต้าแนะให้นำมาใช้คือ IATA One ID หรือใช้วิธีแปลงโทเค็นดิจิทัลผู้โดยสารเป็นตัวช่วยอุตสาหกรรมการบินโดยสามารถอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารได้อย่างราบรื่น
ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานสนามบินแบบดั้งเดิมของทั่วโลกครั้งใหญ่ด้วย
ขณะนี้
IATA One ID เป็นโครงการริเริ่มเรื่อง
“การระบุตัวตนดิจิทัล”
ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงและยกระดับการเดินทางผู้โดยสาร ด้วยเทคโนโลยีก้าวล้ำนี้ได้รวมเอกสารการเดินทางที่หลากหลาย
เช่น หนังสือเดินทาง ตั๋วโดยสารเครื่องบิน บัตรผ่านขึ้นเครื่องบิน (broadingpass) ไว้ในโทเค็นดิจิทัลเพียงอันเดียว
ทำให้ไม่ต้องใช้เอกสารทางกายภาพหลายฉบับ ด้วยการนำเสนอโซลูชันการจัดการข้อมูล
“ระบุตัวตนแบบครบวงจร” และมีประสิทธิภาพ IATA One ID ช่วยเพิ่มความปลอดภัย
ลดความซับซ้อนของกระบวนการเช็คอิน
และสามารถอำนวยความสะดวกในการเดินทางข้ามสนามบินต่าง ๆ อย่างราบรื่น
เควิน
ไฮท์ทาวเวอร์ รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ Cirium กล่าวว่า
การแบ่งปันข้อมูลเป็นกุญแจสำคัญเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพในพื้นที่การบิน
และช่วยให้อุตสาหกรรมรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้
โดยมีตัวชี้วัดซึ่งสามารถปรับปรุงได้ เมื่อแบ่งปันข้อมูลเพิ่มเติมระหว่างกัน
ก็จะเริ่มเห็นประโยชน์ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป กรณีการตัดสินใจใช้เวลาอยู่นาน
ที่จะนำเทคโนโลยีอย่าง Generative AI เข้ามาใช้งานได้ภายในกี่วินาทีก็สามารถตัดสินใจได้เร็วและมีข้อมูลครบถ้วนมากขึ้น
Abe
Dev รองประธานฝ่ายดิจิทัลและนวัตกรรม ริยาร์ด แอร์
สายการบินแห่งชาติรายใหม่ของซาอุดีอาระเบีย กำหนดจะเปิดตัวปี 2568 จะเป็นสายการบินดิจิทัลรายแรกเข้ามาใช้ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น AI
การประมวลผลแบบคลาวด์ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเติบโตอย่างเต็มที่
ความคาดหวังของลูกค้าก็เช่นกัน
ทางสายการบินจึงพร้อมใช้โอกาสพิเศษมอบประสบการณ์ให้ผู้โดยสารได้ใช้เทคโนโลยีซึ่งไม่เคยพบเห็นมาก่อนได้ปีหน้า
ปัจจุบันริยาร์ด
แอร์ ลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งสำหรับสตาร์ทอัพที่จะร่วมมือกับสายการบิน
ด้วยนวัตกรรมจาก Aviation X Lab ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเอมิเรตส์ กรุ๊ป
เป็นศูนย์บ่มเพาะด้านการบินที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
กำลังสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อวงการบินโลก
ทาง Aviation
X Lab ทำหน้าที่รวบรวมผู้นำอุตสาหกรรม สตาร์ทอัพ
และผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมมือกันแก้ไขความท้าทายสำคัญกับช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมภาคการบินมุ่งเน้นไปสู่ความยั่งยืน
ความปลอดภัย ประสบการณ์ของผู้โดยสาร และประสิทธิภาพการดำเนินงาน
โดยมีเป้าหมายจะเปลี่ยนแปลงอนาคตการเดินทางทางอากาศผ่านเทคโนโลยีล้ำสมัยและความร่วมมือกันอย่างแข็งแกร่ง
Amna
Al Redha ผู้จัดการ Aviation X Lab กล่าวว่า
เมื่อพิจารณาประสบการณ์การเดินทางภาพรวมของผู้โดยสารแล้ว
จึงพยายามสร้างแผนผังจุดสัมผัสต่าง ๆ
ที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมสามารถนำมาซึ่งความก้าวหน้าสร้างความก้าวหน้าได้แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถพูดถึงอนาคตได้หากไม่ได้มุ่งเน้นด้านความยั่งยืน
เพราะการทำระบบไม่ได้เน้นเรื่องจะต้องเป็นผู้ที่เร็วที่สุดและใหญ่ที่สุดอีกต่อไป
แต่จะต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับบริษัทการบินจะดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
ข่าวที่สอง
-รมว.เสริมศักดิ์นำไทยจัดเวิลด์อีเวนต์“FIFA CONGRESS”ปี67
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า
ทันทีที่เข้ารับตำแหน่งก็มีภารกิจจัดงานใหญ่การเตรียมความพร้อมประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดเวิลด์อีเวนต์งานประชุม
“ฟีฟ่า คองเกรส ครั้งที่ 74
ประจำปี 2567 :FIFA CONGRESS 2024” ระหว่างวันที่
13-17 พฤษภาคม 2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ซึ่ง ทางรัฐบาลไทยนำโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” และสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ร่วมกันประกาศความพร้อมเมื่อวันที่ 8
พฤษภาคม 2567 นับถอยหลังตอกย้ำถึงความพร้อมของไทยในการจัดงานดังกล่าว
ไทยพร้ออมใช้โอกาสเป็นเจ้าภาพจัดเวิลด์ อีเวนต์ ครั้งนี้
ตอกย้ำนโยบายและจุดขาย ซอฟท์ พาวเวอร์ ไทย ยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ
โดยจะให้การต้อนรับนานาประเทศอย่างอบอุ่นด้วยอัธยาศรัยไมตรีแบบไทย ๆ
ซึ่งจะช่วยประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ประเทศ การท่องเที่ยว วัฒนธรรม วิถีชีวิต ไปพร้อม
ๆ กัน
ตามที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญงานเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ฟีฟ่า คองเกรส
ครั้งนี้ ซึ่งจะมีสมาชิกฟีฟ่า ทั่วโลกเดินทางมาใช้จ่ายเงินในไทยกว่า 211 ประเทศ มีนักกีฬาฟุตบอลระดับตำนานเข้าร่วมกิจกรรมต่าง
ๆ คาดจะมีผู้คนเข้ามาเมืองไทยด้วยอีก 3,000 คน แล้วก็จะถ่ายทอดกิจกรรมและการประชุมไปยังนานาประเทศด้วย
นางนวลพรรณ ล่ำซำ “มาดามแป้ง” นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า ฟีฟ่าเลือกไทยเป็นสถานที่จัดประชุมสมาชิกทั่วโลกประจำปี
2567 ถือเป็นภาพแห่งความภาคภูมิใจหนึ่งประวัติศาสตร์สำคัญของสมาคมฟุตบอลด้วย
เนื่องจากไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมฟีฟ่าประเทศแรกของอาเซียน และเป็นประเทศที่ 5
ในเอเชีย ต่อจาก ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ กาตาร์ และออสเตรเลีย
การประชุมฟีฟ่า คองเกรส ปี 2567 ในไทยจะมีวาระสำคัญเรื่องการโหวตเลือกเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก
2027 จึงถือเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำองค์กรลูกหนังของโลก และสหพันธ์ฟุตบอลระดับทวีปอีกเป็นจำนวนมากมากจะเข้ามาร่วมด้วย
เช่น ยูฟ่า ซีเอเอฟ เอเอฟซี โอเอฟซี คอนเมโบล และคอนคาเคฟ จึงถือเป็นอีเวนท์นอกสนามครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการโลกฟุตบอลซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในเมืองไทย
นางนวลพรรณ กล่าวว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลต้องขอขอบคุณรัฐบาลไทยนำโดยนายเศรษฐา
ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความมั่นใจร่วมทำงานกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ และเอกชน
คณะกรรมการจัดการประชุม ฟีฟ่า คองเกรส ครั้งที่ 74 ประกอบไปด้วย
หน่วยงานภายในประเทศ สนับสนุนทุกด้านตลอดการทำงานอย่างหนักเพื่อเตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพครั้งนี้
และขอบคุณสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” ผู้นำทางด้านไมซ์ของประเทศหนึ่งในเบื้องหลังประสานเชิญชวนฟีฟ่าตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดประชุมปีนี้
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)
“TCEB” กล่าวว่า พร้อมร่วมกับทุกฝ่ายสร้างความยิ่งใหญ่นำไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุม
ฟีฟ่า คองเกรส ครั้งที่ 74 โดยใช้ศักยภาพการเป็นองค์กรหลักด้านการประมูลสิทธิ์นำงานประชุมนานาชาติมาจัดในนามประเทศไทย
ทีเส็บภูมิใจที่ไทยเป็นชาติแรกในอาเซียนดึงงานนี้มาได้
ความสำเร็จครั้งนี้เกิดขึ้นจากพยายามร่วมกันระหว่างทีเส็บ กับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ
โดยมีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สนับสนุนเต็มที่ตลอดการยื่นประมูลสิทธิ์เป็นเจ้าภาพ
ภายใต้โครงการ One Ministry One Convention (OMOC)
การประชุมรายการใหญ่ในเชิงไมซ์ครั้งนี้ คาดสร้างรายได้เข้าเมืองไทยโดยตรงได้กว่า
228
ล้านบาท เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มมูลค่าเชิงบวกกับเศรษฐกิจในประเทศ126
ล้านบาท เกิดการจ้างงานกว่า 160 อัตรา และช่วยยกระดับส่งเสริมให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางในการรวมตัวกันของชุมชนกีฬาระดับโลกได้อีกด้วย
ตลอดการประชุม ฟีฟ่า ครองเกรส ครั้งที่ 74 ระหว่าง 13-17 พฤษภาคม 2567 ในเมืองไทยจะเต็มไปด้วยผู้นำวงการฟุตบอลจากทั่วโลก นำโดย จานนี อินฟานติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า พร้อมด้วยประธานสหพันธ์ฟุตบอลจาก 6 ทวีป ตัวแทนจาก 211 สมาคมสมาชิกภายใต้ ฟีฟ่า และตำนานนักฟุตบอลชื่อดัง ซึ่งจะมีวาระสำคัญเกิดขึ้นครั้งแรกที่ทั่วโลกเฝ้าจับตาเป็นพิเศษคือการโหวตเลือกเจ้าภาพ ฟุตบอลหญิง ชิงแชมป์โลก ปี ค.ศ.2027 หรือ พ.ศ. 2570 ซึ่งไทยมีสิทธิ์ลุ้นเป็นเจ้าภาพจัดงานนี้ในอนาคตอีก 3 ปีข้างหน้าด้วยเช่นกัน
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น