ททท.ขายกรีน365วันบูม4แสง“อุบล-ยโสธร-อำนาจเจริญ”
ลุ้นเวิลด์อีเวนต์“บั้งไฟ-แห่เทียน”ธุรกิจที่พักคึกคัก3พันห้อง
เปิดเที่ยวเชื่อมโยง25เส้นทาง-มิ.ย.โร้ดโชว์โกยทัวร์ตะวันออก
คิงเพาเวอร์ฉลองเลสเตอร์คว้าแชมป์สู่พรีเมียร์ลีกครั้งใหม่
กระตุกต่อมคนมีไฟลต์ช้อปคิงเพาเวอร์สนามบินฟิน3อย่าง
คิงเพาเวอร์ชวนแชร์ภาพรับน้ำหอมไฮเอนด์PENHALIGON
ททท.รุกATM2024โกยทัวร์เศรษฐีตะวันออกกลางแสนล้าน
บางจากQ1/67โกย1.35แสนล้าน-2โรงกลั่นทุบสถิติกำลังผลิต
สุขทันทีที่เที่ยวตราด
“ตลุยสวนผลไม้-พักโฮมสเตย์-บินฟิน”
5อารมณ์ที่ต้องรู้เมื่อเกิดแล้วจะมีผลต่อสุขภาพร่างกายทันที
การบินไทยQ1/67โกย4.59หมื่นล้านจ่อโละขายฝูงบิน18ลำ
ไมเนอร์ยกภูเก็ตฮับฟิล์มโลเคชั่นหนังโลกMotherofBride
วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #สุขทันทีที่เที่ยวตราด
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...https://www.facebook.com/share/v/9r2moVbB9mVaNMJ8/?mibextid=oFDknk
ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ “ธนภร พูลเพิ่ม”
ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุบลราชธานี
เปิดมหกรรมเที่ยวอีสาน 365 วัน
“อุบล-ยโสธร-อำนาจเจริญ” ทัวร์ดินแดน 4 แสง “เทียน-ธรรม-แรก-โซลาร์”
กระหน่ำขายเทศกาลโลกตะลึง “บั้งไฟยโสธร” ขอฝน พ.ค.นี้ “แห่เทียนพรรษา” กลางวันและกลาง
19-21 ก.ค.โรงแรมในเมือง
3,000 ห้องใกล้เต็มแล้ว
ชวนเที่ยวยาว ๆ ต่ออีก 3 เดือน
ใน 7-12 ชุมชนคนทำเทียน
จัดเต็มโปรแกรมเที่ยวเชื่อมโยง 3 จังหวัด
25 เส้นทาง ตลุยโร้ดโชว์ขายข้ามภาคตะวันออก
4-6 มิ.ย.นี้
นางธนภร พูลเพิ่ม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
สำนักงานอุบลราชธานี เปิดเผยว่า ในฐานะเมืองแห่งเทศกาลแดนอีสาน
เตรียมแผนกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวเข้าพื้นที่รับผิดชอบ 3 จังหวัด อุบลราชธานี ยโสธร อำนาจเจริญ
ซึ่งสามารถมาเยือนได้ทุกช่วงฤดูกาลตลอดทั้งปี 365 วัน ระหว่างเดือนพฤษภาคม-กันยายน นี้ พร้อมนำเสนอขายการท่องเที่ยวอีสานเขียวหน้าฝนหรือ
Green Season ไฮไลต์
ท่องเที่ยวงานเทศกาลประเพณีขึ้นชื่อคนไทยและต่างชาติรู้จักเป็นอย่างดี ได้แก่
งานแรก
“บุญบั้งไฟยโสธร”
เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านสืบต่อกันมายาวนานเรื่องขอฝนโดยการจุดบั้งไฟแห่พญาแถนให้ส่งฝนลงมาตามความเชื่อของปราชญ์ชาวบ้าน
ตามปกติจะจัดทุกสัปดาห์ที่สองของเดือนพฤษภาคมทุกปี ปีนี้จัดระหว่างวันที่ 11-13
พฤษภาคม 2567
งานที่
2 แห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี
แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ
ช่วงที่ 1 ก่อนงาน
เยือนชุมชนคนทำเทียน เที่ยวได้ก่อนงานตลอด 1 เดือน ช่วงที่สอง ระหว่างงาน 19-22 กรกฎาคม จะมีพิธีแห่เทียนพรรษา ช่วงที่ 3 หลังงานจัดในธีม “เทียนอุบลยลได้ตลอดเดือน”
จะนำเทียนที่ได้รับรางวัล มีความสวยงาม สร้างชื่อเสียงให้วัดต่าง ๆ
มาจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวชมต่อได้อีก 1 เดือน
ปี 2567
ทางจังหวัดอุบลราชธานีจัดพิเศษกว่าทุกปี
“แห่เทียนกลางวันและกลางคืน” ต่อเนื่องกัน 2 วัน ระหว่าง 20-21 กรกฎาคม นี้ จากเดิมจัดเพียงแค่ 1 วันเท่านั้น
การขยายวันเพิ่มก็เพื่อให้นักท่องเที่ยวสายมู สายบุญ สายศรัทธา
มาร่วมงานใช้จ่ายเงินมากขึ้น รายงานล่าสุดยอดจองห้องพักใกล้ทุ่งศรีเมือง
ในอำเภอเมืองอุบลราชธานีกว่า 3,000 ห้อง
มีนักท่องเที่ยวจองล่วงหน้าเต็มเกือบ 100 %
ส่วนห้องพักบริเวณอำเภออื่น ๆ ยังพร้อมรับได้อีกจำนวนมาก มีทั้งรีสอร์ต โฮมสเตย์
บ้านพัก ต่าง ๆ โดยยังคง “ราคาห้องพัก” เป็นมิตรภาพไม่แพงมาก
ขณะที่
“ชุมชนคนทำเทียน” ตามปกติทุกปีจะมี 9 ชุมชน
เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวเข้าไปชมขั้นตอน และดีไซน์ ต่าง ๆ
ตามภูมิปัญญาท้องถิ่นของศิลปินพื้นบ้าน ปี 2567 จัดเพิ่มพิเศษทำกิจกรรมชม “เทียนเรืองแสง”
กำลังหารือกับทางปราชญ์ชาวบ้านจะเพิ่มเป็น 12 ชุมชน ตามราศรีนักษัตริย์ หรือ 7 ชุม ตามวันเกิดของนักท่องเที่ยว
ทำขึ้นเพื่อสร้างแรงจูงใจขยายตลาดเติบโตเพิ่มล้อตามยุทธศาสตร์จังหวัดอุบลราชธานี
มีจุดขาย 4 แสง ได้แก่
“แสงเทียน-แสงธรรม-แสงแรก-แสงโซลาร์เซล” ที่ผ่านมาจุดขายโดดเด่นที่สุด
“แสงแรกแห่งสยาม” ที่ผาแต้ม จากนั้นทางจังหวัดได้เพิ่มอีก 3 แสง ได้แก่ แสงเทียน คืองานแห่เทียน แสงธรรม
การท่องเที่ยวทางพุทธศาสนามีวัดจำนวนมาก และแสงโซลาร์เซล
ที่เขื่อนสิรินธรเป็นเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำแบบไฮบริดที่ใช้ระบบแสงอาทิตย์ร่วมกับไฟฟ้าปกติ
แล้วส่งขายได้ทั่วอุบลราชธานี
ขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
กำลังหารือร่วมกับทุกฝ่ายถึงเรื่องการเสนอของบประมาณประจำปีทุกปีเพื่อมาสร้างงาน
“แห่เทียนพรรษา” เป็น World Event แต่ต้องตระหนักถึงความยั่งยืนจัดต่อเนื่องแบบเดียวกันได้ทุกปีเหมือนเทศกาลสงกรานต์
ส่วนการคมนาคมเข้า-ออกทั้งทางอากาศ
มีเที่ยวบินตรงแบบประจำขึ้น-ลงที่ท่าอากาศยานอุบลราชธานี 5 สายการบิน ทางบก ก็มีรถไฟ รถทัวร์ รถปรับอากาศ
ของกระทรวงคมนาคม
ประกาศเตรียมจะเพิ่มความถี่เสริมขบวนพิเศษมากขึ้นช่วงเที่ยวงานแห่เทียนพรรษา
ทุกฝ่ายวางแผนแล้วเป็นอย่างดี
รวมทั้ง
ททท.อุบลราชธานีได้จัดเตรียมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงผนวกเข้าไปด้วยหลังเสร็จสิ้นงานแห่เทียนพรรษา
อีก 25 เส้นทาง
รอบจังหวัดอุบลราชธานี เข้าไปถึงยโสธร และอำนาจเจริญ ต่อไปยังศรีสะเกษ สุรินทร์
ได้ด้วยเช่นกัน อัพเดทโปรแกรมได้ทางเพจเฟซบุ๊ค ททท.อุบลราชธานี มีครบทั้งแพกเกจ
เส้นทาง โรงแรม ร้านอาหาร
ผอ.ธนภร
กล่าวว่า ททท.ยังวางกลยุทธ์เสนอขายการท่องเที่ยวซอฟท์ พาวเวอร์ ตัวแรก F/Festival
เทศกาลเที่ยวงานแห่เทียนพรรษา
ตัวที่สอง F/Food อาหาร/ผลไม้
จัดเทศกาล เที่ยวสวนทุเรียนภูเขาไฟ ปลายเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม นี้ ยังไม่รวม
ตัวที่สาม F/Fashion ผ้าพื้นเมือง
เช่น ผ้ากาบบัวอุบลราชธานี ผ้าขาวม้าลายตาม่อง (สีขาวดำ) ยโสธร เหมืองหลวงแห่งผ้าขาวม้า
อำนาจเจริญ โดยได้รื้อฟื้นและดีไซน์ให้คนเจนวาย นำมาใช้ได้
รวมทั้งยัง
ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เตรียมนำสำนักงานอีสาน 8 แห่ง เดินทางไปทำ กิจกรรมที่ 1 โร้ดโชว์ไปยัง “ภาคตะวันออก” ระหว่างวันที่ 4-6
มิถุนายน 2567 ในพื้นที่ จังหวัด ระยอง พัทยา จังหวัดชลบุรี
ซึ่งทางอุบลราชธานีจะนำการท่องเที่ยวเทศกาลสวนทุเรียนภูเขาไฟ
แลกกับทุเรียนสีสันตะวันออก แล้วยังมีภาคอื่น ๆ เข้ามาด้วย
อันดับแรก
ภาคใต้ มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาร่วมแห่เทียน
แต่ละปีจะจัดเทศกาลแลกเปลี่ยนระหว่างกันคือ แห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี กับชักพระ
สุราษฎร์ธานี ปีนี้จะมีขบวนแห่มาร่วมงานแห่เทียนด้วย อันดับ 2 ภาคเหนือ มีเที่ยวบินตรง ไป-กลับ
อุบลราชธานี-เชียงใหม่ ทำให้มีนักท่อภาคเหนือ อันดับ 3 ภาคตะวันออก ชวนเที่ยวปลายฝนต้นหนาว
ดูแหล่งท่องเที่ยวดอกไม้ ธรรมชาติ วัฒนธรรม ประเพณี
ผอ.ธนภร
กล่าวตอนท้ายว่าขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวเดินทางสัมผัสประสบการณ์ “ทุกทันทีที่เที่ยว
อุบลราชธานี ยโสธร อำนาจเจริญ” เมื่อมาเยือนแล้วจะได้รับความสุข
ช่วงนี้มีแคมเปญเมืองรอง ท่องเที่ยววันธรรมดา และสุขทันทีที่เที่ยว 3 จังหวัด สร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นเติบโตได้ด้วยการท่องเที่ยวที่เข้มแข็งตลอดทั้งปี
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์ฉลองเลสเตอร์คว้าแชมป์สู่พรีเมียร์ลีกครั้งใหม่
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ ร่วมแสดงความยินดีกับสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ สร้างปรากฎการณ์ “THE POWER OF POSSIBILITIES, THE
POWER OF CHAMPIONS” ด้วยพลังความมุ่งมั่น และความไม่ยอมแพ้ในการพัฒนาศักยภาพของทีมจนสามารถสร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในฐานะ
สโมสรฟุตบอลทีมของคนไทยในการคว้าแชมป์ เดอะ แชมเปียนชิพ ฤดูกาล 2023/24 สมัยที่ 8 พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ทำสถิติสูงสุดในอังกฤษ
สามารถเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกได้ทีมแรกในรอบ 104 ปี
ภายใน 1 ฤดูกาล โดยคว้าชัยชนะแชมเปี้ยนลีกได้ถึง 32 นัด
“ผมขอขอบคุณนักเตะทุกคนทุ่มเทสู้อย่างเต็มที่ตลอดทั้งฤดูกาล
โดยรวมพลังมุ่งมั่นตั้งใจ อย่างไม่ยอมแพ้ แสดงให้เห็นถึงพลังความเป็นไปได้ “THE POWER OF
POSSIBILITIES, THE POWER OF CHAMPIONS” และขอบคุณแรงเชียร์จากคนไทยเป็นแรงอันสำคัญให้นำพาทีมสร้างความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในฐานะสโมสรฟุตบอลของคนไทย”
นอกจากความสำเร็จในการแข่งขันแล้ว ทางจิ้งจอกสยาม
เลสเตอร์ ซิตี้ ยังได้เผยแพร่ชื่อเสียงประเทศไทยให้ทั่วโลกรู้จักอย่างกว้างขวาง
ผ่านแชมป์เปี้ยนชิพลีก และโดยเฉพาะพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นลีกกีฬาที่มีผู้ชมมากสุดในโลก
ถ่ายทอดสดครอบคลุมเข้าถึงกว่า 212 ประเทศ 643 ล้านครัวเรือน โดยมีผู้ชมทั่วโลกกว่า
4,700 ล้านคน ผนวกกับได้ต่อยอดนำเสนอสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดโลกได้ด้วย
ล่าสุดนัดปิดฤดูกาล
2023/24 ที่ สนามคิง เพาเวอร์
สเตเดียม ได้โชว์เสื้อแจกเก็ตทำจากผ้าย้อมคราม “แอลซีเอฟซี บ้านเขาเต่า
คอลเลกชัน : LCFC BAN KHAO TAO COLLECTION” ให้นักเตะสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้
ใส่ลงสนามในช่วงพิธีเปิดการแข่งขัน ตอกย้ำถึงมรดกภูมิปัญญาตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นของศูนย์หัตถกรรมทอผ้าบ้านเขาเต่า
อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
นายอัยยวัฒน์ กล่าวว่า “คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา” ผู้ก่อตั้งกลุ่มคิง เพาเวอร์
เริ่มต้นนำร่องเข้าบริหารเลสเตอร์ ซิตี้ สโมสรฟุตบอลระดับโลก มาตั้งแต่ปี 2553
จนถึงปัจจุบัน หนึ่งในสโมสรฟุตบอลอังกฤษที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน
ขณะเดียวกันก็ทำให้คนไทยรู้จักชื่อเสียง “เลสเตอร์ ซิตี้” ในนาม “จิ้งจอกสยาม”ของคนไทย
คิง เพาเวอร์ ชวนแฟนจิ้งจอกสยามตัวยง
ร่วมฉลองแชมป์ EFL Championship ตั้งแต่วันนี้-31 พ.ค. 67
เพียงแชร์ภาพโมเมนต์ของคุณกับทีมฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ 5 ภาพที่โดนใจ รับไปเลย
เสื้อ Leicester City จำนวน 5 รางวัล
กติกาการร่วมสนุก
1.กดติดตาม King Power Official ทุกช่องทาง (Facebook
/ Instagram / TikTok และ Twitter
)
2.แชร์ภาพโมเมนต์ของคุณในการร่วมฉลองแชมป์ กับทีมฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้
ในคอมเมนต์ใต้โพสต์นี้
3.กด Like & Share โพสต์นี้
พร้อมตั้งค่าเป็นสาธารณะ
4.รอประกาศผลผู้โชคดี วันที่ 14 มิถุนายน 2567
ข่าวที่ 2 กระตุกต่อมคนมีไฟลต์ช้อปคิงเพาเวอร์รับฟินได้3อย่าง
คิง เพาเวอร์
กระตุ้นต่อมนักเดินทางทั้งประเทศ มีไฟลต์บินแล้ว
ชวนมาช้อปให้ฟินก่อนขึ้นเครื่อง!
ลูกค้าพันธมิตรช้อปยิ่งฟินไปอีกขั้น ถึง 3 อย่าง
อย่างที่ 1 รับคูปองส่วนลดสูงสุด 20% เมื่อช้อป 4,000
บาทขึ้นไป (Gross) / ใบเสร็จรับเงิน ที่ร้านค้าขาออก คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
หรือ ดอนเมือง
อย่างที่ 2
พิเศษเฉพาะลูกค้าชาวไทยที่ยังไม่เป็นสมาชิก รับสถานะสมาชิก คิง เพาเวอร์ ฟรี
1.รับสถานะ คิง เพาเวอร์ NAVY
เมื่อใช้คูปองส่วนลดและช้อปครบตามกำหนด
2.รับสถานะ คิง เพาเวอร์ SCARLET
เมื่อใช้คูปองส่วนลด
และช้อปครบ 15,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จรับเงิน
การรับสถานะสมาชิก คิง เพาเวอร์
จะได้รับในวันถัดไป (ไม่นับวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
อย่างที่ 3 รับคูปองส่วนลดได้ตั้งแต่วันนี้
– 30 มิถุนายน 2567 กับพันธมิตรสาขาที่ร่วมรายการคือ การบินไทย
ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ อาเซียนน่าแอร์ไลน์ส เอทิฮัดแอร์เวย์ส bellugg ร้านแลกเงิน OH! RiCH ซูเปอร์ริชไทยแลนด์
บริการพรีเมี่ยมสนามบิน SAWASDEE Pass Airport Premium Service
ข่าวที่ 3 คิงเพาเวอร์ชวนแชร์ภาพรับน้ำหอมไฮเอนด์PENHALIGON
คิง เพาเวอร์ ชวนแชร์ “หนึ่งภาพการเดินทาง”
ที่เต็มไปด้วยล้านความประทับใจ “3 ภาพที่โดนใจ” รอรับ PENHALIGON’S
Legacy of Petra EDP สุดยอดแบรนด์น้ำหอมชั้นสูงจากอังกฤษ “Penhaligon's”
มูลค่ารวม 29,832 บาท จาก เพาเวอร์ แทรเวลเลอร์ ทันที 3 รางวัล สนุกร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้ – 9 มิถุนายน 2567
1.กดติดตาม King Power Official ทุกช่องทาง
(Facebook / Instagram / TikTok และ X )
2.แชร์รูปทริปการเดินทาง
พร้อมบรรยายความประทับใจที่มีต่อภาพนั้นพอสังเขป ในคอมเมนต์ใต้โพสต์
3.กด Like & Share โพสต์นี้
พร้อมตั้งค่าเป็นสาธารณะ
รอประกาศรายชื่อผู้โชคดีได้วันที่ 14 มิถุนายน 2567 เวลา 18.00 น.
ใต้โพสต์ทาง kingpower facebook
4.ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลจะต้องยืนยันตัวตน แจ้ง
ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ปัจจุบันสามารถติดต่อได้ และเบอร์โทรศัพท์ ผ่านทาง Inbox
Message facebook.com/Kingpowerofficial ภายในวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 เวลา 18.00 น.
ข่าวที่
4 ททท.รุกATM2024โกยทัวร์เศรษฐีตะวันออกกลางแสนล้าน
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ททท.ร่วมเปิดมหกรรมงานส่งเสริมการท่องเที่ยวใหญ่อันดับ 3 ของโลก ATM : Arabian Travel Market 2024 ระหว่างวันที่ 6-9 พฤษภาคม 2567 ที่ ดูไบ เวิลด์ เทรด เซ็นเตอร์ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศศูนย์กลางในกลุ่มตะวันออกกลางอีกแห่งที่มีนักท่องเที่ยวตลาดคุณภาพของไทย
ปี 2567 ททท.ตั้งเป้าจะมีนักท่องเที่ยวตลาดตะวันออกกลาง
เดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทยมากกว่า 1.1 ล้านคน สร้างรายได้ไม่น้อยกว่า
1 แสนล้านบาท ต่อเนื่องจากปี 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวมาเมืองไทยแล้ว
867,674 ราย ชื่นชอบการเดินทางมาท่องเที่ยวช่วงฤดูฝนหรือ Green
Season
สามารถช่วยเติมเต็มการท่องเที่ยวนอกฤดูหรือโลว์ซีซันในหลายพื้นที่ท่องเที่ยวของไทย
ททท.จับมือกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตเปิดรับสมัครผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยเป็น 5 พื้นที่หลัก รวม 64 แห่ง ได้แก่ ภูเก็ต 36 แห่ง
กรุงเทพมหานคร 21 แห่ง กระบี่ 3 แห่ง ชลบุรี (พัทยา) 2 แห่ง และเกาะสมุย
สุราษฎร์ธานี 1 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึง 18 แห่ง คิดเป็น 39% แบ่งเป็น สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว 1 แห่ง ผู้ประกอบการที่พัก 40 แห่ง ผู้ประกอบการบริษัทจัดการนำเที่ยว (DMC) 11 แห่ง ผู้ประกอบการธุรกิจเชิงสุขภาพและสปา 3 แห่ง ธุรกิจอื่นๆ เช่น สวนน้ำ ห้างสรรพสินค้า 9 แห่ง
ผู้ว่าฯ
ฐาปนีย์ กล่าวว่า ททท.ได้เปิดคูหาการท่องเที่ยวของประเทศไทยวันแรกเมื่อ 6 พฤษภาคม 2567 โดยได้รับเกียรติจากนางสาวนิภา
นิรันดร์นุต กงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ ร่วมเป็นประธานตัดริบบิ้นเปิดคูหาอย่างเป็นทางการ
พร้อมด้วยผู้บริหาร ททท. ผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองดูไบ องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต
สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี
และเมืองพัทยา
เริ่มงานวันแรกเมื่อ
6 พฤษภาคม 2567 นางสาวฐาปนีย์
ผู้ว่าการ ททท.นำทีมผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องร่วมจัด 3 กิจกรรมไฮไลต์
ประกอบด้วย
กิจกรรมที่
1 ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนระดับประเทศในพื้นที่เมืองดูไบ เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวสร้างการรับรู้เป็นวงกว้างในตลาดทั่วสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
กิจกรรมที่
2 ทำพิธีลงนามความร่วมมือข้อตกลงเป็นพันธมิตรหรือ Strategic
Partnership Agreement กับ บริษัท dnata จำกัด
ผู้นำการท่องเที่ยวแบบครบวงจรรแถวหน้าในตะวันออกกลาง
กิจกรรมที่
3 หารือ 2 สายการบิน เอมิเรตส์
กับกาตาร์แอร์เวย์ส ซึ่งเป็นแอร์ไลน์สขนาดใหญ่ของตะวันออกกลางชั้นนำของโลก
เพื่อวางกลยุทธ์จะร่วมมือกันส่งเสริมตลาดตะวันออกกลางเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวต่อเนื่องในระยะยาว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
การจัดงานเทรดโชว์การท่องเที่ยวรายการใหญ่ของโลก ATM 2024 ระหว่างวันที่
6-9 พฤษภาคม 2567 ทางดูไบ
เน้นจัดในธีมคอนเซ็ปต์
พลังนวัตกรรมที่จะส่งผ่านการท่องเที่ยวไปยังนักพัฒนาธุรกิจรุ่นใหม่ : Empowering Innovation – Transforming Travel through
Entrepreneurship โดยได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการทั่วโลก 165
ประเทศ ใช้เงินลงทุนเปิดคูหาจัดแสดงสินค้าการท่องเที่ยวรวมกว่า 2,300
คูหา ควบคู่กับการเปิดเวทีเสวนาเทรนด์ใหม่ๆ
การท่องเที่ยวอนาคตของโลก ไม่ว่าจะเป็นการตลาดดิจิทัล ตลาดตะวันออกกลางในอนาคตทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์รวมและฮอสปิทาลิตี้
กำลังซื้อการท่องเที่ยวสายพันธุ์ใหม่
และอุปสรรคสำคัญของการท่องเที่ยวยุคต่อไปกับทางออกใหม่ ๆ ของโลก
ข่าวที่
5 บางจากQ1/67โกย1.35แสนล้าน-2โรงกลั่นทุบสถิติกำลังผลิต
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก
และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส
1 ปี 2567
เติบโตตามแผนธุรกิจและเป้าหมายที่ตั้งไว้ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 135,382 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68 % เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน มีกำไรก่อนหักภาษีและอื่น
หรือ EBITDA รวม 15,308 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น 39 % มีกำไรงวดในส่วนของบริษัทใหญ่ 2,437
ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนกว่า 100 % กำไรต่อหุ้น 1.68 บาท
ไตรมาส 1 ปี 2567 กลุ่มบริษัทบางจากเริ่มรับรู้การรวมธุรกิจหรือ
Synergy กับเอสโซ่ จึงรับรู้ผลการดำเนินงานแล้วบางส่วนประมาณ
1,500 ล้านบาท จากธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน
ธุรกิจการตลาด โลจิสติกส์ และผลประโยชน์ร่วมสนับสนุนการบริหารงาน) โดยมุ่งมั่นใช้การรวมธุรกิจให้บรรลุเป้าหมายตาม
EBITDA Synergy (ก่อนหักภาษี) ปีนี้กว่า 2,500 ล้านบาท และปีต่อ ๆ ไปอีกไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท คาดปีหลัง
2567 จะสามารถทำ Single Linear Program (LP) ได้ เพื่อให้ทำการกลั่นน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น และภายในสิ้นปีนี้ก็จะเปลี่ยนป้ายสถานีบริการน้ำมันเป็นบางจากทั้งหมด
รวมทั้งช่วงต้นปี
2567 ได้วางศิลาฤกษ์ก่อสร้างหน่วยผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืนหรือ SAF :Sustainable
Aviation Fuel แห่งแรกของไทย จะเริ่มผลิต SAF ได้ภายในไตรมาส
2 ปี 2568 ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดหาวัตถุดิบหลักผ่านโครงการ
“ทอดไม่ทิ้ง” รับซื้อน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว
และร่วมมือกับ ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น จัดหาน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วเพื่อผลิตและจำหน่าย
(UCO-to-SAF) และได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ
คอสโม ออยล์ และซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น ด้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ SAF ด้วย
นายชัยวัฒน์กล่าวว่า
ไตรมาส 2 ปี 2567 มีหลายประเด็นต้องคอยจับตามอง ได้แก่ 1.ค่าการกลั่นลดลงจากเศรษฐกิจชะลอตัวและเงินเฟ้อทั่วโลก 2.ต้องปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นพระโขนง และอุปสงค์ลดลงตามฤดูกาล จะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ควบคู่กับบริหารจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตและการทำงาน
เดินหน้าสร้างการเติบโตต่อเนื่องเพราะปี 2567 กำลังก้าวสู่ทศวรรษที่
5
โดยยึดมั่นจุดยืนการรักษาสมดุลทำธุรกิจภายใต้แนวคิด “Greenovate to
Regenerate สมดุลธรรมชาติ สรรค์พลังไม่สิ้นสุด”
และร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Net Zero Emissions
อย่างยั่งยืน
นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการ
ผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บมจ.บางจาก รายงานไตรมาสแรกปี
2567 แต่ละกลุ่มธุรกิจมีผลการดำเนินงานดังนี้
กลุ่มที่ 1 ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน
(โรงกลั่นพระโขนงและโรงกลั่นศรีราชา) มี EBITDA 4,404 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนกว่า100 % และเพิ่มขึ้น
9 % จากช่วงเดียวกับปี 2566 สร้างสถิติใหม่มีกำลังการกลั่น
2 โรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานระดับโลกรวมกว่า 271,700 บาร์เรลต่อวัน มีปัจจัยหลักจาก 1.โรงกลั่นศรีราชเพิ่มกำลังการผลิตเฉลี่ย
150,300 บาร์เรลต่อวัน จากเดิม 119,300 บาร์เรลต่อวัน จึงเป็นไตรมาสการสร้างประวัติศาสตร์ผลิตและกลั่นได้สูงสุด
และ 2.โรงกลั่นพระโขนง รักษากำลังการกลั่นสูงไว้ได้ที่ 121,400
บาร์เรลต่อวัน
ไตรมาส 1 ปี 2567 ค่าการกลั่นพื้นฐานปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
เป็น 6.08 เหรียญสหรัฐฯ จากไตรมาส 4 ปี
2566 อยู่ที่ 4.65 เหรียญสหรัฐฯ และการรับรู้ Inventory Loss ลดลง ธุรกิจการค้าน้ำมันโดยบริษัท BCPT เติบโตจากการจัดหาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ให้โรงกลั่นน้ำมัน
2 แห่ง รวมถึงมีเพิ่มช่องทางซื้อขาย การขยายธุรกิจไปยังประเทศใหม่ๆ จึงมีธุรกรรมซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันรวมเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน
36 %
กลุ่มที่ 2 ธุรกิจการตลาด มี EBITDA
1,899 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 100
จากช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนด้วยปริมาณการจำหน่ายน้ำมันรวมทุกช่องทางสูงถึง 3,541
ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนกว่า 100 % เติบโตจากเครือข่ายปั๊มน้ำมันทั่วประเทศ
2,217 สถานี
โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำกลยุทธ์การตลาดผสานรวมอย่างมีประสิทธิภาพ
จึงมียอดขายเพิ่มขึ้นจากสถานีบริการภายใต้ บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) (BSRC) ไตรมาส 1 ปี 2567 BSRC เปลี่ยนเป็นแบรนด์บางจากแล้วเสร็จ 332
สถานี ทำยอดขายและส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 29.2 %
จากเดิมสิ้นสุดปี 2566 ทำไว้ 28.8 %
กลุ่มที่ 3 ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด โดย บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติที่สหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น
ไตรมาส 1 ปี 2567
มี EBITDA 1,411 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 35 %
กลุ่มที่ 4 ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ โดย บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) มี EBITDA 284 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน
12 % และเพิ่มจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 100 % ด้วยปัจจัยหลักมียอดขายสูงขึ้นจากความต้องการเพิ่มขึ้นของบางจากศรีราชา
กลุ่มที่ 5 ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ มี EBITDA
รวม 7,404 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 30 % และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 37 % สร้างสถิติรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์จากปริมาณการผลิตและปริมาณการขายเพิ่มขึ้น
โดยรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มไตรมาสของแหล่งผลิต Statfjord ที่
OKEA ASA เข้าถือกรรมสิทธิ์เมื่อ 29 ธันวาคม
2566 กับแหล่งผลิต Hasselmus
เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อตุลาคม 2566
ปี 2567 Statfjord มีปริมาณการผลิตน้อยกว่าคาดการณ์ไว้
จึงต้องตั้งด้อยค่าจากการลงทุนสุทธิกับรายการกลับรายการด้อยค่าของ Yme คิดเป็นขาดทุนจากการด้อยค่าหลังหักภาษีตามราว 366
ล้านบาท
ช่วงที่ 2 เดือนพฤษภาคมนี้ มีทริปแนะนำ “สุขทันทีที่เที่ยวตราด”
พักโฮมสเตย์จบครบที่เดียว ตลุยสวนผลไม้ บินฟินแถมได้ส่วนลดด้วย แล้วฝึก “5อารมณ์” ที่ต้องรู้เป็นตัวแปรกับสุขภาพ และข่าวฮ็อตท้ายชั่วโมง ข่าวแรก
“การบินไทยQ1/67”ทำรายได้ 4.59 หมื่นล้านบาท
ข่าวที่สอง “ไมเนอร์หนุนภูเก็ตฟิล์มโลเคชั่นโลก”
ท่องเที่ยว –สุขทันทีที่เที่ยวตราด“สวนผลไม้-พักโฮมสเตย์-บินฟิน”
สุขทันทีที่เที่ยวตราด
อำเภอคลองใหญ่ ห้ามพลาดกับร้านอาหารครัวลุงเอกซีฟู๊ด
ล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น เสน่ห์ของวิถีชุมชน “ลุงเอกโฮมสเตย์ตราด และครัวลุงเอกซีฟู๊ดตราด”
ที่หมู่บ้านคลองมะขาม ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่
มีบริการทั้งบ้านพักโฮมสเตย์
ร้านอาหาร เรือส่วนตัว ครบจบในที่เดียว 4
ห้องนอน 3 ห้องน้ำ สะอาด รองรับสูงสุด 15 คน
มาสนุกกับกิจกรรมลากแพเปียก
พายซับบอร์ด พายคายัค ซื้อทริปเพิ่มตกหมึกซื้อทริป มาสัมผัสวิถีชาวประมง
เสน่ห์ของชุมชนบ้านคลองมะขาม
ค่าบริการที่พักโฮมสเตย์
3 ห้อง พักค้างคืน 2 คน 900 บาท/ห้อง/คืน เสริมได้ 1 คน 300 บาท/ท่าน
มีอาหารเช้า ห้องพักขนาดใหญ่ 2,500 บาท พักได้ 6 คน มีอาหารเช้า เหมาหลัง 5,500
บาท ไม่เกิน 15 คน ไม่มีอาหารเช้า จองที่พักโทร. 09-5749-9893
พิกัดที่
2 กราบสักการะ “สมเด็จพระพุทธบูรพา ศรีสุวรรณภูมิ” ที่วัดแหลมกลัด ตำบลแหลมกลัด อำเภอเมือง
จังหวัดตราด เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ มีพระพักตร์ที่นิ่งสงบ
เปี่ยมด้วยความรักต่อสรรพชีวิต ใครที่เห็นพระพุทธรูปองค์นี้จากมุมไกล
ย่อมรู้สึกอบอุ่น หากมีความทุกข์หรือความเดือดเนื้อร้อนใจ
ย่อมมีความหวังหรือกำลังใจว่าพระกรุณาธิคุณจะช่วยปกป้องรักษาให้ปลอดภัย
พิกัดที่
3 งานวันระกำหวาน
ผลไม้ และของดีเมืองตราด ประจำปี 2567 ตรงสนามหน้าศาลากลางจังหวัดตราด 18 -22 พฤษภาคม นี้ เกษตรกรชาวสวนผลไม้ ผู้ผลิตสินค้าชุมชน
และท้องถิ่น
นำสินค้าขึ้นชื่อมาต้อนรับนักท่องเที่ยวพร้อมกิจกรรมหลากหลาย เช่น
ชมประกวดผลไม้ ระกำหวาน ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง เงาะพันธุ์โรงเรียน มังคุดผิวมัน
มังคุดผิวลาย และสับปะรดพันธุ์ตราดสีทอง ชิมฟรีบุฟเฟ่ต์ผลไม้ 3 ชนิด คือ เงาะ มังคุด และทุเรียน ชนิดละ 2 ตัน
เดินตลาดนัดผลไม้คุณภาพราคาถูก การประกวดอาหารคาวหวานจากสับปะรดตราดสีทอง
ปั่นจักรยานแรลลี่ท่องเที่ยวสวนเกษตร การประกวดสุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน
พิกัดที่
4 อร่อยทันทีที่เที่ยวตราด
คัดสรรผลไม้มาตรฐานสินค้าที่มี GI แหล่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของตราด
คือ ทุเรียนสายพันธุ์ชะนีเกาะช้าง ระกำหวาน สัปปะรดตราดสีทอง
เชิญชวนนักท่องเที่ยวจองแพ็กเกจทัวร์สวนผลไม้ตราด 16 สวน
และบุฟเฟ่ต์เมืองตราด อร่อยสะหงาด เริ่ม 1 พฤษภาคม – 30
มิถุนายน 2567
พิกัดที่
5 เที่ยวฟิน..บินตราด
หนีร้อนไปนอนทะเลสวย น้ำใส อาหารทะเลสุดว้าว สัมผัสเสน่ห์วิถีชุมชน
ช้อปชิมผลไม้ฉ่ำๆ รับส่วนลด 300 บาท/Booking
เพียงกรอกรหัสส่วนลด TATTDX300
เมื่อซื้อบัตรโดยสารเส้นทางเข้า
หรือ ออก กรุงเทพฯ – ตราด จองและใช้โค้ดส่วนลดตั๋วเครื่องบิน
วันนี้- 15 มิถุนายน 2567 เดินทางได้ถึง 30 กันยายน 2567 คลิก bangkokair.com
วางแผนทริปหน้าแวะไปสุขทันทีที่เที่ยวตราด
สนุกกับการเที่ยวเชิงประสบการณ์ และกิจกรรมมากมาย เที่ยวได้ 365 วัน
สุขภาพ
–5อารมณ์ที่ต้องรู้เมื่อเกิดจะมีผลต่อสุขภาพร่างกายทันที
อารมณ์มีผลต่อร่างกาย
แต่รู้หรือไม่ว่าอารมณ์แบบไหน ส่งผลอย่างไรกับร่างกายของเราบ้าง
1. ดีใจ
ที่อาจทำให้เราอยากกินเลี้ยงฉลอง เกี่ยวข้องกับหัวใจและลำไส้เล็ก
เนื่องจากหัวใจมีหน้าที่ควบคุมการไหลเวียนของเลือด
ภาวะนี้จะทำให้การไหลเวียนของพลังงานและเลือดไหลเวียนช้า แต่จะมีการคลายตัวของกล้ามเนื้อลดความเครียด
เกิดความกระชุ่มกระชวย ถ้าดีใจมากเกินไปทำให้จิตใจไม่รวมศูนย์ ขาดสมาธิ
2.โกรธ
หลายคนยังคิดว่าการทานของหวานจะทำให้คลายเครียด ซึ่งเป็นภาวะทำให้ “ไฟตับสูง”
มีอาการหงุดหงิด ปวดหัว ตามัว ปวดตา ตาบวม ความดันเลือดสูง ถ้าเป็นมากทำให้วูบ
หมดสติและเป็นอัมพาตได้ ตลอดจนทำให้ปวดชายโครง คัดแน่นเต้านมหรือมีก้อน
ประจำเดือนมาผิดปกติ เหมือนมีก้อนในคอ แน่นท้อง บางรายอาเจียนเป็นเลือด
3.วิตกกังวล แล้วกินจุบจิบ
เกี่ยวกับม้าม กระเพาะอาหาร การใช้ความคิดมากเกินไป คิดไม่ถูก คิดไม่เป็น
ทำให้มีผลต่อการดูดซึมอาหาร จนเบื่ออาหาร ท้องอืด ท้องเฟ้อ เป็นแผลในกระเพาะอาหาร
ถ่ายเหลว ถ้าเป็นเรื้อรังทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความจำเสื่อม นอนไม่หลับ ฝันบ่อย
อันเป็นผลจากการอุดกั้นของพลังขัดขวางการดูดซึมอาหาร
ทำให้เลือดและพลังไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
4.เศร้าโศก การกินเพื่อให้ลืม
เกี่ยวกับปอดและลำไส้ใหญ่ การเสียใจนานเกินไปทำให้มีพลังไปอุดกั้นปอด
จะหมดเรี่ยวแรง อ่อนเพลีย และเหนื่อยง่าย
5.ตกใจกลัว
อาจทำให้กินมากเกินไป มีผลต่อไตและกระเพาะปัสสาวะ
โดยมีผลต่อพลังที่เกี่ยวกับการพยุงเหนี่ยวรั้งลดน้อยลง ทำให้ปัสสาวะอุจจาระอั้นไม่อยู่
ขาทั้งสองอ่อนแรง จิตใจสับสน แปรปรวน พูดจาเพ้อเจ้อ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–การบินไทยQ1/67โกย4.59หมื่นล้านจ่อขายฝูงบิน18ลำ
นายชาย เอี่ยมศิริ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
บมจ.การบินไทยและบริษัทย่อยมีผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี
2567 สร้าง
“รายได้รวม” ทั้งสิ้น 45,955 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.7% จากช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนทำไว้รวม
41,507 ล้านบาท เติบโตสูงขึ้นจากการเพิ่มเที่ยวบินและความต้องการเดินทางสูงขึ้นต่อเนื่อง
โดยเฉพาะเที่ยวบินระหว่างประเทศ 3
เส้นทางหลัก คือ ยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น
มี
“รายได้ขายตั๋วโดยสาร” รวม 38,517 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้ผู้โดยสารทั่วไป
38,387 ล้านบาท กับส่วนราชการภายในประเทศ 130 ล้านบาท คิดเป็น 0.3% ของรายได้ตั๋วทั้หมด
เป็นรายได้จากเส้นทางบิน ยุโรป 34.5% เอเชียเหนือ 32.8%
เอเชียตะวันตกและตะวันออกกลาง 11.9% ออสเตรเลีย 7.2% อาเซียน 7.7% และภายในประเทศ
5.9%
มี
“กำไรสุทธิ” เป็นของ บมจ.การบินไทย และบริษัทย่อย
ตลอดไตรมาส 1 ปี 2567 รวม
2,423 ล้านบาท
มี
“กำไรการดำเนินงานก่อนหักต้นทุนทางการเงิน” ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว
11,075 ล้านบาท ลดลง 1,959 ล้านบาท คิดเป็น 15 % จากไตรมาสเดียวกันกับปีก่อน
มี “EBITDA” หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบินรวมค่าเช่าเครื่องบินจากการใช้เครื่องบินที่เกิดขึ้นจริง
(Power by the Hours) 14,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนคือ14,054
ล้านบาท
นายชายกล่าวว่า
ขณะนี้การบินไทยกำลังรอทำลงนามสัญญาขายฝูงบินที่ไม่ได้ใช้งานรวม 18 ลำ
มี 3 แบบ
แบบละ 6 ลำ
ได้แก่ แอร์บัส A380
โบอิ้ง B777-200 และโบอิ้ง
B777-300
ซึ่งได้บันทึกไว้ในรายการด้อยค่าเครื่องบินประมาณ 3,338 ล้านบาท
เนื่องจากเป็นเครื่องที่อยู่กับการบินไทยมานานเมื่อไม่ได้อยู่ในสายการผลิตแล้วมูลค่าราคาตลาดจะลดลงตามไปด้วย
คาดภายในเดือนพฤษภาคม 2567
บริษัทจะสามารถลงนามสัญญากับตัวแทนผู้ซื้อเครื่องที่เหลือทั้งหมดได้
แต่ก็จะยังไม่ได้รับเงินทันที
เพราะต้องผู้ซื้อมีขั้นตอนต้องใช้เวลาตรวจสอบความเรียบร้อยองค์ประกอบเครื่องบินด้วย
นายกรกฎ ชาตะสิงห์
ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บมจ.การบินไทย กล่าวว่าวางแผนการตลาดไตรมาส 2-4 ปี 2567 จะเพิ่มความถี่เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ
สู่ปลายทาง 3 เส้นทางหลัก
ได้แก่
เส้นทางที่ 1 ออสเตรเลีย
3 เมือง
ได้แก่ ซิดนีย์ 2 เที่ยว/วัน
เพิร์ธ 1 เที่ยว/วัน
เมลเบิร์น 2 เที่ยว/วัน
เส้นทางที่ 2 ยุโรป
การบินไทยมีส่วนแบ่งตลาดผู้โดยสารรวม 34.5 % เดือนกรกฎาคมนี้จะเพิ่มเที่ยวบิน ออสโลว์
(นอร์เวย์) 7 เที่ยว/สัปดาห์
มิราน (อิตาลี) จากนั้นไตรมาส 4
ปีนี้ จะเพิ่มเที่ยวบินไปยัง กรุงบรัสเซล (เบลเยี่ยม)
เส้นทางที่ 3 เอเชีย
แบ่งเป็น 2
พื้นที่ คือ พื้นที่แรก สาธารณรัฐประชาชนจีน จะเพิ่มเที่ยวบินไปยัง 2 เมือง
คือ ปักกิ่ง จาก 7 เป็น
10 เที่ยว/สัปดาห์
และเซี่ยงไฮ้ จาก 7 เป็น
11 เที่ยว/สัปดาห์
พื้นที่สอง อินเดีย ไตรมาส 4
ปีนี้ จะเปิดบินใหม่สู่เมือง อัมริตสาร์ (Amristsar)
เพื่อใช้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาลไทยประกาศยกเว้นวีซ่าให้อินเดีย (Visa Exemption) อย่างเต็มประสิทธิภาพ
และปัจจุบันก็มีเที่ยวบินสู่อินเดียอยู่แล้วไม่ต่ำกว่า 6 เมือง
เพียงพอรองรับการเดินทางตลอดทั้งปี
สำหรับผลการดำเนินงานของ
บมจ.การบินไทย และบริษัทย่อยฯ ในส่วนอื่น ๆ ตลอดไตรมาส 1 ระหว่างมกราคม-มีนาคม 2567 มีรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้
มี “ค่าใช้จ่าย” รวม
34,880 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.5% จากช่วงเดียวกับปีก่อนมีเพียง28,473 ล้านบาท จาก 3 ส่วน
คือ ส่วนที่ 1 ปริมาณการเพิ่มของ
การผลิตและ/หรือการขนส่ง จำนวนเที่ยวบิน จุดบิน ผู้โดยสาร ส่วนที่ 2
เงินบาทอ่อนค่า ส่วนที่ 3
อัตราค่าบริการภาคพื้นและวัตถุดิบสูงขึ้น
ค่าใช้จ่ายภาพรวมจึงปรับตัวสูงตามไปด้วย
ค่าใช้จ่ายดังกล่าว ได้แก่
ค่าบริการผู้โดยสาร ค่าบริการการบินในต่างประเทศ
ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเครื่องบินและอุปกรณ์
มี “ต้นทุนทางการเงิน”
บันทึกการรับรู้ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 (TFRS 9) รวม
4,608 ล้านบาท โดยมีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวสุทธิเป็นค่าใช้จ่าย 4,036 ล้านบาท
ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกัน 4 รายการ
ได้แก่
1.ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
5,372 ล้านบาท
2.การด้อยค่าของเครื่องบิน
และสินทรัพย์สิทธิการใช้ และอุปกรณ์การบินหมุนเวียน 3,338 ล้านบาท
3.มีรายการปรับปรุงรายได้บัตรโดยสารที่หมดอายุ
4,136 ล้านบาท
4.กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 493 ล้านบาท
และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 36 ล้านบาท
มี
“จำนวนเครื่องบิน” ใช้บริการได้ตลอดไตรมาส 1 รวมทั้งสิ้น 73 ลำ
เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 8 ลำ เป็นการทยอยรับมอบเครื่องบินแบบแอร์บัส A350-900
ที่จัดหาและนำมาปฏิบัติการบินระหว่างปี
มี
“อัตราการใช้เครื่องบิน” เฉลี่ยวันละ 12.8 ชั่วโมง มีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร
(ASK) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10.1%
ปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้น 10.1% มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร
(Cabin Factor) เฉลี่ย 83.5% ใกล้เคียงกับปีก่อน
โดยสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมคือ 80.8% มีจำนวนการขนส่งผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น
3.88 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10.2%
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 เปรียบเทียบกับวันที่
31 ธันวาคม
2566 มีรายการเคลื่อนไหวเป็นบันทึกประจำ
4 รายการ
ดังนี้
1.สินทรัพย์รวม 257,110 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18,119
ล้านบาท คิดเป็น 7.6%
2.หนี้สินรวม 297,829 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15,696
ล้านบาท คิดเป็น5.6%
3.ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ
และบริษัทย่อยติดลบ 40,719 ล้านบาท ติดลบลดลง 2,423 ล้านบาท
4.มีเงินสดรวมตั๋วเงินฝาก เงินฝากประจำ
และหุ้นกู้ ที่มีระยะเวลาครบกำหนดชำระมากกว่า 3 เดือน แต่ไม่เกิน 12 เดือน 72,725
ล้านบาท เพิ่มขึ้น
5,595 ล้านบาท
ข่าวที่สอง
-ไมเนอร์ยกภูเก็ตฮับฟิล์มโลเคชั่นหนังโลกMother of The Bride
วิลเลียม
ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า
ทางกลุ่มโรงแรมให้การสนับสนุน ซอฟท์ พาเวอร์ ตามนโยบายรัฐบาลไทย
ทางด้านการผลักดันสถานที่ท่องเที่ยวของไทยเป็นจุดหมายปลายทางหรือศูนย์กลางการทำถ่ายภาพยนตร์นานาชาติ
หรือ Film
location ล่าสุดมีโอกาสเป็นแขกรับเชิญอยู่ในภาพยนตร์ เรื่อง “Mother
of the Bride” เตรียมเปิดฉายทาง Netflix เริ่ม 9 พฤษภาคม 2567
เป็นต้นไป เป็นหนังโรแมนติกคอมเมดี้อเมริกัน กำกับโดย มาร์ค
วอเตอร์ส ได้เลือก “อนันตรา ลายัน ภูเก็ต รีสอร์ท และ อนันตรา ไม้ขาว ภูเก็ต
วิลล่าส์” ของกลุ่มโรงแรม ไมเนอร์ โฮเทลส์ เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังด้วย โดยการชูเสน่ห์ความโดดเด่นของเมืองไทยไว้ได้อย่างสวยงาม
โครงการนี้ส่งผลดีกับการผลักดันภูเก็ตของไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของผู้สร้างภาพยนตร์จากฮอลลีวูดและนานาชาติ
ด้วยการใช้ประโยชน์เรื่องทำเลที่ตั้งความสวยงามทางธรรมชาติ ส่งเสริมกระตุ้นการท่องเที่ยว
และเพิ่มรายได้เข้าสู่เศรษฐกิจในท้องถิ่น เติบโตเคียงคู่ไปด้วยกัน
ตามนโยบายรัฐบาลไทยประกาศสร้างแรงจูใจเพิ่มรายได้ด้วยกลยุทธ์ส่งเสริมไทยเป็นจุดหมายปลายทางการถ่ายทำภาพยนตร์ของตลาดนานาชาติ
โดยประกาศสิทธิพิเศษให้ต่างชาติ 2 มาตรการหลัก คือ
มาตรการที่
1
ยกเว้นภาษีเงินได้ 5 ปี เริ่มประกาศตั้งแต่ปี 2565
ต่อเนื่องไปจนครบ เปิดโอกาสให้นักแสดงชาวต่างชาติที่เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในไทยไม่ต้องจ่ายภาษีดังกล่าว
มาตรการที่
2
ไทยพร้อมคืนเงิน หรือ Cash Rebate สูงสุด
20 % ของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในประเทศ ให้กับทีมถ่ายทำภาพยนตร์ต่าง
ๆ
ทั้ง
2
มาตรการส่งผลดีกับจังหวัดภูเก็ตซึ่งปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่สำคัญทางด้าน
ฟิล์ม โลเคชั่น ในการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ โดยมีหน่วยงานการท่องเที่ยว ภาครัฐ
ธุรกิจในท้องถิ่น สนับสนุนช่วยสร้างการเติบโตต่อเนื่องทั้งด้านจำนวนนักท่องเที่ยว
และการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จากผู้ผลิตหรือการทำโปรดักชั่นระดับนานาชาติอย่างภาพยนตร์เรื่อง Mother
of the Bride และซีรีส์ยอดนิยมเรื่อง The White
Lotus ที่ถ่ายทำในเมืองไทย
ตามแผนภาพยนตร์
Mother
of the Bride มีกำหนดฉายทาง Netflix เริ่มวันที่ 9 พฤษภาคม ก่อนวันแม่สากล
นำแสดงโดยดาราระดับตำนาน ได้แก่ บรุก ชีลส์ มิรันดา คอสโกรฟ
และเบนจามิน แบรตต์ ด้วยเนื้อหาเรื่องราวของลาน่า คุณแม่ที่มีลูกสาววางแผนจัดงานแต่งในเมืองไทย
จนเกิดงานแต่งแสนว้าวุ่นเมื่อคุณพ่อของเจ้าบ่าวเป็นรักครั้งแรกของลาน่าที่มีอันต้องพรากจากกันไปนาน
วิลเลียม
ไฮเน็ค กล่าวว่าในฐานะแขกรับเชิญร่วมอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เล็งเห็นถึงประโยชน์ภาพใหญ่ที่ประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่ปรากฏการณ์ “set-jetting” หรือการท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์ จะช่วยกระตุ้นนักท่องเที่ยวนานาชาติออกมาตามรอยสถานที่ถ่ายทำหนัง
ซีรีส์ หรือรายการทีวี เรื่องโปรด ทางกลุ่มไมเนอร์จึงมีเป้าหมายจะร่วมโปรโมทเมืองไทยให้เป็นศูนย์กลางถ่ายทำภาพยนตร์
ช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจในท้องถิ่น ทำให้เกิดประโยชน์ที่จับต้องได้กับทีมงานฝ่ายผลิตทั้งเรื่องต้นทุนและประสิทธิภาพ
เพราะหากประเทศทำสำเร็จ คนในประเทศก็ประความสำเร็จด้วยเช่นกัน
สำหรับ “ไมเนอร์ โฮเทลส์” เป็นบริษัทดำเนินธุรกิจโรงแรมในรูปแบบเจ้าของ ผู้บริหาร ผู้ลงทุน ปัจจุบันมีโรงแรมทั้งหมดกว่า 540 แห่ง
บริหารที่พักเอกลักษณ์ต่าง ๆ ทั้งภายในและทั่วโลกใน 56 ประเทศ กระจายอยู่ตามภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง แอฟริกา มหาสมุทรอินเดีย ยุโรป และอเมริกาใต้ ภายใต้ 8 แบรนด์หลัก ได้แก่ 1.อนันตรา/Anantara 2.อวานี/AVANI 3.โอ๊คส์/OAKS 4.เอ็นเอช โฮเทลส์/NH Hotels 5.เอ็นเอช คอลเลคชัน/NH Collection 6.นาว/nhow 7.ทิโวลี/Tivoli 8.เอเลวาน่า/Elewana
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น