ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ททท.นำภาคเหนือQ1/67รับรายได้ฉ่ำๆ แตะ 6หมื่นล้านบาท
17จังหวัดลุยสุขทันทีเที่ยวล้านนาหน้าฝน4เส้นทาง6แคมเปญ
ช้อปด่วนทัวร์ภาคเหนืองานไทยเที่ยวไทย-จัดเต็มมิ.ย.-ก.ย.นี้
รับด่วน!!3โปรดี“สถานะNAVY-ส่วนลดศรีพันวา-เครื่องดื่มฟรี”
จัดไปลด25%ช้อปคิงเพาเวอร์ออนไลน์ End of
Month Deal
คิงเพาเวอร์ควงบัตรKTCช้อปรับเลย3ต่อสะสมแต้มได้4เท่า
ททท.จัดAmazing Travel Market ลดใหญ่80%ดันไทยฮับโลก
บางจากนำโมเดลESGถกอาเซียนเปิดทางร่วมซื้อขายคาร์บอน
สุขทันทีทีเที่ยวเทศกาลผลไม้งานเกษตรปราจีนถึงสระแก้ว
5อาหาร!!ต้องรู้ห้ามรับประทานคู่กันเกิดโทษไม่ดีกับสุขภาพ
MEIชี้เทรนด์ท่องเที่ยวปี67เอเชียครองโลก/ไทยบินโต 20 %
TCEBร่วม5ฝ่ายตั้งภาคีไหมไทยชูขอนแก่นโมเดลลุยตลาดโลก
วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #TCEB #ทททภูมิภาคภาคเหนือ
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/TRt7efs6V9LtPUfJ/?mibextid=oFDknk
ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ “นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่”
ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำ 17 จังหวัด ตุนรายได้ไตรมาส 1 ปี 67 ได้แล้ว 60,000 ล้านบาท ตลุยขายสุขทันทีที่เที่ยวล้านนาหน้าฝน 4 เส้นทาง 6 แคมเปญ จับมือสมาคมท่องเที่ยวจัดแพกเกจฉ่ำ ๆ 4 เดือน มิ.ย.-ก.ย.นี้ ชวนช้อปฟินเทศกาล
“ไทยเที่ยวไทย” 27-30 มิ.ย.นี้
ที่ไบเทคบางนา พร้อมเปิดปฏิทินเที่ยวรายเดือน “มิ.ย.” เชียงใหม่ไพรด์ วิ่งเทรล
“ก.ค.” แห่เทียนพรรษากลางกว๊าน วิจิตรน้ำพุร้อนสันกำแพง “ส.ค.” งานคราฟท์ ดนตรี
ครอสคันทรี “ก.ย.”ชมสลากย้อม โคมแสนดวงลำพูน
ตักบาตรเทโวอุทัย อุ้มพระดำน้ำเพชรบูรณ์
นางสาวภัทรอนงค์
ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า กำลังเปิดโครงการ “สุขทันทีที่เที่ยวหน้าฝนล้านนา” กับธีม
“เที่ยวเหนือให้ฉ่ำ” เทรนด์ท่องเที่ยวธรรมชาติ
เพิ่มประสบการณ์ท่องเที่ยววิถีชีวิตทุ่งนา ป่าเขา ทะเลหมอก
นักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมชมมหกรรมขายได้ในงาน “ไทยเที่ยวไทย” วันที่ 26 มิถุนายน 2567 ที่ศูนย์ประชุมไบเทค บางนา ได้เปิดบูธ ททท.5 ภูมิภาค มีแอ่วเหนือให้ฉ่ำ แพกเกจราคาพิเศษ
มีสมาคมโรงแรม สมาคมท่องเที่ยว
นำการท่องเที่ยวแต่ละรายการมาเสนอขายเที่ยวหน้าฝนอย่างเต็มที่
ตลอดไตรมาส 1 ระหว่างมกราคม-มีนาคม 2567 ททท.ภูมิภาคภาคเหนือได้นำ 17 จังหวัด ทำให้ภาพรวมการท่องเที่ยวเติบโตช่วงเดียวกันกับปี 2566 มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยสูงถึง 70.5 % เพิ่มขึ้น 3.3 % มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนกว่า 11 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 4 % สร้างรายได้ประมาณ 60,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 15 % ด้วยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ 5,400 บาท/คน/ทริป เพิ่มขึ้น 10 % ไตรมาสนี้สามารถได้ 25 % เข้าเป้าหมายตลอดปีหรือคิดเป็น 1 ใน 4 แล้ว แต่ยังคงจะต้องทำงานหนักช่วงไตรมาส 2-3 ปีนี้ต่อไป
ไตรมาสแรกปีนี้มีผู้เยี่ยมเยือนนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ตาก ทำให้มีจำนวนรายได้สูงตามไปด้วย 5 อันดับแรก เชียงใหม่ เชียงราย เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ตาก
ททท.พร้อมเดินหน้าทำตลาดเชิงรุกอย่างหนักตั้งแต่พฤษภาคม
2567 เป็นต้นไป
โดยได้จัดทำกิจกรรมส่งเสริมตลาดการเดินทางควบคู่ไปด้วย ไฮไลต์ 4 เส้นทาง 6 แคมเปญ และเที่ยวงานประเพณีให้ฉ่ำต่อเนื่องตลอด 4 เดือน ระหว่างมิถุนายน-กันยายน 2567 ประกอบด้วย
เส้นทางที่ 1 ทะเลหมอกหน้าฝน ในเชียงใหม่ มี สวนป่าดอยบ่อหลวง สวนสนบ่อแก้วองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ป่าสนวัดจัน “เชียงราย” มีดอยสะโง้ว “เพชรบูรณ์” มีทะเลหมอกภูทับเบิก “แม่ฮ่องสอน” สัมผัสทะเลหมอกหยุนไหล อำเภอปาย
เส้นทางที่ 2 นาและไร่ชาขั้นบันได ได้แก่ เชียงใหม่ ไปป่าบงเปียง บ้านแม่กาหลง “เชียงราย” ดอยแม่สะลอง “แม่ฮ่องสอน” สะพานซูตองเป้ บ้ายห้วยฮ่อม “สุโขทัย” บ้านนาต้นจั่น “นครสวรรค์” มีเขาหน่อเขาแก้ว หมอกระเรื่อ
เส้นทางที่ 3 เที่ยวน้ำตกสวยงาม ทำกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงผจญภัย หรือ Soft Adventure ไฮไลต์ ล่องแก่งน้ำเข็ก จ.พิษณุโลก น้ำตกตาดใหญ่ จ.กำแพงเพชร น้ำตกคลองลาน จ.เพชรบูรณ์
เส้นทางที่
4 ทุ่งดอกไม้สวยหน้าฝน
ได้แก่ ทุ่งดอกกระเจียวสีส้ม อุทยานแห่งชาติพาเจริญ จ.ตาก ทุ่งดอกเทียนผีเสื้อ
ออกดอกเฉพาะหน้าฝน บนดอยหัวหมด จ.ลำปาง ทุ่งดอกกระเจียวสีชมภู อุทยานแห่งชาติดอยจก
จ.พิษณุโลก ทุ่งดอกบัวแดง จ.นครสวรรค์
ส่วนแคมเปญท่องเที่ยวหน้าฝน
โดยได้ดีไซน์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของกลุ่มตลาดซึ่งมีความชื่นชอบแตกต่างกันไป
ไม่ต่ำกว่า 6 แคมเปญ ดังนี้
แคมเปญที่
1 “เล่นกอล์ฟให้ฉ่ำ”
เช่น เล่นกอล์ฟวันธรรมดา 8 สนามทั่วเมือง
ลำปาง ลำพูน กอล์ฟ เฟสติวัล เชียงใหม่ จัดทั้งหมด 9 สนาม ตั้งแต่พฤษภาคม-สิงหาคม
แคมเปญที่
2 “SOS
:Sense of Spa”
ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สนับสนุนจุดขายเชียงใหม่เมืองรักสุขภาพ
โดยมีผู้ประกอบการสปาในพื้นที่รวมกลุ่มกันให้ราคาพิเศษกับนักท่องเที่ยว
แคมเปญที่
3 “อาหารอร่อย”
กินล้ำ ฉ่ำหวาน ที่ลำปาง ลำพูน ต้อนรับการเดินทางท่องเที่ยววันธรรมดา จ่าย 200
บาทขึ้นไป
นำสลิปไปแลกรับแก้วเก็บความร้อนความเย็นได้ตามเงื่อนไขของ
ททท.และพันธมิตรที่เข้าร่วมโครงการ
แคมเปญที่
4 “ช้อปฉ่ำ ๆ”
ไฮไลต์ ผ้าย้อมครั่งลำปาง ผ้าม่อฮ่อมลำพูน และแฟชั่นผ้าพื้นเมืองในแต่ละจังหวัด
เมื่อเที่ยวหน้าฝนแล้วช้อปครบ 3,000 บาท
จะได้รับฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 500 บาท
แคมเปญที่
5 “พักให้ฉ่ำ”
โรงแรมในจังหวัดเชียงรายพร้อมใจกันจัดมหกรรมมอบส่วนลดพิเศษให้นักท่องเที่ยวตลอดฤดูฝน
จะได้รับคูปองเงินสดไปใช้บริการตามคาเฟ่ต่าง ๆ
แคมเปญที่
6 เที่ยวแพร่ไม่แคร์ฝน
ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั่วจังหวัดแพร่รวมตัวกัน
จัดทำเส้นทางให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมลงมือทำเวิร์คช็อป D.I.Y.กระตุ้นการใช้จ่ายเงินมากขึ้น
รวมทั้ง
ททท.เตรียมเปิดตัวแคมเปญใหม่สุด “เที่ยวให้ฉ่ำในเมืองรอง”
จัดพร้อมกันทั่วภาคเหนือ 17 จังหวัด
จะ เริ่มเดือนมิถุนายน 2567 เป็นต้นไป
ททท.จับมือกับสายการบินไทย แอร์เอเชีย
บินไปเที่ยวในราคาสบายกระเป๋าเลือกซื้อตั๋วตามเมืองรองต่าง ๆ
เพื่อนำการท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจภาคเหนือคึกคักตลอดหน้าฝน 4 เดือน
ผอ.ภัทรอนงค์
กล่าวว่า ททท.ภูมิภาคภาคเหนือ ยังได้เดินหน้าขาย 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน นำโดยงานแรก
Chaingmai Colorful Pride Month 2024 เริ่ม 26
พฤษภาคม 2567 วันแรกจัดพาเหรดเพื่อปูพรมเฉลิมฉลองกันตลอดมิถุนายนซึ่งเป็นเดือนแห่ง
Pride Month ซึ่งทางภาคเหนือพร้อมจะแจกคูปองที่พัก
สปา และกิจกรรมต่าง ๆ เจาะกำลังซื้อขยายฐานนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ+ เข้าสู่ภาคเหนือ
รวมทั้งจะนำสินค้าหัตถกรรมพื้นเมืองหรืองาน Craft สุดพิเศษสำหรับตลาดนี้โดยเฉพาะ
งานที่
2 จัดวิ่งเทรล และรันต่าง ๆ เช่น Night Run
ลำปาง 2 มิถุนายน ดอยช้างเทรล 22-23 มิถุนายน ที่เชียงราย
งานที่
3 เที่ยวงานประเพณี
เริ่มเดือนมิถุนายนนี้ งานขึ้นธาตุเดือนเก้า จ.ตาก บุญบั้งไฟและแข่งเรือยาว
อุทัยธานี
เดือนกรกฎาคม
จะมีไฮไลต์ แห่เทียนพรรษากลางกว๊านพะเยา
ปลายกรกฎาคมจัดยิ่งใหญ่การแสดงวิจิตรภาคเหนือ แสงสีไฟ Illumination น้ำพุร้อน สันกำแพง เชียงใหม่ งาน ปาย
แจ๊สแอนด์บลู อ.ปาย แม่ฮ่องสอน เวียนเทียนประคันที่เมืองโบราณสุโขทัย
เดือนสิงหาคม
มี 3 งานที่แม่ฮ่องสอน
คืองาน แม่ลาน้อยคราฟท์แอนด์แคมป์ งานเทศกาลดนตรี แม่ฮ่องสอนครอสคันทรี
งานรวมพลคนรักเส้นที่ลำปาง งาน 191 ปีสะแกรังที่อุทัยธานี
เดือนกันยายน
เริ่มกลับเข้าสู่งานพระพุทธศาสนา เช่น สลากย้อม และโคมแสนดวง ที่ลำพูน
ตักบาตรเทโวอุทัยธานี อุ้มพระดำน้ำที่เพชรบูรณ์
ผอ.ภัทรอนงค์
กล่าวเพิ่มถึงการผนวกขาย ซอฟท์ พาวเวอร์ เที่ยวภาคเหนือ มีสินค้าเด่น ๆ ได้แก่
แฟชั่น/ผ้าพื้นเมือง กับ “อาหาร/food”
ต่อยอดชื่อเสียงเมนูโดยนำเสนอเมนูป้องกันสุขภาพ เปิดมหกรรมตลาดนัด กรีน ฟาร์ม
คิชเช่น
รวมพืชผักวัตถุดิบอินทรีย์ไปให้ร้านอาหารทั่วเชียงใหม่นำไปปรุงเสิร์ฟนักท่องเที่ยว
ก่อนหน้านี้ช่วงเกิดฝุ่น PM 2.5 ทาง
ททท.สำนักงานเชียงใหม่ ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดกิจกรรม Food to
Fight Smock เปิดอบรมการทำอาหารต่อสู้กับฝุ่น
เช่น โภชนาการล้างพิษ หรืออาหารเสริมสร้างปอดให้แข็งแรง เครื่องดื่มวัตถุดิบธรรมชาติ
เชฟ เทเบิ้ล ปรุงอาหารดีไซนต์เมนูสู้ฝุ่น
โดยมีโครงการไฮไลต์ทำ
108 เมนู ล้างพิษ 108
ร้านอาหารเมืองเชียงใหม่ เช่น
ยำผักหวานกุ้งสดข้าวไรซ์เบอรี่ ช่วยรักษาภูมิแพ้ ลดตาอักเสบ แกงแคผัก5สีบำรุงปอด พร้อมเปิดเส้นทางตามรอยอาหาร
ตัวอย่างตามผักกรากชูของชาวปะกากะยอเป็นผักใต้ดินมีคุณสมบัติมีประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพหลายอย่าง
แล้วนำเงินไปช่วยมูลนิธิดับไฟป่าด้วย
สำหรับการท่องเที่ยวภาคเหนือหน้าฝน
ททท.แต่ละสำนักงานยังได้เพิ่มโปรแกรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเข้าไปด้วย
โดยจะแจกคูปองให้นำไปใช้เป็นส่วนลดมูลค่า 200 บาท เช่น
เชียงราย ทั้งผู้ประกอบการร้านอาหาร ฟาร์มต่าง ๆ
เข้าร่วมโครงการดังกล่าว
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1 รับด่วน!!3โปรดี“สถานะNAVY-ส่วนลดศรีพันวา-เครื่องดื่มฟรี”
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ เปิดมหกรรมกระตุ้นนักช้อปกลุ่ม “สมาชิก คิง
เพาเวอร์” ที่มีตั๋วโดยสารเครื่องบินต่างประเทศอยู่ในมือหรือมีไฟลต์บินแล้ว
ทุกทริปเดินทางช่วงพฤษภาคม-มิถุนายน 2567 สมาชิกบัตรทั้ง 5
ประเภท ได้แก่ Navy, Scarlet, Onyx, Crown และ Vega รับดีลดีเบอร์ใหญ่
“นักท่องเที่ยวคนไทย”
รับฟรี! “สถานะสมาชิกบัตร NAVY”
เริ่มวันนี้– 30 มิถุนายน 2567 เพื่อใช้ส่วนลดทุกการช้อป
5% ที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา พบกับสิทธิประโยชน์จาก คิง
เพาเวอร์ และพันธมิตรชั้นนำ ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางทั่วโลก
สอบถามเพื่อรับสถานะสมาชิกฟรีได้ที่จุดขาย และจุดบริการสมาชิก คิง เพาเวอร์ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ดอนเมือง เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ต
“ศรีพันวา
กรุ๊ป” ร่วมแจกสิทธิพิเศษให้ “สมาชิก คิง เพาเวอร์” ที่ถือบัตรทุกประเภท Navy, Scarlet, Onyx, Crown และ Vega สามารถใช้สิทธิประโยชน์ข้ามปี
เริ่มวันนี้ – 1 มีนาคม 2568 ในที่พักและร้านอาหารตั้งอยู่ในเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของไทย
3 แห่ง ได้แก่
1.ศรีพันวา ภูเก็ต ลักชัวรี่ พูล วิลล่า
จ.ภูเก็ต 2.บาบา บีช คลับ (BaBa Beach Club) หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ 3.บาบา บีช คลับ
นาใต้ จ.พังงา มอบส่วนลดสูงสุด 25% แพกเกจ “Summer
Getaway” รับทันที 3 ส่วน คือ ส่วนที่ 1
จองห้องพัก ส่วนที่ 2 อาหารและเครื่องดื่ม
3.แพ็กเกจสปา คลิกรับสิทธิ์ง่าย ๆ ผ่าน ไลน์ของคิงเพาเวอร์คือ LINE @kingpower
“เพิ่มเพื่อนทางไลน์”
กับ @Kingpower ใช้กะรัตรีวอร์ดแลกเครื่องดื่มคลายร้อน
วันนี้-31 ธันวาคม 2567 โดยนำกะรัตรีวอร์ดเพียง
90 กะรัต ไปรับเครื่องดื่มที่ร้านชั้นนำใน คิง เพาเวอร์
รางน้ำ ใช้แทนส่วนลด 100 บาท ได้ที่ สตาร์บัค ร้านพีซ
โอเรียนเต็ล ทีเฮาส์ ร้าน Koi ร้าน QQ Dessert และรับฟรี! เมนู แมงโกสมู้ตตี้เพียว ที่ร้าน Make Me Mango
ข่าวที่ 2จัดไปลด25%ช้อปคิงเพาเวอร์ออนไลน์End of
MonthDeal
คิง
เพาเวอร์ แจกดีลพิเศษ “END OF MONTH DEAL”
ลดสูงสุด 25 % ผ่านทาง คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ เท่านั้น กับไอเทมแบรนด์ในสัปดาห์สุดท้าย
วันนี้-31 พฤษภาคม 2567 สินค้าดิวตี้ฟรีมีครบหมดจบที่ www.kingpower.com เมื่อมีไฟลต์บินต่างประเทศในมือเรียบร้อยแล้ว
จะอยู่ที่ไหนก็ช้อปสบาย ๆ
แล้วไปรับสินค้าได้บริเวณสนามบินขาออกนอกประเทศ ละลานตากับไอเทมสินค้าแบรนด์บิวตี้ แฟชั่น
ไลฟ์สไตล์ 2 สิทธิ์ต้องห้ามพลาด
สิทธิ์แรก ช้อปครบ 10,000 บาท ลดทันที
2,500 บาท กดรับรหัสส่วนลด EDMAY25
สิทธิ์ที่ 2 รับฟรี! ส่วนลด 10 % เพื่อเลือกซื้อประกันภัยการเดินทางต่างประเทศจากเมืองไทยประกันชีวิตในโปรแกรม
HappyTrip แผนรายเดี่ยว ให้เฉพาะลูกค้าคนไทยที่ช้อปคิง เพาเวอร์ แล้วมียอดครบ
3,000 บาท(สุทธิ) ขึ้นไป รับได้เลยคนละ 1 สิทธิ์/ครั้ง ช้อปเสร็จรอรับ SMS รับสิทธิ์ส่วนลดได้ตั้งแต่วันนี้- 30 มิถุนายน แล้วเก็บไว้ใช้ได้จนถึงวันที่ 15
กรกฎาคม 2567
ข่าวที่ 3 คิงเพาเวอร์ควงบัตรKTCช้อปรับ3ต่อสะสมแต้มได้4เท่า
คิง
เพาเวอร์ ควงบัตรเครดิต “KTC”
ชวนช้อปฟินต่อเนื่องที่ คิง เพาเวอร์ ตั้งแต่วันนี้ -30 ธันวาคม 2567 รับสุดคุ้มเมื่อซื้อสินค้าคิง เพาเวอร์
แล้วจ่ายผ่านบัตรรับทันที 3 ต่อ พร้อมรับคะแนนสะสมสูงสุดถึง 4 เท่า
ต่อที่
1 แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 14% วันนี้ – 30 มิถุนายน 2567
โดยไม่จำกัดยอดแลกสูงสุดตลอดรายการ เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรแล้วลงทะเบียนใช้คะแนน
KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่าย / เซลล์สลิป เริ่มต้นจาก 1
– 9,999 บาท แลกรับเครดิตเงินคืน 12 % และมียอดใช้จ่ายตั้งแต่10,000 บาทขึ้นไป
แลกรับเครดิตเงินคืนได้เต็มที่ 14%
ต่อที่
2 ใช้คะแนน KTC FOREVER ครึ่งหนึ่งของยอดใช้จ่าย ทุกการช้อปที่คิง
เพาเวอร์ เริ่มวันนี้-30 ธันวาคม 2567 เปิดให้แลกรับสิทธิ์ผ่อน
0% นาน 10 เดือน เมื่อมียอดใช้จ่ายสุทธิครบ 5,000 บาทขึ้นไป/รายการใช้จ่าย
ต่อที่
3 สมาชิกบัตรเครดิต JCB ทุกประเภท ตลอด 3เดือนนี้ ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2567เมื่อมียอดใช้จ่ายทุกการช้อปที่คิง เพาเวอร์สะสมต่อเดือน ต่อบัตร
ครบตามกำหนดรับคะแนน KTC สูงสุด 4 เท่า 1.รับคะแนน 2 เท่า เมื่อมียอดใช้จ่ายสะสม/เดือน ครบ 1-9,999 บาท 2.รับคะแนน 3 เท่า เมื่อยอดใช้จ่ายสะสม/เดือน ครบ
10,000-99,999 บาท และ 3.รับคะแนน 4 เท่า
เมื่อยอดใช้จ่ายสะสม/เดือน ครบ 100,000 บาทขึ้นไป
ข่าวที่
4 ททท.จัดAmazing Travel Market ลดใหญ่80%ดันไทยฮับโลก
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานเปิดงาน Amazing
Thailand Travel Market ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
และพันธมิตรร่วมกันจัดงานมหกรรมท่องเที่ยวไทย ระหว่างวันที่
23 – 29 พฤษภาคม 2567 บริเวณลานพาร์ค
พารากอน สยามพารากอน กรุงเทพมหานคร ทำโปรโมชันมอบส่วนลดพิเศษสูงสุด 80 % ทั้งสินค้าและบริการการท่องเที่ยวไทย
จัดให้ชมการแสดงเชิงศิลปวัฒนธรรม เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการท่องเที่ยวจริงทั่วประเทศตามนโยบาย
IGNITE THAILAND ของรัฐบาลซึ่งมีเป้าหมายยกระดับประเทศเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับโลก
หรือ Tourism Hub
ภายในงานกิจกรรมส่งเสริมการขายของภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
จะช่วยกระจายรายได้อย่างทั่วถึง ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรายใหญ่และรายย่อยมีโอกาสทำรายได้สร้างเศรษฐกิจประเทศเติบโตต่อเนื่องอนาคต
พร้อมทั้งต่อยอดยุทธศาสตร์รัฐบาลได้ตามเป้าหมายทัวริสซึ่ม
ฮับ ซึ่งมีจังหวัดท่องเที่ยวหลักกับเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์
ความพร้อมหลากหลายด้านตอบโจทย์ความต้องการนักเดินทางทุกรูปแบบทั้งตลาดคนไทยและต่างชาติ
ทำให้ปี 2567 มีรายได้เป็นไปตามเป้า 3.5 ล้านล้านบาท
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
กล่าวว่า การลงทุนจัดงาน Amazing Thailand Travel Market ระหว่างวันที่
23 – 29 พฤษภาคม 2567 ต่อเนื่อง 7
วัน ทุกวันจะเริ่มตั้งแต่ 11.00 – 19.00 น. ตรงลานพาร์คสยามพารากอน
กรุงเทพฯ ทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชน ร่วมมือกันนำเสนอสินค้าและบริการท่องเที่ยวของไทย
ส่งเสริมภาพลักษณ์และมาตรฐานที่ดีครบเครื่องโดยเฉพาะความเป็นไทย “ซอฟท์ พาวเวอร์ เสน่ห์ไทย”
ที่นักท่องเที่ยวจะต้องทำ 5 Must Do in Thailand ผ่านจุดแข็งต่าง
ๆ ได้แก่ มวยไทย/Must Beat อาหารไทย/Must
Eat วัฒนธรรมไทยและแหล่งท่องเที่ยวในไทย/Must
Seek ผ้าและสินค้าหัตถกรรมไทย/Must
Buy การแสดงโชว์ไทย/Must
See
แม่เหล็กที่จะปลุกกระแสคนไทยและทั่วโลกหันมาเลือกเที่ยวเมืองไทยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
สำหรับแรงจูงใจนักท่องเที่ยวในการจัดงานครั้งนี้
คือ “สิทธิพิเศษและส่วนลด” สูงสุดถึง 80% ของสถานประกอบการต่าง ๆ
สินค้าและบริการการท่องเที่ยว นำโดย
กลุ่มที่ 1 ที่พักโรงแรมแบรนด์ยอดนิยมอย่าง
บาร์เซโล่โคโคนัทไอส์แลนด์ภูเก็ต ดุสิตธานี
ลากูน่าภูเก็ต โรงแรมอวานี พลัส เขาหลัก รีสอร์ท
กลุ่มที่ 2 กิจกรรมนันทนาการท่องเที่ยว
เช่น สวนน้ำสยามอะเมซิ่งพาร์ค และสวนน้ำวานา นาวาวอเตอร์จังเกิ้ล หัวหิน
กลุ่มที่ 3 แฟชั่นผ้าและสินค้าหัตถกรรม
เช่น พิชชา โคลธิเออร์ ซอมพอล้านนา ยาหยี
กลุ่มที่ 4
ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความงาม เช่น บันยันทรีสปา ภูเก็ตโอเอซิสสปา แอทนิมมาน
กลุ่มที่ 5 บริษัทนำเที่ยว
เช่น บริษัท เทรดเฮล จำกัด บริษัท มาลัยสยามทัวร์ จำกัด
พร้อมกับมีบูธอื่น
ๆ เสริมประสบการณ์ดี ๆ ให้ผู้เข้าชมงาน ด้วยบูธนำเสนอข้อมูลประชาสัมพันธ์มวยไทย
โดยบัวขาวแกลลอรี่ บูธผลไม้ “อร่อยทุกไร่ชิมไปทุกสวน ตอน ยกสวนมาป่วนเมือง”
ภาคตะวันออกยกสวนมาให้เลือกซื้อเต็มอิ่ม ต้องลิ้มลองทุเรียน ราชาผลไม้ของไทย กับสินค้าและบริการท่องเที่ยวอื่น
ๆ อีกมากมาย
สำหรับ “กิจกรรม” ให้ร่วมสนุกต่าง ๆ
ก็มีหลากหลายดังนี้ 1.ซื้อ
แลก แจก ฟรี เพียงซื้อสินค้าหรือถ่ายภาพเช็กอินในงาน แล้วโพสต์ลงโซเชียลมีเดียพร้อมติด
#AmazingThailandTravelMarket ลุ้นรับของที่ระลึกสุดพิเศษจากผู้ประกอบการท่องเที่ยว
2.โปรดี
นาทีทอง ขายสินค้าและบริการท่องเที่ยวราคาสุดพิเศษ
เริ่มต้นเพียง 9 บาท 3.live
ขายสินค้า
ผ่านเพจ ปันโปร Punpromotion ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า
5.4 ล้านคน
นักท่องเที่ยวยังจะได้เพลิดเพลินกับ
การแสดงและการสาธิต เวิร์คช้อปหัตถกรรมไทยอย่าง เพ้นร่ม หน้ากากผีตาโข
ทำโมบายใยแมงมุม และชมศิลปวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์ที่ได้นำอัตลักษณ์ไทยผสมผสานความร่วมสมัย
ได้แก่ เซิ้งพาวเวอร์ ฟ้อนโคมคำ รากไทย ฟ้อนร่มลวดลายผ้า ชุดมโนราห์นารี
นาฏมวยไทย การแสดงชุดบุปผาบรรณาการ
การแสดงชุดราตาลีกีปัส การแสดงรวมใจไทย 4 ภาค การแสดงดนตรีท้องถิ่น
ผู้ว่าฯ ฐาปนีย์ กล่าวว่า ททท.
เชื่อมั่นการจัดมหกรรม Amazing Thailand Travel Market จะช่วยส่งมอบประสบการณ์ความสุขจากการท่องเที่ยวเมืองไทยทำให้เกิดแรงบันดาลใจให้คนไทยและต่างชาติออกเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
แล้วยังได้โปรโมทสินค้ากับบริการท่องเที่ยวไทยแข็งแรง สมดุลและยั่งยืนได้อย่างเป็นรูปธรรม
ข่าวที่ 5 บางจากนำโมเดลESGถกอาเซียนเปิดทางร่วมซื้อขายคาร์บอน
นางกลอยตา
ณ ถลาง รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าได้ร่วมสนทนา Fireside Chat กับ Mr. Adam
Nye ผู้บริหารของ Argus Media ในหัวข้อ “Navigating
Corporate Stewardship – Advancing ESG Initiatives and Achieving Decarbonization
Goals in the VCM” ในงาน Argus Asia Carbon Conference จัดโดยArgus Media สื่อผู้เชี่ยวชาญการนำเสนอข้อมูลรายงานและการวิเคราะห์ตลาดพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์
ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย แลกเปลี่ยนทัศนะและข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาตลาดคาร์บอนในประเทศต่างๆ
ในเอเชีย ทั้งจากภาครัฐบาลและภาคเอกชน
นางกลอยตากล่าวบนเวทีถึงการดำเนินธุรกิจของบางจากฯ
ตามแนวทาง ESG ตลอด 40 ปี
ได้ตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ให้สำเร็จปี
ค.ศ.2030 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์หรือ Net
Zero GHG Emissions ในปี ค.ศ. 2050 ผ่านแผน BCP316NET ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงกระบวนการผลิต
การสร้างสมดุลทางระบบนิเวศ และการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่พลังงานสะอาดด้วยเทคโนยี
โดยใช้ตลาดคาร์บอนเป็นหนึ่งในกลไกชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร
แต่ต้องให้ความสำคัญกับการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ด้วยตนเองให้ได้มากที่สุดก่อนชดเชยด้วยคาร์บอนเครดิต
สำหรับตลาดคาร์บอนในประเทศไทยได้พัฒนาตลาดภาคสมัครใจ
(VCM – Voluntary Carbon Market) ตั้งแต่ปี 2555
โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) พร้อมกับขึ้นทะเบียนโครงการต่าง
ๆ เช่น การพัฒนาพลังงานทดแทน การปลูกและอนุรักษ์ป่า การจัดการในภาคขนส่ง
การจัดการของเสีย และการปรับปรุงในภาคเกษตรกรรม
โดยภาพรวมการซื้อขายคาร์บอนเครดิตของไทย ยังมีปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับปริมาณคาร์บอนเครดิตที่ขึ้นทะเบียนไว้
แต่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อันเป็นผลจากการประกาศเป้าหมายความยั่งยืนของประเทศไทย
และการตั้งเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero
Emissions ของภาคธุรกิจในระดับองค์กรมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือในรูปแบบต่างๆ
เช่นการก่อตั้ง Carbon Markets Club โดยบางจากฯ
และหน่วยงานพันธมิตร
เป็นการรวมตัวในลักษณะเครือข่ายเพื่อสนับสนุนการซื้อขายคาร์บอนเครดิตและร่วมสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับวิกฤตสภาวะภูมิอากาศเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี
2564
นางกลอยตาได้เสนอความเห็นเรื่องการพัฒนามาตรฐานคาร์บอนเครดิตร่วมกันระหว่างประเทศในอาเซียนเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง
ยกระดับราคา ให้สามารถซื้อขายข้ามประเทศในตลาดนานาชาติ ช่วยผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ
เพื่อการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และสร้างโอกาสในการเป็นศูนย์กลางคาร์บอนเครดิตในระดับสากลได้ด้วย
ช่วงที่ 2 เทศกาลฉ่ำ ๆ ขับรถเที่ยวใกล้กรุง ชวนปักหมุดไปชมงานเทศกาลผลไม้และ
“เกษตรปราจีนบุรี” ท่องธรรมชาติต่อไปถึงสระแก้วเมืองสงบของไทยอีกแห่ง
แล้วฟังไว้เลย “5อาหารต้องรู้กินคู่กันแล้วสุขภาพพัง”
และข่าวฮ็อตมาแรง ข่าวแรก “TCEBงัดไหมขอนแก่นโมเดล”
นำไทยบุกตลาดโลก ข่าวที่สอง “MEI”
มาสเตอร์การ์ดเปิดโพลล์ท่องเที่ยวปี67 เอเชียครองโลก
ไทยมีเที่ยวบินโต 20%
ท่องเที่ยว –สุขทันทีทีเที่ยวเทศกาลผลไม้งานเกษตรปราจีนถึงสระแก้ว
เที่ยวใกล้
เที่ยวง่าย เที่ยวให้ฉ่ำ ต้อนรับเทศกาลอร่อยทุกไร่ ชิมไปทุกสวน
ขับรถไปเช็คอินเที่ยว “เกษตรปราจีนบุรี” กำลังจะเริ่มแล้ว 29 พฤษภาคม – 9 มิถุนายน
2567 เที่ยวได้ตลอด 12 วัน ตรงบริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5
หน้าองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี
พบกับมหกรรมผลไม้ พันธุ์ไม้ ผลผลิต ผลิตภัณฑ์การเกษตรที่ดีมีคุณภาพ 1
ในซอฟท์ พาวเวอร์ของไทย นั่นก็คือ “อาหาร”
ชวนกันมาเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวยกกำลัง 2 ฤดูผลไม้ ปราจีนบุรี และสระแก้ว
ยกผลไม้พื้นบ้านขึ้นชื่อที่ได้การรับรองด้วยแหล่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือ GI นำโดย “ทุเรียน GI” ละลานตาหลายสายพันธุ์ “มะม่วงน้ำดอกไม้ GI” สระแก้ว
งานนี้เปิดให้ “เช็คอิน ฟินผลไม้ @ปราจีนบุรี&สระแก้ว” กับแพ็คเกจโปรโมชั่นส่วนลด ที่ทางผู้ประกอบการ ชมรมสวนผลไม้
รังสรรค์มาปลุกกระแสนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการกินทุเรียนเลิฟเวอร์ ปราจีนบุรี
มาให้กินฟิน GI 7 สายพันธุ์ นำทีมด้วยก้านยาว หมอนทอง ชะนี
กระดุมทอง กบชายน้ำ ชมพูศรี และพันธุ์กำปั่น
ทาง ททท.สำนักงานนครนายก กับชาวสวนในปราจีนบุรีและพันธมิตรมอบส่วนลด
100 บาท กับนักท่องเที่ยว 1,000 คนแรก ที่ซื้อทุเรียนปราจีนบุรีเกิน 500
บาทขึ้นไป จากสวนผลไม้ที่ร่วมโครงการผ่านชมรมผู้ประกอบการสวนผลไม้ เริ่ม 25
พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2567
ต่อจากนั้นก็เดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่แนะนำในปราจีนบุรี
ต้องแวะสักการะ พระพุทธทวารวดีศรีปราจีน สิรินทรโลกนาถ สัมผัสธรรมชาติ
“อ่างเก็บน้ำเขาอีโต้” จุดชมวิวผาหินซ้อน พร้อมกับ
สักการะศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พร้อมกับเข้าไปยังพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเพื่อกราบไหว้องค์พระคเณศอายุมากกว่า
1,400 ปี ก่อนกลับต้องห้ามพลาดเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร
อุดหนุนสินค้าสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ทำให้ทริปการเดินทางเที่ยวใกล้กรุงอิ่มท้อง
อิ่มใจ ได้บุญ ครบจบในเส้นทางเดียว
สอบถามเพิ่มได้ที่ ททท.นครนายก รับผิดชอบพื้นที่ 3 จังหวัด นครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้ว โทร. 037 312 282 , 037 312 284
สุขภาพ –5อาหารต้องรู้!!ห้ามรับประทานคู่กันเกิดโทษไม่ดีกับสุขภาพ
การเลือกรับประทานให้เกิดประโยชน์กับร่างกาย
มีอาหารบางชนิด ไม่ควรรับประทานควบคู่กัน เพราะคุณสมบัติบางอย่างอาจจะไปขัดขวางการดูดซึมแร่ธาตุต่าง
ๆ โดยมีข้อแนะนำดังนี้
คู่ที่ 1 ไข่ต้ม-เครื่องดื่มคาเฟอีน
“ไข่กินกับอะไรก็อร่อย”
แล้วไข่ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายมากอีกด้วย โดยเฉพาะไข่ต้ม เพราะแคลน้อย โปรตีนสูง
แต่ถ้าเราเลือก “เมนูคู่ไข่ต้มผิด” อาจจะโทษต่อร่างกายได้
สิ่งที่ต้องเลี่ยงกินคู่ไข่ต้มคือเครื่องดื่มมีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ
เครื่องดื่มชูกำลัง เพราะคาเฟอีนจะไปจับสารซัลเฟอร์ในไข่ต้ม
ซึ่งขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกายที่ควรจะได้รับ
ถ้าอยากกินไข่กับเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนจริงๆ แนะนำเป็นไข่ดาว ไข่ตุ๋น
หรือไข่เจียวจะดีกว่า
คู่ที่
2 กล้วยหอมกับนม
ความหวานหอมของกล้วยหอมกับความอร่อยนุ่มลิ้นของนมดูยังไงก็เข้ากันเป็นที่สุด
แต่กลับกลายเป็นสิ่งต้องห้ามที่กินพร้อมกันไม่ได้ แปลกแต่จริง!
เพราะทั้งกล้วยหอมและนมเป็นสิ่งที่
“ย่อยยาก” ทั้งคู่ กินคู่กันบ่อยๆ จะสร้างภาระให้กระเพาะอาหารอย่างไม่รู้ตัว
ถ้าสงสารกระเพาะน้อยๆ ของเรา ไม่อยากให้ทำงานหนักคูณสอง
แต่อยากกินกล้วยหอมกับนมเหลือเกิน แนะนำให้นำอาหารอื่นๆ
ที่กระตุ้นระบบย่อยอาหารมาผสม เช่น อบเชย
นอกจากจะได้รสชาติแปลกแหวกแนวแล้วยังมีประโยชน์ต่อระบบย่อยด้วย
คู่ที่ 3 กาแฟกับซีเรียล
เสียงเคี้ยวธัญพืชอบกรอบช่างยั่วยวน
คว้านมสดแล้วเทลงในชามตามด้วยซีเรียล
เมนูนี้คงเป็นเมนูฮิตติดใจยามเช้าที่แสนเร่งรีบของเด็ก ๆ ส่วน “ผู้ใหญ่” ที่ชื่นชอบดื่มกาแฟ
อย่าได้ใส่ซีเรียลแบบเด็ก ๆ ลงไป นั่นก็เพราะสารต้านอนุมูลอิสระชื่อว่า
“โพลีฟีนอล” ที่อยู่ในกาแฟ
จะไปขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กที่ร่างกายควรได้รับจากซีเรียล
ถ้าอยากให้ร่างกายได้รับธาตุเหล็กอย่างเต็มที่ก็อย่าเผลอกินสองสิ่งนี้พร้อมกัน
คู่ที่ 4 เมนูเส้นกับข้าวสวย
หลายคนอาจชอบกินเมนู
“เส้น” บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือก๋วยเตี๋ยวกับข้าวสวยร้อน ๆ แต่ช้าก่อน
ทั้งเส้นและข้าวเป็นแป้งมีคาร์โบไฮเดรตสูง เมื่อกินเข้าไปในปริมาณมาก
ร่างกายจะใช้วิตามินบี 1 ย่อยอาหารจำพวกนี้ ซึ่งจะเพียงพอ
หรือถ้ากินเข้าไปเยอะขนาดนั้น เมื่อวิตามินบี 1 ย่อยข้าวและเส้นที่กินเข้าไปทีเดียวพร้อมกันไม่ไหว
ร่างกายจะอ่อนเพลียหรืออยู่ดี ๆ ก็ง่วงนอนอยากหลับตาล้มตัวลงซะอย่างนั้น
เป็นที่มาของวลีเด็ดที่เราชอบพูดกันว่า
“กินอิ่มหนังท้องตึงหนังตาหย่อน
ยังไม่พอนะนอกจากเส้นและข้าวกินพร้อมกันจะทำให้ง่วงแล้วยังทำให้อ้วนด้วย
เป็นภาระกับร่างกายมากทีเดียว
คู่ที่
5 ของทอดกับแตงโม
เมนูทอดทั้งอร่อยและเต็มไปด้วยรสสัมผัสอย่าง
มันฝรั่งทอด หนังไก่ทอด หมูกรอบ หนังปลาทอดกรอบ กินเดี่ยว ๆ เยอะ ๆ นาน ๆ
ไม่ดีกับสุขภาพอยู่แล้ว ยิ่งถ้ากินกับผลไม้อย่าง “แตงโมสีแดงสด” รสหวานชื่นใจ
กินปุ๊บอาจจะเห็นผลร้ายคือถ่ายไม่หยุดปั๊บ เพราะอาหารทอดอมน้ำมันจนฉ่ำซับอีกกี่ครั้งก็ไม่หมด
เมื่อกินกับแตงโมที่มีน้ำอยู่มาก จะเพิ่มปริมาณน้ำในกระเพาะอาหาร
ทำให้ร่างกายเราเย็นลงจนเกิดอาการท้องเสียได้
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
แรก – TCEBร่วม5ฝ่ายตั้งภาคีไหมไทยชูขอนแก่นโมเดลลุยตลาดโลก
นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่าทีเส็บได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกันกับ 5 องค์กร ตั้งภาคีเครือข่ายไหมไทยผลักดันอุตสาหกรรมนี้สร้างชื่อเสียงในต่างประเทศ
โดยจะใช้จังหวัดขอนแก่นเป็นประตูนำผ้าไหมไทยสู่ตลาดโลกปี 2567 จะลองนำเข้าไปร่วมแสดงสินค้าในงานไหมที่ฝรั่งเศสและออสเตรเลีย
รวมถึงสานต่อการทรงงานมากว่า 54 ปีของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
เพื่อพัฒนาผ้าไหมสร้างรายได้ให้ประชาชนเพิ่มขึ้น ควบคู่กับยกระดับความเป็นอยู่ของคนในชุมชนผู้ผลิตไหม
โดยคำนึงถึงภารกิจที่จะต้องขับเคลื่อนไปด้วยกันทั้งการพัฒนาคุณภาพ
ส่งเสริมตลาด ส่งเสริมมาตรฐาน และอื่น ๆ
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ไหมกลายเป็นอาชีพสำคัญของเกษตรกรนับแสนคนกว่า
86,000
ครัวเรือน ส่งผลดีกับอุตสาหกรรมไหมไทยซึ่งมีขนาดตลาดใหญ่มูลค่ารวมแต่ละปีสูงถึง
6,600 ล้านบาท แตกต่างจากอดีตเป็นเพียงอาชีพในครอบครัวเท่านั้น
ขณะนี้สามารถต่อยอดไปสู่สินค้าต่าง ๆ มากกว่าเครื่องแต่งกาย
ด้วยดีไซน์การใช้ประโยชน์เพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์ตกแต่งภายใน
ของใช้ในชีวิตประจำวัน เครื่องสำอางจากโปรตีนไหม และอีกมากมาย
นายจิรุตถ์กล่าวว่า
ตามข้อตกลงความร่วมมือของภาคี 5 องค์กร ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
(องค์การมหาชน) สมาคมไหมไทยและสิ่งทอขอนแก่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และทีเส็บ
จะใช้ความชำนาญที่แตกต่างกันมาส่งเสริมผู้ประกอบการไหมไทยได้ครบทุกกระบวนการการนำไหมไทยสู่ตลาดโลก
โดยเฉพาะทีเส็บจะใช้ความชำนาญด้านการจัดประชุมและแสดงสินค้ามาสนับสนุน
2 ด้านหลัก
ได้แก่
ด้านที่
1 ส่งเสริมให้ขอนแก่นเป็นเมืองทางการค้าผ้าไหมซื้อขายแลกเปลี่ยนกับพื้นที่ต่าง
ๆ ทั่วประเทศและเชิญชวนผู้ซื้อจากต่างประเทศเข้ามาด้วย โดยจะใช้กลยุทธ์พัฒนาเต็มรูปแบบทำให้เกิด
“งานเทศกาลไหมนานาชาติ” สร้างชื่อเสียงติดตลาดสากล
สอดคล้องกับนโยบายทีเส็บได้ตั้งเป้าหมายใช้อุตสาหกรรมไมซ์กระจายโอกาสให้ทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง
และขอนแก่นก็เป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับการจัดให้เป็นเมืองไมซ์ หรือ MICE
CITY อันดับต้น ๆ ของประเทศ โดยมีทีเส็บสนับสนุนต่อเนื่องมาตลอด
ด้านที่
2 ทีเส็บจะร่วมกับสมาคมไหมไทยและสิ่งทอขอนแก่น
นำผู้ประกอบการและผ้าไหมไทยไปร่วมในงานแสดงสินค้าระดับโลกหรือ
Exhibition ที่เกี่ยวข้อง ปี 2567
จะดำเนินการทันทีเข้าไปร่วม 2 งานใหญ่
คืองาน
Silk in Lyon ที่ฝรั่งเศสซึ่งทั่วโลกนิยมมาร่วมงานนี้
และงานสิ่งทอ World
Cotton Day ที่ออสเตรเลีย
นายสักก์สีห์
พลสันติกุล ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ขอนแก่น (CEA ขอนแก่น) กล่าวว่า ในนามผู้แทนสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หน่วยงานรัฐที่มีภารกิจส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทย
ในภาคอีสานทาง CEA เล็งเห็นถึงอุตสาหกรรมงานฝีมือและหัตถกรรม
มีศักยภาพสูงเป็น 1 ใน 3 ของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่โดดเด่นโดยเฉพาะ “ผ้าไหม” ที่มีช่างฝีมือท้องถิ่นศักยภาพสูง
มีนักสร้างสรรค์สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการได้อย่างดีเยี่ยม
ดังนั้นการสร้างมูลค่าเพิ่ม กับ สร้างสรรค์คุณค่า ควบคู่ไปกับส่งเสริมและพัฒนานักสร้างสรรค์และช่างฝีมือ
การลงนามความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นโอกาศที่ได้มีส่วนช่วยยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์เมืองขอนแก่น
สู่ระดับภูมิภาคและประเทศต่อไป
ในฐานะที่
CEA ดูแลการพัฒนาครอบคลุมห่วงโซ่ระบบนิเวศสร้างสรรค์
ประกอบด้วย แรงงานสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการ นักสร้างสรรค์ การพัฒนาเมืองสร้างสรรค์ ยกชั้นเป็นทรัพยากรสำคัญขับเคลื่อนให้เกิดการนำเอากระบวนการคิดเชิงออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ที่ผสานต้นทุนทางด้านวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ท้องถิ่น
(Creativity & Culture) มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ
ข่าวที่สอง –MEIชี้เทรนด์ท่องเที่ยวปี67เอเชียครองโลก/ไทยบินโต20%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ล่าสุด “มาสเตอร์การ์ด” ได้เผยแพร่รายงานประจำปีล่าสุดฉบับที่ 5 ในหัวข้อ “Travel Trends 2024 : Breaking
Boundaries” โดยสถาบันวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์ มาสเตอร์การ์ด (Mastercard
Economics Institute : MEI) ชี้ให้เห็นข้อมูลเชิงลึกในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปทั่วโลก
74 ประเทศ รวมถึงภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 13 ประเทศ
รายงานของ MEI ระบุว่า ไตรมาส 1 ปี 2567 “นักท่องเที่ยวใช้จ่าย”
กับอุตสาหกรรมเรือสำราญและสายการบินครองสถิติสูงสุดถึง 9 วัน/คน/ทริป
จากยอดใช้จ่ายภาพรวมสูงสุด 10 วัน/คน/ทริป สะท้อนถึงคนมุ่งสร้างประสบการณ์ที่มีความหมายและจัดสรรเงินกับการเดินทางมากขึ้น
โดยได้รวบรวมจาก Mastercard SpendingPulse™ จากแหล่งข้อมูลบุคคลที่สาม
โดยเจาะลึกถึงแนวโน้มการท่องเที่ยวปี 2567 และอนาคตในเอเชียแปซิฟิก
ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับนิยมเป็นอย่างมาก
ตลอดการเปลี่ยนแปลงใน 12 เดือน ที่มาจบเมื่อเดือนมีนาคม 2567 พบว่ามีจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวอยู่ในเอเชีย
แปซิฟิก มากถึงครึ่งหนึ่งของทั้ง 10 อันดับแรก ตามรายละเอียด
8 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 “ญี่ปุ่น” ขึ้นแท่นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลก เติบโตเพิ่มขึ้น 0.9 % มีต่างชาติเดินทางไปท่องเที่ยวเดือนมีนาคมปีนี้มากถึง
3,081,600 คน เป็นสถิติสูงที่สุดในประวัติศสตร์ ท่ามกลางก่อนเข้าฤดูท่องเที่ยวไฮซีซันกับค่าเงินเยนอ่อนตัวต่ำสุดนับตั้งแต่ปี
2533 จึงช่วยให้ญี่ปุ่นยังคงเป็นผู้นำด้านท่องเที่ยวตลอดปี 2567
ส่งผลดีกับธุรกิจให้บริการแก่นักท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภาพรวมในท้องถิ่นของญ่ปุ่น
ส่วนที่ 2 ทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กำลังฟื้นตัว
โดยเฉพาะการเดินทางภายในภูมิภาคไปยังประเทศใกล้เคียงเริ่มจากช่วงฤดูร้อนปีนี้คือ
สิงคโปร์ กรุงเทพฯ (ไทย) กัวลาลัมเปอร์(มาเลเซีย และเพิร์ธ (ออสเตรเลีย)
ส่วนที่ 3 ประเทศไทย การท่องเที่ยวจะฟื้นตัวเต็มที่ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป ตามที่ MEI พบว่าขณะนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาไทยต่ำกว่าปีปกติ
2562 เพียง 7% เท่านั้น ด้วยปริมาณเที่ยวบินขาเข้าจากเอเชียใต้และอาเซียนเข้าออกไทยสูงกว่าปี
2562 เกือบ 20 %
นายเดวิด แมนน์
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก มาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า
ลูกค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต้องการและเต็มใจจะท่องเที่ยวโดยมีความเชี่ยวชาญมากขึ้นที่จะได้รับประสบการณ์ความคุ้มค่าและดีที่สุดจากการเดินทางทั้งด้านการท่องเที่ยว
ร้านค้า ภาคบริการ อาหารและเครื่องดื่ม สิ่งที่สำคัญคือ “ต้นทุน” ปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจ
อัตราแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ และอำนาจการใช้จ่ายมีบทบาทสำคัญประกอบการตัดใจวางแผนการเดินทาง
ดังนั้นธุรกิจที่ต้องการนักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องประเมินและปรับกลยุทธ์ใหม่เพื่อดึงดูดกำลังซื้อเป้าหมาย
แนวโน้มสถานสถานที่ยอดนิยมช่วงฤดูร้อนระหว่างมิถุนายน-สิงหาคม
2567 เมื่อประเมิน “การจองเที่ยวบิน”
แล้วพบว่า อันดับ 1 จะเป็น “มิวนิก” เยอรมัน กำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปประจำปี
2567 ที่จะมีขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ อันดับ 2 “โตเกียว” ญี่ปุ่น ตามหลังมาติด ๆ ส่วนในอีก 3 เดือนข้างหน้า
อันดับ 6 เป็นบาหลี อินโดนีเซีย และอันดับ 7 กรุงเทพฯ ของไทย จะติดอันดับ 1 ใน 10 เมืองยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวต้องการเดินทางไปเที่ยวเพิ่มมากขึ้น
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น