รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ททท.สื่อสารตลาดปลุกกระแสใหญ่“สุขทันทีที่เที่ยวเมืองไทย”
ดันสินค้าท่องเที่ยว 5 Must Do กระหน่ำขายใน&ต่างประเทศ
ครึ่งปีหลัง67ลุยแหลก2ตลาด“มิลเลนเนียล-ครอบครัว”ทั่วโลก
คิงเพาเวอร์ชวนมาสวยกับ“Bring The Beauty”สินค้าแบรนด์ดัง
ด่วน!!สมัครสมาชิกคิงเพาเวอร์2แบบรับความพิเศษเพียบเลย
ททท.ผนึกPOP
MARTนำมาสคอตฮ็อต“ลาบูบู้”ดึงจีนเที่ยวไทย
บางจากดึงชมคาเฟ่แม่เหล็กใหม่หัวหินดึงทัวร์ไทย-ต่างชาติ
TCEBหนุนTHACCA SplashForumจัดครั้งแรกนำไทยสู่โลก
สุขทันทีที่เที่ยวเทศกาลแห่เทียนเมืองอุบลเชื่อมโยง5 แห่ง
5แหล่งอาหารลดปวดกล้ามเนื้อ/ลดอาการออฟฟิศซินโดรม
“เสริมศักดิ์”นำททท.เร่งครึ่งปีหลัง67หาเงินเพิ่ม2.4ล้านล้าน
MGMมาเก๊าลั่นลงทุนคอมเพล็กซ์เอนเตอร์เทนเมนท์ในไทย
วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #TCEB #แห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...https://www.facebook.com/share/v/UDSa9tMuzANTUsTc/?mibextid=oFDknk
ช่วงที่ 1 นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ทำโครงการเร่งด่วน “สุขทันทีที่เมืองน่าเที่ยว”
55 จังหวัด
เน้นลงทุนจัดอีเวนต์ เทศกาล กิจกรรม ผนึกพันธมิตร โรงแรม ร้านอาหาร
เครือข่ายการเดินทางแจกโปรโมชั่น ไฮไลต์ขาย 5 Must Do “EAT/กินอาหารถิ่น-See/สัมผัสโชว์ไทย-Seek/ชมวัฒนธรรม-Buy/ซื้อสินค้าภูมิปัญญาไทย-Beat/ร่วมสนุกกิจกรรมกีฬา” ครึ่งปีหลัง67 หวังกำลังซื้อ 2 ตลาด “กลุ่มมิเลนเนียล-ครอบครัว” พึ่งงานใหญ่
“วิจิตร 5 ภาค”
ส.ค.-ก.ย.นี้ และทำต่อโครงการ STGs เที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน
ใช้ทุกอีเวนต์ทำ “ซีโร่แลนด์” ร่วมกระบวนคาร์บอนฟุตปริ๊นท์ คาร์บอนเป็นศูนย์
นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.พร้อมเร่งมือขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาลพลิกฟื้นเศรษฐกิจทั่วไทยในพื้นที่เป้าหมาย “55 เมืองท่องเที่ยว” จากการศึกษาพบจังหวัดต่าง ๆ ที่ใช้ชื่อเมืองรองขาดแรงจูงใจจึงจะปรับมาใช้เมืองน่าเที่ยวโดยใช้เครื่องมือสื่อสารลงทุนทำแคมเปญ “สุขทันทีที่เมืองน่าเที่ยว” นำเสนอจุดขายความหลากหลายอย่าง แหล่งท่องเที่ยวอันซีน จุดเช็คอิน และอื่น ๆ ต้องห้ามพลาด พร้อมกับจะโปรโมทกิจกรรม เทศกาลงานต่าง ๆ รวมทั้งความสะดวกในการเข้าถึงทั้งเที่ยวบิน โรงแรม ร้านอาหาร และโปรโมชั่น ที่จะบูรณการ 360 องศา หลังนายกรัฐมนตรีเปิดโมเดลเมืองน่าเที่ยวในภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่
เบื้องต้นทางฝ่ายบริหาร ททท.จะเดินสายให้สัมภาษณ์พิเศษตามสื่อต่าง ๆ กิจกรรมที่ 2 นำเซลิบริตี้ปลุกกระแสแฟนคลับเดินทางเที่ยวเมืองไทย พร้อมกับใช้มหกรรมเทศกาลงานดนตรีเชิญชวนบรรดามิวสิคเลิฟเวอร์ นำภาพยนตร์กับค่ายผู้ผลิตต่าง ๆ เข้ามาร่วมสื่อสารแหล่งท่องเที่ยวในมิติต่าง ๆ
ตามนโยบาย
IGNITE THAILAND ของรัฐบาลไทยจะต้องผลักดันกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวไทยให้มากที่สุด
คือ 5 Must do ได้แก่ 1.Must
Eat เน้นการกินอาหารถิ่น
จัดอีเวนต์โดยใช้เมนูต่าง ๆ มาชูโรง 2.Must Buy ผลิตภัณฑ์ชุมชนที่นักท่องเที่ยวต้องซื้อกลับบ้านเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ท้องถิ่น 3.Must See
แนะนำแหล่งท่องเที่ยวแสดงความเป็นไทยที่มีอยู่มากมาย 4.Must Seek ชมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 5.Must Beat กิจกรรมการกีฬาต้องห้ามพลาด วิ่งเทรล ปั่นจักยาน
โดยจะเน้นทำอีเวนต์ตลอดปลายปี 2567 ผนวกเข้ากับผลิตแคมเปญเที่ยวหน้าฝนเน้นประสบการณ์สีเขียว
ส่วนเดือนสิงหาคม 2567 จะจัดยิ่งใหญ่ “สิงหาแม่พาเที่ยว” พาครอบครัวเด็กวัยประถม มัธยม ออกไปเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิต เน้นโปรโมทแหล่งพื้นที่ในเมืองน่าเที่ยวทั่วไทย พร้อมกับแม่ที่ไม่มีลูกจะจัดเที่ยวกับสัตว์เลี้ยง และลาบูบู้ ททท.จะร่วมกับพันธมิตรหลากหลายเครือข่าย
ททท.จะกระตุ้นนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อจริงระหว่างมิถุนายน-กันยายน 2567 จะพิจารณาตามพฤติกรรมตามความต้องการ กลุ่มแรก มิเลนเนียล คนรุ่นใหม่ เจนเอ็กซ์ วายกลุ่มครอบครัว อยากใช้ชีวิตอยู่กับพ่อแม่ระหว่างเดินทางท่องเที่ยว
ส่วนเครื่องมือสื่อสารการตลาดที่จะนำมาใช้กระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวสม่ำเสมอตลอดนอกฤดูท่องเที่ยว
ต้องพึ่งพาพันธมิตร กลุ่มภาพยนตร์ ดนตรี ทำอีเวนต์ใหม่ ๆ ทางการตลาด
แล้วผลักดันให้ไทยเป็นประเทศจัดงาน World Events กับการขาย 365 วันมหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน
เพื่อจะทำตามเป้าหมายหลัก เพิ่มรายได้ เพิ่มวันพักเฉลี่ย
เพิ่มการกระจายพื้นที่ท่องเที่ยว
กิจกรรมไฮไลต์
จะชูโครงการ “วิจิตร 5 ภาค”
ระหว่างสิงหาคม-กันยายน 2567
เน้นจังหวัดใหม่เมืองน่าเที่ยวที่มีศักยภาพ โดยจะเพิ่มกิจกรรมอาหาร สินค้า
มากขึ้นกว่าจัดแสดงแสง สี ไฟสวยงามเพียงอย่างเดียว
นายนิธีกล่าวว่า ททท.ยังมุ่งเดินหน้ารณรงค์การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (RT :Responsible Tourism ) กับการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน (Sustainable Tourism) ซึ่งเป็นกระแสของประเทศและระดับโลก จึงต้องทำเป็นแนวคิดหลักด้วยกระบวนการแล้วสามารถทำได้หลายมิติ ส่งเสริมผ่านงานจัดอีเวนต์ ลดขยะในงานเป็น Zeroland Field แนะนำให้คนเข้าร่วมงานแยกขยะประเภทนำกลับไปใช้ใหม่ และรีไซเคิลได้ เช่น งาน TTM+2024 สามารถสร้างคาร์บอนฟุตปริ๊นท์ได้หลายตัน การชดเชยคาร์บอน ความเป็นกลางทางคาร์บอน การใช้โรงแรม Green Hotels รวมถึงการผลักดันผู้ประกอบการหันมาใช้มาตรฐาน STGs :Sutainable Tourism Goals เป็นเครื่องมือสร้างความยั่งยืน เนื่องจาก ททท.นำต้นแบบมาจาก SDG :Sustainable Development Goals
ช่วงครึ่งปีหลัง 2567 ททท.จะร่วมกับพันธมิตรกลุ่ม Go Pro และ PADY เชิญชวนนักท่องเที่ยวดำน้ำเก็บขยะเพื่อผนึกกำลังความร่วมมือกันทุกเครือข่ายใส่ใจสิ่งแวดล้อมทางทะเลซึ่งกำลังเผชิญปัญหารุนแรงจากโลกร้อน เกิดปะการังฟอกขาว ซึ่งเป็นความสวยงามทางทรัพยากรท่องเที่ยวทางทะเล ซึ่งคนส่วนใหญ่มีส่วนทำให้เกิดผลกระทบจึงต้องตื่นตัวหันมาร่วมกันลดปัญหาเหล่านี้ให้เร็วที่สุด
ททท.ขอให้ทุกคนมาร่วมกัน “สุขทันทีที่เที่ยวเมืองไทย” และ “สุขทันทีที่ไป 55 เมืองน่าเที่ยว” ตลอดทั้งปีเป็น 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย สามารถท่องเที่ยวได้ทุกวัน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์ชวนมาสวยกับ“Bring The Beauty”แบรนด์ดัง
คิง เพาเวอร์ จัดชุดใหญ่ “Bring The Beauty in Life” คัดไอเทมสุดจึ้งเหล่าแบรนด์ดัง ราคาดิวตี้ฟรี พาเหรดกันมาสร้างแรงจูงใจกระตุ้นให้ช้อปด่วน ๆ อย่างแบรนด์ LA MER, KIEHL'S, ESTÉE LAUDER, SHISEIDO, SULWHASOO, AUGUSTINUS BADER, L'OCCITANE, BIOTHERM, CLINIQUE และอื่นๆอีกเพียบ
ยังคงอยู่ในช่วง “เทศกาลลดกระหน่ำ มิด-เยียร์ 2567 ” วันนี้-23 มิถุนายน 2567 ช้อปมันส์กลางปีกับดีลเด็ด มอบให้ “ทีมช้อปก่อนเที่ยว” โดนใจแคมเปญนี้อย่างแน่นอน ด้วยส่วนลดเด็ดมากที่ “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์” สินค้าจัดเต็มทุกหมวด ทั้งเครื่องสำอาง น้ำหอม สกินแคร์ กระเป๋า แว่นตา นาฬิกา พร้อมไอเทม Travel Exclusive และอื่นๆอีกมาก มีไฟลต์ต้องรีบช้อปด่วน! และรอรับของที่สนามบิน
1.ลดสูงสุด 10% เมื่อช้อปครบ 3,000 บาท รหัสส่วนลด 10JUN24
2.ลดสูงสุด 15% เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท รหัสส่วนลด 15JUN24
แล้วรับสิทธิ์ขั้นพื้นฐานทุกการช้อปคิง เพาเวอร์ อีก 5 รายการ
1.บ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน เมื่อมียอดช้อปขั้นต่ำ 10,000 บาทขึ้นไป 2.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 10,800 บาท
3.รับฟรีของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง
ช้อปก่อนรับก่อนหมดแล้วหมดเลย 4.รับเลย! ส่วนลด 800 บาท เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ 5.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก
คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท(สุทธิ)
ข่าวที่ 2 ด่วน!!สมัครสมาชิกคิงเพาเวอร์2แบบรับความพิเศษเพียบเลย
ช้อปก่อน
ไม่ต้องรีบ ที่ “คิง เพาเวอร์” คุ้มกว่า! เพียงสมัครสมาชิก
คิง เพาเวอร์ ไว้ก่อนบิน ที่ คิง เพาเวอร์
รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต วันนี้- 30 มิถุนายน 2567
1.สมัครสมาชิก SCARLET และเติมเงินไว้ใช้ช้อป 20,000 บาท รับทันที! GIFT CARD 3,500 บาท บาท
เพื่อนำไปใช้เลือกซื้อสินค้าที่มีมูลค่ามากกว่า 3,500
บาทขึ้นไป แล้วก็รับเพิ่ม! 300 กะรัต สามารถใช้เป็นส่วนลดทุกการช้อปสินค้า
300 บาท จัดให้ทั้งผู้แนะนำและผู้สมัครกับส่วนลดทุกการช้อป 10 %
พิเศษจัดไว้ให้ผู้สมาชิก
SCARLET ทางLINE :@KINGPOWER
เว็บไซต์Member1.kingpower.com เท่านั้น อย่าลืมรับฟรีเพิ่มอีก
1 รายการ คือกระเป๋าเดินทางลายพิเศษ 1 ใบ
มีที่เดียวเฉพาะคิงเพาเวอร์เท่านั้น
2.สมัครสมาชิก NAVY ฟรี! จากปกติเติมเงิน 1,000 บาท พร้อมรับส่วนลดทุกการช้อป 5% รับพิเศษ! ทันทีที่เป็นสมาชิกวันนี้มีส่วนลดและสิทธิประโยชน์จาก
คิง เพาเวอร์ และพันธมิตรชั้นนำมากมาย
สมัครง่าย
ที่ LINE : @KINGPOWER
หรือที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต อ่านเงื่อนไขง่าย ๆ
ให้เคลียร์แล้วตัดสินใจสมัครได้ทุกวัน ทุกเวลา อย่างสะดวกรวดเร็ว
ข่าวที่ 3 ททท.ผนึกPOP MARTนำมาสคอตฮ็อต“ลาบูบู้”ดึงจีนเที่ยวไทย
นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล
ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า ททท.ทำโค-แบรนดดิ้ง กับ POP MART เจ้าของร้านอาร์ตทอยชื่อดัง.oสาธารณรัฐประชาชนจีนทำโครงการ
“ลาบูบู้เที่ยวไทย” โดยนำมาสคอตลาบูบู้มาท่องเที่ยวและทำกิจกรรมต่าง
ๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พร้อมผลิตคลิปวิดีโอประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวสื่อสารไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนสร้างกระแสไวรัลเที่ยวเมืองไทยตามรอยมาสคอตลาบูบู้ซึ่งดีไซน์รูปแบบไทยสไตล์
มุ่งสื่อสารเอกลักษณ์ความเป็นไทยในตลาดนักท่องเที่ยว เตรียมถ่ายทำระหว่างวันที่ 1
– 4 กรกฎาคม 2567
เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ททท.
จะต้อนรับมาสคอตลาบูบู้ในฐานะแขกพิเศษหรือ Special guest for Amazing Thailand ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
แล้วออกเดินทางไปถ่ายทำตามโปรแกรมในสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนนิยม เช่น
เข้าคอร์สทำอาหารไทยกับเชฟคนไทย แต่งชุดไทยถ่ายรูปบริเวณวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร
ล่องเรือสำราญชมความสวยงามยามค่ำคืน อิ่มอร่อยเที่ยวไปกินไปวอล์กกิ้ง สตรีท ฟู้ด บริเวณถนนบรรทัดทอง
โครงการโค-แบรนดิ้ง
มาสคอตลาบูบู้ของไทยครั้งนี้คาดจะสร้างการรับรู้ในตลาดจีนได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านคน
รวมทั้งจะเสนอขายแพ็กเกจเที่ยวเมืองไทยได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 Pax จะเป็นอีกช่องทางสร้างรายได้ท่องเที่ยวปีนี้ได้ถึงเป้า 3.5 ล้านล้านบาท
เนื่องจากจีนเป็นตลาดนักท่องเที่ยวสำคัญ 5 เดือนแรกปี 2567 เดินทางมาเมืองไทยมากที่สุดอันดับ 1 ของต่างชาติเที่ยวไทย ผนวกกับสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นฐานการผลิตอาร์ตทอยขนาดใหญ่
แล้วนักท่องเที่ยวจีนเองก็นิยมสะสม อาร์ต ทอย ททท. หวังจะบูรณาการความร่วมมือกับพันธมิตร ปลุกกระแส ป็อบ
คัลเจอร์ ใช้เป็นกลยุทธ์ทำการตลาดช่วยเผยแพร่ภาพลักษณ์เชิงบวกเมืองไทยกับนักท่องเที่ยวจีน
และเป็นสื่อกลางในโอกาสเฉลิมฉลอง50 ปี
นายชูวิทย์กล่าวว่าภายหลังนำคลิปวิดีโอที่มีมาสคอตลาบูบู้เดินทางไปทำกิจกรรมตามแหล่งท่องเที่ยวในไทยตามเส้นทางที่คนจีนนิยมนิยมท่องเที่ยวแล้ว
ก็วางแผนต่อยอดการตลาดมอบหมายให้
ททท.สำนักงานปักกิ่งร่วมกับพันธมิตรกลุ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวชั้นนำผลิตแพกเกจท่องเที่ยวเชิญชวนมาเที่ยวเมืองไทย
เช่น Qunar ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนขายท่องเที่ยวออนไลน์บนแอพลิเคชั่นมือถือหรือ
OTA on Mobile Application ที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมมาก รุกเจาะกำลังซื้อเป้าหมายศักยภาพสูง 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มแรก ครอบครัว กลุ่มสอง นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความหรูหราลักชัวรี่
กระตุ้นสาวกลาบูบู้ชาวจีนออกเดินทางตามรอยเส้นทางท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น
ส่วนการพัฒนา “มาสคอตลาบูบู้”
รูปแบบไทยสไตล์ ด้วยการนำมาผลิตเป็น “ฟิกเกอร์โมเดล” วางขายนักท่องเที่ยวให้ทุกคนได้เก็บสะสมนั้น
ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือร่วมกับศิลปินเพื่อจัดทำ Pop Mart LABUBU x Amazing Thailand Special
Edition ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมร่วมเฉลิมฉลองครบวาระความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนครบ
50 ปี โดยมีเวลาผลิตและออกแบบอาร์ตทอยดังกล่าวประมาณ 10 เดือน คาดจะสามารถวางขายได้ช่วงปลายปี 2567 หรือต้นปี 2568 แต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ที่มาสคอตลาบูบู้เดินทางมาถ่ายทำคลิปกิจกรรมในไทยยังจะไม่มีสินค้าวางขายอย่างเป็นทางการ
ข่าวที่
4 บางจากดึงชมคาเฟ่แม่เหล็กใหม่หัวหินดึงทัวร์ไทย-ต่างชาติ
นายปริญญา กิตติการุญจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจค้าปลีก
พร้อมด้วยผู้บริหาร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าบางจากฯ ร่วมกับผู้บริหารชมคาเฟ่ เปิดร้านอาหารที่มีชื่อโด่งดังจากเชียงใหม่ “ชม คาเฟ่ แอนด์ เรสเทอรอง” ให้บริการในปั๊มน้ำมันบางจาก เดอะ คลอโรฟิลล์หัวหิน (The Chlorophyll)
สร้างแม่เหล็กดึงดูดนักเดินทางและนักท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติเข้ามาใช้จ่ายเงินกระจายสู่ท้องถิ่น
โดยได้นำร้านอาหารคุณภาพมาเปิดบริการที่ปั๊มบางจากซึ่งมีบรรยากาศร่มรื่นปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่นานาพรรณ
ตกแต่งสวนสวยสไตล์เขตป่าชื้นเขตร้อนหรือ Tropical
Thai Moss Garden ซึ่งมีใหญ่ที่สุดในเมืองไทย รังสรรค์เมนูอาหารและเครื่องดื่มมีให้เลือกหลากหลายทั้งอาหารไทยและต่างชาติ
ปัจจุบันเป็นจุดแวะพักท่องเที่ยวจำนวนมากสนใจเข้ามาสัมผัสประสบการณ์อันร่มรื่นสวยงามของร้านชมดังกล่าว
ซึ่งสามารถถ่ายทอดอัตลักษณ์เชียงใหม่ที่นำมาไว้ในหัวหิน
สร้างจุดขายให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสนใจขยายตัวอยากเดินทางไปเที่ยวภาคเหนือบ้างในโอกาสต่อไป
นายปริญญา กล่าวว่า ขณะนี้ปั๊มน้ำมันบางจาก เดอะ
คลอโรฟิลล์ หัวหิน เป็นหนึ่งในการลงทุนยกระดับสถานีบริการน้ำมันด้วยรูปแบบยูนิคดีไซน์ ทางบางจากฯ ตั้งเป้าหมายสร้างสรรค์เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ตามเส้นทางเดินทางสู่ภาคใต้
ภายในบริเวณพื้นที่ปั๊มแห่งนี้มีธุรกิจเชิงพาณิชย์ซึ่งไม่ใช่น้ำมันโดยตรง (Non-Oil
Business) เสริมบริการอย่างหลากหลายตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกวัยและทุกกลุ่มคนไทยและต่างชาติ
นอกจากร้านชม
คาเฟ่ แอนด์ เรสเทอรอง แล้ว ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ให้เลือกสรรตามเทรนด์ความชอบอีกมากมาย
มีไฮไลต์ ได้แก่ ร้านอินทนิล เชาว์ พิซซ่า จิ๋นติ่มซำ ชาไข่มุกไอฉา และอื่น ๆ รวมทั้งบริการอันโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือจุดชาร์จรถยนต์ระบบฟ้าหรือมี EV
Quick Charger ขนาดใหญ่ที่สุดในเองไทย ด้วยหัวจ่ายสามารถชาร์จไฟรถได้พร้อมกันถึง 8 หัวจ่าย
นายปริญญาย้ำว่าด้วยบริการเพียบพร้อมครบวงจรจึงสร้างความมั่นใจการขับเคลื่อนธุรกิจเชิงพาณิชย์ในปั๊มบางจาก
เดอะ คลอโรฟิลล์ หัวหิน จะตอบโจทย์ตลาดผู้บริโภคกลุ่มนักเดินทางท่องเที่ยวซึ่งจะเป็นฐานสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นในพื้นที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเติบโต
สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพิ่มมากขึ้น รวมถึงรองรับตลาดของลูกค้าชุมชนในละแวกใกล้เคียงได้ด้วย
ขณะเดียวกันบางจากยังมุ่งมั่นลงทุนทำให้สถานีบริการน้ำมันทุกรูปแบบก้าวไปข้างหน้าด้วยคอนเซ็ปต์เป็น Greenovative
Destination หรือปั๊มน้ำมันจุดหมายปลายทางสร้างสรรค์ความสุขอย่างยั่งยืน
รณรงค์ทำให้คนทุกช่วงวัยหันมาใส่ใจร่วมกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมระดับท้องถิ่น
ประเทศ และโลก ก้าวสู่การลดคาร์บอนเป็นศูนย์ได้ตามเป้าหมายอนาคตด้วยกัน
โครงการ The
Chlorophyll ณ ปั๊มบางจากหัวหิน ตั้งอยู่บริเวณ
ถนนเพชรเกษม 45/1 ฝั่งขาออกจากกรุงเทพฯ พิกัด https://maps.app.goo.gl/e5FJDP7dwKE89ryU7
ข่าวที่
5 TCEBหนุนTHACCA SplashForumจัดครั้งแรกนำไทยสู่โลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB”
องค์กรหนึ่งในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ (THACCA )
ได้สนับสนุนนโยบายรัฐบาลขับเคลื่อนซอฟท์ พาวเวอร์ ด้านงานเทศกาลนานาชาติ
ล่าสุดเป็นแกนสำคัญขับเคลื่อนการจัดงานครั้งแรกประชุมนานาชาติ THACCA
SPLASH – Soft Power Forum 2024 ที่กำลังจะสร้างพลังขึ้นในเมืองไทย
ระหว่างวันที่ 28-30 มิถุนายน
2567 โดยจะมีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ระหว่างวันที่
28-30 มิถุนายน 2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บริเวณชั้น G ฮอลล์
1 และ 2
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร
ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ (THACCA : ทักก้า) เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ
ได้จัดงานประชุมนานาชาติ THACCA SPLASH – Soft Power Forum 2024
ด้านซอฟต์พาวเวอร์ขึ้นเป็นครั้งแรกในไทย โดยได้นำวัฒนธรรมกับแรงบันดาลใจจาก 11
สาขาอุตสาหกรรม มาสะท้อนความคิดสร้างสรรค์ผ่านทักษะทางวัฒนธรรมและสังคมอันเป็นเอกลักษณ์ไทย
เตรียมนำเข้าสู่เวทีระดับสากล
รูปแบบการจัดและประชาสัมพันธ์งานประชุมนานาชาติครั้งนี้
มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ ได้แก่
ประการที่ 1 เพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านซอฟต์พาวเวอร์
ความเข้าใจต่อทิศทางการดำเนินการ และบทบาทในเวทีระดับสากล
ประการที่ 2 เพื่อสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาผู้ประกอบการด้านซอฟต์พาวเวอร์
รวมถึงส่งเสริมศักยภาพทางการแข่งขันผ่านการเชื่อมโยงความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ
ภาคเอกชน และภาคการศึกษา
ประการที่ 3 เพื่อสนับสนุนกลไกในการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ
ภาคเอกชน และหน่วยงานที่มีบทบาทในการพัฒนา และส่งเสริมด้านซอฟต์พาวเวอร์ระหว่างประเทศต่าง
ๆ
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตลอดจนพันธมิตรนานาชาติรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับสากลควบคู่กันไปด้วย
นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า นโยบายซอฟท์
พาวเวอร์จะเป็นหนึ่งอาวุธสําคัญของประเทศที่ทาง THACCA จะผลักดันให้ไทยยกระดับจากประเทศรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศรายได้สูง
ด้วยเสน่ห์ต่าง ๆ ซึ่งจะสามารถเพิ่มเงินรายได้เข้าประเทศทั้งจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
เศรษฐกิจสร้างสรรค์ การจัดเทศกาล ต่อเนื่องไปถึงอุตสาหกรรมอาหาร อีกทั้งยังจะยกระดับฝีมือแรงงานทั้งระบบได้ด้วย
ตามที่รัฐบาลและ THACCA มองการขับเคลื่อนภาพใหญไม่ได้แยกกันทำ
แล้วก็จะสร้างให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุดกับประเทศอย่างแท้จริง
ส่วนแนวคิดการจัดงาน THACCA
SPLASH - Soft Power Forum 2024 สาดวัฒนธรรม ขับเคลื่อนสังคมไทย
นำร่องเป็นสื่อกลาง โดยได้รวบรวมองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมสร้างสรรค์ทั้งในประเทศและทั่วโลก
มานำเสนอความยิ่งใหญ่ในพื้นที่กว่า 11,230 ตารางเมตร มีทั้งหมด 4 โซน
ได้แก่
โซนที่ 1 SPLASH
Visionary Zone จัดเวทีแสดงศักยภาพด้านความสามารถ
การแลกเปลี่ยนทัศนคติ ประสบการณ์ กรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศ
ความคิดเห็น เพื่อนำองค์ความรู้ไปขยายต่อยอด โดยจะมีทั้งหมด 4 เวที ได้แก่ Vision
Stage, Pathway Stage, Performance Stage และ Splash Pod
โซนที่ 2 นิทรรศการจากทักก้า หรือ THACCA Pavilion จะนำเสนอทุกเป้าหมาย
และแรงผลักดันที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยด้วย ซอฟท์ พาวเวอร์ ซึ่งจะทำให้ชีวิตคนไทยดีขึ้นแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
โซนที่ 3 นิทรรศการจาก 11 กลุ่มอุตสาหกรรม
จะนำเสนอศักยภาพด้าน ซอฟท์ พาวเวอร์ ของประเทศไทย
และศักยภาพวัฒนธรรมสร้างสรรค์ของคนไทย ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต ต้องการให้โลกรับรู้ ประกอบด้วย
อุตสาหกรรมเฟสติวัล ท่องเที่ยว อาหาร ออกแบบ ศิลปะ ภาพยนตร์ เพลง หนังสือ เกม
แฟชั่น และกีฬา
โซนที่ 4 International Pavilion ประกอบด้วย
โอกาส และความสำเร็จของแต่ละประเทศ จากนโยบายเกี่ยวกับวัฒนธรรมสร้างสรรค์
ไม่ว่าจะเป็น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อิตาลี และอื่น ๆ
ในงานจะมี
1 ในไฮไลท์ของตัวแทนจากอุตสาหกรรมเฟสติวัลหรือเทศกา
โดยผู้จัดงาน S20
จากเกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง จะมาร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนมุมมองนำพาประเพณีสงกรานต์ไทยก้าวสู่ต่างประเทศ
อีกทั้ง Hackathon กิจกรรมพิเศษมอบให้นักศึกษามหาวิทยาลัย ด้วยกลยุทธ์ส่งเสริมการระดมความคิดสร้างสรรค์
Hack Idea ไม่มีที่สิ้นสุด
รับโจทย์ปัญหาสุดท้าทายจากอุตสาหกรรมภายในงาน รวมถึงเตรียมต้อนรับผู้เข้าร่วมงานจากหลากหลายฝ่ายทั่วไทยและนานาชาติ
เช่น หน่วยงานรัฐบาล หน่วยงานเอกชน ผู้ประกอบการ
องค์กรที่เกี่ยวข้องหรือมีส่วนในการขับเคลื่อน 11 อุตสาหกรรม
เปิดโอกาสเชื่อมสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างองค์กร
สำหรับกิจกรรมภายในงานได้เอื้อต่อนักเรียน
นักศึกษา บุคคลทั่วไป สามารถใช้เป็นแหล่งรวมแรงบันดาลใจและความฝันเพื่อคนไทย
ส่งเสริม และเพิ่มมูลค่าอัตลักษณ์ความเป็นไทย ผ่านวิถีชีวิตผู้คน
ต่อยอดอย่างสร้างสรรค์ ทำให้เกิดการเติบโตในระดับสากลอย่างน่าภาคภูมิเป็นผลงานของคนไทย
ช่วงที่ 2 กรกฎาคมนี้ตั้งเข็มไมล์ออกเดินทางไป “อุบลราชธานี” ดินแดน 4 แสง ทัวร์บุญใหญ่เที่ยวงานประเพณี “แห่เทียนพรรษา” ปี 2567 เปิดจุดเช็คอินเชื่อมโยงจากวัดสู่ชุมชน ไปได้ตลอดทั้งเดือน แล้วฟัง “5แหล่งอาหารแก้ปวดกล้ามเนื้อ” หากินง่ายลองไปทำ จากนั้นเกาะติดข่าวเด่น
ข่าวแรก “เสริมศักดิ์” เร่งท่องเที่ยวครึ่งปีหลังหาเงินเพิ่ม 2.4 ล้านล้านบาท ข่าวที่สอง “MGMมาเก๊าเอาจริง”
เปิดเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ในไทย
ท่องเที่ยว –สุขทันทีที่เที่ยวเทศกาลแห่เทียนเมืองอุบลเชื่อมโยง5 แห่ง
เตรียมจองตั๋วเครื่องบิน
ตั๋วรถไฟ รถทัวร์ เพื่อมุ่งหน้าไปสัมผัสความฉ่ำเย็นในแดนอีสานเขียว
สุขทันทีที่เที่ยว “อุบลราชธานี”
พิกัดที่
1 พิธีบวงสรวงศาลหลักเมืองอุบลราชธานีและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บริเวณศาลหลักเมืองอุบลราชธานี
ทุ่งศรีเมืองและลานขวัญเมือง วันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ฤกษ์ทำพิธี 8.09 น.
โดยมีโปรแกรมแนะนำนักท่องเที่ยวทำกิจกรรม เยือนชุมชน ชมวิถีทำเทียน ตกแต่งต้นเทียนพรรษา ทำบุญเสริมดวง 12 ราศี 12 คุ้มวัด ได้แก่
1.วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ 2.วัดพลแพน 3.วัดใต้ท่า 4.วัดแจ้ง 5.วัดมหาวนาราม
6.วัดทุ่งศรีเมือง 7.วัดศรีประดู่ 8.วัดพระธาตุหนองบัว 9.วัดศรีแสงทอง 10.วัดบูรพา 11.วัดสุปัฎนาราม 12.วัดสารพัดนึก
ในอำเภอเมืองและวารินชำราบนักท่องเที่ยวสามารถไปทำกิจกรรมได้ที่
วัดไชยมงคล วัดสุทัศน์ วัดเลียบ
วัดปทุมมาลัย วัดกลาง วัดกุดคูณ
วัดผาสุการาม และวัดหายโศก ระหว่าง1-18 กรกฎาคม 2567 ทุกวันตั้งแต่ 9.00-20.00 น.
พิกัดที่
2 เช็คอินที่ “สวนสัตว์อุบลราชธานี” ชวนไปชมทุ่งดอกเทียนหอมเรืองแสง
หนึ่งเดียวในโลก เริ่ม12 กรกฎาคม - 19 สิงหาคม 2567 ทุกวัน ตั้งแต่ 9.00
- 16.30 น.
พิกัดที่
3 “ศูนย์การค้าเซ็นทรัลอุบล
และโรงแรมสุนีย์แกรนด์” ชมการประกวดนางงามเทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี
Miss Ubonratchathani Candle Festival International 2024 ต่อเนื่องตั้งแต่
17-21 กรกฎาคม 2567
พิกัดที่
4 บริเวณรอบทุ่งศรีเมือง อำเภอเมือง นำเสนอคอนเซ็ปต์
"เทิดพระเกียรติ 72 พรรษา เมืองเทียน เมืองธรรม งามล้ำเมือง 4 แสง" จัดแบบยาว ๆ หนึ่งสัปดาห์ ระหว่าง 17-23
กรกฎาคม 2567 บริเวณโดยรอบทุ่งศรีเมือง
อำเภอเมืองอุบลราชธานี
งานพิธีวันแรกวันรวมเทียน
19 กรกฎาคม วันรวมเทียน โดยมีไฮไลต์วันที่ 20-21 กรกฎาคม ขบวนแห่เทียนภาคกลางวัน
และการแสดงแสงสีเสียงประกอบการแห่เทียนภาคกลางคืน วันที่ 21-23 กรกฎาคม ชมโชว์ต้นเทียนพรรษาที่ชนะการประกวดจากซุ้มวัดต่าง ๆ
ตลอดงานนักท่องเที่ยวจะได้ร่วมกิจกรรมมากมาย
เป็นความยิ่งใหญ่งานวัฒนธรรมแห่งปีในอีสาน
แนะนำนักท่องเที่ยวที่จะไปร่วมงานแห่เทียนอุบล
"Ubon Candle Festival 2024" จองที่นั่งออนไลน์ ได้ทาง
https://uboncandlefestival.bestgeosystem.com
พิกัดที่
5 ลานวัฒนธรรมข้างศาลหลักเมืองอุบลราชธานี มาช้อปให้สนุกอุดหนุนสินค้าเศรษฐกิจชุมชน
(OTOP) ตลอดงานแห่เทียน ระหว่าง17-23 กรกฎาคม 2567
สายบุญ
สายศรัทธา ต้องห้ามพลาดงาน “แห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี” ปี 2567 จัดเต็มให้ชมอย่างความตระการตาตลอดทั้งเดือน
พร้อมกับเปิดให้เช็คอินแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายแนวและกิจกรรมเสริมความรู้มากมาย
สุขภาพ –5แหล่งอาหารลดปวดกล้ามเนื้อ/ลดอาการออฟฟิศซินโดรม
โรงพยาบาลกลาง
สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร แนะนำป้องกันอาการ “ปวดกล้ามเนื้อ”
สามารถเกิดได้กับทุกคน โดยเฉพาะคนที่ใช้ร่างกายหนัก เช่น
คนที่ออกำลังกายหรือผู้ที่ต้องนั่งหรือยืนทำงานเป็นเวลานาน
แนะอาหารที่สามารถ
“ช่วย” ลดปวดกล้ามเนื้อ และลดอาการอักเสบได้
ด้วยแหล่งอาหารจากธรรมชาติเหมาะกับคนที่เป็นออฟฟิศซินโดรม
ได้ด้วยแหล่งอาหารลดอาการปวดเนื้อ 5 แหล่ง ดังนี้
แหล่งที่
1 ถั่วลันเตา อัลมอนด์ ถั่วดำ ผักโขม ถือเป็นอาหารที่มีแมกนีเซียมสูงและโอเมก้า 3
สูง ซึ่งสามารถช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดและอาการอักเสบบริเวณกล้ามเนื้อได้
แหล่งที่
2 น้ำมะพร้าว มีโพแทสเซียมสูง ซึ่งมีความจำเป็นต่อกล้ามเนื้อเป็นอย่างมาก
เพราะสามารถช่วยป้องกันการเกิดตะคริวและช่วยอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายได้
แหล่งที่
3 ขิง
มีสารที่มีชื่อว่า curcumin ซึ่งมีสรรพคุณคล้ายกับยาแก้อักเสบ
สามารถช่วยลดอาการเจ็บกล้ามเนื้อหลังจากออกกำลังหนักๆ ได้
แหล่งที่
4 สตรอว์เบอร์รี ช่วยให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระ
และชวยลดอาการอักเสบที่เกิดขึ้นได้
แหล่งที่
5 แซลมอน ในเนื้อปลาแซลมอนมีโปรตีน โอเมก้า 3 และสารต้านอนุมูลอิสระ
ซึ่งสารอาหารทั้งหมดในเนื้อปลาถือว่ามีส่วนอย่างมากในการช่วยลดอาการเจ็บปวดบริเวณกล้ามเนื้อ
ช่วยป้องกันอาการปวด และยังช่วยฟื้นฟูซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่สึกหรอจากการใช้งาน
ทั้งนี้ควรกินอาหารให้ครบ 5
หมู่ สิ่งสำคัญควรปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แก้ไขท่าทางอิริยาบถต่าง ๆ
ในชีวิตประจำวันให้ถูกต้องเหมาะสม เปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆเพื่อให้กล้ามเนื้อ
ได้ผ่อนคลายออกบ้าง หากรู้สึกเจ็บมากควรพบแพทย์เพื่อรักษาให้ตรงตามอาการ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–“เสริมศักดิ์”นำททท.เร่งครึ่งปีหลัง67หาเงินเพิ่ม2.4ล้านล้าน
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมพร้อมมอบนโยบาย
“ขับเคลื่อนท่องเที่ยวไทย ท่องเที่ยวปลอดภัย เที่ยวได้ทุก Season” ที่โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาคีย์ ควีนส์
ปาร์ค โดยมีนายอารัญ
บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พลตำรวจโท ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ
ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว นำเสนอแผนขับเคลื่อนภารกิจตามนโยบาย IGNITE Thailand’s Tourism ปลุกพลังการท่องเที่ยวไทยกระตุ้นตลาดช่วงครึ่งหลังปี
2567 เน้นการดูแลรักษาความปลอดภัยสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว
นำไทยก้าวสู่ประเทศศูนย์กลางการท่องเที่ยวภูมิภาคหรือ Tourism Hub
สภาพปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยมีสัญญาณที่ดีขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม
- พฤษภาคม 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยแล้วกว่า 15 ล้านคน สร้างรายได้รวมจากคนไทยและต่างชาติรวมแล้วกว่า
1.1 ล้านล้านบาท ยังมีโจทย์ใหญ่ดึงรายได้เพิ่มอีก 2.4 ล้านล้านบาท ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
3.5 ล้านล้านบาท
และกระตุ้นต่างชาติทั่วโลกเที่ยวไทยอีก 21.7 ล้านคน จากที่ตั้งไว้รวม 36.7 ล้านคน
ช่วงเดือนมิถุนายน - กันยายน 2567 กำลังเข้าสู่โลว์ซีซันนักท่องเที่ยวจะลดลง
จึงต้องทำเร่งด่วนปลุกตลาดต่างประเทศ 5 มาตรการ ได้แก่ มาตรการที่ 1 มอบสิทธิพิเศษและส่งเสริมภาพลักษณ์เชิงบวกสร้างบรรยากาศในประเทศให้น่าเที่ยว
มาตรการที่ 2 สนับสนุนผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้าถึงแหล่งทุน
มาตรการที่ 3 ส่งเสริมการอบรมสัมมนาข้ามจังหวัดและภูมิภาค
มาตรการที่ 4 สร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยว
โดยเสริมอัตรากำลังตำรวจท่องเที่ยวและสร้างความร่วมมือกับชุมชนดูแลนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี
นายเสริมศักดิ์กล่าวว่า พร้อมจะผลักดันการท่องเที่ยวไทยเติบโตต่อเนื่องและเข้มแข็งมากขึ้นภายใต้นโยบาย
IGNITE Thailand’s Tourism หลัก ๆ
จะต้องทำ 1.เดินหน้าตามนโยบายเร่งด่วนเพิ่มศักยภาพเมืองน่าเที่ยว
55 จังหวัด 2.ทำให้
“เที่ยวได้ทั้งปี เที่ยวได้ทุกซีซัน/ฤดู” 3.ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล
หรือ Tourism for All 4.จัดงานเทศกาลและท่องเที่ยวเชิงกีฬาหรือ
Festival & Sports Tourism ความปลอดภัยในการท่องเที่ยว
การบุกตลาดเชิงรุก 5.เจาะกลุ่มตลาดดาวรุ่งใหม่
ๆ ควบคู่กับเปิดจุดขายเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงเมืองหลักสู่
55 เมืองน่าเที่ยว เน้นบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น
นายอารัญ บุญชัย
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงฯ พร้อมประสานทุกภาคีภาครัฐ และเอกชน
เพื่อยกระดับศักยภาพสู่จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวโลกโดยมีแผนปฏิบัติการ IGNITE
Thailand’s Tourism ประกอบด้วย 5
กลยุทธ์ ปี 2567 เน้น 3 กลยุทธ์ ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 1 สร้างประสบการณ์ที่ดีในทุกย่างก้าว
ด้วยการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวตลอดการเดินทาง ประชาสัมพันธ์ข้อมูล
สร้างภาพลักษณ์และสร้างประสบการณ์ที่ดี ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย
กลยุทธ์ที่ 2 ผลักดัน 5 Must Do
in Thailand ส่งเสริม 5 สิ่งที่จะต้องทำในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และพัฒนาสินค้ากับบริการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐาน
กลยุทธ์ที่ 3 ส่งเสริมเส้นทางเชื่อมโยงเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว
พัฒนาสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยว โดยบูรณาการหน่วยงานในจังหวัดเดินหน้าทำท่องเที่ยวเชิง
พัฒนากิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยวให้มีเรื่องราวเป็นจุดขายสำคัญ พร้อมกับยกระดับมาตรฐานที่พัก
ร้านอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานรองรับการท่องเที่ยว
ปรับปรุงและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว
จากนั้นปีปีงบประมาณ 2568/2569 จะเน้นนโยบายนำไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งอาเซียน
(Hub of ASEAN) ด้วยวิธีสนับสนุนให้เชื่อมโยงเส้นทางอาเซียนเป็นจุดหมายปลายท่องเที่ยวหนึ่งเดียวกัน
(Single Destination) และยกระดับความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนร่วมสร้างศูนย์กลางการจัดงานอีเวนต์โลก (World Class Event Hub) พัฒนางนเทศกาลประเพณีท้องถิ่นไทยสู่สากลทำให้เป็นอีเวนต์ระดับโลก
เตรียมพร้อมและเพิ่มศักยภาพเมืองต่าง ๆ รองรับการจัดอีเวนต์นานาชาติ
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า พร้อมรับนโยบายของรัฐบาลกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวไตรมาส 3-4
ปี 2567 แบ่งเป็น “ตลาดในประเทศ” จะสร้างกระแสเดินทางท่องเที่ยว 5 ภูมิภาค เปิดตัวเมืองน่าเที่ยว
55 จังหวัด ตามคอนเซปต์เสน่ห์ไทยและ 5 Must Do in Thailand ผ่านแคมเปญการสื่อสาร
“สุขทันทีที่เที่ยวไทย” ส่วน “ตลาดต่างประเทศ” สื่อสารด้วยคอนเซปต์ Amazing
Thailand, Your Stories Never End แบ่งเป็น
2 ส่วน คือ
ส่วนที่
1 ตลาดระยะไกลข้ามทวีป เน้นเพิ่มเที่ยวบินตรงแบบประจำและเที่ยวบินเช่าเหมาลำกระตุ้นการเดินทางจำนวนมากนอกฤดูและวันหยุดฤดูหนาว
เพิ่มการใช้จ่ายเงิน ด้วยการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวสร้างประสบการณ์ใหม่ ขยายวันพัก
อำนวยความสะดวกเดินทางและทำธุรกิจ
ส่วนที่ 2 ตลาดระยะใกล้ แถบเอเชีย
แปซิฟิก อาเซียน เน้นส่งเสริมการเดินทางเชื่อมโยงเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว ร่วมมือกับสายการบินเพิ่ม
4 อย่าง
1.เที่ยวบินและเส้นทางบิน
2.ความถี่การเดินทาง
3.เพิ่มการใช้จ่าย
4.ปรับภาพลักษณ์ประเทศไทย
ขยายฐานกลุ่มเจเนเรชั่นคนรุ่นใหม่และท่องเที่ยวเดินทางมาไทยครั้งแรก
ผู้ว่าฯ ฐาปนีย์ กล่าวว่า ครึ่งปีหลัง 2567 ททท.เตรียมจัดกิจกรรมเทศกาลต่าง
ๆ ทุกเดือน เช่น อะเมซิ่ง ฟู้ด เฟสติวัล2024 ศรัทธา วิจิตร/VIJIT 5
ภาค อะเมซิ่ง มวยไทย เอ็กซ์พีเรียนซ์ อะเมซิ่ง บีช
ไลฟ์ เฟสติวัล และอะเมซิ่ง มิวสิค เฟสติวัล
สนับสนุนการจัดกิจกรรม งานเทศกาลและประเพณีต่าง ๆ ทั่วเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว
สร้างสีสันและบรรยากาศการท่องเที่ยว โดยนำมาตรการรัฐบาลมาเป็นพลังสนับสนุน ได้แก่ 1.ขยายการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง
2.สนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว
3.อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวเรื่องการเดินทางทางบก
ทางน้ำ ทางอากาศ 4.ยกระดับระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน
และความปลอดภัย
ข่าวที่สอง
–MGMมาเก๊าลั่นลงทุนคอมเพล็กซ์เอนเตอร์เทนเมนท์ในไทย
นางแพนซี่
โฮ ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท
MGM China จำกัด เจ้าของ
MGM Resorts International เปิดเผยว่า
ในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ธุรกิจรีสอร์ตเอนเตอร์เทนท์ครบวงจร
(Intigrated Resort)
หรือ คอมเพล็กซ์ เอนเตอร์เทนท์เมนท์ ในเอเชีย เมื่อ 12
มิถุนายน 2567 เดินทางมาประกาศเพิ่มโอกาสการลงทุนเตรียมตั้งสำนักงาน
MGM ในประเทศไทย
ขานรับนโยบายรัฐบาลไทยซึ่งมุ่งเป็นผู้นำการท่องเที่ยวภูมิภาคนี้ ซึ่งจะนำร่องทำประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการท่องเที่ยวมาเก๊าควบคู่กับพิจารณาการลงทุนเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร
นางแพนซี่
โฮ กล่าวระหว่างการแถลงเปิดตัว MGM China ในไทย
ว่า ได้วิเคราะห์สถานการณ์โควิดช่วงที่ผ่านมาเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ
แต่ทุกประเทศทั่วโลกก็มีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นกำลังสำคัญสามารถรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไว้ได้
โดยเฉพาะมาเก๊าฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็วตอนนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปแล้วกว่า
60 % ในจำนวนนี้มีนักท่องเที่ยวคนไทยไปมาเก๊าเติบโตสูงกว่า
200 % ด้วยศักยภาพของ
MGM สามารถกระตุ้นและส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ
โดยเฉพาะกลุ่มเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และตะวันออกกลาง หันมาเดินทางสู่จุดหมายปลายทางในมาเก๊าเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
รวมทั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนหนึ่งในตลาดการท่องเที่ยวเป้าหมายสำคัญของไทยด้วย
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า
ได้ร่วมแสดงความยินดีกับนางแพนซี่ โฮ เจ้าของ MGM China ที่เดินทางมาประกาศจะตั้งสำนักงาน MGM
China ในไทย จึงได้ใช้โอกาสดังกล่าวหารือกัน 2 เรื่องหลัก
ได้แก่ เรื่องที่ 1 แนวทางบูรณาการความร่วมมือพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทย
เกี่ยวกับการพัฒนาสินค้าท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยวประเภทที่มนุษย์สร้างขึ้นหรือ
Man-made เรื่องที่ 2 การจัดกิจกรรมส่งเสริมให้เกิดการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยว
นักธุรกิจ นักลงทุนต่างชาติ เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองไทยมากยิ่งขึ้น
แล้วช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2567 ททท จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมสนับสนุน
ต้อนรับนักลงทุนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน 200 คน จะเดินทางเข้ามาจัดกิจกรรมต่าง ๆ และพบปะเจรจาธุรกิจ
แสวงหาความร่วมมือกับคู่ค้าคนไทย
ทั้งนี้เมื่อต้นปี 2566 เคยมีกระแสข่าวจาก
MGM Resorts
International เจ้าของธุรกิจโรงแรมและคาสิโนชั้นนำลาสเวกัส และมาเก๊า
วางแผนจะเข้ามาลงทุนโครงการคาสิโนและสถานบันเทิงแบบครบวงจรในเมืองไทย หลังจากรัฐบาลไทยมีท่าทีจะแก้กฎหมายภายในอนาคตอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
กรณีจะเปิดให้คาสิโนเป็นธุรกิจถูกกฎหมายภายใต้การกำกับดูแลของรัฐเหมือนกับอีกหลายประเทศ
รวมทั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
ยืนยันช่วงปลายเดือนมีนาคม 2567
ว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาเปิดให้นักลงทุนเข้ามาพัฒนาคอมเพล็กซ์ เอนเตอร์เมนท์
ในเมืองไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
และจะใช้ธุรกิจดังกล่าวเป็นหนึ่งในกลไกกระตุ้นการท่องเที่ยวจากต่างประเทศมาเที่ยวเมืองไทย
เช่นเดียวกับบางประเทศในอาเซียนก็ประสบความสำเร็จ กระทั่งใช้ธุรกิจคอมเพล็กซ์
เอนเตอร์เมนท์ สร้างรายได้คิดเป็น 1-2
% ของจีดีพีประเทศได้
ซึ่งไทยเองก็กำลังทบทวนเปิดการลงทุนธุรกิจดังกล่าวเช่นกัน
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น