ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB”
บิ๊กTCEBเร่งเศรษฐไมซ์ครึ่งหลังปี67ชิงงานWorldPride2030
หนุนทั่วไทยผนึกกำลังจัดไมซ์ในโครงการส่วนพระองค์ชุมพร
โร้ดโชว์ไมซ์จีน/อินเดีย-พลิกโฉมยกทีมประชุมรุมรักเมองไทย
คิงเพาเวอร์ออนไลน์จัดไป 6.6D-Dayลดไม่ยั้ง20%ถึง9มิ.ย.67
“คิง เพาเวอร์”นำสินค้าภูมิปัญญาไทยโกอินเตอร์เพิ่ม3แบรนด์
จัสมินซิตี้กรุ๊ปแจกสมาชิกคิงเพาเวอร์รีบรับส่วนลด4โรงแรม
เสริมศักดิ์ปลื้มททท.นำTTM+2024โกยเงินเข้าไทย3พันล้าน
คาร์บอนมาร์เก็ตคลับครบ3ปีจัดฟรีเวทีรุกรับโลกเดือด26มิ.ย.
TCEBหนุนจัดThe ICONIC Runเทศกาลวิ่งเที่ยวกิน5จังหวัด
สุขทันทีทีที่เที่ยว“เชียงราย”มุมใหม่ในล้านนาหน้าฝน5พิกัด
5 ผลไม้วิตามินซีสูง ช่วยต้านหวัด เสริมภูมิในตลอดฤดูฝน
2แบรนด์ยักษ์“ดุสิตอินเตอร์-วิลล่าคาร์ท”ลุย2โปรเจกต์ภูเก็ต
ไทยลุ้นFTI ทัวร์ใหญ่เยอรมันยื่นล้มละลายหยุดขายมิ.ย.67
วันเสาร์ที่
8 มิถุนายน 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen
#gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #TCEB #WorldPride2030 #โครงการส่วนพระองค์ชุมพรบางเบิด
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/FH4g1FFtGsrTUP1V/?mibextid=oFDknk
ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ “นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา” ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” เคลื่อนตลาดไมซ์ครึ่งปีหลัง 4 โครงการ “ลุยประมูลเวิลด์ไพรด์ 2573”
เลือกไทยเป็นเจ้าภาพ ปูพรมลุยสร้างเครือข่ายในประเทศรอบอาเซียน พร้อมส่งเสริมไมซ์ใน “โครงการส่วนพระองค์ชุมพร”
บางเบิด ในโอกาสมหามงคลเฉลินพระชนมพรรษษครบ 6 รอบ (72 พรรษา)
และเดินหน้าพลิกโฉมเปิดแคมเปญในประเทศ “ยกทีมประชุม รุมรักเมืองไทย”
เน้นสีสันตลาดใหม่เจนวาย ด้าน “ไมซ์ต่างประเทศ” เดินสายโร้ดโชว์ครั้งใหญ่ จีน
อินเดีย
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผย
ทีเส็บวางกลยุทธ์นำอุตสาหกรรมไมซ์สร้างเศรษฐกิจให้ประเทศเริ่มตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลัง
2567 โครงการแรก ขานรับนโยบายรัฐบาลที่จะไปประมูลงาน World
Pride 2030 ปี 2573
ในโอกาสที่ทั่วโลกมารวมตัวกันจัดงาน Pride Month ที่ประเทศไทยตลอดเดือนมิถุนายนนี้มีงานเปิดอย่างยิ่งใหญ่ผู้มีความหลากหลายทางเพศในและต่างประเทศเข้าร่วมเกือบ
3 แสนคน
จะช่วยปูพรมทำให้นานาประเทศเข้าถึงไทยมากขึ้นเนื่องจากการเข้าประมูลเวิลด์ ไพรด์ 2573
มาจัดในไทย
ก่อนจะจัดงานนี้ทีเส็บได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเสริมความแข็งแกร่งร่วมกับคอมมูนิตี้ไพรด์ในไทยนำร่องเมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้กับกว่า
25 องค์กร
รวมทั้งมีทุกจังหวัดเข้ามานำเสนอศักยภาพที่ขอเป็นสถานที่จัดเวิลด์ ไพรด์
ขณะนี้คัดจนเหลือเพียง 3 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต ขอนแก่น
เชียงใหม่ กำหนดจะต้องโหวตเลือก 1 ใน 3
จังหวัด นี้ วันที่ 11 กรกฎาคม 2567
ส่วนการจะประมูลงาน เวิลด์ ไพรด์ 2030 ประเทศไทยจะต้องเตรียมอีกหลายขั้นตอนควบคู่กันไป
ประกอบด้วย ขั้นตอนที่ 1 เข้าไปมีส่วนร่วมช่วยก่อตั้ง ASEAN
Pride Alliance ล่าสุดได้นำคณะเข้าพบนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4
มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล มีตัวแทนที่มีบทบาทสำคัญของวงการไพรด์
นำโดย คุณมิเชล มิว แอมบาสเดอร์เวิลด์ไพรด์ คุณโอลิเวีย จากญี่ปุ่น
คุณเฮนรี่จากฮ่องกง คุณทีตาร์จากบังกลาเทศ
ซึ่งได้รับการยืนยันจากรัฐบาลพร้อมช่วยสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ
ที่จะผลักดันให้ไทยเป็นสถานที่จัดเวิลด์ไพรด์ วันที่ 18 มิถุนายน
นี้ รัฐบาลไทยจะประกาศความชัดเจนเรื่องการอนุญาตใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านวุฒิสภา
ขั้นตอนที่ 2 ไทยจะต้องจัดเตรียมความพร้อมส่วนต่าง ๆ
ต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 4 เดือน
เพื่อแข่งกับอีกหลายประเทศที่สนใจเข้าร่วมประมูลชิงเป็นเจ้าภาพเวิลด์ไพรด์
ซึ่งหมุดดหมายของแต่ละประเทศจะต้องทำนอกเหนือจากความเท่าเทียมตามมาตรการของสหประชาชาชาติแล้ว
ยังต้องสะสมการจัดอีเวนต์ที่เกี่ยวข้องเพื่อแสดงถึงศักยภาพของเมืองไทยควบคู่กันไปด้วย
โครงการที่ 2 สนับสนุนโครงการส่วนพระองค์จังหวัดชุมพรเพื่อไมซ์ที่ยั่งยืนในเมืองรอง
ทีเส็บจับมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)นำแผนที่เมืองท่องเที่ยวรอง 55
จังหวัด ทยอยสร้างมาตรฐานประกาศเป็นเมืองไมซ์ หรือ MICE City
ด้วย ปัจจุบันมีแล้ว 10 เมือง สิ่งสำคัญคือ
“กิจกรรม” ที่จะขึ้นตามเมืองต่าง ๆ
เพราะการจัดงานไมซ์ที่ดีที่สุดคือกระจายรายได้เข้าถึงชุมชน
โดยมีไฮไลต์ที่กำลังร่วมส่งเสริมคือ
“โครงการพัฒนาส่วนพระองค์จังหวัดชุมพร” หรือ “บางเบิด” ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชประสงค์ให้เป็นแหล่งเรียนรู้
ตั้งอยู่ในพื้นที่ประมาณ 448 ไร่ ตรงบริเวณบ้านน้ำพุ
ตำบลปากคลอง อำเภอประทิว
ปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงมีพระปณิธาน
สืบสาน รักษา ต่อยอด ประกอบกับปีนี้ถือเป็นปีมหามงคลฉลองพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา
ทางทีเส็บจึงร่วมกับ บริษัท มงคลชัยพัฒนา จำกัด
ทำให้เกิดการเดินทางไปจัดกิจกรรมไมซ์ เปิดให้องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)
องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และหน่วยงานต่าง ๆ
เข้าไปร่วมกิจกรรมศึกษาธรรมชาติ เส้นทางปั่นจักรยาน และกิจกรรมอีกมากมาย เช่น
การเลี้ยงชะมดนำมาทำเป็นกาแฟคุณภาพมูลค่าราคาขายสูง
เป็นแหล่งศึกษาพันธุ์พืชชนิดต่าง ๆ
ด้วยศักยภาพของโครงการบางเบิดอยู่ห่างจากหัวหิน บางสะพาน
ประจวบคีรขันธ์ และมีศักยภาพความพร้อมทั้งทางด้านทัศนียภาพธรรมชาติสวยงาม
เหมาะกับกลุ่มองค์กรที่มีเครือข่ายขนาดใหญ่หรือคอร์ปอเรตที่มีการจัดการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลแก่พนักงานหรือบุคคลในองค์กร
(incentive)
ระหว่างวันที่ 9-11 มิถุนายน 2567
ทีเส็บจะนำคณะต่าง ๆ เข้าเยี่ยมชมโครงการส่วนพระองค์บางเบิด
ภายในจัดนิทรรศการกึ่งถาวรให้ความรู้ด้านต่าง
ๆ เพื่อให้กลุ่มตลาดไมซ์ นักท่องเที่ยว หรือคนในท้องที่
ได้ศึกษาเรียนรู้ไปด้วยกัน เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายนอกและภายในที่ทีเส็บมุ่งมั่นทำในโอกาส
72 พรรษา
ซึ่งทางทีเส็บพร้อมอำนวยความสะดวกให้ทุกหน่วยงานเข้าไปเยี่ยมชมได้หลังกลางเดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป
โครงการที่ 3 เปิดตัวแคมเปญ
“ยกทีมประชุม รุมรักเมืองไทย” ระหว่าง
มิถุนายน-พฤศจิกายน 2567
กระตุ้นไมซ์ในประเทศต่อจากเดิมมีโครงการประชุมเมืองไทย ภูมิใจช่วยชาติ
แล้วปีนี้ปรับใหม่เป็นการประกวดแข่งขันกันจัดงานประชุมทั่วประเทศเพื่อชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า
1.5 ล้านบาท
สร้างสีสันใหม่ด้วยการกระตุ้นให้เกิดแนวคิดจัดงานประชุมเทรนด์ใหม่ ๆ
โดยหวังผลสำเร็จจากแคมเปญนี้
กระตุ้นตลาดเจนวายหันมาจัดประชุมเทรนด์ใหม่ ๆ
ซึ่งขยายฐานการเติบโตอย่างรวดเร็วช่วยสร้างสีสันแคมเปญให้สนุกสนานได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
ขานรับมติคณะรัฐมนตรีใหม่ล่าสุดเรื่องมาตรการลดหย่อนภาษีการเดินทางจัดประชุม
สัมมนา อินเซ็นทีฟ ในเมืองรองทั่วประเทศ ได้ลดหย่อนถึง 2 เท่า ขณะนี้หารือกับทาง ททท.เพื่อสร้างทำโครงการเด่น ๆ ร่วมกัน
แล้วจะปล่อยแคมเปญต่าง ๆ ตามมาด้วย
โครงการที่ 4 โร้ดโชว์กระตุ้นไมซ์ “ตลาดต่างประเทศ” เดือนมิถุนายน 2567
เตรียมไปเซี่ยงไฮ้ กวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน จะบุกตลาดประชุม
อินเซ็นทีฟ จัดงานแสดงสินค้า หรือ MIC ส่วน “อินเดีย”
จะนำเสนอการจัดงาน President Awards 2024 วันที่ 25 ตุลาคม 2567 จะคัดเลือกพร้อมทั้งเชิญเจ้าของบริษัททำอินเซ็นทีฟแถวหน้าของอินเดียมารับรางวัลในเมืองไทย
สอดคล้องกับการเพิ่มรายได้และจำนวนเข้าประเทศช่วงไตรมาสที่ 4
ปีนี้
ส่วนช่วงกรกฎาคม-สิงหาคม นี้ ทีเส็บก็จะไปประมูลงานไมซ์ต่าง ๆ
ดึงมาจัดในไทย เพื่อให้รายได้เป็นไปตามเป้าหมาย
ผอ.จิรุตถ์กล่าวว่า ปี 2567 ตลาดไมซ์ช่วงครึ่งปีแรกขับเคลื่อนได้ดีมาก
แต่ปัญหาหลักเป็นเรื่องขาดแคลนบุคลากร
ส่งผลให้ตลาดไมซ์ในประเทศชะลอตัวลงเพราะบริษัทต่าง ๆ หันไปทำตลาดไมซ์ต่างประเทศ
ดังนั้นจะต้องเร่งแก้ไขโดยหารือกับทางสถานศึกษาผลิตบุคลากรให้ทันความต้องการ
ซึ่งทางกรมการท่องเที่ยวและหน่วยงานเกี่ยวข้องกับการผลิตบุคลากรไมซ์รับรู้และร่วมมือกันทยอยเปิดหลักสูตรระยะสั้นเร่งด่วนบ้างแล้ว
จากนี้ก็จะดีขึ้นตามลำดับต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์ออนไลน์จัดไป
6.6D-Dayลดไม่ยั้ง20%ถึง9มิ.ย.นี้
คิง
เพาเวอร์ ชวนสนุกกับแคมเปญ “6.6 D-DAY” เปิด “คิง
เพาเวอร์ ออนไลน์” พิเศษเพียง 4 วันเท่านั้น ระหว่างวันที่ 6-9
มิถุนายน 2567 เลือกสินค้าราคาพิเศษลดสูงสุด 20% ทุกไอเทมคุ้มมากกับทัพสินค้าดิวตี้ฟรีของแท้ที่เดียวในเมืองไทย
เมื่อมีไฟลต์แล้วทุกครั้งก่อนบินคลิกใส่ตะกร้าได้เลย มีแบรนด์ดังมานำเสนอ 4
หมวด นำโดย หมวดที่ 1 น้ำหอม หมวดที่ 2
เครื่องสำอาง หมวดที่ 3 สินค้าแฟชั่น หมวดที่ 4
ไลฟ์สไตล์มากมาย
เริ่มต้นช้อปให้ครบ 3 ชิ้นขึ้นไป ลดสูงสุด 20% ด้วยรหัสส่วนลด 66DD20
พร้อมรับสิทธิ์พิเศษตลอดการช้อปอีก
2 รายการ ดังนี้
รายการแรก
ส่วนลด 100 บาท เมื่อมียอดช้อปครบ 9,000 บาทสุทธิขึ้นไป
สามารถนำสิทธิ์นี้ไปใช้บริการเรียกรถไปหรือกลับได้จาก Robinhood Ride จากสนามบินสุวรรณภูมิ หรือดอนเมือง ได้ตลอดทั้งเดือน วันนี้- 30 มิถุนายน 2567
รายการที่
2 ส่วนลด 10 % เมื่อนักช้อปคนไทยมียอดซื้อคิง เพาเวอร์ ครบ 3,000
บาทสุทธิขึ้นไป ตั้งแต่วันนี้-30 มิถุนายน 2567
สามารถนำสิทธิ์ไปซื้อประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ (เมืองไทย HappyTrip
แผนรายเดี่ยว) ใช้เป็นส่วนลดได้คนละ 1
สิทธิ์/ครั้ง ได้ตั้งแต่วันนี้- 15 กรกฎาคม 2567
ข่าวที่ 2 “คิง
เพาเวอร์”นำสินค้าภูมิปัญญาไทยโกอินเตอร์สำเร็จ3แบรนด์
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ รายงานว่าได้เดินหน้ากิจกรรมเพื่อสังคมโครงการ “คิง เพาเวอร์ ไทย
เพาเวอร์ พลังคนไทย” ส่งเสริมและสนับสนุนศักยภาพสินค้าไทย ช่วยเหลือแนะนำบรรดาผู้ประกอบการตื่นตัวพัฒนาสินค้าตอบโจทย์นักท่องเที่ยว
พร้อมกับแนะนำให้เลือกใช้วัตถุดิบ
จัดคอร์สอบรมความรู้ด้านการตลาดออนไลน์และออฟไลน์ ตั้งแต่วิเคราะห์ข้อมูล
จัดทำบัญชี บริหารธุรกิจ เพื่อให้ผู้ประกอบการและชุมชนเกิดความเข้มแข็งมีคุณภาพชีวิตที่ดี
กระทั่งประสบความสำเร็จนำพาสินค้าไทยที่มีคุณภาพก้าวสู่ตลาดโลกทำยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี
ปี 2567 กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
ได้นำผู้ประกอบการสินค้าภูมิปัญญาไทยที่เป็นคู่ค้าแถวหน้านำเสนอศักยภาพการสร้างความสำเร็จในตลาดโลก
3 แบรนด์ 3 ผลิตภัณฑ์
“อรรถเทพ
สมัครธัญกิจ” เจ้าของอารมณ์ดิน สตูดิโอ จ.ลำปาง เปิดเผยว่า ในฐานะผู้ผลิตภัณฑ์งานปั้นเซรามิก
หนึ่งในสินค้าของที่ระลึกตกแต่งบ้านทำยอดขายในร้าน คิง เพาเวอร์ ได้ดี เริ่มพัฒนาธุรกิจจากความฝันสักวันจะนำสินค้าเข้าสู่ตลาดโลกผ่านคิง
เพาเวอร์ ซึ่งเป็นด่านแรกในการต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก มีโอกาสจะทำให้ทุกคนเห็นสินค้า
เมื่อเริ่มทำงานร่วมกันก็ได้รับคำแนะนำเรื่องการปรับปรุงสินค้าตอบโจทย์นักท่องเที่ยวมากขึ้น
เช่น ปรับรูปแบบ ลดขนาดตุ๊กตา และอื่น ๆ ทำให้ถูกใจและสะดวกที่นักท่องเที่ยวจะซื้อกลับไปยอดขายสินค้าจึงดีขึ้นเรื่อย
ๆ
ตอนช่วงสถานการณ์โควิดได้หันมาจัดการระบบสินค้าและหาความรู้เพิ่มมากขึ้น
จากโครงการ “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์” ช่วยจัดคอร์สอบรมให้ผู้ประกอบการได้รับความรู้ต่าง
ๆ เกี่ยวกับ วิธีเก็บข้อมูล การทำบัญชี ทำสต็อกสินค้า ขายของออนไลน์
จากเดิมทำไม่เป็นเลยจนสามารถทำได้ จากนั้นก็พยายามศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม
พัฒนาจนสินค้าเป็นที่รู้จักแพร่หลายจนถึงทุกวันนี้
อรรถเทพย้ำว่าสามารถพูดได้เต็มปากเพราะ
คิง เพาเวอร์ เปิดโอกาสให้พัฒนาแบรนด์สู่ความเป็นมืออาชีพมากขึ้น อันหมายรวมถึงคนในอำเภอแม่เมาะด้วย
เมื่อมียอดสั่งซื้อมากขึ้นก็จ้างงานในชุมชนเพิ่มตามไปด้วย เช่นอาชีพทำส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ประกอบตุ๊กตา
อย่าง ถักหมวกเล็ก ๆ งานดัดแว่น ส่งผลให้คนปลดหนี้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ซื้อรถใหม่
มีรายได้มากขึ้น จึงขอเป็นตัวแทน “อารมณ์ดิน สตูดิโอ” ขอบคุณคิง เพาเวอร์ ได้มอบสิ่งที่ดีให้ธุรกิจเติบโตมาจนถึงปัจจุบัน
“ประสงค์ ลิ้มเจริญ” ผู้ก่อตั้งแบรนด์บางกอกคุ้กกี้ กล่าวว่า
เป็นผู้พัฒนาขนมทำจากข้าวคุณภาพดีส่งออกตลาดโลก และช่วยเหลือเกษตรกรไทยให้มีรายได้
สร้างชุมชนเข้มแข็ง จุดเริ่มมาจากอยากสร้างสินค้าที่มีเอกลักษณ์ของคนไทย โดยมี “ข้าวหอมมะลิ”
หนึ่งในสินค้าที่เลือกนำมาพัฒนาเพราะเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทยและโลก จึงคิดนำข้าวมาแปรรูปเป็นขนมข้าวกรอบ
“ข้าวแต๋น โดยใช้ข้าวออร์แกนิก สร้างสรรค์ให้แตกต่างจากรายอื่น โดยได้พันธมิตรทางการค้าที่ดีคือ
คิง เพาเวอร์ ช่วยแนะนำวิธีคัดสรรวัตถุดิบที่ดี พร้อมให้โจทย์การพัฒนาสินค้า 3 ข้อ คือ 1.ข้าวแต๋นต้องไม่เหมือนใครในโลก 2.ต้องเก็บได้นานเกินกว่า 12 เดือน และ 3.สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าวไทย
ในที่สุดก็ได้ข้าวแต๋น
“บางกอกคุ้กกี้” วางตลาดปัจจุบันมีนับ 100 รสชาติ ความพิเศษอยู่ตรงเลือกใช้ข้าวออร์แกนิค
ปลูกแบบไร้สารเคมี 3 สายพันธุ์ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ
ข้าวเหนียว ข้าวขาว พร้อมกับพัฒนากรรมวิธีการผลิตจนได้ผลิตภัณฑ์เก็บได้นานคงรสชาติความอร่อย
นักท่องเที่ยวนิยมซื้อเป็นของฝากยอดฮิตสร้างชื่อเสียงให้ขนมแปรรูปข้าวไทยดังไปทั่วโลกกว่า
30 ประเทศ
ประสงค์กล่าวว่าวันนี้ได้พัฒนาสินค้าและขยายตลาดสู่จีนภายใต้แบรนด์
Metem โดยปรับรสชาติให้ถูกปากผู้บริโภคจีนมากขึ้น เพิ่มผลไม้แปรรูป
Fruitland ผลิตและส่งออกสู่14 ประเทศ ทั้งการนำข้าวไทยและผลไม้แปรรูปไปสู่ตลาดโลก
ตอกย้ำให้เห็นศักยภาพแบรนด์ไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ สามารถเพิ่มมูลค่าข้าวไทยและยังช่วยเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย
ทุกวันนี้บางกอกคุ้กกี้พาข้าวแต๋นขนมสัญชาติไทยเดินทางมาไกลกว่าที่เคยทั่วตลาดต่างแดน
เป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในแบบที่ไม่เคยมีใครคิดทำมาก่อน
“จุฑาทิพ
ไชยสุระ” กล่าวว่า ในฐานะเจ้าของผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติจากแบรนด์คนไทย JUTATIP
และเจ้าของรางวัล G-mark (Good Design Award) ปี
2564 รางวัลการออกแบบยอดเยี่ยมจากสถาบันการออกแบบของญี่ปุ่น ได้นำหลักแนวคิดพลังแห่งความเป็นไปได้มาใช้
ทำเครื่องแต่งกายผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติ
เป็นความตั้งใจนำภูมิปัญญาถ่ายทอดจากคนรุ่นเก่าสู่รุ่นใหม่มาพัฒนาเป็นสินค้าที่มีมาตรฐานระดับสากล
จุดเด่นอยู่ตรงการเลือกใช้เส้นด้ายปั่นด้วยมือ มีกระบวนการทอมือ
และเทคนิคการย้อมธรรมชาติ สร้างเอกลักษณ์ เทคนิคการทอสไตล์ญี่ปุ่น
หลังจากได้พันธมิตรที่ดีอย่าง
“คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย” เข้ามาให้ความรู้อันทันสมัยทั้งเรื่องการทำตลาดออนไลน์-ออฟไลน์ การบริหารธุรกิจ ช่วยให้สื่อสารเกี่ยวกับงานผ้าและความพิถีพิถันเพื่อผลิตสินค้าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
กระตุ้นคนต่างชาติรู้จักภูมิปัญญาคนไทย และผลิตภัณฑ์พื้นเมืองตามจังหวัดต่าง ๆ
ของไทยเพิ่มมากขึ้น
จุฑาทิพย์
กล่าวว่า การผลักดันสินค้าภูมิปัญญาไทยเข้าตลาดโลกพร้อมกับส่งเสริมวิถีชุมชน ซึ่งเป็นปณิธานที่ตั้งไว้มาโดยตลอด
แม้ช่วงแรกจะไม่เก่งเรื่องทำเสื้อผ้าก็พยายามเรียนรู้ทุกอย่าง
นำมาปรับปรุงพัฒนาจนได้สินค้าใหม่ ๆ อยู่เสมอ สิ่งที่ได้เรียนรู้คือการทำงานฝีมือต้องไม่หยุดนิ่ง
ต้องปรับปรุงพัฒนาอยู่เสมอเพื่อให้ได้สินค้าถูกใจทั้งคนไทยและต่างชาติ ที่สำคัญแบรนด์นี้ยังคงสืบสานวิถีชีวิตชุมชน
ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่ต่อไป ทั้งช่วยอนุรักษ์แล้วก็ช่วยทำให้ชุมชนเข้มแข็ง
มีรายได้เลี้ยงชีพอย่างมั่นคง
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ ภูมิใจที่ได้นำพาผู้ประกอบการไทยประสบความสำเร็จสร้างแบรนด์เข้าสู่ตลาดโลก
โดยเชื่อมั่นในพลังแห่งความ “เป็น ไป ได้” จะพาชุมชนและสังคมไทยมีคุณภาพชีวิตยั่งยืน มีความสุขตลอดไป
ข่าวที่ 3 จัสมินซิตี้กรุ๊ปแจกสมาชิกคิงเพาเวอร์รีบรับส่วนลด4โรงแรม
ฟินได้เลยสมาชิกคิง
เพาเวอร์ พันธมิตรในเครือ “จัสมิน ซิตี้ กรุ๊ป” เปิดให้สมาชิกทุกสถานะ รับสิทธิพิเศษส่วนลดเมื่อเลือกใช้บริการโรงแรมชั้นนำในเครือระหว่างวันนี้– 31 ธันวาคม 2567 ด้วยส่วนลดสูงสุด
10% ทั้งการจองห้องพัก รับประทานอาหาร บริการสปา
ที่พักโรงแรม 4 แห่ง คือ
“จัสมิน
ซิตี้ โฮเท็ล” มอบห้องพักราคาพิเศษเริ่มต้น 3,100 บาท รวมอาหารเช้า 2 คน
ลดค่าอาหารสูงสุด 10%
“จัสมิน
59 โฮเท็ล”
มอบส่วนลดห้องราคาพิเศษเริ่มต้น
2,500 บาท/ห้อง/คืน รวมอาหารเช้า 2 คน ลดค่าอาหารสูงสุด 10%
“จัสมิน แกรนด์ เรสซิเดนซ์” มอบส่วนลดห้องพักราคาพิเศษเริ่มต้น 1,700 บาท/ห้อง/คืน
รวมอาหารเช้า 2 คน ลดค่าอาหารสูงสุด 10%
“จัสมิน รีสอร์ท โฮเท็ล” มอบส่วนลดจองห้องพักราคาพิเศษเริ่มต้น
2,600 บาท/ห้อง/คืน รวมอาหารเช้า 2 คน ลดค่าอาหารสูงสุด 10% และบริการสปาลดสูงสุด 10% รับเครื่องดื่มฟรี 1 แก้ว
ข่าวที่ 4 เสริมศักดิ์ปลื้มททท.นำTTM+2024โกยเงินเข้าไทย3พันล้าน
นายเสริมศักดิ์
พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า
สนับสนุนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
จัดมหกรรมซื้อขายการท่องเที่ยวรายการใหญ่ Thailand
Travel Mart Plus 2024 : TTM+ 2024) ระหว่างวันที่
5-7 มิถุนายน 2567 ที่โรงแรมเจดับบลิว แมริออต เขาหลัก รีสอร์ท จังหวัดพังงา คาดจะสร้างรายได้จากการเจรจาธุรกิจและการเดินทางเข้าร่วมงานนี้มีเงินหมุนเวียนมากกว่า
3,000 ล้านบาท มีเม็ดเงินกระจายตัวทั้งทางตรงและทางอ้อมในพื้นที่พังงาและกลุ่มจังหวัดท่องเที่ยวอันดามัน ตามที่ททท.จัดทำสรุปจะมาจาก 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 การจับคู่เจรจาซื้อขายการท่องเที่ยวของผู้ประกอบการจะทำได้กว่า
3,000 ล้านบาท ส่วนที่ 2 การเดินทางไปยังชุมชนท้องถิ่นตลอดการจัดงานครั้งนี้อีกกว่า
30 ล้านบาท
รวมทั้งยังเป็นสัญญาณที่ดีกับการทำเทรดโชว์ขานรับนโยบาย
IGNITE
TOURISM THAILAND ของรัฐบาลขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวภูมิภาคหรือ
Tourism
Hub ระดับโลก
เนื่องจาก
ททท.จัดงาน
TTM+2024
เป็นเทรดแฟร์ส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวโดยเน้นจับคู่เจรจาธุรกิจแบบ
B2B : Business to Business ระดับนานาชาติรายการใหญ่ของโลก
มีความสำคัญที่สุดกับไทย ปี 2567 ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวทั่วโลกสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ดึงคนเข้าร่วมในฐานะตัวแทนผู้ซื้อ
(buyer) ได้มากที่สุด 50 ประเทศ ภายใต้แนวคิด
“Amazing
Thailand : Your Stories Never End”
โดยจะใช้นำเสนอไฮไลต์การท่องเที่ยวเมืองไทยกับคู่ค้าด้วย
4
จุดขาย ได้แก่ 1.อัพเดทนวัตกรรมและเทคโนโลยีและเทรนด์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
2.จัดกิจกรรมทัศนศึกษาแนะนำสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทยในพื้นที่รอบฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย
เริ่มตั้งแต่ พังงา กระบี่ ภูเก็ต เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี ต่อเนื่องสู่ภาคเหนือเชียงใหม่
และลำพูน
3.กระตุ้นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกที่เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวไทย
พร้อมกับสร้างเรื่องราวความประทับใจที่อยู่ในความทรงจำ (Unforgettable
Experience) เพื่อนำไปบอกต่อสู่นักท่องเที่ยวทั่วโลก 4.ชูเรื่องการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน Sustainability ทุกขั้นตอนตลอดการจัดงาน
เพื่อตอกย้ำความพร้อมของไทยก้าวสู่ประเทศจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของคนทั่วโลก
สำหรับงานเทรด
แฟร์ การท่องเที่ยว TTM+ 2024 ททท.เป็นเจ้าภาพจัดระหว่างวันที่ 5-7 มิถุนายน 256 7โดยจัดนอกพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกในเขาหลัก
จังหวัดพังงา เนื่องจากมีศักยภาพพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวด้วยจุดขายของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและชายหาดสวยงาม
ภาคเอกชนมีความพร้อมรวมทั้งภายในงานยังได้สร้างสรรค์แนวทางส่งเสริมความยั่งยืนของพื้นที่
ปีนี้ TTM+ 2024 มีโอกาสต้อนรับผู้ประกอบการร่วม 1,000
คน เป็นคู่ค้าต่างประเทศเดินทางมาในฐานะตัวแทนผู้ซื้อ (Buyer) มากที่สุด 425 ราย
และผู้ประกอบการไทยในฐานะตัวแทนผู้ขาย (Saller) 430 ราย สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวไทยในตลาดโลกจะสามารถนำการท่องเที่ยวสร้างรายได้เข้าประเทศปี
2567 และ 2568 ได้ตามเป้าหมายเกินปีละ 3.5
ล้านล้านบาท
ข่าวที่
5 คาร์บอนมาร์เก็ตคลับครบ3ปีจัดฟรีเวทีรุกรับโลกเดือด26มิ.ย.
นางกลอยตา ณ ถลาง
รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และประธาน Carbon Markets Club เปิดเผยว่า
ร่วมกับผู้บริหารบริษัท บางจากฯ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
จำกัด (มหาชน) และพันธมิตร จัดงาน “READY, SET, NET ZERO” มีโดย หนุ่ย แบไต๋-พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โชว์ไร้ขีด (จำกัด) ผู้ผลิตสื่อ bt beartai ดำเนินรายการ ในโอกาสคาร์บอน
มาร์เก็ต คลับ ครบรอบ 3 ปี จึงชวน
“รุก รับ ปรับตัว รับมือยุคโลกเดือด” ในวันพุธที่ 26
มิถุนายน 2567
เปิดเวทีฟรีให้ทุกองกรค์เข้ามาร่วมอัพเดทเส้นทางสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
เตรียมความพร้อมสู่เป้าหมาย Net Zero โดยให้องค์กรต่าง
ๆ รวมถึงบุคคลที่สนใจทั่วไปมารับฟังแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่ห้องประชุมใบไม้
ชั้น 8 อาคารเอ็ม ทาวเวอร์สำนักงานใหญ่บางจากสามารถลงทะเบียนร่วมงานฟรีทาง
https://bit.ly/3KfJk40 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันจัดงานจริง
ทาง Carbon
Markets Club ลงทุนใช้เวทีแห่งนี้อัพเดทสถานการณ์สภาพการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศในไทยเพราะ
"โลกเดือด เรื่องดุ" เป็นเรื่องท้าทายกับปรับตัวให้อยู่รอด ในฐานะคลับรักษ์โลกลดก๊าซเรือนกระจกแห่งแรกของประเทศไทย
ก่อตั้งโดย บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท บีซีพีจี จำกัด
(มหาชน) และองค์กรก่อตั้งรวม 11 บริษัท ร่วมกันจัดงาน “READY,
SET, NET ZERO with Carbon Markets Club”
ไฮไลต์ในงานจะมี ผศ. ดร. ธรณ์
ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ
และอาจารย์ประจำภาควิชา วิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมบรรยายพิเศษ
“Road to Decarbonization” และนำเสนอเสวนา "Ready,
Set, Net Zero: SMEs ปรับตัวอย่างไรในยุคโลกเดือด" พร้อมกับแนะนำและสาธิตแอปพลิเคชัน “MyCF”
เครื่องมือประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของบุคคล
โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และให้คำปรึกษาภารกิจสู้โลกเดือด ผ่าน SME Business
Clinic กับองค์กรต่าง ๆ ที่สนใจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(SMEs)
สามารถนำความรู้ไปใช้ต่อยอดสร้างประโยชน์ได้ในระยะยาว
ข่าวที่
6 TCEBหนุนจัดThe ICONIC Runเทศกาลวิ่งเที่ยวกิน5จังหวัดใหญ่
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB”
เปิดเผยว่าทีเส็บร่วมสนับสนุนเทศกาลนานาชาติ “The ICONIC Run Fest Thailand
Series 2024”
กิจกรรมวิ่ง กิน เที่ยวเชิงสุขภาพ ภายใต้แนวคิด รวมพลังสร้างสุขภาพดี เศรษฐกิจดี
สร้างเมืองสู่ความยั่งยืน เดินหน้าทำต้นแบบ 5
จังหวัด ทั้งด้านส่งเสริมการเดินทาง ค่านิยมลดพฤติกรรมเสี่ยงโรคไม่ติดต่อ (NCDs)
และโอกาสทางเศรษฐกิจกระตุ้นการท่องเที่ยวชุมชนเชิงวัฒนธรรม คาดผู้เข้าร่วมกว่า
10,000 คน
โดยจัดขึ้นในรูปแบบเทศกาลช่วงปี
2567 เลือกใช้พื้นที่แลนด์มาร์กหลัก
5 จังหวัด เริ่มสนามแรก “เชียงราย” วันที่ 29-30 มิถุนายน
“สุโขทัย” วันที่ 24-25 สิงหาคม “นครราชสีมา” วันที่ 7-8 กันยายน
มุกดาหาร และนครศรีธรรมราช จัดภายใน ตุลาคมนี้
แต่ละพื้นที่จะจัดกิจกรรม 2
วัน ประกอบด้วย กิจกรรมที่ 1
ยกระดับเมนูท้องถิ่นเพื่อสุขภาพจากเชฟชื่อดัง
จัดร่วมกับ 3
กิจกรรม คือ 1.เปิดตลาดนัดนำสินค้าชุมชนเพื่อสุขภาพมาขาย
หรือ Healthy Community Product 2.คลิกนิกอบรมกีฬาเพื่อสุขภาพ
Wellness Sports Training
Clinic จากผู้เชี่ยวชาญ กิจกรรมที่ 2 นำอินฟลูเอนเซอร์ของไทยร่วมกิจกรรมหลัก
คือ เดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพ ระยะทาง 10 กม. และ 5
กม. จะเปิดรับสมัครผู้เข้าวิ่งจังหวัดละ 2,000 คน
นักวิ่งจะได้รับของที่ระลึกและเสื้อ BIB สมัครร่วมกิจกรรมได้ที่ http://thai.fit
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ theiconicrunfest
สำหรับงานการจัดงาน The ICONIC
Run Fest Thailand Series 2024 มีเจ้าภาพหลักคือ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
(สสส.) ร่วมกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงมหาดไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน
สมาคมการค้าผู้จัดกีฬามวลชน สมาพันธ์เดินวิ่งเพื่อสุขภาพไทย
สมาคมการค้าส่งเสริมการจัดมหกรรมและเทศกาลนานาชาติไทย และภาคีเครือข่ายต่าง ๆ
ช่วงที่ 2 เที่ยวให้ฉ่ำไปสุขทันทีที่ “เชียงราย”
เย็นถ้วนหน้าในล้านนาหน้าฝนกับมุมใหม่ใกล้ชิดธรรมชาติ งานอาร์ต ไร่ชา ดอกบัวตอง
ภูชี้ฟ้า จัดมาให้แล้ว พร้อมฟัง “5ผลไม้วิตามินสูง”
ต้านหวัดหน้าฝน และข่าวฮ็อตจริง ๆ ข่าวแรก “ดุสิตอินเตอร์-วิลลาคาร์ทกรุ๊ป”
ผนึกบริหารรีสอร์ตหรูสุด “ลายัน แวร์เด” ภูเก็ตปี’70
ข่าวที่สอง “ไทยลุ้นFTIทัวร์เบอร์3ยุโรป”
ยื่นล้มละลายกระทบตลาดเยอรมันเที่ยวไทย
ท่องเที่ยว
–สุขทันทีทีที่เที่ยว“เชียงราย”มุมใหม่ในล้านนาหน้าฝน5พิกัด
เที่ยวให้ฉ่ำ รับสายฝนโปรยปรายเย็นตลอดทุกวัน
ขึ้นเหนือไปเพิ่มประสบการณ์ใกล้ชิดธรรมชาติมุมใหม่ ที่ “เชียงราย” ด้วยกัน
มีทั้งงาน Art เที่ยวไร่ชา
ชมทุ่งดอกบัวตอง ขึ้นภูชี้ฟ้า
และสัมผัสวิถีตะเข็บเพื่อนบ้านริมโขงตรงสามเหลี่ยมทองคำ กับ 5 พิกัด
พิกัดที่ 1 เที่ยวงาน ART Chiang Rai : The Best of
Watercolors ผลงานศิลปินสีน้ำจากงาน Mekong
Watercolor Workshop วันนี้
- 30 มิถุนายน 2567
ที่ศูนย์การค้าเช็นทรัลเชียงราย อาร์ต
แกลอรี่ชั้น G กลุ่มศิลปินเชียงรายและกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง
นำเสนอศิลปะสีน้ำเป็นสื่อกลางส่งเสริมความสวยงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทางสมาคมขัวศิลปะและกลุ่มศิลปินสีน้ำชั้นนำระดับนานาชาติ
คัดสรรมาให้นักท่องเที่ยวสายอาร์ตได้ชมกว่า 40
ชิ้น
ผลงานศิลปะมาจากโครงการ Mekong
Watercolor Workshop โดยศิลปินร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะมากมาย
อันถ่ายทอดถึงความงดงามของภูมิทัศน์ทางธรรมชาติ
และสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมที่สร้างขึ้นในเชียงราย รวมทั้งบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมศิลปะ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวของเชียงราย
พิกัดที่ 2 เที่ยวไร่ชาฉุยฟง
ในตำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน เชียงราย สัมผัสความงดงามของทุ่งชา ท่ามกลางขุนเขา สีเขียวชอุ่มลดหลั่นกันเป็นขั้นบันไดบนเนินเขาเนื้อที่กว่า
1,000
ไร่ มองเห็นทิวทัศน์ได้แบบกว้างไกลสวยงาม แถมอากาศเย็นสบาย
ในไร่มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ มากมาย และจุดนั่งชมวิวตรงบริเวณร้านชา
ร้านอาหาร ห้องพัก มีผลิตภัณฑ์ชาและแปรรูป ของที่ระลึก
พิกัดที่ 3 “ทุ่งดอกบัวตอง” บนดอยหัวแม่คำ
อยู่ตรงหมู่ 4 ตำบลแม่สลอง อำเภอแม่ฟ้าหลวง
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมมากในช่วงปลายฤดูฝน
เพราะจะเป็นช่วงที่ดอกบัวตองเบ่งบานสวยที่สุด
ทำกลายเป็นทุ่งดอกไม้สีสันและสวยงามเป็นอย่างมาก ถ่ายรูปได้ฟินใกล้ชิดธรรมชาติมาก
ๆ
เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่า อาข่าและลาหู่
ตั้งอยู่บนสันเขา ตะเข็บชายแดนไทย-พม่า มีทิวทัศน์สวยงาม พื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตวนอุทยานดอยหัวแม่คำ
อากาศเย็นตลอดทั้งปีเพราะอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,850 เมตร
ในอดีตมีปัญหาเรื่องกองกำลังชนกลุ่มน้อยและขบวนการค้ายาเสพติด ภายหลังเมื่อผลักดันกองกำลังขุนส่าออกไป
จึงเริ่มกลับคืนสู่ความสงบ แล้วก็ได้อานิสงดอกบัวตองเหลืองอร่ามทั้งหุบเขากลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทำรายได้หล่อเลี้ยงชุมชน
พิกัดที่ 4 “ภูชี้ฟ้า”
ลักษณะเป็นหน้าผาหินตั้งยอดเขาสูงสุดในเทือกเขาดอยผาหม่น สูงจากระดับน้ำทะเล 1,628 เมตร
สภาพอากาศค่อนข้างเย็น มีป่านางพญาเสือโคร่งสวยงามชูช่อสลับอยู่ในหุบเขา ซึ่งกั้นพรมแดนระหว่างไทยกับ
สปป.ลาว มีผาหินชี้เหยียดตรงขึ้นไปบนฟ้าว่าภูฟ้า
เมื่อครั้งอดีตเคยมีปัญหาด้านความมั่นคงพอทุกอย่างคลี่คลายรัฐบาลก็ตัดถนนขนานแนวชายแดนไทย-ลาว
ดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปมากขึ้น เป็นจุดชมแม่น้ำโขงไหลขนานเทือกดอยผาหม่น
และนั่งชมพระอาทิตย์ได้ทั้งยามเช้าและเย็น
พิกัดที่ 5 สามเหลี่ยมทองคำ
อยู่ตรงบ้านสบรวก อำเภอเชียงแสน อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงราย 70 กม.มีรถประจำทางจากขนส่งสายสีเขียว
เชียงราย-เชียงแสน บริการในราคาคนละ 40 บาท ใช้เวลา 1.30 ชั่วโมง ให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชมแลนด์มาร์กความงดงาม
3 ประเทศ
ไทย สปป.ลาว เมียนมา มีแม่น้ำโขงตัดผ่านเป็นจุดมีบริการล่องเรือหางยาวเพื่อชมบรรยากาศของแม่น้ำโขงได้ด้วย
สุขภาพ
– 5
ผลไม้วิตามินซีสูง ช่วยต้านหวัด เสริมภูมิในตลอดฤดูฝน
การกินผลไม้ประจำฤดูกาลนอกจากราคาจะถูกกว่าแล้ว
ยังลดปริมาณสารพิษที่แฝงมาด้วย แนะ 5ผลไม้ ประจำฤดูฝน วิตามินซีสูงต้านหวัด เพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย
แถมยังเป็นแหล่งวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารสูง อีกด้วย
1. ส้มโอ ช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน แก้หวัด
แก้ไอ ขับเสมหะ มีใยอาหารสูงจึงช่วยแก้ท้องผูกได้ อุดมไปด้วยโพแทสเซียม
มีปริมาณโซเดียมค่อนข้างต่ำ
2. ฝรั่ง อุดมด้วยวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง
5 เท่าใยอาหาร สร้างภูมิต้านทาน เหมาะสําหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน
หรือควบคุมน้ำหนักเพราะมีแคลอรีน้อยบำรุงผิวพรรณ
3. มะเฟือง ผลไม้รสเปรี้ยว แก้ร้อนใน ดับกระหาย
ลดอุณหภูมิในร่างกาย ถอนพิษไข้ ช่วยลดความร้อนภายในร่างกายได้ดี
จิ้มกับพริกเกลือเล็กน้อย รับรองกินตอนบ่ายๆ ตื่นเต็มตาแน่นอน
4. ส้มเขียวหวาน ผลไม้ยอดฮิต เนื้อฉ่ำน้ำหวานสดชื่น
ช่วยป้องกันไข้หวัด แก้ไอ ขับเสมหะ แก้อาหารไม่ย่อย ช่วยระบบขับถ่ายให้ดีขึ้น
5. กล้วยน้ำว้ามีสารแทนนินอยู่มาก
ซึ่งสามารถช่วยรักษาอาการท้องเสียแบบไม่รุนแรงได้ มีสารต้านอนุมูลอิสระ
แก้อาการนอนไม่หลับ ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ
ให้แคลเซียมสูงที่สุดในบรรดากล้วยทั้งหมด
การกินผลไม้ตามฤดูกาล จะมีราคาถูกและมีสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงน้อยกว่าผลไม้นอกฤดูกาล
อย่างไรก็ตามควรล้างให้สะอาดก่อนกินทุกครั้งถึงแม้จะเป็นผลไม้ที่ต้องปลอกเปลือก
และควรกินในปริมาณที่เหมาะสมเนื่องจากผลไม้เองก็มีน้ำตาลอยู่มาก
ควรเน้นกินเพื่อสุขภาพมากกว่าความอร่อยควบคู่ไปกับการกินอาหารให้ครบ 5
หมู่หลากหลาย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอด้วย
จะช่วยทำให้สุขภาพแข็งแรงไม่ป่วยง่ายด้วย
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–2แบรนด์ยักษ์“ดุสิตอินเตอร์-วิลล่าคาร์ท”ลุย2โปรเจกต์ภูเก็ต
นายศิรเดช โทณวณิก รองประธานฝ่ายการพัฒนาระดับโลก ดุสิต
อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า ดุสิต
อินเตอร์เนชั่นแนล หนึ่งในบริษัทพัฒนาโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของเมืองไทย
ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับ “วิลล่า คาร์ท กรุ๊ป”
บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต ซึ่งมีวิลล่า อพาร์ทเมนต์ โรงแรม บาร์ และร้านอาหาร
เพื่อบริหารโรงแรมและอพาร์ตเมนต์หรู 2 แบรนด์
ใจกลางโครงการลายัน แวร์เด/Layan Verde อยู่บนชายฝั่งตะวันตกของภูเก็ต ห่างจากหาดบางเทาเพียง 800 เมตร
ทางดุสิตได้บริหารรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงของ
ดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต มากว่า 30 ปี ในส่วน
“ลายัน แวร์เด” มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 108,000 ตารางเมตร ด้วยอาคารขนาดกลาง
15 หลัง ด้วยผลงานการออกแบบโดยสถาปนิก โมฮัมเหม็ด อาดี
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายออกแบบของ Dewan Architects + Engineers ได้ผสมผสานแต่ละส่วนเข้ากับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติอย่างลงตัว
โครงการที่ 1 “ดุสิต คอลเลกชั่น–ลายัน แวร์เด” ตั้งอยู่ในอาคาร 5 หลัง
รวม 398 ห้อง เป็นแห่งใหม่โครงการแรกที่ลงนามใช้แบรนด์ดุสิตคอลเลกชั่นสุดหรูสู่จุดหมายปลายทางเต็มไปด้วยเรื่องราวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรม การออกแบบมีรสนิยม และประสบการณ์โดดเด่น
โครงการที่
2 ดุสิตจะบริหารจัดการอาคาร 5 หลัง ประกอบด้วยห้องพัก 388 ห้อง ภายใต้แบรนด์ดุสิต
เรสซิเดนซ์ โดยจะใช้ประโยชน์จากประสบการณ์อันยาวนานในการบริหารโรงแรมและรีสอร์ทหรูตามจุดหมายสำคัญทั่วโลก
มานำเสนอบริการระดับ 5 ดาว แก่ผู้พักอาศัยในคอนโดมิเนียมและอพาร์ตเมนต์สุดหรูดังกล่าว
ภายในดุสิต
เรสซิเดนซ์ ลายัน แวร์เด ยังมีศูนย์การค้าและโอเชี่ยนคลับ รวมโรงแรม ที่พักอาศัย
กำหนดเปิดบริการปี 2570 โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมี่ยมอันหลากหลาย
รวมร้านอาหารเปิดให้บริการตลอดทั้งวัน ฟิตเนส สระว่ายน้ำ คิดส์คลับ
บาร์บนชั้นดาดฟ้า พื้นที่จัดเลี้ยงกว้างขวาง ภูมิทัศน์สวยงามและสร้างขึ้นเพื่อยกระดับข้อเสนอที่พักอาศัยหรูหราในภูมิภาค
ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของ
วิลล่า คาร์ท กรุ๊ป ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ยั่งยืน ตลอดจนความมุ่งมั่นของดุสิตมุ่งสร้างประโยชน์เชิงบวกในโครงการทั้งหมด
ให้เป็นไปตามแนวคิดสถาปัตยกรรมชีวภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ความยั่งยืน
แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ และการอนุรักษ์ดูแลสิ่งแวดล้อม
ภายในโรงแรมและอพาร์ทเมนท์ตกด้วยวัสดุเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและกันความชื้น
เสริมด้วยเฟอร์นิเจอร์คุณภาพสูงระดับพรีเมียม ใช้เทคโนโลยีที่ได้การรับรอง EDGE ขั้นสูงช่วยลดการใช้น้ำและไฟฟ้าได้มากถึง 45%
นายศิรเดช กล่าวว่าด้วยการผสมผสานทำเลที่ตั้งอันน่าทึ่งของลายัน
แวร์เด เข้ากับความมุ่งมั่นออกแบบที่ยั่งยืน ด้วยประสบการณ์ของดุสิตมายาวนานกว่า 75
ปี ได้รับแรงบันดาลใจวิถีไทย พร้อตอบโจทย์ตลาดระดับโลกอย่างแท้จริง
มาจากความชาญฉลาดของคนในท้องถิ่น ผู้อยู่อาศัย แขก นักลงทุน จึงสามารถช่วยทำโครงการนี้เติมเต็มรีสอร์ทในเครือดุสิตธานี
ลากูน่า ภูเก็ต ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เสริมสร้างความมุ่งมั่นที่จะต้อนรับทุกคนที่เดินทางมายังภูเก็ตได้อย่างยอดเยี่ยมด้วย
ข่าวที่สอง
-ไทยลุ้นFTI ทัวร์ใหญ่เยอรมันยื่นล้มละลายหยุดขายมิ.ย.67
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท FTI Touristik GmbH ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มบริษัท
FTI GROUP ผู้ให้บริการธุรกิจท่องเที่ยวใหญ่อันดับ 3
ในยุโรป ได้ยื่นล้มละลายต่อศาลแขวงนครมิวนิก เยอรมันี เมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 3
มิถุนายน 2567โดยพร้อมทั้งประกาศแผนดำเนินการเบื้องต้นกับนักท่องเที่ยวเยอรมัน
และยุโรป ที่เดินทางไปท่องเที่ยวตามประเทศต่าง ๆ
ในจำนวนนี้มีนักท่องเที่ยวจากเยอรมันของบริษัทนี้เป็นกลุ่มตลาดหลัก ๆ
ที่เดินทางมาไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้วย ระหว่างมกราคม-เมษายน 2567 มีนักท่องเที่ยวเยอรมนีเดินทางมาไทยติดอันดับ
7 จำนวน
375,224
คน
ล่าสุดทาง FTI ประกาศใช้มาตรการดูแลรับผิดชอบนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการซื้อแพกเกจท่องเที่ยว
และแพกเกจต่าง ๆ ไปแล้ว เบื้องต้นสามารถใช้สิทธิประโยชน์ได้ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ส่วนที่
1 ได้เปิดเว็บไซต์ให้ความช่วยเหลือลูกค้าผ่าน่องทาง
www.fti-group.com/de/insolvenz และ Hotline โทรฟรี
0049 89 / 710 45 14 98 หลังจากเกิดกระแสข่าวส่งผลให้การเข้าเว็บไซต์ดูข้อมูลต้องเผชิญกับปัญหาโอเวอร์โหลดบ้าง
ส่วนที่ 2 ได้ทำประกันไว้กับกองทุนประกันการเดินทาง
DRSF โดยต้องวางเงินสดไว้แล้ว 200 ล้านยูโร
ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถนำนักท่องเที่ยวที่ออกเดินทางไปแล้วกลับเยอรมนีได้ตามกำหนดอย่างแน่นอน
ส่วนที่ 3 นักท่องเที่ยวที่ยังไม่ได้ออกเดินทาง
ตั้งแต่วันอังคารที่ 4 มิถุนายน 2567
เป็นต้นไป
จะไม่สามารถเดินทางได้หรือยังเดินทางได้แค่บางส่วนเท่านั้น และจะไม่สามาถจองแพกเกจใหม่ได้อีกต่อไป
ส่วนที่ 4 แบรนด์ในเครือ FTI ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้ง
คือ ประกอบด้วย 1.FTI ใน 3 ประเทศหลัก
ได้แก่ เยอรมนี ออสเตรีย และ เนเธอร์แลนด์ 2.กลุ่มธุรกิจ
5vorFlug และ BigXtra GmbH 3.บริการ รถเช่า DriveFTI และ
”Cars and Camper
ล่าสุดทาง
FTI แจ้งที่หน้าเว็บไซต์ระบุให้ลูกค้าและผู้เกี่ยวข้องกับการเดินทางที่ใช้บริการ
FTI และแบรนด์ในเครือดำเนินการได้
3 แนวทางดังนี้
แนวทางที่ 1 ต้องยกเลิกแพกเกจทัวร์ทั้งหมดตามกรอบของกฎหมาย
ส่วนนักท่องเที่ยวที่จองแพกเกจทัวร์พร้อมทั้งได้จ่ายเงินไปเรียบร้อยแล้ว จะได้การคุ้มครองและจะได้รับเงินคืนตามลำดับต่อไป
แนวทางที่ 2 นักท่องเที่ยวที่จองแพกเกจท่องเที่ยวกับทัวร์
โอเปอเรเตอร์ รายอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในเครือ FTI เช่น
TUI, Alltours, DERTOUR, vtours ผ่านแพลตฟอร์มของ FTI จะไม่ได้รับผลกระทบจากการยื่นล้มละลายแต่อย่างใด
แนวทางที่ 3 การจองอื่น
ๆ ที่ไม่ใช่แพกเกจท่องเที่ยว เช่น จองห้องพัก จองรถเช่า จองชมเมือง/sightseeing
จองการเดินทางจะไม่ได้รับความคุ้มครองจากกองทุนประกันที่ทางบริษัทได้นำเงินสดไปวางไว้
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น