ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.อีสานนำท่องเที่ยว4เดือนปี67ทำรายได้3.1หมื่นล้าน


นายอรรถพล วรรณกิจ

ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ททท.

ททท.อีสานดันเศรษฐกิจเที่ยว4เดือนปี67โกย3.1หมื่นล้าน

ตลุยขายอีสานเขียวเที่ยวหน้าฝน3บิ๊กโปรเจกต์มิ.ย.-ก.ย.นี้

จัดเต็ม18เมืองน่าเที่ยวปั๊มรายได้โหม 5 Must Do Tourism

คิงเพาเวอร์ออนไลน์จัดช้อปวีคเอนด์ดีล3วันลดใหญ่20%

ช้อปคิงเพาเวอร์ผ่านบัตรกสิกรไทยถึง30มิ.ย.รับรัวๆ4ต่อ

รร.พูลแมนคิงเพาเวอร์ลุยขายPrideMonthปังสุด3กิจกรรม

ททท.-3พันธมิตรกระหน่ำแจก55เมืองน่าเที่ยว72เส้นทาง

บางจาก-สปสช.เปิดปั๊มบริการวันสต็อปนวัตกรรมสุขภาพ

TCEBชูโครงการส่วนพระองค์ชุมพรรับตลาดไมซ์ทั่วไทย

สุขทันทีที่เที่ยวจันบุรีหน้าฝนฟินฟันเซิร์ฟบอร์ดสนุกสุดๆ

8วิธีคลายเครียดระหว่างเดินทางวันหยุดแล้วเจอรถติดนาน

นายกฯเศรษฐาสั่งผู้ว่า55เมืองน่าเที่ยวทำด่วน9แผนงานใหม่

บางกอกแอร์-ORใช้SAFชูน่านฟ้าไร้คาร์บอนกรีนแอร์พอร์ต

 

วันเสาร์ที่  15 มิถุนายน 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #บางจาก #TCEB  #เที่ยวจันทบุรี 

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...https://www.facebook.com/share/v/QN3rWvCiqY3CU8wd/?mibextid=oFDknk 


                ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ “นายอรรถพล วรรณกิจ” ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ลุยโครงการ “อีสานเขียว เที่ยวหน้าฝน ดลบันดาลใจ” เร่งปั๊มรายได้ต่อจาก 4 เดือนแรก ทำได้แล้ว 3.1 หมื่นล้าน 15.1 ล้านคน-ครั้ง ปลายมิ.ย-ก.ย.นี้ รุกหนักขายกรีนซีซัน 3 กิจกรรม “ผนึก24อุทยาน” เที่ยวครบ 3 อุทยานรับรางวัลไปได้เลย โหมโปรโมท “ดลบันดาลใจ” สายมูต้องไปเที่ยวกลุ่มนคราธานี บูม“มูแลนด์ แดนอีสาน เส้นทางสายศรัทธา 5 จังหวัด” อุดร-หนองคาย-บึงกาฬ-นครพนม-มุกดาหาร และร่วมมหกรรมขาย “ไทยเที่ยวไทย” พร้อมดันเร่งด่วน 18 เมืองน่าเที่ยวขาย 5 Must do และโชว์ความสำเร็จเทรดโชว์ข้ามภาค “จากโขงชีมูลสู่ทะเลหวาน” ตะวันออก ส.ค.นี้นำเอกชนลงใต้บุกขายที่หาดใหญ่  


นายอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าได้จัดทำโครงการ “อีสานเขียว เที่ยวหน้าฝน ดลบันดาลใจ” ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพื้นที่มีสถานที่เป็นทางเลือกให้นักท่องเที่ยวจำนวนมาก 20 จังหวัด ทั้งคนไทยและต่างชาติรู้จักอีสานเขียวเป็นอย่างดี โดยมีกิจกรรมชวนมาเที่ยวทั้งสายชื่นชอบธรรมชาติ ทุ่งดอกไม้ป่า การท่องเที่ยวเชิงผจญภัย เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่นิยมถ่ายภาพช่วงหน้าฝนแล้วนำเสนอผ่านสื่อออนไลน์ มุ่งกระตุ้น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มแรก นักศึกษาจบใหม่ กลุ่มสอง กลุ่มเพื่อนฝูง กลุ่มสาม ครอบครัว ซึ่งสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันได้ทั้งกับในกลุ่มที่เดินทางด้วยกัน หรือทำร่วมกับท้องถิ่น

เร่งขยายผลเพิ่มจำนวนและรายได้เข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อเนื่องจากสถานการณ์ตลอด 4 เดือนแรก ระหว่างมกราคม-เมษายน 2567 มีผู้เยี่ยมเยือนคนไทยมาแล้ว 15.1 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 16.8 % ทำรายได้ 31,000 ล้านบาท จากเป้าหมายรวมตลอดปีนี้ 93,000 ล้านบาท ตอนนี้ยังมีเวลาอีกเร่งทำให้ได้อีก 7-8 เดือน ส่วนการใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวเฉลี่ยประมาณ 2,400 บาท/คน/ทริป  มีอัตราการเข้าพัก 64 % เพิ่ม 5 %

พื้นที่ท่องเที่ยวเป้าหมายที่ได้รับความนิยม ได้แก่ อันดับ 1 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา อันดับ 2 อุดรธานี อันดับ 3 อุบลราชธานี อันดับ 4 บุรีรัมย์ ซึ่งมีกิจกรรมมากมายโดยเฉพาะมหกรรมกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว จึงทำให้มีคนหลั่งไหลเข้าไปจำนวนมาก

ผอ.อรรถพล กล่าวว่า จะนำ ททท.กระตุ้นการท่องเที่ยวภาคตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน-กันยายน 2567 ทำ 3 กิจกรรมใหญ่ ได้แก่

กิจกรรมที่ 1 ร่วมกับอุทยานแห่งชาติทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือโปรโมทให้คนออกมาเที่ยว  เริ่มจัดก่อนเข้าพรรษา 1 สัปดาห์ จะกระตุ้นประมาณ 45 วัน เริ่ม 15 กรกฎาคม -30 สิงหาคม 2567 เปิดให้แสตมป์พาสปอร์ตท่องเที่ยวอุทยานให้ครบ 3 แห่ง ได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลมากมาย โดยมีให้เลือกมากกว่า 24 อุทยาน ในจังหวัดขอนแก่น นครพนม ชัยภูมิ เขาใหญ่/นครราชสีมา มุกดาหาร ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อุดรธานี และจังหวัดเลย เมื่อไปท่องเที่ยว พักค้างคืน แล้วนำไปโพสต์ลงเพจ “เที่ยวอีสาน” ทางแอดมินเพจจะคัดเลือกแล้วจัดส่งของรางวัลไปให้นักท่องเที่ยวมีทั้งกระเป๋าเดินทาง ร่ม เสื้อกันฝน อุปกรณ์แคมปิ้ง และอื่น ๆ

 

กิจกรรมที่ 2 ดลบันดาลใจ แนะนำพื้นที่ท่องเที่ยวอีสานตอนบน ได้แก่ กลุ่มจังหวัด “นคราธานี” ประกอบด้วย อุดรธานี หนองคาย นครพนม มุกดาหาร บึงกาฬ จะใช้ชื่อแคมเปญ “มูแลนด์ แดนอีสาน เส้นทางสายศรัทธา 5 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” จะเริ่มช่วงเข้าพรรษา จนถึง 15 กันยายน 2567 เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวชอบเดินป่า หากนักท่องเที่ยวโหลดแอพลิเคชั่นมูแลนด์ จะได้รับเหรียญ 1 คอยน์ แล้วสะสมให้ครบ 3 คอยน์ เหรียญแรก โหลดแอพลิเคชั่น เหรียญที่สอง ไปเช็คอินที่พัก เหรียญที่สาม นำใบเสร็จโรงแรม ร้านอาหาร มูลค่าขั้นต่ำประมาณ 1,000 บาท แล้วสแกนกลับไปยังแอพลิเคชั่นมูแลนด์ ก็จะได้รับ “นาคเกี้ยว” รุ่นลิมิเต็ด 999 ชิ้น จะมอบให้นักท่องเที่ยวเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว โดยจะมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายให้เดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ 

ไฮไลต์จะมี 2 เทศกาลใหญ่ ได้แก่ เทศกาลแรก “รำบวงสรวง” วันที่ 7 เดือน 7 หรือ วันที่ 7 กรกฎาคม 2567 จะจัดพิธีรำบวงสรางพญาศรีสัตนาคราช บริเวณลานจังหวัดนครพนม สร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวเข้าไปยังอีสานตอนบนได้ และเทศกาลที่สอง “แห่เทียนพรรษา” จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 19-21 กรกฎาคม 2567 แล้วยังมีนครราชสีมา สามารถสร้างขบวนรถแห่เทียนได้ยิ่งใหญ่ไม่แพ้อุบลราชธานี เหมาะกับนักเดินทางที่ชอบขับรถเที่ยวลัดเลาะถนนมิตรภาพชมแห่เทียนโคราชแล้วขับต่อมาที่อุบลราชธานี 

ผอ.อรรถพล กล่าวว่า ขานรับนโยบายรัฐบาลเดินหน้าโครงการ “เมืองน่าเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ซึ่งมีจำนวน 18 จังหวัดเมืองรองเปลี่ยนเป็นเมืองน่าเที่ยว ทางฝ่ายสื่อสารการตลาด ททท.ได้รวบรวมข้อมูลเพื่อแนะนำนักท่องเที่ยวต้องไปตามรูปแบบที่นายกรัฐมนตรีเปิดโมเดลต้นแบบที่เชียงใหม่ IGNITE THAILAND ด้วย 5 Must Do เช่น Must See ชมการท่องเที่ยวยิ่งใหญ่ตระการตา เมื่อไปถึงจังหวัดต้องไปชมให้ได้ Must Eat กินอาหารอร่อยจานเด็ด เช่น นครราชสีมา ต้องกิน ต้องเช็คอินร้านคาเฟ่ใด Must Seek สัมผัสวัฒธรรมในแต่ละท้องถิ่น Must Buy ไปถึงแล้วต้องได้ซื้อสินค้ากลับบ้าน Must Beat ไปแล้วต้องได้ทำกิจกรรมกีฬา จะชกมวย เล่นกอล์ฟ ปั่นจักรยานชมเมือง วิ่งชมธรรมชาติ วางแผนจะทำเร่งด่วนทั้ง 18 จังหวัดไปพร้อมกัน

 


กิจกรรมที่ 3 ร่วมมหกรรมขายในงาน “ไทยเที่ยวไทย” ระหว่างวันที่ 27-30 มิถุนายน 2567 ที่ศูนย์ประชุมไบเทค บางนา จะนำแพกเกจท่องเที่ยวในประเทศของทุกภาคเสนอขายนักท่องเที่ยวสามารถเลือกไปช้อปได้ตลอดงาน 

ผอ.อรรถพลกล่าวว่า ล่าสุดนำ ททท.สำนักงานต่าง ๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เดินทางไปทำเทรดโชว์กับคู่ค้าในพื้นที่ภาคตะวันออก ใช้ชื่อโครงการ “จากโขงชีมูล สู่ทะเลหวานตะวันออก” 4-6 มิถุนายน 2567 ใน 2 พื้นที่ ได้แก่ ศรีราชา ชลบุรี ผู้ประกอบการท่องเที่ยวอีสานทำยอดขายได้ 6.7 แสนบาท ส่วนระยอง 6 แสนบาท และอยู่ระหว่างเจรจามียอดต่อเนื่อง 8 แสนบาท -  1 ล้านบาท ซึ่งประสบความสำเร็จผลตอบรับดีเกินคาดปิดการขายได้เป็นอย่างดี วางแผนจัดส่งเสริมการขายต่อเนื่องเดือนสิงหาคมนี้มุ่งสู่ภาคใต้ หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งปัจจุบันมีเที่ยวบินตรงมายังอีสาน

ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ศึกษาพฤติกรรมนักท่องเที่ยวพบว่า ตามปกติก่อนหน้านี้ชาวจะอีสานเที่ยวกันเองภายในภาคเดียวกันเอง แต่ตอนนี้เริ่มออกไปเที่ยวภาคอื่นบ้างแล้ว เช่นเดียวกับ “ภาคตะวันออก” เริ่มมาเที่ยวอีสานมากขึ้นทั้งจากชลบุรี และระยอง จึงได้จัดโครงการดังกล่าวขึ้น

ผอ.อรรถพลกล่าวว่า ปัจจุบันอีสานยังคงโปรโมท “อีสานไปไสกะแซ่บ” อาหารอีสานยังยืนหนึ่งไม่เป็นรองใคร แล้วยังมีดอกไม้หน้าฝน อย่างดอกกระเจียวบานในอุทยานต่าง ๆ พาคนรักออกเดินทางไปสร้างประสบการณ์ชมอีสานเขียวเพื่อจะนำได้ไปถ่ายทอดอธิบายให้เพื่อนฝูงครอบครัวเข้าใจถึงธรรมชาติกว่าจะเติบโตต้องมีกระบวนการมากมาย ถือเป็นการทำกิจกรรมเรียนรู้ร่วมกันทำให้ท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตอันงดงาม

ฟังข่าวต้นชั่วโมง



ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์ออนไลน์จัดช้อปวีคเอนด์ดีล3วันลดใหญ่20%

คิง เพาเวอร์ จัด “WEEKEND SURPRISED DEAL” พิเศษแค่ 3 วัน!! รวมแบรนด์เด็ดสุดพิเศษเฉพาะคุณเท่านั้น รีบช้อปก่อนสินค้าหมด! ได้ที่คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ เท่านั้น  นำเสนอโปรปังพร้อมเที่ยว ช้อปแบบฟินทั้งสายบิวตี้ สายแฟชั่นมีให้เลือกครบหมดจบที่เดียว รีบเข้ามาชมสินค้าและกดช้อปก่อนใคร พร้อมรอรับของได้ที่สนามบิน

1.ลดสูงสุด 20% เมื่อช้อปครบ 3,000 บาท รหัสส่วนลด WS20R1 วันที่ 14 -  16 มิ.ย. 67

ข้อเสนอพิเศษ ฟรี ! ส่วนลด 100 บาท เมื่อมียอดช้อปครบ 9,000 บาท (สุทธิ) ขึ้นไป เท่านั้น นำส่วนลดนี้ไปใช้บริการเรียกรถ โรบินฮู้ด ไรด์  ไป-กลับจากสนามบินสุวรรณภูมิ หรือดอนเมืองเท่านั้น ตั้งแต่วันนี้ - 30 มิถุนายน 2567   

2.รับฟรี! ส่วนลด 10% ซื้อประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ (เมืองไทย HappyTrip แผนรายเดี่ยว) เมื่อลูกค้าคิง เพาเวอร์ คนไทยและมียอดช้อปครบ 3,000 บาท (สุทธิ) ขึ้นไป  รับส่วนลดได้วันนี้ - 30 มิถุนายน นี้ และเก็บไว้ใช้ได้ถึง- 15 กรกฎาคม 2567 



ข่าวที่ 2 ช้อปคิงเพาเวอร์ผ่านบัตรกสิกรไทยวันนี้-30มิ.ย.รับรัวๆ4ต่อ 

พบกันที่ “คิง เพาเวอร์” กับบัตรร่วม “ยิ่งช้อป ยิ่งคุ้ม” สมาชิกที่ถือบัตรเครดิตกสิกรไทย รับเลยถึง 4 ต่อ ช้อปวันนี้ -30 มิถุนายน 2567 

ต่อที่ 1 รับส่วนลด 10% เมื่อแลกคะแนนเท่ายอดซื้อ เมื่อช้อปแล้วใช้บัตรจ่ายเงินที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และ 2 สนามบิน สุวรรณภูมิ และดอนเมือง 

ต่อที่ 2 รับ K Point  สูงสุด 2 เท่า เพียงช้อปครบ 3,000 บาทขึ้นไป/รอบบัญชี เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรกสิกรไทยทุกประเภท ตลอดการช้อปที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และ 2 สนามบิน สุวรรณภูมิ และดอนเมือง บัตร คิง เพาเวอร์-กสิกรไทย วีซ่าแพลทินั่ม รับ 1.5 เท่า และบัตรวีซ่า ซิกเนเจอร์ รับ 2 เท่า และรับได้สูงสุดไม่เกิน 6,000 คะแนน หรือมียอดช้อปคิงเพาเวอร์ไม่เกิน 150,000 บาท 

ต่อที่ 3 พิเศษ! ผู้ถือบัตรเครดิตร่วม คิง เพาเวอร์ – กสิกรไทย รับฟรี สิทธิ์เข้าห้องรับรอง K Point KLUB

ที่ คิง เพาเวอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ  เมื่อมียอดใช้จ่ายครบ 5,000 บาท/วัน ให้ได้วันละ 100 สิทธิ์ และต้องรับสิทิ์ได้วันเดียวกันกับที่มียอดช้อปสินค้าเป็นหลัก เพียงแค่แสดงใบเสร็จรับเงิน หรือสลิปบัตรเครดิต กับพนักงานที่ดูแลห้องรับรองดังกล่าว 

ต่อที่ 4 ธนาคารกสิกรไทยยังมีบริการ “KBank Smart Pay 0 % ให้ผู้ถือบัตรรับคะแนนสะสมพิเศษรวมสูงสุด 30,000 คะแนน เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรกสิกรไทยแล้วแบ่งจ่าย 0 % นาน 10 เดือน ยอดใช้จ่ายครบทุก 10,000 บาท รับคะแนนพิเศษ 1,000 คะแนน

 


ข่าวที่ 3 รร.พูลแมนคิงเพาเวอร์ลุยขายPrideMonthปังสุด3กิจกรรม

 

คิง เพาเวอร์ นำธุรกิจโรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ รางน้ำ จัดงานฉลองเดือนแห่งความหลากหลายทางเพศ Pride Month อย่างยิ่งใหญ่ตลอดเดือนมิถุนายน 2567 พบกับอาหารมื้อพิเศษ การตกแต่งที่ตระการตา และกิจกรรมต่างๆ อย่างครบครันเพื่อให้ทุกคนได้เฉลิมฉลองอย่างเต็มที่ด้วยเต็มรูปแบบครบทั้ง 3 กิจกรรม ชิมเมนูอร่อย ช้อปโปรโมชั่นแต่งงาน และเพลิดเพลินกับมหกรรมดนตรี  

           

15-16 มิถุนายน: ต่อเนื่องกับความพิเศษที่ 'A Love Story Wedding Showcase' พบกับโปรโมชั่นและข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับคู่รักทุกคู่

 

21 มิถุนายน: ปิดท้ายเดือนด้วยอาหารญี่ปุ่นสไตล์ Izakaya และเครื่องดื่มไม่จำกัด ตลอด 2 ชั่วโมงเต็ม! ซื้อบัตรเข้าร่วมงานได้ที่ bit.ly/PrideVoucher7Jun

           

14 มิถุนายน: เปิดฉากที่ Glen Bar ด้วยมินิคอนเสิร์ตจาก  'คุณเพียว เดอะวอยซ์' และการแสดงที่ได้ทำให้แฟนคลับไพรด์ ตื่นตาตื่นใจกับประสบการณ์ดี ๆ ที่คิง เพาเวอร์ ส่งมอบให้ทุกคนไปเรียบร้อยแล้ว

 

ข่าวที่ 4 ททท.-3พันธมิตรกระหน่ำแจก55เมืองน่าเที่ยว72เส้นทาง

 

นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. เปิดตัวโครงการพีที แม็กซ์ การ์ด ท่องเที่ยว 72 เส้นทาง สายศรัทธา 55 เมืองน่าเที่ยว/เมืองรอง” ขานรับนโยบายรัฐบาล โดยร่วมมือกับอีก 3 พันธมิตร นำโดย พีที แมกซ์ การ์ด โรงแรมในเครือฟอร์จูน กลุ่ม ซิกท์ เร้น อะ คาร์ และ าจารย์คฑา ชินบัญชร สร้างกระแสให้คนไทยออกเที่ยวเส้นทางสายศรัทธาใช้แม่เหล็กดึงดูดด้วยการแจกสิทธิพิเศษมากมายพร้อมทริปเที่ยวแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับอาจารย์คฑา ชินบัญชร พรีเซนเตอร์หลักของโครงการ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจเมืองน่าเที่ยวเติบโตทั้ง 5 ภูมิภาค จากการเพิ่มจำนวนและรายได้จากการท่องเที่ยว รวมทั้งช่วยพัฒนาคุณภาพและบริการให้ได้มาตรฐานนำไปสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

               

โครงการ“พีที แม็กซ์ การ์ด ท่องเที่ยว 72 เส้นทาง สายศรัทธา 55 เมืองน่าเที่ยว” ททท.มั่นใจจะสามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวได้ครบวงจร เริ่มจากพันธมิตรแรก “พีที แมกซ์ การ์ด” มีฐานสมาชิกกว่า 22 ล้านราย ที่จะสร้างกิจกรรมกระตุ้นการเดินทางกระจายไปยังเมืองน่าเที่ยวทั่วไทย โดยวิธีเปิดให้ใช้บริการและสะสมแต้มตามสถานีน้ำมันหรือร้านค้าเครือพีทีทั่วประทศ แล้วก็รับ อี-สแตมป์ วันละ 2 ดวง นำไปแลกของรางวัลมากมายต่อเนื่อง 2 เดือน เริ่ม 1 กรกฎาคม -31 สิงหาคม 2567

 

พันธมิตรที่ 2 โรงแรมในเครือฟอร์จูนตามเมืองน่าเที่ยวทั้ง 9 แห่ง จะมอบสิทธิพิเศษส่วนลดค่าห้องพัก และบริการเช็คเอาท์ได้ล่าช้ากว่าปกติให้สมาชิกพีที แมกซ์ การ์ด เมื่อจองห้องพักล่วงหน้าก่อนเข้าพักอย่างน้อย 7 วัน เริ่มตั้งแต่วันนี้ - 31 สิงหาคม 2567

 

พันธมิตรที่  3 รถเช่า ซิกท์ เร้น อะ คาร์ มอบสิทธิพิเศษให้นักท่องเที่ยวที่เลือกเดินทางตามเมืองน่าเที่ยว 55 จังหวัด เช่ารถได้ในราคาพิเศษเริ่มต้นเพียงวันละ 699 บาท หากมียอดเช่าครบ 4,000 บาทขึ้นไป ก็จะได้รับคูปองส่วนลดสัญญาละ 300 บาท และเมื่อมียอดเช่าครบ 5000 บาทขึ้นไป จะได้รับคูปองส่วนลดสัญญาละ 500 บาท กับรับสิทธิ์อัพเกรดได้อีก 1 ระดับ เริ่มตั้งแต่วันนี้ -31 สิงหาคม 2567

 

อาจารย์คฑา ชินบัญชร อินฟลูเอนเซอร์ กล่าวว่า ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวสายศรัทธาทั่วประเทศออกมาเดินทางกระจายไปตามเมืองน่าเที่ยว ได้ทั้งความสุขพร้อมกับลุ้นรางวัลพิเศษร่วมทริปเอ็กซ์คลูซีฟเที่ยวจังหวัดนครพนมช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2567 แล้วก็รับแผ่นบูชาจัดทำขึ้นเป็นพิเศษเฉพาะโครงการนี้เท่านั้น

 

ในพิธีเปิดงานวันแรก 13 มิถุนายน 2567 มีผู้บริหารทุกหน่วยงานพร้อมใจกันแสดงพลังกระตุ้นเที่ยวไทย นำโดยนางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ (ททท.) อาจารย์คฑา ชินบัญชร ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวสายศรัทธา นายพร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด บริษัทในเครือพีทีจี นายไพสิฐ แก่นจันทน์ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจโรงแรม บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) นายภูมน สมดี ผู้จัดการทั่วไป ซิกท์ เร้น อะ คาร์ ให้เกียรติร่วมงานที่สถานีบริการน้ำมัน แม็ก พาร์ค ศาลายา เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร  

 

ข่าวที่ 5 บางจาก-สปสช.เปิดปั๊มบริการวันสต็อปนวัตกรรมสุขภาพ

 

นายเสรี อนุพันธนันท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการ “เพิ่มช่องทางการเข้าถึงนวัตกรรมบริการสาธารณสุข” สำหรับประชาชน ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก เดินหน้าพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิต เพิ่มช่องทาง One Stop Service ด้านสุขภาพและสาธารณสุข ให้คนทั่วไปเข้าถึงนวัตกรรมบริการสาธารณสุขและยกระดับให้บริการได้สะดวกง่ายในสถานีบริการบางจากทั่วประเทศ

 

ตามข้อตกลงหลักการลงนามครั้งนี้จะร่วมเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือ สปสช. 3 เรื่องหลัก ได้แก่

 

เรื่องที่ 1 จัดหาพื้นที่แนะนำและอำนวยความสะดวกเชิญชวนสถานีบริการน้ำมันเข้าร่วมโครงการนวัตกรรมบริการสาธารณสุขกับ สปสช.

 

เรื่องที่ 2 ร่วมกันศึกษาและพัฒนาระบบการแพทย์ทางไกลหรือ Telehealth ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อขยายขอบเขตการสนับสนุนบริการด้านการแพทย์

 

เรื่องที่ 3 ศึกษาและพัฒนาการแพทย์รูปแบบใหม่นอกโรงพยาบาล โดยนำนวัตกรรมบริการสาธารณสุขมาใช้ลดความแออัดในโรงพยาบาล ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาและคำปรึกษาจากแพทย์ได้อย่างสะดวกสบายและรวดเร็วมากขึ้นกว่าปัจจุบัน

 

ปัจจุบันทางบางจากดำเนินธุรกิจมาแล้ว 40 ปี กำลังก้าวสู่ทศวรรษที่ 5 พร้อมร่วมพัฒนานวัตกรรมธุรกิจอย่างยั่งยืนควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมมาอย่างต่อเนื่อง มอบความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในสังคมไทย ทำภารกิจเป็นผู้ริเริ่มโครงการต่าง ๆ ด้วยตัวเองแล้ว ยังร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐและเอกชนเพิ่มโอกาสและขยายผลทำกิจกรรมหรือโครงการต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์อย่างกว้างขวางมากขึ้น

 

ปี 2567 บางจากมีสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 2,200 แห่ง สามารถตอบโจทย์ความต้องการผู้ใช้บริการทุกช่วงวัยภายใต้แนวคิด Greenovative Destination for Intergeneration แล้วยังสามารถใช้พื้นที่ภายในปั๊มให้เกิดประโยชน์และคุณค่าทำกิจกรรมต่าง ๆ เป็นศูนย์กลางสนับสนุนหรือเปิดพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนได้หลากหลายสถานการณ์ทั้งการแจกสินค้าทางการเกษตรให้ลูกค้ากับสมาชิกบัตรบางจากสนับสนุนเกษตรกรช่ววราคาสินค้าตกต่ำ ระดมทรัพยากรและกระจายความช่วยเหลือช่วงภาวะวิกฤตต่าง ๆ เช่น ระหว่างเกิดโควิด-19 ก็ทำเป็นพื้นที่กระจายยาให้บริการตรวจคัดกรองผู้ป่วย แจกแอลกอฮอล์เจล จำหน่ายหน้ากากอนามัย

 

เรื่อยไปจนถึงการจัดกิจกรรมดนตรีปันสุข จัดพื้นที่ช่วยเหลือร้านอาหารที่ขายไม่ได้ในห้างสรรพสินค้า ล่าสุดสถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วประเทศ 162 เปิด เปิดจุดรับซื้อน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วทำโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง”นำไปผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนหรือ SAF ซึ่งดีต่อทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อมโลก

 

นายเสรีกล่าวว่าภูมิใจที่มีส่วนร่วมพัฒนาความเป็นอยู่คนไทยให้ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยบางจากนำโครงการต่าง ๆ และร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรครั้งนี้คือสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. สร้างความยั่งยืนให้สังคมผ่านการส่งต่อสุขภาพที่แข็งแรงให้พี่น้องชาวไทยช่วยยกระดับและพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศในมิติใหม่ ๆ ได้เข้าถึงนวัตกรรมบริการสาธารณสด้เพิ่มขึ้นได้ที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก

         

สำหรับการลงนามข้อตกลงความร่วมมือกันครั้งนี้ นายเสรี อนุพันธนันท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ นายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นผู้ลงนาม โดยมีทันตแพทย์อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และนายปริญญา กิตติการุญจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจค้าปลีก บมจ. บางจากฯ ร่วมลงนามเป็นพยาน นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้เกียรติเป็นสักขีพยาน เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่สำนักงานใหญ่ บริษัท บางจากฯ อาคาร เอ็ม ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ  

 

ข่าวที่ 6 TCEBชูโครงการส่วนพระองค์ชุมพรรับตลาดไมซ์ทั่วไทย

 

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์มหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ทีเส็บได้สนับสนุนโครงการส่วนพระองค์จังหวัดชุมพร (บางเบิด) ซึ่งมีความสอดคล้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ที่ยั่งยืนในเมืองรอง จึงได้จับมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำแผนที่ของเมืองน่าเที่ยว/เมืองรอง 55 จังหวัด ขานรับนโยบายรัฐบาลทยอยสร้างมาตรฐานประกาศเป็นเมืองไมซ์ หรือ MICE City ไปพร้อมกัน ๆ ปัจจุบันมีแล้ว 10 เมือง กำลังเร่งจัด “กิจกรรม” ขึ้นตามเมืองต่าง ๆ เพราะงานไมซ์จะดีที่สุดก็ต้องสามารถกระจายรายได้เข้าถึงชุมชนทุกพื้นที่อย่างสมดุล 

 

แนวทางการส่งเสริม “โครงการพัฒนาส่วนพระองค์จังหวัดชุมพร” หรือ “บางเบิด” ครั้งอดีตในหลวงรัชกาลที่ 9  ทรงมีพระราชประสงค์ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ในพื้นที่ 448 ไร่ บริเวณบ้านน้ำพุ ตำบลปากคลอง อำเภอประทิว  ปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงมีพระปณิธาน สืบสาน รักษา ต่อยอด ประกอบกับปี 2567 ถือเป็นปีมหามงคลฉลองพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 

 

ทางทีเส็บจึงร่วมกับ บริษัท มงคลชัยพัฒนา จำกัด กระตุ้นให้องค์กรต่าง ๆ เกิดการเดินทางเลือกไปจัดกิจกรรมไมซ์ โดยเปิดให้องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) หน่วยงานต่าง ๆ เข้าไปร่วมกิจกรรมศึกษาธรรมชาติ เส้นทางปั่นจักรยาน และกิจกรรมอีกมากมาย เช่น การเลี้ยงชะมดนำมาทำเป็นกาแฟคุณภาพมูลค่าราคาขายสูง เป็นแหล่งศึกษาพันธุ์พืชชนิดต่าง ๆ 

 

ด้วยศักยภาพของโครงการบางเบิดอยู่ห่างจากหัวหิน บางสะพาน ประจวบคีรขันธ์ มีศักยภาพความพร้อมทั้งทางด้านทัศนียภาพธรรมชาติสวยงาม เหมาะกับกลุ่มองค์กรที่มีเครือข่ายขนาดใหญ่หรือคอร์ปอเรตที่มีการจัดการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลแก่พนักงานหรือบุคคลในองค์กร (incentive) สามารถมาใช้สถานที่จัดกิจกรรมได้ 365 วัน ตลอดทั้งปี

 

นายจิรุตถ์กล่าวว่าเมื่อวันที่ 9-11 มิถุนายน 2567 ทีเส็บได้นำคณะต่าง ๆ เข้าเยี่ยมชมโครงการส่วนพระองค์ชุมพร (บางเบิด) โดยออกแบบพื้นที่จัดนิทรรศการกึ่งถาวรให้ความรู้ด้านต่าง  ๆ เพื่อให้กลุ่มตลาดไมซ์ นักท่องเที่ยว หรือคนในท้องที่ ได้ศึกษาเรียนรู้ไปด้วยกัน เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายนอกและภายในที่ทีเส็บมุ่งมั่นทำในโอกาส 72 พรรษา ซึ่งทางทีเส็บพร้อมอำนวยความสะดวกให้ทุกหน่วยงานเข้าไปเยี่ยมชมได้หลังกลางเดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป

 

            ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยไปได้ตลอด ทริปนี้ลงทะเลสุขทันทีที่เที่ยว “จันทบุรี” เปิดหน้าหาดสนุกฟินฟันสุด ๆ กับเซิร์ฟบอร์ด ที่จ้าวหลาว ขลุง และรอบริมน้ำจันทบูร แล้วฟัง “8วิธีคลายเครียด” ตอนเดินทางวันหยุดแล้วรถติดนาน และข่าวสุดฮ็อต ข่าวแรก “นายกฯเศรษฐา” สั่งผู้ว่าเร่งขาย 55 เมืองน่าเที่ยว/เมืองรอง 9 แผนใหม่ ข่าวที่สอง “บางกอกแอร์-OR” ประกาศใช้น้ำมัน SAF ทำน่านฟ้าไร้คาร์บอน

 

ท่องเที่ยว –สุขทันทีที่เที่ยวจันบุรีหน้าฝนฟินฟันเซิร์ฟบอร์ดสนุกสุดๆ  

 

เที่ยวไทยได้ตลอดทั้งปี 365 วัน ทริปนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานจันทบุรี  มีพิกัดสุขทันทีที่เที่ยว “จันทบุรี” มาชวนทุกคนไปพักผ่อนแล้วร่วมกิจกรรมสนุก ๆ ด้วยกัน

 

พิกัดที่ 1 ชวนไปเช็คอินที่ “ชีวารี รีสอร์ท หาดเจ้าหลาว” สร้างประสบการณ์ความสุขกับชมการแข่งขันเซิร์ฟ บอร์ด Stream Trail Surf Cup    วันที่ 22-23 มิถุนายน 2567  รวมสุดยอดนักแข่งชาวไทยแลต่างชาติ เข้าร่วมแข่งขันมากกว่า 5 สัญชาติ และมาเรียนรู้เรื่องรักษ์  รักทะเล รักธรรมชาติ รักสิ่งแวดล้อม แล้วยังชวนคนรักกิจกรรมเวิร์คช็อป DIY งานศิลปะ   

 

พบกับกิจกรรม เซิร์ฟ เลสซั่น บทเรียนเซิร์ฟเปิดฟรีทุกคนได้ทดลองเรียนโต้คลื่น

กิจกรรมแรก ICE BAHTSวิธีบำบัดด้วยน้ำแข็งช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกัน

กิจกรรม 2 UPCYCLE PLASTIC BAG นำถุงพลาสติกที่ใช้แล้วมาขึ้นรูปเย็บเป็นกระเป๋าสุดเท่ห์

กิจกรรม 3 WOOD & COCONUT PAINTING เพ้นท์ไม้ลอยทะเล และลูกมะพร้าว  

กิจกรรม 4 STAMP BAG ปั้มยางที่แกะสลักเป็นลายน่ารักๆและปั้มลงบนถุงผ้า หรือใครจะเอาอุปกรณ์มาเอง ไม่ว่าจะเป็น หมวก เสื้อ กางเกง พกมาได้เลย

กิจกรรมที่ 5 BALANCE BOARD ฝึกบาลานซ์บนบก ฝึกกล้ามเนื้อในการทรงตัว

 

 

พิกัดที่ 2 ชวนเที่ยว “ขลุง พายซับ ชมธรรมชาติ ป่าชายเลน” กับ SUP Story พายง่าย น้ำนิ่ง เหมาะกับ การหัดพาย ฝึกสมาธิ และการทรงตัว เส้นทางเต็มไปด้วย ธรรมชาติ พาลอดอุโมงค์ต้นไม้ ชมการเลี้ยงหอยนางรม ทริปเหมาะกับ สายชิว สายเพลิน เช็คข้อมูลทางเพจ  : SUP Story หรือ โทร 063-7869377 มีให้เลือกระหว่าง 17-23 มิถุนายน นี้ รอบ 15.30 : 18.00 น ส่วนรอบที่มีน้ำสูงน่าพายมากที่สุด คือ 19, 20  มิถุนายน นี้ รอบ 15.30 : 18.00 น.

 

 

พิกัดที่ 3 เช็คอินแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม 10 แห่ง   นำโดย 1.อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล 2.ชุมชนริมน้ำจันทบูร 3.ชุมชนขนมแปลก ริมคลองหนองบัว 3.เที่ยวรอบอำเภอเมือง 4.อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว 5.วัดเขาพลอยแหวน รัตนคีรีเจดีย์ 6.ป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน 7.จุดชมวิวเจดีย์กลางน้ำ บ้านหัวแหลม 8.จุดชมวิวเนินนางพญา 9. -วัดปากน้ำแขมหนู และ 10. SUPscribe จันทบุรี

 

               

เพิ่มประสบการณ์ความอร่อยได้ที่ร้านอาหาร และคาเฟ่ มีเมนูอร่อย ๆ 5 แห่ง 1.บ้านแมะคอฟฟี่ 2.ร้านสุขใจ 3.บุณยัษฐิติ วิลล่า 4.เจ๊อี๊ด ริมน้ำ 5.ไร่ตามฟาร์มสุข

 

สุขภาพ –8 วิธีคลายเครียดระหว่างเดินทางวันหยุดแล้วเจอรถติดนานๆ

 

เมืองไทยมีวันหยุดอยู่บ่อย ๆ  หลายคนจึงวางแผนขับรถเที่ยวต่างจังหวัด บางครั้งต้องเจอรถติดบนท้องถนนเป็นเวลานาน มีเคล็ดลับคลายเครียดแบบง่าย ๆ ระหว่างเดินทางมาฝาก 8 วิธี

 

1.ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือเสพสารที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท เช่น ยาบ้า ยากล่อมประสาทก่อนขับรถ

 

2.เมื่อรู้สึกอ่อนเพลียเมื่อยล้าระหว่างขับรถ ให้ดื่มน้ำเกลือแร่หรือน้ำผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น น้ำส้ม น้ำมะนาว น้ำฝรั่ง เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณกลูโคสในร่างกาย เพราะกลูโคสทำให้ร่างกายสดชื่น

 

3.ก่อนเดินทางจิบน้ำขิง หรือกินวิตามินซี เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจเกิดโดยไม่รู้ตัว เช่น ตะคริว

 

4.พกน้ำเปล่าติดไว้ในรถเสมอ และจิบบ่อย ๆ เพื่อแก้กระหายและรักษาปริมาณน้ำในร่างกายให้คงที่ และเมื่อรู้สึกว่าผิวแห้ง

 

5.หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลมที่มีสารคาเฟอีน เพราะจะทำให้น้ำในร่างกายระเหยออกมามากกว่าปริมาณน้ำที่ดื่มเข้าไป และจะอ่อนเพลียง่าย

 

6.ระหว่างเดินทางไกล ควรกินอาหารปริมาณน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง โดยเลือกอาหารประเภทที่เพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย เช่น อาหารพวกแป้งและน้ำตาล ผัก ผลไม้และน้ำผลไม้

 

7.ไม่ควรกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก กินอาหารที่มีไขมันให้น้อยลง

 

8.หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะ เช่น กะหล่ำปลีแตงกวา บล๊อคโคลี่ หรือแม้แต่หมากฝรั่ง

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก –“นายกฯเศรษฐา”สั่งผู้ว่า55เมืองน่าเที่ยวทำด่วน9แผนงานใหม่

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดให้ดูแลบริหารจัดการพัฒนาองค์ประกอบสำคัญในเมืองน่าเที่ยว/เมืองรองทั่วประเทศ 55 จังหวัด เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 เพื่อสนับสนุนการใช้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นกลไกกระตุ้นนักท่องเที่ยวคนไทยและทั่วโลกเข้าไปใช้จ่ายเงินขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับพื้นที่และประเทศให้มีรายได้เติบโตเพิ่มมากขึ้นกว่าปัจจุบัน โดยมีรายละเอียดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องเร่งลงมือทำ 9 แผนงาน ประกอบด้วย

 

แผนงานที่ 1 พัฒนาการเดินทาง ขอให้ทุกจังหวัดพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ระบบขนส่ง สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว และเพิ่มความสะดวกสบายปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยวให้ได้ตามมาตรฐานสากล

 

แผนงานที่ 2  เพิ่มจุดเชื่อมต่อต่าง ๆ ทำให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม เช่น เจรจากับสายการบินต่าง ๆ เพิ่มเที่ยวบินตรงเข้าสู่เมืองน่าเที่ยว โดยแต่ละจังหวัดจะต้องจัดเตรียมความพร้อมให้มากขึ้นกว่าปัจจุบัน และขอให้สร้างเครือข่ายพันธมิตรกับภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอื่น ๆ อย่างบริษัทตัวแทนการท่องเที่ยว บริษัทบัตรเครดิต สายการบิน โรงแรมต่าง ๆ ร้านอาหาร ให้แต่ละจังหวัดเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่พัฒนาประสบการณ์การเดินทางที่ดีให้นักท่องเที่ยวทุกคน

 

แผนงานที่ 3 ส่งเสริมและการประชาสัมพันธ์ ให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด จัดทำแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยว กิจกรรมการประชาสัมพันธ์สถานที่ไฮไลต์ในเมืองน่าเที่ยวอย่างเข้มข้น แล้วก็พัฒนาให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักเดินทางแต่ละกลุ่ม ทำแผนงานเป็นห่วงโซ่เส้นทางของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มให้ชัด เพื่อจะได้ทำการตลาดตอบสนองได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

 

เช่น กลุ่มนักท่องเที่ยวสายมูเตลู  นิยมกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ กลุ่มความหลากหลายทางเพศ LGBTQN+ กลุมเฟสติวัล นิยมเดินทางไปงานเทศกาลต่าง ๆ  หรือกลุ่มรถไฟเลิฟเวอร์ชอบนั่งรถไฟท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่าง ๆ ต้องยกระดับให้เป็นสากลนิยมรองรับได้ทั้งคนไทยและนานาชาติ แล้วใช้สื่อสังคมออนไลน์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับแต่ละจังหวัด

 

แผนงานที่ 4 สนับสนุนท้องถิ่น ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ปรับนโยบายสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นอย่างจริงจัง เช่น การใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี การสนับสนุนทางด้านการเงิน การจัดฝึกอบรมเพื่อยกระดับคุณภาพการบริการ และอื่น ๆ

 

แผนงานที่ 5  ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ขอให้ทุกจังหวัดน่าเที่ยว ตั้งใจส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยจะต้องเน้นรักษาสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นวางมาตรฐานท่องเที่ยวควบคู่ไปด้วย ในการริเริ่มทำโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการมีส่วนร่วมของชุมชนพัฒนาและบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว เช่น กลุ่มท่องเที่ยวตลาดน้ำ หรือสวนสาธารณะ

 

แผนงานที่ 6 พัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ โดยขอให้ทุกจังหวัดเร่งสำรวจและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ หรือมุมมองใหม่ ที่มีศักยภาพในจังหวัดที่ดูแล เพื่อเพิ่มทางเลือกให้นักท่องเที่ยวอย่างหลากหลายครบวงจร

 

แผนงานที่ 7  ปรับปรุงรักษาระดับระบบรักษาความปลอดภัย ขอให้ทุกจังหวัดเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยตามแหล่งท่องเที่ยว พร้อมกับสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวรู้สึกถึงความปลอดภัยเกิดความมั่นใจจะเลือกเป็นจุดหมายปลายทางที่เข้าไปเยือนได้ตลอดทั้งปี

 

แผนงานที่ 8 ผลักดันบางจังหวัดที่มีศักยภาพเป็นมรดกโลก ซึ่งสามารถยกระดับบางจังหวัดให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เพื่อผลักดันการท่องเที่ยวและสร้างชื่อเสียงเป็นจุดขายสำคัญในตลาดโลกต่อไป โดยขอให้จังหวัดที่มีความพร้อมจัดทำแผนแม่บทเพื่ออนุรักษ์และพัฒนาแหล่งวัฒนธรรมและธรรมชาติ สำรวจรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแหล่งวัฒนธรรม แหล่งธรรมชาติที่มีศักยภาพ แล้วจัดทำเอกสารเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกต่อไป

 

แผนงานที่ 9 ปรับปรุงกระบวนการทำงานโดยจะต้องตั้งค่าตัวชี้วัดหรือ KPI อย่างชัดเจน โดยขอให้ทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐบาล ภาคประชาชน ภาคเอกชน ตั้งค่าตัวชี้วัดผลักดันการทำงานให้ได้ผลประโยชน์สูงสุดกับประเทศและทุกฝ่ายวินวินไปด้วยกัน

 

ข่าวที่สอง -“บางกอกแอร์-OR”ใช้SAFชูน่านฟ้าไร้คาร์บอนกรีนแอร์พอร์ต

 

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  ล่าสุดจับมือกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR นำบางกอกแอร์เวย์สลุยโครงการ “Low Carbon Skies by Bangkok Airways” ผลักดันสายการบินสู่ความยั่งยืนลดการปล่อยคาร์บอนจากส่วนปฏิบัติการด้านการบิน นำร่องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ SAF ในเที่ยวบิน “สมุย-กรุงเทพ” ตามแผนและแนวทางการพัฒนาสนามบินบริหารสู่ความยั่งยืนในอนาคต

 

ขณะนี้ได้ขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้นโยบาย ESG ทุกมิติ เน้นทำกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม ปี 2567 ได้ริเริ่มโครงการ “Low Carbon Skies by Bangkok Airways” ลดปริมาณปล่อยคาร์บอนจากการดำเนินธุรกิจทั้งระบบ โดยเฉพาะปฏิบัติการด้านการบินซึ่งเป็นส่วนสร้างคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) มากที่สุด จึงต้องปรับพันธกิจด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและพลังงานทางเลือก และเพื่อให้เป้าหมายดังกล่าวเป็นรูปธรรมมากขึ้น

 

ล่าสุดบางกอกแอร์เวย์สจึงร่วมมือกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ Sustainable Aviation Fuel (SAF) ในเที่ยวบินนำร่องเพื่อแสดงเจตนารมณ์สนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงพลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซ CO2 สู่ชั้นบรรยากาศ  

 

แนวทางดังกล่าวสอดรับกับทุกภาคส่วนทั่วโลกที่ตั้งเป้าหมายลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศเป็นศูนย์ปี ค.ศ.2050 (Net Zero Carbon Emission 2050) และตามมาตรการขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) กับสมาคมการบินระหว่างประเทศ (IATA)

 

นายพุฒิพงศ์ตอกย้ำว่าจะเดินหน้าเป็นสายการบินระดับภูมิภาคดีที่สุดในโลกและในเอเชีย การันตีด้วยรางวัลเกียรติยศจากสกายแทร็กซ์ 7 ปีซ้อน สายการบินฯ จึงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ส่งมอบผลิตภัณฑ์และประสบการณ์เดินทางน่าประทับใจให้ผู้โดยสาร แล้วบางกอกแอร์เวย์สยังมุ่งหวังจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินสีเขียวให้แพร่หลายทั้งในไทยและภูมิภาค จึงได้พัฒนากระบวนการด้านปฏิบัติการบินภายใต้ความปลอดภัยสูงสุด ช่วยลดการปล่อย CO2 ต่อเนื่อง เช่น โครงการใช้น้ำมันอากาศยานอย่างมีประสิทธิภาพ ปี 2566 สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศเท่ากับ 11,321 ตัน หรือกว่า 200 กิโลกรัม/เที่ยวบิน ส่วนการเติมน้ำมัน SAF ในเที่ยวบินนำร่องของบางกอกแอร์เวย์สครั้งนี้ลดปริมาณการปล่อยก๊าซ CO2โดยประมาณ 1,346 กิโลกรัม/เที่ยวบิน

 

นายนิจพัฒน์ ปิยะพันธ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายสนามบิน บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้ยกระดับความยั่งยืนในมิติแอร์ไลน์สแล้วบริษัทฯ ยังตั้งเป้าหมายและวางแนวทางดำเนินงานพัฒนาสนามบิน 3 แห่ง ได้แก่ สมุย สุโขทัย ตราด ภายใต้การบริหารก้าวสู่ความยั่งยืนในอนาคต ผ่านแนวคิด กรีน แอร์พอร์ต โดยมีสมุยเป็นสนามบินเเห่งเเรกได้รับการรับรองเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพรินท์จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เป็นต้นแบบตามแนวทางดังนี้

 

ด้านที่ 1 การออกแบบอาคารผู้โดยสาร โดยเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติ และอาคารที่โปร่งแสงรับแสงจากธรรมชาติ ลดการเปิดไฟ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวโดยรอบสนามบิน

 

ด้านที่ 2 สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไว้ให้บริการผู้โดยสาร การเปลี่ยนสารทำความเย็นในเครื่องปรับอากาศที่มีอัตราการเผาไหม้ต่ำ และหลอดไฟภายในสนามบินกว่า 80% เป็นหลอด LED

 

ด้านที่ 3 การจัดการของเสียจัดตั้งถังแยกขยะตามประเภท รณรงค์ใช้พลาสติกเป็นศูนย์ และใช้ภาชนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การบำบัดน้ำเสียแบบครบกระบวนการ โดยนำน้ำมารีไซเคิล ใช้รดน้ำต้นไม้ภายในสนามบิน ซึ่งทำให้การปล่อยน้ำเสียออกสู่ธรรมชาติเป็นศูนย์และลด CO2 จากการใช้น้ำได้กว่า 39.7 ตันคาร์บอนไดออกไซด์/ปี

 

เป็นแผนดำเนินงานสู่เป้าหมายลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์  เช่น แผนปรับปรุงระบบไฟส่องสว่างของลานจอดให้เป็น LED ทั้งหมด การติดตั้งโซลาร์เซลล์ และแผนปรับใช้รถให้บริการภาคพื้นดินเป็นระบบไฟฟ้าและการพัฒนาสนามบินให้เป็นกรีนเทอร์มินัลเต็มรูปแบบ

 

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

 

 

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง