ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร
ททท.บูม“ชุมพร-ระนอง”5เดือนแรกเศรษฐกิจคึกคัก 4 พันล้าน
ครึ่งหลังปี’67คัดโปรดักซ์ปังสุดขาย
5 Must Do 2 เมืองน่าเที่ยว
อัดกิจกรรมหนุนริเวียร่าถนนเลียบทะเลทัวร์อ่าวไทย-อันดามัน
คิงเพาเวอร์-LA MERนำสมาชิกลุยทริปภูเก็ตจัดใหญ่ทัวร์ยั่งยืน
บัตรสมาชิกคิงเพาเวอร์แลกใหญ่ได้เพียบ“CARAT REWARDS”
ททท.-WBCชูแคมป์มวยไทยดึงทัวร์แอร์ไลน์ขายทั่วโลกม.ค.68
บางจากงัดโครงการเติมสุขสู่สังคมให้บัตรเติมน้ำมัน72องค์กร
TCEBปั้นแบรนด์เมืองไมซ์ยั่งยืน-5ภาคดันไทยฮับเฟสติวัลโลก
สุขทันทีที่สิงห์บุรีกับทริปเที่ยวสายบุญไหว้พระ 9 วัดสุขกายใจ
ดุสิตธานีอวดโฉมใหม่ให้โลกจำ27ก.ย.นี้ราคาปัง1.2หมื่น/คืน
Jobsdbร่วมSETAรับคนเก่งพลังงาน/ไฮเทคกว่า5พันตำแหน่ง
วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #TCEB #ไหว้พระ9วัดสิงห์บุรี
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...
ช่วงที่
1 สัมภาษณ์ !
“นางสาวกฤชสาร
ทรายแก้ว” ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานชุมพร นำ 2
เมืองน่าเที่ยวลุยขาย
“สุขทันทีที่เที่ยวชุมพร ระนอง” หน้าฝน 5 เดือนแรก ทำรายได้เป๋าตุงรวมสองจังหวัดใกล้ 4,000
ล้านบาท
นักท่องเที่ยวถึงหลัก “ล้านคน” ครึ่งปีหลัง 67 โหมขาย 5 Must Do กินของอร่อย-ทำกิจกรรมท้าทายดำน้ำตื้นน้ำลึก-ช้อปของเด่น-ชมวัฒนธรรมล้ำค่า-เที่ยวเทศกาลปัง
“ก.ค.” นี้จับมือภาคกลางขับรถ EV เที่ยวข้ามภาค
“ส.ค.-ก.ย.” จัดอีเวนต์ เทศกาลสุขแดนใต้ ออนเซ็นกลางสายฝน
รังสรรค์กิจกรรมเที่ยวเลาะถนนริเวียร่า 4 อำเภอ เมือง-หลังสวน-ตะโก-ละแม
เที่ยวสองฝั่งทะเลอ่าวไทย อันดามัน
นางสาวกฤชสาร ทรายแก้ว ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานชุมพร เปิดเผยว่า ทางสำนักงานดูแลพื้นที่ตลาดการท่องเที่ยวในประเทศ 2 จังหวัด คือชุมพร กับระนอง ครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยวฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ซึ่งเป็น 2 เมืองน่าเที่ยว โดยมีข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาสรุปสถานการณ์ 5 เดือนแรก มกราคม-พฤษภาคม 2567 ทำรายได้รวมกันไว้แล้ว 3,835 ล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยวรวมกันได้ประมาณ 1,089,000 คน ประกอบด้วย
“จังหวัดชุมพร” มีนักท่องเที่ยว 739,000 คน สร้างรายได้ 2,275 ล้านบาท อัตราการพักเฉลี่ย 61.6 % โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 3,000 บาท/คน/ทริป
“จังหวัดระนอง”
มีนักท่องเที่ยว 350,000 คน
สร้างรายได้ 1,560 ล้านบาท อัตราการพักเฉลี่ย 59.62 % โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 4,500
บาท/คน/ทริป
ส่วนแผนตอบโจทย์นโยบายรัฐบาล IGNITE Thailand ยกระดับเมืองน่าเที่ยวสู่เมืองหลัก เบื้องต้น ได้ใช้กลยุทธ์ 1.แชร์นักท่องเที่ยวเดินทางแลกเปลี่ยนกันใน 2 จังหวัด ชุมพร กับระนอง 2.เชื่อมโยงการท่องเที่ยวข้ามภาค จากภาคกลางมาภาคใต้โดยรถยนต์ระบบไฟฟ้า (EV) ต้นทางจาก กรุงเทพฯ ผ่านมาทาง เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง เริ่มปลายเดือนกกรกฎาคม นี้ 3.เปิดฤดูเที่ยวกรีนซีซันในแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ยกเว้นกิจกรรมทางทะเล โดยมี “พิกัดท่องเที่ยว” ยอดนิยม เส้นทางที่ 1 สักการะศาลกรมหลวงชุมพร ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล เส้นทางที่ 2 จุดชมวิวและชมทะเลหมอก ดอยเทียบชั้นภาคเหนือเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยได้ผนวกอีเวนต์ดึงดูดความสนใจกระตุ้นด้วยการสีสันเที่ยวหน้าฝน
ระหว่างวันที่
23-25 สิงหาคม จัดอีเวนต์ Southern Bliss
Festival ความสุขแดนใต้
ที่ทุ่งวัวแล่น วันที่ 9-11 สิงหาคม
ที่ระนอง มี 3 กิจกรรม ได้แก่
วิวาห์บะบ๋ายะหยา ระนองมหานครน้ำแร่ และวิ่งท้าฝนเมืองฝน 8 โดยจะทยอยจัดกิจกรรมสร้างสีสันกระจายทุกเดือน
ด้วยการร่วมมือกับหน่วยงานของ ททท. จังหวัด หน่วยงานพันธมิตร
ผู้ประกอบการท่องเที่ยว สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัด
เพื่อเสริมจุดขายให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงิน เช่น
มาระนองต้องแช่ออนเซนท่ามกลางสายฝน ไอหมอกของฝนกับน้ำแร่มาปะทะกัน
ส่วน 5 Must Do in Chumporn and Ranong ประกอบด้วย 1.Must Taste อาหารการกิน มาชุมพรต้องกิน แกงส้มกล้วยป่าหมูสามชั้น ซึ่งกล้วยเป็นพืช GI ของจังหวัดด้วย รวมถึงอาหารทะเลสดส่งตรงถึงผู้บริโภค กาแฟโรบัสต้า จ.ชุมพร ระนอง ผลิตสายพันธุ์มากสุดในเมืองไทย ส่วน “ระนอง” ต้องดื่มกาแฟโรบัสต้า กาหยูหรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์มีความเป็นเอกลักษณ์มากกว่าที่อื่นรสหวานมันผลิตจากเกาะช้าง เกาะพยายาม มีตัวชูโรงคือ “ไจแอ้นระนอง” หรือกุ้งมังกร และ 2 อาหารถิ่นสำคัญ คือ ซาลาเปาทับหลี หมู่บ้านทับหลี อำเภอกระบุรี กับโรตีนิศราต้องแวะไปรับประทาน
2.Must Try กิจกรรมท้าทายกายใจ ด้วยบริบทของชุมพร ระนอง โดดเด่นเรื่อง กิจกรรมดำน้ำตื้นและน้ำลึก โดยเฉพาะหน้าฝนนักท่องเที่ยวจะออกไปดำน้ำแล้วเจอฉลามวาฬ ที่เกาะง่ามน้อย ใต้ทะเลค่อนข้างสมบูรณ์ เพียงแต่ตอนนี้มีปัญหาเล็กน้อยเรื่องปะการังฟอกขาวกำลังจะฟื้นตัว และวิ่ง Unseen Thailand วิ่งแหวกทะเลเกาะพิทักษ์ ระยะทาง 1 กม. ล่องแพ พายซับบอร์ด “ระนอง” มีกิจกรรมท่องเที่ยว เซิร์ฟบอร์ด ช่วงฤดูนี้เหมาะเล่นมากเพราะต้องใช้คลื่นทะเล กิจกรรมวิ่ง ระนอง ฮ็อต สปิง รัน กิจกรรมปั่นจักรยาน ทัวร์ ออฟ ระนอง
3.Must Buy ซื้อสินค้าพื้นถิ่น เชื่อมโยงกับการกิน
ช่วงหน้าฝนทุเรียนชุมพรกำลังวางตลาด ปกติจะเน้นส่งออกต่างประเทศเป็นหลัก ปี 2567
ชุมพรขึ้นแท่นส่งออกทุเรียนอันดับ 1
รวมทั้งมีสับปะรดสวี สะตอ ผักเหลียง
“ระนอง” มีของฝากต้องซื้อ 3 ก.คือ
กาหยู กระปิ กุ้งแห้ง อาหารทะเลแปรรูป แช่แข็ง ซื้อกลับบ้านได้
4.Must Seek นำเสนอ Unseen ถิ่นน่าเที่ยว ในชุมพรต้องมาสักการะเสด็จเตี่ย
กรมหลวงชุมพร ไหว้พระธาตุสวี 1 ใน 4
จตุธรรมธาตุแดนใต้ ตามมาด้วย
“ถ้ำธารน้ำลอด” ประตูสวรรค์ชุมพร ได้รับการยกชั้นเป็น Unseen ได้รางวัลการท่องเที่ยวปี 2564
จุดชมวิวเขามัทรีและดอยตาปังสามารถสัมผัสทะเลหมอกได้ 365 วัน “ระนอง” มีน้ำแร่ มี 13 แหล่งแช่น้ำแร่ร้อน
ภูเขาหญ้าหนึ่งเดียวในเมืองไทย แต่ละฤดูมีสีแตกต่างกัน พระราชวังรัตนรังสรรค์
ค่ายเจ้าเมืองระนอง บ้าน 100
ปีเทียนสือ
5.Must See โชว์ความเป็นไทย กิจกรรมเทศกาล อีเวนต์ต่าง ๆ
“ชุมพร” ไฮไลต์เปิดโลกทะเลชุมพรเดือนมีนาคมของทุกปี แข่งเรือชิงธง 2 แห่ง ที่หลังสวนกับคลองหัววังพนังปากหรือ
คนท้องถิ่นเรียกว่า “คลองในหลวงรัชกาลที่ 9”
การแข่งขันที่วัดกันด้วยนายหัวเรือสามารถชิงธงมาได้ไม่ใช่การนำเรือเข้าเส้นชัย
กิจกรรมรำเทิดพระเกียรติเสด็จเตี่ย 19 ธันวาคม
ของทุกปีจะมีงานใหญ่แหล่งรวมนางรำสวมชุดสีแดง งานประเพณีแห่พระบรมธาตุสวี “ระนอง”
ไฮไลต์จะมี สงกรานต์มหานครน้ำแร่
เพราะที่อื่นจะใช้น้ำธรรมดาแต่ระนองใช้น้ำแร่สาดน้ำสงกรานต์ เทศกาลถือศีลกินผัก
ตักบาตรเทโวโลหะวัดบ้านหงาว เทศกาลตรุษจีนถนนเรืองราษฎร์
ททท.ได้ร่วมกับผู้ประกอบการ
โรงแรม ร้านอาหาร บ่อน้ำแร่ร้อน ทั้งระนอง นำบล็อกเกอร์ อินฟลูเอนเซอร์
สายการท่องเที่ยว สร้างการรับรู้ถึงนักท่องเที่ยวทุกเดือนด้วยกิจกรรมต่าง ๆ
เพื่อกระตุ้นและเชิญชวนคนเดินทางเข้าพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ
ผอ.กฤชสาร
กล่าวว่า ขณะนี้มีโครงสร้างพื้นฐานการก่อสร้างถนนเลียบชายหาดเลาะทะเลหรือ
“ริเวียร่าเมืองไทย” กำลังก่อสร้างเชื่อมต่อ
จากอำเภอหลังสวนปัจจุบันก่อสร้างไปถึงอำเภอละแม ชุมพร แล้ว
ซึ่งสามารถเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้สะดวกง่ายมากขึ้น เช่น แหล่งท่องเที่ยว Unseen
New Series สามารถใช้บริการได้อย่างปลอดภัย
ททท.พยายามนำเสนอกิจกรรมในอยู่บริเวณเส้นทางดังกล่าว มีแหล่งท่องเที่ยวไฮไลต์คือ
“แซนดูน-เนินทรายงามบางเบิด” ยาวมาถึงอำเภอเมือง อำเภอทุ่งตะโก อำเภอหลังสวน
ถึงอำเภอละแม
จังหวัดชุมพร ระนอง ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน ต้องลองมาสัมผัสสักครั้ง แล้วจะรู้ถึงความอุดมสมบูรณ์ อาหารการกิน แหล่งธรรมชาติ อัธยาศรัยคนสองจังหวัดมีอัธยาศรัยไมตรีที่น่ารักทุกพื้นที่นั่นเอง
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์-LA
MERนำสมาชิกลุยทริปภูเก็ตทัวร์ยั่งยืน
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ รายงานว่า ในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยว ล่าสุดได้ร่วมกับ
“LA MER” ลาแมร์แบรนด์แห่งการปรนนิบัติผิวระดับโลกจัดทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟโดยเชิญสมาชิก
คิง เพาเวอร์ ถือบัตร CROWN และ VEGA
ร่วมสัมผัสประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษกับแคมเปญ “LA MER BLUE HEART” ออกเดินทางไปทำกิจกรรมเชิงสร้าสรรค์ในการดูแลรักษาระบบนิเวศและรณรงค์คท้องทะเลให้ยั่งยืน
โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สุดพิเศษ “LA MER BLUE HEART CREME” รุ่นลิมิเต็ด
อิดิชั่น ที่วางขายเฉพาะ คิง เพาเวอร์ เท่านั้น
ทริปนี้ผู้บริหารกลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ ให้การต้อนรับสมาชิกและร่วมกิจกรรมต่าง ๆ
กับสมาชิกอย่างใกล้ชิดอบอุ่นทั้ง วัลยา จันทร์แสงสี
ผู้อำนวยการส่วนงานจัดซื้อสินค้าน้ำหอมและเครื่องสำอาง สุมิตร วงศ์สามารถ
ผู้อำนวยการส่วนงานปฏิบัติการร้านค้า บรรเทา ภัทรบูชา
ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการร้านค้า ผู้บริหาร บริษัท เอสเต้ ลอเดอร์ ทราเวล รีเทลลิ่ง จำกัด Kay
Shuyin รองประธาน/ผู้จัดการทั่วไป
ฝ่ายบริหารร้านค้าปลีกปลอดภาษีระดับภูมิภาคเอเชีย, Dubbeld Bart รองประธาน/ผู้จัดการทั่วไป
ฝ่ายบริหารร้านค้าปลีกปลอดภาษีระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ Su
Evonne ผู้อํานวยการฝ่ายการตลาดระดับภูมิภาคเอเชีย
กิจกรรมนี้ทาง
“คิง เพาเวอร์” พร้อมตอบโจทย์นักเดินทางทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยการพาสมาชิก CROWN
และ VEGA ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟจุดหมายปลายทางในจังหวัดภูเก็ต
เมืองท่องเที่ยวภาคใต้ของไทยที่มีสวยงามได้รับความนิยมจากคนไทยและนานาชาติทั่วโลก แล้วช่วยบูสต์พลังงานทั้งกายและใจ
ท่ามกลางการพักผ่อนเป็นส่วนตัวที่โคโม พอยต์ ยามู ภูเก็ต
ตลอดการเดินทางท่องเที่ยวไปพร้อมกับใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง
วันแรก เริ่มต้นที่ “ท่าอากาศยานภูเก็ต” ในบรรยากาศการต้อนรับแสนอบอุ่นกับการลิ้มรสอาหารมื้อแรกที่
“ระย้า” ร้านอาหารมิชลินไกด์รางวัลบิ๊บ กูร์มองต์ นำเสนอเมนูท้องถิ่นภาคใต้ผสมผสานอิทธิพลพหุวัฒนธรรม
จีน มุสลิม และไทย คัดสรรเมนูหลักขึ้นชื่ออย่าง แกงปูใบชะพลูเส้นหมี่ หมูฮ้อง
ใบเหลียงผัดไข่ และน้ำพริกกุ้งเสียบ และอื่น ๆ พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มเติมความสดชื่น
ก่อนจะไปเช็คอินยังโรงแรม โคโม พอยต์ ยามู ภูเก็ต
ก่อนจะเข้าสู่ช่วงกิจกรรมสำคัญกับแคมเปญ
“LA MER BLUE HEART” ตามแนวคิด “TAKE THE OCEAN
TO HEART” พาสมาชิกคิง เพาเวอร์
ร่วมเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์สุดล้ำค่ากับ LA MER BLUE HEART EVENT เพื่อทำความรู้จักกับผลิตภัณฑ์ทั้งการฟื้นบำรุงผิว
การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน และร่วมกิจกรรมให้คำปรึกษาแบบเฉพาะเฉพาะบุคคล ด้วยเทคนิคการนวดปรนนิบัติผิวจากผู้เชี่ยวชาญของ
LA MER ผ่านผลิตภัณฑ์ที่เต็มเปี่ยมประสิทธิภาพครบทุกขั้นตอน มากถึง
7 ไอเท็มเด่น
ได้แก่ 1.LA
MER THE CLEANSERS 2.THE TONIC 3.THE TREATMENT LOTION 4.THE SERUMS 5.THE EYE TREATMENT 6.THE
HYDRATING INFUSED EMULSION และ 7.THE MOISTURIZERS
เมื่อผิวหน้าได้รับการดูแลและปลอบประโลม
พร้อมออกไปสัมผัสสายลมและแสงแดดอ่อนๆ ยามเย็น ณ จุดชมพระอาทิตย์ ลาลับเส้นขอบฟ้ากันที่ห้องอาหาร LA SIRENA บริเวณสระน้ำวิวอ่าวพังงา
ท่ามกลางบรรยากาศปาร์ตี้บาร์บีคิวอาหารทะเลแบบเป็นกันเอง
วันที่สอง
ออกมาทักทายภูเก็ตยามเช้าด้วยการทำกิจกรรม “เก็บขยะริมชายหาดเพื่ออนุรักษ์ท้องทะเล แหลมมายู”
บริเวณชายหาดด้านหน้าโรงแรมที่พัก เปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบริเวณริมชายหาด
ควบคู่กับการรณรงค์ลดผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำและระบบนิเวศ
แล้วก็นำสมาชิกทั้งหมดเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวัน
พร้อมผ่อนคลาย นั่งชมวิวเมืองภูเก็ตแบบพาโนรามาที่ “ทรี มังกี้ส์ เรสเตอรองต์” ร้านอาหารรายล้อมด้วยต้นไม้อายุกว่า
100 ปี อิ่มเอมกับธรรมชาติกันจนใจฟูแล้ว
ถึงเวลาเอาใจสายช้อปฟินกันที่
“คิง เพาเวอร์ ภูเก็ต” สมาชิกทุกคนเพลิดเพลินกับการเลือกช้อปผลิตภัณฑ์เอ็กซ์คลูซีฟตรงบริเวณเคาน์เตอร์
LA MER ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปลดล็อคให้ผิวดูเปล่งประกาย
แลดูมีออร่า โดยเฉพาะ “รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น” บรรจุอยู่ในกระปุกดีไซน์สุดคิวท์
สนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน
คิง เพาเวอร์
ชวนมา “เริ่มต้นเป็นสาวลาแมร์” ด้วยผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ไม่มีผิดหวังอย่างแน่นอน ส่วน
“แฟนประจำ” ก็ควรค่าแก่การเก็บสะสมอย่างยิ่ง จัดมาให้เฉพาะสมาชิก คิง เพาเวอร์
ที่ร่วมเดินทางมาในทริปนี้เท่านั้น!
วันที่สาม ปิดท้ายอย่างสวยงามด้วยการพา
“สมาชิก คิง เพาเวอร์” ไปฟินที่ “วนิลลา สกาย บาร์ แอนด์ แกสโตร ผับ” สัมผัสเสน่ห์ทะเลสีดำหรือทะเลยามค่ำคืน
พร้อมจิบเครื่องดื่ม และร่วมรับประทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก
โดยได้จัดวันสบาย
ๆ ส่งท้ายทริปให้ได้รับประทานอาหารมื้อพิเศษที่ “ร้านวันจันทร์”
ร้านอาหารต้นตำรับพื้นเมืองภาคใต้ การันตีมิชลินไกด์ ภายในร้านออกแบบโครงสร้างโดยใช้ไม้สีเขียวติดกระจกใสบานใหญ่
ผสมผสานสไตล์ชิโนโปรตุกีส เอกลักษณ์ดั้งเดิมของภูเก็ต ตกแต่งด้วยของสะสมวินเทจ
แล้วจึงเข้าสู่โปรแกรมส่งท้าย
“ทริป คิง เพาเวอร์ X LA MER BLUE HEART” กับกิจกรรมเสริมสิริมงคลให้ชีวิต
พาไปกราบสักการะเจ้าแม่กวนอิมที่ศาลเจ้าปุดจ้อ หรืออ๊ามปุดจ้อ ศาลเจ้าเก่าแก่อายุ
100 ปี สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพของคนไทยเชื้อสายจีนเมืองภูเก็ต
เติมเต็มทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
คิง เพาเวอร์
และพันธมิตรร้านค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยว พร้อมเสมอที่จะทริปสุดเซอร์ไพรส์
ส่งต่อความสุขและความประทับใจมอบให้กับลูกค้าทุกคน เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ
แล้วก็ออกเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทย สร้างเศรษฐกิจ คืนประโยชน์คืนสู่สังคม
ทำให้เกิดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนตลอดไป
สมาชิกสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีพ
แล้วรับสิทธิประโยชน์ดีๆ ได้ที่ คิง เพาเวอร์ CONTACT
CENTRE 1631 และ www.kingpower.com
ข่าวที่ 2 บัตรสมาชิกคิงเพาเวอร์แลกใหญ่ได้เพียบกับ“CARAT
REWARDS”
สมาชิกบัตร
คิง เพาเวอร์ ทุกสถานะ รับ “สิทธิประโยชน์” เพื่อช่วยเติมเต็มไลฟ์สไตล์อีกรายการด้วย
“CARAT REWARDS” เลือกใช้กะรัตจากการช้อปให้คุ้มค่ากว่าเดิม
หรือจะแลกรับส่วนลด กับสิทธิพิเศษอื่น ๆ แบบครบวงจร ตั้งแต่วันนี้– 31 ธันวาคม 2567 สามารถใช้สิทธิแลกกะรัตได้ง่ายมากผ่านช่องทางไลน์อย่างเป็นทางการ
@KINGPOWER
“CARAT REWARDS” ทำให้ ทุกอย่าง “เป็น ไป ได้” เพื่อ 3 สิ่งนี้คือ
สิ่งแรก
“เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวเหนือระดับ” ตามสถานที่ท่องเที่ยวสุดเอ็กซ์คลูซิฟกับเครือข่ายพันธมิตรคิง
เพาเวอร์
สิ่งที่
2 “สัมผัสประสบการณ์ความอร่อยชั้นเลิศ” สไตล์เอเชียกับเมนูสุดเอ็กซ์คลูซิฟ ที่คิง เพาเวอร์
คัดสรรมามอบให้สมาชิก
สิ่งที่
3 “เสิร์ฟประสบการณ์เหนือระดับ” สัมผัส “รสชาติ” หลากหลายสุดเอ็กซ์คลูซิฟได้ทุกฤดูกาล
ไฮไลต์กะรัต รีวอร์ดส ตอนนี้ชวนเปิด 7
ประสบการณ์การท่องเที่ยวสุดพิเศษ เพียงสมาชิก คิง เพาเวอร์
เพียงใช้กะรัตใช้บัญชีสมาชิก ระหว่างวันนี้-31 ธันวาคม 2567 รับของสุดพรีเมียมฟรี!
หรือเลือกรับส่วนลดสูงสุด 100 บาท
สิทธิประโยชน์สมาชิก
เพื่อประสบการณ์เหนือระดับที่คุณไม่ควรพลาด
เดือนนี้! กรกฎาคม 2567 สมัครสมาชิกกับ
คิง เพาเวอร์
ไม่ว่าจะสายช้อปแบบไหนก็ช้อปได้แบบสุดฟิน
1.สมัครสมาชิก SCARLET ช้อปเยอะ ส่วนลดแน่น ฟรี!
คูปองส่วนลด 15%* ช้อปได้ตลอดทั้งวัน ฟรี!
Airport Premium Service ผู้ช่วยส่วนตัวในสนามบิน ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ขาออก พร้อมรับส่วนลดทุกการช้อป 10%
เมื่อสมัครสมาชิกและเติมเงิน 20,000
บาท
2.สมัครสมาชิก NAVY ช้อปเบาๆ ก็ได้ลด รับส่วนลดทุกการช้อป 5% หรือสมัครฟรี ได้ถึง 31
ก.ค. 67 ที่
คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต หรือ สมัครผ่านช่องทาง LINE
ข่าวที่
3 ททท.-WBCปั้นแคมป์มวยไทยดึงทัวร์แอร์ไลน์ขายทั่วโลกม.ค.68
นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา
ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ททท. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. จับมือกับ
สภามวยโลก มวยไทย (WBC
MuayThai) เปิดโครงการแคมป์มวยไทย
“Amazing
Thailand Muay Thai Summer Camp with WBC” ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศ ระหว่าง 16-28 กรกฎาคม 2567
เจาะตลาดเยาวชนและผู้ปกครองชาวต่างชาติเข้ามาเรียนรู้ทักษะมวยไทย โดยมี
เด็กชายบริดเจอร์ วอล์ค
ชาวสหรัฐอเมริกาเป็นแอมบาสเดอร์ของสภามวยโลกร่วมเผยแพร่กิจกรรมดังกล่าวด้วย เพื่อเดินหน้าขยายฐานตลาดท่องเที่ยวเชิงกีฬา
(Sport Tourism) เติบโตเพิ่มขึ้น ครั้งนี้มีเยาวชนและผู้ปกครองชาวสหรัฐอเมริกาเข้าแคมป์ด้วย
50 ราย กระจายฝึกตามจังหวัดต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพมหานคร
ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา และได้ชมมวยไทยที่สนามมวยราชดำเนินและสนามมวยลุมพินี
ส่วนกิจกรรมนี้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์กระตุ้นต่างประเทศเที่ยวเมืองไทยต้องห้ามพลาดทำ
5
อย่าง -5 Must Do in Thailand” 1 ใน 5 อย่างนี้ซึ่งมี MUST Try หรือการทดลองทำการศึกษาเรียนรู้ศิลปะแม่ไม้มวยไทยจึงได้นำเสนอโครงการ
Amazing Thailand Muay Thai Summer Camp with WBC เผยแพร่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยผ่านศิลปะการต่อสู้มวยไทย
กระตุ้นกลุ่มเยาวชนและผู้ปกครองในสหรัฐอเมริกาเลือกมาไทยเข้าแคมป์เพื่อการเรียนรู้
ฝึกซ้อมขั้นตอนอย่างถูกวิธี พร้อมกับวางแผนต่อยอดเจาะกลุ่มเป้าหมายกลุ่มเยาวชนและผู้ปกครองในลาตินอเมริกา
3 ตลาดหลัก ได้แก่ บราซิล อาร์เจนตินา และเม็กซิโก
นายศิริปกรณ์
กล่าวว่าเดือนมกราคม 2568
ททท.ประสานให้บริษัทนำเที่ยวในอเมริกาบรรจุแพกเกจ “มวยไทยซัมเมอร์แคมป์”
เป็นปฏิทินการขายประจำปีเพื่อมาใช้ชีวิตอยู่ในไทย เน้นให้ผู้ปกครองทั่วอเมริกาซื้อแพกเกจเตรียมวางแผนนำบุตรหลานเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางในอนาคตเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนทุกปีอย่างสนุกสนานและมีความสุขกับการท่องเที่ยวเชิงกีฬามวยไทย
สำหรับการจัดแคมป์มวยไทยครั้งนี้
ได้รับความร่วมมือจากบริษัทนำเที่ยว See My Thailand ทำโปรโมชั่นเสนอขายแพ็กเกจราคาพิเศษ
และมีสายการบิน อีวีเอ แอร์ (ไต้หวัน) ขายตั๋วเครื่องบินพิเศษให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเดินทาง
ไป-กลับ สหรัฐอมเริกา-ไทย อนาคตกลยุทธ์นี้จะเพิ่มฐานนักท่องเที่ยวเยาวชนและผู้ปกครองที่สนใจมวยไทยจากสหรัฐอเมริกาหลั่งไหลเข้ามาใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวเมืองไทย
ควบคู่กับส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางเพื่อการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้มวยไทยและการท่องเที่ยว
พร้อมกับตอกย้ำมรดกทางวัฒนธรรมไทยซึ่งเป็นหนึ่งในกีฬาระดับโลกได้
พันเอกธนพล ภักดีภูมิ
ประธานสภามวยโลก มวยไทย กล่าวว่า การทำแคมป์มวยไทยมีต้นแบบความสำเร็จเกิดขึ้นเมื่อปี 2566 ทาง
ททท.สำนักงานลอสแองเจลิส กับสภามวยโลก มวยไทย จับมือกันทำโครงการนี้ในนครซานดิเอโก
มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มีกระแสตอบรับดีมากจากเยาวชนและผู้ปกครองชื่นชอบกีฬามวยไทยในสหรัฐอเมริกาเข้าร่วมกว่า
200 ราย ดังนั้นในปี 2567 ทางสภามวยโลก
มวยไทย จึงร่วมกับ ททท.อีกครั้ง จัดกิจกรรมครั้งนี้ขึ้น พร้อมทำตารางฝึกซ้อมโดยใช้ค่ายมวยซุปเปอร์บอน
กรุงเทพมหานคร และค่ายมวยแฟร์เท็กซ์ พัทยา
ตามแผนภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมจะจัดการแข่งขัน
ที่ค่ายมวยแฟร์เท็กซ์ พัทยา วันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ทาง WBC
มวยไทยจะเป็นผู้ประสานงานและจัดคู่แข่งขันได้ร่วมประลองความสามารถหลังเรียนรู้และผ่านการฝึกซ้อมในแคมป์เรียบร้อยแล้ว
โดยจะจัดตามกติกาอย่างเหมาะสมระหว่างน้ำหนักกับช่วงอายุของผู้เข้าร่วมแข่งขันแต่ละคน
ส่วนไฮไลต์สำคัญวันที่
25
กรกฎาคม 2567 จะจัดพิธีไหว้ครูมวยไทยพร้อมมอบประกาศนียบัตร
ที่วัดตึก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อส่งมอบประสบการณ์อันทรงคุณค่าด้วยพิธีดังกล่าว
ทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์และความสำคัญของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
(พระเจ้าเสือ) ผู้ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งมวยไทย โดยบริดเจอร์
วอล์คเกอร์ และครอบครัว เข้าร่วมด้วย
เด็กชายบริดเจอร์ วอล์คเกอร์ ได้รับยกย่องให้เป็นวีรบุรุษจากความกล้าหาญ
“Honorary
Champion” ในฐานะผู้ที่ได้ช่วยชีวิตน้องสาวให้รอดพ้นจากสุนัขกำลังจะทำร้ายจนตัวเองถูกกัดที่ใบหน้าและศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ต้องเย็บถึง
90 เข็ม และเขาก็เปิดใจในภายหลังว่าในความคิดของตนเวลานั้น
คือ “ถ้าจะมีใครสักคนต้องตาย มันก็ควรจะเป็นผม” หลังจากนั้นสภามวยโลก (WBC)
จึงยกย่องและมอบเข็มขัดให้และตั้งคลาสน้ำหนักบริดเจอร์เวท "Bridger
weight" ขึ้นชกมวยอาชีพตามชื่อ Bridger Walker ให้นักมวยที่มีน้ำหนักระหว่าง 200-224 ปอนด์ (91-102
กิโลกรัม) ซึ่งเด็กชายบริดเจอร์ วอล์คเกอร์ ชื่นชอบมวยไทยอยากมาฝึกมวยที่เมืองไทย
ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีกับภาพลักษณ์มวยไทยกับการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ต่อยอดสู่ตลาดโลกต่อไป
ข่าวที่
4 บางจากนำโครงการเติมสุขสู่สังคมมอบบัตรเติมน้ำมัน72องค์กร
นางกลอยตา ณ ถลาง
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรม “มอบบัตรน้ำมันบางจากมูลค่า 30,000
บาท” เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่สำนักงานใหญ่ บริษัท บางจากอาคารเอ็ม ทาวเวอร์ ให้แก่ 72
องค์กรเพื่อสังคม มุ่งสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจด้านต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในงาน “เติมสุข สู่สังคม”
เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ
72 พรรษา 28 กรกฎาคม
2567
กิจกรรมการมอบบัตรเติมน้ำมันให้
72 องค์กรเพื่อสังคม เป็นหนึ่งภารกิจร่วมสร้างสังคมแห่งการแบ่งปันตามโครงการ
“เติมสุข สู่สังคม” รวมทั้งเป็นขอบคุณและเป็นกำลังใจให้องค์กรที่ปฏิบัติภารกิจหลากหลายด้านได้ทำความดีไปด้วยกัน
เช่นองค์กรสนับสนุนการพัฒนาเด็ก
เยาวชน การศึกษา สิ่งแวดล้อม การแพทย์ พัฒนาคุณภาพชีวิต
ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนยามเกิดเหตุฉุกเฉิน ภัยพิบัติ อุบัติภัย
คุ้มครองและอนุรักษ์สัตว์ และอีกหลายแห่ง ซึ่งพนักงานกลุ่มบริษัทบางจากร่วมเสนอชื่อองค์กรเข้ามาด้วย
โดยมี นายแพทย์พิษณุ มณีโชติ
รองเลขาธิการมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) นายธนิสร์
ศรีกลิ่นดี นายประยงค์ ชื่นเย็น นางชมัยภร บางคมบาง
ศิลปินแห่งชาติและกรรมการมูลนิธิศิลปินแห่งชาติ กรรมการมูลนิธิศิลปินแห่งชาติ
นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ผู้ก่อตั้งและเลขาธิการมูลนิธิดวงประทีป นางชลลดา
สิริสันต์ ประธานมูลนิธิเดอะวอยซ์ (เสียงจากเรา) นายฝันเด่น จรรยาธนากร
หัวหน้ากลุ่มใจถึงใจคนไทยไม่ทิ้งกัน และผู้แทนจากองค์กรเพื่อสังคมต่าง ๆ
รับมอบบัตรเติมน้ำมันภายในงาน “เติมสุข สู่สังคม” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ
72 พรรษา 28 กรกฎาคม
2567
ข่าวที่
5 TCEBปั้นแบรนด์เมืองไมซ์ยั่งยืน-5ภาคดันไทยฮับเฟสติวัลโลก
นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า
ทีเส็บพร้อมกับองค์กรพันธมิตรจะได้นำความเห็นและข้อแนะนำจากการจัดงาน MICE
City Summit 2024 ครั้งที่ 6 จ.อุดรธานี
ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Evolving Future Cities into Leading Global MICE
Destination : พลิกโฉมเมือง สู่จุดหมายไมซ์ระดับโลก” ซึ่งเป็นโอกาสพิเศษในการรวมตัวกัน
17 จังหวัด ประกอบด้วย ไมซ์ ซิตี้ 10
จังหวัด และเมืองไมซ์ที่มีศักยภาพอีก 7 จังหวัด ได้ระดมสมองผู้บริหารภาครัฐ
ผู้ว่าราชการจังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด กับเอกชน
โดยมีสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมจัดการประชุมนานาชาติ (ไทย)
“ทิก้า” สมาคมท่องเที่ยวในประเทศ นักวิชาการร่วมด้วยตอบทีเส็บครบ 3 โจทย์ ได้แก่
โจทย์แรก
การขยายเครือข่ายศักยภาพไมซ์ ซิตี้ ตลอด 2 ปีนี้จะยังคงไว้ 10
เมืองไมซ์ ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา สุราษฏร์ธานี สงขลา และพิษณุโลก
โดยจะเวลาสร้างมาตรฐานซึ่งจะต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้งปี 2569
ในพื้นที่มีศักยภาพซึ่งจะขยับขึ้นเป็นเมืองไมซ์รอบต่อไปเพิ่มอีก 11
จังหวัด ได้แก่ “ภาคเหนือ” เชียงราย สุโขทัย “ภาคใต้” นครศรีธรรมราช
กระบี่ ตรัง “ภาคอีสาน” บุรีรัมย์ อุบลราชธานี “ภาคกลาง” เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์
กาญจนบุรี และ “ภาคตะวันออก” ระยอง
โจทย์ที่
2
ได้ขับเคลื่อนสถานการณ์ความคืบหน้าอุตสาหกรรมไมซ์ตลาดในประเทศและต่างประเทศ
โจทย์ที่
3
กระจายรายได้สู่ภูมิภาค
ผนวกกับการวางกลยุทธ์ไมซ์เมืองน่าเที่ยวตามนโยบายรัฐบาลให้เร่งเดินหน้ายกระดับให้จังหวัดต่างๆ
นำไทยเป็นประเทศศูนย์กลางเจ้าภาพจัดงานเทศกาลนานาชาติ International
Festival และอีเวนต์โลก หรือ World Events สร้างรายได้
สร้างงาน สร้างอาชีพ กระจายลงสู่ท้องถิ่น
ตั้งแต่ครึ่งหลังปี
2567 ทีเส็บกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับไมซ์จะเพิ่มความเข้มข้นเชิงรุกเป็นรูปธรรม
2 แผนงานหลัก 7 เรื่อง ประกอบด้วย
แผนงานที่
1 รวบรวมแนวคิดและเทคนิควิธีบูรณาการทำงานร่วมกันครอบคลุม
3 เรื่อง ได้แก่
เรื่องที่ 1
นวัตกรรมด้านต่าง ๆ หรือ Innovation ที่เอื้ออำนวยต่อการจัดประชุม
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศูนย์การจัดประชุมฯ เทคโนโลยีการสื่อสารและดิจิทัล
ระบบคมนาคมและขนส่งต่าง ๆ
เรื่องที่ 2
เมืองสร้างสรรค์ หรือ Creativity นำอัตลักษณ์ท้องถิ่นที่สืบทอด
มาใส่ความคิดสร้างสรรค์ให้มีความร่วมสมัย
เป็นสากลเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและคุณค่าให้กับท้องถิ่น
เรื่องที่ 3
การสร้างความยั่งยืน หรือ Sustainability เน้นพัฒนาเมือง และการจัดงานไมซ์ โดยคำนึงถึงความยั่งยืน
ทั้งต่อชุมชนและต่อประเทศ
แผนงานที่
2 สร้างแบรนด์เมืองไมซ์ : MICE
City Branding เพื่อพลิกโฉมเมือง
สู่จุดหมายไมซ์ระดับโลก เดินหน้า 4 เรื่อง ได้แก่
เรื่องที่
1 Eventful “The
Mega Event” บริบทตามเมือง ความยั่งยืน การจัดการเมืองอย่างมีส่วนร่วม
ความปลอดภัยเมือง คนพร้อม เปิดให้ทุกคนในชุมชนร่วมแรงร่วมใจสร้างเมือง
จัดงานอีเวนต์ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ “ย้อมเมือง” ครบเครื่องด้วย สถาปัตยกรรม
เรื่องราว วิถีชุมชน
เรื่องที่
2 Health & Wellbeing นำร่องโมเดลเวลบีอิ้ง (กายใจ
ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น) มีกิจกรรม
หลากหลาย
มีความเชื่อความต้องการของผู้ซื้อ ความปลอดภัย การมีส่วนร่วมของคน
เรื่องที่
3 Identity สร้างอัตลักษณ์
โดยวิธีบูรณาการการบริหารทีมสร้างแบรนด์ คน Creativity 3P, Passion Story telling
อย่างเข้าใจเรื่องแบรนด์ด้วยการทำงานเน้นเรื่องเล่ารุ่นสู่รุ่น
ความร่วมมือที่ยั่งยืน แตกต่าง ทีมบริหาร ทีมงานสร้างแบรนต์ ทำให้เมืองโดดเด่นมีอัตลักษณ์
มีภูมิปัญญา
เรื่องที่
4 Accessibility &
Facilities การเข้าถึงและสิ่งอำนวยความสะดวก
พัฒนาระบบเมือง
สร้างความปลอดภัย เน้นอาหารดี อากาศดี ทำโมเดลท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และจัดโซนนิ่ง
ทำสมาร์ตการขนส่งท้องถิ่น พัฒนากิจกรรมกลางคืน
นายจิรุตถ์กล่าวว่าปี 2567 ทีเส็บจับมือกับ
10 เมืองไมซ์ ร่วมกันยกระดับขีดความสามารถดึงงานระดับโลกเลือกมาจัดในไทยสอดคล้องตามนโยบายรัฐบาล
สร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศไทย
“ภาคใต้” จังหวัดภูเก็ต
ได้รับเลือกเป็นเมืองเจ้าภาพจัด 2 งาน คือ งานแรก Global Sustainable Tourism
Conference 2026 จะจัดปี 2569 งานที่สอง UNESCO
Creative Cities of Gastronomy Annual Conference 2024
“ภาคอีสาน”
สามารถนำงานระดับโลกเข้ามาจัดอย่างยิ่งใหญ่กระจายในเมืองใหญ่ 4 งาน ดังนี้
“อุดรธานี”
ได้รับเลือกเป็นเมืองเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก
ตามมติของสมาคมพืชสวนโลกระหว่างประเทศ (AIPH) ตัดสินให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดระหว่างวันที่ 1
พฤศจิกายน 2569 - 14 มีนาคม 2570
“นครราชสีมา”
ได้รับเลือกเป็นเมืองเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก ปี 2572
“ขอนแก่น” เป็นต้นแบบยกระดับการจัดงาน
จากเทศกาลผ้าไหมระดับจังหวัดสู่งานที่มีองค์ประกอบทางธุรกิจ หรือ B2B Trade
Show และมีองค์ประกอบของการประชุมระดับนานาชาติ
เพื่อนำไปสู่การเปิดตัวผ้าไหมในตลาดแฟชั่นต่างประเทศและการเป็นเมืองผ้าไหมโลก
“ภาคเหนือ” เชียงใหม่ ได้รับเลือกเป็น World City of Festival ปี 2565 โดยInternational Festivals and Events Association จากนั้นไปจนถึงอนาคตเชียงใหม่เป็นสถานที่จัดงานแฟลกชิพของภูมิภาคจัดต่อเนื่องทุกปีเทศกาล
ChiangMai Bloom
“ภาคตะวันออก” พัทยา จังหวัดชลบุรี
สร้างอัตลักษณ์จัดงาน “เทศกาลพลุนานาชาติพัทยา” กระทั่งสามารถคว้ารางวัลระดับโกลด์
ไพรซ์มาครองได้สำเร็จในหมวด NightTime Economy and Tourism จาก สมาคมอีเวนต์และเทศกาลนานาชาติ
: International Festivals and Events Association (IFEA) พร้อมกับเป็นเมืองไมซ์แห่งแรกที่ได้จัดทำ ซิตี้ แพกเกจของ ไมซ์
โปรดักซ์ให้งานไมซ์จากต่างประเทศอย่างสม่ำเสมอ
“ภาคกลาง” กรุงเทพมหานคร ได้สร้างชื่อเสียงในฐานะ
ไมซ์ ซิตี้ คว้ารางวัลเมืองที่จัดเทศกาลด้วยสภาพแวดล้อมเป็นมิตรที่ดีที่สุดหรือ Best Eco-friendly Festival ซึ่งทางสมาคม IFEA มอบให้กับงานลอยกระทรง หรือ
แบงค็อก ดิจิทัล ลอยกระทง เฟสติวัล
ช่วงที่ 2 สายบุญออกเที่ยวใกล้กรุงไปด้วยกันที่
“สิงห์บุรี” มีเส้นทางไหว้พระ 9 วัด มาแนะนำ
วันเดียวเที่ยวครบ อิ่มบุญ อิ่มใจ แล้วก็ฟังข่าวฮ็อตส่งท้าย ข่าวแรก
“ดุสิตธานีทำแพกเกจให้โลกจำ” 1.2หมื่นบาท/ห้อง/คืน
ข่าวที่สอง “Jobsdb” เปิดจ็อบแฟร์ในงาน SETA รับคนเก่งพลังงาน ไฮเทค 5,000 ตำแหน่ง
ท่องเที่ยว
–สุขทันทีที่สิงห์บุรีกับทริปเที่ยวสายบุญไหว้พระ
9 วัด
เที่ยวใกล้ไปเช้าเย็นกลับ
ตามเส้นทางแห่งศรัทธา ไหว้พระ 9
วัด ที่ “สิงห์บุรี” ออกจากกรุงเทพฯ ราว 6 โมงเช้า
เปิดแผนที่เที่ยวตามวัดเป้าหมาย เที่ยววัดต่าง ๆ
รอบอำเภอเมือง
พิกัดที่ 1 “วัดเสถียรวัฒนดิษฐ์”
สักการะพระพุทธรูปทองคำ
พระพุทธรูปสุโขทัยองค์นี้ได้ร่วมประกวดสมัยกึ่งพุทธกาลเมื่อ พ.ศ. 2500
และได้รับรางวัลที่ 1 ประเภทสวยงามจากการประกวด
ครั้งนั้นจึงทราบว่าเป็นพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยหล่อขึ้นด้วยวัสดุโลหะสัมฤทธิ์ผสมทองคา
เป็นพระเนื้อโลหะที่ค่อนข้างสมบูรณ์และสวยงามมาก พระพุทธรูปองค์นี้ คือ
มีความสวยงามอ่อนช้อย
พระพักตร์อิ่มเอิบดังคาอุปมาอุปมัยถึงพระศิลปะสุโขทัยรุ่นนี้ว่า“หน้านางคางหยิก”
บ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาสูงสุดยุคนั้น
พิกัดที่ 2 “วัดประโชติการาม” สักการะหลวงพ่อทรัพย์-หลวงพ่อสิน
พระยืนศักดิ์สิทธิ์ขอบารมีเพื่อการค้าขายรุ่งเรือง พร้อมสักการะหลวงปู่โอ่ง วัตถุมงคล ศักดิ์สิทธิ์ที่มีตำนานน่าอัศจรรย์ใจ
พิกัดที่
3 “วัดกระดังงาบุปผาราม” มีวิหารมหาอุตม์
ด้านในมีพระพุทธรูปปูนปั้น อัน ศักดิ์สิทธิ์
มีลักษณะคล้ายศิลปะมอญ แต่ก่อนฉาบทาด้วยสีขาวอมชมพู
ความสาคัญตามตานาน คือว่ามีไว้สาหรับปลุกเสกของเมื่อคราวจะออกรบ
คือจะมีทางเข้าแต่ไม่มีทางออกมีลักษณะทรงไทยสมัยอยุธยาตอนต้นมีช่องแสง 3 ช่อง
ประดิษฐานคู่กับเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ ปัจจุบุนหาศึกษาและดูได้ยาก
พิกัดที่
4 “วัดสาลโคดม”
สักการะหลวงพ่อเศียรกับประวัติที่น่าพิศวง พร้อมสะเดาะเคราะห์
ปิดทองใต้ฐานพระเพิ่มสิริมงคลแก่ชีวิตอีกทั้งวัดนี้ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตให้อันเชิญพระนามาภิไธย
ส.ก.
ไว้ที่ หน้าบันพระอุโบสถด้วย
พิกัดที่ 5 “วัดสว่างอารมณ์”
สักการะหลวงปู่เรืองอดีตเจ้าอาวาสมณฑลกรุงเก่า
ผู้อุทิศตนเพื่อการรวบรวมหนังใหญ่โบราณ ฝีมือช่างหลวงโบราณกว่า 300 ตัว
จัดแสดงไว้เป็นอนุสรณ์ เพื่อการศึกษาชมการแกะสลักหนังใหญ่ โดยฝีมือชาวบ้าน
พักรับประทานอาหารท้องถิ่นมื้อเที่ยง
ก่อนจะออกเดินทางต่อในช่วงบ่ายในอีก 4 วัด
พิกัดที่ 6 “วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร” แวะนมัสการพระพุทธไสยาสน์ปางโปรดอสุรินทราหูองค์ใหญ่บริเวณวัดยังเป็น
สถานที่ปฏิบัติ
ธรรมซึ่งเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ทางด้านพุทธศาสนาสาหรับนักธรรมทั้งหลายชมต้นสาละลังกาใหญ่ที่ปลูกไว้กว่า
100 ต้น ชาวสิงห์บุรี มีความเชื่อว่า
ให้อธิฐานแล้วปรบมือใต้ต้นสาละหากดอกสาละร่วงลงมาแสดงว่าคาอธิฐานนั้นจะประสบผลสาเร็จ
พิกัดที่ 7 “วัดพิกุลทอง” อ.ท่าช้าง แวะนมัสการหุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อแพ
พระนักพัฒนา เกจิที่มีชื่อเสียงด้านการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพระผู้สร้างแห่งเมืองสิงห์
นอกจากนั้นอีกด้านหนึ่งของวัดนี้มีพระพุทธรูปปางประทานพรองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
คือ พระพุทธสุวรรณมงคลมหามุนี หรือหลวงพ่อใหญ่
พิกัดที่ 8 “วัดสิงห์สุทธาวาส”
อ.ค่ายบางระจัน
นมัสการหลวงพ่อนาค พระพุทธรูปหินทรายเขียว แกะสลัก และหลวงพ่อฉายพระพุทธรูปโบราณ ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่วัดมานานกว่า
100 ปี และพระอุโบสถแก้วล้อมรอบด้วยพญานาค
ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเขียนขึ้นใหม่
โดยร้อยเรียงเรื่องราวพุทธประวัติไว้ให้ได้ศึกษา
พิกัดที่ 9 “วัดโพธิ์เก้าต้น” อ.ค่ายบางระจัน ไปนมัสการรูปหล่อ
พระอาจารย์ธรรมโชติผู้เป็นกาลังใจสาคัญแก่นักรบบ้านบางระจัน สมัยอยุธยา
และชมโบราณวัตถุเก่าแก่ซึ่งถูกเก็บรวบรวม และจัดแสดงไว้ ในพิพิธภัณฑ์เป็นอย่างดี
จากนั้นก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ
หรือแยกย้ายกันมุ่งหน้าสู่บ้านของแต่ละคน อำลาทริปดี ๆ
ที่ได้มาเที่ยวสิงห์บุรีตลอดทั้งวันจนครบ 9 วัดนั่นเอง
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–ดุสิตธานีอวดโฉมใหม่ให้โลกจำ27ก.ย.นี้ราคาปัง1.2หมื่น/คืน
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท
ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) “DUSIT” เปิดเผยว่า กลุ่มดุสิตธานีพร้อมต้อนรับ “โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ”
โฉมใหม่จะเปิดให้บริการคนไทยและนักเดินทางทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2567 เป็นต้นไป พร้อมทั้งเตรียมสร้างประวัติศาสตร์อย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง
ด้วยจุดขายร้านอาหารและบาร์มากถึง 10 แห่ง
ภายใต้ชื่อเดิมที่ลูกค้าคุ้นเคยนำเสนอแนวคิดใหม่ผสมผสานบาร์สไตล์ใหม่ โดยทำงานอย่างมืออาชีพร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ
โดยเฉพาะ “ห้องพัก” ได้ออกแบบผนังเป็นกระจกให้ผู้เข้าพักได้ชมทัศนียภาพสวนลุมพินีและเส้นขอบฟ้าใจกลางกรุงเทพฯ
สร้างประสบการณ์ในกรอบความทรงจำความล้ำค่าหรือ Golden Frames of Memories สร้างความประทับใจครั้งใหม่ให้ลูกค้าทุกคน
ขณะนี้โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ จัดทำข้อเสนอพิเศษให้ทุกคนด้วยแพกเกจ
“An Icon Reimagined”
ราคาห้องพักเริ่มต้น
12,000++
บาท พร้อมเครดิตพิเศษทุกคืนที่เข้าพักมูลค่า 2,700 บาทสุทธิ สามารถนำไปใช้อย่างเพลิดเพลินในโรงแรมทั้ง
อาหารและเครื่องดื่ม สปาและเวลเนส เพื่อสัมผัสการพักผ่อนเหนือระดับในโรงแรม 5
ดาว จองได้ที่ dusit.com ตั้งแต่วันนี้ถึง 31
ตุลาคม 2567 แล้วนำไปใช้เข้าพักได้จนถึง 31
มีนาคม 2568
นางศุภจีย้ำว่า มีโจทย์ตั้งต้นก่อนปรับโฉมมาจนถึงวันนี้ในการเนรมิตโรงแรมดุสิตธานี
กรุงเทพ ให้โลกเห็นถึงโรงแรมขนาดใหญ่ซึ่งจะเป็นไอโคนิคระดับตำนานโรงแรมแถวหน้าของเมืองไทย
ตำนานของดุสิตธานีซึ่งสามารถยืนหยัดอยู่ได้และครองใจผู้ใช้บริการมาได้อย่างยาวนานก้าวสู่ทศวรรษที่
8
แล้ว ด้วยความใส่ใจเก็บทุกรายละเอียดของโรงแรมดุสิตธานีเดิมนำมาผสมผสานอย่างกลมกลืนกับโรงแรมแห่งใหม่
นอกเหนือจากรูปลักษณ์กับการออกแบบแล้ว ก็ยังคงวัฒนธรรมแบรนด์ไทยที่ทั่วโลกยอมรับ
ทั้งเรื่องการต้อนรับอย่างอบอุ่น ให้บริการด้วยมาตรฐานดุสิตธานีที่จะรักษาไว้ตามเจตนารมณ์ของท่านผู้หญิงชนัตถ์
ปิยะอุย ผู้ก่อตั้ง และนายชนินทธ์ โทณวณิก ขอให้นำเสนอความเป็นไทย ผ่านศิลปะ
วัฒนธรรม เสน่ห์แบบไทย สอดคล้องกับกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมกับจะต้องตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลาย
และความยั่งยืนทางธุรกิจด้วย
นางสาวณัฐภาณุ์ ศรียุกต์สิริ กรรมการผู้จัดการ ดุสิต เอสเตท
และรองประธานฝ่ายกลยุทธ์การออกแบบและงานครีเอทีฟ บมจ.ดุสิตธานี กล่าวว่า การออกแบบโรงแรมดุสิตธานี
กรุงเทพ มีความท้าทายจะต้องรักษาแบรนด์ และความเป็นตัวตนของดุสิตธานีไว้ภายใต้รูปโฉมใหม่
โดยให้ลูกค้าต้องสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ความจริงใจ
ซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะการให้บริการ แต่ยังต้องทำให้ลูกค้าเข้ามาโรงแรมก้าวแรกจะสัมผัสได้ทันที
ดังนั้นการออกแบบต้องใส่ใจทุกรายละเอียด ทั้งการเก็บชิ้นงานเก่า
การสร้างสรรค์ชิ้นงานใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากชิ้นงานเก่า
เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าดุสิตธานีทุกคน
วันนี้โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ แห่งใหม่ ได้เริ่มจากการรับโจทย์ยากทำให้ต้องมองโรงแรมเดิมผ่านมุมมองใหม่
เป็น “โมเดิร์น เลนส์” จากนั้นเราตัดสินใจเลือกเก็บบางชิ้นงานจากโรงแรมเก่าแล้วเลือกจะศึกษาแพทเทิร์นสร้างสรรค์งานใหม่ขึ้นมา
หรือใช้งานชิ้นเป็นแรงบันดาลใจเพื่อออกแบบงานชิ้นใหม่ตอบโจทย์อดีตกลายเป็นปัจจุบันเชื่อมโยงกันอย่างลงตัว
กลมกลืนกับช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป
อีก 3
เดือนข้างหน้า ตั้งแต่ 27
กันยายน 2567 เป็นต้นไป “โรงแรมดุสิตธานี
กรุงเทพ” จะอวดโฉมใหม่ของห้องพักในอาคารความสูง 39 ชั้น
ที่ยังคงอัตลักษณ์ความเป็น “ดุสิตธานี” แฝงความโดดเด่นจากอดีตผ่านหลายองค์ประกอบนั่นคือ
ส่วนที่ 1
การประดับ “ยอดแหลมสีทอง” บนอาคารสามารถเห็นได้จากระยะไกล
ส่วนที่ 2 ได้นำเสนองานจิตรกรรมบนเสาหลักสองต้นและบนกำแพงความยาวกว่า
4 เมตร จากผลงานของ ‘ท่านกูฎ’ ไพบูลย์ สุวรรณกูฎ โชว์งานแกะฉลุไม้และตกแต่งผนังด้วยไม้สักทองที่ถูกถอดและนำมาประกอบใหม่เพื่อนำเสนออีกครั้งในโรงแรม
ส่วนที่ 3
การตกแต่งด้วยลวดลายและเส้นสายแบบไทยร่วมสมัยบริเวณ ห้องนภาลัย
แกรนด์บอลรูม ห้องประชุมต่าง ๆ ห้องพัก ดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ชิ้นพิเศษตามแรงบันดาลใจแบบไทย
พร้อมให้ลูกค้ามีโอกาสสัมผัสและซึมซับความเป็นดุสิตธานีอย่างเต็มที่ทุกมิติ
บริการหลัก ประกอบด้วย ห้องพักและห้องสวีท 257 ห้อง
ออกแบบโดย André Fu Studio สตูดิโอตกแต่งภายในชั้นนำที่ได้รับการยกย่องในระดับสากล
โดยได้ออกแบบโครงการอันโด่งดังติดแถวหน้าในเอเชียอย่าง P49DEESIGN AND
ASSOCIATES มาช่วยดูแลชั้นพิเศษเรียกว่าเฮอริเทจ ฟลอร์ ให้อีกด้วย
ขนาดห้องพักที่กว้างขวางเริ่มต้น 50 ตร.ม./ห้อง
ที่พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ให้ผู้เข้าพัก ด้วยดีไซน์กรอบหน้าต่างกระจกเต็มชิ้นขนาดใหญ่สีทองทุกห้อง
เพื่อให้แขกสามารถรับชมทัศนียภาพอันงดงามสวนลุมพินี เส้นขอบฟ้า
และสีสันของกรุงเทพฯ โดยมี “ห้องคลับ” มอบความผ่อนคลายด้วยบริการพิเศษเพิ่มเติม
พร้อมอาหารเครื่องดื่มจาก คลับ เลาจน์ บนชั้น 39 และรูฟท็อป
บาร์ เรื่อยไปจนถึงห้องอาหารและบาร์หลากหลายรูปแบบ
พร้อมทีมเชฟและพาร์ทเนอร์ชื่อดังระดับสากล
“ห้องประชุมและจัดเลี้ยง” ดีไซน์พื้นที่ไว้ทั้งหมดกว่า 5,000 ตร. ม. รวม “รูฟ พาร์ค” เป็นโอเอซิสสีเขียวขนาดใหญ่ของสวนสาธารณะลอยฟ้าขนาด
7 ไร่ ตอบสนองวิถีชีวิตใช้ชีวิตคนเมืองที่ต้องการใกล้ชิดธรรมชาติได้เป็นอย่างดี
ส่วนโครงสร้างต่าง ๆ ภายในโรงแรม มีสถาปนิกดังเป็นผู้ออกแบบจาก 2 บริษัท ได้แก่ บริษัทสถาปนิก 49
(A49) หนึ่งในบริษัทที่ได้การยอมรับมากที่สุดของเมืองไทย และ OMA
Asia Hong Kong Limited สาขาบริษัทสถาปนิกชั้นนำระดับโลก OMA
(Office for Metropolitan Architecture) ผู้สร้างสรรค์สถาปัตยกรรมและการวางผังเมือง
ข่าวที่สอง -Jobsdbร่วมSETAรับคนพลังงาน/ไฮเทคกว่า5พันตำแหน่ง
นางสาวดวงพร
พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by SEEK เปิดเผยว่าในฐานะแพลตฟอร์มหางานออนไลน์ชั้นนำของเมืองไทย ร่วมจัดบูธภายในงาน Sustain
Asia Week 2024 เป็นมหกรรมเพื่อความยั่งยืนของโลกอีเวนต์ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย
เกี่ยวข้องกับพลังงาน เทคโนโลยี หรือ SETA - Sustainable Energy Technology
Asia กำหนดจัดระหว่าง 15-17 สิงหาคม 2567
ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทางทีมงานเตรียมจัดกิจกรรม Energy
Job Fair ตลาดนัดคนหางานด้านพลังงานและเทคโนโลยีกว่า 5,000
ตำแหน่ง
พร้อมทั้งเปิดโซนให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเขียนใบสมัครงาน
(Resume) ให้ประสิทธิภาพ โดนเด่น ตรงใจผู้จ้างงาน เพิ่มโอกาสการหางานมากยิ่งขึ้น
อยู่ในโซน “Resume clinic” ซึ่งจะผู้เชี่ยวชาญด้านการสมัครงานจาก
Jobsdb by SEEK มาช่วยรีวิวให้คำแนะนำ โดยเฉพาะกับคนสายงานเทคโนโลยี
พลังงาน และความยั่งยืน
นางสาวดวงพรกล่าวว่าหลังสถานการณ์ต่าง
ๆ คลี่คลายลงทำให้ตลาดงานปี 2567 คึกคักต่อเนื่องขึ้นอีกครั้ง
และจากผลสำรวจข้อมูลของบริษัทในประเทศไทยทั้งหมด 685 แห่ง
ทางJobsdb by SEEK พบสถานการณ์ตลาดการจ้างงานในภาพรวมของไทยมีแนวโน้มเชิงบวก ช่วงที่ผ่านมานายจ้างต่างพอใจกับตลาดแรงงาน ดังนั้นหลายบริษัทจึงพร้อมเดินหน้ามองหาผู้สมัครที่มีความสามารถเข้าร่วมงานกับองค์กร
มีถึง 51% จากจำนวนบริษัททั้งหมด มีแผนจะขยายทีมและจ้างพนักงานใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย
ๆ ส่งผลให้ผู้อยู่ในวัยทำงานหรือคนจบการศึกษาใหม่หลากหลายสาขาอาชีพต้องแข่งขันกัน
เพื่อให้ได้งานที่ตรงใจและได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า
ดังนั้น
Jobsdb by SEEK
จึงได้รวบรวมสายงานที่เหมาะเพิ่มโอกาสให้คนที่สนใจด้านพลังงานเทคโนโลยี
และความยั่งยืน ไว้ในงาน Sustain Asia Week 2024 กว่า 5,000 ตำแหน่ง ถือเป็นการจัด Job Fair ตลาดงานด้านพลังงานครั้งแรกในเมืองไทยด้วย
โดยได้จัดบรรยากาศภายในบูธของ
Jobsdb by SEEK ให้มีโซน Resume Clinic ตอบโจทย์คนที่สนใจอยากปรับปรุง และต้องการคำแนะนำการนำเสนอเรซูเม่ ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญของเราแนะนำได้
ทั้งวิธีการเขียนประวัติการทำงานหรือการอัปเดตเรซูเม่อย่างสม่ำเสมอ จะเปรียบเสมือนประตูด่านแรกนำไปสู่งานที่ใช่ ตำแหน่งที่ชอบ
มัดใจผู้ประกอบการและเพิ่มโอกาสให้ได้งานที่ตรงใจ
@รัฐ-เอกชนจัดใหญ่งาน Sustain
Asia Week 2024
สำหรับงาน
Sustain Asia Week 2024 เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนในไทย
ผนึกกำลังกันจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Low Carbon & Sustainable ASEAN
Economy” งานโดยนำเสนอเรื่องสำคัญไว้ในงานเดียว 5
โซน ได้แก่
โซนที่
1 SETA 2024 งานแสดงพลังงานและเทคโนโลยีที่ยั่งยืนแห่งเอเชีย
โซนที่
2 SMA2024 งานยานยนต์และขนส่งแห่งอนาคต
โซนที่
3 SSA2024 งานระบบโซลาร์และรับกักเก็บพลังงาน
โซนที่
4 FTI & RE100 Energy Expo 2024 งานแสดงนิทรรศการสินค้านวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านพลังงานหมุนเวียน
โซนที่
5 Zero Carbon Expo 2024 ที่รวมตัวคนที่สนใจ Carbon
Credit มากที่สุดในประเทศไทย และพบกับผู้เชี่ยวชาญ
มาตราฐานการตรวจวัดและรับรองคาร์บอนเครดิตของโลกและนานาประเทศ
@เส้นทางซีค/SEEKแพลตฟอร์มหางานในเอเชีย
ซีค
(SEEK) เป็นกลุ่มบริษัทที่มีความหลากหลาย ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจการจ้างงานออนไลน์
ธุรกิจด้านการศึกษา การค้า และอาสาสมัคร
ซีคมีส่วนสนับสนุนในเชิงบวกต่อชีวิตของผู้คนในระดับโลก รวมทั้งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย
นับเป็นบริษัทชั้นนำ 100 อันดับแรกในออสเตรเลียและเอเชีย
ในฐานะที่ซีคบริหารแบรนด์ชั้นนำอย่าง จ๊อบส์สตรีท/JobStreet และจ๊อบส์ดีบี/Jobsdb
ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจ้างงานชั้นนำของภูมิภาค และผู้สมัครงานกับผู้ว่าจ้างต้องการเลือกใช้บริการ
สามารถดึงดูดผู้เข้าชมกว่าปีละ 500 ล้านคน
ในพื้นที่ที่ดำเนินการอยู่ทั้งหมดทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ ฮ่องกง
อินโดนีเซีย มาเลเซียฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และประเทศไทย
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น