รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
บิ๊กททท.เล่นใหญ่รุกตลาดไกลยุโรป/อเมริกา/GCCปี’67-68
ผนึกแอร์ไลน์สเพิ่มโหลดแฟกเตอร์งัด3Cโกย 8.69 แสนล้าน
ติวเข้มธุรกิจรับมือกฎหมายโลกพันธุ์ใหม่เทรนด์เที่ยวยั่งยืน
สมาชิกคิงพาเวอร์มาที่รางน้ำ
27-29ก.ค.นี้แลกกะรัตคุ้ม2เท่า
ตลุยช้อปดิวตี้ฟรีคิงเพาเวอร์ขาออกทุกสนามบินเริ่ม1ส.ค.67
คิงเพาเวอร์ออนไลน์จัดใหญ่ได้คุ้ม7 DaysDealsลดสูงสุด30%
ททท.-นกแอร์ขายเติมยิ้มเที่ยวไทยแจกโปรตั๋วบิน850บาท
บางจาก“เติมสุขสู่สังคม”ส่งต่อพื้นที่สีเขียว“พืชพรรณปันสุข”
บางจากศรีราชาแจกทุนการศึกษาเด็กหนุนสังคมอย่างยั่งยืน
TCEBทำMOUกับNIAดันไทยสู่ชาตินวัตกรรมไมซ์แห่งเอเชีย
ออนทัวร์ “อเมซิ่งรีทรีตทั่วภาคเหนือ” ตลอด ส.ค.5พิกัดฟิน
10 ประโยชน์การกินไข่ทุกวันดีต่อสุขภาพป้องกันสารพัดโรค
คนไทยแห่เที่ยวไทยวันหยุด27-29ก.ค.รายได้กว่า8.8พันล้าน
Travelokaเทโปร6ประเทศ“EPIC Sale”บิน/ที่พัก/เที่ยวลด80%
วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #TCEB #AmazingNothernRetreatMonth
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://youtu.be/dlqWoQ69lK4?si=jjlUxQsV0Y2c9x3z
ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !! นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผ่าตลาดระยะไกลข้ามทวีปปี’67 สัญญาณดีต่อเนื่องรายได้เข้าเป้า 7.69 แสนล้าน ปี’68 พลิกเกมใหม่รับเป้าท้าทาย 8.69 แสนล้าน ทำยอดเงินเพิ่มอีกแสนล้าน งัด 3 จุดขาย “ผนึกแอร์ไลน์สโลก” เพิ่มอัตราบรรทุกและเที่ยวบินตรงเข้าไทย “ใส่กลยุทธ์ 3 C “Complience-Customer inside-Customer Journey” และปิดจ็อบตลาด XYZ เพิ่มสินค้าท่องเที่ยวด้วยพื้นที่สุดพิเศษปีอะเมซิ่ง แกรนด์ เยียร์ ชูเที่ยวไทยได้ไม่สิ้นสุดต่อยอดนโยบายวีซ่าฟรี 93 ประเทศ พำนักได้ยาว 60 วัน และติวเข้มขับเคลื่อนธุรกิจเที่ยวยั่งยืนขานรับกฎหมายและเทรนด์ใหม่ทั่วโลก
นายศิริปกรณ์
เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์ตลาดท่องเที่ยวระยะไกล (longhaul visitors) บินมาไทยเกิน 6 ชั่วโมง สถานการณ์ครึ่งปีหรือ 6 เดือนแรก มกราคม-มิถุนายน 2567 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว 4.8 ล้านคน มีส่วนแบ่งตลาด 30 % ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เข้าเมืองไทย
ช่วงครึ่งปีหลัง 2567 มีโมเมนตั้มมากเพียงพอที่จะทำให้จำนวนและรายได้เป็นไปตามเป้าหมาย
โดยเฉพาะตลาดระยะไกล เป้าหมายตลอดปีนี้จะต้องทำรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย 769,824
ล้านบาท คิดเป็น 40 % จากจำนวนนักท่องเที่ยว 9,938,300 คน ประมาณ 28-30 % ของตลาดต่างประเทศทั้งหมด
ปีงบประมาณ
2568 จะเริ่ม 1 ตุลาคม
2567 โอกาสก็ยังคงเป็นของประเทศไทยซึ่งสามารถครองใจนักเดินทางทั่วโลกติด
1 ใน 10 มาตลอด “ตลาดระยะไกล” ทั้ง 4 ทวีป ตั้งเป้าจะทำรายได้เข้าประเทศ 869,200
ล้านบาท คิดเป็น 39 % หรือเพิ่มจากปีนี้อีกราว 100,000 ล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยว 10,622,000
ล้านคน คิดเป็น 27 % ของเป้าหมายรวมตลาดต่างประเทศทั้งหมด
ส่วนที่มีความท้าทายคือซัพพลายคือ
“สายการบินที่ให้บริการทั่วโลก” ปัจจุบันการบริหารจัดการพนักงาน
และเที่ยวบินกลับมาได้ 85-90 % ประเมินจากอัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย
(Load factor) เริ่มจาก
เที่ยวบินยุโรป ทำได้เกิน 85 % อเมริกาหลังจากแอร์
แคนาดา 97 % แอฟริการ 80% และตะวันออกลางก็ใกล้เคียงกันประมาณ 70-80
% เป็นผลดีกับ “ดีมานต์” หรือ
“ผู้โดยสาร/นักเดินทาง” ซึ่ง
ททท.จะต้องเข้าไปช่วยรักษาอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยร่วมกับสายการบินนานาชาติไว้ให้ได้เกิน
80 % เพื่อทำให้ธุรกิจอยู่ได้เมืองไทยเองก็สามารถรักษาจุดหมายปลายทางเมืองท่องเที่ยวของตลาดระยะไกลไว้ได้เช่นกัน
แนวโน้มช่วงตารางบินฤดูหนาวที่จะเริ่มปลายเดือนตุลาคม
2567-28 มีนาคม 2568
เช่น “ตลาดอเมริกา” กรณีที่แอร์
แคนาดา
กลับมาบินก็จะต้องเน้นเพิ่มความถี่และทำให้อัตราการบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยเต็มทุกเที่ยวบิน
อดีตเคยมีการบินไทยบินตรงสู่อเมริกา
แต่วันนี้การบินไทยหรืออีกหลายสายการบินในเอเชียยังไม่มีเที่ยวบินตรงจึงต้องผลักดันโดยเร็ว
เพื่อรองรับครอบครัวเดินทางเข้าถึงง่ายสะดวกสบายมากขึ้น
“ตลาดยุโรป”
มีสายการบินจำนวนมากเปิดบินเพิ่มขึ้น ได้แก่ บริติชแอร์เวย์/อังกฤษ
คอนดอร์/เยอรมัน ไอเบอโร่เจ็ต/สเปน ดังนั้น
ททท.วางเป้าหมายใหญ่เน้นทำแคมเปญร่วมกับสายการบินรายใหญ่โดยมีบริษัทนำเที่ยวผลิตแพกเกจท่องเที่ยววางขายในแต่ละตลาดเพื่อเพิ่มอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเพิ่มสูงขึ้น
โดยมีเที่ยวบินกำลังจะเปิดเพิ่มมาไทย ได้แก่ สายการบินคอนดอร์
บิน แฟรงเฟิร์ต (เยอรมนี)-กรุงเทพฯ 4 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 22
กันยายน 2567 เป็นต้นไป และเส้นทางบินตรง แฟรงเฟิร์ต (เยอรมนี)-ภูเก็ต 2 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 21 กันยายน 2567 เป็นต้นไป
จะออกเดินทางจากปารีส ลียง บอร์โดซ์ นีซ ตูลูส และมาร์กเซย ฝรั่งเศส สายการบินลุฟท์ฮันซ่า
และ ITA ก็จะเปิดเส้นทางบิน ปารีส ฝรั่งเศส-กรุงเทพฯ 5
เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม16 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป
“ตลาดตะวันออกกลาง” โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม
GCC : Gulf Cooperation Countries ซึ่งสายการบินต่าง
ๆ กลับมาเปิดบินตรงสูงกว่าปีก่อนเกิดโควิดเรียบร้อยแล้ว แต่
ททท.ก็จะต้องพยายามมากขึ้นช่วยสายการบินขยับอัตราการบรรทุกเพิ่มจากปัจจุบันอีก 5
% จาก 80 % เป็น 85 % โดยพุ่งไปยังนักเดินทางตลาดคุณภาพสูงให้หันมาใช้ที่นั่งเที่ยวบินชั้นธุรกิจ/บิสิเนสคลาส
มากขึ้น
นายศิริปกรณ์ กล่าวว่า ปี 2568
ททท.จะนำเสนอสินค้าท่องเที่ยวในตลาดระยะไกลไฮไลต์หลักคือ
“สินค้าการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน :Sustainable Tourism” ผลสำรวจภาพรวมนักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง
จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มากกว่า 83 % ยอมจ่ายเงินแพงขึ้นเพื่อโดยสารเครื่องบิน
พักโรงแรม และรับประทานอาหาร
ในสถานที่ซึ่งมีมาตรฐานการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อการท่องเที่ยว
ดังนั้นโดยภาพรวมแล้วสินค้าท่องเที่ยวที่ยั่งยืนจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับเทรนด์การเลือกเดินทางในอนาคตอันใกล้นี้
3 เรื่อง 3 C ประกอบด้วย
เรื่องที่ 1 Complience กฎหมายว่าด้วยเรื่องการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม
นับจากนี้เป็นต้นไปหากจะเป็นคู่ค้ากับบริษัทในประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป (EU)
จะต้องมีหลักฐานยืนยันเรื่องการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม
และผ่านมาตรฐานอย่างแท้จริง ขณะนี้เริ่มใช้ภายในสหภาพยุโรปด้วยกันเอง
ส่วนธุรกิจท่องเที่ยวในเมืองไทยต้องเตรียมความพร้อมอีก 1-3 ปีข้างหน้า
เรื่องที่ 2 พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวหรือ Customer
inside ตัวอย่างคนในตะวันออกกลาง
ยินดีที่จะจ่ายแพงขึ้นเพื่อใช้บริการสายการบินที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงการบินชีวภาพหรือ
SAF :Sustainable Aviation Fuel ลดการปล่อยมลภาวะหรือคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง
จึงไม่ละอายที่จะบินซึ่งตอนนี้เกิดเป็นกระแสที่เรียกว่า shame to fly ขณะนี้มีบางประเทศใช้วิธีทำโปรโมชั่นลดราคาตั๋วโดยสารรถไฟให้คนหันมาเลือกเดินทางแบบลดมลภาวะ
เรื่องที่ 3 เส้นทางตลอดห่วงโซ่การเดินทางท่องเที่ยวหรือ Customer
Journey ในทุกจุดที่เข้ามายังเมืองไทย
(touch point)
ซึ่งสามารถใช้บริการเครือโลจิสติกส์ที่ลดมลภาวะได้ด้วยเช่นกัน
นายศิริปกรณ์ กล่าวว่า การทำ SWOT ที่เป็นทั้งปัจจัยสนับสนุนและฉุดรั้งการท่องเที่ยว
ส่วนที่ โอกาส/Opputunity ผู้ประกอบการไทยเตรียมตัวได้ค่อนข้างดี นำโดย
“โรงแรมที่พัก”
ตื่นตัวหันมาบริหารจัดการภายในลดการใช้ขวดพลาสติกบรรจุผลิตภัณฑ์ห้องน้ำและอื่น ๆ
พร้อมกับมีสถาบันจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ก๊าซเรือนกระจก
โดยรณรงค์ประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย
ส่วนที่ 2 ความท้าทาย แยกได้คือ 1.สงครามความขัดแย้งระหว่างประเทศหลายภูมิภาค
ซึ่งเป็นเรื่องที่ห้ามไม่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่รัฐบาลไทยสามารถวางตัวเป็นกลาง
จึงทำให้คนในประเทศเหล่านั้นยังคงสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทยได้ 2.สายการบินนานาชาติ
ซึ่งเป็นทั้งความท้าทายบวกกับโอกาส เพราะหากสายการบินต่าง ๆ
สามารถบินเข้ามาไทยได้แล้ว ททท.ช่วยเติมเต็มอัตราบรรทุกผู้โดยสารได้
ก็จะทำให้เกิดการเติบโตต่อไปได้
สำหรับการเตรียมแผนขานรับ Amazing
Thailand Grand Year 2025 :ปีการท่องเที่ยวไทย
2568 ซึ่งจะมีทั้งความแกรนด์ทั้งประสบการณ์
ความเคลื่อนไหว การเชื้อเชิญ/invitation และอีกหลายกิจกรรม
ทางตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ตอนนี้กำลังจะเป็นตอบโจทย์ภาคจบด้วย
XYZ ประกอบด้วย
X : Xtraodinary Destination พื้นที่ท่องเที่ยวที่พิเศษสุด ๆ
สำหรับนักท่องเที่ยวทุกวัย โดยมีรูปแบบนำเสนอขาย เช่น แกรนด์อีเวนต์ต่าง ๆ มากมาย
Y :Your Stories Never End ประสบการณ์ท่องเที่ยวเมืองไทยในการเดินทางได้หลากหลายอย่างไม่สิ้นสุด
ไฮไลต์เรื่องมาตรการตามนโยบายรัฐบาลเปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วโลก 93 ประเทศ จากปกติ 57 ประเทศ สามารถพำนักอยู่ในเมืองไทยได้มากถึง 60
วัน จากเดิม 30 วัน จึงทำให้นานาประเทศมาแล้วสามารถเที่ยวเมืองไทยได้แบบไม่มีวันจบอย่างแน่นอน
Z :Net Zero Tourism
การท่องเที่ยวลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกแบบเป็นศูนย์
ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการส่งเสริมหรือเพิ่มเป้าหมายตลาดท่องเที่ยวระยะไกลหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวเมืองไทยในระยะยาว
ททท.ทำแผนตลาด “ก่อน-ระหว่าง-หลัง”
การจัดโอลิมปิกเสร็จสิ้น เริ่มตั้งแต่ 20
พฤษภาคม-16 มิถุนายน 2567 ททท.สำนักงานปารีสได้ร่วมกับพันธมิตร Carrefour
Voyages บริษัทนำเที่ยวที่มีชื่อเสียงในฝรั่งเศสประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการขายแพ็กเกจท่องเที่ยวเมืองไทยผ่านบริษัทตัวแทนนำเที่ยวทั้งหมด
115 แห่ง แบ่งราคาและเส้นทงเป็น 3 ระดับ ได้แก่
แบบที่ 1 ราคาเริ่มต้น 1,469 ยูโร รวม 17 วัน 14 คืน ประกอบด้วย 1.ตั๋วโดยสารเครื่องบินเส้นทางระหว่างประเทศ
ที่พัก
แบบที่ 2 ราคาเริ่มต้น 1,799 ยูโร ทำแพ็กเกจท่องเที่ยวรวมตั๋วโดยสารเครื่องบินเส้นทางระหว่างประเทศ
และทริปท่องเที่ยวเส้นทางภาคเหนือของไทย
แบบที่ 3 ราคาเริ่มต้น 1,849 ยูโร เป็นแพ็กเกจท่องเที่ยวรวมตั๋วโดยสารเครื่องบินเส้นทางระหว่างประเทศ
และทริปท่องเที่ยวเส้นทางภาคเหนือกับภูเก็ต
ทางบริษัทพันธมิตรได้ผลิตสื่อประชาสัมพันธ์รูปแบบต่าง
ๆ เช่น โปสเตอร์ วิดีโอประชาสัมพันธ์ประเทศไทยความยาว
1 นาที เปิดให้บริการเสียงรอสายโทรศัพท์ คอล เซนเตอร์ของ Carrefour
Voyages เกี่ยวกับประเทศไทยตลอด 24 ชั่วโมง
พร้อมกับทำข้อมูลเสนอขายแพ็กเกจเมืองไทย ผ่านทางออนไลน์และออฟไลน์รูปแบบต่าง ๆ
จัดอบรมออนไลน์ผ่านระบบ Webex ให้พนักงานบริษัทตัวแทนนำเที่ยวดังกล่าว
กระตุ้นการขาย คาดภายในสิงหาคมนี้จะทำยอดขายได้น้อย 2,000 แพ็ก
อีกทั้ง ททท. เพิ่มความแรงด้วยกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทำโปรโมชั่นร่วมกับพันธมิตรบริษัทนำเที่ยวในพื้นที่
ได้แก่
กลุ่มที่ 1 บริษัทนำเที่ยว Voyage Privé ระหว่าง 30 กรกฎาคม – 9
กันยายน 2567 ขายแพ็กเกจเที่ยวเมืองไทยเชื่อมโยงเข้ากับกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬาที่น่าสนใจต่าง
ๆ ตามความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย เช่น เรียนมวยไทยที่พัทยา จ.ชลบุรี
ดำน้ำที่เกาะสมุยและเกาะต่างๆ ในสุราษฎร์ธานี
เดินป่าที่เขาใหญ่ นครราชสีมา เล่นFlying Gibbons จ.เชียงใหม่
กลุ่มที่ 2 ร่วมกับสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส และการท่องเที่ยวสิงคโปร์ ระหว่าง 1-24 กรกฎาคม 2567
เสนอขายตั๋วโดยสารเครื่องบินราคาพิเศษและการเที่ยวบินแวะพัก (Stopover) ที่สิงคโปร์
กลุ่มที่ 3 ร่วมกับบริษัทนำเที่ยว
Oovatu นำเสนอประสบการณ์การท่องเที่ยวไทยกรีนซีซัน บูมขายการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy
Tourism) ในโรงแรมระดับบน 5 ดาว และลักชัวรี่
เช่น The Slate Phuket, The Sarojin Khao Lak, ซิกเซนส์ยาวน้อย
และตรีศรา ภูเก็ต ซึ่งแต่ละแห่งจะแนะนำร้านอาหารตั้งแต่ระดับแกสโตโมมี่และมิชลินสตาร์
ราคาประมาณ คนละ 3,565 ยูโร เช่น Black Ginger,
The Edge, Select Hilltop Reserve และ From Farm to Table เตรียมเดินทางมาไทยตั้งแต่ 2 กันยายน 2567 เป็นต้นไป
กิจกรรมดังกล่าวได้รับความสนใจจากกลุ่มนักท่องเที่ยวขายได้แล้วทั้งสิ้น
1,274 แพ็ก สร้างรายได้ประมาณ 4.3 ล้านยูโร หรือราว 168.8 ล้านบาท
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 สมาชิกคิงพาเวอร์มาที่รางน้ำ
27-29ก.ค.นี้แลกกะรัตคุ้ม2เท่า
โค้งสุดท้าย!
วันหยุดยาว 27-29 กรกฎาคม 2567 สมาชิก “คิง
เพาเวอร์” แลกกะรัตคุ้มกว่า กับมหกรรมช้อปสนุกได้ทุกวีกเอนด์ที่ คิง เพาเวอร์ แล้วแลกด่วน “กะรัตสุดคุ้ม” รีบเลยมาที่ คิง
เพาเวอร์ รางน้ำ แล้วช้อปสินค้า ดิวตี้ ฟรี แบบเพลินๆ
1.นำคะแนนสะสมในบัตร 50 กะรัต แลกรับ GIFT
VOUCHER 100 บาท จากปกติแลกได้แค่ 50 กะรัต = 50 บาทเท่านั้น
มาด่วน
!! วันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่ 27-29 กรกฎาคม 2567 คนละ
1 สิทธิ์ /วันพิเศษสุด! เฉพาะ เสาร์ – อาทิตย์ นี้
ช้อปสนุก พร้อมฟังดนตรีเพลินๆ ได้ด้วย
2.แลกกะรัตโดยสามารถ ใช้ร่วมกับ “ส่วนลดสมาชิก” คิง เพาเวอร์
บัตรกำนัลนี้ใช้ได้ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ, พัทยา ศรีวารี
และภูเก็ต “ใช้ชำระค่าสินค้าได้” เมื่อมียอดชำระสินค้ามากกว่ามูลค่ารวมของ Gift
Voucher ที่ต้องการในทุกการใช้จ่าย
ข่าวที่ 2 ตลุยช้อปดิวตี้ฟรีคิงเพาเวอร์ขาออกทุกสนามบินเริ่ม1ส.ค.67
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนมาช้อป
“ขาออก” ให้ฟินก่อนออกบินไปต่างประเทศ
ย้ำอีกครั้งช้อปสินค้า Duty Free จัดเต็มขาออกนอกประเทศ
ครบครันทั้ง แฟชั่น บิวตี้ ตอนนี้มีให้เลือกอย่างหลากหลาย พร้อมโปรโมชั่น โดน ๆ
ทุกไอเทม ที่พันธมิตรแบรนด์ทั่วโลกพร้อมนำมาเสนอในไทย เพื่อให้นักเดินทางเลือกได้อย่างจุใจในราคา
ดิวตี้ ฟรี เริ่ม 1 สิงหาคม 2567
เป็นต้นไป
สำหรับ “สินค้าขาเข้าในร้านปลอดอากร”
ทุกสนามบิน จะยกเลิกการจำหน่ายตามนโยบายกระทรวงการคลัง และรัฐบาล สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม คิง เพาเวอร์ คอนแท็กต์ เซ็นเตอร์ 1631
ตามประกาศกระทรวงการคลัง
ปัจจุบันปัจจุบันมีนิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนประเภทร้านดิวตี้ฟรี
ขาเข้า 3 ราย ในท่าอากาศยานนานาชาติ 8 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ อู่ตะเภา สมุย และกระบี่
ปัจจุบันผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านท่าอากาศยานนานาชาติ
โดยทั่วไปสามารถซื้อสินค้าโดยได้รับสิทธิยกเว้นอากร ตามหลักเกณฑ์ดังนี้ 1.ของที่ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรซื้อเพื่อใช้เองเป็นการส่วนตัวหรือใช้ในวิชาชีพ
ราคารวมกันไม่เกินสองหมื่นบาท 2.บุหรี่ปริมาณไม่เกินสองร้อยมวนหรือซิก้าร์
หรือยาเส้น ปริมาณไม่เกินอย่างละสองร้อยห้าสิบกรัม
หรือหลายชนิดรวมกันปริมาณไม่เกินสองร้อยห้าสิบกรัม
แต่บุหรี่ต้องมีปริมาณไม่เกินสองร้อยมวน
ข่าวที่ 3 คิงเพาเวอร์ออนไลน์จัดใหญ่ได้คุ้ม7 DaysDealsลดสูงสุด30%
ช้อป
!! 7 Days Massive Deals ที่ “คิง เพาเวอร์”
ส่งท้ายเดือนด้วยดีลแรง 7 วันเท่านั้น 25-31 กรกฎาคม 2567 พิเศษยิ่งขึ้น!
สมาชิกออนไลน์ลดสูงสุดถึง 30% ช้อปจบที่คิง เพาเวอร์ ออนไลน์
เซอร์ไพรส์ยิ่งกว่ากับโปรต้านไม่อยู่
ลดหนักมาก ช้อปจนกระเป๋าฉีก ทำความสุขพุ่งปรี๊ด!
เฉพาะสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้เท่านั้น! มีไฟลต์แล้วต้องจัดเลย
เพราะสินค้าแบรนด์เนมราคาดีๆรอคุณอยู่ และรอรับสินค้าง่ายๆที่สนามบิน
1.ลดสูงสุด 5% เมื่อช้อปครบ 7,000 บาท รหัสส่วนลด 5JULY
2.ลดสูงสุด 10% เมื่อช้อปครบ 12,000 บาท รหัสส่วนลด 10JULY
3.พิเศษ! สำหรับสมาชิก คิงเพาเวอร์ ออนไลน์ ลดสูงสุด 20% (ตามหน้าบัตรสมาชิก)
เฉพาะน้ำหอมและเครื่องสำอาง
5.ลดเพิ่มอีก 5% เมื่อช้อปครบ 7,000 บาท รหัสส่วนลด MBJUL5
6.ลดเพิ่ม 10% เมื่อช้อปครบ 12,000 บาท รหัสส่วนลด MBJUL10
ข่าวที่
4 ททท.-นกแอร์ขายเติมยิ้มเที่ยวไทยแจกโปรตั๋วบิน850บาท
นางสาวสมฤดี จิตรจง
รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า นำ
ททท.จับมือกับสายการบินนกแอร์ เปิดตัวแคมเปญพิเศษ “20 ปี
เติมยิ้ม เที่ยวไทย ไปกับนกแอร์” ต้อนรับตลาดหน้าฝนกรีนซีซัน
กระตุ้นเศรษฐกิจและการเดินทางท่องเที่ยวโดยเน้นเที่ยวบินวันธรรมดา
วันจันทร์-วันพฤหัสบดี ตลอด 2
เดือนนี้ ระหว่างสิงหาคม-กันยายน 2567 ตั้งเป้าจะมีกระแสตอบรับแคมเปญนี้ได้ไม่ต่ำกว่า
6,000 คน สร้างรายได้กระจายไปตามจังหวัดต่าง ๆ
ตามเส้นทางการบินของนกแอร์ได้กว่า 24 ล้านบาท
แคมเปญ “20 ปี
เติมยิ้ม เที่ยวไทย ไปกับนกแอร์” ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่เลือกใช้บริการตลอดสิงหาคม-กันยายน
2567 จะได้ร่วมกิจกรรมพร้อมลุ้นรับของรางวัลมากมาย
ได้แก่
กิจกรรมที่ 1 Fly ‘n’ Smile เที่ยวบินนี้มีรอยยิ้ม
มอบความสุขกายใจให้ผู้โดยสารทุกเที่ยวบิน
กิจกรรมที่ 2 Surprise Flight แจกของที่ระลึกบนเที่ยวบินและลุ้นบินฟรีภายในประเทศ 320,000 บาท
โดยได้มอบให้ผู้โดยสารที่เดินทางเมื่อ 23 กรกฎาคม และตลอดสิงหาคม 2567
กิจกรรมที่ 3 ยิ้มสุขใจ เที่ยวไทยวันธรรมดา เน้นกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยในวันธรรมดา
เริ่มตั้งแต่ 15 สิงหาคม-30
กันยายน 2567 ทำโปรโมชั่นขายตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษเริ่มต้น
850 บาท/เที่ยว พร้อมแจกสิทธิพิเศษถึง 3
ต่อ คือ
ต่อที่
1 ยิ้มก่อนบิน :
ผู้โดยสารสามารถเลือกบริการเสริมจากนกแอร์ได้ 1
สิทธิ์ คือ จะรับน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม 10 กิโลกรัม
หรืออัพเกรดที่นั่งนกพรีเมียม
ต่อที่
2 ยิ้มอิ่มคุ้ม : รับสิทธิประโยชน์เป็นส่วนลดจากร้านค้าพันธมิตรของนกแอร์ตามจังหวัดต่าง
ๆ
ต่อที่
3 ยิ้มมีลุ้น : ลุ้นรับฟรีตั๋วเครื่องบินไป-กลับในประเทศ
5 รางวัล รางวัลละ 2
ที่นั่ง รวมทั้งหมด 10 ที่นั่ง
สำหรับ “นกแอร์” มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศปูพรมสู่บริการเป็นสายการบิน
“พรีเมียม แอร์ไลน์” ขายตั๋วโดยสารราคาประหยัดตอบโจทย์นักเดินทางทุกไลฟ์สไตล์
ควบคู่กับเป็นส่วนหนึ่งที่จะใช้การบินกับการท่องเที่ยวกระจายรายได้และเศรษฐกิจลงสู่ท้องถิ่นทั่วประเทศเติบโตอย่างเข้มแข็งต่อไป
ข่าวที่ 5 บางจาก“เติมสุขสู่สังคม”ส่งต่อพื้นที่สีเขียว“พืชพรรณปันสุข”
บริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เชิญชวนประชาชนรับกล้าไม้ 36,000 ต้น
และเมล็ดพันธุ์ผักอินทรีย์จำนวน 7,200 ชุด ผ่านกิจกรรม “พืชพรรณปันสุข”
ระหว่างวันที่ 27-29 กรกฎาคม 2567 (หรือจนกว่ากล้าไม้และเมล็ดพันธุ์จะหมด)
เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา
6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยจะแจกกล้าไม้จากกรมป่าไม้
บริเวณสถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วประเทศ 72 แห่ง
และแจกเมล็ดพันธุ์ผักอินทรีย์จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่ร้านอินทนิลทั่วประเทศ 72
แห่ง
กิจกรรม
“พืชพรรณปันสุข” เป็นหนึ่งในการส่งต่อพื้นที่สีเขียว
สนับสนุนนวัตกรรมและเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ในโครงการ “เติมสุข สู่สังคม”
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่บางจากฯ
ร่วมกับพันธมิตรเชิญชวนให้ประชาชนมีส่วนร่วมสร้างพื้นที่สีเขียว
โดยจัดเป็นจุดบริการแจกกล้าไม้หลากหลายชนิดจากสถานีเพาะชำกล้าไม้ 29 แห่ง
และเมล็ดพันธุ์ผักอินทรีย์จากศูนย์ปรับปรุงและผลิตเมล็ดพันธุ์ผักอินทรีย์
มหาวิทยาลัยแม่โจ้
บางจากฯ
ได้ริเริ่มกิจกรรม “พืชพรรณปันสุข” ในปี 2565
เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา
และวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2565 โดยใช้พื้นที่สถานีบริการน้ำมันบางจากเป็นจุดบริการแจกกล้าไม้ให้กับประชาชนร่วมเพิ่มพื้นที่สีเขียวและปลูกผักเพื่อบริโภคที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
กับ “พืชพรรณปันสุข” รับ “กล้าไม้” ได้ที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก 72
แห่งทั่วประเทศ และรับ “เมล็ดพันธุ์ผักอินทรีย์” ร้านอินทนิล 72 แห่งทั่วประเทศ
ระหว่างวันที่
27-29 กรกฎาคม 2567 กิจกรรม “พืชพรรณปันสุข” รับ “กล้าไม้”
กลับมาสร้างความสุขอีกครั้ง สามารถรับได้ได้ที่สถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วไทย 72
แห่ง และรับ “เมล็ดพันธุ์ผักอินทรีย์” ร้านอินทนิลทั่วประเทศ 72 แห่ง
ตรวจสอบรายชื่อปั๊มบางจากและร้านอินทนิลที่
www.bangchak.co.th/en/newsroom/bangchak-news
ข่าวที่ 6 บางจากศรีราชาแจกทุนการศึกษาเด็กหนุนสังคมอย่างยั่งยืน
นายบัณฑิต
หรรษาไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน)
พร้อมกับ นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่
งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ปี 2567 พนักงาน BSRC กว่า 100
คน
ร่วมบริจาคทุนทรัพย์ส่วนตัวเพื่อสนับสนุนทุนการศึกษาเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 504,000
บาท สามารถจัดสรรทุนการศึกษาได้ 130 ทุน
แก่เยาวชนระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในพื้นที่ในเขตอำเภอศรีราชา
ซึ่งการสนับสนุนด้านการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน
สอดคล้องกับนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
การมอบทุนการศึกษาครั้งนี้
มีผู้บริหารร่วมด้วย ได้แก่ นายอนุวัตร รุ่งเรืองรัตนากุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่
ธุรกิจโรงกลั่น นางมัทนา สุตธรรม ผู้รับผิดชอบสูงสุดทางสายการเงินและบัญชี
พร้อมคณะผู้บริหาร BSRC ร่วมกันมอบทุนสนับสนุนการศึกษาจากเงินบริจาคของพนักงาน
ในพิธีมอบทุนสนับสนุนการศึกษา โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชาและพนักงาน ประจำปี 2567
โดยมี
นายนพรัตน์ ศรีพรหม นายอำเภอศรีราชา เป็นประธานในพิธี มีหัวหน้าส่วนราชการ
หน่วยงานการศึกษา ผู้นำชุมชน ผู้บริหารและพนักงาน BSRC ร่วมในพิธี ณ อาคารอเนกประสงค์ โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา
สำหรับ
BSRC ให้ความสำคัญเรื่องการสนับสนุนการศึกษาของเยาวชน
ซึ่งเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศ จึงได้ตั้งกองทุนการศึกษา “โรงกลั่นน้ำมันบางจาก
ศรีราชา” เมื่อปี 2542 นำดอกผลจากเงินกองทุนมาจัดสรรเป็นทุนการศึกษาปีละ
1 ครั้ง
เพื่อมอบโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาศักยภาพของเยาวชนที่มีความประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์
ข่าวที่ 7 TCEB ทำ MOUกับNIAดันไทยสู่ชาตินวัตกรรมไมซ์แห่งเอเชีย
นายภูริพันธ์
บุนนาค รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นำทีเส็บร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือหรือ
MOU กับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) “NIA” ผนึกกำลังกันยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ไทยก้าวสู่การเป็นจุดหมายปลายทางมูลค่าสูงแห่งเอเชีย
ควบคู่กับการส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์เพิ่มศักยภาพเมืองไทย
โดยเน้นสนับสนุนการดำเนินงานด้านนวัตกรรมร่วมกับทางสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ
(องค์การมหาชน)
พิธีลงนามจัดขึ้นในงาน
"STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO 2024" หรือ SITE
2024 ซึ่งเป็นมหกรรมนวัตกรรมและเครือข่ายสตาร์ทอัพไทยอีเวนต์ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศประจำปีนี้
แล้วก็เป็นส่วนหนึ่งของงาน อว.แฟร์ "SCI Power" จัดระวห่าง
22-28 กรกฎาคม 2567 บริเวณฮอลล์ โซน ซี
ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ดร.กริชผกา
บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า “งาน "STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO
2024" หรือ SITE 2024
จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อยกระดับสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการนวัตกรรมของไทยให้มีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน
ปี 2567 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "Innovation for
Growth and Sustainability" เพื่อเร่งสร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจและสตาร์ทอัพไทยในทุกมิติ
พร้อมทั้งได้ทำ MOU กับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) (TCEB) เดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางมูลค่าสูงแห่งเอเชีย
ควบคู่กับสนับสนุนการดำเนินการด้านนวัตกรรมและเพิ่มศักยภาพร่วมกันส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ของเมืองไทย
ทาง NIA เน้นสร้างสตาร์ทอัพไทยด้วยไฮไลต์ 5 กิจกรรม ได้แก่
1.Forum
: เวทีรวมสตาร์ทอัพและนวัตกรชั้นนำของเมืองไทย
และวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ มาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้
และสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนานวัตกรรม
2.Marketplace
: ตลาดสินค้านวัตกรรมกว่า 300 ราย
3.Business
Matching : โอกาสสำหรับสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมในการจับคู่ทางธุรกิจ
พร้อมรับคำปรึกษา เพื่อให้ธุรกิจเติบโต
4.Prime
Minister Award : พิธีมอบรางวัลประกาศเกียรติคุณและเชิดชูเกียรติให้แก่ผู้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศสตาร์ทอัพของประเทศ
5.Startup
Thailand League 2024 : National Pitching เวทีใหญ่ 14 ทีมสุดท้ายในรอบชิงแชมป์ประเทศไทย”
ช่วงที่ 2 โก นอร์ธ ไปเที่ยว “อเมซิ่ง
นอร์ธเทิร์น รีทรีต มันท์”
กับผู้ประกอบการกว่า 50 ราย จัดเต็มแพกเกจต้อนรับเปิด
เดือนสิงหาคม 2567 แล้วมาฟัง “10ประโยชน์กินไข่ต้มทุกวัน”
ป้องกันสารพัดโรค และข่าวฮ็อต ๆ ข่าวแรก “วันหยุด 27-29 ก.ค.”คนแห่เที่ยวไทยเงินสะพัด
8.8 พันล้าน ข่าวที่สอง “Travelokaแจกโปร6ประเทศ” จองตั๋ว ทัวร์ ที่พัก ลดสูงสุด 80 %
ท่องเที่ยว –ออนทัวร์ “อเมซิ่งรีทรีตทั่วภาคเหนือ”
ตลอด ส.ค.5พิกัดฟิน
ท่องเที่ยวเมืองไทยไปกับการแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนสายสุขภาพมาเช็คอินกิจกรรม
“Amazing
Northern Retreat Month” ต้อนรับกรีนซีซั่นในภาคเหนือ ไป เช็คอิน ที่พัก
สปา และกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจากผู้ให้บริการ 50 ราย มีโปรโมชั่นสุดพิเศษตลอดเดือนสิงหาคมนี้
พิกัดที่ 1 เช็คอินในงาน “Set Zero Soul & Body : ผ่อนก๋าย
คลายใจ๋” วันที่ 2-4 สิงหาคม 2567 ที่ โอลด์ เชียงใหม่ เช็คอินใช้บริการกับผู้ประกอบการ 30 ราย ได้ 3 โซน ได้แก่
โซนที่ 1 Lifestyle Zone อิ่มเอมไปกับรสชาติความสดใหม่ของอาหารจานเด็ด
กรุ่นกลิ่นชาและกาแฟแก้วโปรดจากแหล่งเพาะปลูกในพื้นที่
พร้อมเคลิ้มใจไปกับการแสดงจากศิลปิน “Earth Patravee” และ “Fellow Fellow”
โซนที่ 2
Wellness Experience Zone พบกับกิจกรรม Wellness
อาทิ เอนจอย Zumba Dance, สงบใจด้วยเสียงของ Singing
Bowl, ปรับสมดุลการหายใจด้วย Yoga with Wine, คลายความปวดเมื่อยด้วยย่ำขาง
โซนที่ 3 Wellness Travel
Zone พบกับโปรโมชันสุดคุ้ม จัดเต็มทั้งที่พักมาตรฐานระดับ 3-5
ดาว สปาที่ได้รับการรับรองมาตรฐานบริการระดับสากล โดยมีกิจกรรมดูแลสุขภาพ ทั้ง โยคะ ซาวนด์เทอราปี และศาสตร์แพทย์พื้นบ้านล้านนาอย่างการย่ำขางและการตอกเส้น
พิกัดที่ 2 ร้านอาหารและคาเฟ่ที่เข้าร่วมโครงการฯ ในบรรยากาศความเย็นสบายแบบชุ่มฉ่ำ
ชื่นใจ ท่ามกลางความเขียวขจีของต้นไม้ ใบหญ้า
ทุ่งนา และสายหมอก
ที่พร้อมจะโอบกอดและเยียวยาจิตใจและร่างกายให้หายเหนื่อยได้มากกว่าที่คิด
พิกัดที่ 3 ร่วมอีเวนต์ “Pop-up Retreat
Event” ในเชียงใหม่ กับ “Singing
Bowl through Your Soul ที่พักใจ จ.เชียงใหม่”:
ผ่อนคลายความเครียดด้วยคลื่นเสียงบำบัดจากขันธิเบต วันที่ 17 สิงหาคม 2567
พิกัดที่ 4 “Coffee and Tea Therapy relishing a tranquil ที่ Kalm Village จ.เชียงใหม่”:
สมาธิบำบัดด้วยการรีแลกซ์ไปกับกลิ่นกรุ่นขณะเบลนด์ชาและดริปกาแฟ วันที่
24 สิงหาคม 2567
พิกัดที่ 5 Yoga
Stretching Your Mind ณ Fernpresso at Lake จ.เชียงใหม่”
: ยืดเส้น ยืดสาย
ผ่อนลมหายใจ คลายเครียดจากออฟฟิศซินโดรมด้วยโยคะ วันที่ 31 สิงหาคม 2567
รวมถึงมีรีทรีตน่าสนใจในภูมิภาคเหนือให้ได้สัมผัสตลอดเดือนสิงหาคมอีกหลายรายการ
ได้แก่
รายการแรก Amazing Pai Retreat Festival ที่ พูริพาย
วิลล่า แม่ฮ่องสอน วันที่ 3-4
สิงหาคม
รายการที่ 2 MAELANOI craft camp #3 ที่เฮินไต
รีสอร์ท แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน วันที่ 10 สิงหาคม
รายการที่ 3 Chiang Mai
Sense of Soul ที่บ้านโบราณ จ.เชียงใหม่ วันที่ 9-11
สิงหาคม
กางปฏิทิน
เตรียมวันลาพักผ่อนออกไปหาประสบการณ์ชาร์จพลังกัน เลือกปักหมุดเช็คอิน “สุขทันที
เที่ยวภาคเหนือ หน้าฝน”
ได้ตลอดเดือนสิงหาคม 2567
สุขภาพ –10
ประโยชน์การกินไข่ทุกวันดีต่อสุขภาพป้องกันสารพัดโรค
ไข่มีคุณค่าทางชีวภาพสูงสุด
(หรือมาตรฐานทองคำ) สำหรับโปรตีน ไข่หนึ่งฟองให้พลังงานประมาณ 72 แคลอรี
แต่มีโปรตีนคุณภาพสูง 6 กรัม ไขมัน 5 กรัม และไขมันอิ่มตัว 1.6 กรัม
พร้อมด้วยธาตุเหล็ก วิตามิน แร่ธาตุ และ แคโรทีนอยด์
เป็นแหล่งพลังงานของสารอาหารที่ต่อสู้กับโรค
เช่น ลูทีนและซีแซนทีน
แคโรทีนอยด์เหล่านี้อาจลดความเสี่ยงของจอประสาทตาเสื่อมที่เกี่ยวข้องกับอายุ
ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการตาบอดในผู้สูงอายุ
ไข่เป็นวิธีง่าย ๆ
ในผู้สูงอายุที่จะเพิ่มปริมาณสารอาหาร ช่วยลดความเสี่ยงของความเจ็บป่วยต่างๆ
มีลิวซีนปริมาณมาก ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการพยุงกล้ามเนื้อในระยะยาว
และโคลีน ซึ่งเป็นวิตามินที่มีความสำคัญต่อการทำงานของสมอง
1.เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี ไทยไข่ลวกเป็นแหล่งโปรตีนไร้ไขมันที่ดีเยี่ยม
2.ช่วยน้ำหนักลด จะทำให้คุณอิ่มโดยไม่ต้องเพิ่มแคลอรี่มากเกินไป
3.ไข่ต้มมีไขมันดี คอยช่วยปกป้องอวัยวะและช่วยให้ร่างกายอบอุ่น
4.ป้องกันดวงตา ไข่ต้มมีลูทีน
และซีแซนทีนต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบที่ช่วยบำรุงสุขภาพดวงตา
5. ไข่ต้มช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน
มีวิตามินบี 6 บี 12 ในปริมาณที่ดีกับสังกะสี ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน และ
ต่อสู้กับไข้หวัด
6.
ลดคอเลสเตอรอลสูง ไข่ขาวต้มดีต่อสุขภาพหลังเดือดให้นำไข่แดงออกมารับประทานของว่างมีคอเลสเตอรอลต่ำ
เพิ่มคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ
7.
พลังงานทางจิตใจที่ดีขึ้นมีองค์ประกอบที่ดีต่อสุขภาพ เช่น โปรตีน และ
โคลีนในไข่ลวกจะช่วยให้สมองทำงานดีโดยเฉพาะอาหารมื้อเช้า
8.
ดีต่อหัวใจ ผู้ที่รับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ และ
รับประทานไข่มีโอกาสเป็นโรคหัวใจน้อยกว่า
9. เพิ่มสารโคลีน
เป็นวิตามินที่ละลายน้ำได้จัดกลุ่มกับวิตามินบี
ใช้สร้างเยื่อหุ้มเซลล์และช่วยผลิตโมเลกุลส่งสัญญาณในสมอง ไข่ต้ม 1 ฟอง มีโคลีน ประมาณ
147 มก.คิดเป็น 27%
10.
เหมาะกับสุขภาพผู้สูงอายุ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –คนไทยแห่เที่ยวไทยวันหยุด27-29ก.ค.รายได้กว่า8.8พันล้าน
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ฝ่ายงานวิเคราะห์การตลาดในประเทศ กองกลยุทธ์การตลาด
ททท.จัดทำข้อมูลสรุปสถานการณ์เดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทยทั่วประเทศเดือนกรกฎาคม
2567 เฉพาะวันหยุดยาวต่อเนื่อง ช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ระหว่าง 27-29 กรกฎาคม จะเกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศทำรายได้รวม 8,860 ล้านบาท จากนักท่องเที่ยวทั้งหมด 2,438,000 คน-ครั้ง
มีอัตราพักเฉลี่ย 63 % เรียงลำดับรายได้กระจายตามภูมิภาคต่าง
ๆ ได้ดังนี้
อันดับ
1 กรุงเทพมหานคร 2,377 ล้านบาท
มีจำนวนนักท่องเที่ยว 497,070 คน-ครั้ง ทำอัตราพักเฉลี่ยห้องพักได้
70 %
อันดับ
2 ภาคตะวันออก 1,969 ล้านบาท
มีจำนวนนักท่องเที่ยว 444,470 คน-ครั้ง ทำอัตราพักเฉลี่ยห้องพักได้
70 %
อันดับ
3 ภาคใต้ 1,460 ล้านบาท
มีจำนวนนักท่องเที่ยว 254,750 คน-ครั้ง ทำอัตราพักเฉลี่ยห้องพักได้ 64 %
อันดับ
4 ภาคกลางและภาคตะวันตก 1,185 ล้านบาท
มีจำนวนนักท่องเที่ยว 561,440 คน-ครั้ง ทำอัตราพักเฉลี่ยห้องพักได้
65 %
อันดับ
5 ภาคเหนือ 976 ล้านบาท
มีจำนวนนักท่องเที่ยว 257,850 คน-ครั้ง ทำอัตราพักเฉลี่ยห้องพักได้
52 %
อันดับ
6 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 892 ล้านบาท
มีจำนวนนักท่องเที่ยว 442,420 คน-ครั้ง ทำอัตราพักเฉลี่ยห้องพักได้
54 %
ข่าวที่สอง
- Travelokaเทโปร6ประเทศ“EPIC
Sale”บิน/ที่พัก/เที่ยวลด80%
อิโก้ พูเทร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงาน Transport
ของ Traveloka/ทราเวลโลก้า
เปิดเผยว่า ในฐานะ แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เปิดตัว
“EPIC Sale” โปรโมชั่นเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดโดย ต่อเนื่องจากที่ได้แต่งตั้งแบรนด์แอมบาสเดอร์คู่รักนักเที่ยว
“เจเจ-ต้าเหนิง” ออกมาชวนคนไทยร่วมเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกใหม่ครั้งนี้
ที่ทางทราเวลโลก้าเปิดตัวพร้อมกันใน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม
มาเลเซีย สิงคโปร์ และออสเตรเลีย จะเริ่มระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม-11 สิงหาคม 2567
เพื่อมอบดีลสิ่งที่ดีที่สุดให้นักท่องเที่ยวได้วางแผนทริปในฝัน
แคมเปญโปรโมชั่น
“Traveloka EPIC Sale” มีพร้อมสำหรับทุกความต้องการ ด้วยข้อเสนอและราคาสุดพิเศษหลากหลายจุดหมายปลายทางยอดนิยม
ทั้งการพักผ่อนหย่อนใจริมทะเล การท่องเที่ยวสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น
ออกผจญภัยตามภูเขา ล่องเรือสำราญสุดหรู หรือออกนอกเมืองไปพักผ่อนระยะสั้น ๆ จึงนำเสนอดโปรโมชั่นสุดพิเศษมากมายในแคมเปญ
Traveloka EPIC Sale 2024 มอบส่วนลดสูงสุดถึง 80% ทั้งการจองตั๋วโดยสารเครื่องบิน
โรงแรม สถานที่เที่ยว กิจกรรม
และผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกมากมาย ช่วยให้ทุกการวางแผนเดินทางสะดวกและประหยัดยิ่งขึ้นด้วย
ด้วย 2 โปรแรง
ดังนี้
โปรแรก
“Traveloka EPIC Brand Day” :
พบกับแบรนด์พร้อมโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 เป็นส่วนลดสูงสุดถึง 50% ทั้งที่ เลโก้แลนด์ มาเลเซีย, ดิสนีย์แลนด์ ปารีส, เมอร์ลิน กรุ๊ป, ดิสนีย์แลนด์ ฮ่องกง, ซันเวิลด์ กรุ๊ป ที่พักในเครือโรงแรมทั้งที่ แอสคอทท์, มิลเลนเนียม แอนด์ ค็อปธอร์น และแมริออท มาเลเซีย , แอคคอร์ และชาเทรียม
โปรที่ 2 “Super EPIC Deal” มอบส่วนลดจำนวนมากที่สุดในเวลาจำกัดคอยติดตามได้ทุกวัน
ซึ่งจะมี EPIC Hour มาพร้อมโปรโมชันพิเศษสุด การจอง “ตั๋วเครื่องบิน”
ทุกวันเสาร์ 14.00 น. - 17.00 น. และจอง “โรงแรม” ทุกวัน 18.00 น. - 19.00 น.
นอกจาก EPIC Sale 2024
แล้ว ทราเวลโลก้ายังได้เปิดตัว
“ฟีเจอร์พิเศษ” มอบความหยืดหยุ่นหลากหลายในผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยว เช่น
รับประกันคืนเงิน 100%
ตัวเลือกเปลี่ยนแปลงวันเวลาตั๋วเครื่องบิน วิธีการชำระเงินหลายช่องทาง
และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมาย ยืดหยุ่นทุกการท่องเที่ยว ด้วยบริการเพิ่มเติมเหล่านี้เพื่อช่วยให้การวางแผนวันหยุดของทุกคนทั้งสะดวกสบาย
สนุกสนานกับทราเวลโลก้า
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น