รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท.
ททท.งัดเครื่องมือใหม่สื่อสารตลาดปี’68ทำเงิน3.4ล้านล้านบาท
ในปท.ดึงศิลปินขาย55เมืองน่าเที่ยว-อินเตอร์จับขั้วสื่อยักษ์โลก
งัดเทรนด์ใหม่FandomMarketingนำนักกีฬา/ศิลปินดันเที่ยวไทย
“อัยยวัฒน์”ประธานสโมสรเลสเตอร์รับ“ดอกเตอร์”ม.เลสเตอร์
คิงเพาเวอร์จัดWeekendฟินฟันมันส์ทุกโมเมนต์21วีคก.ค.-ก.ย.
สมัครSCARLETคิงเพาเวอร์มีบริการผู้ช่วยส่วนตัวที่สุวรรณภูมิ
ททท.ปี’68ชูรายได้แซงGDP1.7เท่า/ดึง13ชาติทัวร์1ล้านคน/ปี/ปท.
บางจากลดราคาน้ำมันไฮพรีเมี่ยมวันหยุด5บาท/ลิตร20-22ก.ค.นี้
TCEB-3องค์กรทำวันสต็อปMICE5สนามบินนำไทยฮับอีเวนต์โลก
สุขทันทีเที่ยวประจวบคีรีขันธ์เส้นทางสายศรัทธา8พิกัด2วัน1คืน
ระวังภัย!!หน้าฝนยุคใหม่วิจัยพบน้ำปนเปื้อน"สารเคมีชั่วนิรันดร์"
ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ย้ายกลับดอนเมือง1ต.ค.บินฉลุย93เส้นทาง
บินไทยคว้าอันดับ8โลกปี67บริการอินเตอร์ดีสุด-สิงคโปร์แชมป์
วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #TCEB #เที่ยวประจวบคีรีขันธ์
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...
https://www.facebook.com/share/v/GbQYhgnofCNQ77XW/?mibextid=oFDknk
ช่วงที่
1 สัมภาษณ์ !!
“นิธี สีแพร”
รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ถอดรหัสแผนสื่อสารตลาดปลุกกระแส “คนไทย-ต่างชาติ” เที่ยวไทยคึกคัก ปลาย ก.ค.67
ต่อยอดตลาดปี68
ให้เข้าเป้า 3.4
ล้านล้านบาท ลุยเปิด “สุขทันที...55เมืองน่าเที่ยว” ชู “แอลลี่ผนึกวงPROXIE” กระตุ้นคนรุ่นใหม่ออกเที่ยว สรรหากิจกรรมขาย 5
Must Do “ตลาดต่างประเทศ”
รุกใช้สื่อทุกรูปแบบ ออฟไลน์ โกลบอล ผนึก CNN CNBC รอยเตอร์ รวมพลังโฆษณาเมืองไทย ปี’68 เพิ่มสื่อใหม่ “Fandom Marketing” นำนักกีฬาโลก ดนตรีอินเตอร์
เฮโลมาไทยผลิตแพกเกจ ตั๋ว ขายแฟนดอม
และโหมพีอาร์ภาพลักษณ์ไทยเมืองทัวร์ยั่งยืนของแท้
นายนิธี
สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า เดินหน้ากลยุทธ์สื่อสารตลาดปลุกกระแสการท่องเที่ยวหน้าฝน กรกฎาคม-กันยายน
2567 ต่อเนื่องถึงการทำตลาดปี
2568 ตามเป้าจะต้องทำรายได้เข้าประเทศ
3.4 ล้านล้านบาท ททท.ต้องทำกิจกรรมทัวร์หน้าฝนควบคู่กับเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
ในประเทศจะเร่งเพิ่มแคมเปญ 55 เมืองน่าเที่ยว/เมืองรอง
เตรียมเปิดตัวช่วงสัปดาห์ปลายเดือนกรกฎาคม 2567 กับแคมเปญ “สุขทันทีที่เที่ยว...เมืองน่าเที่ยว”
เปลี่ยนคอนเซ็ปต์และมุมคิดจากเมืองรองเป็นเมืองน่าเที่ยวให้สอดคล้องกับผลวิจัยซึ่งจะได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น
พุ่งเป้า 4 จุดขาย
ประกอบด้วย
1.แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
แหล่ง Unseen New Series อีกมากมาย
2.มีความพร้อมที่พัก
สิ่งอำนวยสะดวกมากมายทั้ง แหล่งเช็คอิน โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่เก๋ ๆ 3.การเข้าถึงซึ่งมีเที่ยวบินตรงไปลงตามจังหวัดต่าง
ๆ เพิ่มขึ้น และไม่ไกลจากเมืองหลักสามารถเดินทางเชื่อมต่อถึงได้ง่าย 4.การทำโปรโมชั่นขานรับแคมเปญสื่อสารตลาด
ททท.ทำร่วมกับพันธมิตรอย่าง บขส. รถไฟ สายการบินต่าง ๆ
เชิญชวนนักท่องเที่ยวออกเดินทาง
ไฮไลต์จะดึง
“น้องแอลลี่” มาเป็นพรีเซนเตอร์ร่วมกับวง "PROXIE"
ศิลปินหนุ่มหน้าตาสดใน
6 คน มาแสดงพลังของคนรุ่นใหม่ก็ให้ความสนใจ “เมืองน่าเที่ยว” พร้อมกับทำกิจกรรม 5 Must Do ได้แก่
Must Taste ลองชิมอาหาร
Must Buy ช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมือง
Must Seek สัมผัสวัฒนธรรมไทย
Must See ชมโชว์ไทย
การค้นหาแหล่งอันซีน ททท.จะนำเสนอผ่านช่องทางสื่อ TVC กิจกรรมออนกราวนด์ต่าง ๆ จะทำให้คึกคักทั่วไทย
การสื่อสารตลาด “ในต่างประเทศ”
เดินหน้าใช้แคมเปญ Your
Story Never End มีเรื่องราวมากมายส่งมอบประสบการณ์ให้นักท่องเที่ยวผ่าน
1.สื่อออฟไลน์
2.สื่อโกลบอล
เตรียมทำคอนเทนท์ร่วมกับนิตยสาร Forbs
สื่ออนไลน์ การเผยแพร่โฆษณาผ่าน CNBC รอยเตอร์เจาะลึกเรื่องเฟสติวัล/เทศกาล
อย่างผีตาโขน ชุมชนน่าเที่ยวเมืองเชียงคาน 3.สื่อ Out of home เช่นป้ายบิลบอร์ด ในสิงคโปร์ มาเลเซีย
ไทม์สแควร์ อเมริกา เน้นสร้างการรับรู้เพื่อให้คนตื่นตัวไปหาข้อมูล
ททท.ก็จะทำร่วมกับบริษัทขายการท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) ต่อด้วยการจัด Thailand Festival ทั่วโลก
ตามประเทศต่าง ๆ เริ่มจากประเทศที่ได้วีซ่าฟรี ตลาดอินเดียเน้นกลุ่มถ่ายทำภาพยนตร์ต้นตำรับบอลลี่วู้ด
ไต้หวันจะมี Fan Meet
เพื่อให้ลองเดินทางมาทำ 5
Must Do in Thailand ทำกิจกรรมได้อีกมากมาย
และโครงการไฮไลต์Amazing Mauythai เวทีราชดำเนิน
นำผู้ชนะมาแข่งขันที่เวทีแห่งนี้ในโอกาสครบรอบวันเกิดสนามมวย
ตอนนี้มีจัดแข่งขันชกมวยตามประเทศต่างๆ ที่มีชุมชนมวยไทยขนาดใหญ่อยู่ในพื้นที่
ได้แก่ คาร์ดีส สเปน เมลเบิร์น ออสเตรเลีย และกรุงปร๊าก สาธารณรัฐเช็ค
โดยสรุปได้ทำสื่อสารการตลาดครอบคลุมหลายรูปแบบ
ทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ เอาท์ ออฟ โฮม และการเพิ่มประสบการณ์
ทำแคมเปญร่วมกับบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ เพื่อกระตุ้นตลาดทั่วโลกมาเมืองไทย
นายนิธี กล่าวว่า
แผนสื่อสารตลาดปีงบประมาณ 2568
จะนำเสนอเครื่องมือใหม่ที่จะเสริมความปังมากสุด
ไฮไลต์ “Fandom Marketing”
เนื่องจากพฤติกรรมนักท่องเที่ยวทั่วโลกเปลี่ยนไปไม่ค่อยมีลอยัลตี้กับแบรนด์มากนัก
ยกเว้นกลุ่มใหม่แฟนดอม สอดคล้องกับปี Thailand Grand Tourism Year 2025 จะทำกับโครงการ
Grand Invitation 2
ตลาดหลัก คือ นักกีฬาชื่อดังระดับโลก
วงการพรีเมียร์ลีก ฟุตบอล เซเลแอร์
วอลเลย์บอลทีมไทยซึ่งไปเล่นตามสโมสรต่างประเทศสร้างชื่อเสียงมีแฟนติดตามมากมาย
และศิลปินดนตรีชั้นนำ โดยมีพันธมิตร วอนเนอร์ มิวสิค และอีกหลายค่าย
ซึ่งมีแฟนดอมผูกพันและสร้างการเข้าถึงได้มากที่สุดอย่างรวดเร็ว
โดยจะใช้อีเวนต์ดนตรีให้ศิลปินได้นำเสนอคอนเทนต์เส้นทางการท่องเที่ยว
เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวซ้ำของบรรดาแฟนดอมทั้งหลาย
ส่วนนักกีฬาดังก็มาทำคอนเทนท์แล้วนำไปเผยแพร่ในประเทศต้นทางของตนเอง
หากแฟนดอมสนใจก็ซื้อบัตรมาเที่ยวได้โดยจะจัดเตรียมสิทธิพิเศษไว้ให้ในแต่ละอีเวนต์
นายนิธีกล่าวว่า
พันธกิจของการสื่อสารตลาดจะเน้นลงลึกเรื่อง “ความยั่งยืน-Green
site Story” จะต้องขับเคลื่อน 3 เรื่อง คือ เรื่องที่ 1 ประชาสัมพันธ์ให้ทั่วโลกรู้ถึงความพร้อมของเมืองไทยมี
7 Green
ผนวกกับโครงการ CF Hotel, STGs :Sustainable Tourism Goals รางวัลกินรี/ประกวดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจเรื่องความยั่งยืนแล้วเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว
เรื่องที่ 2 ปรับโลโก้ Amazing
Thailand ให้เห็นถึงการเน้นความใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้นโดยใส่ความเขียวตอกย้ำภาพลักษณ์
3 องค์ประกอบสำคัญ
3P :People-Planet-Profit สร้างความใกล้ชิดมากขึ้น
แล้วปี 2568 จะต้องยกระดับภาพลักษณ์ความยั่งยืนให้ติดอันดับ
1 ใน 5
โดยต้องดูคู่เทียบรอบด้านด้วย
วิธีสร้างภาพลักษณ์ความยั่งยืนนำร่องด้วย
One for Nature Project การท่องเที่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องเดียวกัน
ขั้นตอนต่อไปจะขยายเข้าไป Amazing Thailand ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเป็นโครงการขนาดเล็กแล้วรณรงค์ด้วยโมบาย
ยูนิต ไปตามจังหวัดต่างๆ กรุงเทพฯ อยุธยา กระบี่ ปลูกหญ้าทะเลเกาะสมุย
สุราษฎร์ธานี ส่วนงบประมาณสื่อสารตลาดยังต้องรอการเคาะงบประมาณปี 2568 ต้องอาศัยการบูรณาการทำงานร่วมกับทุกฝ่าย
สำหรับประเทศไทยมีความพร้อมรอบด้าน
ขอให้ทุกคนออกมาเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทย อันเป็นความสุขที่ประเมินค่ามิได้
และเป็นสุขทันทีที่เที่ยวเมืองไทย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1 “อัยยวัฒน์”ประธานสโมสรเลสเตอร์รับ“ดอกเตอร์”ม.เลสเตอร์
อัยยวัฒน์
ศรีวัฒนประภา
เข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
และประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2018 โดยรับช่วงต่อจากคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา
ภายใต้การบริหารงานของอัยยวัฒน์
ได้พา เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ฟุตบอล เอฟเอ คัพ
ได้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรเมื่อปี 2021 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศฟุตบอลยุโรปครั้งแรกในศึก ยูฟ่า ยูโรป้า
คอนเฟอเรนซ์ ลีก และพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลแชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2023/24 พร้อมเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลเดียวกัน หลังการคว้าแชมป์
แชมเปี้ยนชิพ “คุณต๊อบ” และเหล่านักเตะ “จิ้งจอกสยาม”
เฉลิมฉลองด้วยขบวนแห่บนรถบัสเปิดประทุนด้วยคำขวัญ 'Straight back
up' ไปรอบเมืองเลสเตอร์
อัยยวัฒน์ กล่าวว่า ผมขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรตินี้จากมหาวิทยาลัยเลสเตอร์
ซึ่งเป็นสถาบันในเมืองของเราที่มีความมุ่งมั่นต่อความเป็นเลิศ
การบริการต่อชุมชนของเรา และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเชิงบวกร่วมกัน
การทำงานร่วมกับเลสเตอร์
ซิตี้ ในด้านสุขภาพเด็ก ถือเป็นความร่วมมือที่เราภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง และได้แสดงให้เห็นถึงพลังของผู้คนในชุมชนที่จะทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ของคนรุ่นต่อ
ๆ ไป
ผมขอแสดงความยินดีกับผู้สำเร็จการศึกษาทุกคนในปีนี้
สำหรับความสำเร็จของพวกเขา ซึ่งเป็นผลมาจากการอุทิศตนเป็นเวลาหลายปีในสาขาที่มีความเชี่ยวชาญ
ผมหวังว่าตลอดเวลาของพวกเขาในเมืองเลสเตอร์ จะสอนพวกเขาว่า ทุกสิ่งเป็นไปได้
“ต็อบ-อัยยวัฒน์”
สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล กรุงเทพ
ระดับปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ คุณต๊อบ
ได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดเทพศิรินทร์ ในปี 2015 เป็นนักกีฬาโปโลที่มีประสบการณ์
และประสบความสำเร็จมากมาย โดยคว้าเหรียญทองในการแข่งขัน บริติชโอเพ่น
และควีนส์คัพในปี 2015 และเหรียญเงินในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์
ปี 2017
สำหรับ
“คิง เพาเวอร์” เป็นผู้นำด้านธุรกิจร้านค้าปลีกปลอดภาษี
นอกจากการลงทุนที่สนามบินในประเทศไทยแล้ว บริษัทยังเป็นเจ้าของอาคารมหานคร
หนึ่งในอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย
มหาวิทยาลัย
มีความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้
โดยได้รับเงินบริจาคจากสโมสรเพื่อก่อตั้ง “LCFC
Professorship” ซึ่งเป็นตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านสุขภาพเด็ก
และโครงการวิจัยที่เกี่ยวข้อง
เงินบริจาคดังกล่าวจะถูกนำมาใช้เพื่อเป็นเงินทุนสำหรับการวิจัยที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาสุขภาพของเด็กในเลสเตอร์
ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
“มหาวิทยาลัยเลสเตอร์”
ได้มอบปริญญากิตติมศักดิ์ให้กับคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา เมื่อเดือนมกราคม 2016 ก่อน “เลสเตอร์ ซิตี้” จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
การที่มหาวิทยาลัยให้การยกย่องอัยยวัฒน์ครั้งนี้
เปรียบเสมือนเป็นการยกย่องคุณวิชัย และทุกสิ่งที่ครอบครัวศรีวัฒนประภา
ได้อุทิศเพื่อทั้งสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ และเมืองเลสเตอร์ อีกด้วย
ศาสตราจารย์
นิชาน คานาการาชาห์ อธิการบดี และรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเลสเตอร์ กล่าวว่า “ครอบครัวศรีวัฒนประภาได้สร้างผลงานให้กับเมืองเลสเตอร์มากมาย
ความมุ่งมั่นที่มีต่อสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นมากกว่าการลงทุนในสนาม
ครอบครัวศรีวัฒนประภา ได้ก่อตั้งมูลนิธิวิชัย ศรีวัฒนประภา
ซึ่งทำงานร่วมกับมูลนิธิเลสเตอร์เพื่อให้การสนับสนุน และพัฒนาชุมชนท้องถิ่น"
อัยยวัฒน์รับหน้าที่บริหารสโมสรเลสเตอร์
ซิตี้ ต่อจากคุณวิชัย
ความเป็นผู้นำและความรักของเขาที่มีต่อเมืองเลสเตอร์นั้นชัดเจนมาก
ภายใต้การบริหารงานของ คุณต๊อบ
สิ่งที่ครอบครัวศรีวัฒนประภาได้มอบไว้ให้กับเมืองเลสเตอร์นั้นจะยังคงปลอดภัยและยั่งยืน
และผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับคุณต๊อบเข้าสู่ครอบครัวมหาวิทยาลัยเลสเตอร์
อย่างเป็นทางการ
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์จัดWeekendฟินฟันมันส์ทุกโมเมนต์21วีคก.ค.-ก.ย.
“คิง
เพาเวอร์ รางน้ำ” จัดกระหึ่ม “WEEKEND ฟินแอนด์ฟัน
มันส์ทุกโมเมนท์” ใส่แรงกระตุ้นต่อเนื่องให้สมาชิกคนไทยและลูกค้าทุกสัญชาติมาเพิ่มพลังการใช้จ่ายแบบ
“เป็น ไป ได้” สนุกและมีความสุขทุกวีคเอนด์กับกิจกรรมไฮไลต์ทุกวันเสาร์ วันอาทิตย์
และวันหยุดพิเศษ วงวันที่ไว้ได้เลย เพื่อเดินทางมาพบกับศิลปินคนโปรด
พร้อมร่วมประสบการณ์ความมันส์ทุกโมเมนท์ได้ทุกสัปดาห์ 21 ครั้ง
ระหว่างกรกฎาคม-กันยายน 2567 จัดเต็มไว้ต้อนรับทุกเพศทุกวัยถึง
3 ฟิน
ฟินแรก
!! กรี๊ดได้ทุกโมเมนต์กับศิลปินคนโปรดต่อเนื่องกันวันเสาร์
7 ครั้ง เริ่มวันเสาร์ที่
20 , 27 ก.ค. ต่อด้วย 3 , 10 ,17 , 24 และ 31 ส.ค. 2567
ที่บริเวณคราวน์ เอเทรียม, คิง เพาเวอร์
รางน้ำ กรุงเทพฯ
สมาชิก
คิง เพาเวอร์ ชาวไทยและลูกค้าทุกสัญชาติ เปิดให้ลงทะเบียนรับฟรี 1 สิทธิ์ เพื่อลุ้นเป็นผู้โชคดีได้ร่วมสนุกในโมเมนต์สุดฟินกับศิลปินคนโปรด
ทำกิจกรรมบนเวทีแบบใกล้ชิดและรับสิทธิ์ถ่ายภาพคู่ศิลปินหรือรับรูปศิลปินพร้อมลายเซนต์สัปดาห์ละ
20 สิทธิ์ หากยังไม่เป็นสมาชิกคิง เพาเวอร์ ก็สมัครแล้วรับสิทธิ์ร่วมกิจกรรมได้ทันที
ทุกวันเสาร์ ช่วงกรกฎาคม-สิงหาคม 2567 รวม 7 ครั้ง ดังนี้
เสาร์แรก 20 กรกฎาคม พบกับ ปอนด์ ณราวิชญ์
เสาร์ที่สอง 27 กรกฎาคม พบกับ ซี
ทวินันท์
เสาร์ที่ 3 วันที่
3 สิงหาคม พบกับ มิ้ลค์ พรรษา - เลิฟ ภัทรานิษฐ์
เสาร์ที่ 4 วันที่
10 สิงหาคม พบกับ วินนี่ ธนวินท์
เสาร์ที่ 5 วันที่
17 สิงหาคม พบกับ จิมมี่ จิตรพล
เสาร์ที่ 6 วันที่
24 สิงหาคม พบกับ สตางค์ กิตติภพ
เสาร์ที่ 7 วันที่
31 สิงหาคม พบกับ ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน
“คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” พาเหรดศิลปินคนโปรดมาให้ร่วมสมาชิกและลูกค้าทุกได้ฟินกันในกติกาเรียบง่ายเข้าถึงได้ทุกคน
นั่นคือ “สมาชิก คิง เพาเวอร์” ชาวไทยที่ถือบัตรทุกสถานะ รวมทั้งลูกค้าทุกสัญชาติ มาลงทะเบียนได้บริเวณ
“คราวน์ เอเทรียม” เปิดทุกวันตั้งแต่ 10.00 – 16.00 น. แล้วรับสิทธิ์เป็นผู้โชคดี
ให้คนละ 1 สิทธิ์ / วัน ในการร่วมเล่นกิจกรรมบนเวทีกับศิลปินคนโปรด
และได้ถ่ายรูปคู่กับศิลปินพร้อมลายเซ็น 10 คน รับรูปถ่ายศิลปินพร้อมลายเซ็นอีก 10 คน
ฟินที่ 2 อิ่มฟิน ! ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดพิเศษ มันส์ทุกโมเมนต์ โดยได้รวมร้านเด็ด ร้านดัง
ร้านต่อแถวจากทุกย่านยกมาไว้ใน คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ให้ฟินตลอดววันเสาร์-อาทิตย์
วันหยุดพิเศษ รวมทั้งหมด 7 ครั้ง ระหว่างกรกฎาคม-ต้นเดือนกันยายน 2567 เริ่มสัปดาห์แรก 20-22 , 27-29 ก.ค. จากนั้นในเดือนสิงหาคม
ตลุยอิ่มต่อ 3-4 , 10-12 , 17-18 , 24-25 สิงหาคม และ 31
สิงหาคม - 1 กันยายน นี้
สมาชิก
คิง เพาเวอร์ ทุกสถานะ และลูกค้าทุกสัญชาติ รับทันทีคูปองท้ายใบเสร็จมูลค่า 100 บาท เมื่อช้อปครบ 5,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
แล้วนำไปใช้รับประทานอาหารภายในงาน Weekend Possibilities มูลค่า
100 บาท ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ รับได้คนละ 1 สิทธิ์ /วัน
ฟินที่
3 มิวสิกฟิน ! ทุกวันอาทิตย์
มันส์ทุกโมเมนต์ พบกับวงดนตรีสุดฟันมันส์ของแท้ ระหว่างกรกฎาคม-กันยายน
2567 รวมทั้งหมด 7 ครั้ง
แต่ละวันอาทิตย์สามารถชมได้ 3 ช่วงเวลา ได้แก่ 13.00 น. 15.30 น. และ18.00
น. โดยมีศิลปินพร้อมขึ้นเวทีสร้างความมันส์ดังนี้
อาทิตย์แรก วันที่ 21 กรกฎาคม พบกับ วง Fab filter Band
อาทิตย์ที่ 2 วันที่ 28 กรกฎาคม พบกับ วง Tom
& Jerry
วันอาทิตย์ 3 วันที่ 4 สิงหาคม พบกับ วง เตรียมอุดม 1
อาทิตย์ที่ 4 วันที่11 สิงหาคม พบกับ วง Tom
& Jerry
อาทิตย์ที่ 5 วันที่ 18 สิงหาคม พบกับ วง
เตรียมอุดม 2
อาทิตย์ที่ 6 วันที่ 25 สิงหาคม พบกับ วง Tom
& Jerry
อาทิตย์ที่ 7 วันที่ 1 กันยายน พบกับ วง Khaenika
ข่าวที่ 3 สมัครSCARLETคิงเพาเวอร์มีผู้ช่วยส่วนตัวฟรีที่สุวรรณภูมิ
คิง
เพาเวอร์ เพิ่มบริการใหม่ “ผู้ช่วยส่วนตัวฟรี” เข้าสนามบินแบบสบาย ๆ
เพียงสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ SCARLET ก็จะได้ผู้ช่วยส่วนตัวมาคอยดูแลแล้วทำหน้าที่บริการภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิขาออกด้วย
Airport Premium Service ทั้งเช็คอิน โหลดกระเป๋า นำทางขึ้นเครื่อง รับฟรี! ระหว่างวันนี้-31 กรกฎาคม 2567 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา
และภูเก็ต มีคูปองส่วนลด 15% ให้ช้อปได้ตลอดทั้งวัน
และส่วนลดทุกการช้อป 10% เมื่อสมัครสมาชิกแล้วเติมเงิน 20,000 บาทพร้อมฟินทุกการช้อปกับสิทธิประโยชน์มากมาย
สิทธิประโยชน์เพื่อสมาชิก คิง
เพาเวอร์ เติมเต็มไลฟ์สไตล์ ด้วย CARAT REWARDS ใช้กะรัตจากการช้อปคุ้มค่ากว่าเดิม
แลกรับส่วนลดหรือสิทธิพิเศษอื่นๆ ได้อย่างครบครัน
เพื่อสมาชิก คิง เพาเวอร์ เท่านั้น เริ่มตั้งแต่วันนี้– 31 ธันวาคม 2567
แลกรับง่ายผ่านช่องทางไลน์อย่างเป็ฯทางการ @KINGPOWER
1.เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวเหนือระดับกับสถานที่ท่องเที่ยวสุดเอ็กซ์คลูซิฟ
2.สัมผัสประสบการณ์ความอร่อยหลากหลายชั้นเลิศสไตล์เอเชีย
กับเมนูสุดเอ็กซ์คลูซิฟ คัดสรรเพื่อสมาชิก คิง เพาเวอร์
3.เสิร์ฟประสบการณ์เหนือระดับ สัมผัสรสชาติสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
ข่าวที่
4 ททท.ปี’68ชูรายได้แซงGDP1.7เท่า/ดึง13ชาติทัวร์1ล้านคน/ปี/ปท.
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า มอบนโยบายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
นำเสนอแผนการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวปีงบประมาณ
2568 ให้สอดคล้องตามรัฐบาลตั้งเป้าใช้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็น
1 ใน 8 เสาหลัก ตามวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND’S TOURISM ต้องทำบรรลุ 3 เป้าหมาย คือ เป้าหมายที่ 1 ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยสู่การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและยั่งยืน
เป้าหมายที่ 2 ให้ความสำคัญกับกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ
ใช้จ่ายสูง มีระยะพำนักนาน มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เป้าหมายที่ 3 ยกระดับห่วงโซ่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว (Shape Supply) ให้พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว
และผลักดันเกณฑ์มาตรฐานความยั่งยืน ส่งเสริม 55 เมืองน่าเที่ยว
โดยกระจายรายได้อย่างเป็นธรรมสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและสมดุล
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ปี 2568 ประกาศทำปีท่องเที่ยว
“Amazing Thailand Grand Tourism Year” ขานรับนโยบาย IGNITE
Thailand’s Tourism ควบคู่กับ 3 แนวทาง ได้แก่
แนวทางที่ 1 กระตุ้นความต้องการเดินทางท่องเที่ยว
(Drive Demand) แนวทางที่ 2 ยกระดับห่วงโซ่อุปทาน
(Shape Supply) ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ
สร้างมาตรฐาน พัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ โดยทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนแบบ 360
องศา (Partnership 360o) แนวทางที่
3 เดินหน้าสู่ความยั่งยืน ใช้ท่องเที่ยวทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 3.4
ล้านล้านบาท สร้างเศรษฐกิจเติบโตเพิ่มขึ้น 7.5
% สูงกว่าการเติบโตของจีดีพีไทยถึง 1.7 เท่า จากเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 39 ล้านคน
และคนเที่ยวในประเทศ 205 ล้านคน -ครั้ง
ปี 2568 จะไฮไลต์จุดขายโปรดักซ์ท่องเที่ยว 2 ส่วน คือ “เสน่ห์ไทย”
และ “เมืองน่าเที่ยว” เชื่อมโยงกับแนวคิด 5 Must Do in Thailand ของรัฐบาล ประกอบด้วย 1.Must Taste อาหารไทยบอกเล่าที่มาความอร่อยและวิถีการกินของคนแต่ละภาค
2.Must Try มวยไทยและเรื่องราวศิลปะการต่อสู้ยอดนิยมของคนทั่วโลก
3.Must Buy แฟชั่น ผ้าไทย และงานฝีมือ
งานคราฟต์ที่เล่าเรื่องราวชีวิต การสร้างสรรค์ และแรงบันดาลใจของคนไทย 4.Must
Seek สถานที่ท่องเที่ยวเที่ยวใหม่ๆ หรือมุมมองและเรื่องราวใหม่ๆ
5.Must See เทศกาลงานประเพณี ที่สะท้อนวิถีชีวิต
ความเชื่อของคนแต่ละท้องถิ่นทั่วไทย
โดยจะยกระดับ “เมืองน่าเที่ยว”
กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ด้วยกลยุทธ์ซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง พัฒนาเมืองต่างๆ
เติบโตเป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก ค้นหาจุดขาย พลิกมุมมอง
บอกเล่าเรื่องราวความเป็นไทยในแต่ละพื้นที่ หมุนเวียนกันไปจากเมืองสู่เมือง
จากภาคสู่ภาค ทำให้ไฮซีซันตลอดทั้งปี
ผู้ว่าฯ ฐาปนีย์ กล่าวว่า
กลยุทธ์การทำ “ตลาดในประเทศ” จะเร่งเครื่องโครงการ
“ไทยเที่ยวไทย” ทำให้เกิดการเดินทางทันที เพิ่มความถี่ กระตุ้นการใช้จ่าย
ดึงกลุ่มศักยภาพซึ่งเป็นคนไทยเที่ยวนอกหันกลับมาเที่ยวในประเทศมากขึ้น โดยใช้ แคมเปญ
“สุขทันที ที่เที่ยวไทย” ผสมผสานเข้ากับการจัดกิจกรรมบิ๊กอีเวนต์
อีเวนต์ท้องถิ่น ทั้งประเพณี ดนตรีและกีฬา ใช้จุดเด่นในเซกเมนท์วัฒนธรรมย่อยหรือ Sub-culture ผนวกอัตลักษณ์แต่ละพื้นที่ด้วยธีมการขายโดดเด่น คือ
“ภาคเหนือ” ชวนสัมผัส Season of the North เสน่ห์วันวานเมืองเหนือที่ผสานความสร้างสรรค์และความยั่งยืนอย่างลงตัว
ผ่านอาหาร งานคราฟท์ และกิจกรรมเพื่อสุขภาพ
“ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”
เปิดประสบการณ์อาหารถิ่นผ่านการท่องเที่ยวเชิงอาหารหรือ Gastronomy Tourism นำเสนอความม่วนคักและสนุกสนานด้วยเทศกาลประเพณีที่บ่งบอกชีวิตผู้คน
“ภาคกลาง”
พื้นที่ลุ่มแม่น้ำมาพร้อมความสุขอันเรียบง่าย บอเล่าผ่านเรื่องราวมรดกศิลปวัฒนธรรม
ศรัทธาและอาหาร
“ภาคตะวันออก”
สีสันตะวันออก Colorful Burapha เมืองแห่งกีฬากิจกรรมกลางแจ้ง
แล้วยังสามารถอิ่มอร่อยกับพืชผัก ผลไม้และอาหารทะเลสดใหม่ ได้ตลอดทุกวัน
“ภาคใต้” GO SOUTH ชวนนักท่องเที่ยวออกไปใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ
เดินทางแบบเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellcation) และเที่ยวแบบทำให้คาร์บอนเป็นศูนย์
(Carbon Neutral Tourism) ดื่มด่ำธรรมชาติสองฝั่งทะเล
ส่วน “ตลาดต่างประเทศ”
มุ่งผลักดันทั่วโลกที่ดินทางมาไทย 23 ตลาด ปี 2567 สร้างรายได้มากกว่า
80% ปี 2568 จะทำให้มีนักท่องเที่ยวประเทศละ 7 หลัก (digits) หรือ 1 ล้านคน ให้ได้ถึง 13 ตลาด
โดยจะผนึกกับพันธมิตรเพิ่มจำนวนที่นั่งเที่ยวบินเข้าไทย เพิ่มให้ได้ครบ 1.เที่ยวบินในเส้นทางบินปัจจุบัน
2.เส้นทางบินใหม่ และ 3.ขยายระยะเวลาการบิน
ทั้งเที่ยวบินประจำและเช่าเหมาลำบินตรงเสริมใน 55 เมืองน่าเที่ยว
สื่อสารการตลาดผ่านซีรีย์ยอดนิยม ภาพยนตร์และมิวสิควิดีโอที่ถ่ายทำในไทยขยายฐานกลุ่มแฟนดอม
(Fandom) เลือกมาเที่ยวอย่างต่อเนื่องปี 2568
เริ่มจาก “ตลาดระยะใกล้”
ใช้ 2 แนวทางหลัก ได้แก่ แนวที่ 1 เจาะตลาดกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่อายุน้อยลงอย่างกลุ่ม
New Gen สร้างภาพลักษณ์ใหม่ไทยในใจนักท่องเที่ยว
โดยเฉพาะตลาดจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง แนวที่ 2 กระตุ้นความถี่และการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว
Sub-segment ศักยภาพ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มมิลเลนเนียล และครอบครัว 2.กลุ่มผู้มีรายได้สูงอย่างช้อปปิ้งมาเนียในตลาดอาเซียน
3.กลุ่มขับรถเที่ยวและเที่ยวทางรถไฟจากมาเลเซีย สิงคโปร์ และจีน
ปี 2568 ททท. จะเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ความสัมพันธ์ไทย-จีน
ครบรอบ 50 ปี ทำกิจกรรมระดับรัฐบาลกับรัฐบาล ธุรกิจกับธุรกิจ ระหว่างประชาชนทั้ง 2 ประเทศ เช่น จัดเดือนหนีห่าวเชิญอินฟลูเอนเซอร์และเซเลบริตี้ชื่อดังระดับโลกมาไทย
ทำโปรโมชั่นร่วมกับพันธมิตร สร้างกิจกรรม Chinese Passport Special Deals กระตุ้นการเดินทาง เพิ่มค่าใช้จ่ายและวันพักตามพื้นที่เมืองหลักและเมืองรองจีนเที่ยวไทย
“ตลาดระยะไกล” ได้แก่ ยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง
และอเมริกา เจาะกลุ่มคุณภาพและฟื้นความจุและความถี่เที่ยวบิน เช่น กลุ่มตอนกลางของสหรัฐอเมริกา
รุกเจาะ 3 เป้าหมาย ได้แก่
เป้าหมายที่ 1 เจาะตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพกลุ่มเดินทางครั้งแรกในตลาดสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ ยุโรปตะวันตกและบอลข่าน
ฝรั่งเศส โมนาโค เบเนลักซ์
เป้าหมายที่ 2 กลุ่ม New Gen ในอเมริกาและแคนาดาที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวยั่งยืน
กลุ่ม Gen-Z เน้นประสบการณ์ให้ความหมายกับชีวิต กลุ่มมิลเลนเนียลส์ชื่นชอบเจาะลึกวัฒนธรรมท้องถิ่น
และ Active Outdoor Experience และกลุ่ม Asian
American ตลาดที่เติบโตรวดเร็วและมีศักยภาพใช้เงินสูง
เป้าหมายที่ 3 กลุ่มไลฟ์สไตล์ที่ใช้จ่ายสูง เช่น กลุ่มครอบครัวที่ไม่มีลูก
DINKs (Double Income, No Kids) และหลากหลายทางเพศ LGBTQIAN และกลุ่มลักชัวรี่แถบอาหรับ 6 ประเทศ
ททท.วางแผนใช้ แคมเปญ Amazing Thailand : Your Stories Never End ขับเคลื่อนตลาดต่างประเทศ เพื่อชวนมาร่วมสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำในเมืองไทย
ค้นพบมุมมองใหม่ มีเรื่องราวแห่งความประทับใจ พร้อมคุณค่าและความหมาย แล้วบอกต่อเรื่องราวเพื่อเดินทางซ้ำ
ๆ ไม่สิ้นสุด ให้ความรู้สึกมาไทยเป็นครั้งแรกเสมอ
รวมทั้งจะใช้ “ความยั่งยืน”
เป็นกุญแจความสำเร็จและภูมิคุ้มกันระยะยาวให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยจะเดินหน้าทำโครงการต่อเนื่อง
ควบคู่การพัฒนาแบรนด์ อะเมซิ่ง
ไทยแลนด์ นำท่องเที่ยวไทยมุ่งสู่ความยั่งยืนบนรากฐานเสน่ห์ไทย พัฒนาซัพพลายเชนเชื่อมต่อเข้ากับกระบวนการการตลาดผ่านไฮไลต์ 4 โครงการ ได้แก่ 1.STGs STAR 2.CF Hotels 3.รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย หรือ Thailand Tourism Awards นำผู้ประกอบการเข้าสู่กระบวนการขายเต็มรูปแบบทั้งตลาดในและต่างประเทศ
และก้าวสู่ตลาดโลกโดยมีรางวัลและมาตรฐานสากลการันตี
ข่าวที่
5 บางจากลดราคาน้ำมันไฮพรีเมี่ยมวันหยุด5บาท/ลิตร20-22ก.ค.นี้
บริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดโปรโมชันแรงแห่งปี “วันสีม่วง”
ลดราคาน้ำมันทุกลิตร ลิตรละ 5 บาท โดยไม่มีขั้นต่ำต้อนรับวันหยุดสัปดาห์
เริ่มวันเสาร์ 20
– วันจันทร์ 22 กรกฎาคม 2567 ผู้ใช้รถสามารถเลือกเติมน้ำมันบางจากกลุ่มไฮพรีเมียม
ทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ บางจากไฮพรีเมียม 97
บางจากไฮพรีเมียม ดีเซล S ได้ตามสถานีบริการน้ำมันที่เข้าร่วมรายการของทั้งบางจากและสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่เดิมทั่วประเทศ
สามารถเช็คข้อมูลก่อนล่วงหน้าในได้ทางเว็บไซต์ www.bangchakmarketplace.com
สำหรับบางจากฯ
มีนโยบายการนำนวัตกรรมมาผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูงดีทั้งต่อการใช้งาน
และสิ่งแวดล้อม ผ่านกระบวนการผลิตจากโรงกลั่นระดับโลก 2 โรงกลั่น
ด้วยสูตรสารเพิ่มคุณภาพชนิดพิเศษจากสหรัฐอเมริกา ได้มาตรฐาน Euro 5 จึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โดยน้ำมันบางจากแก๊สโซฮอล์ทุกผลิตภัณฑ์
ได้รับการพัฒนาให้รองรับเครื่องยนต์เบนซินระบบหัวฉีดแบบใหม่ (GDI) และยังใช้ได้ดีกับเครื่องยนต์เบนซินทุกรุ่น
นอกจากโปรโมชั่นสัปดาห์นี้ลดราคาน้ำมันทั้ง
3 ผลิตภัณฑ์แล้ว
กลุ่มบางจาก พร้อมมอบคุณค่าของแบรนด์ให้สมาชิกกรีนไมล์ได้ใช้สิทธิ พิเศษ! รับความคุ้มเพิ่มได้อีก
2 ต่อ คือ
ต่อที่ 1 รับความสดชื่น
เมื่อเติมน้ำมันบางจากกลุ่มไฮพรีเมียม ครบทุก 1,200 บาท นำสลิปสะสมคะแนนแลกรับเครื่องดื่มอินทนิลฟรี
1 แก้ว
มูลค่าสูงสุด 65 บาท โดยมีเมนูที่เข้าร่วมรายการให้เลือก 6 เมนูตั้งแต่
แลกได้ตั้งแต่วันนี้– 31 กรกฎาคม
2567 หรือจะเก็บสลิปไว้ใช้แลกรับเครื่องดื่มได้ถึง
15 สิงหาคม
2567
ต่อที่ 2 รับความชุ่มฉ่ำ รับน้ำดื่มขวดใหญ่ ขนาด 1.5 ลิตร ไปได้เลยอีก
2 ขวด
มูลค่า 30 บาท ทันทีที่เติมน้ำมันบางจากแก๊สโซฮอล์ชนิดใดก็ได้จนครบทุก
900 บาท
ตั้งแต่วันนี้– 31 สิงหาคม
2567
สมาชิกกรีนไมล์
สามารถศึกษาและดูรายละเอียดสิทธิพิเศษต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์หลัก www.bcpgreenmiles.com
ข่าวที่
6 TCEB-3องค์กรเปิดวันสต็อปMICE5สนามบินนำไทยฮับอีเวนต์โลก
นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ทีเส็บประกาศทำโครงการ “Thailand MICE One Stop Service :ศูนย์ประสานงานเพื่ออำนวยความสะดวกอุตสาหกรรมไมซ์” ในท่าอากาศยานหลักของประเทศไทย
เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับไมซ์ตลาดต่างประเทศ
นับจากนี้เป็นต้นไปจะทำงานตามอย่างชัดเจนร่วมกัน
4 พันธมิตร ได้แก่ ทีเส็บ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT” กรมการกงศุล กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)
แบ่งความรับผิดชอบภายใต้ 9 ภารกิจ ประกอบด้วย
“ทีเส็บ” จะรับผิดชอบดูแล 3 ภารกิจ คือ 1.บริการต้อนรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์ในท่าอากาศานหลักของประเทศไทย 2.ประสานการอำนวยความสะดวกเรื่องการขอวีซ่าให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์ 3.เว็บไซต์ศูนย์ประสานงานเพื่อการอำนวยความสะดวกในอุตสหกรรมไมซ์
“บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT”
จะรับผิดชอบดูแล 2 ภารกิจ คือ 1.บัตรเข้าพื้นที่หวงห้ามชนิดรายปี
ถาวร หมายเลข 3 และ 2.จัดเตรียมพื้นที่ห้องรับรองพิเศษ
“กรมการกงศุล”จะดูแลรับผิดชอบ 1 ภารกิจ คือ
การอำนวยความสะดวกขอวีซ่าเข้าประเทศไทย
เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมไมซ์สำหรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์
ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลไทยนโยบายเปิดใช้มาตรการฟรีวีซ่าเริ่มตั้งแต่มิถุนายน 2567
ให้ 93 ประเทศ พำนักในไทยได้ไม่เกิน 60
วัน
“สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง” รับผิดชอบ 3 ภารกิจ คือ
1.ช่องตรวจลงตราพิเศษสำหรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์ทางเข้าออกเมืองในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
3 โซน ทางด้านตะวันออก โซนกลาง และตะวันตก 2.บริการห้องรับรองพิเศษ 3.จุดติดตั้งป้ายอำนวยความสะดวกให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทางด้านตะวันตกและตะวันออก
สำหรับการยกระดับการอำนวยความสะดวกให้ตลาดไมซ์นานาชาติทั่วโลกเข้ามายังประเทศไทยสอดคล้องตามนโยบายรัฐบาลในวิสัยทัศน์
IGNITE
Thailand และมุ่งการบริการอำนวยความสะดวกเข้าเมืองให้แขกวีไอพีต่างประเทศที่สนามบินหรือ
MICE Lane Service ปัจจุบันมีแล้วในสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง
ปี 2567 เตรียมขยายไมซ์เลนแบบชั่วคราว และปี 2568 เปิดถาวรในเมืองไมซ์ ซิตี้ สำคัญเพิ่มอีก 2 สนามบิน
คือ ภูเก็ตและเชียงใหม่ จากนั้นปี 2569 จะเปิดเพิ่มสนามบินที่ 5 อุดรธานี พร้อมรับนักเดินทางงานมหกรรมพืชสวนโลก 2026
-สถิติล่าสุดมีขอใช้บริการไมซ์เลน ปี 2566 รวมทั้งหมด 211 งาน ให้บริการนักเดินทางไมซ์ 6,684
คน ช่วง 6 เดือนแรมกราคม-มิถุนายน 2567 รวมมีงานใช้ไมซ์เลน160 งาน ให้บริการนักเดินทางไมซ์
9,701 คน
ผนวกกับการเตรียมความพร้อมรับอนาคตจากผลการศึกษามีตลาดขนาดใหญ่ที่ได้
“ฟรีวีซ่า” เช่น อินเดีย
มีนักเดินทางไมซ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วต้องการใช้บริการพิเศษดังกล่าวนำเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยเติบโตเพิ่มขึ้นจาก
3 กลุ่มหลัก ได้แก่
กลุ่มที่ 1 จัดงานประชุมนานาชาติ
มีจำนวนครั้งละกว่า 10,000 คน/งาน กลุ่มที่ 2 งานแสดงสินค้านานาชาติ
ซึ่งสามารถยืนยันได้ด้วยการสนับสนุนวี.ไอ.พี.จากการทำผลสำรวจแล้วลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการการเข้าออกเมืองอย่างสะดวกรวดเร็ว
กลุ่มที่ 3 จัดงานอีเวนต์
ซึ่งยังไม่ได้เข้ามาเต็มตัวผ่านช่องทางไมซ์ หากเป็นการจัดงานเฟสติวัลจะเข้าเกณฑ์
ยกเว้นอีเวนต์งานคอนเสิร์ตยังถกเถียงกันอยู่เพราะต้องบริหารจัดการแฟนคลับมาพร้อมกันครั้งละหลายพันคน
จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการบริหารจัดการความปลอดภัยผ่านเข้าออกสนามบินในอีกรูปแบบด้วย
ผอ.จิรุตถ์กล่าวว่า อนาคตอีก 2-3
ปีหน้า จะมีงานขนาดใหญ่เลือกไทยเป็นสถานที่จัดไมซ์รายการระดับโลก เช่น งาน IDF World Diabetes Congress 2025 การจัดประชุม IMF-World Bank Group ปี 2569 งาน
Global Sustainable Tourism Conference หรือ GSTC 2026 ที่จะมีผู้เข้าร่วมนับ 10,000 คน และงานขนาดใหญ่อีกหลายรายการที่ทีเส็บกับหน่วยงานต่าง
ๆ ร่วมกันดึงมาจัดในประเทศไทยตามนโยบายรัฐบาล เช่น การแข่งขัน Formula E ที่เชียงใหม่ จัดการแข่งขัน Formula One งาน WorldPride
2030 และอื่น ๆ
นายวรวุฒิ
พงษ์ประภาพันธ์ อธิบดีกรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กรมการกงศุลพร้อมอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าให้ผู้เข้าร่วมและผู้จัดงานไมซ์ ครอบคลุม 2 ภารกิจ ได้แก่ ภารกิจที่ 1เตรียมขยายเปิดให้บริการระบบ e-Visa ให้ครบทุกสถานทูต สถานกงสุลไทย ตั้งแต่ปลายปี 2567 เป็นต้นไปภารกิจที่ 2 กำหนดมาตรการและแนวทางการตรวจลงตราใหม่เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ
รองรับและอำนวยความสะดวกให้นักเดินทางไมซ์เลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางมากยิ่งขึ้นต่อไป
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด
(มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า ทอท.
ในฐานะผู้บริหารท่าอากาศยานหลัก 6
แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ภูเก็ต และหาดใหญ่ ประตูบานแรกในการต้อนรับนักเดินทางทั่วโลกเข้าประเทศ
จึงพร้อมอำนวยความสะดวกและร่วมมือกับหน่วยงานสนับสนุนกลุ่มไมซ์
และงานระดับนานาชาติ โดยจัดสรรพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสารและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง
ๆ ทำประชาสัมพันธ์จัดงานไมซ์ ร่วมส่งมอบประสบการณ์การเดินทางอย่างสะดวก รวดเร็ว
ปลอดภัย ส่งเสริมและยกระดับร่วมมือกันดึงดูดตลาดไมซ์เพิ่มมากขึ้น นำเม็ดเงินลงทุนเข้าประเทศ สร้างรายได้
และกระตุ้นเศรษฐกิจ
กระจายลงสู่ชุมชนท้องถิ่น เติบโตอย่างยั่งยืน
พล.ต.ต.
เชิงรณ ริมผดี ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 กล่าวว่า
ทางหน่วยงานขานรับนโยบายรัฐบาลเดินหน้าบริการ
3 มาตรการหลัก ประกอบด้วย มาตรการที่ 1 ยกเว้นวีซ่าและขยายระยะเวลาพำนักตามนโยบายรัฐบาลกำหนดสัญชาติที่ได้รับยกเว้นวีซ่าเพื่อการท่องเที่ยวหรือทำงาน/ติดต่อธุรกิจระยะสั้น 60 วัน ตั้งแต่ 15 กรกฎาคม 2567 เพิ่มรายชื่อประเทศที่ได้รับสิทธิใหม่ด้วย
รวมทั้งการให้สิทธิ
Visa on Arrival
(VOA) และเพิ่มการตรวจลงตราประเภทใหม่ Destination Thailand
Visa (DTV)
มาตรการที่
2 คัดกรองโดยใช้เทคโนโลยี อำนวยความสะดวกภายใต้หลักความมั่นคง ได้แก่ ระบบคัดกรองล่วงหน้า APPS ตรวจสอบล่วงหน้าจากประเทศต้นทางเกี่ยวกับผู้โดยสารมีข้อมูลหมายจับหรือบุคคลเฝ้าระวัง
และเป็นบุคคลต้องห้ามตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ หรือไม่ ควบคู่กับพัฒนาช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติรองรับคนไทยและคนต่างชาติในกลุ่ม
E-passport ในอนาคต
มาตรการที่
3 การบริหารจัดการเพิ่มกำลังพลเต็มทุกช่องตรวจบริการในช่วงเวลาที่ผู้โดยสารเดินทางหนาแน่นและประสานงานกับทีเส็บจัดช่องทางพิเศษเฉพาะกลุ่มนักเดินทางไมซ์เข้าออกประเทศอย่างสะดวกรวดเร็ว
ทำให้ไมซ์นานาชาติเลือกนำเงินเข้ามาใช้จัดงานต่าง ๆ ในไทยในอนาคตต่อไป
ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยทริปนี้ชวนไป “สุขทันที...เที่ยวประจวบคีรีขันธ์”
กับเส้นทางสายศรัทธา 8 พิกัด 2 วัน 1
คืน เที่ยวให้ฉ่ำกันไปเลย แล้วลองฟัง “ระวังภัยใหม่หน้าฝน”
น้ำฝนปนเปื้อนสารเคมีนิรันดร์ และเกาะติดข่าวฮ็อต ข่าวแรก “ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์”
ย้ายกลับดอนเมืองแล้ว 93 เส้นทาง เริ่ม 1 ต.ค.67 ข่าวที่สอง “การบินไทยคว้าอันดับ 8ของโลก” จาก แทรเวลแอนด์เลเชอร์
ท่องเที่ยว
– สุขทันทีเที่ยวประจวบ...ทัวร์สายศรัทธา8พิกัด2วัน1คืน
อากาศเย็นฉ่ำหน้าฝน
กับการออกเดินทางท่องเที่ยวในวันว่างสบาย ๆ
มาได้เลยกับอีกทางเลือกไปเที่ยวเมืองไทยกัน กับ เส้นทางท่องเที่ยวสายบุญ
“ประจวบคีรีขันธ์”
วันแรก...ออกจาก กรุงเทพฯ
ตอนเช้าประมาณ 7.30 น.
ปักหมุดให้ชัดแล้วออกเดินทาง 5
พิกัดรวด
พิกัดแรก “ศาลหลักเมือง” ประจวบคีรีขันธ์
อ.เมือง สักการองค์จตุโชค หลักชัยคู่บ้านคู่เมืองของชาวประจวบฯ
สร้างขึ้นด้วยรูปแบบศิลปะลพบุรี องค์หลักเมืองแกะสลักลวดลายประณีต สวยงาม
วิจิตรบรรจง เป็นสถานที่ ที่ควรมาสักการะขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต รับทานอาหารมื้อเที่ยวที่ร้าน
“รับลม” อ.เมือง (032 601 677)
พิกัดที่ 2 “พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ”
อ.บางสะพาน กราบสักการะพระพุทธกิติสิริชัยองค์ใหญ่
และชมความงดงามของพระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ
ซึ่งเป็นพระมหาธาตุเจดีย์ที่สร้างขึ้น
เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสที่พระองค์ทรงครองราชย์เป็นปีที่ 50
พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีย์ประกาศได้รับเลือกเป็น
1 ใน
25
ของแหล่งท่องเที่ยว Unseen
New Chapters ด้วย
พิกัดที่ 3 “หาดบ้านกรูด”ขับรถเลียบถนนชมหาดแสนสงบ
แวะดื่มกาแฟ เครื่องดื่ม ขนมต่าง ๆ ณ คาเฟ่ “Cafe’ de Wa” คาเฟ่สไตล์โมเดิร์น
ที่มองเห็นวิวทะเลบ้านกรูด
พิกัดที่ 4 “วัดอ่างสุวรรณ”
อ.ทับสะแก สักการะ“หลวงปู่ไทร” พระพุทธรูปยืนเก่าแก่ซึ่งแกะสลักจากไม้ไทร อายุกว่า
200 ปี
และชมความงดงามของโบสถ์ไม้ตาล ที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ปี2547 โดยใช้ไม้ตาลกว่า
10,000 ต้น
และใช้เวลาสร้างถึง 7 ปี
ซึ่งไม้จากต้นตาลที่นำมาใช้มีอายุไม่ต่ำกว่า70-100 ปี รอบๆโบสถ์มีการแกะสลัก ฉลุไม้ตาล ลวดลายกนก
แบบไทยๆ แบบต่างๆ แล้ว รับประทานมื้อเย็นที่ร้าน ครัวอินทาวน์ ใน อ.เมือง (089 826
9398)
พิกัดที่ 5 “เช็คอิน”
เข้าที่พักในอำเภออเมือง ทุกวันศุกร์และเสาร์ บริเวณสะพานสราญวิถี
จะมีถนนคนเดินเลียบอ่าวประจวบคีรีขันธ์ แหล่งรวมอาหารอร่อย มีให้เลือก
ทั้งของคาว-หวาน เสื้อผ้าหรือของใช้ต่างๆ
วันที่สอง....ออกจากโรงแรมที่พักสายๆ ประมาณ 8.30 น.
ตลุยเที่ยวต่ออีก 3 พิกัด
พิกัดที่
1 “วัดอ่าวน้อย”
ในเมือง สักการะพระพุทธไสยาสน์ ขนาดใหญ่ในถ้ำพระนอน ยาวกว่า 9
เมตร สีเหลืองทอง สง่า อีกทั้งภายในถ้ำยังมีหินงอกหินย้อย และพระพุทธรูปกว่า 30
องค์ และชมความงดงามของ พระอุโบสถไม้สักทอง
แกะสลักลวดลายไทยตกแต่งรอบโบสถ์อย่างประณีต ตัวอุโบสถโอบล้อมด้วยพญานาคสีแดงและ
สีเขียว 9
เศียร
พิกัดที่
2 “วนอุทยานเขาตาม่องล่าย”
อ.เมือง ชมจุดชมวิวสามารถมองเห็นอ่าวประจวบฯ
และตัวเมืองประจวบได้ในมุมกว้างสุดตระการตา
พิกัดที่
3 เดินทางต่อไปยัง วัดโป่งกระสัง
อ.กุยบุรี กราบสรีระสังขาร “หลวงพ่อพาน”อดีตเจ้าอาวาสวัดโป่งกระสัง
เป็นเกจิชื่อดังที่มีชื่อเสียงในเรื่องคงกระพันชาตรี
ช่วงบ่ายก่อนกลับ รับประทานอาหารที่ร้าน
ครัวโชคอารีย์ อ.ปราณบุรี (032
631 461) แวะไปที่ คาเฟ่ Grin Teahouse ร้านพิเศษสุดด้านชาเขียว
1 เดียวในปราณบุรี
มีเมนูชาเขียวและอื่นๆให้เลือกอร่อยได้เพียบ
แล้วจากนั้นก็เดินทางกลับบ้านกันอย่างมีความสุข
อิ่มใจ อิ่มท้อง สุขทันทีเมื่อได้ไปเที่ยว ประจวบคีรีขันธ์
สุขภาพ
–ระวังภัย!!หน้าฝนยุคใหม่น้ำปนเปื้อน"สารเคมีชั่วนิรันดร์"
ทีมนักวิทยาสตร์สิ่งแวดล้อมชาวสวีเดนจากมหาวิทยาลัยสต็อกโฮม
จัดทำวิจัยพบการปนเปื้อนของสาร PFAS หรือที่รู้จักกันในชื่อ "สารเคมีชั่วนิรันดร์" (Forever
Chemicals) ในน้ำฝนที่ตกลงมาทั่วโลก
ระดับการปนเปื้อนสูงเกินระดับมาตรฐานความปลอดภัยของน้ำดื่มตามที่รัฐบาลสหรัฐกำหนดไว้ถึง
14 เท่า แล้วยังพบสารชนิดนี้ปนเปื้อนอยู่ในดิน
จนอาจกล่าวได้ว่าขณะนี้ไม่มีสถานที่แห่งใดบนโลกปลอดสาร PFAS อีกแล้ว
ทำไมจึงเป็น
"สารเคมีชั่วนิรันดร์"
PFAS เป็นสารเคมีที่ใช้อย่างแพร่หลายในเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม เช่น ผ้ากันน้ำ
เครื่องครัว สารกันเปื้อนต่าง ๆ
กระทะเคลือบสารกันติด ฯลฯ โดยวงจรการแพร่กระจายตัวของสาร PFAS เริ่มจากการเป็นอนุภาคขนาดเล็กในละอองน้ำทะเล
ก่อนจะถูกลมพัดพาขึ้นไปในอากาศ และตกลงมากับน้ำฝนที่แทรกซึมสู่พื้นดินเบื้องล่าง
สามารถตกค้างในดิน น้ำ และบรรยากาศได้นานกว่าหลายพันปี
จนได้รับฉายาว่าสารเคมีชั่วนิรันดร์นั่นเอง
เมื่อปี
2564 การศึกษา ‘Toxicological Profile for
Perfluoroalkyls’ พบความความเชื่อมโยงของ PFAS ที่ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพในหลายแง่มุม ทั้งระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลง
ระดับคลอเรสเตอรอลที่สูงขึ้น ความดันโลหิตสูงในสตรีมีครรภ์ การทำลายตับ
ภาวะเจริญพันธุ์ที่ลดลง ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่อมไทลอยด์เพิ่มขึ้น รวมถึง
"มะเร็ง" โดยในปี 2023 นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเยล
ของสหรัฐฯ พบว่า PFAS เป็นสารที่กระตุ้นให้เซลล์มะเร็งแพร่ขยายลุกลามไปทั่วร่างกาย
ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกตระหนักถึงความอันตรายของสารเคมี
PFAS อย่างไรก็ตาม
สารเคมีชนิดนี้สามารถปะปนอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่เราอุปโภค
บริโภคในชีวิตประจำวันซึ่งยากจะหลีกเลี่ยง
จึงต้องอาศัยการเฝ้าสังเกตอาการของตนเองและคนรอบข้าง หมั่นตรวจเช็กสุขภาพ
และดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ย้ายกลับดอนเมือง1ต.ค.บินฉลุย93เส้นทาง
ดร.กีรติ
กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT/ทอท.” เปิดเผยว่า
ได้อนุญาตให้สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์
ย้ายฐานมาใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นฐานหลัก (ปัจจุบันอยู่ที่สุวรรณภูมิ)
เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป
เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดกลุ่มบริการทางอากาศอย่างเหมาะสมกับสายการบินเพื่อแยกเซ็กเมนต์บริการอย่างชัดเจน
เนื่องจากปัจจุบันดอนเมืองรองรับผู้โดยสารใช้บริการอยู่ประมาณ 60 % จึงยังมีขีดความสามารถให้บริการนักเดินทางทั้งเที่ยวบินในและระหว่างประเทศได้อีกมากสอดคล้องกับการท่องเที่ยวของประเทศขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ส่วนเหตุผลที่
AOT พร้อมสนับสนุนไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์
ย้ายฐานจากสุวรรณภูมิมายังดอนเมือง ประกอบด้วย 3 ปัจจัย คือ
ปัจจัยที่ 1 เป็นสายการบินบริการแบบจุดบินต่อจุดบิน หรือ Point
to Point ทางดอนเมืองพร้อมจะพื้นที่พิเศษในฐานะลูกค้ารายใหญ่จะมีเคาน์เตอร์เช็คอินสะดวกสบายแก่ผู้โดยสารซึ่งมีคนไทยใช้เดินทางจำนวนมาก
ปัจจัยที่ 2
สามารถเกลี่ยปริมาณผู้โดยสารดอนเมืองกับสุวรรณภูมิใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ปัจจัยที่ 3
อนาคตพร้อมจะร่วมมือกันลงทุนพัฒนาดีไซน์คอนเซ็ปต์เพิ่มจุดขายใหม่ให้ประเทศในช่วงที่ดอนเมืองเตรียมขยายอาคารผู้โดยสารใหม่หลังที่
3 ซึ่งกำลังพิจารณาสรุปบริษัทผู้ประมูลงานให้ได้ภายในสิงหาคมนี้
นายธรรศพลฐ์
เเบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ กล่าวว่า
พร้อมจะนำสายการบินผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาค (Aviation Hub) จึงร่วมหารือกับ AOT และสำนักงานการบินพลเรือนเเห่งประเทศไทย
นำไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ซึ่งใช้รหัสเที่ยวบิน XJ กลับมาให้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมือง
(DMK) เริ่ม 1 ตุลาคม 2567
เป็นต้นไป ซึ่งจเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศเข้า-ออก หลัก ๆ ได้แก่ กรุงโซล เกาหลีใต้
4เมืองใหญ่ของญี่ปุ่น คือ โตเกียว โอซาก้า นาโกย่า ซัปโปโร
เซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน
และซิดนีย์ ออสเตรเลีย โดยไทยแอร์เอเชีย
เอ็กซ์ ซึ่งจะเพิ่มการเชื่อมต่อให้ผู้โดยสารใช้เที่ยวบินภายในประเทศได้ง่ายขึ้น
ข่าวที่สอง -บินไทยคว้าอันดับ8โลกปี67บริการอินเตอร์ดีสุด-สิงคโปร์แชมป์
บริษัท
การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ในการประกาศรางวัลประจำปี 2567
ของ “ทราเวล แอนด์ เลเชอร์ เวิลด์ เบสต์ อวอร์ดส 2567 :
Travel & Leisure World’s Best Awards 2024” ให้ “การบินไทย” ติดอันดับ 8 ในฐานะสายการบินที่ให้บริการระหว่างประเทศดีที่สุดในโลก หรือ Best
International Airlines in 2024 มาจากผลการสำรวจความคิดเห็นและคะแนนเสียงจากผู้อ่านซึ่งเป็น
นักเดินทาง นักท่องเที่ยว และนักธุรกิจ จากทั่วโลก ปี 2567 ทางเจ้าของรางวัลได้รวบรวมแล้วจัดอันดับความเป็นเลิศในประเภทต่าง
ๆ
ผลการจัดอันดับครั้งนี้มอบให้การบินไทยบริการระหว่างประเทศดีที่สุดติดอันดับ
8 จึงยืนยันถึงคุณภาพของสายการบินที่ยังคงสามารถรักษาจุดแข็งให้อยู่ในระดับมาตรฐานสร้างความพึงพอใจกับผู้โดยสารนานาชาติ
ทั้งเรื่องความสะดวกสบายบนเครื่องบิน การให้บริการบนเครื่องบิน
การให้บริการภาคพื้น และทุกจุดบริการของการบินไทย
ดังนั้นทาง
บมจ.การบินไทย
จึงขอขอบคุณผู้โดยสารที่ได้ให้ความไว้วางใจสนับสนุนการบินไทยด้วยดีมาโดยตลอด
และจะยังคงพัฒนาการให้บริการและผลิตภัณฑ์ทุกด้านให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
ขณะที่ภาพรวมทั้งหมดทาง
แทรเวล แอนด์ เลเชอร์ ได้ประกาศจัดอันดับสายการบินที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 25567 : Best International Airlines in 2024 “World’s
Best Awards”
ผลจากการสำรวจความเห็นจากผู้โดยสารทั่วโลกที่อ่านนิตยสารดังกล่าว
ได้ลงโหวตให้สายการบินต่าง ๆ เป็นที่สุดแห่งปี 2567 ประกอบด้วย
10 อันดับแรก ดังนี้
อันดับ
1 สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ได้เสียงโหวตสูงสุด 90.89 คะแนน
อันดับ
2 ลากงปาญี/La Compagnie บูติกแอร์ไลน์สของฝรั่งเศส ได้เสียงโหวต 90.88 คะแนน
อันดับ
3 เอมิเรตส์ สายการบินแห่งชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ได้เสียงโหวต 90.02 คะแนน
อันดับ
4 ออล นิปปอน
แอร์เวย์ส (เอเอ็นเอ) สายการบินเอกชนของญี่ปุ่น ได้เสียงโหวต 89.84 คะแนน
อันดับ
5 กาตาร์แอร์เวย์ส ประเทศกาตาร์ ได้เสียงโหวต 89.26
คะแนน
อันดับ
6 สายการบินโคเรียนแอร์
ได้เสียงโหวต 86.61 คะแนน
อันดับ
7 เจแปนแอร์ไลน์ (JAL) สายการบินแห่งชาติ ของญี่ปุ่น ได้เสียงโหวต 86.26
คะแนน
อันดับ
8 การบินไทย
ของประเทศไทย ได้เสียงโหวต 85.98 คะแนน
อันดับ
9 เอทิฮัด
สายการบินเอกชนของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้เสียงโหวต 85.96 คะแนน
อันดับ
10 สายการบินอีวีเอแอร์
ของไต้หวัน ได้เสียงโหวต 84.85 คะแนน
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น