นิธี สีแพร
รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ททท.งัด4โปรเจกต์ฮ็อตสื่อสารตลาดปิดท้ายปี67ลุยต่อปี68
สุขต้องลอง72สไตล์-สุขปลายปีทั่วไทย-AmazingGrand2025
ขานรับรัฐบาลอิ๊ง1ลุยต่อ7นโยบายฮับท่องเที่ยว-การบินโลก
คิงเพาเวอร์ออนไลน์นำไอเทมใหม่ให้ช้อปรับสิทธิ์ฟรี5อย่าง
ช้อป CITY
EXCLUSIVES1ปีมีครั้งเดียวที่สุวรรณภูมิ/ภูเก็ต
คิงเพาเวอร์มหานครจัดเวิร์คช็อปศิลปะชมวิวเสาร์21ก.ย.67
รมว.สรวงศ์ถกรัฐ-เอกชนท่องเที่ยวรุกเร็ว4เรื่องแก้3ปัญหา
CEOกลุ่มบางจากคว้ารางวัล“สุดยอดผู้นำธุรกิจ”ESG 2024
TCEBปลุกเฮลธ์เวลเนสตะวันออกร่วมไมซ์Mini EEC Fair
เปิดพิกัดเที่ยวภาคเหนือกับประเพณีสุขทั้งปีตลอด 3 ฤดู
วิธี“เดิน”แก้อาการอ่อนเพลียพร้อมปรับ5พฤติกรรมด่วนๆ
DUSITดึงปอร์เช่ทำรถลีมูซีนหรูฉลองเปิดรร.ดุสิตกรุงเทพฯ
ข่าวดี!ต่างชาติเที่ยวไทยแตะ25ล้านคนวันหยุด6ชาติโต2หลัก
วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #TCEB #
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...
ช่วงที่
1 สัมภาษณ์ !!
“นิธี สีแพร”
รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินหน้า 4
โครงการ
ก.ย.ปิดจ็อบปี’67
โหมขายบิ๊กอีเวนต์ “เสน่ห์ไทย 5 ภูมิภาค” ปี’68ใส่เกียร์ลุยต่อ 3 โครงการ “สุขต้องลอง 72 สไตล์- สุขทันทีปลายปีเที่ยวทั่วไทย-Amazing
Thailand Grand Tourism Year 2025”
จัดชุดใหญ่ 5 Grand “เฟสติวิตี้-โมเมนท์-พริวิเลจ-อินวิเตชั่น-เซเลเบรชั่น”
พร้อมขานรับรัฐบาล “อิ๊งค์ 1”
รัฐมนตรีใหม่สานต่อ 7
นโยบาย
“เที่ยวยั่งยืน-โลว์คาร์บอน-ฮับท่องเที่ยว/การบิน-เมืองน่าเที่ยว-เพิ่มเมืองหลัก-เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์-แมนเมด”
นายนิธี
สีแพร
รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
แผนขับเคลื่อนสื่อสารตลาดต่อเนื่องเร่งผลักดัน 4 โครงการ คือ โครงการที่ 1 นำเสนอจุดขาย “เสน่ห์ไทย 5 ภูมิภาค” ปิดปีงบประมาณ 2567 ตลอดเดือนกันยายนนี้
เสนอขายศักภาพเสน่ห์ไทยซึ่งเป็นซอฟท์ พาวเวอร์ จับต้องได้ โดยเน้น 5 Must
Do In Thailand ประกอบด้วย 1.Must
Taste อาหาร
ประเภทไฟน์ไดนิ่งต่าง ๆ และเชฟเทเบิล 2.Must Try การทำกิจกรรมสนุกสนานท้าทายกายใจ เช่น ชกมวย
พายแคนู ปีนหน้า ขี่จักรยาน 3.Musy Buy ช้อปปิ้ง
ของฝาก หัตถกรรม ทำ D.I.Y. 4.Must See แหล่งท่องเที่ยว
เทศกาลงานประเพณี 5.Must Seek ค้นหาแหล่งท่องเที่ยวอันซีน
ปักหมุดเช็คอินตามสถานที่ต้องห้ามพลาดต่างๆ
การจัดมหกรรม
“เสน่ห์ไทย 5 ภูมิภาค”
ไฮไลต์หลักจะมีตัวชูโรงการใช้ศิลปินดังสร้างสีสันการแสดงดนตรีสอดแซกทั้ง 5 พื้นที่
โดยวางแผนจัด 5 ภูมิภาค ได้แก่
“ภาคใต้-Charming
Kanhom” บริเวณขนอม
จังหวัดนครศรีธรรมราช มี 2 ช่วง
คือ 14-15 กันยายน และ 20-22
กันยายน มีทัพศิลปินมากมายอย่าง
โวโดลอฟ โต้งทูพี พาราด็อกซ์ ต่อด้วย ศิลปะท้องถิ่น การแสดงโนราห์
และอาหารถิ่นขบวนรถฟู้ดทรัค กิจกรรมท่องเที่ยวทางทะเล
เชื่อมโยงสู่แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง เช่น นั่งเรือไปชมโลมาสีชมพู
“ภาคเหนือ- HOP Chiang Mai Art and Music Festival” จังหวัดเชียงใหม่ มีเรื่องศิลปะล้านนา
สรรสร้างโดยศิลปินล้านนา ศิลปินดนตรีแห่งล้านนา กระจายจัด 3 พื้นที่ จะทำให้เชียงใหม่ตื่นตัวตลอดเทศกาล
โดยได้ทำแสง สี เสียง Mapping
“ภาคกลาง-River
of The Time :สายน้ำแห่งกาลเวลา”
จังหวัดกาญจนบุรี เริ่ม 20-30 กันยายน
นี้ บริเวณโรงงานกระดาษไทย มีการแสดงแสงสีเสียง Mapping บอกเล่าเรื่องราวผ่านสายน้ำแห่งประวัติศาสตร์
พร้อมความสนุกสนานจากศิลปินดัง อย่า งปาล์มมี่ เจ-เจตริน ออฟ-ปองศักดิ์
โดยมีกิจกรรมเป็นสัญลักษณ์คือ พายซับบอร์ด พร้อมกับย้อนประวัติศาสตร์มากมาย
“ภาคอีสาน-”
จังหวัดขอนแก่น เป็นเมืองศูนย์กลางแดนอีสาน นำเสนออัตลักษณ์แสงสีเสียง
กับหมอลำแห่งเมือง พร้อมกิจกรรมพื้นบ้านมากมาย ศิลปะอีสานคราฟท์
และการท่องเที่ยวฟรี
“ภาคตะวันออก-International
Music Chonburi”
โชว์ความเป็นเมืองอินเตอร์ทางด้านดนตรีเชื่อมโยงสู่สากล
เพราะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก เริ่ม 20-22, 27-29 กันยายน นี้ บริเวณพัทยากลาง จัดการแสดงดนตรี 3
เวที 3 สไตล์ แจ๊ส ชีล ป๊อบ มีศิลปินมากกว่า 50 ชีวิต พร้อมร้านอาหารกว่า 60 ร้าน
โดยจะขยายไปยังพื้นที่ข้างเคียงเพื่อกระจายตัวนักท่องเที่ยวไปยังแหล่งต่าง ๆ ด้วย
ตลอดการจัดงาน
“เสน่ห์ไทย 5 ภูมิภาค”
ซึ่งนำร่องโหมโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อครบทุกช่องทาง
เพื่อสร้างเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่คึกคักตลอดปลายปีนี้
โครงการที่
2 ลงทุนทำโฆษณาประชาสัมพันธ์
ต้อนรับปีงบประมาณใหม่ 2568 เริ่มเดือนตุลาคม
2567 เป็นต้นไป
โหมกิจกรรมสื่อสารการตลาดแบบครบวงจร 2
แคมเปญใหม่ ได้แก่
แคมเปญแรก “สุขต้องลอง 72 สไตล์” เชิญชวนให้ทุกคนลองไปท่องเที่ยวสไตล์ใหม่
ๆ ใช้กิมมิกการเดินทางแต่ละครั้งตามปกติจะมีเวลาเพียง 2 วัน 1 คืน
จึงนำตัวเลข 72 ชั่วโมง หรือ 3
วัน
จัดทำโปรแกรมท่องเที่ยวตัวอย่างหากทุกคนมีเวลาจะสามารถไปท่องเที่ยวที่ไหนได้บ้าง
หรือการผสมผสานกันไป เช่น 1 เมืองหลัก
2 เมืองน่าเที่ยว
และอื่น ๆ โดยใช้เซเลบริตี้มานำทาง
จัดให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวกับเซเลบริตี้ในดวงใจ อย่าง มาริโอ เมาเร่อร์
หรือพริกกับพลอย
แคมเปญที่
2 “สุขทันที ปลายปีเที่ยวทั่วไทย”
ก็จะกระตุ้นนักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพสูงมีเงินใช้จ่ายได้ตลอดทุกทริป ทั้ง 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 1.ครอบครัวคนรุ่นใหม่ 2.เจนวาย 3.กลุ่มสตรี
4.กลุ่มสูงวัย
จะมาชวนทุกคนออกเดินทางท่องเที่ยว
เพราะพฤติกรรมปลายปีคนไทยกลุ่มที่มีเงินจะนิยมเที่ยวต่างประเทศให้หันมาเที่ยวเมืองไทย
โครงการที่
3 ขับเคลื่อน Amazing
Thailand Grand Tourism Year 2025 ปี 2568
ได้เสนอรัฐบาลประกาศเป็นปีการท่องเที่ยวไทย
ททท.ต้องโชว์ให้เห็นศักยภาพหลังจบโควิดปีหน้าการท่องเที่ยวของประเทศไทยจะฟื้นกลับมาเต็มตัว
100 % เทียบเท่าปีฐานปกติ
2562 แล้วยังสามารถก้าวไปเติบโตพ้นปีปกติได้ด้วย
ซึ่งทำรายได้เกิน 3 ล้านล้านบาท
องค์ประกอบการขับเคลื่อน
Amazing Thailand Grand Tourism Year 2025
จะนำเสนอเทศกาลงานประเพณี และกิจกรรมที่จัดขึ้นครั้งแรกในเมืองไทยอย่างยิ่งใหญ่
ที่จะทำให้ทั่วโลกต้องตะลึงกับปีท่องเที่ยวไทยไทย 2568 ประกอบด้วย 5 Grand ดังนี้
1.Grand Festivity เช่น Tomorrowland , Formular 1/F1 หรือเทศกาลดนตรีใหม่อย่าง
Summer Sonic มหาสงกรานต์ยิ่งใหญ่กว่าทุกปี
2.Grand Moment
เมื่อเดินทางมาถึงเมืองไทยทันทีที่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
เป็นวีไอพีสุด ๆ ที่ยังไม่เคยมีมาก่อน
แล้วนักท่องเที่ยวก็แชร์ประสบการณ์ให้โลกรู้
3.Grand Privillage
มอบสิทธิพิเศษตั้งแต่การเดินทางกับสายการบินนานาชาติ เส้นทางบินระหว่างประเทศ
แพกเกจท่องเที่ยว การจ่ายเงินแบบไร้รอยต่อ cashless society
4.Grand Invitation เชิญดาราระดับโลก นักกีฬาระดับตำนาน
นักเขียนระดับรางวัล มาท่องเที่ยวเมืองไทย
ได้มาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในสไตล์ของแต่ละอาชีพ เพื่อสร้างเป็น Grand
Experience & Grand Story
5.Grand Celebration เตรียมเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการในเวทีโลกอย่างงาน
WTM :World Travel Mart 2025
กรุงลอนดอน อังกฤษ หรือ เคาน์ดาวน์ ที่เมืองไทย
แล้วก็ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในงานมหกรรมการท่องเที่ยวรายการใหญ่ของโลก ITB 2025 ที่เยอรมัน ตามมาด้วย “มหาสงกรานต์” เดือนเมษายน 2568
โครงการที่
4 สานต่อนโยบายรัฐบาลใหม่
“แพทองธาร ชินวัตร” ด้านการท่องเที่ยว
เบื้องต้นรัฐบาลประกาศสานต่อนโยบายรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ไม่ว่าจะเป็น “IGNITE
Thailand” วิสัยทัศน์การนำประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาคเอเชีย
“Ease of Traveling” มาตรการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางเข้าไทยได้อย่างง่าย
ๆ เช่น ฟรีวีซ่า และอื่น ๆ “Aviation Hub”
ศูนย์กลางการบินของโลก “เมืองน่าเที่ยว” 55 จังหวัด “Thailand World Festival” เมืองไทยไม่หลับไหลเป็นจุดหมายการจัดงานเทศกาลระดับโลก
ล่าสุด
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวคนใหม่ เน้นเพิ่มนโยบายด้าน
“ซัพพลายไซต์-หรือสินค้าท่องเที่ยว” หลัก ๆ 7 เรื่อง ประกอบด้วย 1.การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน /Sustainable
Tourism 2.การท่องเที่ยวพลังงานสะอาด
การท่องเที่ยวลดการปล่อยคาร์บอน 3.ส่งเสริมโรงแรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
4.การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั้งระบบ
5.สนับสนุนโครงการเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์
เพื่อการท่องเที่ยว 6.การส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นหรือ
Man Made เพราะเมืองไทยมีความทันสมัยในหลายมิติที่อยู่ในความสนใจของทั่วโลกด้วย
และ 7.การยกระดับเมืองท่องเที่ยวหลักใหม่
ๆ ที่กำลังเติบโตเป็นดาวรุ่ง จะส่งเสริมเงินลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน
ทางด้าน
“ดีมานต์ไซต์” ททท.ก็จะนำเสนอโฆษณา ประชาสัมพันธ์ เชิงรุกแนวใหม่ ๆ
เพื่อสร้างนักเดินทางกระตุ้นนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าพื้นที่เป้าหมายที่ต้องการขยายฐานทางเศรษฐกิจเติบโตอย่างเท่าเทียมกัน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1-คิงเพาเวอร์ออนไลน์นำไอเทมใหม่ให้ช้อปรับสิทธิ์ฟรี
5 อย่าง
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ เดินหน้าสมนาคุณนักช้อปด้วยสินค้าและแคมเปญใหม่สุดด้วย “NEW
ARRIVAL FOR SEPTEMBER” พาเหรดสินค้าแบรนด์ดังไอเทมใหม่ ๆ มาให้ช้อป
เริ่มตั้งแต่วันนี้ -30 กันยายน 2567 ก่อนบินมาร่วมมหกรรมช้อป
“คิง เพาเวอร์ ออนไลน์” มีไอเทมล่าสุดไม่ตกเทรนด์ให้มาเลือกเป็นเจ้าของ
อยู่ที่ไหนก็ซื้อได้ตลอด 24 ชั่วโมง
กับทัพสินค้าเข้าใหม่ไฮไลต์ 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ น้ำหอม
เครื่องสำอาง สกินแคร์หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิว แว่นตา นาฬิกา พร้อมแบรนด์ชั้นนำอีกมากมาย
แล้วรับของแจกของแถมไปจนถึงสิ้นปีนี้เมื่อยอดช้อปครบรับทันทีฟรี 5 อย่าง
ฟรีแรก
! ส่วนลด 15% เพื่อซื้อประกันการเดินทางต่างประเทศ ที่กรุงเทพประกันภัย พิเศษ!
เมื่อซื้อประกันเดินทางต่างประเทศรายปีขั้นต่ำ 2,000 บาท
รับเพิ่มเป็นคูปองอิเลคทรอนิกหรือ E-Coupon มูลค่า 200 บาท นำไปใช้เป็นส่วนลดเครื่องดื่มได้ที่ร้านสตาร์บัค
กิจกรรมนี้แจกโค้ดส่วนลดให้ได้ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 31
ธันวาคม 2567
ฟรีที่
2 ! รับส่วนลดมูลค่า
100 บาท เตรียมมอบมากถึง 1,000 สิทธิ์
สำหรับลูกค้าลูกค้าที่ช้อปออนไลน์ครบ 8,000 บาท (สุทธิ)
รับคูปองไปใช้บริการรถโดยสารไปหรือกลับด้วย Grab เส้นทางจาก 4
สนามบิน ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต และเชียงใหม่
แจกโค้ดลดพิเศษวันนี้ - 30 กันยายน
แล้วสามารถเก็บไว้ใช้ได้จนถึง15 ตุลาคม 2567
ฟรีที่
3 ! กางเกงช้างลายเอ็กซ์คลูซีฟสุดจาก คิง เพาเวอร์
เมื่อช้อปครบ 10,000 บาท (สุทธิ) แจกไปจนกว่าสินค้าจะหมด
ฟรีที่
4 ! ส่วนลดสูงสุด 15% หรือ สูงสุด 450 บาท เมื่อช้อปออนไลน์ครบ 13,000 บาท(สุทธิ)
รับไปใช้จองเที่ยวบิน หรือ ที่พักได้จาก Gother
ใช้โค้ดได้จนถึงสิ้นปีนี้ 31 ธันวาคม 2567
ฟรีที่
5 ! ส่วนลด 8 % หรือมูลค่าสูงสุด 500 บาท เมื่อช้อปออนไลน์ครบ 13,000 บาท(สุทธิ)
รับแล้วใช้จองรถเช่า และบัตรกิจกรรม ที่ TraveliGo
โค้ดนี้แจกทุกวันไปจนถึง 31 ธันวาคมนี้เช่นกัน
ข่าวที่ 2-ช้อป
CITY EXCLUSIVES 1ปีมีครั้งเดียวที่สุวรรณภูมิ/ภูเก็ต
คิง
เพาเวอร์ ชวนช้อป CITY EXCLUSIVES กลับมาวางในร้านดิวตี้ฟรีแล้วพร้อมวางจำหน่ายที่
คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานภูเก็ต วันนี้– 30 กันยายน 2567
พบกับคอลเลกชั่นของ
Le Labo ถูกสร้างจากแรงบันดาลใจถึงเมืองที่เรารักด้วยกลิ่นหอมจากเมืองทั้ง
7 ได้แก่ CEDRAT 37 Berlin , GAIAC 10 Tokyo , Mousse
De Chene 30 Amsterdam , MYRRHE 55 Shanghai , TABAC 28 Miami , Citron 28 Seoul และเมืองใหม่ล่าสุดในคอลเลกชัน CORIANDRE 39 Mexico City
City
Exclusives คือความพิเศษของการรวมกลิ่นที่มีขายในเฉพาะเมืองนั้น ๆ
ซึ่ง 1 ปี มีเพียง 1 ครั้ง
และจะเปลี่ยนกลิ่นและเมืองไปในทุก ๆ ปี
ข่าวที่ 3-คิงเพาเวอร์มหานครจัดเวิร์คช็อปศิลปะชมวิวเสาร์21ก.ย.67
คิง เพาเวอร์ มหานคร รายงานว่าได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเปิดเวิร์คช้อปและคลาสศิลปะโครงการ
“When the Sky Turns into a Painting” ร่วมกับ 2 พันธมิตรคือ Sapore del Arte และ Upon
the moon craft & cafe ชวนผู้ที่ชื่นชอบทำกิจกรรม ราคาคนละ 1,400 บาท
ในพื้นที่บนจุดชมวิวสูงชั้น 74 อาคาร คิง เพาเวอร์ มหานคร
มารวมตัวกันในวันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2567 ตลอด 2 ชั่วโมงเต็ม ตั้งแต่14.00 – 16.00 น. เพิ่มประสบการณ์ความสุขกับเวิร์คช้อปศิลปะท่ามกลางทัศนียภาพของกรุงเทพมหานครแบบ
360 องศา
สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ทั้งผู้ที่มีและไม่มีประสบการณ์วาดภาพมาก่อน
ซึ่งทาง คิง เพาเวอร์ มหานคร มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำและสอนเวิร์กช็อปสุดพิเศษคลาสนี้รับจำนวนจำกัด
สนใจสมัครได้ทันทีโดยลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อจองที่นั่ง กับอุปกรณ์ศิลปะ
ซึ่งจะจัดเตรียมของจำเป็นทั้งหมดไว้ให้
และผู้เข้าร่วมงานจะมีโอกาสได้นำผลงานชิ้นเอกของตนกลับบ้านได้ด้วย
คิง เพาเวอร์
เปิดทำเวิร์คช้อปคลาสศิลปะพิเศษ วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2567 ตั้งแต่ 14.00 –
17.00 น. แนะนำให้ลงทะเบียนล่วงหน้า สำรองคลาสเวิร์คช็อป https://bit.ly/WhentheSkyTurnsintoaPainting หรือลงทะเบียนหน้างานได้ช่วงเวลา 13.30 น.
พิเศษ !! ผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับของแถมพร้อมส่วนลดพิเศษ เพิ่มถึง 4
รายการ ดังนี้ 1.Other Café
รับเครื่องดื่มฟรี 1 แก้ว 2.Pastel Creative ยาดมพาสเทล
หอมเย็นสดชื่น พกง่ายฝาไม่หาย แนะนำยาดมถูกใจวัยรุ่น 3.Harajuku Crepes
Cafe ลิ้มลองความอร่อยของฮาราจูกุ เครป!
ด้วยเมนูที่คัดสรรมาอย่างดี รสชาติที่มีชีวิตชีวา กรอบหอมตามสไตล์ฮาราจูกุ และBreezy Fresco ผลไม้สดพร้อมทาน วิตามินสูง
ข่าวที่
4-รมว.สรวงศ์ถกรัฐ-เอกชนท่องเที่ยวรุกเร็ว4เรื่องแก้3ปัญหา
นายสรวงศ์ เทียนทอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เป็นประธานการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับหน่วยงานในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและองค์กรเอกชนท่องเที่ยว
14 สมาคม
นำโดยสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว สมาคมโรงแรม สมาคมร้านอาหาร
ผู้ประกอบการนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เร่งเดินหน้าเพิ่มศักยภาพและขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลด้านการท่องเที่ยวเมืองไทยทั้งตลาดในประเทศและทั่วโลก โดยได้ย้ำให้เห็นถึงความสำคัญการแก้ไขปัญหาและพัฒนาศักยภาพหลายด้าน
โดยเฉพาะตอนนี้ภารกิจเร่งด่วนคือต้องเร่งเพิ่มรายได้ 3 เดือนสุดท้าย
ระหว่างตุลาคม-ธันวาคม 2567
ระหว่างการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับหน่วยงานและสมาคมท่องเที่ยวเอกชน
ได้ขีดเส้นใต้ไฮไลต์เน้น 4
เรื่อง ประกอบด้วย เรื่องที่ 1 ทำตลาดเชิงรุกสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
(Medical Tourism) เป้าหมายคือญี่ปุ่นและตะวันออกกลาง
เรื่องที่ 2 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เรื่องที่ 3 พัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
เพื่อให้ผู้ประกอบการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่แนวทางขยายมาตรการสนับสนุนกลุ่มอาชีพอิสระ
เช่น มัคคุเทศก์ คนทำงานฟรีแลนซ์ จะต้องได้รับการดูแลจากภาครัฐ เรื่องที่ 4 แผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านโครงการการท่องเที่ยวสีเขียวหรือ
“Green Tourism” ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตอบสนองลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมโลก
นายสรวงศ์ได้แสดงความกังวลปัญหาของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเมืองไทย
3 ปัญหา
คือ 1.ทัวร์ศูนย์เหรียญ”
2.การเข้าถึงแหล่งทุนของผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็ก
เตรียมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3.ปรับปรุงมาตรฐานความสะอาดและความปลอดภัยนักท่องเที่ยว
จะร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศติดตามเส้นทางการเดินทางของชาวต่างชาติที่เข้ามาในไทยหลังการยกเลิกระบบตรวจคนเข้าเมืองช่องทางบก
แบบ ตม.6.
โดยได้รับฟังข้อเสนอของเอกชนเรื่องการสนับสนุนเงินทุน
หรือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ธุรกิจ SMEs แนวทางปรับปรุงและแก้ไขกฎหมาย
ระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางน้ำ
ทางบก และทางอากาศ
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสามารถรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ
สนับสนุนการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวและชุมชนท้องถิ่น ปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยและสุขอนามัย
สร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนบูรณาการทำงานร่วมกัน ไปพร้อม ๆ กับส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ทำโครงการยกระดับผู้ประกอบการ (up-reskill) และมาตรการจัดเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยว
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
กล่าวว่า ททท.ขานรับนโยบายนายสรวงศ์ เทียนทอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คนใหม่ เดินหน้าส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ
สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุน
บูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
ผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้บรรลุเป้าหมายทั้งจำนวนคนและรายได้ทางการท่องเที่ยวตามที่ตั้งไว้
นำไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวภูมิภาคหรือ Tourism Hub พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกทุกปี
ส่วนนโยบายฟื้นฟูโครงการ
“เราเที่ยวด้วยกัน” หรือ “คนละครึ่ง” ที่กำลังเป็นกระแสเรียกร้องอยู่ในขณะนี้ ทาง
ททท.พร้อมจะปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล
ซึ่งจะต้องรอประกาศนโยบายและรายละเอียดในขั้นตอนต่อไป
ข่าวที่ 5-CEOกลุ่มบางจากคว้ารางวัลสุดยอดผู้นำธุรกิจESG2024
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) กลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขึ้นรับมอบรางวัลอันทรงเกียรติ
“สุดยอดผู้นำธุรกิจด้านบริหารจัดการ ESG แห่งปี 2024” ในงาน Daily
News Top CEO 2024 จากกองบรรณาธิการเดลินิวส์ ที่โรงแรมเซ็นทารา
แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์
โดยได้รับการยกย่องในฐานะผู้นำที่มีความโดดเด่นขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน
และเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ รายแรกในหลาย ๆ ด้าน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน
ESG : Environment, Social, และ Governance เข้ามาผสานทุกมิติอย่างมีสมดุลเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมทางธุรกิจให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
พร้อมกับการดูแลสังคมและชุมชน ตั้งเป้าหมายขึ้นเป็นองค์กรยั่งยืนหรือ Bangchak
100x ขยายธุรกิจควบคู่กับสร้างคุณค่าและผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้วิสัยทัศน์ “รังสรรค์โลกยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว”
นายชัยวัฒน์กล่าวว่า
ขอแสดงความยินดีกับเดลินิวส์ในโอกาสครบรอบ 60 ปี
และรู้สึกเป็นเกียรติในเวทีมอรางวัลปีแรกก็ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ ผนวกกับปี
2567 บางจากฯ ดำเนินงานครบ 40 ปี ก้าวสู่ทศวรรษที่ 5 ซึ่งบางจากได้นำ ESG เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งการพัฒนาธุรกิจตั้งแต่ปีแรก เนื่องจาก ESG เปรียบเสมือน DNA ของบริษัท ตลอด 40 ปี บางจากฯ
สามารถพิสูจน์ถึงศักยภาพการนำ ESG มาขับเคลื่อนธุรกิจสามารถผสานไปด้วยกันได้
ทำให้เกิดความเข้มแข็งและยั่งยืน
ปรากฎผลความสำเร็จที่จับต้องได้ตลอดที่ผ่านมาช่วง
10 ปี บางจากฯ สามารถสร้างผลกำไรควบคู่กัน 2 ด้าน ประกอบด้วย ด้านที่ 1 กำไรด้านผลประกอบการ “มูลค่า”
ด้านที่ 2 กําไรด้านสังคม “คุณค่า” หรือ Double
Bottom Line จึงขอขอบคุณพนักงาน ผู้บริหาร คณะกรรมการ ผู้ถือหุ้น
ลูกค้า และผู้มีส่วนได้เสียที่มีส่วนสำคัญช่วยผลักดันให้บางจากฯ
เติบโตอย่างแข็งแรงและมั่นคงมาจนถึงปัจจุบัน
สำหรับเวทีการมอบรางวัล Daily
News Top CEO 2024 หนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์
จัดขึ้นเมื่อค่ำคืนวันที่ 19 กันยายน 2567 ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ในโอกาสที่เดลินิวส์ครบรอบ
60 ปี
เพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติผู้บริหารสูงสุดขององค์กรที่มีความโดดเด่นในการบริการจัดการธุรกิจด้านต่าง
ๆ เป็นแบบอย่างที่ดีในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริหารรุ่นใหม่และสังคมไทยนำมาต่อยอดสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ประเทศ และโลกต่อไป
ข่าวที่ 6- TCEBปลุกเฮลเวลเนสตะวันออกร่วมไมซ์Mini
EEC Fair
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB”
เชิญชวนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไมซ์ลงทะเบียนฟรีเข้าร่วมมหกรรมใหญ่แห่งปี “Mini
EEC Fair 2024” ระหว่างวันที่ 7-9 ตุลาคม 2567 ที่โรงแรม เดอะ ซายน์ พัทยา เพื่อร่วมกันพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
EEC :Eastern Economic Corridor ด้วยการจัดไมซ์ ทั้งงานแสดงสินค้า
งานนิทรรศการ งานประชุมสัมมนา และจับคู่เจรจาธุรกิจ เปิดโอกาสให้นักลงทุน
ผู้ประกอบการ ผู้สนใจ มีเวทีพบกับผู้ประกอบการใน 5 คลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย
พร้อมจะเตรียมเสนอไม่น้อยกว่า 100 รายงาน
ผู้ประกอบการเจ้าของผลิตภัณฑ์
บริการ แหล่งท่องเที่ยวหรือชุมชนเกี่ยวกับสุขภาพองค์รวมต่อหรือ Health
& Wellness จะได้รับสิทธิ์นำมาจัดแสดงตรงบริเวณโซนภาคตะวันออก 3
จังหวัด ภายในงานมีจะมีพื้นที่งาน Thailand EEC Wellness MICE Destination
Showcase รวมอยู่ด้วย
งาน Mini
EEC Fair 2024 จะเป็นเวทีสร้างโอกาสกับเครือข่ายลูกค้าที่มีศักยภาพ
สามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วเพิ่มขึ้นได้
ขณะเดียวกันทีเส็บก็มีทริปตัวอย่างมานำเสนอเป็นทางเลือกให้องค์กรหรือหน่วยงานนำไมซ์ลงไปในพื้นที่
3 จังหวัด สมุทรปราการ-พัทยา(ชลบุรี)-ระยอง เลือกทำกิจกรรม “Experience
The Magic of Eastern MICE Wellness มหัศจรรย์ไมซ์ตะวันออก สนุก
สุขภาพดี มีได้ทุกวัน” MIND, BODY
& SOUL…NATURE THERAPY 3
วัน 2 คืน ดังนี้
วันที่ 1 เข้าโปรแกรม
Mind Therapy ปรับสมดุลคืนพลังชีวิต
บำบัดสุขภาพแบบองค์รวม แห่งที่ 1 “เจดับบลิว เวลเนส แบงค็อก” จ.สมุทรปราการ
เป็นสถานพยาบาลเพื่อสุขภาพระดับหรูแห่งแรกใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ พื้นที่กว่า
10,000 ตารางเมตร ได้จัดเตรียมโปรแกรมลับเฉพาะ “สมุนไพรสูตรเจ้าจอม”
ตำรับต้นรัตนโกสินทร์ สูตรลับของสตรีชั้นสูง เพิ่มความกระชับ สดใส
หอมสะอาดจากภายในสู่ภายนอก
แห่งที่ 2 ไปเยือนวิสาหกิจชุมชนบ้านตม จ.ชลบุรี ชิมอาหารและเครื่องดื่มสมุนไพรนานาชนิด
เช่น “น้ำฟ้าอำไพ” มีสรรพคุณช่วยปรับธาตุเจ้าเรือน สร้างสมดุลร่างกาย
แห่งที่ 3 Yunomori Onsen & Spa พัทยา ออนเซ็น เป็นสปาอันดับหนึ่งในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
เพื่อชาร์จพลังกายใจ ทำทรีตเมนต์ นวดอโรม่า นวดไทย แช่น้ำแร่ซิกเนเจอร์ในบ่อยูโนะโมริ
ซึ่งมีส่วนผสมของซัลเฟต แมกนีเซียม ผสานชาและน้ำมันหอมระเหย
เพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย
แห่งที่ 4 เช็คอินเข้าพักโรงแรมเฮลธ์แลนด์
รีสอร์ต แอนด์ สปา พัทยา
วันที่ 2 ทำ Body Therapy คืนความอ่อนเยาว์ ลงลึกระดับเซลล์ เรียนรู้ศาสตร์และศิลป์แห่งสุขภาพไทยโบราณ
บำบัดอาการ “ออฟฟิศซินโดรมด้วยตนเอง” จากนักกายภาพมืออาชีพ โรงแรมเฮลธ์แลนด์ รีสอร์ท
แอนด์ สปา พัทยา เสร็จเรียบร้อยเดินทางเข้า “ระยอง” แวะตำนานป่าระยอง”
รับประทานอาหารกลางธรรมชาติ เสิร์ฟเมนูสมุนไพรท้องถิ่นเสริมสร้างสุขภาพกายใจ
แล้วไปชม วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผลิตไม้กฤษณา สมุนไพรหอมราคาสูง
ชมวิธีกลั่นน้ำมันกฤษณา เวิร์คช้อปทำเครื่องหอมน้ำมันกฤษณา ช็อปปิงสินค้าในฟาร์มมีให้เลือกกว่า
60 รายการ แล้วไปเช็คอินที่อักษร ระยอง เดอะไวทาลิตี้ คอลเลคชั่น
วันที่ 3 Soul Therapy ฟื้นฟูร่างกายด้วยพลังจากธรรมชาติ ที่
“ฟิวส์ (Fuse)
โฮลิสติก เวลเนส” โรงแรมแรกแห่งเดียวในระยองที่ใช้วิธีรักษาด้วยศาสตร์แห่งธรรมชาติบำบัด
“เรกิ/Reiki” พร้อมกิจกรรมคลื่นเสียงบำบัด หรือ Sound Healing และอัญมณีบำบัด/Crystal Healing จะช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล ชะลอความเสี่อมของสมอง
โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานและศาสตร์บำบัดฟื้นฟูสุขภาพแบบองค์รวมดูแลอย่างใกล้ชิด
แล้วแวะไป “บ้านไร่สายลม”
รับประทานอาหารสุขภาพมื้อกลางวัน ท่ามกลางธรรมชาติ เดินทางต่อไป “สวนสุภัทราแลนด์”
ชมคลีนิก SRB วารีบำบัด
ภูมิปัญญาเครื่องอบและอ่างแช่น้ำแรงดัน บำรุงลึกถึงเซลล์ ร่วมเก็บผักแคลปลอดสารมาร่วมกันทำเมนูสุขภาพ
ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยไปภาคเหนือ เที่ยวได้ 365
วัน เช็คพิกัดด่วนตลอดปีมีงานเทศกาล ประเพณี เด่น ๆ
ให้วนเที่ยวได้ทุกฤดู ทั้งฤดูฝน ฤดูหนาว และฤดูร้อน แล้วฟัง “วิธีเดินแก้อาการอ่อนเพลีย”
ดีจริงต้องลองทำ และข่าวเข้มข้น ข่าวแรก “ดุสิตดึงปอร์เช่” ทำลีมูซีนบริการลูกค้าจองพักวันเปิด
27 ก.ย.67 ข่าวที่สอง
“ต่างชาติเที่ยวไทย” ใกล้ 25 ล้านคนแล้ว
ท่องเที่ยว
–เปิดพิกัดเที่ยวภาคเหนือกับประเพณีสุขทั้งปีตลอด
3 ฤดู
เที่ยวไทย Go North
ในภาคเหนือ กับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
แนะนำท่องเที่ยวเทศกาลงานประเพณ๊ได้ตลอด 365 วัน ทั้ง ฤดูฝน
ฤดูหนาว ฤดูร้อน
เริ่มด้วย “ฤดูฝน” เที่ยวเทศกาลสนุก ๆ
อย่าง Pai Jazz and Blues Fest แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ไพรด์เชียงใหม่
ประเพณีโล้ชิงช้าชาวอาข่าเชียงราย
เทศกาลเชียงใหม่คเณศจตุรถี ประเพณีสลากภัตรหรือสลากย้อม ลำพูน ล่องแก่งลำน้ำเข็กดพิษณุโลก
เวียนเทียนทางน้ำกลางกว๊านพะเยา เวียนเทียนตะคัน เมืองโบราณสุโขทัย โดยมีแคมเปญ “แอ่วเหนือให้ฉ่ำ”
แต่ละสำนักงานที่ดูแลจังหวัดท่องเที่ยวทั่วภาคเหนือจัดกิจกรรมมอบสิทธิพิเศษมากมายให้นักท่องเที่ยวต่อเนื่องตลอดปี
วางแผนเที่ยวต่อ “ฤดูหนาว” ซึ่งกำลังจะเข้าสู่ปลายฝนต้นหนาวปักหมุดได้เลย 3 พิกัด
เริ่มจาก พิกัดแแรก “เทศกาลลอยกระทง” เอกลักษณ์เฉพาะพื้นที่ เตรียมตัวไว้ตอนเพ็ญ 15
ค่ำ เดือน 12 ทั้ง 5 งาน
ทั้ง ประเพณียี่เป็งเชียงใหม่ ลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟสุโขทัย
ลอยกระทงสายไหลประทีป ๑,๐๐๐ ดวง จ.ตาก
พิกัดที่ 2 งานประเพณีสุดยิ่งใหญ่ประจำจังหวัด ตรุษจีน นครสวรรค์ งานอุ้มพระดำน้ำเพชรบูรณ์
แข่งเรือยาวประเพณีลำน้ำน่าน
พิกัดที่ 3 เที่ยวได้ทันทีกันยายนนี้เป็นต้นไป
งานแรก วิจิตรแม่ฮ่องสอน งานที่ 2 เสน่ห์ไทย HOP
Chiang Mai Art and Music Festival งานที่ 3 เทศกาลทุ่งดอกบัวตองบาน
แม่ฮ่องสอน งานที่ 4 มหกรรมดอกไม้อาเซียน เชียงราย งานที่ 5
เทศกาลหุ่นโคมไฟนครสวรรค์ Chiang Mai Design Week เชียงใหม่ งานที่ 6แพร่คราฟท์ จ.แพร่ และเคาน์ดาวน์ปีใหม่พร้อมกันทั่วประเทศ
ปิดท้ายเที่ยวช่วง “ฤดูร้อน” มีงานเทศกาลประเพณีภาคเหนือให้เลือกเที่ยวได้หลากหลาย
ได้แก่ ปอยส่างลอง (บวชลูกแก้ว) จ.แม่ฮ่องสอน งานมหกรรมทุเรียนหลง - หลิน ลับแล ของดีของเด่น จ.อุตรดิตถ์
เทศกาลพายเรือเที่ยวป่า ตามหาแมงกะพรุนน้ำจืด จ.เพชรบูรณ์
งานประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮ เมืองแพร่แห่ตุงหลวง จ.แพร่ งานสลุงหลวง กลองใหญ่
ปีใหม่เมืองนครลำปาง จ.ลำปาง และสงกรานต์ทั่วภาคเหนือ
นักท่องเที่ยวที่ชอบแอ่วเหนือ
สามารถวางแผนเดินทางให้ครบทั้ง 3 ฤดู สุขทันทีที่ออกเที่ยวเมืองไทย
สุขภาพ –วิธี“เดิน”แก้อาการอ่อนเพลียพร้อมปรับ5พฤติกรรมด่วนๆ
“อ่อนเพลีย”
เป็นอาการที่เกิดได้กับทุกคน บางครั้งหลายคนเลือกจะนอนพัก ด้วยเชื่อว่าจะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น
แต่จริง ๆ แล้ว “การเดิน” ช่วยได้ แต่จะต้องรู้เดินอย่างถูกวิธีเพื่อลดอาการอ่อนเพลียได้ผลชะงัด
คนที่อ่อนเพลียจนออกกำลังกายอื่น
ๆ ไม่ไหว สามารถเริ่มต้นออกกำลังกายง่าย ๆ ด้วย “การเดิน” อาจจะเดินช้า ๆ
ชมนกชมไม้ไปเรื่อย ๆ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเคลื่อนไหว หรือหลังตื่นนอนตอนเช้าเดินเร็ว
ๆ สัก 1/2-1 ชั่วโมง จากนั้นปรับความเร็วให้เหมาะกับระดับความสามารถ
(แรง) และความสมบูรณ์ตามสภาพร่างกาย
ถ้าเหนื่อยก็พัก
แล้วค่อยเริ่มใหม่เมื่อพร้อม ยิ่งเดินมาก ผลดียิ่งมากตามไปด้วย ระหว่างเดินอาจจะติดแอปเปิ้ลไปสักผลเอาไว้กินตอนพักเหนื่อย
หรือจิบน้ำสะอาดไปเดินไปก็ได้ พยายามบังคับตัวเอง
เพื่อฟื้นฟูสุขภาพคุณให้กลับคืนมาดีเหมือนเดิมให้ได้
เมื่อร่างกายเริ่มปรับตัวได้
และเริ่มกลับมามีกำลังแล้ว ให้ลองเปลี่ยนมาออกกำลังกายเบาๆ จะเริ่มจากบิดตัว
ยืดแข้งยืดขา หมุนเอวหมุนไหล่ หรือกระโดดไปมาก็ได้
แต่ควรเป็นท่าบริหารที่ต้องหายใจลึกๆ ด้วย จากนั้นก็ค่อยๆเ
ปลี่ยนไปออกกำลังกายอื่นๆ ต่อไปตามที่คุณสนใจ
เหตุผลดี
ๆ ของการ “เดินเร็ว – เดินเร็ว” เดินออกกำลังกาย
องค์การอนามัยโลกแนะนําว่าหากต้องการมีสุขภาพดี ห่างไกลจากโรคต่าง ๆ เช่น
มะเร็งเต้านม มะเร็งลําไส้ เบาหวาน หลอดเลือดหัวใจตีบ แม้กระทั่งโรคซึมเศร้า
ควรมีกิจกรรม เช่น ยืน เดิน ระหว่างวัน หรือออกกําลังกายด้วยการเดินเร็ว
หรือวิ่งเหยาะ ๆ ความเร็วประมาณชั่วโมงละ 5.6 กิโลเมตร (14 รอบสนามฟุตบอลมาตรฐาน) อย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที
พร้อมทั้ง
“ปรับพฤติกรรมแก้อ่อนเพลีย” วิถีชีวิตที่ผิดธรรมชาติ เป็นสาเหตุหลักทำให้อ่อนเพลีย
ดังนั้นจึงต้องทำเพื่อช่วยให้อาการค่อยๆ ทุเลา ด้วยการปรับ 5 อย่าง ดังนี้
1.ทำดีท็อกซ์เพื่อขับสารพิษ
อีกสาเหตุหนึ่งของอาการอ่อนเพลียออกจากร่างกาย
2.ฝึกทำสมาธิ
ด้วยการนั่งวิปัสสนา ทำโยคะ ไท้ชิ ชี่กง และอื่นๆ เพราะสามารถบำบัดภาวะซึมเศร้า
และวิตกกังวล อันเป็นหนึ่งในอาการอ่อนเพลียได้ดี
3.เข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลาทุกวัน
และควรพักผ่อนให้เพียงพอ
4.หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ทำให้เครียด
ซึมเศร้า ไม่ควรหมกมุ่นอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนาน ๆ
5.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจนถึงพีค
เมื่อร่างกายขับเหงื่อและหลั่งสารสุขแล้ว จะส่งผลให้ร่างกายสดชื่น
กระปรี้กระเปร่าไปทั้งวัน
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
– DUSITดึงปอร์เช่ทำรถลีมูซีนหรูฉลองเปิดรร.ดุสิตกรุงเทพฯ
โรงแรม ดุสิตธานี
กรุงเทพฯ รายงานว่า ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ “DUSIT” ร่วมมือกับปอร์เช่ ประเทศไทย ฉลองการเปิดตัวโรงแรม
ดุสิตธานี กรุงเทพฯ
เรือธงใหม่โดยจะนำรถปอร์เช่บริการลีมูซีนฟรีครั้งแรกในเมืองไทยให้ลูกค้าที่จอง “An Iconic Stay” ผ่านทาง dusit.comโดยตรง จ่ายเงินเลือกพักห้องคลับรูมหรือห้องสวีทของโรงแรมในโอกาสฉลองเปิดตัวครั้งใหญ่ในตำนานวันที่
27 กันยายน 2567 ด้วยวิสัยทัศน์ร่วมกันกำหนดนิยามใหม่ศิลปะแห่งการเดินทาง
มอบประสบการณ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ให้นักเดินทางผู้มีรสนิยมดี
โดยเตรียมลีมูซีนรถยนต์หรู
ปอร์เช่ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด
เอ็กเซ็กคูทีฟ จำนวน 5 คัน เป็นซีดานที่ได้รับการคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถันตรงตามมาตรฐานตอบโจทย์แขกของดุสิตธานีผู้มีรสนิยมจากทั่วโลก
โดยจะมอบประสบการณ์ผสมผสมผสานตลอดการเดินทางทั้งความสะดวกสบาย สไตล์ เทคโนโลยี
ความทันสมัยที่ไม่มีใครเทียบได้ ขณะเดียวกันก็ผสานพลังและประสิทธิภาพที่เงียบสนิท
โดยเฉพาะ
พานาเมร่า เอ็กซ์คลูซีฟ มีระบบฐานล้อรถยนต์ยาวมาพร้อมพื้นที่นั่งผู้โดยสารภายในกว้างขวางและหรูหรา
เบาะหนังคุณภาพพรีเมียมออกแบบมาเพื่อโอบรับกับตัวถัง รองรับความพึงพอใจแม้ในการเดินทางไกลที่สุดในกรุงเทพฯ
หรือไปยังจุดหมายการพักผ่อนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
ร่วมกับระบบความบันเทิงล้ำสมัย
พร้อม Wi-Fi ความเร็วสูงฟรี เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกบางส่วนที่ใส่ใจเพื่อให้แน่ใจว่าการเดินทางแต่ละครั้งจะมีประสิทธิภาพและผ่อนคลายตามความต้องการของลูกค้าทุกคน
ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ทัศนศึกษาพิเศษ หรือเส้นทางการเดินทางเพื่อธุรกิจ
และการท่องเที่ยว
เอเดรียน
รูดิน กรรมการผู้จัดการ โรงแรมดุสิตธานี
กรุงเทพฯ กล่าวว่าโรงแรมดุสิตธานี
กรุงเทพฯ มุ่งมั่นจะยกระดับประสบการณ์ทุกด้านให้ผู้เข้าพัก
พร้อมกับสร้างช่วงเวลาอันทรงคุณค่าอันประทับใจไม่รู้ลืม จึงร่วมมือกับปอร์เช่ทำให้แขกผู้เข้าพักมั่นใจจะได้รับการดูแล
อย่างหรูหรา และทันสมัยในระดับเดียวกับการเข้าพักกับดุสิตฯ ตั้งแต่เริ่มต้นการเดินทางมาจนถึงสถานที่พักอันอบอุ่นสะดวกสบาย
นอกจากจะได้สัมผัสความสะดวกสบายไม่มีใครเทียบชั้นได้แล้ว
ผู้เข้าพักยังสามารถมั่นใจเรื่องพนักงานขับรถของดุสิตทุกคนได้รับการฝึกอบรมอย่างเข้มงวดจากปอร์เช่
ประเทศไทย ซึ่งให้ความสำคัญอันดับแรกกับความปลอดภัยและความแม่นยำมาตรฐานสูง
พนักงานขับรถชั้นนำเหล่านี้ยังโดดเด่นด้วยการเลือกสวมชุดยูนิฟอร์มออกแบบมาเฉพาะเพื่อสะท้อนถึงความสง่างามและความซับซ้อนของทั้งสองแบรนด์คือ
ดุสิตธานี กรุงเทพฯและแบรนด์ปอร์เช่
สำหรับโรงแรม
ดุสิตธานี กรุงเทพฯ โฉมใหม่ กำหนดจะเปิดให้บริการเป็นทางการ
เริ่วันที่ 27 กันยายน 2567
หลังลงทุนแปลงโฉมครั้งใหญ่สร้าง “โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ทำเลที่ตั้งตรงข้ามสวนลุมพินี
ต้อนรับแขกที่เลือกเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าประทับใจ พร้อมจ่ายเงินตรง “จองห้องคลับหรือห้องสวีท”
ผ่านช่องทางdusit.com จะได้รับบริการรับส่งสนามบินฟรีด้วยรถลีมูซีน Porsche Panamera Executive หรูหราสุด ๆ
โดยจะมอบสิทธิพิเศษให้เฉพาะลูกค้าหรือแขกที่การ
“จองโดยตรง” เท่านั้น บริการนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอ “An Iconic Stay: Opening Offer” รวมถึงได้เพิ่มสิทธิประโยชน์อีก
3 รายการ ได้แก่ 1.บริการคลับสุดพิเศษ 2.เครดิตโรงแรมมูลค่า 75 ดอลลาร์สหรัฐ (2,700 บาทสุทธิ) ต่อคืน เก็บไว้แลกใช้รับประทานอาหารหรือใช้บริการ เทวารัณย์
เวลเนส โดยขึ้นอยู่กับช่วงที่มีห้องว่าง 3.เช็คเอาท์ช้าได้ถึง
16.00 น.
ข่าวที่สอง
-ข่าวดี!ต่างชาติเที่ยวไทยแตะ25ล้านคน-วันหยุด6ชาติโต2หลัก
นายสรวงศ์ เทียนทอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า
สถานการณ์การท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไทย 8 เดือน 2 สัปดาห์ ระหว่าง 1 มกราคม – 15 กันยายน 2567 มีจำนวนสะสมรวมทั้งสิ้น 24,810,988 คน (ตั้งเป้าหมายไว้ทั้งหมด 39
ล้านคน) สร้างรายได้เข้าประเทศแล้วประมาณ 1,162,419 ล้านบาท (จากเป้าหมายตลอดปีนี้ตั้งไว้กว่า 2 ล้านล้านบาท)
สถิตินักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 สาธารณรัฐประชาชนจีน
5,002,975 คน อันดับ 2 มาเลเซีย 3,517,586 คน อันดับ 3
อินเดีย 1,442,978 คน
อันดับ 4 เกาหลีใต้ 1,316,895 คน อันดับ 5 รัสเซีย 1,119,768 คน
สัปดาห์ล่าสุด ระหว่าง 9 – 15 กันยายน 2567 มีสัญญาณที่ดีจากนักท่องเที่ยวหลายกลุ่มตลาดกลับมาฟื้นตัวเติบโตจากสัปดาห์ก่อน
มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 19.31 % ไฮไลต์ กลุ่มที่ 1
นักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้ (Short haul) แถบเอเชีย
แปซิฟิก เดินทางเข้ามาเมืองไทยมากถึง 502,733 คน เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 26.48 %
โดยเฉพาะ “นักท่องเที่ยวสาธารณรัฐประชาชนจีน”
ทำสถิติทะลุเป้าหมายรวมแล้ว 5,002,975 คน
การท่องเที่ยวได้แรงหนุนจากตลาดต่างประเทศระยะใกล้
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีวันหยุดต่อเนื่องอีกครั้ง ถึง 6 ประเทศ คือ 1.วันชาติมาเลเซีย 2.วันหยุดช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ในจีน 3.วันหยุดเทศกาลไหว้พระจันทร์เกาหลีใต้
4.วันหยุดของวันผู้สูงอายุในญี่ปุ่น 5.วันหยุดทางศาสนาในอินเดีย
6.วันหยุดทางศาสนาในอินโดนีเซีย
ตลอดสัปดาห์ที่ 9-15
กันยายน 2567 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาใช้จ่ายเงินรวมทั้งสิ้น
636,932 คน สูงกว่าสัปดาห์ก่อน (2-8 กันยายน 2567) 103,081 คน หรือเพิ่มขึ้น 19.31 % เดินทางเข้าสู่ไทยเฉลี่ยวันละ
90,990 คน ตลาดต่างชาติที่นิยมเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางตลอดสัปดาห์นี้เปรียบเทียบการเติบโตเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน
5 อันดับแรก ดังนี้
อันดับ 1 มาเลเซีย 152,739 คน เพิ่มขึ้น 77.30
% อันดับ 2 สาธารณรัฐประชาชนจีน
107,268 คน เพิ่มขึ้น 10.30 % อันดับ 3 อินเดีย 39,809 คน เพิ่มขึ้น 18.03 % อันดับ 4
เกาหลีใต้ 37,480 คน เพิ่มขึ้น 42.78 % อันดับ
5 ญี่ปุ่น 27,913 คน เพิ่มขึ้น 27.75 %
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
คาดการณ์ สถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวเมืองไทยสัปดาห์ถัดไป ระหว่าง 16-22 กันยายน 2567 จะอยู่ในลักษณะทรงตัวใกล้เคียงกับปัจจุบัน
ซึ่งไทยยังคงได้รับปัจจัยหนุนเป็นแรงจูงใจกระตุ้นการเดินทางได้อีกจาก
ปัจจัยที่
1 หลายประเทศในเอเชียตะวันออก มีวันหยุดต่อเนื่องช่วงเทศกาลไหวพระจันทร์
ปัจจัยที่
2 มีวันหยุดต่อเนื่องวันสำคัญทางศาสนาในมาเลเซีย
อินโดนีเซีย อินเดีย
ปัจจัยที่
3 มาตรการของรัฐบาลอำนวยความสะดวกให้ต่างชาติเข้าไทยง่ายขึ้นภายใต้
Ease of traveling ด้วยการยกเว้นบัตร ตม.6 เมื่อเดินทางเข้าออกผ่านด่านทางบกระหว่างรอยต่อเพื่อนบ้าน
รวมถึงเป็นมาตรการช่วยกระตุ้นและส่งเสริมให้สายการบินเพิ่มความถี่เที่ยวบินมากขึ้นต่อเนื่องจากเมืองต้นทางหลายประเทศเข้ามายังเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของไทย
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น