ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

TOCAเปิดโลกคนรุ่นใหม่กินอินทรีย์ลดคาร์บอนงัดเครื่องชูชกลุยFood Zero Waste

 


อรุษ นวราช

นายกสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย หรือ TOCA

TOCAชี้คนรุ่นใหม่ตื่นรับอินทรีย์ไทยกิน/เที่ยว/ลดโลกร้อน

งัดนวัตกรรมแรกเครื่องชูชกเจาะตลาดโรงแรม-ร้านอาหาร

จัดใหญ่“สังคมสุขใจ”1ทศวรรษฮับอินทรีย์ไทย24-26ม.ค.68

คิงเพาเวอร์ในSAT-1 สุวรรณภูมิปอิ่มฟิน9ร้านดังลด 10 %

คิงเพาเวอร์เปิดเคาน์เตอร์แบรนด์ใหม่ปารีสถึงสุวรรณภูมิ

ททท.ผนึก7-11ชูสแตมป์เสน่ห์ไทยโปรโมทเที่ยว77จังหวัด

CEOบางจากใช้เวทีสศค.เร่งธุรกิจรุกทำคาร์บอน3แนวใหม่

TCEBอีสานอบรมเตรียมพร้อมเจ้าภาพเอ็กซโปโคราชปี69

เช็คอินเที่ยว“อัยย๊ะปักใต้”พิกัดความสุข6-8ก.ย.8 กิจกรรม

3กลุ่มผลไม้มี3วิตามิน“เบต้า-ซี-อี”กินแล้วดีต่อสุขภาพมาก

AWCอวดโฉมโปรเจกต์พันล้านเอ-ญ่ารูฟท็อปเอ็มไพร์5ร้าน

รร.ฮอลิเดย์อินน์กรุงเทพบูมขายอ๊อกโทเบอร์เฟสต์1เดือน

วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #บางจาก #TCEB  #TOCA #สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย

 ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... ...  ... https://www.facebook.com/share/v/hEdvHTEb4fp8sXwB/?mibextid=oFDknk

ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์!! “อรุษ นวราช” นายกสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (TOCA :Thai Organice Consumer Associaiton) และผู้ก่อตั้งสามพรานโมเดล นำทีมปลุกธุรกิจทั่วไทยเร่งตื่นตัวร่วมเทรนด์ “อินทรีย์” ตลอดห่วงโซ่ การผลิต กินอาหาร ท่องเที่ยว ปลื้มกำลังซื้อ “คนรุ่นใหม่” ปรับพฤติกรรมเฮใช้เงินบริโภคอินทรีย์ 3 เป้าหมาย “ช่วยลดโลกร้อน-ลดคาร์บอน/ก๊าซเรือนกระจก-ช่วยสิ่งแวดล้อมและสังคม” สมาคมงัดนวัตกรรมใหม่ “เครื่องชูชก” โปรเจกต์แรกของเมืองไทย พร้อมเปิดตัวในงาน SX 2024 มหกรรมความยั่งยืน 27 ก.ย.นี้ ที่ศูนย์สิริกิติ์ หวังเจาะตลาดโรงแรม ร้านอาหาร เตรียมจัดใหญ่  1 ทศวรรษสังคมสุขใจ 24-26 ม.ค.68 ที่สวนสามพราน



นายอรุษ นวราช นายกสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (TOCA :Thai Organice Consumer Associaiton) และผู้ก่อตั้งสามพราน โมเดล เปิดเผยว่า ปี 2567 แนวโน้มการพัฒนาเกษตรอินทรีย์เพื่อการบริโภคและท่องเที่ยวควบคู่กันไป ช่วงครึ่งปีหลังนี้ TOCA ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนในฝั่งผู้บริโภคควบคู่และกลุ่มธุรกิจโรงแรมซึ่งเป็นตัวแทนสั่งวัตถุดิบไปผลิตอาหารให้ผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นพลังทำให้เกษตรกรในห่วงซัพพลายเชนมีแรงจูงใจขยายพื้นที่ทำการเกษตร ปัจจุบันไทยมีการทำเกษตรอินทรีย์ประมาณ 1 % หรือ ราว 1 ล้านไร่ ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด ส่วนความต้องการบริโภคอินทรีย์เติบโตปีละประมาณ 20 % ซึ่งมีสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาด้วย

 

ส่วนการเปลี่ยนแปลงที่เห็นภาพชัดเจนอย่างน่าสนใจ กับแรงกระตุ้นจากกฎเกณฑ์ใหม่ของโลก 3  เรื่อง คือ 

เรื่องที่ 1 เทรนด์สินค้าอินทรีย์ขยายผลไปไกลมากกว่าการเสนอขายสินค้าเชิงเดี่ยว พืช ผัก ผลไม้ อาหาร เครื่องดื่ม ตอนนี้เริ่มมี “สินค้าแปรรูป” อินทรีย์วางขายในตลาดบ้างแล้ว เช่น ซีอิ๊ว เครื่องปรุงอาหารบางอย่าง แล้วก็จะสินค้าอื่น ๆ ตามมาเพิ่มมากขึ้น

 


เรื่องที่ 2 กลุ่มผู้บริโภคอินทรีย์ “คนรุ่นใหม่” มีพฤติกรรมและแนวคิดใหม่น่าสนใจตรงหันมาเพิ่มการบริโภคอาหารอินทรีย์เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ด้วยเหตุผล ต้องการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน ก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นตัวการใหญ่ทำให้โลกร้อนโลกเดือด จึงเน้นให้ความสำคัญมากขึ้นกับการทำคาร์บอนฟุตปริ๊นท์ด้วย รวมถึง “การช่วยเหลือสังคม” ให้โอกาสเกษตรกรได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการเพาะปลูกมาสู่อินทรีย์มากขึ้นทั้งระยะสั้นและระยะยาว

เรื่องที่ 3 การจัดเก็บภาษีคาร์บอน Carbon Tax มีเทรนด์จากต่างประเทศเริ่มหันมาเข้มงวดเรื่องการคำนวณการผลิตวัตถุดิบอาหาร สินค้า จะต้องมุ่งสู่ต้องลดปล่อยคาร์บอนสู่สภาพภูมิอากาศให้น้อยลง ดังนั้นคำว่า “การบริโภคอินทรีย์กับลดคาร์บอน” จึงเป็นเรื่องใหม่มาก ตอนนี้มีเทรนด์เกิดใหม่คือการ “นำขยะอาหารมาแปรรูป” เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ตามรูปแบบ Food Waste กับ Zero Waste สามารถผลิตปุ๋ยนำไปให้เกษตรกรอินทรีย์ใช้ประโยชน์

 


นายอรุษกล่าวว่าเทรนด์การแปรรูปขยะอาหารเป็นปุ๋ยหรือพลังงานในเมืองไทยมีหลายหน่วยงานกำลังให้ความสนใจสูงขึ้นมาก ซึ่งมีกิจกรรมสามารถทำได้ทั้งการทำปุ๋ยหมัก แต่อาจจะต้องใช้พื้นที่จำนวนมาก และใช้เวลาในการหมักขยะเป็นปุ๋ย ตอนนี้ทาง TOCA นำโมเดลที่ทำร่วมกับเกษตรกรในชุมชนบางกะเจ้านำนวัตกรรมอุปกรณ์การแปลงขยะเป็นปุ๋ยสำเร็จรูป

โครงการ “นวัตกรรมใช้อุปกรณ์แปลงขยะ” โดยใช้ชื่ออุปกรณ์นี้ว่า “เครื่องชูชก” ทางTOCA เตรียมเปิดตัวในงานใหญ่ “Sustainability Expo หรือ SX 2024” ระหว่างวันที่ 27 กันยายน -6 ตุลาคม 2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมทั้งเปิดให้ผู้สนใจสามารถเข้าไปเรียนรู้และหาซื้อได้ ราคาเครื่องละประมาณ 50,000 บาท สามารถแปรรูปขยะให้เป็นปุ๋ยขั้นต้นได้ 20 กก./วัน เหมาะกับกลุ่มตลาดเป้าหมายคือ โรงแรม ร้านอาหาร ส่วนครัวเรือนรอปี 2568 กำลังเตรียมผลิตเครื่องดังกล่าวที่จะใช้ย่อยขยะอาหารขนาด 3-5 กก./วัน

 


การใช้เครื่องชูชกเพื่อย่อยขยะอาหารออกมาเป็นปุ๋ยเพาะปลูกพืชนั้น มีองค์ประกอบหลัก คือ 1.เครื่องชูชก 2.ใส่จุลินทรีย์ที่พัฒนาพันธุ์ไทยช่วยย่อยขยะ ปุ๋ยมะพร้าว 20 % ของน้ำหนักอาหารเพื่อดูดซับความชื้น ซึ่งในอนาคตอาจจะพัฒนาเพิ่มเป็นชานอ้อย หรือไฟเบอร์บางอย่างที่ช่วยเรื่องดูดความชื้นออกได้

นายอรุษ กล่าวว่า ปี 2568 ทางสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย เตรียมจัดงานใหญ่ตั้งแต่ต้นปี “งานสังคมสุขใจ” จะจัดระหว่างวันที่ 24-26 มกราคม 2568 ที่สวนสามพราน จังหวัดนครปฐม จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 10 เป็นมหกรรมเกษตรอินทรีย์รายการใหญ่ของประเทศ โดยมีผู้ปลูก ผู้ผลิต ภาคธุรกิจ มารวมตัวกันมากที่สุดแห่งปี สามารถเข้ามาเยี่ยมชมงานเพื่อหาช่องทางการทำธุรกิจ หาแหล่งวัตถุดิบอาหาร ทำกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ

 


ในงาน “สังคมสุขใจ” ครบ 1 ทศวรรษ หรือ 10 ปี ตั้งเป้าจะเน้น 4 เรื่องใหญ่ ได้แก่ 1.การหันมาร่วมกันใส่ใจสิ่งแวดล้อม 2.มุ่งสู่การบริโภคอินทรีย์ เนื่องจาก TOCA ทำงานร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเส้นทางการท่องเที่ยวอินทรีย์ครบวงจร 3.เปิดโอกาสให้มาพบปะกับผู้พัฒนาธุรกิจอินทรีย์ ซึ่งตอนนี้ทางสมาคมได้รับการประสานงานจากผู้ประกอบการซึ่งทำธุรกิจแล้วต้องการหาแหล่งวัตถุดิบที่ดีจริง 4.แนะนำเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์

ฟังข่าวต้นชั่วโมง



ข่าวที่ 1-คิงเพาเวอร์ในSAT-1สุวรรณภูมิอิ่มฟิน9ร้านดังลด10%

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำเสนอบริการใหม่ต้องห้ามพลาด ยกมาไว้ในบริเวณพื้นที่ร้านค้าเชิงพาณิชย์ “อาคารเทียบเครื่องบินรองใหม่หลังที่ 1 หรือ SAT-1 ชั้น 3 ขาออกต่างประเทศ  (Departure Level) ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะนี้ได้รวบรวมความอร่อยพร้อมเสิร์ฟตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์นักเดินทางแวะมาเติมความอร่อยหรือนั่งพักผ่อนกับร้านเกรดพรีเมี่ยม มีชื่อเสียงระดับประเทศและนานาชาติ 9 ร้านอาหาร

พิเศษ !! สมาชิก คิง เพาเวอร์ รับส่วนลดทันทีสูงสุด 10% ได้ตั้งแต่วันนี้-31 ธันวาคม 2567 ใช้สิทธิ์ตามร้านค้าต่าง ๆ พร้อมใจกันเข้าร่วมรายการ เพียงแค่สมาชิกสแกนคิวอาร์โค้ด ลงทะเบียนเข้าระบบเพื่อรับสิทธิ์ หรือนำกะรัตแลกรับส่วนลดสูงสุด 500 บาท ผ่านระบบ Line OA  

คิง เพาเวอร์ ชวนร่วมสัมผัสประสบการณ์ความอร่อยหลากสไตล์ในร้านอาหารชั้นนำ โดยปักหมุดจุดแวะพักก่อนขึ้นเครื่องได้ในบริเวณอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 3 เลือกใช้บริการได้ทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งตะวันออก และตะวันตก ดังนี้

ในอาคารเทียบเครื่องบินรองใหม่หลังที่ 1 SAT-1 ชั้น 3 ขาออกประเทศ ฝั่งตะวันออก มีให้เลือกฟิน 3 ร้าน ได้แก่

ร้านที่ 1 จินเจอร์ ฟาร์ม คิทเช่น : GINGER FARM kitchen นำเสนออาหารพื้นบ้านออร์แกนิคสไตล์ล้านนา เจ้าของรางวัลมิชลินไกด์ปี 2563-2567 จากสาขา “วันนิมมาน” สู่สาขาอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ชั้น 3 ฝั่งตะวันออก ชูคอนเซ็ปต์ From Farm to CITY อาหารเหนือสูตรดั้งเดิมที่เลือกใช้เฉพาะวัตถุดิบออร์แกนิคทั้งเนื้อสัตว เลี้ยงแบบปล่อยอิสระ ผักและสมุนไพรต่าง ๆ ฟาร์มปลูกเอง เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจคุณภาพและปลอดภัยรสชาติอร่อย

ร้าน 2  แมคโดนัลด์ : McDonald's เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ให้บริการอาหารคุณภาพมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ด้วยเมนูหลากหลาย สามารถเครื่องสั่งผ่านระบบอัตโนมัติ รองรับการชำระเงินแบบไร้เงินสด บริการ Free Wifi เสิร์ฟอาหารที่โต๊ะ เพื่อเอื้อให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายที่สุด

ร้านที่ 3 เดอะ คอฟฟี่ คลับ : The Coffee Club  เป็นร้านกาแฟสัญชาติออสเตรเลีย ใส่ใจทุกรายละเอียดทั้งรสชาติอาหารและเครื่องดื่มโดยเฉพาะเมนูกาแฟ พร้อมบริการดีเยี่ยมและเป็นมิตร ให้ความรู้สึกเป็นสถานที่แวะพักในบรรยากาศสบาย ๆ เคล้าไปกับรสชาติของกาแฟที่ดีเลิศ

ในอาคารเทียบเครื่องบินรองใหม่หลังที่ 1 SAT-1 ชั้น 3 ฝั่งตะวันตก เลือกใช้บริการร้านอาหารในสไตล์ที่ใช่และที่ชอบได้อีก 6 ร้าน ได้แก่

ร้านที่ 4 บรูว์ แอนด์ ไบทส์ บาย แมงโก้ ทรี : Brew & Bites By Mango Tree  ตั้งอยู่ชั้น 3 ฝั่งตะวันตก นำเสนออาหารไทยสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ในคอนเซ็ปต์ผสมผสานอนาคตแห่งความยั่งยืนหรือ Collaboration for sustainable future  ให้บริการออล เดย์ เบรคฟาสต์ คัดวัตถุดิบคุณภาพแต่ละจังหวัดทั่วไทยมาปรุงรสชาติเมนูคาวหวานให้นักเดินทางอย่างปราณีตทุกจาน  

ร้านที่ 5  ร้าน อิ่ม ไรซ์ แอนด์ นู้ดเดิล : Imm Rice & Noodle เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารไทยให้บริการตามสั่ง ทั้งเมนูข้าวและก๋วยเตี๋ยว ด้วยสูตรอาหารต้นตำรับจากรุ่นสู่รุ่น ลูกค้าจะได้สัมผัสความพิเศษความอิ่มครบวงจร ทั้งอิ่มท้อง ​อิ่มเอม และอิ่มใจ นอกเหนือจากรสชาติอาหารไทยที่คุ้นเคยเหมือนได้รับประทานข้าวที่บ้านนั่นเอง

ร้านที่ 6  เกาะฮ็อป บาร์ : Koh Hop Bar สไตล์บาร์สุดชิค ชื่อนี้มีที่มาจากการเดินทางท่องเที่ยวจากเกาะสู่เกาะ ให้บริการเมนูซิกเนเจอร์ม็อกเทลมากมาย พร้อมเสิร์ฟอาหารสไตล์บาร์ยอดนิยม ทั้งอาหารสไตล์ฝรั่ง ไทยรสจัดจ้าน ของรับประทานทานเล่น เหมาะแวะนั่งพักแบบฟิน ๆ สบาย ๆ

ร้านที่ 7 แคมเดน ฟู้ด โค : Camden Food Co  โดดเด่นด้วยคอนเซปต์ “สะดวก รวดเร็ว สดใหม่” ให้บริการแซนวิชคุณภาพสดใหม่ กาแฟพรีเมี่ยมหอมกรุ่น  ใส่ใจสิ่งแวดล้อมโดยทางร้านเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ร้านที่ 8 เบอร์เกอร์คิง : Burger King อยู่ตรงกลางระหว่างฝั่งตะวันออกกับตะวันตก โดดเด่นเรื่องการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดีเยี่ยม ปรุงด้วยสูตรเป็นเอกลักษณ์ นำเสนอทุกเมนูเนื้อนำเข้าจากออสเตรเลีย พร้อมย่างด้วยเปลวไฟสุกจนได้ที่ กินทั้งครอบครัวหรือกินร่วมกับเพื่อนก็ได้อรรถรสยอดเยี่ยม

ร้านที่ 9 เดอะ พิซซ่า คอมปะนี : The Pizza Company  เสิร์ฟพิซซ่าพรีเมียมที่หลากหลาย เลือกใช้วัตถุดิบสดใหม่ โดยเฉพาะชีสคุณภาพดีเยี่ยมผลิตจากนมสด 100% โดยมีท็อปปิงให้เลือกมากกว่า 30 รายการ

 


ข่าวที่ 2-คิงเพาเวอร์เปิดแล้วเคาน์เตอร์แบรนด์ใหม่ปารีสถึงสุวรรณภูมิ

 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดแล้ว เคาน์เตอร์ใหม่ล่าสุด MAKE UP FOR EVERส่งตรงจากปารีส ถึง คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ฝั่งผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ โซนอีสต์ (East) เปิดให้นักเดินทางสายบิวตี้ ได้เลือกสรรไอเทมยอดฮิตอย่าง Ultra HD Loose Powder, Ultra HD Pressed Powder, Mist & Fix Hydrating และไอเทมพิเศษสำหรับนักเดินทาง Travel Exclusive Set  มีจำหน่ายเฉพาะ ที่ คิง เพาเวอร์ เท่านั้น  หรือจะช้อปออนไลน์ได้ที่ www.kingpower.com

  

 

ข่าวที่ 3-ททท.ผนึก7-11ชูสแตมป์เสน่ห์ไทยโปรโมทเที่ยว77จังหวัด

 

นางสาวสมฤดี จิตรจง  รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.จับมือกับ เซเว่น อีเลฟเว่น เปิดตัวแคมเปญใหญ่ “แสตมป์เสน่ห์ไทย ใครๆ...ก็หลงรัก” นำเสนอความสวยงามและชูเสน่ห์ความเป็นไทย  มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ประเพณี อาหาร รวมถึงของดีอื่น ๆ ทั้ง 77 จังหวัด  โดยมี AI Thailand นำคาแรคเตอร์การ์ตูนสุดคิ้วท์ที่ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย รู้จักกันดี อย่างโดราเอมอนมาผสมผสานความเป็นไทยครั้งแรก  “แบบจัดใหญ่ทั่วไทย...แจกใหญ่ทั่วถึง” ส่งมอบความสุขสนุกสนานให้คนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลก สะสมได้ทั้งรูปแบบดวงแสตมป์ และ M-Stamp บน 7 App ตั้งแต่วันนี้ - 15 ธันวาคม 2567

 

ททท.มุ่งผลักดันเสน่ห์ความเป็นไทยร่วมกับเซเว่น อีเลฟเว่น ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทย กระตุ้นความต้องการเดินทางท่องเที่ยว (Drive Demand) ควบคู่กับยกระดับซัพพลายเสริมศักยภาพของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ภายใต้การเสริมกันทุกภาคส่วนแบบ 360 องศา (Partnership 360o) ผลักดันคนออกเดินทางทันที เพิ่มการใช้จ่ายเงิน พร้อมเสิร์ฟความสุขไปพร้อมกับแคมเปญ “สุขทันที ที่เที่ยวไทย”

 

สำหรับแคมเปญ “แสตมป์เสน่ห์ไทย ใครๆ...ก็หลงรัก”จะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนออกเดินทางท่องเที่ยว เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ “เสน่ห์ไทย” ทั้งแหล่งท่องเที่ยว วัฒนธรรม ประเพณี อาหาร ทั้ง 77 จังหวัด ที่มีเอกลักษณ์ โดดเด่น เป็นซอฟท์ พาวเวอร์ สะท้อนความเป็นไทยอย่างน่าสนใจ ผ่าน “ดวงแสตมป์เซเว่น อีเลฟเว่น ด้วยคาแรกเตอร์ “โดราเอมอน” ซึ่งจะทำให้คนไทยและต่างชาติเข้าถึงและรู้จักเมืองไทยในมิติต่าง ๆ มากขึ้น เหมือนการเชิญชวนให้คนออกเดินทางท่องเที่ยวค้นหาของดีแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ และช่วยกระจายรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นให้ดีขึ้นด้วย

 

นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า เซเว่น อีเลฟเว่น เป็นหนึ่งในเดสติเนชั่นหรือหมุดหมายของนักท่องเที่ยวต่างชาติเมื่อมาเมืองไทยต้องมาเช็คอินทุกครั้ง เพราะเป็นร้านที่มีสีสันสันขายสินค้าหลากหลาย ทั้ง SME อาหารไทย 4 ภาค การจัดแคมเปญแสตมป์ปี 2567 ทางเซเว่น อีเลฟเว่นกับ ททท.ร่วมมือกันนำของเด่นของดีไทย 77 จังหวัด นำโดยแหล่งท่องเที่ยว อาหารไทย ศิลปะวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงาม ผนวกเข้ากับดวงแสตมป์ภายใต้แนวคิด “แสตมป์เสน่ห์ไทย ใครๆ...ก็หลงรัก” สร้างการรับรู้ทั้งตลาดคนไทยและนานาชาติ

 

โดยมี AI Thailand สนับสนุนนำคาแรคเตอร์ “โดราเอมอน” มาผสมผสานเสน่ห์ความเป็นไทยครั้งแรก ส่งต่อประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าเข้าถึงเสน่ห์ความเป็นไทยได้ง่ายขึ้น ด้วยความสุข สนุกสนาน และรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ไทย และร่วมภาคภูมิใจไปกับเสน่ห์ความเป็นไทย แต่ละปีแคมเปญแสตมป์เซเว่นลูกค้าตอบรับดีมาก สะสมได้ทั้งรูปแบบดวงแสตมป์ และ M-Stamp ใน 7App แล้วนำแสตมป์ไปแลกของพรีเมียมรายการพิเศษน่ารัก ๆ น่าสะสมได้ด้วย ปีนี้แสตมป์ดังกล่าวจึงเป็นแคมเปญใหญ่ประจำปีที่มีสีสันสมการรอคอย

 

แคมเปญแสตมป์ครั้งนี้มี “โดราเอมอน” บนแสตมป์ 7-Eleven ผ่านแคมเปญ “แสตมป์เสน่ห์ไทย ใครๆ...ก็หลงรัก” แบบจัดใหญ่ทั่วไทย...แจกใหญ่ทั่วถึง 

 

1.ซื้อสินค้าครบทุกๆ 80 บาท (ยกเว้น สินค้าไม่ร่วมรายการ) จะได้รับดวงแสตมป์ หรือ M-Stamp มูลค่า 1 บาท  นำเสนอเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น 77 จังหวัด

 

2.ซื้อสินค้าที่ร่วมรายการรับแสตมป์จัดหนักมูลค่า 3 บาท  ครั้งแรกในไทยที่โดราเอมอนและผองเพื่อนจะแต่งกายด้วย “ชุดที่แสดงถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย” บนดวงแสตมป์

 

3.แล้วยังสามารถนำแสตมป์ 7-Eleven ร่วมบริจาคเข้าโครงการบุญนิธิแสตมป์เซเว่นเพื่อสาธารณกุศลทุกภูมิภาค โดยบริจาคได้ที่ร้านเซเว่นฯทุกสาขา และ ผ่าน 7App 

 

สำหรับ แคมเปญ “แสตมป์เสน่ห์ไทย ใครๆ...ก็หลงรัก” เริ่มแจกแสตมป์ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม ถึง 23 พฤศจิกายน 2567 และสามารถแลกแสตมป์ได้ถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2567

 

รวมทั้งมีกิจกรรมบน 7Application “ล่าลายแสตมป์ทั่วไทย รับคุ้มทุกเดือน” เพียงเป็นสมาชิก ALL member ร่วมสนุกสะสมล่าลายแสตมป์ให้ครบทั้ง 77 จังหวัด รับ M-Stamp มูลค่า 77 บาท สามารถพลิกดูข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ประเพณีและของดีทั่วไทยได้ง่าย ๆ บน 7App

  

ข่าวที่ 4-CEOบางจากจัดเต็มเวทีสศค.เร่งธุรกิจรุกทำคาร์บอน3แนวใหม่

 

            นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้ขึ้นเวทีทำหน้าที่วิทยากรในงานสัมมนาวิชาการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประจำปี 2567 Fiscal GreenPrint พิมพ์เขียวนโยบายการคลังสู่เศรษฐกิจสีเขียว” ในหัวข้อ “Fiscal GreenPrint: Bridging Policy and Practice เชื่อมนโยบายสู่การปฏิบัติ” โดยทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จัดขึ้นที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ พร้อมกับเปิดให้ผู้นำองค์กรต่าง ๆ นำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ร่วมกันกับผู้นำอีก 4 องค์กร คือ ดร.พรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง นายผยง ศรีวณิช ประธานกรรมการสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ดร.พูนเพิ่ม วรรธนะพินทุ ผู้จัดการด้านความยั่งยืนระดับภูมิภาค บริษัท บูโร เวอริทัส (ประเทศไทย) จำกัด และ นายธันยวัฒน์ ทั่งตระกูล กรรมการผู้จัดการบริษัท ธาอีส อีโคเลทเธอร์ จำกัด

 

นายชัยวัฒน์กล่าวว่าได้นำเสนอเรื่องความสำคัญการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยใช้แนวทางธุรกิจต้องปรับตัวตอบสนองต่อกฎระเบียบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หลัก ๆ 3 แนวทาง คือ

แนวทางที่ 1 จัดทำบัญชีคาร์บอน ประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (CFO) และประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ (CFP) เพื่อให้มีข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร วางแผนสู่เป้าหมายก้าวสู่คาร์บอนเป็นศูนย์หรือ Net Zero 

 

แนวทางที่ 2 เตรียมรับมาตรการต่าง ๆ ทางด้านภาษีทั้งระดับประเทศและสากลทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ส่งออกสินค้า จะต้องเผชิญกับมาตรการอย่าง CBAM (Carbon Border Adjustment)  และสิทธิประโยชน์ด้านภาษี หรือแรงจูงใจจากภาครัฐ จะเป็นปัจจัยช่วยธุรกิจปรับตัวได้ ด้วยการยกตัวอย่างร่างกฎหมาย Inflation Reduction Act ของสหรัฐซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการลงทุนด้านพลังงานสะอาดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งจะช่วยสร้างความสามารถทางการแข่งขันอีกทางหนึ่งให้ประเทศ

 

แนวทางที่ 3 เตรียมพร้อมรับมือมาตรการทางด้านภาษีซึ่งจะนำประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมาเป็นตัวตั้ง และในระดับสากลกำลังเข้มข้นขึ้น เรื่องสำคัญคือการชดเชยคาร์บอนเครดิต จึงต้องย้ำให้เห็นถึงความสำคัญอย่างมากเรื่องการจัดตั้งมาตรฐานการตรวจสอบคาร์บอนเครดิตร่วมกันในอาเซียน

 

เนื่องจากแนวทางดังกล่าวจะช่วยสร้างความสอดคล้องกันระหว่างประเทศสมาชิกด้านนโยบายสิ่งแวดล้อมและตลาดคาร์บอน ทำให้เกิดความเชื่อมั่นและสร้างความน่าเชื่อถือในตลาดคาร์บอนของภูมิภาค พร้อมกับลดความเสี่ยงจากการนับซ้ำหรือการทุจริต แถมยังช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุนในโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างคล่องตัวมากขึ้น ช่วยเพิ่มพลังเสียงอาเซียนในเวทีเจรจาระดับโลก ทำให้ภูมิภาคนี้สามารถตอบสนองต่อความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีตลาดทุนสามารถเข้ามามีบทบาทขับเคลื่อนด้านนี้อย่างมีประสิทธิภาพ  

 

นายชัยวัฒน์ ย้ำว่าตนได้แบ่งปันประสบการณ์ของบางจากในการดำเนินธุรกิจ โดยเล็งเห็นแนวโน้มในอนาคตเน้นให้ความสำคัญเรื่อง “การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน” จึงได้ริเริ่มดำเนินการความเป็นผู้นำด้านต่าง ๆ ไฮไลต์ 4 ด้าน ได้แก่ ด้านที่ 1 การผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ ด้านที่ 2 การลงทุนในเหมืองแร่ลิเทียมซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ ด้านที่ 3 การผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนหรือ SAF (Sustainable Aviation Fuel ) ด้านที่ 4 ก่อตั้ง Carbon Markets Club ตั้งแต่ปี 2564 เพื่อเป็นองค์กรสนับสนุนขับเคลื่อนการซื้อขายคาร์บอนเครดิตและสร้างความตระหนักรู้และรับมือกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 

ในงานสัมมนาครั้งนี้บางจากฯ ได้จัดแสดงบูธนิทรรศการ Carbon Markets Club คลับรักษ์โลกแห่งแรกของประเทศไทย บางจากฯ นำทีมก่อตั้งเมื่อปี 2564 ร่วมกับ บมจ.บีซีพีจี และองค์กรพันธมิตรรวม 11 องค์กรปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 1,200 ราย แบ่งเป็นประเภทองค์กรและบุคคล ได้รับความสนใจจากผู้ร่วมสัมมนาจำนวนมาก และได้รับเกียรติจาก ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และผู้บริหารของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน  แวะเยี่ยมชมและรับฟังข้อมูล จากนางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บางจากฯ และประธาน Carbon Markets Club ซึ่งพร้อมจะรับสมาชิกลงทะเบียนเข้าร่วมฟรีเพื่อขยายเครือข่ายสร้างการรับรู้ทิศทางการพัฒนาและยกระดับตลาดคาร์บอนเมืองไทยก้าวสู่สากลอย่างเข้มแข็งต่อไป

  

ข่าวที่ 5 -TCEB อีสานจัดอบรมเตรียมพร้อมเจ้าภาพเอ็กซโปโคราชปี69

 

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดเวทีเตรียมความพร้อมสู่ Korat Expo 2029 เตรียมเมือง - เตรียมงาน - เตรียมการต้อนรับ - เตรียมประชาสัมพันธ์เมือง  เปิดอบรมเชิงปฏิบัติการยกระดับศักยภาพพื้นที่ สู่แผนขับเคลื่อน เตรียมความพร้อมพื้นที่ สู่การเป็นเจ้าภาพงานมหกรรมพืชสวนโลกนครราชสีมา 2572 ” ROAD TO KORAT Expo 2029

 

เน้นเสนอแนวคิด 5 เรื่อง 1.ถอดบทเรียนพืชสวนเชียงใหม่ สู่พืชสวนโคราช 2.การยกระดับเมืองเพื่อรองรับการจัดงานระดับนานาชาติ 3.การสร้างงานและการเตรียมบุคลากรเพื่อรองรับการจัดงาน 4.การสร้างแผนส่งเสริมการตลาดเพื่อสนับสนุนการต้อนรับนักเดินทาง 5.การประชาสัมพันธ์แนวใหม่เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์เมือง

 

รวมพลังกันระดมไอเดีย สู่แผนกิจกรรม 5 ปี เพื่อให้จังหวัดนครราชสีมา พร้อมเป็นเจ้าภาพงานเทศกาลระดับนานาชาติ ในทุกมิติเมื่อ26-27 สิงหาคม 2567 ที่โรงแรมเซนทารา โคราช

 

นางสาวประไพพักตร์ พุทธิโยธิน ผู้จัดการทีเส็บภาคอีสาน ได้จัดกิจกรรมการประชุมเชิงปฏิบัติการยกระดับศักยภาพเชิงพื้นที่ สู่แผนขับเคลื่อนเตรียมความพร้อมในพื้นที่ รองรับการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก ปี พ.ศ. 2572 หรือ Road to Korat Expo 2029 โดยมีนายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธาน พร้อมผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 50 คน จากภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน เช่น สำนักงานจังหวัด เกษตรจังหวัด พานิชย์จังหวัด ประชาสัมพันธ์จังหวัด ผู้แทนจากอำเภอคง หอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สมาคมและหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว

 

กระตุ้นทุกฝ่ายเข้าร่วมรับฟังความรู้และข้อคิด ประสบการณ์จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิกว่า 6 คน พร้อมทั้งร่วมกันจัดทำแผนขับเคลื่อนระยะ 5 ปี เพื่อเตรียมภารกิจสำคัญ 5 ส่วน ได้แก่ 1.เตรียมเมือง 2.เตรียมงาน 3.เตรียมการต้อนรับ 4.เตรียมประชาสัมพันธ์ 5.เตรียมความพร้อมพื้นที่ ในการรองรับงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดนครราชสีมา ปี 2572 ซึ่งจะเป็นเวิลด์ อีเวนต์ สร้างรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างมากมหาศาล แล้วยังช่วยจ้างงาน สร้างอาชีพ จำนวนหลายหมื่นคน

  

            ช่วงที่ 2 ไปเที่ยวเทศกาล “อั๊ยยะ ปักษ์ใต้” ด้วยกัน ยกทุกอย่างมาไว้ในกรุงฯ รอเช็คอินสีสัน เส้นสาย แรงบันดาลใจกับพิกัดเที่ยว 8 กิจกรรรม เปิดย่านดัง “ช่างชุ่ย ครีเอทีฟ ปาร์ค” ปิ่นเกล้า ต้อนรับทุกคนฟรี 6-8 ก.ย.นี้ แล้วต้องฟัง “3กลุ่มผลไม้กินแล้ว” สุขภาพแจ๋วทุกคน พร้อมเกาะติดข่าวฮ็อต ข่าวแรก “AWCเปิด เอ-ญ่า รูฟท็อป” โปรเจกต์พันล้านอาหารไลฟ์สไตล์ลอยฟ้าบนตึกเอ็มไพร์ ข่าวที่สอง “โรงแรมฮอลิเดย์อินน์กรุงเทพฯ” โหมขายเทศกาลอ๊อกโทเบอร์เฟสต์” 20 ก.ย.-20 ต.ค.67

 

ท่องเที่ยว –เช็คอินเที่ยว“อัยย๊ะ ปักใต้”เปิดพิกัดความสุข 6-8ก.ย.8 กิจกรรม

 

เที่ยวไทย มุมใหม่ ๆ งานใหญ่ ชวนไปเที่ยวงาน "อัยย๊ะ ปักษ์ใต้ FLY 2 SOUTH NOW FESTIVAL" เตรียมสัมผัสความสีสันความมหัศจรรย์ “ศิลปะและวัฒนธรรมปักษ์ใต้” ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รอเช็คอินได้เลยฟรีวันที่ 6-8 กันยายน 2567 ที่ช่างชุ่ย ครีเอทีฟ ปาร์ค ปิ่นเกล้า (กรุงเทพฯ) เปิดความสนุกเต็มพิกัดกับ 8 กิจกรรม

 

กิจกรรมที่ 1 อัยย๊ะ ปาเต๊ะ Fashion Show โดย Flynowiii   -นำเสนอ "อัยย๊ะ ปาเต๊ะ" แฟชั่นโชว์สุดพิเศษจาก Flynowiii วันที่ 6 กันยายน 2567 เวลา 19.15 น. เป็นการจับมือกันกับดีไซน์เนอร์และศิลปินรุ่นใหม่อย่าง เอฟ-อนุธิดา กาญจนานุชิต, นิ่ม-แก้วตระการ จุลบล นำผ้าปาเต๊ะมาสะบัดบนรันเวย์กลางแจ้ง บริเวณลานจอดเครื่องบินขนาดใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ของช่างชุ่ย พร้อมกับสะท้อนแรงบันดาลใจจาก สีสัน เส้นสาย ลายเส้น โดยมีนางแบบนายแบบที่มีภูมิลําเนาภาคใต้มาร่วมดึงความสนใจ นำโดย ซูริ-สุริศา ซูซานน่า เรโนล (รองชนะเลิศ อันดับ 1 MUT 2024), ฉลามจัส-ดุลยวัต แก้วศรียงค์ (นักกีฬาว่ายน้ำโอลิมปิก) และนางแบบนายแบบอีกกว่า 40 คน

 

กิจกรรมที่ 2 อัยย๊ะ ปาเต๊ะ Exhibition -ชมนิทรรศการสุดพิเศษชุดแฟชั่นโชว์  “อัยย๊ะ ปาเต๊ะ” โดย Flynowiii กว่า 40 ชุด พร้อมจัดแสดง “ผ้าโบราณ” ปาเต๊ะสีธรรมชาติ สีเคมี แม่พิมพ์โลหะโบราณ แม่พิมพ์ไม้ ผ้าโบราณที่สูญหายไปจากพื้นที่ เช่น ผ้าจวนตานี ผ้าสีมา ผ้าซองเก็ต ผ้ายกทองโบราณ โดย อาจารย์ปิยะ สุวรรณพฤกษ์ เจ้าของแบรนด์ “ศรียะลาบาติก” จังหวัดยะลา

 

กิจกรรมที่ 3 อัยย๊ะ Market -อิ่มอร่อยช้อปสนุกให้ได้แรงอก! ที่ตลาดอาหารและสินค้าท้องถิ่นปักษ์ใต้มีให้เลือกอิ่มอย่างจุใจ เช่น บ้านขนมป้าพิณลำภูรา จ.ตรัง เอกอร่อย พริกแกงใต้ จ.นครศรีธรรมราช แม่ผันข้าวยำปักษ์ใต้ จ.สงขลา แบรนด์ YABULAN จ.ยะลา และ แบรนด์ YAYEE จ.ภูเก็ต

 

กิจกรรมที่ 4 อัยย๊ะ Southern Performance -ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมปักษ์ใต้หาดูยาก จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เช่น โนราห์บูชาธาตุ นางเมือง ปรารูปร๊าหน่ะ และโชว์เชิดหนังตะลุง โดยคณะทวีหนังตะลุง

 

กิจกรรมที่ 5 -อัยย๊ะ Music สนุกกับดนตรีจากศิลปินอินดี้สมัยใหม่นำเพลงปักษ์ใต้มาเรียบเรียงในสไตล์เฉพาะตัว เช่น Dowjones , Abandoned House , Richman Poorman , มาณพ , Malaiman downtown

 

กิจกรรมที่ 6 -อัยย๊ะ Talk -ชวนมาล้อมวงทอล์คผ้าพื้นเมืองปักษ์ใต้โดยกูรูประวัติศาสตร์และดีไซเนอร์ในแฟชั่นร่วมสมัย ในหัวข้อ “จากเก่าสู่ใหม่รวมใจปลุกปาเต๊ะ : สืบสาน อนุรักษ์ พัฒนา” กับอาจารย์ปิยะ สุวรรณพฤกษ์ เจ้าของแบรนด์ “ศรียะลาบาติก” จ.ยะลา และภูมิ-พงศ์พิวิชญ์ ทั่วไตรภพ เจ้าของแบรนด์ “YAYEE” จ.ภูเก็ต

 

กิจกรรมที่ 7 อัยย๊ะ Workshop -ลงมือทำเวิร์คช็อปหัตถศิลป์ท้องถิ่นปักษ์ใต้ เช่น ระบายและพิมพ์ลายสีลงผ้าบาติก 

 

กิจกรรมที่ อัยย๊ะ Art -เสพศิลป์ชมงานศิลปะจากยางพารากับศิลปินปักษ์ใต้ นิ่ม-แก้วตระการ จุลบล ผู้ก่อตั้ง The Rubber PARAdoxii

 

วันที่ 6-8 กันยายน 2567 มีนัดกันทุกวันตั้งแต่ 16.00-21.00 น. ที่ ช่างชุ่ย Creative Park ปิ่นเกล้า

  

สุขภาพ –3กลุ่มผลไม้มี3วิตามิน“เบต้า-ซี-อี”กินแล้วดีต่อสุขภาพมาก

 

กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีงานวิจัย “องค์ความรู้เรื่องปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในผลไม้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ (วิตามินซี วิตามินอี และ เบต้าแคโรทีน) ในผลไม้” ที่ทำการศึกษาที่สร้างประโยชน์แก่ร่างกาย 3 กลุ่ม ที่น่าสนใจ ผลไม้ไทยที่มีสารต้านมะเร็งสูง 

 

กลุ่มที่ 1 ผลไม้ 10 อันดับแรกผลไม้ทั้งหมดนี้มีเนื้อสีเหลืองและสีเหลืองเข้ม มีเบต้าแคโรทีนสูงคือ 1. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก  2. มะเขือเทศราชินี 3. มะละกอสุก 4. กล้วยไข่ 5. มะม่วงยายกล่ำ 6. มะปรางหวาน 7. แคนตาลูปเนื้อเหลือง 8. มะยงชิด 9. มะม่วงเขียวเสวยสุก 10. สับปะรดภูเก็ต 

 

ส่วนผลไม้ที่ไม่มีเบต้าแคโรทีนเลย 1. แก้วมังกร 2. มะขามเทศ 3. มังคุด 4. ลิ้นจี่ 5. สาลี่ 

 

กลุ่มที่สอง ผลไม้10 อันดับแรกมีวิตามินซีสูงคือ 1. ฝรั่งกลมสาลี่ 2. ฝรั่งไร้เมล็ด 3. มะขามป้อม 
4. มขามเทศ 5. เงาะโรงเรียน 6. ลูกพลับ 7. สตรอเบอร์รี่ 8. มะละกอสุก 9. ส้มโอขาว 10. แตงกวา 
11. พุทราแอปเปิล 

            กลุ่มที่สาม ผลไม้ที่มีวิตามินอีสูง 10 อันดับแรกคือ 1. ขนุนหนัง 2. มะขามเทศ 3. มะม่วงเขียวเสวยดิบ 
4. มะเขือเทศราชินี 5. มะม่วงเขียวเสวยสุก 6. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก 7. มะม่วงยายกล่ำสุก 8. แก้วมังกรเนื้อสีชมพู 9. สตรอเบอร์รี่  10. กล้วยไข่

 

สำหรับผลไม้ที่มี “เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และวิตามินอี” ทั้ง 3 ตัวในปริมาณค่อนข้างสูงคือ มะเขือเทศราชินี ขณะที่มีสาร 3 ตัวนี้ปริมาณน้อยคือ สาลี่ องุ่น และแอปเปิล

“เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และอี” เป็นกลุ่มของสารอาหาร “ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ” ที่ทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบ ทำลายเนื้อเยื่อ เกิดต้อกระจกในผู้สูงอายุ โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด

 

สารทั้ง 3 ตัว โดยเฉพาะ “เบต้าแคโรทีน” จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ยับยั้งการก่อกลายพันธุ์ ป้องกันเนื้องอก ลดความเสี่ยงการเป็นต้อกระจก มะเร็งและหัวใจได้

 

ดังนั้นเราทุกคนจึงควร “รับประทานผลไม้ในปริมาณมากพอสมควร” ทุกวัน หรืออย่างน้อยวันละ 4 ส่วนของอาหารที่รับประทาน เพื่อสุขภาพที่ดี

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก – AWCอวดโฉมโปรเจกต์พันล้านเอ-ญ่ารูฟท็อปเอ็มไพร์5ร้านปัง

 

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) “AWCเปิดเผยว่า ขับเคลื่อแผนลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ด้วยการสร้างปรากฏการณ์ระดับโลกนำเสนอห้องอาหารและคาเฟ่ “เอ-ญ่า รูฟท็อป แอท ดิ เอ็มไพร์- EA Rooftop at The Empire” ขนาดใหญ่สูงที่สุดใจกลางกรุงเทพฯ รวม 6 ชั้น บนตึกเอ็มไพร์ครอบคลุมพื้นที่รวมกว่า 10,000 ตร.ม. โดยได้รวมประสบการณ์พิเศษหลากหลายนำเอ็มไพร์ก้าวสู่ไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่นชั้นนำของกรุงเทพฯ กับหนึ่งในจุดหมายปลายรูฟทอปใหญ่และสูงที่สุดใจกลางเมือง เตรียมเปิดตัวเป็นทางการตั้งแต่ 18 กันยายน 2567 เป็นต้นไป

 

โดยมี “เอ-ญ่า รูฟท็อป” กลางแจ้งกว่า 2,500 ตร.ม. ตั้งเป้าให้เป็นแม่เหล็กดึงดูดคนไทย นักท่องเที่ยว นักชิมจากทั่วโลกมาใช้บริการ พร้อมวิวเส้นขอบฟ้ากรุงเทพและคุ้งน้ำเจ้าพระยาอันงดงาม 360 องศา ทั้งกลางวันและกลางคืนภายใต้แนวคิด “Celebrating The World’s Newest Horizon”  

 

โครงการ “เอ-ญ่า รูฟ ท็อป แอท เอ็มไพร์” จัดให้มีบริการห้องอาหารและคาเฟ่ชั้นนำเริ่มตั้งแต่ชั้น 55 “เอ-ญ่า แกลลอรี่- EA Gallery แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ร้านอาหารกับคาเฟ่และทัศนียภาพที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ ประกอบด้วยร้าน Arabica สาขาสูงที่สุดในโลก qraft ร้านคาเฟ่และเบเกอรี่แบบตะวันออก Onggi ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบเกาหลี  ชั้น 56 มี Inviation Only สปีคอีซี่บาร์สุดชิคมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมกับ 3 เชฟ ให้บริการความหรูหราตรงในโซน “เอ-ญ่า เชฟ เทเบิล มี “ร้านฤดูกาล” โดยเชฟต้น ธิติฏฐ์ นับเป็นห้องอาหารไทยบนรูฟทอปแห่งแรกของโลก ร้าน “เคย์ บาย วิคกี้ เชง” เชฟวิกกี้ เขง นำมาเปิดในต่างประเทศแห่งแรกในไทย ร้าน “ซาโตเรียอาร์ บาย เปาโล อายราวโด” เชฟเปาโล อายราวโด นำห้องอาหารอิตาเลียนแห่งใหม่ล่าสุด พร้อมทั้งมีไฮไลท์ของร้าน “โนบุ แบงค็อก” เป็นห้องอาหารสูงที่สุดในโลกอีกแห่ง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 3 ชั้นไปจนถึง “Nobu Rooftop Bar” ชั้นดาดฟ้า “เชฟโนบุ มัตสึฮิสะ” นำเสนออาหารญี่ปุ่นร่วมสมัยตกแต่งด้วยศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์

 

                นางวัลลภากล่าวว่าเชื่อมั่นจะทำให้ “เอ-ญ่า” เป็นหนึ่งในไฮไลท์เติมเต็มประสบการณ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวทุกคนที่เยือนกรุงเทพฯ พร้อมเติมเต็มแนวคิด Co-Living Collective: Empower Future ของอาคาร "เอ็มไพร์" สนับสนุนให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางไลฟ์สไตล์รูฟทอปด้านอาหาร เครื่องดื่ม และการท่องเที่ยวในระดับสากลอย่างยั่งยืน

 

@เอ-ญ่า แกลลอรี่”พื้นที่ไลฟ์สไตล์ชมวิวสุดพิเศษกลางกรุง

 

ห้อง “EA Gallery” ชั้น 55 ในตึกเอ็มไพร์ ทดลองอเปิดมาเป็นเดือนที่ 8 ปี2567 มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากนิยมมาใช้บริการอาหาร เครื่องดื่ม ความบันเทิง จากร้านอาหาร คาเฟ่ และบาร์ บนดาดฟ้าแห่งนี้ ประกอบไปด้วย 1.ร้าน %ΔRΔBICΔ สาขาสูงที่สุดในโลก ร้านกาแฟชื่อดังด้วยคุณภาพของกาแฟและเครื่องดื่มคุณภาพชั้นยอด 2.ร้าน qraft /คราฟท์ คาเฟ่และเบเกอรี่จากญี่ปุ่น นำเสนอเมนูบรันช์กับบเกอรี่สไตล์ตะวันออก พร้อมเมนูขนมอบ อาหารระดับกูร์เม่ต์หลายชนิด 3.ร้านOnggi สไตล์ไฟน์ไดนิ่งแบบเกาหลี พร้อมมอบประสบการณ์รับประทานอาหารชั้นเลิศต้นตำรับแท้ ๆ 4.Invitation Only บาร์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตกแต่งสุดชิคโทนสีแดง ด้วยแนวคิดบาร์สปีคอีซี่ที่ไม่เหมือนใคร 

 

ชั้น 56 ในโซน “EA CHEF’S TABLE“ มีไฮไลต์ร้านต่าง ๆ ดังนี้ ห้องอาหารที่ 1 ร้านฤดูกาล /Le Du Kaan โดยเชฟมิชลิน “เชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร” ปรุงเมนูต่าง ๆ  ถือเป็นห้องอาหารไทยบนรูฟทอปแห่งแรกของกรุงเทพฯ ผสมผสานอาหารไทยร่วมสมัยเข้ากับศิลปะการเล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิง ห้องอาหารที่ 2 อุโมงค์ Eexperience Tunnel สุดชิคทั้งร้านอาหารแบบสบาย ๆ บาร์เลานจ์ในร่มและกลางแจ้งสีสันสดใสกับพื้นที่ระเบียงกลางแจ้งกว่า 835 ตรม.ฉากหลังมีทิวทัศน์เมืองและวิวแม่น้ำเจ้าพระยา

 

@K by Vicky Chengมาสเตอร์พีซอาหารจีนร่วมสมัย

 

ห้องอาหารที่ 3 K by Vicky Cheng  เดินทางมาเปิดในต่างประเทศแห่งแรกโดยเชฟมิชลินชาวฮ่องกงอย่างเชฟวิคกี้ เชง เสิร์ฟเมนูจีนร่วมสมัยที่ไม่มีใครเหมือน นำเสนอรูปแบบใหม่ผ่านการผสมผสานรสชาติแบบดั้งเดิมเข้ากับเทคนิคการทำแบบฝรั่งเศส ผนวกกับแนวคิดด้านอาหารที่มีเอกลักษณ์จากแรงบันดาลใจของภูมิปัญญาโบราณของ 24 ภาวะตามปฏิทินจีน

 

@Sartoria by Paulo Airaudo อิตาเลียนไฟน์ไดนิ่งแนวใหม่

ห้องที่ 4 Sartoria by Paulo Airaudo นำเสนอนิยามใหม่ของเมนูอาหารอิตาเลียนคลาสสิกร่วมสมัยกับเมนูสุดพิเศษโดยเชฟมิชลิน “เชฟเปาโล อายราวโด” กลั่นกรองประสบการณ์ถ่ายทอดความรู้สึกร่วมและความลุ่มลึกให้แขกผู้มาเยือน นำเสนอประสบการณ์หรูหราเหนือระดับกับโลกอาหารอิตาเลียนไฟน์ไดนิ่งชั้นสูง คัดสรรวัตถุดิบจากผู้ผลิตท้องถิ่นในไทย โชว์ศิลปะการทำอาหารผ่านครัวแบบเปิด รับประทานโดยมีฉากหลังสมบูรณ์แบบเติมเต็มช่วงเวลาสุดพิเศษตลอดการรับประทานอาหารวิวพาโนรามากรุงเทพฯ

 

@Nobu Bangkok” ห้องอาหารสูงที่สุดในโลก

ห้องอาหารที่ 5 Nobu Bangkok มีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้น 56 ไปถึงดาดฟ้าตึกเอ็มไพร์ เชฟระดับตำนาน “เชฟโนบุ มัตสึฮิสะ” ทำอาหารแต่ละจานด้วยการผสานศิลปะญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมเข้ากับอิทธิพลอาหารเปรู พร้อมจะมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารน่าประทับใจเหนือระดับให้กับผู้มาเยือน ด้วยการบริการชั้นเลิศและเมนูอาหารเป็นเอกลักษณ์ สร้างสรรค์ช่วงเวลาอันน่าจดจำมื้อสำคัญ หรือค่ำคืนอันน่าประทับใจของผู้มาเยือนต่อไปอย่างยาวนาน 

 

บริษัท Rockwell Group ระดับโลกได้ออกแบบร้าน “Nobu Bangkok” อย่างงดงามมีสุนทรียะศิลปะแบบไทยและญี่ปุ่นที่ผสมผสานลงตัว สะท้อนวัฒนธรรมอันมีชีวิตของกรุงเทพฯ ด้วยโทนสีทอง งานแกะสลักสุดวิจิตร โดยได้แรงบันดาลใจจากวัดไทยสู่ความเรียบหรูในแบบฉบับญี่ปุ่นที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณของแบรนด์โนบุออกมาผ่านทุกองค์ประกอบได้อย่างพิถีพิถัน

 

ข่าวที่สอง -รร.ฮอลิเดย์อินน์กรุงเทพบูมขายอ๊อกโทเบอร์เฟสต์1เดือน

 

โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ กรุงเทพฯ เตรียมอาหารสไตล์บาวาเรียน ไว้ที่ “เบียร์ รีพับบลิค” พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มเบียร์มากมายหลากหลายชนิด ให้ทุกคนได้ร่วมฉลองอย่างสนุกสนาน “อ๊อกโทเบอร์เฟสท์” เทศกาลเบียร์เยอรมันประจำปีนี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน-20 ตุลาคม 2567

 

ทางโรงแรมจัดเตรียมอาหารพร้อมเครื่องดื่มไว้ให้ลิ้มลองอาหารเยอรมันประจำเทศกาลเบียร์มากมายหลายชนิด เช่น “บราทเวิร์ส” หรือฮอตด็อกไส้กรอกเนื้อลูกวัวเสิร์ฟกับซาวเคราท์และเคอร์รี่เวิร์ส หรือ “ไส้กรอกหมูย่าง” เสิร์ฟกับซอสผงกระหรี่และมันฝรั่งทอด ส่วนอาหารเยอรมันประจำเทศกาลเบียร์ที่ขาดไม่ได้คือ “วีเนอร์ ชนิทเซล” หรือหมูชุบแป้งทอดกรอบเสิร์ฟกับมันฝรั่งทอด หัวหอมและเบคอน เพรทเซลชิ้นใหญ่เสิร์ฟกับชีสเยอรมัน “ไก่ทั้งตัวอบเบียร์” แสนอร่อย และ “ขาหมูทอดกรอบ” เสิร์ฟกับซาวเคราท์ มันฝรั่งและเกรวี่

 

เมนูอาหารพิเศษต้อนรับเทศกาลอ๊อกโทเบอร์เฟสท์ ราคาเริ่มต้นจานละ 200++ บาท ส่วน “เบียร์สด” ราคาเริ่มต้นแก้วละ 165++ บาท ราคาทั้งหมดยังไม่รวมค่าบริการ 10% และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%

 

ปี 2567 โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ กรุงเทพฯ ชวนทุกคนมาร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลเบียร์เยอรมันได้ที่ “เบียร์ รีพับบลิค” พร้อมเปล่งเสียงโพรสท์/Prost แล้วชนแก้วไปด้วยกัน หรือพูดให้ชัดว่า “น็อค ไอน์ เบียร์ บิทเทอ” ในภาษาเยอรมันมีความหมายว่าขอเบียร์อีกแก้วนึง ทางร้านเบียร์ รีพับบลิค พร้อมให้บริการเบียร์หลายชนิดทั้งเบียร์ในประเทศและนำเข้ามีให้เลือกสรรรวมถึงจากเยอรมันด้วยรวมมากกว่า 60 ชนิด

 

สำหรับ “เบียร์ รีพับบลิค” ตั้งอยู่ชั้น G โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ กรุงเทพฯ เปิดบริการ วันอาทิตย์-วันพฤหัสบดี ตั้งแต่ 11.30-24.00 น. วันศุกร์และวันเสาร์ ตั้งแต่ 11.30 -01.00 น. ทางโรงแรมได้ปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศไทยอย่างเคร่งครัดด้วยการให้ เบียร์ รีพับบลิค งดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลา14.00-17.00 น. สอบถามข้อมูลและสำรองที่นั่งได้ทางเว็บไซต์ www.HolidayInn.com/HIBangkok   

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

 

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง