อัครวิชย์ เทพาสิต
ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ททท.นำท่องเที่ยวดันเศรษฐกิจภาคกลาง6เดือนอู้ฟู่6แสนล้าน
งัดเมกะแฟมทริป9เส้นทางชิมรางขายเมืองหลักสู่เมืองน่าเที่ยว
ก.ย.นี้ภาคกลางทุกจังหวัดกระหน่ำปลุกตลาดทัวร์10บิ๊กอีเวนต์
ด่วน!ภูวินทร์นัดเสาร์31ส.ค.นี้เจอที่คิงเพาเวอร์เพาเวอร์รางน้ำ
“คิงเพาเวอร์ออนไลน์”ช้อปให้สุดEnd of Month Dealลด20%
6เทคนิคช้อปคิงพาเวอร์ออนไลน์เก็บทุกเม็ดคุ้มทุกดีลดีทุกโปร
ททท.ผนึกTUNIUรุกทัวร์จีนคุณภาพ7เดือนแรกทำยอดโต161%
บางจากต่อยอดโซลาร์เซลหนุนผ้าไทยสร้างงานเซฟต้นทุน70%
TCEBภาคกลางเสนอเทศกาลพลุนานาชาติชิงรางวัลIFEA2024
เที่ยวเชียงใหม่จากขนหัวลุกเวียงพิงค์ถึงทัวร์วัดปีเกิด12 ราศรี
7ข้อแนะแนวทางการปฏิบัติลดระดับไขมันตัวร้ายในเลือดLDL
ดุสิตผนึกเจเนอเรเตอร์&ฟรีแฮนด์ยุโรปลุยธุรกิจโรงแรมทั่วโลก
วิทยุการบินถกพันธมิตรแผนใช้ห้วงอากาศใหม่นำไทยฮับเอเชีย
วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #TCEB #เที่ยวเชียงใหม่
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/7ubXvCAeSCFPLrmL/?mibextid=oFDknk
ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !! “อัครวิชย์ เทพาสิต” ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำธุรกิจ 7 เดือนแรกทำเงินเป๋าตุงกว่า 6 แสนล้านบาท เฉพาะเที่ยวไทยได้เกิน 2.16 แสนล้าน “กรุงเทพฯ” ครองแชมป์ทั้งรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยว เซอร์ไพรส์ “ประจวบคีรีขันธ์” ทำรายได้เบอร์ 2 โกย ทำได้ 2.58 หมื่นล้าน พร้อมโชว์ความสำเร็จโปรเจกต์ “เมกะ แฟม ทริป” นำผู้ประกอบการ สื่อ ลงพื้นที่ ส.ค.-15 ก.ย.9 เส้นทาง เมืองหลักเชื่อมโยงเมืองน่าเที่ยว และเปิดมหกรรมเที่ยว ก.ย.นี้ 10 บิ๊กอีเวนต์
นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนท่องเที่ยวภาคกลางตลอดปีนี้ตั้งเป้ากระตุ้นการเดินทางเที่ยวภาคกลาง 104 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้เฉพาะตลาดในประเทศ 4.4 แสนล้านบาท สถิติล่าสุดตามข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเบื้องต้น 7 เดือนแรก ระหว่างมกราคม-กรกฎาคม 2567 มีนักท่องเที่ยวเข้าภาคกลางแล้ว 89.91 ล้านคน-ครั้ง เป็นคนไทย 70.93 ล้านคน-ครั้ง ต่างชาติ 18.97 ล้านคน สร้างรายได้รวมทั้งสิ้น 611,679.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.33 % รายได้ตลาดคนไทย 216,677.49 ล้านบาท ทำได้ตามเป้าหมายแล้ว 49 % และรายได้ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติอีก 395,002.42 ล้านบาท
นักท่องเที่ยวกระจายท่องเที่ยวในภาคกลาง
5 จังหวัดแรก
ที่มี “จำนวนนักท่องเที่ยวคนไทย” สูงสุด 5 อันดับแรก
ได้แก่ อันดับ 1 กรุงเทพฯ 17.28
ล้านคน-ครั้ง เพิ่ม 1.51% อันดับ 2
กาญจนบุรี 8.51 ล้านคน-ครั้ง
เพิ่ม 3.54 % อันดับ 3
เพชรบุรี 6.56 ล้านคน-ครั้ง เพิ่ม 5.97 % อันดับ 4 ประจวบคีรีขันธ์
6.55 ล้านคน-ครั้ง
เพิ่ม 4.05 % อันดับ 5
พระนครศรีอยุธยา 5.24 ล้านคน-ครั้ง เพิ่ม 7.89 %
โดยมีจังหวัดที่สามารถทำรายได้ท่องเที่ยวเข้าพื้นที่มากสุด
5 อันดับแรก
ได้แก่ อันดับ 1 กรุงเทพฯ 98,383
ล้านบาท เพิ่ม 3.74 % อันดับ 2 ประจวบคีรีขันธ์ 25,813 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.51 % อันดับ 3 เพชรบุรี
20,082 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 14.74 % อันดับ 4
กาญจบุรี 19,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.93 % อันดับ 5 พระนครศรีอยุธยา
10,960 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 12.72 %
ขณะที่พื้นที่ “เมืองน่าเที่ยว” เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ ราชบุรี สมุทรสงคราม ด้วยปัจจัยผลักดันหัวใจหลัก ปัจจัยที่ 1 “การเดินทางเข้าถึงง่ายสะดวก” ตามแหล่งท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้บ่อย ๆ ปัจจัยที่ 2 ธุรกิจโรงแรมมีนักลงทุนเข้าไปพัฒนาต่อเนื่องมีที่พักใหม่ ๆ เปิดบริการ
ผอ.อัครวิชย์ กล่าวว่า
ททท.ภูมิภาคภาคกลางได้จัดทำ “เมกะ แฟม ทริป” ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน 2567
โดยให้ความสำคัญกับการทำข้อมูลมีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมกว่า
353 ราย แบ่งเป็น
ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว 234 ราย
และสื่อมวลชนอีก 121 ราย
ลงพื้นที่อัพเดทข้อมูล แลกเปลี่ยนเรียนรู้
เสนอแนะธุรกิจในพื้นที่ตามแหล่งท่องเที่ยว ตามคอนเซ็ปต์
เมืองหลักเชื่อมโยงสู่เมืองน่าเที่ยว จับคู่จัดทั้งหมด 9 เส้นทาง ประกอบด้วย
เส้นทางยอดนิยมสามารถต่อยอดขายในอนาคตเพิ่มขึ้นได้ กิจกรรมครั้งนี้ “เมืองหลัก”
ยังคงได้รับความสนใจมากกว่า “เมืองน่าท่องเที่ยว” ซึ่งยังขาดสิ่งอำนวยความสะดวก
โครงสร้างพื้นฐานการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว และกิจกรรม ททท.ได้พยายามเพิ่มเติมจุดท่องเที่ยวใหม่ ๆ
เข้าไปในเมืองน่าเที่ยวค่อนข้างมาก
สำหรับการท่องเที่ยวเชื่อมโยงเมกะ แฟม ทริป ภาคกลาง เช่น 1.นครปฐม(เมืองหลัก)-ราชบุรี 2.สมุทรสาคร (หลัก) -สมุทรสงคราม 3.อยุธยา(หลัก)-สระบุรี-ลพบุรี(น่าเที่ยว) 4.ประจวบคีรีขันธ์(หลัก)-เพชรบุรี 5.กาญจนบุรี-6.กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวสายศรัทธา มีตลาดต่างจังหวัดเข้ามาเที่ยว
ขณะนี้ ททท.ได้สร้างการรับรู้ทำกิจกรรม เดือนกรกฎาคม เช่น อินฟลูเที่ยวไทย ฮิตเด้นเจมส์ จับมือสมาคมหอการค้านำอินฟลูเอนเซอร์ท่องเที่ยวไปเปิดเส้นทางท่องเที่ยว ร่วมกับไทยรัฐทีวีจัดกิจกรรมภาพยนตร์สั้นโพสต์บนสื่อโซเชียลต่าง ๆ ปลายเดือนนี้ จะจัด
งานที่ 1 “ช็อกโกแลต ฟู้ด เฟสติวัล วันที่ 30 สิงหาคม-1 กันยายน ที่สวนผึ้ง จ.ราชบุรี มีพื้นที่สวนโกโก้แปลงใหญ่ มีสถานที่ฮีลใจ และมีสถานที่ท่องเที่ยวฟาร์ม สวน ตลาดโอ๊ะป่อย
งานที่ 2 ชมจันทร์ที่อัมพวา Full Moon Festival วันที่ 6-8 กันยายน นี้ ที่อุทยาน ร.2 พบกับการแสดง แสง สี เสียง รวมทั้งอาหารถิ่น และกิจกรรมมากมาย
งานที่ 3 เที่ยวดนตรี อีโค เฟสต์ “ศิวิไล เฟสติวัล วันที่ 7 กันยายน บริเวณเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี
งานที่ 4 วิ่งมหากาพย์ รามเกียรติ์ 3 พื้นที่ พื้นที่แรก ตอน ทศกัณฑ์ยกทัพ วันที่ 8 กันยายน นี้ ที่อุทยาน ร.2 สมุทรสงคราม พื้นที่สอง ตอนพระนารายณ์อวตาร วันที่ 15 กันยายน นี้ ที่วัดขนอน จ.ราชบุรี พื้นที่สาม ตอนหนุมานออกศึก วันที่ 22 กันยายน นี้ ที่วัดเสาสมอคอน จ.ลพบุรี ของที่ระลึกเป็นเสื้อสายสวยงามมาก
งานที่ 5 รับคณะเอเย่นต์กอล์ฟ เกาหลี วันที่ 7-9 กันยายน นี้ จำนวน 50 ราย เดินทางมาทดสอบสนามกอล์ฟ พร้อมกับจัดงานใหญ่ทำกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างตัวแทนผู้ซื้อจากเกาหลีกับตัวแทนผู้ขายของไทยซึ่งเป็นผู้ประกอบการสนามกอล์ฟในหัวหิน ชะอำ
งานที่ 6 มหกรรม กินทั่วกรุง จัดเทศกาลชื่อ “วัยรุ่นตั้งตัว” วันที่ 13-15 กันยายน นี้ ที่อิ่มแพค เมืองทองธานี กรุงเทพฯ ไฮไลต์จะระดมร้านอาหารจองยาก ๆ หารับประทานลำบาก ยกมาไว้ในงานนี้
งานที่ 7 เปิดเทศกาล EV Plaza จัดทำคาราวานขับรถยนต์ระบบไฟฟ้าท่องเที่ยว วันที่
14-15 กันยายน นี้
จุดหมายปลายทางสู่มวกเหล็ก จ.สระบุรี
งานที่ 8 ฟู้ด แอนด์ คราฟท์ ดนตรี กาแฟ เก็กฮวย กล้วยทอด
วันที่ 14-15 กันยายน นี้
ที่ จ.ราชบุรี รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียง
งานที่ 9 จัดมหกรรม FAT Camp มีดนตรีสนุกสนาน
แนวส่งเสริมการท่องเที่ยวรักษสิ่งแวดล้อม วันที่ 20-22 กันยายน นี้ ที่หาดเจ้าสำราญ จ.เพชรบุรี
งานที่ 10 เที่ยวเทศกาลไฮไลต์แห่งปีปิดท้ายด้วย “เสน่ห์ไทย”
ภายใต้คอนเซ็ปต์ The River of Time :สายน้ำแห่งกาลเวลา
วันที่ 22-30 กันยายน นี้
ที่โรงงานกระดาษ(เก่า) อำเภอเมือง จ.กาญจนบุรี สวยสดงดงาม มีแมฟฟิ่งนำเสนอ 5
Must Do in Thailand พร้อมกับศิลปินเบอร์ต้น
ๆ ของประเทศจะมารวมตัวกันขึ้นเวทีในงานด้วยเช่นกัน
ผอ.อัครวิชย์กล่าวว่าปี 2568 ภาคกลางจะขยายผลกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ “เที่ยวกลาง เที่ยวใกล้ เที่ยวได้เลย” เพราะจากผลสำรวจพฤติกรรมของนักเดินทางจะเป็นกลุ่ม “สายศรัทธา” สูงมากเป็นอันดับ 1 แซงหน้าสายกินของอร่อย เนื่องจากมีแรงจูงใจหลายอย่าง จึงแนะนำเส้นทางสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เกจิอาจารย์ที่มีชีวิตและมรณภาพไปแล้ว เส้นทางเล่าเรื่องสถาปัตยกรรม เส้นทางรสดีในฐานะเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ ซึ่งจะชูวัตถุดิบ GI ตามคอนเซ็ปต์อาหารเป็นยา
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1-ด่วน!ภูวินทร์นัดเสาร์31ส.ค.นี้เจอที่คิงเพาเวอร์เพาเวอร์รางน้ำ
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ย้ำว่า ไม่ต้องลังเลวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2567 แค่ฟังที่ใจบอกคำตอบให้ต้องมาเจอศิลปินในดวงใจ “ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน” นักแสดงมากฝีมือสังกัดจีเอ็มเอ็มทีวี มีชื่อเสียงจากการแสดงนำซีรีส์เรื่อง ปลาบนฟ้า เจอศิลปินแล้วก็ยังได้สิทธิ์ร่วมเป็น 1 ใน 20 ผู้โชคดี ที่จะได้ร่วมกิจกรรมบนเวทีแบบใกล้ชิดและรับสิทธิ์ถ่ายภาพคู่ศิลปิน หรือรับรูปพร้อมลายเซ็นศิลปินยอดนิยมได้ด้วย
วิธีเข้าร่วมกิจกรรม ได้ง่ายมาก “สมาชิก คิง เพาเวอร์” ทั้งชาวไทยและลูกค้าทุกสัญชาติ ลงทะเบียนรับฟรี 1 สิทธิ์ เพื่อร่วมเป็นผู้โชคดีเอนจอยโมเมนต์สุดฟินเริ่มลงทะเบียนตั้งแต่ 10.00 - 16.00 น. ได้คนละ 1 สิทธิ์/วัน
ผู้ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกฯ สมัครผ่านช่องทาง LINE Official Account @kingpower
เลือก
“อิ่มฟิน” กับร้านดัง ฟังมิวสิกเพลิน ๆ ร่วมได้หลากหลายกิจกรรมสุดฟัน
ทุกเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดพิเศษ ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
ข่าวที่ 2-“คิงเพาเวอร์ออนไลน์”ช้อปให้สุดEnd of Month Dealลด20%
ช้อปคิง เพาเวอร์ ให้มันส์ทุกโมเมนท์ กับแคมเปญ “END OF MONTH DEAL” วันสุดท้าย 31 สิงหาคม นี้ สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ ระเบิดความคุ้มค่าส่งท้ายเดือนนี้ กับโปรโมชั่นสุดปังได้ที่ คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ ลดสูงสุด 20% เมื่อช้อปครบ 2 ชิ้นขึ้นไปรหัสส่วนลด MB20ED
ช้อปกระจาย ฟินทุกชิ้น กับดีลเด็ดที่รอคุณอยู่ ทั้งน้ำหอม เครื่องสำอาง กระเป๋า แว่นตา นาฬิกา และอื่นๆอีกมากมาย ราคาดีๆแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ เตรียมไฟลต์บินพร้อมแล้วกดช้อปเลย พร้อมรอรับของที่สนามบิน
Online Special Offer!! Free! ส่วนลด 10% เมื่อลูกค้ามียอดช้อปออนไลน์ครบ 10,000 บาท (สุทธิ) รับสิทธิ์นี้เพื่อนำไปใช้บริการโปรแกรมตรวจเลือด BWC Antioxidants Plus ที่ BDMS Wellness Clinic เก็บโค้ดส่วนลดไว้ใช้ได้ 15 ก.ย. 67
พร้อมรับ
5 สิทธิ์ 1.แบ่งชำระ 0%
นานสูงสุดถึง 6 เดือน 2.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 18%
3.ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง 4.รับเลย! ส่วนลด 800 บาท
เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ 5.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง
เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท(สุทธิ)
ข่าวที่ 3-6เทคนิคช้อปคิงพาเวอร์ออนไลน์เก็บทุกเม็ดคุ้มทุกดีลดีทุกโปร
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ แนะเทคนิควีช้อปยังไงถึงคุ้มกับ King Power Online แค่มีไฟลต์บินแล้วรีบช้อปออนไลน์ได้เลย
โดยใช้ 6 เทคนิค
1.สมัครสมาชิก ก่อนใช้บริการ เพื่อรับสิทธิพิเศษและโปรโมชั่นสุดคุ้ม
2.ใช้โค้ดโปรโมชั่นประจำเดือน ที่คัดสรรมาเพื่อคุณ
สามารถเลือกช้อปสินค้าแล้วใช้โค้ดได้เลย
3.รับ 1 กะรัต ทุกๆการช้อป 100
บาท
4.Special
Gift ของแถมสุด Exclusive เฉพาะออนไลน์เท่านั้น
5.ผ่อน 0% นาน 6 เดือน
เมื่อช้อปครบ 15,000 บาท (อัตราดอกเบี้ย
0% เมื่อลูกค้าชำระเต็มจำนวนภายในวันครบกำหนดชำระ)
6.รับเครดิตเงินคืนเมื่อช้อปตามเงื่อนไข
ขณะนี้ทางพันธมิตรสถาบันการเงินพร้อมคืนให้สูงสุดถึง 18%
ทุกครั้งที่มีไฟลต์บินต่างประเทศแล้ว
ต้องรีบเลย! ช้อปสินค้าดิวตี้ฟรีของแท้ ราคาสุดคุ้มสบายกระเป๋า โปรโมชั่นดี ๆ
มากมาย แล้วไปรับสินค้าที่สนามบินขาออกได้ทุกทริปการเดินทางต่างประเทศ
ข่าวที่ 4-ททท.ผนึกTUNIUรุกทัวร์จีนคุณภาพ7เดือนแรกทำยอดโต161%
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ได้ร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI :Letter of
Intent) กับ Mr. Donald Yu ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท NANJING
TUNIU INTERNATIONAL TRAVEL SERVICE หรือ
TUNIU แพลตฟอร์มให้บริการท่องเที่ยวครบวงจรยอดนิยมในตลาดจีน
ร่วมด้วยช่วยกันพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย
เพิ่มความสะดวกสบายยกระดับประสบการณ์ให้นักท่องเที่ยวตลาดจีนตัดสินใจเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางเพิ่มขึ้นทุกวัน
โดยใช้วิธีแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน
ศึกษาข้อมูลเชิงลึกของนักท่องเที่ยวจีนเกี่ยวกับการบริโภคและพฤติกรรมการใช้จ่ายเงิน
และจะร่วมกันทำกิจกรรมส่งเสริมตลาดให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกระดับ
เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการท่องเที่ยวได้ตรงตามความต้องการ ชูจุดขายเมืองไทยครบทุกมิติทั้งเรื่องแหล่งท่องเที่ยวสวยงาม
มีวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง ส่งเสริมภาพลักษณ์ความปลอดภัย ช่วยกระตุ้นให้ใช้จ่ายเงินเพิ่มขั้นจากตลาดคุณภาพ
ทาง ททท. ได้ร่วมกับ
TUNIU ขายแพ็คเกจทัวร์ผ่านช่องทางต่าง ๆ บนแพลตฟอร์ม TUNIU และพันธมิตร ทำประชาสัมพันธ์ผ่าน KOC ช่องทาง
Xiaohongshu คาดจะสร้างการรับรู้รวมกว่า 42 ล้านคน-ครั้ง และขายทัวร์ได้
10,000 แพ็กเกจ
ททท.
เชื่อมั่นความร่วมมือกับ TUNIU จะยิ่งช่วยตอกย้ำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของจีน
โดยเพิ่มช่องทางส่งเสริมการขายสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสู่สาธารณรัฐประชาชนจีนยกระดับคุณภาพการให้บริการและอำนวยความสะดวกสบายให้แก่นักท่องเที่ยวยุคดิจิทัลเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายมากขึ้น
Mr. Donald Yu ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
TUNIU กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศท่องเที่ยวยอดนิยมของจีนประทับใจในความสวยงามทางธรรมชาติวัฒนธรรม
น้ำใจไมตรีของคนไทย ทาง TUNIU มุ่งนำเสนอสินค้าและบริการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพในตลาดจีนมาตั้งแต่ปี
2558 กระตุ้นให้เดินทางผ่านบริการแพลตฟอร์มบริษัท 7 เดือนปี 2567 ระหว่างมกราคม -
กรกฎาคม ทำได้แล้ว 1.48 ล้านคน เดินทางในรูปแบบกรุ๊ปทัวร์มาไทยผ่าน
TUNIU เพิ่มขึ้น 161 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปี
2566 โดยได้อานิสงจากมาตรการยกเว้นวีซ่าระหว่าง
2 ประเทศ คาดการลงนามความร่วมมือครั้งนี้จะกระตุ้นจีนได้รับรู้และเดินทางมาไทยเติบโตต่อเนื่องเพิ่มขึ้นในอนาคต
@TUNIUบริษัทท่องเที่ยวชั้นนำในจีนเปิดมากว่า18ปี
บริษัท
NANJING
TUNIU INTERNATIONAL TRAVEL SERVICE หรือ TUNIU ดำเนินธุรกิจบริการท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อน
(leisure) ชั้นนำของจีน
ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2549 ขณะนี้ก้าวสู่ปีที่ 18 แล้ว มุ่งนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์โดยมีสินค้าและบริการครอบคลุม ทั้ง
ทัวร์กรุ๊ป กรุ๊ปส่วนตัว การท่องเที่ยวโดยลำพัง (FIT) และแบบเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล
(Incentive) ขายบัตรเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว ตั๋วโดยสารเครื่องบินและรถไฟ
รับจองโรงแรมที่พัก เช่ายานพาหนะ ให้บริการด้านวีซ่า บริการบัตเลอร์ส่วนตัว
เพื่อรับประกันประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพสูง ผ่านช่องทางเว็บไซต์ tuniu.com และโทรศัพท์มือถือ
โดยมีสินค้าและบริการท่องเที่ยวทั่วโลกกว่า 150 ประเทศ มีผู้ใช้บริการเดือนละไม่ต่ำกว่า 25 ล้านราย
ก่อนหน้านี้
ททท. ร่วมกับ TUNIU จัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดกลุ่มเจาะกลุ่ม เฮลท์ แอนด์ เวลเนส กลุ่มเป้าหมายระดับไฮเอนด์ โดยได้ชวนผู้นำทางความคิดหรือ KOL สร้างกระแสขยายฐานนักท่องเที่ยวกลุ่มสตรีและครอบครัว
สร้างการรับรู้ช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม 2567 โปรโมทผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น Xiaohongshu
Wechat TikTok Weibo Tuniu QQ ช่วงเดือนมิถุนายน - สิงหาคม 2567 ร่วมกันทำโครงการซัมเมอร์ แคมป์ & แฟมิลี่ ทัวร์เผยแพร่คอนเทนต์ Study Tour ผ่าน KOC และ KOL ทาง TikTok จัดกิจกรรมอบรมร่วมกับศูนย์การศึกษาต่าง ๆ ประสบความสำเร็จจึงได้ต่อยอดลงนาม LOI ร่วมกันอีกครั้ง
ข่าวที่
5-บางจากต่อยอดโซลาร์เซลหนุนผ้าไทยสร้างงานเซฟต้นทุน70%
นายธรรมรัตน์ ประยูรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่
กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน และ นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่
งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
ได้ลงพื้นที่เพื่อร่วมกันส่งมอบ “ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์” ประเภทติดตั้งบนหลังคาและติดตั้งเหนือผิวน้ำให้วิชชาลัยผ้าทอหนองบัวลำภู
โดยได้ติดตั้งให้วิชชาลัยและพิพิธภัณฑ์ผ้า ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้และออกแบบขวัญตาของหลายพื้นที่ในจังหวัดหนองบัวลำภู
โอกาสเดียวกันนี้ชาวบ้านในชุมชนได้จัดสาธิตการทอผ้าไทยและตัดเย็บ รวมถึงการศึกษาการทอผ้าของชาวบ้านจากหลายพื้นที่ในจังหวัดมาให้ได้ชมด้วย
ขณะเดียวกันทางบริษัท บีซีพีจี จำกัด
(มหาชน) ในกลุ่มบางจาก ได้ร่วมสนับสนุนโซลาร์เพิ่มเติมให้ชุมชนและวิชาชาลัยผ้าทอหนองบัวลำภํอีก
50 แผง เพื่อให้รองรับการใช้งานเพิ่มขึ้นในอนาคต มุ่งหวังจะติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้ชุมชนแห่งนี้
เพื่อเดินหน้าส่งเสริมท้องถิ่นหันมาใช้พลังงานสะอาดและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้าใช้ได้ไม่น้อยกว่า
35 กิโลวัตต์ สามารถช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าให้กับวิชชาลัยได้กว่า 70 %
ระหว่างงานมีผู้นำในชุมชนเข้าร่วมด้วยได้แก่
นางสุมามาลย์ เต๋จ๊ะ ประธานวิชชาลัยผ้าทอหนองบัวลำภู นายสุวิทย์ จันทร์หวร
ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ผู้บริหารหน่วยงานราชการจังหวัดหนองบัวลำภู นำผู้บริหารบริษัท
บางจากฯ เยี่ยมชมการใช้ประโยชน์จากแผงโซลาร์รูฟที่ติดตั้งให้ศูนย์การเรียนรู้ในชุมชนเรียนรู้ถึงวิธีใช้พลังงานสะอาดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
รวมถึงยังสามารถช่วยสร้างอาชีพและรายได้ควบคู่กันไปด้วย
ทางบางจากฯ ได้สนับสนุนวิชชาลัยผ้าทอหนองบัวลำภู
พัฒนาศักยภาพการผลิตและสร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์ผ้าไทย ด้วยการส่งเสริมใช้ผ้าไทย
ลวดลายเฉพาะของบางจาก ผ่านดีไซนต์ การตัดเย็บโดยช่างฝีมือของวิชชาลัยผ้าทอหนองบัวลำภูและในชุมชนท้องถิ่น ร่วมส่งเสริมการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นตามแนวพระปณิธานของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ
เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ภายใต้โครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” และ
ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของครอบครัวและชุมชนในท้องถิ่น
เป็นส่วนในการสร้างสังคมยั่งยืนตามแนวคิด "ส่งต่อความสุขไม่สิ้นสุด"
ในโอกาสบางจากก้าวสู่ทศวรรษที่ 5 จะเพิ่มความเข้มข้นการสร้างเครือข่ายใช้พลังงานไฟฟ้าสะอาดให้เข้มแข็ง
สร้างความยั่งยืนให้ประเทศต่อไป
ข่าวที่ 6- TCEBภาคกลางเสนอเทศกาลพลุนานาชาติชิงรางวัลIFEA2024
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” เดินหน้าสนับสนุนไมซ์
ซิตี้ ยกระดับไทยเป็นประเทศจุดหลายปลายทาง “งานเทศกาลโลก : World Festival
Destination”
ล่าสุดสำนักงานทีเส็บ
ภาคกลาง จับมือกับเมืองพัทยา นำ “เทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยา :Pattaya International Fireworks Festival” เดินหน้าเสนอผลงานประกวดรางวัล
IFEA/Haas & Wilkerson Pinnacle Awards ประเภท Best
Emergency Preparedness & Risk Management Plan ของสมาคมเทศกาลและกิจกรรมระหว่างประเทศ
(International Festivals and Events Association : IFEA) จัดขึ้นประจำปี
2567 ขณะนี้เอกสารนำเสนอผลงานเข้าประกวดรางวัลของพัทยาจัดส่งให้ทางคณะกรรมการ
IFEA พิจารณาแล้ว
ด้วยศักยภาพของ
“เทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยา” เป็นงานเด่นในไมซ์ซิตี้ หรือFlagship Event ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
การจัดเทศกาลครั้งล่าสุดมีผู้เข้าร่วมกว่าแต่ละครั้ง 274,560 คน สร้างรายได้หมุนเวียนในเศรษฐกิจครั้งละกว่า 2,261 ล้านบาท ซึ่งทางเมืองพัทยาได้โชว์รูปแบบการทำงาน ด้วยการระดมหน่วยงาน
เจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร นักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมปฏิบัติงาน “ตามแผนการบริหารจัดการงานด้านการรักษาความปลอดภัยและความเสี่ยง”
ดูแลผู้เข้าชมงานหลายแสนคน ทำให้งานไม่เคยเกิดอุบัติเหตุและอาชญกรรมขึ้นเลย
ผลงานที่ผ่านมาจึงช่วยตอกย้ำความมั่นใจถึง
“แผนเตรียมความพร้อมและการบริหารจัดการ” ในสถานการณ์ฉุกเฉินและการรักษาความปลอดภัย
แผนการบริหารความเสี่ยงในการจัดงานที่ดี มีประสิทธิภาพ
และได้มาตรฐานการจัดงานเทศกาลระดับโลก
ส่วน
สมาคมเทศกาลและกิจกรรมระหว่างประเทศ (International
Festivals & Events Association : IFEA) เป็นองค์กรนานาชาติซึ่งทำหน้าที่ช่วยยกระดับ
ส่งเสริม และพัฒนาอุตสาหกรรมงานเทศกาลและอีเวนต์จากทั่วโลก
มีเครือข่ายกระจายอยู่ทุกทวีป และรางวัลประเภท Best Emergency Preparedness
& Risk Management Plan (แผนการเตรียมความพร้อมในสถานการณ์ฉุกเฉินและการบริหารความเสี่ยงในการจัดงานเทศกาลที่ดีที่สุด)
คณะกรรมการ IFEA จะพิจารณาตามเกณฑ์ต่อไปนี้
1.แผนการดำเนินงานมีความเป็นมืออาชีพและเข้าใจได้ง่าย
2.แผนการดำเนินงานมีความชัดเจน แม่นยำ เป็นระบบ และครบถ้วน
3.แผนการดำเนินงานถูกออกแบบและวางเป็นระบบอย่างดีเยี่ยม
4.แผนการดำเนินงานมีความคิดสร้างสรรค์หรือนำแสดงผลการทำงานได้อย่างแท้จริง
5.แผนการดำเนินงานมีความน่าสนใจมากพอที่จะดึงความมีส่วนร่วมของผู้เข้าร่วมงาน
6.แผนการดำเนินงานสะท้อนภาพลักษณ์ของงาน
7.แผนการดำเนินงานเหมาะสมสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และ/หรือพันธกิจของการจัดงาน
8.ภาพรวมความประทับใจ
9.เอกสารนำเสนอข้อมูลเข้าประกวดมีความครบถ้วนและแสดงผลได้ชัดเจน
ตรวจวัดได้จริง
10.มีการปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมดครบถ้วนทุกรายละเอียด
ช่วงที่ 2 ขึ้นเที่ยวภาคเหนือกันดีกว่า
สัปดาห์นี้ชวนสุขทันทีที่ “เชียงใหม่” ไปด่วนชวนฟินเทศกาลแรก “ขนหัวลุกเวียงพิงค์”
เปิดสวนรถไฟเติมมหกรรมความสนุก พร้อมทัวร์ต่อได้ตลอดทั้งปี “ทัวร์วัด” ตามปีเกิด 12
ราศรี จากนั้นฟัง “7ข้อแนะนำแนวทางปฏิบัติจำกัด
LDL ไขมันเลวในเลือด ส่งท้ายด้วยข่าวดี ๆ ข่าวแรก
“ดุสิตอินเตอร์” รุกครั้งใหญ่กับเจเนอเรเตอร์&ฟรีแฮนด์
ขยายธุรกิจโรงแรม ข่าวที่สอง “วิทยุการบิน”
หารือพันธมิตรใช้แผนขยายน่านฟ้าเส้นใหม่ ไทย-สปป.ลาว” สู่จีน
ท่องเที่ยว –เที่ยวเชียงใหม่จากขนหัวลุกเวียงพิงค์ถึงทัวร์วัดปีเกิด12ราศรี
เที่ยวให้ฉ่ำปลายสิงหาคม-กันยายน 2567 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) ชวนเที่ยวภาคเหนือสุดว้าว ปักหมุดสุขทันที่ “เชียงใหม่จากเทศกาล
“ขนหัวลุกเวียงพิงค์” ไปจนถึงไหว้พระประจำวันเกิด 12 ราศรี
เที่ยวงาน “เทศกาลขนหัวลุก เวียงพิงค์” หรือ Thailand Goosebumps
Festival 2024 ตอน แม่นาคแอ่วเหนือ ลองจัดครั้งแรกช่วงวันหยุดเสาร์ที่ 31-อาทิตย์ที่
1 กันยายน 2567 ตั้งแต่ 16.00–23.00 น. บริเวณสวนสาธารณะบนที่ดินของการรถไฟ
จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้แปลงโฉมพื้นที่กว่า
31,000 ตารางเมตร เปิดให้ผู้ประกอบการ/ชุมชนท้องถิ่น
ร่วมออกบูธ 70 ร้านค้า พร้อมรวมกิจกรรมและธุรกิจความเชื่อ
ความศรัทธาของคนไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มาชวนทุกคนไปเปิดประสบการณ์ลี้ลับ
อันสนุก ตื่นเต้น และสวยงาม
พิเศษเมื่อนักท่องเที่ยวลงทะเบียนเข้างาน
รับด้ายสายสิญจ์มงคลฟรีที่หน้างาน ปลุกเสกโดยพระอาจารย์พยุงศักดิ์
วัดป่าแดดเชียงใหม่ ชวนนักท่องเที่ยวร่วมสนุกแต่งกายเป็นผีมาเที่ยวเทศกาลขนหัวลุก
เวียงพิงค์ รับสิทธิ์เล่นเครื่องเล่นฟรี 1 อย่างได้ด้วย
การจัดงานครั้งนี้
ททท.นำเสนอกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวภาคต่อความสำเร็จจากงานเทศกาลขนหัวลุกมักกะสัน
ผนวกกับมุ่งฟื้นคืนชีพสวนสาธารณะแห่งนี้ที่โดดเด่นด้านประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า
100 ปี เป็นต้นกำเนิดความรุ่งเรืองของกิจการรถไฟไทยเต็มไปด้วยกลิ่นอายบรรยากาศชวนขนหัวลุกที่น่าสนใจ
ตลอดงาน 2 วัน
นักท่องเที่ยวจะได้รับประสบการณ์เรื่องราววัฒนธรรมไทยล้านนาด้านความเชื่อ
องค์ความรู้สืบทอดจากบรรพบุรุษนำทุนทางวัฒนธรรมไทย นำมาต่อยอดสร้างเศรษฐกิจกระจายสู่แหล่งท่องเที่ยวต้นทางอย่างสนุก
ตื่นเต้น และสวยงาม ในงานเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยว 8 สาย ได้แก่
สายแรก -สายเสริม จัดพื้นที่ไว้ให้ผู้สนใจเรื่องการเสริมสิริมงคล
เครื่องราง เครื่องประดับสายมู Art toy ลอตเตอรี่
สาย 2 -สายกิน ละลานตาอิ่มอร่อยกับสตรีทฟู้ด
อาหารถิ่นชื่อดัง อาหารไทยพื้นบ้าน ขนมโบราณ เครื่องดื่มสมุนไพร พิเศษ…
“ลูกชิ้นยันต์” อาหารพิเศษลงยันต์นะลือชา ปรุงด้วยน้ำซุปปลุกเสกผสมน้ำมนต์
และต้มด้วยหม้อลงยันต์มงคล (นะโภคทรัพย์ ยันต์จัตตุโร ยันต์เศรษฐี)
สาย 3 -สายไหว้ ไหว้ขอพร โชคลาภ การงาน
ได้แก่ เสด็จพ่อ ร.5 พระพุทธรูปในหอธรรม
สาย 4 -สายบุญ
ร่วมทำบุญบริจาคโลงศพกับมูลนิธิสว่างสำเร็จเชียงใหม่
บริจาคเสื้อผ้าเก่านำมารีไซเคิลเป็นเส้นใยผลิตเสื้อกีฬาใหม่นำไปบริจาคให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกล
สาย 5 -สายดวง ดูฮวงจุ้ย ดูไพ่
กับหมอดูชื่อดัง นำโดย อาจารย์แหม่ม ไพ่ออราเคิล ชุดเทพคติ, อาจารย์นุ่น
ไพ่ตองส่องใจ
สาย 6 -สายสนุก มีกิจกรรมสนุกกับงานวัดแบบดั้งเดิม
อย่าง ชิงช้าสวรรค์ ยิงปืนจุกน้ำปลา ปาลูกโป่ง สาวน้อยตกน้ำ
สาย 7 -สายสยอง แกลลอรี่ผีสิงชวนมาหลอนให้สุด
พร้อมชมหนังผีกลางแปลง สาธิตการเล่นผีถ้วยแก้ว ตกแต่งรอบพื้นที่สุดหลอน
ให้ผู้ร่วมงานได้แชะ&แชร์ เช่น สะพานสีเลือด หรืออุโมงค์ Blacklight Tunnel
สาย 8 -สายย่อ มันส์กับคอนเสิร์ตจากศิลปิน ลานนา คัมมินส์, Gap The Voice, Don The Voice และ ปราง ปรางทิพย์ The
Voice
จากนั้นก็แนะนำพิกัดท่องเที่ยวเชื่อมโยงเดินทางต่อเนื่องได้ตลอดทั้งปีในเชียงใหม่ไหว้พระขอพรตาม
12 ราศรี “เส้นทางไหว้พระธาตุประจำปีเกิด” ได้แก่ ปีมะเส็ง-วัดเจ็ดยอด,ปีมะแม-วัดพระธาตุดอยสุเทพ
ราชวรวิหาร, ปีมะโรง-วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร, ปีชวด-วัดพระธาตุศรีจอมทอง วรวิหาร
และ ปีจอ-วัดเกตการาม
แล้วยังมีวัดชื่อดังอีกหลายแห่งที่มีความเชื่อ
ความศรัทธา เช่น วัดป่าแดด ขอพรเรื่องความสำเร็จวัดโลกโมฬีขอพรเรื่องความรัก วัดอุปคุตขอพรเรื่องการเงิน
วัดศรีดอนมูลเสริมเสน่ห์ มหานิยม เสริมมงคลให้ชีวิต
เที่ยวไทย ช่วยเศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็ง สร้างงาน
สร้างอาชีพ สังคมดี มีความสุข
สุขภาพ –7ข้อทำด่วนแนวทางการปฏิบัติลดระดับไขมันตัวร้ายในเลือดLDL
ปัจจุบัน “การเกิดไขมันในเลือด”
ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนแต่ละวัยนั้น ทางโรงพยาบาลศิริราชมีข้อแนะนำเรื่องการ
“ลด-เลี่ยง-อ่านให้ครบ” ด้วย 7 ข้อดังนี้
1.ลดหรือเลี่ยงการบริโภคเนื้อสัตว์ติดไขมัน
เนื้อสัตว์แปรรูป น้ำมันจากสัตว์ เนย รวมถึงผลิตภัณฑ์จากนมที่เป็นไขมันเต็มส่วน
โดยแนะนำให้เลือกเป็นแบบพร่องมันเนยหรือขาดมันเนยแทน
2.ลดการบริโภคอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันทรานส์
3.อ่านฉลากโภชนาการ
ว่ามีไขมันทรานส์ในผลิตภัณฑ์นี้หรือไม่
4.อ่านส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์
หากมีส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ เช่น น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (Partially
hydrogenated vegetable oil) ผลิตภัณฑ์นั้นอาจมีไขมันทรานส์ได้
ถึงแม้ว่าบนฉลากโภชนาการจะระบุว่าไขมันทรานส์ (Trans fat) 0.0 กรัม
5.ผลิตภัณฑ์เบเกอรี
เช่น คุกกี้ โดนัท เค้ก พาย อาหารจานด่วน เช่น เฟรนช์ฟรายส์ แฮมเบอร์เกอร์
ขนมกรุบกรอบทั้งหลาย ควรรับประทานแต่น้อย
6.เลือกใช้น้ำมันพืชแทนน้ำมันจากสัตว์
เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก ยกเว้น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว
ซึ่งประกอบไปด้วยกรดไขมันอิ่มตัวและอาจเพิ่มระดับแอลดีแอลคอเลสเตอรอลในเลือด
7.เลือกรับประทานไขมันไม่อิ่มตัว
เช่น ถั่วเปลือกแข็ง (วอลนัท ถั่วลิสง อัลมอนด์) เป็นมื้อว่างไม่เกิน 1 อุ้งมือต่อวัน หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป
อาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากพลังงานมากเกินความจำเป็นนั่นเอง
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–ดุสิตผนึกเจเนอเรเตอร์&ฟรีแฮนด์ยุโรปลุยธุรกิจโรงแรมทั่วโลก
ดุสิต
อินเตอร์เนชั่นแนล รายงานว่า ในฐานะหนึ่งในบริษัทพัฒนาโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย
ล่าสุดนำธุรกิจกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทเครือดุสิตจับมือกับ เจนเนอเรเตอร์
และฟรีแฮนด์ โฮเทลส์ (Generator &Freehand Hotels) ผู้พัฒนาและผู้ประกอบการโฮสเทลและบูทีคโฮเทลเจ้าของรางวัลในทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกา
เข้าร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์มุ่งใช้ทรัพยากรพัฒนาแบรนด์ที่พักของแต่ละบริษัทให้เติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดโลก
ความร่วมมือนี้ทาง
เจเนอเรเตอร์ และฟรีแฮนด์โฮเทลส์ จะใช้ประโยชน์จากเครือข่ายอันกว้างขวางกับจุดแข็งด้านการพัฒนาโมเดลที่พักแบบผสมผสานไลฟ์สไตล์ที่มีฐานกลุ่มตลาดราคาประหยัดในยุโรปและสหรัฐอเมริกา
แสวงหาโอกาสใหม่เปิดตัวโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตตามจุดหมายปลายทางสำคัญๆ
ในยุโรป เช่น ลอนดอน(สหราชอาณาจักร) ปารีส(ฝรั่งเศส) โรม (อิตาลี)
รวมถึงจุดหมายปลายทางยอดนิยมในอเมริกา เช่น นิวยอร์ก ไมอามี ลอสแองเจลิส และอื่น ๆ
ขณะที่กลุ่มดุสิต
โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท ก็จะใช้ประโยชน์จากที่พักในเอเชียและตะวันออกกลาง เพื่อเพิ่มโอกาสใหม่
ๆ ด้วยการเปิดตัว “โมเดลไฮบริด” โรงแรมและโฮสเทลบูติก ที่ได้รับรางวัลของเจเนอเรเตอร์และฟรีแฮนด์โฮเทลส์ที่มีอยู่ตามจุดหมายปลายทางสำคัญเมืองต่างๆ
เช่น กรุงเทพฯ (ไทย) มะนิลา (ฟิลิปปินส์) เกียวโต(ญี่ปุ่น) ดูไบและอาบูดาบี (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)
รวมถึงรีสอร์ทบนเกาะที่มีชื่อเสียงอย่าง ภูเก็ต และบาหลี
นายศิรเดช
โทณวณิก รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจโรงแรม กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน)
หรือ DUSIT เปิดเผยว่า ความร่วมมือกันของ
2 กลุ่มใหญ่ครั้งนี้ ถือเป็นสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์อย่างแท้จริง
พร้อมจะเดินหน้าขยายแนวรุกพัฒนาธุรกิจเครือดุสิตโดยไม่กระทบพอร์ตโฟลิโอแบรนด์เดิม แล้วยังสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่
ๆได้เต็มที่ดีกว่าปัจจุบัน จึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับเจนเนอเรเตอร์และฟรีแฮนด์
โดยหวังจะได้บุกเบิกพัฒนาสิ่งใหม่ลงนามสัญญากับแบรนด์ใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้นในอนาคตอีกมากมายหลายอย่าง
ล่าสุดกลุ่มดุสิตยังได้เปิดตัวใหม่อีก
2 แบรนด์ ได้แก่ 1.เทวารัณย์
ดุสิต เวลเนส บริการที่พักเพื่อสุขภาพและ 2.ดุสิต คอลเลคชั่น
โรงแรมหรูหราดีไซน์พิเศษ ซึ่งทาง เจเนอเรเตอร์และฟรีแฮนด์ โฮเทลส์ พร้อมจะสำรวจโอกาสในการพัฒนาแบรนด์เหล่านี้
ต่อจากแบรนด์ยอดนิยมเป็นที่รู้จักแล้วอย่าง 1.ดุสิตธานีเป็นโรงแรมระดับหรู
2.ดุสิตดีทู เน้นไลฟ์สไตล์/ระดับกลาง 3.ดุสิตปริ๊นเซส ที่พักระดับกลาง 3.ดุสิตสวีท รองรับระดับบนและการเข้าพักระยะยาว
และ 4.อาศัย โฮเต็ลส์ (ASAI Hotels) แบรนดที่เน้นไลฟ์สไตล์ความคุ้มค่า
นายอลาสแตร์
โธมันน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท
เจเนเรเตอร์ แอนด์ ฟรีแฮนด์ โฮเทลส์ กล่าวว่า
ความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ถือเป็นบทใหม่ที่น่าตื่นเต้นในเส้นทางการเติบโตของบริษัท ซึ่งจะได้ผสมผสานระหว่างประเพณีและนวัตกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของดุสิตที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์เจเนอเรเตอร์และฟรีแฮนด์ในการมอบประสบการณ์หลากหลายทางวัฒนธรรมให้กับนักเดินทางทั่วโลก
@พอร์ต2ธุรกิจ“ดุสิต-เจเนอเรเตอร์&ฟรีแฮนด์โฮเทลส์”
ปัจจุบันกลุ่มดุสิตมีโรงแรมในเครือครอบคลุม
18 ประเทศ ประกอบด้วย กลุ่มแรก โรงแรมและรีสอร์ทดำเนินการเอง
57 แห่ง ภายใต้แบรนด์ดุสิต และอีลิท เฮเวนส์ 243 วิลล่าผู้ให้บริการเช่าวิลล่าหรูชั้นนำในเอเชีย ปี 2561 กลุ่มสอง เครือดุสิตอยู่ระหว่างดำเนินการทั่วโลกอีกกว่า 60 แห่ง
“Generator and Freehand” ดูแลทรัพย์สินทั่วโลกรวม
21 แห่ง ในสหภาพยุโรป ได้แก่ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมนี
อิตาลี สเปน สวีเดน เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร และอเมริกาเหนือ บริษัทนี้ก่อตั้งปี
1995 เป็นแบรนด์ที่พักบูติกและไลฟ์สไตล์ชั้นนำมีพอร์ตโฟลิโอแข็งแกร่งและเติบโตต่อเนื่อง
ในเมืองดับลิน ลอนดอน โคเปนเฮเกน ฮัมบูร์ก เบอร์ลิน เวนิส บาร์เซโลนา ปารีส
อัมสเตอร์ดัม สตอกโฮล์ม โรม มาดริด ไมอามีบีช วอชิงตัน ดีซี และปัจจุบันในนิวยอร์ก
โดยมี
Generator เป็นผู้บุกเบิกที่พักไลฟ์สไตล์ “ราคาไม่แพง” และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประสบการณ์ทางสังคม
โดยโรงแรมทุกแห่งกำหนดนิยามใหม่ให้กับตลาดของตนเองด้วยประเภทห้องพักที่ได้รับการออกแบบล้ำสมัย
ตั้งแต่ห้องพักแบบใช้ร่วมกัน ไปจนถึงห้องพักส่วนตัว มีพื้นที่ทำงานร่วมกันและพื้นที่สาธารณะแบบสบายๆ
บาร์ คาเฟ่ พร้อมพื้นที่จัดงานส่วนตัวหลากหลาย
ตั้งแต่ห้องที่หันหน้าเข้าหาถนนไปจนถึงห้องเพนท์เฮาส์และดาดฟ้า เมื่อมีนาคม 2560 ทาง Queensgate Investments ได้เข้าซื้อกิจการเจเนอเรเตอร์จึงช่วยตอกย้ำชื่อเสียงของบริษัทในฐานะผู้นำบริการ
ล่าสุดเพิ่งทำข้อตกลงครั้งแรกพัฒนา เดอะ พาราเมาท์ โฮเทลในนิวยอร์ก และ Berlin
Alexanderplatz ซึ่งธุรกิจยังคงเติบโตดีต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ส่วน
“Freehand” คือกลุ่มโรงแรมมีจุดเด่นเรื่องการบริหารงานโดยเจเนอเรเตอร์
แบรนด์โรงแรมผู้บุกเบิกผสมผสานดีไซนน์เชิงสร้างสรรค์
อาหารและเครื่องดื่มที่ได้รับรางวัลเข้าด้วยกันกับจิตวิญญาณชุมชนFreehand แต่ละแห่งเลือกตั้งอยู่ในเมืองคึกคักที่สุดในสหรัฐอเมริกาคือ นิวยอร์ก
ลอสแองเจลิส ชิคาโก และไมอามี โดยมีพื้นที่สะท้อนถึงสิ่งที่ดีที่สุดที่แต่ละเมือง ทำให้มั่นใจในประสบการณ์แต่ละแห่งจะไม่เหมือนใคร
ข่าวที่สอง
-วิทยุการบินถกพันธมิตรแผนใช้ห้วงอากาศใหม่นำไทยฮับเอเชีย
ดร.
ณพศิษฏ์ จักรพิทักษ์
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.)
เปิดเผยว่าวิทยุการบินจัดการประชุม Airspace Users - ANSP Meeting ประจำปี
2567 ขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ เน้นเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ พร้อมรับฟังข้อคิดเห็น
ข้อเสนอแนะ เพื่อพัฒนาบริการจราจรทางอากาศเพิ่มขีดความสามารถรองรับเที่ยวบิน สอดคล้องตามนโยบายของนายสุรพงษ์
ปิยะโชติรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคเอเชีย
วิทยุการบินจึงจัดประชุมร่วมกับ “ผู้ใช้ห้วงอากาศ”
หรือ Airspace Users 5 กลุ่มหลัก ได้แก่
1.ผู้แทนจากสายการบิน
2.คณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน
(Airline Operators Committee: AOC) 3.หน่วยงานด้านความมั่นคง 4.สมาคมนักบิน
5.โรงเรียนการบินและหน่วยงานเอกชนที่ให้บริการด้านการบิน
นำเสนอผลการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ครอบคลุมเรื่อง การบริหารจัดการการใช้ห้วงอากาศให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามแนวทาง
Flexible Use of Airspace ซึ่งทำร่วมกับกองทัพอากาศ จัดสรรห้วงอากาศตามความต้องการในการใช้งาน
สามารถรองรับทั้งภารกิจด้านความมั่นคงและการบินพลเรือน
เพิ่มระดับความปลอดภัยและเพิ่มความสามารถรองรับปริมาณการจราจรทางอากาศ
รวมถึงความร่วมมือกันจัดทำเส้นทางบินใหม่จากไทยไปยัง
สปป.ลาว และเชื่อมต่อไปสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน จะช่วยลดเที่ยวบินไม่ให้เกิดการกระจุกตัวมากเกินไป
ลดระยะทางการบิน ลดความสิ้นเปลืองการใช้น้ำมันเครื่องบิน แล้วยังได้นำเสนอความพร้อมเปิดใช้งาน
“ทางวิ่ง” (runway) เส้นที่
3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้งด้านออกแบบวิธีปฏิบัติการบิน
การติดตั้งเครื่องช่วยการเดินอากาศ จัดทำ Safety Assessment ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้บริการมั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพการให้บริการจราจรทางอากาศ
ดร. ณพศิษฏ์ กล่าวว่า แผนงานเพิ่มขีดความสามารถ
(Capacity) รองรับเที่ยวบินจะต้องขับเคลื่อนควบคู่กันทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 การบริหารจัดการการใช้ห้วงอากาศ (Airspace
Management) ด้านที่ 2
การบริหารความคล่องตัวการจราจรทางอากาศ (Air Traffic Flow
Management) ด้านที่ 3
การจัดทำเส้นทางบิน (Routes)และการดำเนินงานร่วมกับท่าอากาศยาน ขณะเดียวกันก็ต้องร่วมมือกับสายการบิน
หน่วยงานด้านความมั่นคง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางการบิน ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยรองรับเที่ยวบินเพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ก้าวสู่เป้าหมายตามนโยบายรัฐบาลมุ่งให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันยกระดับเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคภายในอนาคตอันใกล้นี้
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น