ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB"
TCEBปลื้มปี67นำอุตฯไมซ์โกยรายได้เกินเป้า1.8แสนล้าน
ปี’68ธุรกิจไมซ์เฮรับ2แสนล้าน-ดัน4อุตสาหกรรมเป้าหมาย
ทุ่ม2บิ๊กโปรเจกต์”MICE Sustain-One Event One SoftPower
คิงเพาเวอร์ช้อปมันส์5วันแจก3โปรโมชั่นลดใหญ่เบอร์แรง
สมาชิกใหม่คิงเพาเวอร์SCARKET-NAVYรับคูปองลด2พัน
อัยยวัฒน์ปลื้มนำ“เลสเตอร์ซิตี้”อุทธรณ์ชนะคดีพรีเมียร์ลีก
ผู้ว่าฯททท.ถกตลาดอเมริกากระตุ้นด่วน3เรื่องปั๊ม1.4ล้านคน
กลุ่มบางจากโชว์วิสัยทัศน์2030ทำEBIDAโต 1 แสนล้าน/ปี
TCEBภาคกลาง/ตะวันออกจัด3บิ๊กอีเวนต์ไมซ์ไทย&อินเตอร์
เที่ยวไทยไปร่วมวิ่งทะลุมิติทองผาภูมิช่วยโลกลดโลว์คาร์บอน
5 วิถีชีวิตเคล็ดลับสุขภาพดีที่ทำให้คนสามารถอายุยืน100ปี
การบินไทยMOUบริษัทอุตบินรุกธุรกิจซ่อมเครื่องเพิ่มไฮเทค
6แอร์ไลน์แจกโปรตั๋วบินวันธรรมดา9เดือน9โกยเพิ่ม400ล้าน
วันเสาร์ที่ 7 กันยายน 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #TCEB #วิ่งทะลุมิติทองผาภูมิ
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...
ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !! นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” นำไมซ์ปี67 ทำรายได้ฉลุยเกินเป้า 1.8 แสนล้านบาท ต.ค.นี้สั่งลุยแผนงบประมาณปี’68 ตามเป้าหมายใหม่ 2 แสนล้านบาท ขับเคลื่อนผ่าน 5 หมุดหมาย 4 อุตสาหกรรมเป้าหมาย “นวัตกรรมอาหารมั่นคง-เฮลท์เทค-ครีเอทีฟ ซอฟท์ พาวเวอร์-แอดวานซ์ เมนูแฟคเจอริ่ง/ลดคาร์บอน” ชูไฮไลต์แห่งปี 2 โปรเจกต์ “MICE Sustainable และ One Event One Soft Power” ตลาดไมซ์ “ต่างประเทศ” ใส่เกียร์เชิงรุกพุ่งเป้า “ตลาดตะวันออกกลาง” นำร่องพื้นที่แรกซาอุดิอาระเบียทั้งตลาด ถ่ายโอนความรู้ทุกรูปแบบแลก World Halal “ไมซ์ในประเทศ” ทำแฟลกชิพไมซ์โปรดักซ์ 4 ภาค
นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ปี 2567
ทีเส็บสามารถนำอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศที่จะปิดปีงบประมาณเดือนกันยายนนี้ทำได้
80 %ของปีปกติ 2562 หรือประมาณ
180,000 ล้านบาท เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 75 % มาจากตลาดการจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการ
(E :Exhibition)
ดีกว่าเป้าหมาย 10 % เนื่องจากมีสถานที่จัดงานลงทุนพัฒนาเพิ่มพื้นที่มากขึ้นทั้งศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ไบเทค อิมแพ็คเมืองทองธานี และอื่น ๆ รวมทั้งต่างจังหวัดยกระดับเอ็กซิบิชั่น เทรด
ได้ดีกว่าปี 2562
ตลาดประชุมและได้รางวัลการเดินทาง MI :Meeting &Incentive ก็คึกคักมากจากการทำโร้ดโชว์กับเทรดโชว์ ล่าสุดนำผู้ประกอบการไมซ์ไทยเดินทางไปเจาะกำลังซื้อในอินโดนีเซียเป็นกลุ่มที่น่าสนใจซึ่งมีไมซ์คุณภาพ แต่ละกรุ๊ปใช้จ่ายเงินสูงมาก กลยุทธ์นี้จึงตอบโจทย์รัฐบาลเรื่องการสร้างเศรษฐกิจเข้าประเทศ
แผนงานปีงบประมาณ 2568 ซึ่งจะเริ่มตุลาคม 2567-30 กันยายน 2568 รัฐบาลสนับสนุนมากขึ้น ตั้งเป้าหมายที่จะทำรายได้เท่ากับปี 2562 คือทั้งตลาดในและต่างประเทศจะทำให้ดีที่สุดต้องได้ 200,000 ล้านบาทขึ้นไป ภายใต้การบริหารจัดการความเสี่ยง ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และเศรษฐกิจในประเทศที่ยังคงเติบโตค่อนข้างช้าลงมาก ดังนั้นแผนปีหน้าจึงเน้นพุ่งเป้าไปยังกระตุ้นการจัดประชุม สัมมนา อีเวนต์ จัดแสดงสินค้า ผนึกรวมหลายส่วนซึ่งเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ 4 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่
1.Food and Security เกี่ยวกับอาหาร มีไฮไลต์งานแสดงสินค้ารายการ THAIFEX ตามมาด้วยงาน Agritec อุตสาหกรรมนวัตกรรมการเกษตร พร้อมกับงานที่ประมูลเข้ามาเพิ่มมากขึ้นทางด้านซัพพลายอีกหลายงาน
2.อุตสาหกรรมซอฟท์ พาวเวอร์เชิงสร้างสรรค์ หรือ Creative Soft Power เกี่ยวกับการดึงงานกีฬารายการใหญ่ตามนโยบายรัฐบาลตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายเศรษฐา ทวีสิน ต่อเนื่องถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ยังคงให้สานต่อไป ล่าสุดทีเส็บจับมือกับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ศึกษาการแข่งขันฟอร์มูล่าร์ วัน F1 มาจัดในไทย ต่อด้วยงานที่สอง การประมูลงาน Inter Pride 2030
3.อุตสาหกรรม Health-Tech Innovation งานเกี่ยวกับนวัตรกรรมสุขภาพองค์รวม เช่น ร่วมมือกับสมาคมและเอกชนในจังหวัดภูเก็ตนำงาน Global Wellness มาไทย เป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
4.Advance Manufacturing และ Decarbonization of Energy อุตสาหกรรมสมัยใหม่และการลดโลกเดือดอย่าง งานแสดงสินค้าเด่น ๆ คือ AI หุ่นยนต์อัตโนมัติ รถยนต์ระบบไฟฟ้า (EV) ที่จะนำไปลงในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
ทีเส็บจะต้องเดินหน้าเน้นทำการดำเนินงานตามแผนปี 2568 ให้ครบทั้ง 5 หมุดหมาย ได้แก่
หมุดหมายที่ 1 การสร้างรายได้เน้นการตลาดมุ่งเป้าตรงไปยัง 4 อุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยใช้ไมซ์ ซิตี้ โดยมีงบประมาณเข้าไปสนับสนุนกลุ่มชุมชน และพื้นที่ต่าง ๆ
หมุดหมายที่ 2 พัฒนาจุดหมายปลายทางด้วยความหลากหลายของอัตลักษณ์เชิงพื้นที่ตามนโยบายการบริหารเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ โดยพัฒนาสถานที่จัดงาน จัดกิจกรรมการตลาดทั้งในและต่างประเทศ สร้างประสบการณ์เฉพาะพื้นที่ที่โดดเด่น
หมุดหมายที่
3 พัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ด้วยนวัตกรรมและการยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของไมซ์ไทยในเวทีโลก
โดยเข้าไปปแก้ไขปัญหาอุปรรรค รวมศูนย์บริการ “ซูเปอร์ วัน สต็อป เซอร์วิส”
และพัฒนาองค์ความรู้ทางนวัตกรรม
หมุดหมายที่ 5 ใช้ไมซ์ขับเคลื่อนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของไทย ด้วยวิธีเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ และชุมชน ยกระดับองค์ความรู้และแนวปฏิบัติ และการจัดงานอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการทำคาร์บอน ฟุตปริ๊นท์ ซึ่งจะทำร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด โดยมีโครงการใหญ่ “MICE Sustainibility Project” ได้รับงบประมาณพิเศษมาใช้ดำเนินการ
ผอ.จิรุตถ์
กล่าวว่า ปี 2568 จะทำการตลาดเชิงรุก
โครงการที่ 1 เจาะตะวันออกกลาง ทำเป็นการตลาดเชิงเส้นทางเป้าหมาย
หรือ Destination Marketing ไม่เฉพาะการนำไมซ์จากตลาดนี้เข้าเมืองไทยเพียงอย่างเดียว
แต่ยังได้ทำ “ถ่ายโอนองค์ความรู้ไมซ์ระหว่างกันหรือ
Knowledge transfer”
ร่วมกับซาอุดิอาระเบีย โดยมีหอการค้าไทยทำ ไทยแลนด์ เอ็กซิบิชั่น ปี 2568 ทีเส็บจะเดินหน้าไปทำเต็มรูปแบบพร้อมกับ Training
for The Trainner เพราะรู้ว่ายังขาดเรื่องบุคลากร
วิชาการ การจัดสัมมนา ซึ่งได้ร่วมมือกันส่งคนมาเรียนรู้การทำธุรกิจไมซ์
ส่วนไทยจะเรียนรู้เรื่อง World Halal
โครงการที่
2 จัดมหกรรมพืชสวนโลก
ที่อุดรธานี และนครราชสีมา เตรียฝึกอบรมบุคลากรในพื้นที่
การทำงานเป็นเครือข่ายกับพื้นที่ พัฒนาระบบมาตรฐานไมซ์สากล
และทำงานร่วมกับกรมวิชาการเกษตร และฑูตการเกษตรแต่ละประเทศ
โครงการที่
3 ซอฟท์ พาวเวอร์
โดยมี One Event One Soft Power ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์นำเม็ดเงินไหลเข้าสู่ประเทศตอบสนองนโยบายรัฐบาลซึ่งมีทั้งหมด
12 สาขา
โดยมีทีเส็บเป็นแพลตฟอร์มที่จะทำให้เกิดการจัดประชุม อีเวนต์
และการแข่งขันประมูลงาน เพื่อทำให้เกิดการนำงานต่าง ๆ
ระดับนานาชาติหรือโลกเข้ามาจัดในเมืองไทย ส่งเสริมงานวัฒนธรรม
สำหรับ
“ไมซ์ในประเทศ” ปี 2567 จัด MICE
Product โดยมีโครงการแฟล็กชิพนำผลิตภัณฑ์ชุมชนมาใช้ในการจัดงานไมซ์
โดยร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หอการค้าแต่ละพื้นที่สนับสนุน
นำเสนอแฟล็กชิพแต่ละพื้นที่ รวมทั้งทำงานใกล้ชิดกับทุกองค์กร
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์ช้อปมันส์5วัน3โปรโมชั่นลดใหญ่เบอร์แรง
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ เปิดให้ช้อปมันส์แค่ “5 วัน” เท่านั้น
เฉพาะที่ “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ”ระหว่างวันที่ 6-10 กันยายน 2567
ระดมสินค้าแบรนด์ดังหมวด “บิวตี้” สินค้าความสวยความงาม “แฟชั่น”
มาพร้อมความทันสมัย และ “นาฬิกา” ความเท่สมาร์ททุกเวลา ในราคาสุดคุ้มกว่าเดิม
ช้อปปิ้งย่านใจกลางเมืองที่นี่ที่เดียวช้อปก่อน รับสิทธิ์ก่อน รับทันที 3 โปรโมชั่น
โปรโมชั่นที่
1 สินค้าแผนกน้ำหอมและเครื่องสำอางลดสูงสุด 10% และลดเพิ่มอีก 5% เมื่อช้อปครบ 10,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
โปรโมชั่นที่
2 สินค้าแผนกแฟชั่นและนาฬิกาลดสูงสุด 15% เมื่อช้อปครบ 20,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
โปรโมชั่นที่
3 รูดเต็ม
ได้คืนคุ้ม! เมื่อช้อปผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 17%
ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
ข่าวที่ 2-สมาชิกใหม่คิงเพาเวอร์“SCARKET-NAVY”รับคูปองลด2พัน
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ คัดเลือก “โปรดี” มามอบให้เฉพาะ “สมัครสมาชิกใหม่” ช้อปได้แบบสุดจอย! รับสิทธิประโยชน์คุ้มๆ ไปช้อปจอยต้อนรับกันยายน 2567 ได้ตลอดทั้งเดือนใหม่
สมาชิกฯ ใหม่ SCARLET ได้เยอะ! รับคูปองส่วนลด 2,000 บาท มอบให้ลูกค้าคนไทย และต่างชาติที่พำนักในไทยหรือ Expat เมื่อสมัครพร้อมกับเติมเงิน 18,000 บาท
1.รับฟรี! GRAB บริการรถรับ – ส่ง สนามบิน(มูลค่า 500 บาท เฉพาะการเดินทางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล) และ 2.รับส่วนลดทุกการช้อป 10%
สมาชิกใหม่ NAVY ได้คุ้ม! มอบให้ลูกค้าคนไทยเท่านั้น สมัครฟรี! รับส่วนลดทุกการช้อป 5%
สมัครสมาชิกได้ทั้ง 2 แบบ เริ่มสมัครได้เลยตั้งแต่วันนี้– 30 กันยายน 2567 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต หรือผ่านทาง LINE Official Account
ข่าวที่
3-อัยยวัฒน์ปลื้มนำ“เลสเตอร์ซิตี้”อุทธรณ์ชนะคดีพรีเมียร์ลีก
“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” เปิดข้อมูลล่าสุด “คณะกรรมการอุทธรณ์ฯ”
ตัดสินให้ “สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้” ชนะคดีพรีเมียร์ลีก กรณีถูกฟ้องละเมิดกฎการเงิน
ขอบคุณความยุติธรรมอันเที่ยงตรง ย้ำพร้อมเดินหน้าสร้างผลงานเต็มที่พรีเมียร์ลีก 2024/25
นายอัยยวัฒน์
ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ล่าสุดคณะกรรมการอุทธรณ์มีคำตัดสินเมื่อวันที่
30 สิงหาคม 2567
ให้ “สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้” ชนะคดีที่พรีเมียร์ลีกยื่นฟ้องสโมสรไปก่อนหน้านี้เมื่อวันที่
21 มีนาคม 2567 ด้วยข้อกล่าวหาละเมิดกฎการเงินรอบปีบัญชี
2022/23 คำตัดสินครั้งนี้ชี้ว่าทางสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ไม่ได้ละเมิดกฎการเงินของพรีเมียร์ลึก
และพรีเมียร์ลึกไม่มีอำนาจพิจารณาคดีดังกล่าวเนื่องจากในเวลาการกล่าวหาว่ามีการกระทำความผิด
“เลสเตอร์ ซิตี้” ไม่ได้เป็นสมาชิกพรีเมียร์ลีกแล้ว
“ผมขอบคุณคณะกรรมการอุทธรณ์ที่ตัดสินคดีนี้อย่างเที่ยงตรงตามกฎของฟรีเมียร์ลีก
และคืนความเป็นธรรมให้กับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ตลอดที่ผ่านมาทางสโมสรได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
และจำเป็นต้องต่อสู้ดดีนี้เพื่อปกป้องสโมสรและแฟนบอลของเราทั้หมด
ผมโล่งใจที่คดีนี้จบลง จากนี้เป็นต้นไปทางสโมสรและทีมทุกคนยังคงมีความท้าทายในการเล่นพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
ซึ่งเราจะทำให้ดีที่สุด”อัยยวัฒน์กล่าว
ทางสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ มีความมุ่งมั่น
พร้อมจะเดินหน้าฝ่าฟันความท้าทายในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2024/25 อย่างเต็มความความสามารถ
เพื่อสร้างผลงานที่ดีต่อไป สร้างความภาคภูมิใจในฐานะสโมสรของคนไทย
สามารถสร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ในเวทีโลกต่อเนื่องเกินกว่าทศวรรษ
ข่าวที่ 4-ผู้ว่าฯททท.ถกตลาดอเมริกากระตุ้นด่วน3เรื่องปั๊ม1.4ล้านคน
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
เป็นประธานจัดประชุมสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคอเมริกา 3
สำนักงาน คือ นิวยอร์ก ลอสแองเจลิส
และชิคาโก พร้อมกับมีคณะผู้บริหารแลกเปลี่ยนกันกับผู้อำนวยการ ททท. ในพื้นที่ โดยมอบนโยบายให้แต่ละสำนักงานที่ดูแลรับผิดชอบตลาดทวีปไกล
(longhual)
ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญขนาดใหญ่มีนักท่องเที่ยวเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางใช้เงินพักผ่อนต่อเนื่อง
ปี 2567 ตั้งเป้าจะต้องกระตุ้นให้เข้ามาเที่ยวเมืองไทย 1.4 ล้านคน แบ่งเป็น
อเมริกา 1 ล้านคน แคนาดา 2.5 แสนคน และอเมริกาใต้ 1.5 แสนคน
ระหว่างการประชุมครั้งนี้จึงได้เร่งภูมิภาคอเมริกาขับเคลื่อนแผนงานกระตุ้นท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาล
Ignite Tourism Thailand ส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาคหรือ
Aviation Hub โดยย้ำให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันทำด่วนเบื้องต้น 3
เรื่อง
เรื่องที่ 1
เร่งประสานงานสายการบินกลับมาเปิดเส้นทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศให้ได้มากที่สุด เรียกว่า
Fight for Flight เรื่องที่ 2 นำเสนอขายสินค้าท่องเที่ยวที่มาถึงเมืองไทยแล้วต้องลงมือทำทันทีใน
5 Must Do in Thailand พร้อมกับเน้นย้ำส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
เรื่องที่ 3 ขยายกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวใหม่อย่างน้อย 3
เทรนด์ คือ “เทรนด์แรก”
กลุ่มคนเดินทางที่เลือกแหล่งท่องเที่ยวเป็นสถานที่ทำงานด้วย (Workation) “เทรนด์ที่สอง” กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้ดิจิทัลทำงานได้ทุกแห่งทุกสถานที่
(Digital Nomad) “เทรนด์ที่สาม” ชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในภูมิภาคอเมริกา
(Expat)
ผู้ว่าฯ
ฐาปนีย์ กล่าวว่า ช่วงท้ายยังได้ขอให้ผู้บริหารระดับผู้อำนวยการ
กับพนักงานภูมิภาคอเมริกาทั้ง 3 สำนักงานตั้งใจทำงานเต็มที่เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายทำยอดนักท่องเที่ยวให้ได้ตามจำนวนเป้าหมายที่วางไว้
ควบคู่กับวางแนวทางดำเนินงานส่งเสริมการท่องเที่ยวให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล
มุ่งเน้นจัดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวทุกตลาดใช้จ่ายเงินระหว่างเที่ยวเมืองไทยเพิ่ม 2
ส่วน คือ 1.เพิ่มการใช้จ่ายเงินภาพรวมต่อคนต่อทริป
2.เพิ่มวันพักเฉลี่ย
ตอกย้ำให้เห็นความสามารถของประเทศไทยพร้อมรองรับกลุ่มคุณภาพนำนักท่องเที่ยวเข้ามาสร้างรายได้ให้ภาคธุรกิจ
กระจายการสร้างอาชีพ จ้างงาน ทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ
ข่าวที่ 5-กลุ่มบางจากโชว์วิสัยทัศน์2030ทำEBIDAโต 1 แสนล้าน/ปี
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทีมผู้บริหารโชว์วิสัยทัศน์
2030 ในโอกาสบางจากดำเนินงานครบ 40 ปี กำลังก้าวสู่ทศวรรษที่ 5 ทุกฝ่ายพร้อมจะทำให้เป็นปีแห่งการสร้างพลังงานอัจฉริยะหรือ Synergy ด้วยวิธีปรับตัวและเติบโต
ด้วยวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์อย่างชัดเจน นำกลุ่มธุรกิจภายใต้การดำเนินงานก้าวสู่ความเป็นเลิศ
ทั้งเพิ่มประสิทธิภาพ ขยายธุรกิจต่อเนื่อง มีวินัยทางการเงิน ทำให้ 6 ปีข้างหน้า
พ.ศ. 2573 สามารถทำกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายเข้าเป้าหมาย EBITDA 100,000 ล้านบาท รักษาความเป็นผู้นำพลังงานของไทย พร้อมกับขยายตลาดโลกเพิ่มขึ้น
สร้างรากฐานอันมั่นคง เติบโตอย่างยั่งยืน
โดยจะก้าวไปข้างหน้าสร้างอนาคตผ่าน “การลงทุนและนวัตกรรม” ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
ภายใต้วิสัยทัศน์ “รังสรรค์โลกยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว” สู่เป้าหมายปี
2573 เรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอน และปี 2593 ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่ง
สร้างความมั่นคงทางพลังงานให้ประเทศไทยและภูมิภาค
ขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
สถานการณ์ธุรกิจของกลุ่มบริษัทบางจากช่วงครึ่งแรกปี 2567 ดำเนินงานอย่างแข็งแกร่งและยืดหยุ่นท่ามกลางสภาพตลาดที่ท้าทาย
ด้วยวิสัยทัศน์ชัดเจนและบริหารจัดการอย่างประสิทธิภาพ ผลการดำเนินงานเติบโตยั่งยืน
เริ่มจาก “เปลี่ยนแปลงตราสัญลักษณ์บางจาก” เป็น “ใบไม้ใบใหม่”
สะท้อนภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำด้านพลังงานของประเทศทั้งทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ลูกค้าและสังคมตอบรับเป็นอย่างดี
ส่งผลต่อให้สถานีบริการน้ำมันมีปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ยืนยันลูกค้าเชื่อมั่นในแบรนด์บางจากและคุณภาพผลิตภัณฑ์
ปี 2568 จะเริ่มผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF :Sustainable Aviation Fuel) นำพาทั้งบริษัทฯและประเทศไทยช่วยสร้างความยั่งยืนให้บางจากฯ
และสังคมมีทางเลือกใช้น้ำมันยั่งยืนในอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งด้วยความมุ่งมั่นของกลุ่มบริษัทบางจากผู้นำการพัฒนาเชื้อเพลิงยั่งยืน
ด้วยกลยุทธ์ตามแนวคิด Bangchak 100x
เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย EBITDA 100,000
ล้านบาท และเติบโตเป็นองค์กรที่ยั่งยืน 100 ปีคู่สังคมไทย
แล้วบางจากฯ ยังยึดมั่นในพันธกิจขับเคลื่อนการเติบโตโดยรักษาสมดุลระหว่างความมั่นคงด้านพลังงาน
การเข้าถึงพลังงาน ความยั่งยืนของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายภายในปี
2593 จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ตามแผนขยายธุรกิจ 6 แผนงาน ดังนี้
แผนงานที่ 1 “โรงกลั่นและค้าน้ำมัน และธุรกิจต่อเนื่อง” เน้นสร้าง synergy ระหว่างโรงกลั่นระดับโลก
2 แห่ง คือ โรงกลั่นพระโขนงและโรงกลั่นศรีราชา
ตั้งเป้ากลั่นน้ำมัน 280,000 บาร์เรล/วัน ปี 2568 จากกำลังการกลั่นติดตั้ง
(nameplate capacity) รวม 294,000 บาร์เรล/วัน
มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพื่อเพิ่มค่าการกลั่น
(GRM) นำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการตลาด และขยายการผลิตผลิตภัณฑ์เฉพาะทางที่มีมูลค่าสูง
เช่น Unconverted Oil และขี้ผึ้ง ปี 2568 จะเป็นปีบุกเบิกความเป็นผู้นำผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) กำลังการผลิต 7,000 บาร์เรล/วัน
มีความพร้อมการจัดวัตถุดิบจากเครือข่ายพันธมิตรและรับซื้อน้ำมันผ่านโครงการทอดไม่ทิ้งทั่วประเทศ
เพราะSAF เป็นผลิตภัณฑ์ที่มาร์จิ้นสูงกว่าผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยานแบบดั้งเดิม
และมีแนวโน้มความต้องการใช้เพิ่มขึ้นในอนาคต
ทำให้กลุ่มบริษัทบางจากก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดโรงกลั่นเฉพาะทางโดยยึดมั่นด้านนวัตกรรมความยั่งยืน
แผนงานที่ 2 “ความเป็นเลิศในธุรกิจการตลาด” ได้ขยายแนวคิด “Greenovative Destination” เพิ่มเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,400 แห่ง ภายในปี 2573 ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 33% เจาะตลาดที่มีความต้องการสูง
และในส่วนธุรกิตตลาดพาณิชยกรรมมุ่งขยายตลาดทั่วภูมิภาค (กัมพูชา ลาว
สหภาพเมียนมาร์ และเวียตนาม) รวมบริการตอบโจทย์ทุกความต้องการ พร้อมสร้างประสบการณ์ใช้บริการให้ลูกค้าและเสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์บางจาก
เช่น ร้านกาแฟอินทนิล กับสถานีชาร์จรถไฟฟ้า
แผนงานที่ 3 “การเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว” ขยายธุรกิจพลังงานสีเขียว ผ่าน บริษัท บีซีพีจี จำกัด
(มหาชน) ซึ่ขยายตัวต่อเนื่อง ปี 2573 ตั้งเป้าได้รับคัดเลือกเป็นหุ้นเข้าคำนวณดัชนี SET50 และเป็นหนึ่งในหุ้นยั่งยืนได้รับเลือกเป็นสมาชิกดัชนี DJSI ด้วยกลยุทธ์เน้นขยายการลงทุนพลังงานสีเขียวในประเทศที่มีธุรกิจอยู่แล้ว และการทำ
capital recycling สร้างผลตอบแทนให้สูงขึ้น และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนโดยให้ความสำคัญกับการรักษาวินัยทางการเงินและผลตอบแทนการลงทุนที่เหมาะสม
ส่วน บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน)
ผู้นำด้านการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพแบบครบวงจร มุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์และขยายธุรกิจหลักสู่ตลาดที่มีมูลค่าสูง
ตั้งเป้าปี 2568 จะเป็นผู้ผลิต CDMO (Contract Development and Manufacturing
Organization) รายแรกในอาเซียน เริ่มจากปี 2571
มีแผนจะผลิตมากกว่า 1 ล้านลิตร/ปี
แผนงานที่ 4 “สร้างความมั่นคงทางพลังงานผ่านธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม” สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม
(E&P) ด้วยการลงทุนตั้งแต่ปี 2561 ใน OKEA ASA ที่นอร์เวย์ มีเป้าหมายปี 2573
จะขยายกำลังการผลิต
50,000 บาร์เรล/วัน พร้อมกับจะขยายธุรกิจ E&P สู่ภูมิภาคอื่น
ๆ ของโลก เช่น เอเชียแปซิฟิก เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางพลังงาน เพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจ
E&P ปี 2573 ตั้งเป้าการผลิตรวมให้ได้ 100,000 บาร์เรล/วัน
แผนงานที่ 5 “แพลตฟอร์มเพื่อรองรับการเติบโตและเสถียรภาพทางการเงิน” ให้ความสำคัญการพัฒนาแพลตฟอร์มรองรับการเติบโตเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
สร้างความมั่นคงทางพลังงาน
ให้ผู้บริโภคเข้าถึงพลังงานได้ในราคาที่เหมาะสมและยั่งยืน ระหว่างปี 2568-2573 มีแผนลงทุนรวม 120,000 ล้านบาท นำไปสู่เป้าหมายสร้าง
EBITDA ใหม่ภายในปี 2573 ที่ 100,000 ล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานของตลาดที่แข็งแกร่ง
การเพิ่มประสิทธิภาพและกระจายธุรกิจสร้างสมดุลให้พอร์ตโฟลิโอ พร้อมการเงินที่แข็งแกร่ง
ได้รับการจัดอันดับเครดิต 'A' ที่มั่นคงจาก TRIS Rating ซึ่งช่วยเน้นโอกาสเติบโต
แล้วยังคงรักษาผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) และผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) แข็งแกร่ง
แผนงานที่ 6 “แนวทางเพื่อการเติบโต” มุ่งเน้นขยายธุรกิจระยะยาวผ่านการพัฒนาและขยายธุรกิจใหม่
ๆ เช่น พัฒนาเทคโนโลยีตอบโจทย์สังคมคาร์บอนต่ำ เข้าสู่ธุรกิจเชื้อเพลิงที่ยั่งยืนและใช้พลังงานใหม่ๆ
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำระบบดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาปรับใช้
ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงโลกและสร้างประโยชน์สูงสุดให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระยะยาว
ข่าวที่ 6-TCEBภาคกลาง/ตะวันออกจัด3บิ๊กอีเวนต์ไมซ์ไทยเชื่อมอินเตอร์
ดร.สุรัชสาห์
ทองมี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ “TCEB” ภาคกลาง เปิดเผยว่ากันยายนเดือนส่งท้ายปีงบประมาณ 2567 ไมซ์ภาคกลางและภาคตะวันออก เดินหน้าจัดงานประชุมสัมมนานักธุรกิจในประเทศเชื่อมโยงเครือข่ายระดับนานาชาติ
เบื้องต้นจะกำลังเดินหน้าทำภารกิจสำคัญ 3
งานหลัก ได้แก่
งานแรก
“Towards the Prosperous ACMECS” กับสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย
หรือ Thailand Management Association (TMA) สร้างการรับรู้ถึงโอกาสผ่านเส้นทาง
3 แม่น้ำ
เชื่อมโยงยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao
Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS) และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของนักธุรกิจไทย
มุ่งใช้งานนี้ต่อยอดให้เห็นโอกาสทางการค้าการลงทุน
ครอบคลุมโครงข่ายคมนาคมเตรียมเปิดอย่างเป็นทางการสิ้นปีนี้เส้นทางตัดใหม่ M81 จากกรุงเทพมหานครไปยังกาญจนบุรี ใช้เวลาเดินทางแค่เพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง 30 นาที
รวมถึงจะช่วยยกระดับสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวภาคกลางได้อย่างเต็มที่
งานที่
2 เปิดเส้นทางสำราญทางน้ำเชื่อมโยง 3 ประเทศ “ไทย-กัมพูชา-เวียดนาม” โดยทีเส็บภาคตะวันออก
ขับเคลื่อนภายใต้โครงการ 1 Market 3 Destinations หรือ “CVTEC” ช่วงสิ้นเดือนกันยายนนี้เตรียมเปิดประชุมร่วม 3 ประเทศ
ที่จังหวัดตราด
งานที่
3 สัมมนาระดมความคิดเห็นภายใต้ โครงการยกระดับศักยภาพเครือข่ายสร้างสรรค์กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก
2” จัดที่จังหวัดจันทบุรี
เพื่อยกระดับพื้นที่ศักยภาพภาคตะวันออกนำเสนอจุดขายเฟสติวัลส่งเสริมให้ทุกจังหวัดเป้าหมายยกระดับสร้างสรรค์การทำ
เฟสติวัล ดีไซน์
ช่วงที่ 2 ชวนไปเที่ยว “วิ่งทะลุมิติทองผาภูมิ” สัมผัสทางลอดในมุมมืดทอดยาวกว่า 1
กม.แล้วยังได้ช่วยโลกลดคาร์บอน เที่ยวแบบยั่งยืน 14-15 กันยายน นี้ สมัครได้เลย 4 วัย ไม่จำกัดชายหญิง
ติดตาม “5วิถีชีวิตเคล็ดลับสุขภาพ” อายุยืน 100 ปี ข่าวฮ็อตส่งท้าย ข่าวแรก “การบินไทยMOUบริษัทอุตสาหกรรมการบิน”
ขยายธุรกิจศูนย์ซ่อมเครื่องบินไฮเทค ข่าวที่สอง “ททท.จับมือ6แอร์ไลน์ส”
แจกตั๋วโปรบินเที่ยววันธรรมดา 1 แสนที่นั่ง
ท่องเที่ยว –เที่ยวไทยไปร่วมวิ่งทะลุมิติทองผาภูมิช่วยโลกลดโลว์คาร์บอน
เที่ยวไทยไปกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี ชวนไป “วิ่งทะลุมิติ” ลอดอุโมงค์เหมืองแร่เก่าสุดในอำเภอทองผาภูมิ
กาญจนบุรี 14-15
กันยายน 2567
มาร่วมกันทำโมเดลโลว์คาร์บอนในแหล่งท่องเที่ยว 1 ใน 25 UNSEEN New Chapters ททท.ขานรับกระแสการเดินทางของทั่วโลก
เช็คอิน “อุโมงค์สามมิติ”
อ.ทองผาภูมิ เป็นเหมืองแร่เก่าความยาว 2,300 เมตร ซึ่งเคยเต็มไปด้วยเถาวัลย์และต้นไม้น้อยใหญ่บริเวณรอบๆ
เหมืองมีแต่ผืนป่าสีเขียวปกคลุม ด้าน “ในอุโมงค์” มีหินงอกหินย้อยเปล่งประกายระยิบระยับ
และยังคงมีหลักฐานจากอดีตเป็นเครื่องจักรและท่อลมขนาดใหญ่ให้พบเห็น
การลอดอุโมงค์ภายใต้ความมืด
เป็นบรรยากาศลึกลับชวนให้ลุ้นตลอดสองข้างทาง แต่ในวินาทีที่ผ่านมาถึงหน้าปากอุโมงค์
จะดูคล้ายประตูกาลเวลาราวกับฉากไคลแม็กซ์ในภาพยนตร์
ให้ความรู้สึกราวกับได้ทะลุผ่านจากมิติหนึ่งไปสู่อีกมิติ จึงเป็นที่มาของชื่อ
“อุโมงค์สามมิติ”
กันยายนนี้ชวนกันไป
“วิ่งทะลุมิติ” ในแหล่ง Unseen New Series ที่ ททท.สำนักงานกาญจนบุรี กับ บริษัท เอสอาร์อาร์ โซลูชั่น
(ไทยแลนด์) จำกัด ร่วมกันจัดวิ่งฮาล์ฟมาราธอน รายการ “The
Cave Run 2024 วิ่งทะลุมิติ Unseen
New Chapters”
ไฮไลท์ต้องห้ามพลาดครั้งนี้คือ
นักท่องเที่ยวหรือนักวิ่งจะได้ลอดเข้าอุโมงค์เหมืองเเร่ 3 อุโมงค์ ที่มีความยาวโดยรวมถึง 1,000 เมตร หรือ 1
กม.เป็นมิติใหม่ให้ประสบการณ์วิ่งของผู้ที่ร่วมกิจกรรมนี้ ขณะนี้ยังเปิดรับสมัคร
โดยนักแข่งจะได้รับเสื้อยืดผลิตจากเส้นใยผ่านกระบวนการรีไซเคิลจากขวดพลาสติก
เมื่อได้มาร่วมวิ่งก็จะสร้างประโยชน์ทั้งการออกกำลังกาย ร่วมผจญภัย
และรักษ์โลก
นักวิ่งสายเทรลทั่วไทยร่วมสัมผัสประสบการณ์ลงสนามแข่งขัน
ปี 2567 เลือกสมัครได้ตามที่ชอบมี 4 ระยะทาง ได้แก่ 1. ระยะทาง 6 กม.ค่าสมัคร 790 บาท (ปล่อยตัว
06.00 น.) 2. ระยะทาง 12 กม.ค่าสมัคร 1,090 บาท (ปล่อยตัว
05.45 น.) 3. ระยะทาง 21 กม. ค่าสมัคร 1,290 บาท (ปล่อยตัว 05.00 น.) 4. ระยะ 30
กม. ค่าสมัคร 1,490 บาท
(ปล่อยตัว 04.30 น.)
สมัครทั้งชายและหญิง
แบ่งเป็น 5 รุ่นอายุ ได้แก่ รุ่นอายุ 18 – 29 ปี รุ่นอายุ 30 – 39 ปี รุ่นอายุ 40 – 49 ปี รุ่นอายุ 50 – 59 ปี และรุ่นอายุ 60 ปีขึ้นไป จุดเริ่มต้นออกสตาร์ทและสิ้นสุดอยู่บริเวณเดียวกันตรงจุดชมวิวเนินสวรรค์
อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ตำบลสหกรณ์นิคม อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
สมัครหรือดูรายละเอียดทางเพจเฟสบุ๊ค www.facebook.com/thecaverun
หรือ 090 949 6425 และ Line :
@reflect
สุขภาพ
–5 วิถีชีวิตเคล็ดลับสุขภาพดีที่ทำให้คนอายุยืน
100 ปี
“Dan Buettner” ผู้ก่อตั้งบลูโซนส์
นำเสนอผลการศึกษามาตลอด 20 ปี พบว่า
คนที่มีสุขภาพแข็งแรงสามารถใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ด้วยอายุยืน 100 ปี มีแนวทางปฏิบัติในชีวิตประจำวัน 5 วิถี ได้แก่
วิถีที่
1 อยู่ ในเมืองที่ใช้ชีวิตด้วยการเดิน-ขยับตัว
มีสถานที่ สภาพแวดล้อมที่ทำให้ตื่นตัวอยู่เสมอ
วิถีที่
2 ทานอาหาร เน้น “Plant Based
เป็นหลัก เช่น ถั่ว เต้าหู้ มันฝรั่ง ผัก
วิถีที่
3 เข้าสังคมให้มาก การมีความสัมพันธ์ที่ดี
ทำให้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุข
วิถีที่
4 “อย่า”ทำงานหลัง 5 โมงเย็น
อย่าทำงานหนักมากเกินไป ต้องหาเวลาว่างให้ตัวเองและคนรอบข้าง
วิถีที่
5 ขยับร่างกายทุกวัน ด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ
แต่อย่าหักโหมมากเกินไป
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –การบินไทยMOUบริษัทอุตฯบินรุกธุรกิจซ่อมเครื่อง-เสริมไฮเทค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด
โครงการพัฒนาธุรกิจด้านการซ่อมบำรุงอากาศยาน ระหว่างตัวแทนทั้งสองฝ่ายคือ นายเชิดพันธ์
โชติคุณ ประธานเจ้าหน้าที่สายช่าง บมจ.การบินไทย พลอากาศเอก พิบูลย์ วรวรรณปรีชา
กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด โดยจะร่วมกันยกระดับการพัฒนาและแสวงหาโอกาส
ในการดำเนินธุรกิจด้านการซ่อมบำรุงอากาศยาน เครื่องยนต์อากาศยาน (Aircraft
Engines) ชิ้นส่วนอากาศยาน (Aircraft Parts) บริภัณฑ์อากาศยาน
(Aircraft Components) และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อรองรับการเติบโตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทย
และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
การบินไทย
ย้ำว่า ความร่วมมือครั้งนี้ได้คำนึงถึงรูปแบบทางธุรกิจที่เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกัน
เช่น 1.สนับสนุนใช้พื้นที่โรงเก็บอากาศยานเพื่อจอด
หรือซ่อมบำรุงอากาศยาน 2.สนับสนุนด้านเครื่องมือ อุปกรณ์
และบุคลากร ในการซ่อมบำรุงอากาศยาน 3.การฝึกอบรม 3.การพัฒนาด้านเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการซ่อมบำรุง และอื่น ๆ
ความร่วมมือของการบินไทยกับ
บริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด ครั้งนี้ สอดคล้องตามโยบายรัฐบาล ประกาศตั้งเป้าหมายให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันผลักดัน
ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการบินของภูมิภาค (Aviation Hub) และเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดให้การบิน
เป็น 1 ใน 5 อุตสาหกรรมเป้าหมายในอนาคต
(New S-curve) ด้วยเช่นกัน
สำหรับพิธีลงนามข้อตกลงเมื่อวันที่
6 กันยายน 2567 จัดขึ้นที่โรงซ่อมอากาศยาน
(Hangar) สายช่าง การบินไทย สุวรรณภูมิ
มีพยานของทั้งสองฝ่ายร่วมอยู่ด้วยคือ นางนญธนัช จันทรศิริ หัวหน้าฝ่ายพาณิชย์ช่าง
บมจ.การบินไทย กับนาวาอากาศโท กานต์ การุณพักตร์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
บริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด
ข่าวที่สอง
-ททท.-6แอร์ไลน์แจกโปรตั๋วบินวันธรรมดา9เดือน9โกยเพิ่ม400ล้าน
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ททท.ร่วมกับพันธมิตรมีได้รับความนิยมจากนักเดินทาง
6 สายการบิน
ได้แก่ แอร์เอเชีย
เวียตเจ็ท นกแอร์ การบินไทย บางกอกแอร์เวย์ส และไทยไลอ้อนแอร์
อัดโปรโมชัน Super Deal 9 เดือน
9 ขายตั๋วโดยสารเครื่องบินราคาพิเศษรวมกว่า 100,000 ที่นั่ง กระตุ้นโครงการ
“วันธรรมดาน่าเที่ยวกับสายการบิน” ช่วงกรีน ซีซันต่อเนื่องถึงปลายปี เริ่มซื้อตั๋วบินได้ตั้งแต่ต่อเนื่องยาว
4 เดือน เริ่มวันที่ 9 กันยายน – 15 ธันวาคม 2567
โครงการนี้จะช่วยธุรกิจเพิ่มยอดขายตั๋วโดยสาร
เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว เพิ่มความถี่
และเพิ่มรายได้กระจายลงพื้นที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ สนับสนุนให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั่วประเทศ
ทั้งสายการบิน บริษัทนำเที่ยว
แรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศ โดยคาดว่าโครงการจะสร้างรายได้หมุนเวียนกว่า
400 ล้านบาท
ผู้ว่าฯ ฐาปนีย์
กล่าวว่า ททท.กับพันธมิตรมุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศด้วยกลยุทธ์การจัดกิจกรรมและอีเวนต์ใหญ่ต่าง
ๆ ในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวหลักกับเมืองน่าเที่ยวต่อเนื่อง
ตั้งแต่ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวหรือกรีน ซีซัน ไปจนถึงไฮซีซั่นปลายปีนี้ สามารถออกเที่ยวทันทีและวางแผนล่วงหน้าช่วงปลายปี
จึงได้ร่วมมือกับ 6 สายการบิน โหมขายการเลือกเดินทางทั่วเมืองไทยในโครงการ “วันธรรมดาน่าเที่ยวกับสายการบิน” จัดโปรโมชัน Super Deal 9 เดือน 9 ซื้อตั๋วบินวันธรรมดาระหว่างวันจันทร์ – พฤหัสบดี ภายใต้เงื่อนไขที่สายการบินกำหนด
ซึ่งจะสามารถระจายตัวนักท่องเที่ยวทั้งในเชิงพื้นที่กับช่วงเวลาออกเที่ยว
การจัดทำโปรดมชั่นตั๋วโดยสารกับ
6 สายการบิน
ในโครงการ “วันธรรมดาน่าเที่ยวกับสายการบิน” นักท่องเที่ยวหรือผู้โดยสารสามารถซื้อตั๋วโดยสารสายการบินตามเส้นทางที่กำหนดได้ตั้งแต่วันที่
9 กันยายน 2567 ถึงช่วงเวลาที่สายการบินกำหนด
แล้วนำไปใช้เดินทางได้เริ่ม 9 กันยายน – 15 ธันวาคม 2567 ประกอบด้วย
“การบินไทย” ราคาตั๋วโดยสารเที่ยวเดียว เส้นทางบิน กรุงเทพฯ – อุดรธานี, กรุงเทพฯ – อุบลราชธานี, กรุงเทพฯ - ขอนแก่น, กรุงเทพฯ - หาดใหญ่ เดินทางวันจันทร์ – พฤหัสบดี
เดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน – 12 ธันวาคม 2567 เริ่มซื้อตั๋ววันที่
9 กันยายน 2567 ทางเว็บไซต์ www.thaiairways.com
สำนักงานขายการบินไทยทุกสาขาในประเทศไทย
ตัวแทนจำหน่าย และ THAI CONTACT CENTER
“นกแอร์” ตั๋วโดยสารบินในประเทศราคาพิเศษรวมภาษีสนามบินและค่าธรรมเนียม
เปิดขายตั๋ว9 - 11 กันยายน 2567 ซื้อแล้วเก็บไว้เดินทางได้ตั้งแต่ 9 กันยายน - 15
ธันวาคม 2567 เงื่อนไขเป็นไปตามที่สายการบินกำหนด จองทางเว็บไซต์ www.nokair.com
“ไทยแอร์เอเชีย” ทำโปรโมชั่นราคาพิเศษเฉพาะเส้นทางที่กำหนด
เดินทางวันจันทร์
- พฤหัสบดี เปิดขาย 9 - 11
กันยายน 2567 เดินทางได้ตั้งแต่ 9 กันยายน – 15 ธันวาคม 2567 ทางเว็บไซต์ www.airasia.com
“บางกอกแอร์เวย์ส” แจกโปรโมชั่นเส้นทางในประเทศราคาพิเศษรวมภาษีสนามบินและค่าธรรมเนียมออกตั๋วโดยสาร
เปิดขายวันที่ 9 -
13 กันยายน 2567 ใช้เดินทางได้ตั้งแต่
9
กันยายน – 15 ธันวาคม 2567 จองทางเว็บไซต์ www.bangkokair.com/flyfest หรือ
ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า โทร 1771 หรือ 02-270-6699 เวลา 8.00 น. – 20.00 น.
“เวียตเจ็ทไทยแลนด์” มีโปรโมชั่นตั๋วโดยสารราคาพิเศษทุกเส้นทางในประเทศ
ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น อุบลราชธานี อุดรธานี ภูเก็ต หาดใหญ่
สุราษฎร์ธานี กระบี่ ราคาไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียม ทุกเที่ยวบินวันจันทร์ - พฤหัสบดี ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์
พร้อมมอบส่วนลด1,999 Code
ใช้เป็นส่วนลดได้ทั้งการเดินทางแบบเที่ยวเดียว และไป-กลับ เพียกรอกรหัสส่วนลดผ่านเว็บไซต์
www.vietjetair.com เปิดขาย 9-11 กันยายน 2567
นำไปใช้เดินทางวันที่ 9 กันยายน – 15 ธันวาคม 2567
“ไทยไลอ้อนแอร์” มีโปรโมชั่นตั๋วโดยสารราคาพิเศษเส้นทางบินในประเทศ
เดินทางทุกวันจันทร์ – พฤหัสบดี เปิดขาย 9-13 กันยายน 2567 แล้วนำไปใช้เดินทาง
9 กันยายน – 15 ธันวาคม 2567 จองทางเว็บไซต์ www.lionairthai.com/
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น