วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2568

ททท.ต่อยอด3บิ๊กโปรเจกต์ปี68-69 "Travel Tech Start Up5ภาค-น้ำพุร้อน-เที่ยวยั่งยืน

 

อัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการลงทุนและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ททท.

ททท.ต่อยอด3บิ๊กโปรเจกต์แห่งปี68-69“ลงทุน+นวัตกรรม”

ปั้นTAT Travel Tech Start Up-ชูต้นแบบกระบี่ขยาย5ภาค

ดันจุดขายทัวร์สุขภาพ-อีโคเฟรนลี่อีเวนต์-เที่ยวไทยยั่งยืน

บูมน้ำพุร้อนสันกำแพงเชียงใหม่-Love on Earth เขาใหญ่

คิง เพาเวอร์ออนไลน์ลุยขาย“FLY SMART,SHOP EARLY”

มหาดีลคิง เพาเวอร์9แบรนด์ดัง9.9 Brands of The Month

ข่าวดี!!ททท.เปิด151รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยปี68

บางจากนำบีซีพีจีขยายเครือข่ายสหกรณ์ลดโลกร้อน5แห่ง

ออนทัวร์หมอลำเฟสติวัล 19-28 ก.ย.นี้ ที่ “ร้อยเอ็ด-อุดร”

3 องค์ประกอบนอนหลับอย่างมีคุณภาพนำสุขภาพดีด้วย

วิทยุการบินนำBOBCATหนุนแอร์ไลน์บินง่ายเอเชียสู่ยุโรป

รร.อินเตอร์คอนกรุงเทพฯชูซันเดย์บรันซ์บุฟเฟต์คนรักปู

วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #บางจาก  #หมอลำเฟสติวัล

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/19j5ySepNd/

ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !! นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการลงทุนและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ส่งไม้ต่อก่อนขึ้นรองฯ ด้านบริหาร นำกองนวัตกรรมลุยโครงการ “TAT Travel Tech Start Up” ชู กระบี่ โปรโตไทป์ ขยายสู่ 5 ภูมิภาค ขณะที่ “กองการลงทุน” ใส่เกียร์เร่งส่งเสริมตลาด “ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ” นำร่อง “น้ำพุร้อนสันกำแพง” สร้างชื่อในตลาดนานาชาติ พร้อมเดินหน้าจัดอีโค เฟรนลี่ อีเวนต์ “Love on Earth6-7 ก.ย.นี้ กลางธรรมชาติเขาใหญ่ โชว์พลังโมเดลเที่ยวรักษ์โลก ลดคาร์บอน นำไทยก้าวสู่จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนระดับโลก

           

            นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการลงทุนและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ก่อนจะไปรับตำแหน่งรองผู้ว่าการด้านบริหาร ททท. เริ่ม 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น ขณะนี้ได้ปฏิบัติภารกิจในฝ่ายส่งเสริมการลงทุนซึ่งดูแลโครงสร้าง 2 กองงานหลัก ได้แก่ กองนวัตกรรม และกองการร่วมทุน ทำต่อเนื่องมีเนื้องานเป็นไฮไลต์เริ่มต้นจาก“กองนวัตกรรม” เดินหน้าจัดทำโครงการ TAT Travel Tech Start Up ช่วงต้นปี 2568 กระทั่งปัจจุบันได้พัฒนาสู่เครือข่ายแล้วก็กำลังต่อยอดให้มี “จำนวนเทคสตาร์ตอัพ” สาขาต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ททท.จึงเชิญชวนทั้งรายเล็กและรายใหญ่เข้ามาดำเนินการร่วมกันอย่างเต็มที่ 

ปี 2569 จะเพิ่มความเข้มข้นเรื่องเทคสตาร์ตอัพมากขึ้น ปัจจุบันทำโครงการนำร่องพื้นที่ “จังหวัดกระบี่ : Krabi Prototype จุดเริ่มต้นการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน นำนวัตกรรมจากเทคสตาร์ตอัพเข้ามาขับเคลื่อน ถ่ายทอดความรู้ให้คนในพื้นที่ แล้วปีหน้าก็จะกระจายใช้โมเดลต้นแบบทำต่อเนื่องทั้ง 5 ภูมิภาค เช่น นครราชสีมา เชียงใหม่ เพชรบุรี


ส่วน “กองการลงทุน” จะดูแลนำเสนออีเวนต์ที่มีสไตล์เป็นการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และการท่องเที่ยวสีเขียว ชัดเจน แต่ละงานที่จัดขึ้นพอผู้ชมเดินเข้าไปในงานนอกจากจะได้สัมผัสความรู้ความเข้าใจการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนแล้ว ยังจะได้เห็น งานศิลปะ อาหาร ดนตรี เพิ่มความสุขและเพลิดเพลิน เน้นรักษาสิ่งแวดล้อม ลดคาร์บอน ซึ่งจะนำแพลตฟอร์มการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตด้วย

ต่อเนื่องถึงช่วยขับเคลื่อนโครงการ “น้ำพุร้อนสันกำแพง” จังหวัดเชียงใหม่ ล่าสุดคณะผู้บริหาร ททท.มีโอกาสติดตามองคมนตรีไปดูงานที่เยอรมัน เพื่อจะได้มีส่วนร่วมบริหารจัดการตลาด เพื่อส่งต่อให้นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติเข้ามาใช้บริการสร้างรายได้เติบโตเพิ่มมากขึ้น โดยได้จัดทำตามเทรนด์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพหรือ Wellness Tourism นำเสนอจุดแข็ง ซอฟท์ พาเวอร์ พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส ใช้สมุนไพรธรรมชาติเข้ามาบำบัดสุขภาพ ตอบรับตลาดทั้งกลุ่มผู้สูงวัย และคนรุ่นใหม่ ซึ่งหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น สอดคล้องกับสินค้าท่องเที่ยวกลุ่มน้ำพุร้อนหรือออนเซน

 


ขณะนี้กรมการท่องเที่ยว กับจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับงบประมาณสนับสนุนแผนปรับปรุงน้ำพุร้อน ซึ่งจะพัฒนาโครงสร้างบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแต่ละกลุ่ม แล้ว ททท.ก็จะช่วยบริหารจัดการด้านตลาดดึงคนเข้ามาใท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นต่อไป


ผอ.อัครวิชย์ กล่าวว่า ล่าสุด ททท.จัดกรีนและอีโค เฟรนลี่ อีเวนต์มหกรรมท่องเที่ยวเทศกาลดนตรีกลางธรรมชาติ “Love on Earth : โลกก็รักษ์ คนก็เลิฟ” วันที่ 6-7 กันยายน 2568 เวลา 11.00-22.00 น.บริเวณ TAT Eco Park เขาใหญ่ มีพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 140 ไร่ ผู้ประกอบการพร้อมเข้าร่วมสนับสนุน มีอากาศบริสุทธิ์ สามารถชวนกันมาฮีลใจได้เต็มที่ แบ่งเป็น 6 โซน ได้แก่

1.โซนดนตรี โดยศิลปินท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง 2.โซนศิลปะและงานคราฟท์ ภายใต้การจัดทำด้วยวัสดุท้องถิ่นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 3.กรีนฟู้ด จัดทำเมนูอาหารจากวัตถุดิบชุมชนท้องถิ่น รักษ์โลก 4.โซนการเรียนรู้และสังคม นิทรรศการต่าง ๆ มีเด็กเยาวชนและผู้สนใจด้านสิ่งแวดล้อมเข้ามาร่วมชมเรื่องราวที่เข้าใจง่าย 5.โซนการท่องเที่ยวสีเขียว นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวชุมชนเชื่อมโยงสู่ธรรมชาติ ล่าสุดได้ไปทำกิจกรรม Detox ปอด Eco Trial  6.โซนกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ เวลเนส ศิลปะวาดรูป ตามแนวทางกรีน อีเวนต์


ททท.หารือกับสมาคมท่องเที่ยวเขาใหญ่ และนครราชสีมา จัดงานครั้งนี้ขึ้นมาเพื่อเน้นนำเสนอบรรยากาศกับธรรมชาติซึ่งคาดหวังในการท่องเที่ยวเชิงคุณค่า โดยเน้นเชิญศิลปินในพื้นที่เพื่อสร้างสรรค์เครือข่ายท้องถิ่น พร้อมกับร่วมมือกับสมาคมท่องเที่ยวนครราชสีมา เขาใหญ่ และอีกหลากหลาย บูรณาการทำงานร่วมกัน คาดจะมีผู้เข้าร่วมงานหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 3,000 คน พร้อมทั้งสามารถใช้งานนี้รณรงค์ให้คนเข้าใจ “การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน” มากขึ้น จากการชมนิทรรศการ งานทั้ง 6 โซน มีผู้ประกอบการมาช่วยถ่ายทอดให้เห็นถึงความมุ่งมั่นภายในงานเต็มไปด้วยอีโค เฟรนลี่ ทุกอย่าง การนำดนตรี ศิลปะ จิตรกร นักวาดภาพเข้ามาร่วมด้วย เพราะต้องการให้กลุ่มอนุรักษ์ดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่สนใจ หรือคนทั่วไป ได้รับวามรู้ ตัดสินใจเข้ามาสัมผัสทุกอย่างที่ได้เป็นเห็นซึ่งเป็นกรีนแบบครบวงจร

 


ตลอดงานได้จัดทำระบบบริหารจัดการ “ลดขยะเป็นศูนย์” และสร้างแพลตฟอร์มเก็บข้อมูลจากนักเดินทางทุกคนเพื่อประมวลผลการใช้คาร์บอนแล้วนำไปคำนวณลดชดเชยคาร์บอนเครดิตได้ด้วย

ผอ.อัครวิชย์ กล่าวว่าฝ่ายการลงทุนท่องเที่ยวซึ่งเป็นหน่วยอยู่เบื้องหลังการสนับสนุน จัดทำแพลตฟอร์มมาตรฐานความยั่งยืน ได้แก่ CF-Hotels :Carbon Footprint Hotels ซึ่งผู้บริหาร ททท.มีวิสัยทัศน์หลังเกิดโควิด-19 จึงได้มองไปยังอนาคตนอกจากกระตุ้นตลาดนำนักท่องเที่ยวเดินทางแล้ว ยังต้องเร่งส่งเสริมผู้ประกอบการหรือ supply site จึงได้สร้างแพลตฟอร์ม CF-Hotels ขึ้นมา มีประโยชน์อย่างมากกับภาคธุรกิจสามารถสร้างผลเชิงบวกกับธุรกิจได้ถึง 3 เรื่องหลัก ได้แก่

เรื่องที่ 1 ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นออกไป เรื่องที่ 2 ลดพลังงาน ลดการปล่อยคาร์บอน เรื่องที่ 3 สามารถก้าวไปสู่กรีน โฮเทลส์ ได้ด้วย ปี 2568 ททท.ได้รับทุนจากเยอรมันกว่า 40 ล้านบาท เข้ามาใช้ในแพลตฟอร์มนี้ส่งเสริมพัฒนาต่อยอด จึงขอเชิญชวนโรงแรมทั่วประเทศเข้ามาร่วมโครงการปีนี้ทำได้มากกว่า 200 โรงแรม รวมทั้ง แทรเวล เทค สตาร์ต อัพ เพื่อทำให้ซัพพลายไซต์ ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยเพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้นต่อไป

ฟังข่าวต้นชั่วโมง


ข่าวที่ 1-คิง เพาเวอร์ออนไลน์ลุยขาย“FLY SMART,SHOP EARLY

“คิง เพาเวอร์ ออนไลน์” จัดเต็ม FLY SMART, SHOP EARLY วันนี้ -30 กันยายน 2568 เตรียมบินให้พร้อม ช้อปก่อนคุ้มกว่า นักเดินทางยุคใหม่ต้องมีเคล็ดลับ! ช้อปล่วงหน้าแบบมีสติ ไม่ต้องรีบเร่งหน้างาน ก็ได้สินค้าโปรดในราคาสุดคุ้ม! มาเริ่มต้นการเดินทางที่ชาญฉลาดและประหยัดกว่าใครได้เลย ที่ https://bit.ly/4oVQJIV

ช้อปได้ครบทุกหมวดหมู่ ทั้งแฟชั่น บิวตี้ แกดเจ็ต ไลฟ์สไตล์ และอีกมากมายในราคาที่คุ้มค่าที่สุด! มาเติมเต็มลิสต์ช้อปปิ้งก่อนบินของคุณได้เลย อย่ารอช้า ช้อปแล้วรอรับสินค้าที่สนามบิน

1.ลดสูงสุด 10% เมื่อช้อปครบ 3,000 บาท รหัสส่วนลด 10SEP25

2.ลดสูงสุด 15% เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท รหัสส่วนลด 15SEP25

3.ลดสูงสุด 20% เมื่อช้อปครบ 7,000 บาท รหัสส่วนลด 20SEP25

 Duty-Free สุดฮอต มีไฟลต์บินแล้วรีบเลย! รับสินค้าที่สนามบิน

แบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 6 เดือน

รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 4,600 บาท

ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง

(ของแถมมีจำนวนจำกัดและอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า)

รับเลย! ส่วนลด 800 บาทเมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์

รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปสินค้าที่เข้าร่วมรายการขั้นต่ำ 1,000 บาท

 


ข่าวที่ 2 -มหาดีลคิง เพาเวอร์9แบรนด์ดัง9.9 Brands of The Month

 

คิง เพาเวอร์ จัดใหญ่ “9.9 BRANDS OF THE MONTH: มหาดีล 9.9 แบรนด์ดัง” ลดกระหน่ำ! ได้เวลาช้อป! วันนี้ -9 กันยายน 2568 กับสินค้าตัวท็อปแบรนด์ดังที่ทุกคนรอคอยมาจัดโปรโมชั่นปังไม่หยุด พร้อมของแถมจัดเต็ม ห้ามพลาดที่ “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์” https://bit.ly/45UyxGO  คัดมาให้แล้ว! ช้อปได้ครบจบในที่เดียว พร้อมส่วนลดสุดเซอร์ไพรส์ ช้อปก่อนใคร พร้อมรอรับของที่สนามบินขาออกประเทศ

 

1.ลดดสูงสุด 25% ช้อปครบ 1,500 บาท รหัสส่วนลด SPSAVE

2.พิเศษ! Member Online (POWER PASS) ลดเพิ่มทันที 5% รหัสส่วนลด MBSAVE

3.สินค้า Duty-Free สุดฮอต มีไฟลต์บินแล้วรีบเลย! รับสินค้าที่สนามบิน

 

สมาชิก POWER PASS คิง เพาเวอร์ ปักหมุดพิกัดอิ่มคุ้มทุกย่าน! รางน้ำ สยาม สาทร ใช้ CARAT แลกรับส่วนลด อิ่มคุ้มทุกเมนู วันนี้ -30 กันยายน 2568

 

1.ทุกการช้อป 25 บาท รับ CARAT สูงสุด X3 แลก CARAT REWARDS รับสิทธิพิเศษ ได้ทุกวัน ทั้งกิน เที่ยว ช้อป พักผ่อน จากหลากหลายพันธมิตรชั้นนำ

 

2.ยังไม่เป็นสมาชิก? สมัครฟรี! สมัครวันนี้ รับเลยทันที 400 CARAT* ใช้ช้อปแทนเงินสด หรือแลกรับสิทธิพิเศษ CARAT REWARDS ที่ ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์

 

3.สมัครสมาชิก POWER PASS ฟรี พร้อมแลก CARAT REWARDS ได้เลยวันนี้ ได้ที่เว็บไซต์ powerpass.kingpower.com หรือสมัครผ่าน LINE Official Account @KINGPOWER

 

ข่าวที่ 3-ข่าวดี!!ททท.เปิด151รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยปี68

 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้ประกาศผลรางวัลแห่งเกียรติยศในทศวรรษที่ 3 “รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย” ครั้งที่ 15 ประจำปี 2568 ปีนี้มีไฮไลต์สำคัญคือ “รางวัลแห่งความยั่งยืน (Thailand Tourism Sustainability Awards)” เชิดชูผู้ประกอบการที่โดดเด่นด้านการบริหารจัดการความยั่งยืน ขณะนี้ ททท. ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เตรียมจัดพิธีพระราชทานรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) จากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี  ในวันที่ 27 กันยายน 2568 ให้ผู้ประกอบการการท่องเที่ยวไทยที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานการบริการยอดเยี่ยม 151 ราย (รางวัล) เตรียมจัดขึ้นที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ

 

ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) ครั้งที่ 15 ประจำปี 2568 ทุกประเภททุกสาขารางวัล ล้วนเป็นผู้ประกอบการที่โดดเด่นและคุณภาพยอดเยี่ยมระดับสากล โดย ททท.มุ่งให้ความสำคัญเรื่องยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของไทย เดินหน้าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวมุ่งสู่ความยั่งยืน โดยเชื่อมั่น “รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย” จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทยมีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่เชื่อถือและยอมรับ สามารถทำให้เกิดการพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวสอดคล้องกับสถานการณ์เปลี่ยนแปลงระดับโลก (Global Issues) และสะท้อนความร่วมมือระหว่างพันธมิตร 360 องศา เดินหน้าร่วมสร้างภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทยให้มีคุณค่าและยั่งยืน 

 

รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) ได้จัดขึ้นต่อเนื่องประจำทุก 2 ปี เฉพาะปี 2568 นี้ ก้าวสู่ปีที่ 30 แบ่งรางวัลทั้งหมด 5 ประเภท ได้แก่ 1.ประเภทแหล่งท่องเที่ยว 2.ประเภทที่พักนักท่องเที่ยว 3.ประเภทการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 4.ประเภทรายการนำเที่ยว 5.ประเภทองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืน

 

โดยมีการพิจารณาตัดสินจาก “คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ” ทั้ง 5 ประเภท ตามหลักเกณฑ์ 4 ด้าน ได้แก่ 1. ยอดเยี่ยมด้านสินค้าและบริการ 2.ยอดเยี่ยมด้านการบริหารจัดการการท่องเที่ยวยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ 3.ยอดเยี่ยมด้านการบริหารจัดการธุรกิจ และ 4.ยอดเยี่ยมด้านการเป็นองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืน กระทั่งได้สุดยอดผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว 151 รางวัล แบ่งระดับรางวัลเป็น 4 ระดับ ได้แก่

 

รางวัลยอดเยี่ยม (Thailand Tourism Excellence Awards) 17 รางวัล

 

รางวัลดีเด่น (Thailand Tourism Outstanding Awards) 59 รางวัล

 

รางวัลแห่งความยั่งยืน (Thailand Tourism Sustainability Awards) 69 รางวัล รางวัลนี้เพิ่มพิเศษขึ้นมาใหม่ในปี 2568 มอบให้ผู้ประกอบการยอดเยี่ยมด้านการบริหารจัดการความยั่งยืน สะท้อนถึงทุกฝ่ายให้ความสำคัญกับประเด็นระดับโลกเรื่องการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

 

รางวัลเกียรติยศ (Hall of Fame) 6 รางวัล มอบให้ผู้ประกอบการที่ได้รางวัลยอดเยี่ยมต่อเนื่องกัน 3 ครั้ง ปี 2568  ได้แก่  

 

1.พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและล้านนาสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

 

2.วิสาหกิจชุมชนกลุ่มโฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย

 

3.วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวย่านเมืองเก่าภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต

 

4. โรงแรม เดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี คอลเล็คชั่น จังหวัดเชียงราย

 

5. เล็ทส์ รีแล็กซ์ สปา ทองหล่อ กรุงเทพฯ

 

6.รายการนำเที่ยวสัมผัสเมืองไทยไร้พรมแดนจากเหนือ จรดใต้ สำหรับนักท่องเที่ยวผู้พิการทางการเห็น โดยบริษัท นัตตี้ส์ แอดเวนเจอร์ส จำกัด

 

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี จะพระราชทานรางวัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) ครั้งที่ 15 ประจำปี 2568  ในวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ โดยผู้ได้รับรางวัลจะได้รับเกียรติเข้าร่วมพิธีดังกล่าว

 

ททท.ถือเป็นหนึ่งกิจกรรม Grand Celebration ภายใต้แคมเปญ Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 เฉลิมฉลองให้สุดยอดผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยที่สามารถรักษาคุณภาพสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวได้อย่างยอดเยี่ยม สร้างคุณค่าและมูลค่ากับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในเวทีโลกต่อไป

 

ติดตาม “รายชื่อ” สถานประกอบการ  และ “แหล่งท่องเที่ยว” ที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 15 ประจำปี 2568 ทางเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/tourismawards หรือ Facebook Page : Thailand Tourism Awards

 

ข่าวที่ 4-บางจากนำบีซีพีจีขยายเครือข่ายสหกรณ์ลดโลกร้อน5แห่ง

 

            นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่งานบริหารความยั่งยืนองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทบางจากสานต่อภารกิจการส่งเสริมสหกรณ์ไทยเมื่อปี 2533 ริเริ่มร่วมทำธุรกิจ “ปั๊มชุมชน” หรือ สถานีบริการน้ำมันสหกรณ์การเกษตร ปี 2567 กลุ่มบางจากได้ต่อยอดเครือข่ายสหกรณ์ลดโลกร้อน โดยบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน สนับสนุนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ ช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าและส่งเสริมบทบาทสหกรณ์ลดก๊าซเรือนกระจก เปิดโอกาสให้สหกรณ์พันธมิตรติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งการเช่าซื้อ และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเอกชน (Private PPA) ปัจจุบันปี 2568 มีสหกรณ์เข้าร่วมแล้ว 18 แห่ง

 

ล่าสุด บริษัท บีซีพีจีฯ ได้ยกระดับความร่วมมือ “ลงทุน” ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์เซลล์กำลังการผลิตรวม 2.12 เมกะวัตต์ พร้อมระบบเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System: BESS) รวม 1.63 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ทำให้ใช้ไฟฟ้าที่ผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ลดค่าไฟฟ้า เสริมความมั่นคงทางพลังงาน และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ให้สหกรณ์โคนมและสหกรณ์การเกษตร นำร่องในเครือข่ายสหกรณ์ลดโลกร้อน 5 แห่ง ได้แก่

 

1.สหกรณ์โคนมมวกเหล็ก จ.สระบุรี 2.สหกรณ์โคนมนครปฐม จ.นครปฐม 3.สหกรณ์การเกษตรสันป่าตอง จ.เชียงใหม่ 4.สหกรณ์โคนมพัฒนานิคม จ.ลพบุรี 5.สหกรณ์โคนมวาริชภูมิ จ.สกลนคร

 

นางกลอยตา กล่าวว่า เป็นโอกาสอันดีอีกครั้งที่กลุ่มบริษัทบางจากได้ร่วมสนับสนุนการพัฒนางานสหกรณ์ในด้านพลังงานต่อเนื่องจากปี 2533 ริเริ่มโครงการปั๊มชุมชนจนถึงปัจจุบันปี 2568 มีสหกรณ์ทั่วประเทศร่วมกว่า 600 แห่ง โดยดำเนินธุรกิจสถานีบริการน้ำมันร่วมกับบางจากฯ วันนี้โลกกำลังเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน จึงขอบคุณบีซีพีจีบริษัทผู้ประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเครือบางจาก ที่เข้ามาร่วมภารกิจดูแลและเสริมศักยภาพให้พันธมิตรสหกรณ์ ซึ่งเป็นเครือข่ายธุรกิจมีโอกาสเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ช่วยลดต้นทุน เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อม เป็นส่วนหนึ่งขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ตามแผน BCP 316 NET ของบริษัท ตั้งเป้าปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี 2593  และขอบคุณสหกรณ์ที่ไว้วางใจเข้าร่วมโครงการทั้ง 5 แห่ง รวมถึงกลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจากฯ เป็นพลังสำคัญในการสนับสนุนโครงการนี้ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

 

พิธีลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแบบ Private PPA กับสหกรณ์ทั้ง 5 แห่ง นำโดย นายชาญวิทย์ ตรังอดิศัยกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการลงทุน บีซีพีจี ลงนามร่วมกับประธานสหกรณ์ทั้ง 5 แห่ง มีสักขีพยาน คือ นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นางกลอยตา ณ ถลาง และนายรวี บุญสินสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจีฯ และผู้ร่วมพิธี มีบริหารกรมส่งเสริมสหกรณ์ ผู้บริหารและพนักงานกลุ่มบริษัทบางจาก ผู้บริหารและผู้แทนจากสหกรณ์ทั้ง 5 แห่ง

 

“โครงการนำร่องติดตั้งโซลาร์เซลล์” และระบบกักเก็บพลังงานให้สหกรณ์ทั้ง 5 แห่ง สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบางจากฯ เน้นร่วมพัฒนาธุรกิจและโครงการต่างๆ กับสหกรณ์ของไทย จากธุรกิจสถานีบริการน้ำมันสหกรณ์การเกษตร ต่อยอดสู่โครงการต่าง ๆ เช่น สนับสนุนเกษตรกรรมปล่อยคาร์บอนต่ำ นำ “ข้าวลดโลกร้อน” มาเป็นของสมนาคุณลูกค้าสถานีบริการน้ำมันบางจาก การพัฒนาคาร์บอนเครดิตจากพืชยืนต้นในโครงการ “พรรณ D” เพื่อร่วมเดินหน้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำและอนาคตที่ยั่งยืน

 

          ช่วงที่ 2 แพ็คกระเป๋าเช็คอินเที่ยวเทศกาลใหญ่ “หมอลำเฟสติวัล” แดนอีสาน ช่วงกรีนซีซั่น ททท.เปิดเมือง “ร้อยเอ็ด” มันเวอร์ 19-21 ก.ย. “อุดรธานี” โชว์พลังซอฟท์ พาวเวอร์ 26-28 ก.ย.นี้ แล้วก็ฟัง “3 องค์ประกอบนอนหลับอย่างมีคุณภาพ” ดีต่อสุขภาพ ตามด้วยเรื่องฮ็อต ๆ ข่าวแรก “วิทยุการบินนำ BOBCAT” บริการบินคล่องตัวเอเชียสู่ยุโรป ข่าวที่สอง “โรงแรมอินเตอร์คอน กรุงเทพฯ” เปิดห้องเอสเพรสโซ่ชูซันเดย์บรันซ์เอาใจคนรักปู

 

ท่องเที่ยว –ออนทัวร์หมอลำเฟสติวัล 19-28 ก.ย.นี้ ที่“ร้อยเอ็ด-อุดร”

 

ออนทัวร์ทริปกรีนซีซั่น ไปกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนเที่ยวมหกรรม ซอฟท์ พาวเวอร์ หมอลำ เฟสติวัลแดนอีสาน เย็นชุ่มฉ่ำช่วงกรีนซีซั่นใน 2 เมืองน่าเที่ยว  ทริปแรก 19-21 กันยายน 2568 ตั้งแต่ 17.00 น.-24.00 น. เปิดพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ลานหอโหวด จังหวัดร้อยเอ็ด และ 26-28 กันยายน 2568 ตั้งแต่ 17.00 น.-24.00 น. ชวนกันมาผ่อนคลายในบริเวณทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุดรธานี

 

สนุกกับประสบการณ์ดี ๆ ในการเดินทางไปสัมผัสเอกลักษณ์ศิลปะ “การแสดงพื้นบ้าน” พร้อมจะอวดคนไทยชาวโลก ถึงความมีชีวิตชีวา วิถีผู้คน ซึ่งเต็มไปด้วยด้วยอารมณ์ขัน และภูมิปัญญาอันลึกซึ้ง ถ่ายทอดผ่านบทเพลงกับเสียงดนตรีด้วยจังหวะเร้าใจ สื่อถึงสังคม บุคลิกผู้คนสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวคนไทยและทั่วโลกได้เป็นอย่างดี

 

จังหวัดร้อยเอ็ดและอุดรธานี รวมตัวกันนำเสนอจุดขาย "5 Must Do in Thailand" ส่งเสริมประสบการณ์ท่องเที่ยวครบทุกรูปแบบ เริ่มจาก “กิน”  Eat Thai Food “ช้อป” Shop Thai Products “ชม” Thai Culture “สัมผัส” Thai Wellness “สนุก” Thai Festivals

 

“มันส์เวอร์” กับเทศกาลดนตรีจากศิลปินนักร้องลูกทุ่งหมอลำที่มีชื่อเสียงแถวหน้าแดนอีสาน พาเหรดกันมาขึ้นเวที ตระการตาด้วยการแแสดง แสง เสียง นำโดย คณะลำระเบียบวาทะศิลป์ คณะประถมบันเทิงศิลป์ คณะหมอลำซานเล้าบันเทิงศิลป์ คณะหมอลำเสียงอีสาน พร้อมศิลปิน T-POP อย่าง Bamm  Instinct Yes’sirdays Slapkiss Kylinz 

 

“อิ่มล้ำ” ชีเสิร์ฟตลอดงานเมนูอาหารไทยหลากสไตล์มีทั้ง สตรีทฟู้ด เมนูเด็ดท้องถิ่น อาหารไทยฟิวชั่น คัดสรรวัตถุดิบท้องถิ่นหาได้ในพื้นมาดัดแปลงเพื่อรังสรรค์เมนูอาหารอีสานแปลกใหม่

 

“สนุกสุด” กับ “กิจกรรมเวิร์คช้อป” เหล่าพ่อค้าแม่ขายในชุมชน รังสรรค์สินค้าของที่ระลึก และการส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวกระตุ้นการเดินทางหลั่งไหลเข้าพื้นที่อีสาน

 

“เที่ยวรักษ์โลก” ชมหมอลำเฟสติวัล ที่ ร้อยเอ็ด และอุดรธานี สุดตระการตา แล้วยังได้สอดแทรกแนวคิดใส่ใจสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible Tourism) เช่น ลงมือทำเวิร์คช้อป ผลิตภัณฑ์ DIY กระเป๋าจากเศษผ้าทำผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ สาธิตงานฝีมือจากวัสดุธรรมชาติ บูธขายอาหารใช้ภาชนะทำจากวัสดุธรรมชาติ หรือถุงใส่สินค้าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

 

สอบถามเพิ่มทาง Facebook Page : หมอลำเฟสติวัล หรือ Facebook Page : ททท.สำนักงานขอนแก่น TAT Khonkaen Fanpage หรือ Facebook Page: ททท.สำนักงานอุดรธานี TAT Udon Thani Office หรือ Facebook Page: เที่ยวอีสาน หรือ โทร. 1672 Travel buddy

 

สุขภาพ –3องค์ประกอบนอนหลับอย่างมีคุณภาพที่ดีต่อสุขภาพ

 

“การนอนหลับ”เป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิต เป็นรากฐานของการมีสุขภาพดี เช่นเดียวกับการรับประทานอาหารหรือออกกำลังกาย          

นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก ผู้ผลักดันเรื่องของเวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine) ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญเรื่อง “การนอนหลับ” ที่มีคุณภาพมีความสำคัญโดยมีองค์ประกอบที่นำมาใช้แล้วจะส่งผลดีต่อสุขภาพด้วย 3 วิธี ได้แก่

 

1.ระยะเวลา (Sleep Duration) ที่เหมาะสมในการนอนหลับอย่างมีคุณภาพกับช่วงวัยของคน

 

2.ความต่อเนื่อง (Sleep Continuity) เริ่มนับตั้งแต่เข้านอนจนนอนหลับ (Sleep Latency) จนกระทั่งตื่นนอน การนอนที่มีคุณภาพต้องมีความต่อเนื่อง ไม่ตื่นระหว่างการนอนหลับระยะเวลารวมกันกว่า 20 นาที

 

3.ความลึก (Sleep Depth) ความถี่ของคลื่นสมองจะลดลงอยู่ในช่วงคลื่นเดลต้า (Delta Waves) เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ได้มากเพื่อที่จะช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างการทำงานของร่างกาย ในการนอนหลับหนึ่งคืนควรมีช่วงเวลาหลับลึก 13-23 % ของระยะเวลาการนอนหลับทั้งหมด หากนอนหลับเป็นเวลา 8 ชั่วโมง ควรมีช่วงเวลาหลับลึกประมาณ 65-125 นาที

 

โดย “โกรทฮอร์โมน” จะหลั่งออกมาสูงสุด ตอนประมาณ 23.00-01.30 น.แต่กว่าจะเข้าถึงการหลับลึกได้ต้องใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง ดังนั้นเราจึงควรเข้านอนตั้งแต่ 4 ทุ่ม หรือช้าที่สุด 5 ทุ่ม เพื่อให้ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมนออกมาฟื้นฟูร่างกายได้อย่างเต็มที่

 

National Sleep Foundation (NSF) แนะนำถึงเรื่อง “การนอนหลับอย่างมีคุณภาพ” ระยะเวลาการนอนหลับที่เพียงพอ มีความแตกต่างกันไปตามอายุ 8 ช่วง ดังนี้

 

ทารกอายุ 0-3 เดือน ควรนอนหลับ 14-17 ชั่วโมงต่อคืน

ทารกอายุ 4-11 เดือน ควรนอนหลับ 12-15 ชั่วโมงต่อคืน

เด็กอายุ 1-2 ปี ควรนอนหลับ 11-14 ชั่วโมงต่อคืน

เด็กอายุ 3-5 ปี ควรนอนหลับ 10-13 ชั่วโมงต่อคืน

เด็กอายุ 6-13 ปี ควรนอนหลับ 9-11 ชั่วโมงต่อคืน

วัยรุ่นอายุ 14-17 ปี ควรนอนหลับ 8-10 ชั่วโมงต่อคืน

ผู้ใหญ่อายุ 18-64 ปี ควรนอนหลับ 7 – 9 ชั่วโมงต่อคืน

ผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ควรนอนหลับ 7 – 8 ชั่วโมงต่อคืน

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก –“วิทยุการบิน”นำBOBCATหนุนแอร์ไลน์บินง่ายเอเชียสู่ยุโรป

           

นายสุรชัย หนูพรหม รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จับมือกับ 5 พันธมิตรนำระบบ “BOBCAT : Bay of Bengal Cooperative Air Traffic Flow Management System” กลับมาใช้งานใหม่อีกครั้ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2568 เป็นต้นไป เพราะเป็นระบบสนับสนุน “บริการจัดการความคล่องตัวจราจรทางอากาศ” (Air Traffic Flow Management: ATFM) เที่ยวบินที่บินจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ ผ่านน่านฟ้าอัฟกานิสถาน (Kabul Flight Information Region: Kabul FIR) ไปยังยุโรปและอเมริกาเหนือ

 

“รูปแบบการทำงาน BOBCAT คือ กำหนดเส้นทาง ความสูง เวลาที่เหมาะสม (ATFM Slot) ในการทำการบินเข้าน่านฟ้าอัฟกานิสถาน และคำนวณเวลาวิ่งขึ้นจากสนามบินต้นทาง (Calculated Take-Off Time: CTOT) โดยสายการบินสามารถเข้าระบบ BOBCAT เพื่อขอ/เลือก ATFM Slot เพื่อทำการบินตามเส้นทางบิน ความสูง และเวลาที่ได้รับจากระบบดังกล่าว

 

“สายการบิน” สามารถเปลี่ยนแปลง ATFM Slot ตามความเหมาะสมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ก่อนเที่ยวบินวิ่งขึ้นจากสนามบินต้นทางในแต่ละครั้ง

 

“พันธมิตร” ที่ บริษัท วิทยุแห่งประเทศไทย จำกัด ร่วมมือในระบบ BOBCAT มี 6 องค์กรหลัก ได้แก่ 1.องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization:ICAO) 2.สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association: IATA) 3.สมาคมเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศนานาชาติ (International Federation of Air Traffic controllers Association - IFATCA) 4.สมาคมนักบินนานาชาติ (International Federation of Airline Pilots Association: IFATCA) 5.สมาคมนักบินไทย และ 6.รัฐภาคี ICAO

 

นายสุรชัยกล่าวว่า ขณะนี้วิทยุการบินได้พัฒนาระบบ BOBCAT โดยให้บริการมาตั้งแต่ปี 2550 จากนั้นก็หยุดให้บริการชั่วคราวเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 เนื่องจากบริการจราจรทางอากาศหยุดชั่วคราวบนเส้นทางบินอัฟกานิสถาน(Kabul Area Control Center – Kabul ACC) ระหว่างที่ยังไม่มีบริการจราจรทางอากาศบนเส้นทางบินในอัฟกานิสถาน ได้แบ่งช่วงความสูงที่สายการบินสามารถทำการบินในน่านฟ้าอัฟกานิสถาน แยกเพดานบินที่เที่ยวบินทำการบินเข้าออกสนามบินในประเทศอัฟกานิสถาน ออกจากช่วงเพดานบินที่เที่ยวบินบินผ่านใช้งาน

 

ขณะที่เมื่อเที่ยวบินจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำการบินผ่านอัฟกานิสถานไปยังยุโรปเพิ่มขึ้นมาก ด้วยสถานการณ์ความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลาง ส่งผลให้ “ความสูงที่กำหนดไว้รองรับเที่ยวบิน” ได้จำกัด เมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 จากเวทีการประชุมนอกรอบของ ICAO ATFM Steering Group มีข้อสรุปให้นำระบบ BOBCAT กลับมาใช้ให้บริการ ATFM กับเที่ยวบินผ่านอัฟกานิสถาน เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2568 เป็นต้นไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดความคล่องตัวการจราจรทางอากาศ ลดเที่ยวบินกระจุกตัว ลดการบินวนรอลงสู่ท่าอากาศยาน ช่วยทำให้สายการบินลดใช้พลังงานเชื้อเพลิงได้ด้วย

 

ข่าวที่สอง รร.อินเตอร์คอนกรุงเทพฯชูซันเดย์บรันซ์บุฟเฟต์คนรักปู

 

ห้องอาหาร เอสเพรสโซ่ โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ แนะนำบุฟเฟ่ต์มื้อสายวันอาทิตย์ หรือ Sunday Brunch โดนใจ “คนรักปูและอาหารทะเล” ให้อิ่มอร่อยกับกองทัพปู 6 ชนิด ยกทั้งครอบครัวและคนที่รักมารับประทานพร้อมหน้ากัน ได้ตั้งแต่ 12.00-15.00 น. ราคาคนละ 2,900++ บาท ส่วนเครื่องดื่มน้ำผลไม้และน้ำอัดลมบริการได้แบบไม่จำกัด คนละ 200++ บาท ส่วนไวน์ โพรเซคโค เบียร์ ค็อกเทล น้ำผลไม้และน้ำอัดลม คนละ 900++ บาท และแชมเปญแบบไม่จำกัด คนละ 2,300++ บาท

 

เติมเต็มประสบการณ์สุดพิเศษไปพร้อมกับ “บทเพลงไพเราะ” จากการแสดงดนตรีสด เคียงคู่การรับประทานอาหารหลากหลายได้ดังนี้

 

“ความอร่อย” เริ่มต้นด้วยปูสดใหม่จากทะเลไทยและปูนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด 6 ชนิด ให้บริการเย็นฉ่ำบนน้ำแข็ง เช่น ขาปูสีทอง/Golden King Crab ขาปูชิลีนึ่ง/Chilean King Crab ขาปูหิมะนึ่ง /Steamed Snow Crab และก้ามปูม้านึ่ง/Swimmer Blue Crab Claws และมีปูทะเลนึ่งร้อน รวมอาหารทะเลอีกมากมาย พร้อมให้บริการอย่างไม่จำกัด

 

“อาหารนานาชาติ” จัดเต็มควบคู่กับบุฟเฟต์ซันเดย์บรันซ์ ด้วยเมนูนานาชาติทั้งแบบดั้งเดิมและร่วมสมัย เน้น “ปูเป็นส่วนผสมหลัก” ให้บริการจานพิเศษเติมเต็มให้เป็นสวรรค์ของคนรักปู ในแต่ละมุมอาหาร ได้แก่

 

“มุมอาหารไทย” นำเสนอ ข้าวซอยไก่กับเนื้อปู และอาหารพิเศษที่หลายท่านชื่นชอบอย่างข้าวขยำปู ส่วนมุมอาหารอินเดีย มีชีสปั้นก้อนเสิร์ฟพร้อมกับซอสมะเขือเทศครีมเนื้อปู แกงกะหรี่ปูและชีสพาเนีย

 

“มุมอาหารจีน” มีข้าวผัดหนำเลี๊ยบเนื้อปูชิลี บะหมี่แกงกะหรี่ปู และบะหมี่เกี๊ยวปูหมูสูตรกวางตุ้ง

 

“มุมอาหารญี่ปุ่น” แนะนำข้าวห่อสาหร่ายไส้ปูนิ่มทอดกรอบ ข้าวหน้าปลาทูน่า หอยเชลล์ และเนื้อปู และอีกหลากหลายเมนู มีทั้งข้าวหน้าปลาดิบ ปลาดิบนานาชนิด และข้าวห่อสาหร่ายไส้ต่าง ๆ

 

           

 

“ซันเดย์ บรันซ์” ที่ห้องเอสเพรสโซ่ ไม่ได้มีเพียงแค่ปูเท่านั้น ยังมี “อาหารพิเศษ” ให้บริการถึงโต๊ะทำสดใหม่แบบจานต่อจาน สั่งได้ไม่จำกัด ได้แก่ 1.หอยเชลล์ฮอกไกโดย่างเสิร์ฟกับซอสถั่วลันเตาและแพนเช็ตต้า  2.หนวดปลาหมึกยักษ์นำเข้าจากออสเตรเลียย่างเสิร์ฟกับพริกหวาน มันฝรั่งและสลัด 3.ไข่ดาวน้ำเสิร์ฟกับซอสล็อบสเตอร์และไข่ปลาคาเวียร์ราดซอสฮอลแลนเดซ

4.ไข่เป็ดกวนเสิร์ฟกับเนื้อปูอลาสกา 5.ซี่โครงแกะออสเตรเลียย่างกับสมุนไพรเสิร์ฟกับซอสมัสตาร์ดและไทม์ 6.สเต็กเนื้อวากิวจากออสเตรเลียย่างกระเทียมสมุนไพรราดซอสเนยรสซีอิ้ว 7.บอสตันล็อบสเตอร์ย่างราดน้ำซอสต้มข่า

 

อาหารพิเศษเหล่านี้ช่วยเสริมและยกระดับบุฟเฟ่ต์มื้อสายวันอาทิตย์ โดนใจผู้ที่ชื่นชอบ เนื้อซี่โครงออสเตรเลียอบ แฮมขาหมูไอเบอริโก้ ตับห่านทอดเสิร์ฟคู่กับขนมปังบริยอช รับประทานคู่กับซอสเบอร์รี่และผักสลัดร็อกเก็ตให้มีความพิเศษมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

 

สอบถามข้อมูลหรือสำรองที่นั่งล่วงหน้า โทร +66 (0) 2 656 0444 อีเมล dining.bkkhb@ihg.com หรือ InterContinental.com/Bangkok

 

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

กลุ่มอนันตรา”ลุยโปรโมทงานไฮเอนด์“คอนคอร์โซ โรมา”ชมงานแสดงรถหรูโรม อิตาลี 16-19 เม.ย.69

  กลุ่มอนันตราลุยโปรโมทงานไฮเอนด์ “คอนคอร์โซ โรมา” แพกเกจชมงานแสดงรถหรูกลางโรม อิตาลี 16-19 เม.ย. 69   เตรียมจัด“อนันตรา คอนคอร์โซ โรมา ...