ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.ตั้งเป้าปี61ท่องเที่ยวโกย3.1ล้านล้านบาท-เที่ยวCorofield เถ้าฮงไถ่ ราชบุรี

ไทยนำนวัตกรรมปฏิวัติตลาดท่องเที่ยวชาติปี’61
ททท.ตั้งเป้า3.1ล้านล้านกระจายสู่ชุมชนทั่วไทย
บิ๊กทอท.ยันคิงเพาเวอร์จ่ายผลตอบแทนถูกต้อง
ททท.ฮ่องกงปลุกเทรนด์ทัวร์มาราธอนวิ่งขึ้นเขา
จัดเทศกาลดนตรีเขาค้อ4-5ส.ค.ปลุกทัวร์หน้าฝน
เที่ยวไทยชิคชีลในราชบุรีที่Corofield-เถ้าฮงไถ่
บอร์ดบินไทยใจป้ำไฟเขียงลงทุน3โปรเจ็กต์
โรงแรมคนไทย3แบรนด์ผุดทั่วเอเชีย216แห่ง

สวัสดีเช้าวันเสาร์ที่ 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังทางมือถือเลือก FM 97.0 หรืออ่านใน www.facebook.com/penroong ฟังย้อนหลังทาง youtube www.facebook.com/rauydauykhao) #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand

ช่วงที่ 1 ฟังแผนการท่องเที่ยวชาติที่จะขับเคลื่อนในปี 2561 จาก “คุณยุทธ์ศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ( ททท.) ถึงการรวมกลยุทธ์และพลังของทุกภาคส่วนนำนวัตกรรมในเชิงสร้างสรรเข้ามาสร้างรายได้ 3.1 ล้านล้านบาท กระจายเม็ดเงินสู่เศรษฐกิจฐานรากและกระจายสู่ชุมชน สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
ยุทธศักดิ์ สุภสร
ผู้ว่าการ ททท.


“คุณยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าในการประชุมแผนการตลาดท่องเที่ยวประจำปี 2561 แนวทางการเดินหน้าโดยเป็นไปตามนโยบายของพลเอกธนศักดิ์ ปฎิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่จะสร้างการท่องเที่ยวให้ยั่งยืน ททท.จึงเร่งสร้าง “การรับรู้ทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ” และกลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางไทยเป็นครั้งแรก (first visit) ในปีงบประมาณ 2561 ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2560- 30 กันยายน 2561 ได้เพิ่มการให้ความสำคัญกับตลาด “กลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ-มีการใช้จ่ายเงินตลอดการเดินทางสูง” ททท.ทุกสำนักงานทั้งประเทศและต่างประเทศจะต้องสร้างกลยุทธ์และนำเครื่องมือมาใช้เพื่อสร้างช่องทางการเติบโตทาง “รายได้” โดยให้ “เพิ่มวันพักและค่าใช้จ่ายในประเทศสูง” เพื่อ “กระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานราก” มากขึ้น
ขณะเดียวกันก็ต้องตอบรับนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” ทำงานขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมความคิดสร้างสรรทั้งทางด้านผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวและเครื่องมือใหม่ทางการตลาดใหม่ สนองตามเป้าหมายเพิ่มรายได้ตลอดปี 2561 เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10 %
ตลาดหลัก ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้วางแผนถ่วงดุลการเติบโตให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง ประกอบด้วย

“ตลาดต่างประเทศ” เมื่อปี 2560 มีอัตราการเติบโตค่อนข้างมาก แต่ปีนี้สถานการณ์ทั่วโลกมีความท้าทายทั้งทางเรื่องความไม่สงบรวมถึงเศรษฐกิจชะลอตัวลงหลายภูมภาคของโลก ส่งผลทำให้การกระจายอัตราการเติบโตทางกำลังซื้อจากตลาดทั่วโลกถดถอยลง จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มลดลง ปัจจุบันไทยมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาปีละประมาณ 18 ล้านคน เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.3 % ดังนั้นสิ่งที่จะต้องทำในปี 2561 คือ “เพิ่มรายได้ต่อคนต่อทริป” ด้วยการหาช่องทางรุกเจาะตลาดกำลังซื้อสูงและพักได้นานวันขึ้น และขยายฐานนักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นครั้งแรก (first visit) โดยจะต้องรักษาตลาดที่มีน้ำหนักอย่าง “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ไว้ ซึ่งเดินทางเข้ามาประมาณปีละ 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด คู่ขนานกับการให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มอาเซียน ไปพร้อมกับการเพิ่มเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง 1 เส้นทาง 2 ประเทศ หรือ 2 Countries 1 Destination รวมทั้งส่งเสริมให้วันหยุดของไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของเพื่อนบ้าน weekend destination
ส่วนตลาดแถบภูมิภาคยุโรป ทั้งรัสเซีย อังกฤษ และอีกหลายประเทศในยุโรปตะวันออก เติบโตค่อนข้างแข็งแรงตลอด รวมทั้งสหรัฐอเมริกา เติบโตมากถึงปีละ 10 % น่าจะสอดรับกับการเตรียมเปิด ททท.สำนักงานโตรอนโต ประเทศแคนาดา เพื่อรุกตลาดแถบอเมริกาเหนือเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยเพิ่มขึ้นเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

“ตลาดในประเทศ” มุ่งมั่นใช้กลยุทธ์ “เพิ่มความถี่การท่องเที่ยว” ตลอดทั้งปี เพราะไม่สามารถทำในลักษณะเดียวกับตลาดต่างประเทศได้ เนื่องจากยังมีปัญหาเชิงโครงสร้างทางด้านความไม่สมดุลเชิงพื้นที่และช่วงเวลาที่จะปลุกพลังคนไทยเที่ยวไทยเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิง “จัดประชุมสัมมนา” และ “การท่องเที่ยวเชิงการศึกษา”
ปี 2561 ไฮไลต์ตลอดทั้งปีจะให้น้ำหนักตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ ด้วยกลยุทธ์เมื่อไปท่องเที่ยวแล้วให้ประโยชน์กับ “ท้องถิ่น” ให้ความสำคัญกับ “ชุมชน” เพื่อ “สร้างคุณค่าด้านการ “กระจายรายได้-สร้างงาน สู่ท้องถิ่น” อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเป็นรูปธรรม
สำหรับนโยบาย “THINK BIG” ปลุกกระแสผู้บริหารสำนักงาน ททท.ในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงพนักงานทั้งหมดให้เปลี่ยนแปลงการทำงานแบบ “คิดนอกกรอบภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ” นั้นปกติจะคิดตามหน้าที่แต่ลักษณะงานทำตลาดท่องเที่ยวต้องทำมากกว่าหน่วยงานทั่วไปโดยเฉพาะคิดนอกกรอบสอดรับกับนโยบาย ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ระหว่างปี 2560-2564 ด้วย
นอกจาก ททท.จะให้ความสำคัญกับเรื่อง “การตลาด” ต้องเติบโตแล้ว ยังต้องเน้นหนักเพิ่ม เรื่องที่ 1  “ขีดความสามารถทางการแข่งขัน” ด้วย ทำอย่างไรที่จะเข้าไปเติมเต็ม ประสานความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนเพื่อ “สร้างความเข้มแข็งจากภายใน” หรือวิธีการปิดจุดอ่อนที่จะสะท้อนการแข่งขันของประเทศไทยในระยะยาว ตัวอย่างเช่น ภาพลักษณ์ด้านการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินนักท่องเที่ยว การรักษาสิ่งแวดล้อม สิ่งเหล่านี้เพื่อมุ่งสู่การสร้างความเข้มแข็งทางสังคมด้วย
เรื่องที่ 2 ต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดทางสังคมเชิงคุณภาพ ผสมผสานมาตรการการตลาดที่คำนึงถึงเศรษฐกิจและชุมชนเป็นสำคัญ ทั้งนี้ความคุ้มค่าการใช้งบประมาณ
เรื่องที่ 3 ทำให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือการพัฒนาความยั่งยืนทางทรัพยากรธรรมชาติ เที่ยวไทยต้องใจถึงถิ่น ซึ่งหมายถึง เที่ยวไทยอย่างเข้าใจ เข้าถึง นำไปสู่การพัฒนาท้องถิ่น เป็นการนำ “ศาสตร์พระราชา” มาปรับใช้ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรู้คุณค่าในระยะยาว
เครื่องมือหรือการติดอาวุธให้แก่สำนักงาน ททท.ทั้งในและต่างประเทศ คือ การติดอาวุธทางความคิด ทางปัญหา และยุทธศาสตร์ ที่จะไปช่วยกันทำงานแบบ “บูรณาการ” ไม่เฉพาะภายใน ททท.ด้วยกันแต่จะต้องทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะตลอด “ห่วงโซ่การท่องเที่ยว” ต้องหาวิธีทำให้คนเกี่ยวข้องมองเป้าหมายร่วมกัน ใช้ “ยุทธศาสตร์เป็นตัวนำ” เพื่อก้าวสู่เป้าหมายความสำเร็จปี 2561 ไปพร้อม ๆ กัน

ปี 2561 รัฐบาลประกาศให้ประเทศไทยเป็น “ปีการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” ซึ่งเป็นนโยบายของ “คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ” คงจะต้องร่วมมือเต็มที่สอดรับกับปี 2561 โดยเน้นหนักถึงการเตรียมความพร้อม การเป็นเจ้าบ้านที่ดี สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ททท.เตรียมการตั้งแต่ปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้า โดย ททท.ต้องมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่
การเชื่อมโยงอาเซียน 2 ประเทศ 1 เส้นทางให้ความสำคัญมากขึ้นจากอดีตที่ผ่านมา เป็นภารกิจของ ททท.สำนักงาน เช่น ททท.สำนักงานสุรินทร์ จัดทำโครงการนำร่อง ท่องเที่ยว 2 ช่อง ไทย-กัมพูชา ตอนนี้ทุกสำนักงานต้องตื่นตัวทำโครงการเที่ยว 2 ประเทศ หรือ 2 Countries 1 destination อย่างจริงจัง รวมทั้งการส่งเสริม “ท่องเที่ยวชายแดน” ให้คนเดินทางข้ามไปมาช่วงวันหยุดแต่ละสัปดาห์ ทำเป็น good neighbor ทำอย่างชัดเจนในปีนี้อย่างแน่นอน

ขณะที่ “การต่อยอดเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้ง : Local Experience” ก็ต้องส่งเสริมต่อเนื่องลงลึกรายละเอียดมากขึ้น กำลังคิดชื่อแคมเปญใหม่ ให้ลงลึกถึงการท่องเที่ยวรากหญ้า รากแก้ว กันเลยทีเดียว เพื่อให้การท่องเที่ยวใกล้ชิดกับชุมชนมากขึ้นและนำไปสู่การสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง จุดนี้เองคงเป็นแนวคิดที่จะต้องนำมาทำการตลาดต่อไป
ส่วน “ผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนเพื่อการท่องเที่ยว” ในกลุ่มโอท็อปและสินค้าประชารัฐต่าง ๆ จะทำงานใกล้ชิดกับ “องค์การพัฒนาชุมชน-อพช.” คัดเลือกชุมชนที่จะพัฒนาพร้อมผลิตสินค้าป้อนตลาดท่องเที่ยว โดยใช้ “การตลาด” เป็นตัวนำเพื่อส่งเสริมการขายสินค้าชุมชนเป็นหลัก โดยได้พูดกันในที่ประชุมแผนการท่องเที่ยวปี 2561 ในประเด็นอย่าไปบังคับชุมชนเปลี่ยนโครงสร้างตนเองเพียงเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวจำนวนมาก แต่ ททท.จะต้องดู “ความพร้อม” และการเติบโต “อย่างยั่งยืน” ต้องพิจารณาให้ชุมชนเป็นผู้นำการท่องเที่ยว และได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากสิ่งที่จะทำ ขณะเดียวกันต้องรักษาอัตลักษณ์ตนเอง และดูแลวิถีท้องถิ่นให้มีชีวิตเหมือนที่เคยเป็นอยู่อย่างมีความสุขให้คงไว้ด้วย
บทบาทของ ททท.เมื่อชุมชนมีคุณสมบัตรตามความพร้อมดังกล่าวแล้ว ก็จะเข้าไปช่วย “ทำการตลาด” ให้ทันที
ปี 2561 เป้าหมายรายได้ตั้งเป้าเพิ่มจากปี 2560 คือเติบโตบวกอีก 10 % หรือคิดเป็นมูลค่า 3.1 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะรายได้จากคนไทยเที่ยวในประเทศจะเติบโต 8 % คิดประมาณใกล้เคียง 1 ล้านล้านบาท (9 แสนล้านบาท) สิ่งสำคัญนอกจากตัวเลขรายได้แล้วต้องพยายามรักษาความเข้มแข็งการท่องเที่ยวในประเทศมากยิ่งขึ้น รักษาสัดส่วนไว้ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 33 % ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญตามนโยบายรัฐบาลซึ่งมุ่งเน้น “การพัฒนาความเข้มแข็งจากภายใน”
ส่วนการแถลงการณ์ตลาดประจำปี 2561 ททท.จะจัดแถลงแผนโดยมีภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมรับฟังในวันที่ 17 กรกฎาคม 2560 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จะอธิบายถึงรายละเอียดแผนงานตลอดปีหน้าเพื่อกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันกับผู้ประกอบการทุกกลุ่มในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวปีหน้า บอกกล่าวถึง ททท.มุ่งเน้นเรื่องสำคัญ ๆ ต้องทำร่วมกัน
ในวันที่ 17 กรกฎาคม 2560 ททท.แบ่งจัดกิจกรรม “ช่วงเช้า” เปิดมหกรรม Tourism Clinic-ให้คำปรึกษาการตลาดแก่ผู้ประกอบการระหว่างไทยกับคู่ค้าต่างประเทศ แนะนำผู้แทนการตลาด ททท.จากทั่วโลกกว่า 45 คน มาให้คำปรึกษาแนะนำข้อมุลอินไซด์แก่เอกชนไทย “ช่วงเย็น” จะอธิบายให้เห็นถึงทิศทางการทำตลาดปีต่อไป เมื่อทุกฝ่ายเห็นแนวทางแล้วจะได้มีส่วนร่วมทำงานไปในทิศทางเดียวกันได้ตามเป้าหมาย ซึ่งเป็นมากกว่าของ ททท.แต่เป็นของไทยทั้งประเทศ ททท.ยินดีทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนที่จะทำให้ภารกิจประเทศให้บรรลุเป้าหมายไปด้วยกัน
สำหรับ “ภาคชุมชนเจ้าของพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น” ก็จะต้องรณรงค์ต่อเนื่องโดยใช้ “ททท.ฝ่ายสินค้า” ทำทางด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งแหล่งท่องเที่ยวและสินค้าชุมชน ส่วนหนึ่งทำผ่านโครงการจัดประกวดรางวัล Thailand Tourism Awards สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะทำให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในชุมชนและภาพรวมของประเทศต่อไป
“คุณยุทธศักดิ์” ผู้นำ ททท.ได้ฉายภาพการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยจะเพิ่มความเข้มข้นในทุกมิติทั้งการตลาด การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศกับนานาชาติ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์ชุมชน ทำให้เกิดการกระจายรายได้หยั่งลึกลงสุ่เศรษฐกิจฐานรากของท้องถิ่นเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ไปพร้อม ๆ กับสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์กับสมาชิกอาเซียนทำให้การท่องเที่ยวรอยต่อตะเข็บชายแดนเป็นรูปธรรมตามนโยบายของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเร็ววันนี้นั่นเอง

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “ทอท.ยันคิงเพาเวอร์จ่ายผลตอบแทนถูกต้อง”
“ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการเมื่อปี 2547 คัดเลือกและประกาศผลการตัดสินบริษัทผู้ชนะประมูลได้สิทธิสัมปทานพื้นที่ประกอบการในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คือ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด โดย บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด (King Power Suvarnabhumi : KPS) เป็นคู่สัญญาเข้าประกอบการบริหาร “พื้นที่เชิงพาณิชย์”(commercial Area) กำหนดค่าตอบแทนที่เรียกว่าค่าบริการ 3 %
ซึ่งในสัญญาพื้นที่เชิงพาณิชย์นั้นรวมถึงพื้นที่บริการจุดส่งมอบสินค้า หรือ Pick Up Counter อยู่ด้วย เนื่องจากขณะนั้นไม่ได้แยกการประมูลการใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นสัญญาเฉพาะ เนื่องจากยังไม่มีผู้ประกอบการดิวตี้ฟรีรายอื่นมาใช้บริการ ทาง ทอท.จึงกำหนดให้บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด จ่ายผลตอบแทนในอัตราเทียบเท่ากับ “ค่าพื้นที่บริการ” พื้นที่เชิงพาณิชย์ปกติ ขั้นต่ำ 15 % ของ 3 % หรือคิดเป็น 0.45 % ของยอดมูลค่าสินค้า
ต่อมาปี 2557 ทางคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.มีมติใหม่ขอให้เปลี่ยนแปลงผลตอบแทนระหว่าง KPS กับ ทอท.ในส่วน “ค่าบริการจุดส่งมอบสินค้าในท่าอากาศยาน” จาก 15 % ของ 3 % หรือคิดเป็น 0.45 % ขยับขึ้นเป็นจำนวนเต็ม 3 % เท่ากับเอกชนเจ้าของสัมปทานต้องจ่ายเพิ่มขึ้น 2.55 % จากส่วนต่างเดิมจ่ายอยู่ที่ 0.45 %
เรื่องราวทั้งหมดจึงยุติลงได้ และตามกฎหมายสามารถอธิบายได้ว่าคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายเจรจากันจนบรรลุถึงข้อยุติไปเรียบร้อยแล้ว ประการสำคัญผลการเจรจาครั้งนั้น ยังส่งผลดีต่อ ทอท.ได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นจากการได้ปรับขึ้นค่าผลตอบแทนใหม่ได้รับรายได้สูงกว่าเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาฉบับเดิม

ข่าวที่ 2 “ททท.ฮ่องกงบูมตลาดมาราธอนแห่เข้าไทย”

นางสาวสาริมา ทองจินดามาตย์  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  สำนักงานฮ่องกง เปิดเผยว่าสถานการณ์ 5 เดือนแรก มกราคม-พฤษภาคม 2560 ชาวฮ่องกงมาท่องเที่ยวเมืองไทยกว่า 3 แสนคน เพิ่มขึ้น 6.4 % จากประชากรรวม 7.3 ล้านคน ปี 2559 มาเที่ยว 7.5 แสนคน คิดเป็น 10 % ของประชากรฮ่องกงทั้งหมด เป็นตลาดระยะใกล้ใช้เวลาบินราว 3 ชั่วโมง
พฤติกรรมของชาวฮ่องกงชอบท่องเที่ยว แต่พื้นที่ในเกาะมีจำกัด และเมืองไทยเป็นสถานที่ยอดนิยมมาซ้ำ ๆ ในกรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา ถึง 80 % และเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเพียง 20 %   ดังนั้นจะเสนอจุดขายใหม่ ๆ ทั้งในเมืองหลักที่มาซ้ำและจังหวัดใหม่ ๆ ปีนี้มีสายการบินตรง เช่น เอ็กซ์เพรสแอร์ไลน์ บินตรง ฮ่องกง-เชียงราย กระจายเส้นทางไปภาคเหนือ ซึ่งสามารถขยายให้ไปยังเมืองท่องเที่ยวรองและเมืองย่อยในไทยได้
วัยนักท่องเที่ยวกลุ่มมิลเลนเนียล นับเป็นกลุ่มใช้จ่ายสูง จากฐานเงินเดือนจ้างงานระดับปริญญา มีรายได้คนละ 60,000 บาท/เดือน ส่วนค่าครองชีพสูง คนวัยทำงานจึงนิยมท่องเที่ยวตักตวงความสุข สถิติการใช้จ่ายเงินเที่ยวในไทยเฉลี่ย 6,120 คนต่อวัน วันพักเฉลี่ย 6.4 วัน ชอบพักโรงแรม 5 ดาว
เทรนด์การเดินทางระยะสั้น 2-3 ชั่วโมง จึงเลือกใช้สายการบินโลว์คอสต์ราคาประหยัด แล้วนำเงินมาใช้จ่ายเกี่ยวกับห้องพักหรูและกินอาหารแพง ๆ ในพื้นที่ซึ่งมีรสชาติอร่อย และทำสปาเพื่อการผ่อนคลายและสวยงามสามารถใช้เงินทำสปาได้ทุกวัน เป็นการให้รางวัลแก่ชีวิต โดยเฉพาะศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดยาวก็มาเมืองไทย
ททท.ฮ่องกงมีโปรแกรม Galsaway Application เป็นภาษากวางตุ้ง เจาะกลุ่มผู้หญิงโดยเฉพาะ ด้วยการนำโปรโมชั่นจาก ททท.ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก อัพเดทต่อเนื่อง เพราะผู้หญิงมี 54 % ผู้ชาย 46 % ผู้หญิงจึงเป็นกลุ่มศักยภาพและมีอำนาจเป็นผู้นำการตัดสินใจทั้งในกลุ่มเพื่อนและผู้ชาย ใช้เครื่องดังกล่าวเจาะกลุ่มนี้ แล้วก็นำเสนอให้แก่โรงแรมและสปาของไทย เชิญชวนให้มาร่วมโดยนำเสนอแพกเกจใหม่เข้าไปอยู่ตลอดกระตุ้นกำลังซื้อผู้หญิง
ปี 2561 เป้าหมายที่ต้องทำให้ได้ ฮ่องกงจะต้องเพิ่มตลาดกลุ่มเดินทางท่องเที่ยวครั้งแรก first visit กลุ่มนักเรียน 14 ปีขึ้นไป แต่ทำอย่างไรจะทำให้ไทยเข้าไปอยู่ในใจเด็ก ๆ เพราะตอนนี้คู่แข่งดาหน้าเข้าปักหลักในฮ่องกง โดยเข้าไปตั้งสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว National Tourism Organization :NTOs เกือบ 60 ประเทศ ทั้งที่เป็นประเทศเกาะเล็ก ๆ มีประชากรเพียง 7 ล้านคน
ปีนี้ญี่ปุ่นรุกตลาดฮ่องกงหนักมากทุ่มงบทำแผนที่ชวนเที่ยวโอกินาวา ให้เดินทางกับรถไฟใต้ดิน ทาง ททท.ไทยถ้าจะทำอย่างนั้นได้ต้องใช้เวลาถึง 3 ปีจึงไม่เหมาะจะลงทุนในลักษณะเดียวกับญี่ปุ่น แต่จะทำโดยอาศัยความขยันร่วมกับเอกชน ทั้งโรงแรม สวนสนุก และอื่น ๆ ให้ทำก่อนล่วงหน้าก่อนฤดูเดินทาง 2 เดือน เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางอิสระตามลำพัง F.I.T.มีบริษัทขายท่องเที่ยวบริการ 80 % ต้องทำล่วงหน้าเพราะเป็นตลาดไปเร็วมาเร็วและเอเย่นต์ท่องเที่ยวฮ่องกงขายเร็วมาก จากากรทำงานร่วมกับเขาได้รับความร่วมมือดีมาก
ปีท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เตรียมตั้งแต่ตอนนี้แล้ว ททท.สำนักงานฮ่องกง ร่วมกับ Action Asia เป็นบริษัทผู้นำการจัดทำวิ่งมาราธอนขึ้นเขา หรือ Mountain Marathon จัดในหลายประเทศรวมทั้งในฮ่องกง ทาง ททท.ได้รับความร่วมมือดีมากจาก อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ ทำทดสอบการวิ่งมาราธอนขึ้นเขา โดยไปประชุมกับชุมชนรอบอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เพื่อให้ชุมชนเห็นชอบและมีส่วนร่วมกับกิจกรรมการท่องเที่ยว โดยไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบใด ๆ และต้องได้รับฉันทามติจากชุมชนเหล่านั้นด้วย ไม่ใช่เฉพาะเอเย่นต์หรือท่องเที่ยวกอบโกยเงินกลับมาอย่างเดียว
โครงการ Mountain Marathon อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จะนำร่องให้นักกีฬาที่สมัครเข้าร่วมวิ่งมาราธอนตั้งเป้าไว้ 1,000 คน ทั้งคนไทยและต่างชาติจำนวนละ 500 คน  การแข่งขันจริงจะจัดขึ้นในวันที่ 17 ธันวาคม 2560 (แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ 10 กม.30 กม. และ 50 กม.) วิธีทำจะซื้อต้นไม้มาปลูกป่าและทำลงไปทำฝายกั้นน้ำให้ชุมชนด้วย ซึ่งหารือกับทางผู้เกี่ยวข้องแล้วกำหนดจะจัดทำเป็นกิจกรรมประจำปีในโอกาสต่อไป
ส่วนกลยุทธ์การขายทำเส้นทางเชื่อมต่อโดย ททท.สำนักงานฮ่องกง จับมือกับการบินไทยท่องเที่ยวต่อในเชียงใหม่ ทำแพกเกจการท่องเที่ยวคืนสู่ธรรมชาติ สอดคล้องกับพฤติกรรมของฮ่องกงชอบทำกิจกรรมการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะมาราธอนดังกล่าว
ข่าวที่ 3 “บมจ.บางจากลุยหนุนคลังสินค้าสพาร์”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่าล่าสุด บริษัท สพาร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้บริหารซูเปอร์มาเก็ตสพาร์ ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับบางจากและตั้งเป้าภายในปี 2563 พร้อมเปิดตัวร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศไทยกว่า 300 สาขา ด้วยการเลือกใช้ดีเอชแอลเป็นซัพพลายเชน จะสนับสนุนการบริการขนส่งสินค้า บริการกระจายสินค้า และคลังสินค้าแบบครบวงจร
ส่วนบริษัท บางจาก รีเทล จำกัด จะให้การสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งปัจจุบันสพาร์ใช้คลังสินค้าดีเอชแอลบางนา โลจิสติกส์แคมปัส เป็นคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า และใช้คลังสินค้าย่านคลองประปาในการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง
ขณะที่ " บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ในเครือ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น” ได้รับ 2 รางวัลจาก The European นิตยสารการเงินชั้นนำของยุโรป ฉลองครบรอบ 2 ปี วันที่ 17 กรกฎาคมนี้
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่านับเป็นโอกาสดีที่นิตยสารการเงินชั้นนำของยุโรป "The European" ประกาศผลโหวตจากบรรดาฟันด์เมเนเจอร์และนักธุรกิจชั้นนำในยุโรป ให้บีซีพีจีเป็นบริษัทที่มีความโดดเด่นที่สุดด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย และเป็นบริษัทที่มีการกำกับดูแลกิจการเป็นเลิศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับรางวัล The European Awards จัดโดยนิตยสาร The European ของสำนักพิมพ์ Chase Publishing  ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นนิตยสารที่มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจ และเป็นพันธมิตรทางสื่อกับสำนักข่าวชั้นนำระดับโลกอย่าง Thomson Reuters   ทั้งนี้ การประกาศผลอย่างเป็นทางการเดือนพฤศจิกายนนี้

ข่าวที่ 5 “จัดเทศกาลดนตรีเขาค้อปลุกเที่ยวหน้าฝน”

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนคนไทยออกมาสัมผัสเสน่ห์แห่งฤดูฝนฟรีตลอดงาน เปิดให้ทุก ๆ วัยชวนเพื่อนๆ ใส่เสื้อกันฝน สวมรองเท้าบูทเก๋ๆ ไปเติมเต็มความสุขฟรีตลอดในงานเทศกาลดนตรีฤดูฝน Raincoat Music Fest 2017 ที่คนไทยจะได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวใหม่ จะต้องตกหลุมรัก...ฤดูฝน
 ร่วมเดินทางไปสัมผัสธรรมชาติชุ่มฉ่ำช่วงฤดูท่องเที่ยวหน้าฝน วันที่ 4 – 5 สิงหาคมนี้ เวลา 16.00 – 22.00 น. ที่ Jollyland  อำเภอเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โลดแล่นไปตามเสียงดนตรีในทริปการเดินทางเพื่อไปพบกับศิลปินชั้นนำหลากหลายอารมณ์ความสุขจาก 8 วงด้วยกัน ทั้ง อ๊อฟ ปองศักดิ์, Tattoo Colour, วง MIND, Instinct, Bedroom Audio, Fellow fellow, Chilling Sunday และHelmethead และร่วมมุมปาร์ตี้สนุก ๆ และสนุกกับกิจกรรมอีกมากมายตลอดงานในบรรยากาศสุดแสนสบายกลางหุบเขาค้อ สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย

ข่าวที่ 6 “TCEBจับมือ4สมาคมเร่งพัฒนาไมซ์8เรื่อง”
นางนิชาภา ยศวีร์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” กล่าวว่า ร่วมกับพันธมิตรทำงานเชิงบูรณาการ 4 สมาคม ประกอบด้วย สมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) สมาคมโรงแรมไทย และสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) ในการพัฒนาศักยภาพของกลุ่มผู้ประกอบการหลัก กลุ่มผู้ประกอบการใหม่ เมืองแห่งไมซ์ และกลุ่มภาคการศึกษา  ยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมไมซ์ให้ครบทุกมิติ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันได้ในระดับสากล
โดย TCEB และ 4 สมาคม ตกลงจะร่วมมือกันทำ 8 เรื่อง ได้แก่ 1. สร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และพัฒนาบุคลากรในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ ทั้งระดับประเทศและนานาชาติ เพื่อส่งเสริมความพร้อมบุคลากรของไทยเพิ่มขึ้น
2.ส่งเสริมและพัฒนามาตรฐานบุคลากรและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ เพื่อยกระดับการแข่งขันของไทยให้แข่งขันระดับนานาชาติได้
3.สร้างความตระหนักด้านการจัดงานไมซ์อย่างยั่งยืน โดยการให้ความรู้และสนับสนุนนำไปปฏิบัติในองค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันให้ประเทศเป็นผู้นำการจัดงานไมซ์อย่างยั่งยืน
4. ส่งผู้แทนซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญด้านไมซ์ เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์พร้อมทั้งปฏิบัติและดำเนินการตามแผนงานและภารกิจให้สัมฤทธิ์ผลตามข้อตกลง
5.แลกเปลี่ยนองค์ความรู้เครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชนทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะด้านข้อมูลข่าวสารที่สำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์
6. ประชาสัมพันธ์และสนับสนุนให้บุคลากรในองค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ รวมถึงเชื่อมโยงเว็บไซต์ของหน่วยงาน
 7. จัดหาวิทยากรที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านไมซ์ เพื่อแบ่งปันความรู้ในกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ประสานงานให้นักเรียน นิสิต นักศึกษาของสถาบันการศึกษาภายใต้โครงการหลักสูตรไมซ์มาตรฐานสากลเข้าฝึกงานในองค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
8. ร่วมกันปฏิบัติตามที่ได้รับมอบหมายในภารกิจอื่นๆตามที่ได้ตกลงไว้

ช่วงที่ 2 ตามไปเที่ยวใกล้กรุง “ราชบุรี” มีสถานที่พักผ่อนใหม่ดี ๆ หลากหลาย ส่วนการออกกำลังด้วยการเดินเป็นประจำจะอายุยืน และฟังข่าวฮ็อต ๆ


@เที่ยวไทยสไตล์ราชบุรีที่ “คอโรฟิลด์และเถ้าฮงไถ่”

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ เมือง “ราชบุรี” ในอดีตมี “ตลาดน้ำดำเนินสะดวก” ชูโรงสร้างชื่อเสียงดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาเมืองไทยต้องแวะไปสักครั้ง มาถึงยุคนี้ราชบุรีเพิ่มสถานที่ท่องเที่ยวสไตล์ใหม่หวนคืนสู่ธรรมชาติขึ้นอีกหลายแห่งทั้งในอำเภอเมือง และอำเภอสวนผึ้ง
ไปสูดอากาศเขียวขจีหน้าฝนกันที่ “Coro field” วิถีท่องเที่ยวชุมชนเกษตรแนวใหม่ครบวงจรในดินแดน “เกษตรอินทรีย์” พื้นที่ 140 ไร่ ติดถนนใหญ่ ตำบลท่าเคย อำเภอสวนผึ้ง ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยแห่แหนกันไปชิม แชร์ ช้อป และร่วมทำกิจกรรม D.I.Y.กันไม่ขาดสาย
บริเวณด้านหน้าของ “Coro field” มี “ร้านอาหาร” โอบล้อมด้วยกระจกใสตกแต่งเรียบง่ายสีธรรมชาติไม่ฉูดฉาด ด้านข้างมีแปลงผักสลัดปลูกแบบอินทรีย์เรียงรายอยู่ตามแปลงสวยงาม 4 ชนิด เป็นผักยอดนิยมคือ Green กับ Red Oak ปลูกสลับกับผักสลัด Salanova ใบหยิกสีแดงอ่อน เปิดให้นักท่องเที่ยวนำอุปกรณ์ไปตัดผักมาทำสลัด ในกิจกรรม Grown & Harvest เรียนรู้การปลูกผักแล้วนำมาเข้าครัวปรุงเมนูอาหาร มีให้เรียนวันละ 5 รอบ ทำเสร็จแล้วนำกลับบ้านได้ ด้วยค่าบริการคนละ 200 บาท

พื้นที่ลึกเข้าไปตอนกลางเป็นพื้นที่ “สวนเมลล่อนในระบบกรีนเฮาส์” โดยมีต้นจำนวนมากกำลังออกผลน้อยใหญ่เรียงรายอยู่เต็มไปหมด บริเวณใกล้ ๆ สวนเมล่อนก็มี “Coro House” เปิดวันละ 5 รอบ ค่าเข้าชมคนละ 200 บาท ใช้เวลา 30-45 นาที เป็นโซนบริการนักท่องเที่ยวเข้าไปศึกษาเรียนรู้สัมผัสประสบการณ์อย่างลึกซึ้งถึงกรรมวิธีปลูกเมล่อนอันทันสมัยที่สุดในอาเซียน ให้กลายเป็นผลไม้เศรษฐกิจของท้องถิ่น สนนราคาขายลูกละ 200-1,000 บาท
ด้านหลังสุดมีเรือนกระจกพร้อม “ไม้กระถางขนาดจิ๋ว” ตั้งอยู่ในตารางไม้สี่เหลี่ยมติดผนังปูเปลือย ตรงกลางห้องมีอุปกรณ์หินสีและเครื่องมือตกแต่ง ซึ่งจัดเตรียมไว้บริการนักท่องเที่ยวร่วมทำกิจกรรม Coro G.I.Y.ตกแต่งกระถางไม้จิ๋วตามดีไซน์ที่ชื่นชอบแล้วนำกลับบ้านได้เลย กิจกรรมนี้คิดค่าบริการคนละ 145 บาท
รวมทั้งมีกิจกรรม  “ไบซีเคิลแรลลี่” ปั่นจักรยานแบบแรลลี่ ตั้งแต่ 9.00-17.00 น.ระยะทาง 6.6 กม.ค่าบริการคนละ 200 บาท หรือ จะเลือก “ไบซิเคลทัวร์” ชมฟาร์มและวิถีชุมชน ระยะทาง 3-5 กม. ช่วง 09.00-15.30 น.ก็ได้ ในราคาคนละ 300 บาท

“พอร์ช-มิตรดนัย สถาวรมณี” วิศวกรหนุ่มทายาท SV Group รับไม้ต่อธุรกิจผันชีวิตมาเป็นฟาร์มเมอร์รุ่นใหม่  กับน้อง “พีช-พรรณดนัย” เล่าให้ฟังว่าทั้งสองคน่ ต้องสร้างอาณาจักร “Coro field” ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบไร้พรมแดน ให้คนได้ใช้ชีวิตแบบช้า ๆ ศึกษาเรียนรู้ธรรมชาติ จากความตั้งใจของเขาที่ต้องการพัฒนาชีวิตมนุษย์ให้ดีขึ้นด้วยการเกษตรขยายผลทำให้เกิดความยั่งยืนดำรงอยู่อย่างมีความสุขร่วมกันนักท่องเที่ยวไปได้ตลอดชีพ จึงปลูกแปลงผักที่ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ควบคู่กับเปิดบริการ “ร้านอาหาร” นำผักสลัด ผลไม้เมล่อนพันธุ์นำเข้าจากญี่ปุ่น และวัตถุดิบต่าง ๆ  มาปรุงเมนูอาหารเสิร์ฟนักท่องเที่ยว โดยเปิดร้านอาหาร Coro Field ที่นำพืชผักการเกษตรมาแปรรูปเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อชีวิตคน

โดยการออกแบบเมนูอาหารเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าใจห่วงโซ่อาหารตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จากการปลูกเมล่อน 1 ลูกล้วนเป็นมาสเตอร์พีซของเกษตรกร ซึ่งสามารถส่งผ่านคนเมือง ด้วยคอนเซ็ปต์อาหารของโคโรฟิลด์ ยกขึ้นโต๊ะแล้วสามารถรับประทานได้ตลอดทุกวัน

Coro Field เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2548 ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันนักขัตฤกษ์จะมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการวันละถึง 5,000 คน ส่วนวันธรรมมีจำนวน 100 คนขึ้นไป ตอนนี้ได้ขยายเครือข่ายเปิดสาขาร้านอาหารในชื่อ “Coro HARVEST” ตั้งอยู่ที่ในเอสพานาด รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ รองรับได้ 50 ที่นั่ง ภายในปี 2561 จะขยายเพิ่มอีก 2-3 สาขา ในทำเลห้างสรรพสินค้า อาทิเมกะบางนา เซ็นทรัล พาราก้อน

สำหรับรายได้ของกลุ่ม Coro เริ่มจาก 1.Coro field แหล่งท่องเที่ยวเกษตรเชิงอาหารแบบครบวงจร มีรายได้ปีละ 30 ล้านบาท  2.SV group ธุรกิจขายปุ๋ยอินทรีย์ตั้งแต่ยุคบุกเบิก ตอนนี้ปรับกลยุทธ์การขายผ่านออนไลน์ มีรายได้ปีละ 15 ล้านบาท กำลังจัดทำสไตล์ใหม่ในลักษณะ Farmer Friend ให้บริการเกษตรกรโดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาเกษตรกรการเพาะปลูกครบวงกร 3.Koro HARVEST ใช้เงินลงทุนสาขาละ 5 ล้านบาท ทำธุรกิจร้านอาหารปรุงด้วยวัตถุดิบจากฟาร์มเกษตรอินทรีย์
สนใจไปเที่ยว Corofield สวนผึ้ง ราชบุรี โทร.092-659-4791 หรือ www.corofield.com
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยอีกแห่งในอำเภอเมือง คือ “โรงงานเถ้าฮงไถ่” แหล่งผลิตโอ่งราชบุรีเลื่องชื่อมานานกว่า 7 ทศวรรษ (70 ปี) ที่ส่งต่อมาสู่ทายาทรุ่น 3 แปลงโฉมเป็นศูนย์กลางชุมชนคนเมืองโอ่งให้กลายเป็น “งานศิลป์ถิ่นเมืองอาร์ต” ไปเรียบร้อยแล้ว

“วศินบุรี สุพานิชย์วร” ทายาทรุ่นสามของ “เถ้าฮงไถ่” เล่าวว่าเมื่อปี 2476 “ยุคแรก” ปู่หรือก๋งบุกเบิกนำเข้าโอ่งมาจากจีนมาขาย พอเดินทางมาถึงราชบุรีเจอดินและทำเลเหมาะ ชวนพรรคพวกตั้งโรงงานผลิตโอ่งลายมังกรใช้ดินในท้องถิ่นผสมขี้เถ้าปั้นโอ่งด้วยสีธรรมชาติออกเหลืองปนน้ำตาล ต่อมา “ยุคสอง” คนใช้โอ่งน้อยลงจึงเริ่มมีวิวัฒนาการ ปั้นโอ่งทำเป็นประดับตกแต่ง เข้า “ยุคสาม” เรียกยุค knowhow -ดีไซน์แตกต่างจากทั่วไปในสไตล์เซรามิกมากขึ้น สั่งซื้อดินจากขาวจากลำปางมาปั้นและดินจากสุราษฎร์ธานีมาตกแต่งลาย โดยยังคงอัตลักษณ์ดั้งเดิมไว้ผสมสานดีไซน์สมัยใหม่ให้สอดคล้องกับตลาดซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นกลุ่ม โรงแรม รีสอร์ต อสังหาริมทรัพย์
ขณะเดียวกันก็ทำให้ “เถ้าฮงไถ่” เชื่อมโยงเข้ากับการท่องเที่ยว จัดทำเป็นแหล่งเรียนรู้ ปรารถนาให้คนเข้าใจเรื่องศิลปะร่วมสมัย เป็นแหล่งเรียนรู้ซึ่งสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนอย่างไร้ขีดจำกัด ทุก 2-3 ปี จะจัดกิจกรรมที่เรียกว่า “ปกติศิลป์-Art Normal” โดยนำชุมชนรอบพื้นที่เข้ามาร่วมสร้างสรรค์นำเสนอผลงานดี ๆ สู่สายตาชาวโลก รักษาวิถีชีวิตชุมชนโอ่งราชบุรีให้คงอยู่อย่างมีคุณค่าอย่างยั่งยืน

สนใจไปชมแหล่งท่องเที่ยวผลิตโอ่งราชบุรี “เถ้าฮงไถ่” โทร.032-337-574 หรือ ดูรายละเอียดที่ www.thtceramic.com

@ออกกำลังกายด้วยการเดินดีต่อใจ
ร่คนเราจะมีพัฒนาการตามธรรมชาติของระบบต่างๆ ได้สูงสุดถึงอายุ 30 ปี  หลังจากนั้นจะเริ่มถดถอยลงอย่างช้า ๆ  ดังนั้นจึงควรเริ่ม “ออกกำลังกาย" โดยทั่วไปแล้ว “การเดิน” น่าจะเหมาะที่สุด เพราะสามารถทำได้ง่าย สะดวก และไม่ต้องอาศัยทักษะซับซ้อน ใช้เวลาเพียงเดินต่อเนื่องประมาณ 20 – 30 นาทีขึ้นไป  เดินสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 3–5 ครั้ง
ข้อดีของการเดิน
ด้านร่างกาย
1.  ช่วยให้การทำงานของหัวใจและปอดดีขึ้น  ปัจจุบันนี้ยังไม่มียาหรือสารอาหารใด ทำให้หัวใจและปอดมีความแข็งแรงทนทานได้เหมือนออกกำลังกาย
2.  ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อ  โดยเฉพาะในวัยสูงอายุที่มักมีปัญหากระดูกบาง
3.  ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อต่าง ๆ ในร่างกาย
4.  ในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก  อาจใช้การเดินช่วยลดน้ำหนักตัวได้  โดยเดินวันละประมาณ 1 ชั่วโมง จะทำให้การเผาผลาญพลังงานในร่างกายเพิ่มขึ้น          
5.  ลดความเสี่ยงการเกิดโรคต่างๆ  เช่น ในผู้ป่วยเบาหวานที่มีการทำงานของฮอร์โมนอินซูลินลดลงนั้นพบว่าการออกกำลังกายสม่ำเสมอจะช่วยให้อินซูลินทำงานดีขึ้นร่างกายจะนำน้ำตาลไปใช้งานได้ดนั่นคือควบคุมเบาหวานได้ดีขึ้น
ด้านจิตใจ  ช่วยให้คลายเครียด รู้สึกสบายหลังเดินออกกำลังกาย   ซึ่งช่วยกระตุ้นให้สมองเกิดการหลั่งสารเอ็นโดฟินส์ได้มากขึ้น  ซึ่งเป็นสารเคมีธรรมชาติที่มีฤทธิ์บรรเทาอาการปวดและทำให้รู้สึกสุขสบาย
เทคนิคการเดินที่ถูกต้อง
            แนะนำให้เดินเร็ว ๆ ก้าวเท้าถี่ ๆ แกว่งแขนแรง ๆ   และก่อนออกกำลังกายต้องอบอุ่นร่างกายยืดเส้นยืดสาย เพื่อให้ร่างกายรับรู้ถึงการเตรียมพร้อมของการทำงานของระบบต่างๆ ที่จะเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดการบาดเจ็บของระบบกล้ามเนื้อและข้อต่อ สิ่งสำคัญคือ  “เดินแล้วต้องรู้สึกเหนื่อย” แนะนำให้ใช้การเดินสลับวิ่ง เพื่อช่วยเพิ่มการทำงานของหัวใจ เช่น เดิน 50 ก้าว สลับวิ่ง 50 ก้าว ประมาณ 5 ชุด แล้วค่อย ๆ เพิ่มจนได้ 10 ชุด/วัน  แล้วค่อยลดจำนวนก้าวเดินลงเป็น 40 ก้าวสลับกับวิ่ง 50 ก้าว จนครบ 10 ชุด/วัน  ทำเช่นนี้เรื่อยไปจนเหลือการเดินเป็น 10 ก้าวสลับกับวิ่ง 50 ก้าว

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “บอร์ดบินไทยใจป้ำอนุมัติลงทุน3โปรเจ็กต์”
บอร์ดบินไทยใจป้ำอนุมัติรวดเดียว 3 โปรเจ็กต์ใหม่ “เพิ่มฝูงบินใหม่ 28ลำ-เพิ่มจุดบินและความถี่ทั่วยุโรป-ขยายครัวการบิน”
เรืออากาศตรีมนตรี จำเรียง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2560 มีมติอนุมัติแผนจัดหาเครื่องบินใหม่ทดแทนเครื่องบินใหม่ 5 ปี ระหว่างปี 2560-64 จำนวน 28 ลำ เป็นของการบินไทย 19 ลำ ชนิดลำตัวกว้าง 17 ลำ และลำตัวแคบ 2 ลำ และของไทยสไมล์ 9 ลำ ปลายปี 2562 จะเริ่มทยอยรับมอบเครื่องบินลำแรกได้ ระหว่างนี้ต้องเร่งศึกษาผลดีผลเสียวิธีการจัดซื้อหรือเช่าให้บอร์ดพิจารณาอีกครั้งภายในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
พร้อมทั้งอนุมัติบริการบินเพิ่มเติม 1.เปิดจุดบิน กรุงเทพฯ-เวียนนา (ออสเตรีย) สัปดาห์ 4 เที่ยว เพราะจากการศึกษาข้อมูลปัจุบัน สามารถเชื่อมโยงเส้นทางของการบินไทยในยุโรปตะวันออก 2.เพิ่มความถี่กรุงเทพฯ-บรัสเซลส์ กรุงเทพฯ-โรม มิลาน กรุงเพทฯ-มอสโก กรุงเทพฯ-สแกนดิเนเวีย เป็นสัปดาห์ละ 7 เที่ยว จากเดิม 4-5 เที่ยว
ขณะเดียวกันก็เร่งแก้ไขปัญหาฝูงบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ จำนวน 6 ลำ ที่ต้องติดตั้งด้วยเครื่องยนต์ของโรลล์รอยซ์เริ่มคืบหน้าบ้างแล้วจะเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายในกันยายนนี้ เริ่มจากกรกฎาคมนี้ซ่อมเสร็จแล้ว 1 ลำ และเตรียมนำไปซ่อม 3 ลำ สิงหาคมซ่อม 2 ลำ
ล่าสุดบอร์ดการบินไทยอนุมัติขยายครัวการบินด้วยงบลงทุน 95 ล้านบาท เพื่อเพิ่มรายได้อีกปีละ 250 ล้านบาท จากปัจจุบันทำได้เพียง 150 ล้านบาทควบคู่กับการเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหาร เจาะตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน รองรับไลน์การผลิตอาหารเพิ่มอีกวันละ 3,500-5,000 ชุด จากปัจจุบันผลิตได้วันละ 10,000 ชุด

ข่าวที่สอง “โรงแรม3แบรนด์ไทย5ปีหน้าบุกทั่วเอเชีย216แห่ง”
ตลอดครึ่งปี 2560 โรงแรมบิ๊กแบรนด์ของคนไทย “ดุสิต-ออนิกซ์-ไมเนอร์” ดาหน้ากันออกมาให้ข้อมูลถึงแผนบุกขยายการลงทุนและรับบริหารโรงแรมในต่างประเทศ 5 ปีข้างหน้า รวมกันกว่า 226 แห่ง เป็นการรุกเข้าไปก่อนเพื่อขานรับเศรษฐกิจเอเชียพุ่งจะสามารถชิงโกยสัดส่วนรายได้ธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศให้ทะลุ 50 %
แบรนด์แรก กลุ่มดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า วางแผนรับบริหารโรงแรมเพิ่มในอีก 5 ปีข้างหน้า ใน 14 ประเทศ ขณะนี้ได้ทยอยทำสัญญารับบริหารราว 51 แห่ง จากปัจจุบันเครือดุสิตมีโรงแรมบริการใน 8 ประเทศ 29 แห่ง โดยล่าสุดจับมืกับกลุ่มบริษัทโดสเซ่น อินเตอร์เนชั่นแนล (brand licent) มุ่งพัฒนาแบรนด์โรงแรมดุสิตปริ๊นเซสในจีนตั้งเป้าไว้ 40 โรงแรม
การปักธงขยายแนวรุกสู่ต่างประเทศมีเป้าหมายต้องการเปลี่ยนโครงสร้างรายได้ให้มีสัดส่วนถึง 50 % จากปัจจุบันมีอยู่เพียง 30 % ของทั้งหมด ซึ่งเดิมมีรายได้จากโรงแรมในประเทศสูงถึง 70%
ส่วนการลงทุนในประเทศ กลุ่มดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ก็ร่วมลงทุนกับซีพีเอ็น ใช้เงิน 36,000 ล้านบาทก่อสร้าง “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ก” ในลักษณะมิกซ์ยูส ขึ้นแทนดุสิตธานี กรุงเทพฯ ที่เตรียมปิดแล้วทุบทิ้ง

เครือออนิกซ์ของตระกูลอิตัลไทยเพิ่ม 99โรงแรม
ส่วนโรงแรมแบรนด์ไทยอีกกลุ่ม ของทายาทธุรกิจอิตัลไทย “กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป” รายงานว่าภายในปี 2567 จะขยายโรงแรมขนาดกลางในภูมิภาคเอเชียเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 79  แห่ง ใน 11 ประทศ โดยจะเพิ่มเป็น 99 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 20 แห่ง
ขณะที่การลงทุนโรงแรมในประเทศ วางแผนใช้เงิน3,500 ล้านบาท ปรับโฉมกิจการในพัทยา ทั้ง โรงแรมอมารี พัทยา จะเพิ่มเฟสใหม่ทำห้องสวีสในโซนเดิมของพัทยา การ์เด้น วิงให้แล้วเสร็จช่วงต้นปี 2562 พร้อมกับพัฒนาโรงแรมใหม่ โอโซ่ พัทยา อยู่ใกล้กับโอเชี่ยน ทาวเวอร์

กลุ่มไมเนอร์โฮเทลส์ยึดหัวหาด32ประเทศ
 กลุ่มไมเนอร์ โฮเทลส์ ย้ำถึงแผนการลงทุน 5 ปีหน้า การขยายกลยุทธ์บริหารโรงแรมตามเป้าปี 2563 ใน 32 ประเทศ ให้ได้ครบถึง 250 แห่ง เพิ่ม จากปัจจุบันมีอยู่ 24 ประเทศ 154 แห่ง ครอบคลุมทั่วเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกาใต้ แอฟริกา และมหาสมุทรอินเดีย เพื่อเป้าหมายปี 2564 จะเพิ่มสัดส่วนสร้างรายได้จากโรงแรมในต่างประเทศมากถึง 68% ปัจจุบันทำได้ 54% โดยมาจากโรงแรมในไทยอีก 46%
ขณะเดียวกันก็จะลงทุนโรงแรมใหม่ โดยใช้เงินประมาณ 3,400 ล้านบาท รวม 31 แห่ง เป็นการลงทุน 6 แห่ง ในเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย แทนซาเนีย และไทย  กับรับบริหาร 25 แห่ง ประเทศหลัก ๆ เกาหลีใต้ ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
คอลัมนิสต์ท่องเที่ยวและนักเขียนบล็อกเกอร์ท่องเที่ยว gurutourza

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai