ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.ดึงคนเที่ยวจันทบุรี-ระยอง9ล้านคน-ขายอาหารถิ่นวิถีอ่าวไทย

“จันทน์-ระยอง”ปลุกท่องเที่ยว 9 ล้านคน
ปี’61รุกขายอาหารถิ่น-ชุมชนวิถีอ่าวไทย
คิงเพาเวอร์แจกทุนฟรีป.โทเรียนอังกฤษ
เที่ยวอาหารถิ่นกินข้ามภาค3วันโกย25ล้าน
บินแอร์เอเชียวันธรรมดาลดทั่วไทย 50%
ชมที่น่าเที่ยว “บ้านอ่างเอ็ด-อ่าวคุ้งกระเบน”
ททท.-เดอะมอลล์ผุด4แพกเกจผู้หญิงส.ค.นี้


สวัสดีเช้าวันเสาร์ที่29 กรกฎาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังทางมือถือเลือก FM 97.0 หรืออ่านใน www.facebook.com/penroong ฟังย้อนหลังทาง youtube www.facebook.com/rauydauykhao) #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand


ช่วงที่ 1 “คุณกนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานระยอง พร้อมให้สัมภาษณ์พิเศษถึงประเด็น การเปิดเมืองต้องห้ามพลาดในฝั่งทะเลอ่าวไทย “จันทบุรี” ต้อนรับนักท่องเที่ยวปีละ 2 ล้านคน ส่วน “ระยอง” อีก 7 ล้านคน กำลังเนื้อหอมสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พำนักในไทย รวมถึงการเจาะลึกมุมใหม่การจัดทัพเที่ยวชายฝั่งทะเลตะวันออก สุขใจอิ่มท้องไปกับสุดยอดอาหารถิ่นในชุมชนวิถีไทย

คุณกนกกติกา กฤตย์วุฒิกร ผอ.ททท.เปิดเมืองจันทบุรี ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ ททท.สำนักงานระยอง ต้อนรับการท่องเที่ยวหน้าฝนชิมลางวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ด้วยการจัดเต็มเสาร์ที่ 29 –อาทิตย์ที่ 30  ส่งท้ายเดือนกรกฎาคมนี้ ในมุมการท่องเที่ยวใหม่ ฟังดนตรีกินอาหารถิ่นได้ในงาน “สายฝนใต้แสงจันทร์” และร่วม “กินโต๊ะจันทร์ มันส์ยกก๊วน”

แนะนำการเดินทางตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯ มุ่งสู่เมืองจันทบุรี โดยการขับรถไปตามถนนทางหลวงหมายเลข 304 กรุงเทพฯ-แกลง แนะนำแวะไฮไลต์จุดแรก “ปากน้ำประแสร์” เป็นชุมชนดั้งเดิม มีผลิตภัณฑ์พื้นบ้านอาหารท้องถิ่นต้อนรับเป็นประจำทุกวัน
จากนั้นก็เดินทางต่อโดยใช้ถนนสาย “เฉลิมบูรพาชลทิศ” ขึ้นชื่อว่าสวยงามสุดในประเทศไทย ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติเป็นถนนเลาะริมเขาเลียบแนวชายฝั่งทะเลสีฟ้าใส ตลอดเส้นทางนี้จุดท่องเที่ยวยอดนิยม หาดคุ้งวิมาน อ่าวคุ้งกระเบน ซึ่งมีกิจกรรมมากมาย ตอนนี้นักท่องเที่ยวชอบไป “เขี่ยไข่ปู” ต้มแล้วกินสดจะกินไข่ไม่ได้ บริเวณนี้มีปูจำนวนนับแสนตัว ทางศูนย์พัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนจะทำเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปูแล้วนำมาปล่อยลงทะเลแถบนี้ เพื่อให้ชาวประมงและนักท่องเที่ยวได้รับประทานอย่างต่อเนื่อง

สำหรับวันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม 2560 ททท.สำนักงานระยอง ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวในโอกาสพิเศษสุดด้วยการเปิดชายหาดจัดการแสดงคอนเสิร์ต ออร์เคสตร้า “สายฝนใต้แสงจันทร์” แม้จะเป็นช่วงหน้าฝนแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด ทาง ททท.ระยองร่วมกับสมาคมท่องเที่ยวจันทบุรี จับมือกับสถาบันดนตรีออร์เคสตร้ากรุงเทพฯ สถาบันราชภัฎรำไพพรรณี และเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จับมือกันนำออร์เคสตร้าวงใหญ่ กำกับการแสดงโดยศิลปินชั้นนำ “อาจารย์ดนู ฮุนตระกูล” ให้นักท่องเที่ยวได้มาดื่มด่ำกับดนตรีคลาสสิก

ซึ่งจะต้อนรับนักท่องเที่ยวเข้ามาร่วมฟังออร์เกสตร้าริมหาดจันทบุรี ด้วยเมนูอาหารถิ่นซึ่งมีแห่งเดียวในประเทศไทย เมนูหลัก “ข้าวคลุกพริกเกลือ” ปรุงด้วยกรรมวิธีพิเศษแตกต่างจากทั่วไป โดยชาวบ้านในชุมชนสร้างสรรข้าวคลุกพริกเกลือด้วยการนำข้าวคลุกน้ำจิ้มซีฟู้ดซึ่งเป็นชื่อเฉพาะถิ่น โปะด้วยกั้ง เนื้อปูก้อน กุ้ง ปลาหมึก ไข่ต้มยางมะตูม พร้อมหมูต้มหมูตุ๋น ผสมกลมกลืนอยู่ด้วย
เป็นเมนูแห่งความภาคภูมิใจของท้องถิ่น ซึ่ง ททท.ชูเมนูข้าวคลุกพริกเกลือไปนำเสนอตามงานต่าง ๆ กระแสตอบรับดีมาก ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ตาม“สตรีทฟู้ด” หรือแม้แต่ในโรงแรมหรู ทั่วเมืองจันทบุรี ได้นำไปบรรจุขาย ตัวอย่างบริเวณตลาดน้ำพุ เริ่มต้นจานละ 50 บาทขึ้นไป หรือที่ร้านชื่อดังของเมืองจันทน์คือ  “ร้านน้ำพริกข้าวสวย” ได้ออกแบบข้าวคลุกเกลือให้เป็นงานศิลปะบนจานอาหารสวยงาม ประดิษฐ์เป็น “คำ” คล้าย “ชูชิ” เพิ่มความคิดสร้างสรรขึ้นไป เพื่อดึงดูดความสนใจผู้บริโภค

เป็นไฮไลต์การท่องเที่ยวด้วยการเข้าถึง “อาหารถิ่น” จันทบุรี
ส่วนเส้นทางแนะนำเพื่อการท่องเที่ยวหน้าฝนและตลอดทั้งปี คือ “แหล่งท่องเที่ยวชุมชน” ขึ้นชื่อคือ “ชุมชนริมน้ำจันทบูรณ์” อยู่ใกล้ ๆ กับโบสต์โรมันอาสนวิหารพระนางมารีอานิรมล ซึ่งเป็นเสมือนแลนด์มาร์กของจังหวัด นักท่องเที่ยวจะต้องไม่พลาดแวะมาจุดนี้เดินชมได้ตลอดสองข้างทางระยะ 2 กม. ซึ่งนำบ้านริมน้ำดั้งเดิมมาตกแต่งเป็น “ร้านกาแฟ” มีของกินให้เลือกรับประทาน เช่น ก๋วยจับป้าไหม ก๋วยเตี๋ยวหมูเรียง ขนมเทียนแก้ว และสารพัดอาหารถิ่น ตอนนี้มีจุดขายเสริมเข้ามาคือ “ร้านกาแฟ-ร้านอาหาร เก๋ไก๋” ที่นักท่องเที่ยวต้องไปอัพเดทความน่าตื่นตาตื่นใจใหม่ และต้องไปถ่ายรูปกับภาพฝาผนัง
นอกจากชุมชนริมน้ำจันทบูรณ์แล้ว ออกจากตัวเมืองออกไปจะมีสถานที่แวะชม “คลองภักดีรำไพ” ขุดขึ้นมาไว้ใช้ประโยชน์ระบายน้ำท่วม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำริให้สร้างคล้ายโครงการแก้มลิง พร้อมทั้งทรงตั้งชื่อคลองดังกล่าว รวมทั้งสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ทรงมีวังสววนบ้านแก้ว พระราชฐานส่วนพระองค์ อยู่ในจันทบุรีด้วย โดยใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อที่ดิน ภายในมีสนามกอล์ฟ 9 หลุม พร้อมกับปลูกผลไม้ถิ่นไว้ในพื้นที่เชื่อมต่อถึงกัน นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ โดยบางตึกทำเป็นพิพิธภัณฑ์ บางอาคารรักษาอนุรักษ์สภาพบรรยากาศเก่าไว้

หรือจะข้ามคลองภักดีรำไพไปยัง “ชุมชนริมคลองหนองบัว” ตั้งอยู่มานานมากมีสิ่งดี ๆ อยู่จำนวนมาก ทาง ททท.ได้เข้าไปพัฒนาตั้งแต่ปี 2559 เปิดตัวในชื่อ “ชุมชนขนมแปลกริมคลองหนองบัว” จันทบุรี จะได้เห็นวิถีชีวิตสองฝั่งคลองซึ่งเคยค้าขายกัน มีบ้านเก่า ๆ ตั้งเรียงรายมีชาวจีนอาศัยอยู่ โดยเฉพาะขนมแปลกอย่าง “คล้ายอวัยวะของลิง” ซึ่งเป็นชื่อเฉพาะนำข้าวเหนียวดำมาปั้น ที่บ้าน “ป้าลิ” วัย 80 ปี การใช้ชีวิตของชุมชนนี้แต่ละบ้านจะทำขนมแปลก ๆ มาขายนักท่องเที่ยว
ส่วนที่เด็ด ๆ ในชุมชนริมคลองหนองบัวคือ น้ำตาลอ้อย ซึ่งเป็นส่วนผสมของขนมหลัก ๆ เช่น “ขนมระเบิด” ทำจากข้าวพองผสมน้ำตาลอ้อย “ขนมตังก๊วย” ทำเฉพาะช่วงตรุษจีนยกเว้นคลองหนองบัวทำให้กินตลอดทั้งปี กระแสตอบรับจากนักท่องเที่ยวดีมาก ส่งผลให้ปัจจุบันตลอดทุกสัปดาห์ เสาร์-อาทิตย์ ชาวบ้านจะออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยการทำเมนูอาหารถิ่นขึ้นชื่อ ได้แก่ “หอยจ๊อ” คำละ 2 บาท “กุ้งทอดน้ำจิ้มถั่ว” ตลอดสองข้างทางตึกโบราณในชุมชนจะเปิดหน้าบ้านขายอาหารกันต่อเนื่อง จากเคยขายเฉพาะครึ่งวันเช้าเดิมมีแต่นักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ ตอนนี้มีมาจากพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงแวะไปอุดหนุนชาวบ้านกันอย่างคับคั่งทุกสัปดาห์
สถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไป 2 จังหวัด ทั้งจันทบุรี มีคนไทย 90 % ส่วนระยองจะมีชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในพื้นที่ออกมาเที่ยว ระยะนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยว “สาธารณประชาชนจีน” เริ่มหลั่งไหลเข้ามาหลังจาก ททท.สำนักภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก นำตัวแทนผู้ประกอบการจัดนำเที่ยวของจีนมาสำรวจแหล่งท่องเที่ยวในจันทบุรี ระยอง เพราะเดินทางใกล้ ๆจากสนามบินสุวรรณภูมิมายังเกาะในแถบนี้ นั่งรถและเรือโดยสารไม่เกิน 1 ชั่วโมง การเดินทางสะดวกจึงทำให้ระยองปีนี้มีนักท่องเที่ยวมากถึง 7 ล้านคน

ขณะที่จันทบุรีได้รับการประชาสัมพันธ์ให้เป็น “12 เมืองต้องห้ามพลาด” แต่ก่อนคนอาจจะไปเที่ยวจันทบุรีน้อยเป็นเพียงเมืองแวะพัก เพราะส่วนใหญ่จะไป “เกาะช้าง” หลังจากโหมจุดขายทำเป็น “12 เมืองต้องห้ามพลาด” ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมากจากเสน่ห์ในตัวคนและสถานที่ รวมถึงเป็นศูนย์รวมช้อปปิ้งอัญมณี “ตลาดค้าพลอยเมืองจันทน์”

เมื่อทำภารกิจโปรโมตการท่องเที่ยวจันทบุรี ระยอง เรียบร้อยแล้ว “คุณกนกกิตติกา” เตรียมส่งไม้ต่อเพื่อย้ายไปรับหน้าที่เป็น “ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานภูเก็ต” เริ่ม 1 สิงหาคม 2560 เป็นต้นไป
ผอ.กนกกิตติกา ได้เล่าถึงแผนการตลาดที่จะไปขยายรายได้ให้ชุมชนภูเก็ตต่อไป คือ จะเน้นจุดขาย “อาหารถิ่น” ตามโครงสร้างภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 70 % และคนไทย 30 % โจทก์ที่ได้รับไปต้องเพิ่มคนไทยไปยังภูเก็ตมากยิ่งขึ้น ด้วยการบูมรับเทรนด์ใหม่ในปี 2560 หลังจากภูเก็ตได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็น Creative Gastronomy 1 ใน 18 เมืองของโลก ที่มีความโดดดเด่นเป็นสุดยอดเส้นทางผลิตอาหารที่มีเรื่องราวจากวัตถุดิบต้นน้ำไปจนถึงเมนูหรูเลิศเสิร์ฟบนโต๊ะอาหารระดับนานาชาติ

ดังนั้น “อาหาร” จึงเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนไทยได้อีกช่องทาง ซึ่งจะสร้างความแปลกการเดินทางท้าเที่ยวข้ามภาค ไปชิมอาหารใต้ เมนูเด็ดที่นอกเหนือจาก แกงเนื้อปู โอวเต๊า รสชาติครบทั้งอาหารจีนประยุกต์ อาหารถิ่นใต้ เรื่อยไปจนถึง “ชุมชน” รองรับตลาดนักท่องเที่ยวทั่วไป อีกทั้งยังมีตลาดหรูหรา “ยอร์ช-เรือสำราญ”

นับเป็นโอกาสดีของไทยที่จะได้ใช้ประสบการณ์บูรณาการนวัตกรรมเชิงสร้างสรรการทำตลาดจากฝั่งอ่าวไทย ไปพัฒนารายได้เพิ่มในพื้นที่ท่องเที่ยว “ฝั่งทะเลอันดามัน” ต่อไป
เป็นอีกช่องทางที่จะช่วยกันเพิ่มรายได้ท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าประเทศในปี 2561 ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 3.1 ล้านล้านบาท

ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์แจกทุนฟรีป.โทเรียนมหา’ลัยมองฟอร์ด อังกฤษ”


นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ได้เดินหน้าโครงการธุรกิจเพื่อสังคมทางด้านการศึกษาซึ่งเป็นหนึ่งในเมกะโปรเจ็กต์ซีเอสอาร์ “KING POWER THAI POWER : พลังคนไทย” ซึ่งทางกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้ลงนามสัญญา กับ มิสเตอร์ เจมส์ การ์ดเนอร์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัย เดอ มงฟอร์ต เมืองเลสเตอร์ ZDe Montfort University Leicester : DMU)ประเทศอังกฤษ มอบทุนการศึกษาให้คนไทยทั่วไป พนักงานและบุตรของพนักงาน ได้ไปเพิ่มพูนความรู้ในระดับปริญญาโทโดยมีโอกาสเดินทางไปศึกษายังมหาวิทยาลัยดังกล่าว
ตามแผนปี 2560 จะมอบรวม 10 ทุน  แบ่งเป็นทุน บุคคลทั่วไป 7 ทุน และพนักงาน / บุตรพนักงานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ 3 ทุน  รวมเกือบ 13 ล้านบาท จากคิง เพาเวอร์ สนับสนุน 3.77 ล้านบาท (ไม่รวมเงินเดือน) และ De Montfort University Leicester (DMU) อีก 8.83 ล้านบาท
โครงการนี้กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ พร้อมสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จำเป็นด้านการศึกษา ได้แก่ 1. ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ 2. ค่าวีซ่าและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าประกันสุขภาพ  3. ค่าใช้จ่ายส่วนตัวปีละประมาณเกือบ 3 แสนบาท จ่ายรายเดือน เฉลี่ยเดือนละ 500 ปอนด์ (23,500 บาท) 4.หากเป็นพนักงานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จะได้รับค่าจ้างตามปกติตลอดช่วงลาศึกษาต่อ 1 ปี คิดเป็นมูลค่า 377,000 บาท

ขณะที่มหาวิทยาลัย เดอ มองฟอร์ด เมืองเลสเตอร์ พร้อมจะสนับสนุน
1.ค่าเทอมตลอดการศึกษาประมาณ 592,000 – 812,160 บาท (ประมาณ  12,600 - 17,280 ปอนด์) โดยขึ้นอยู่กับคณะที่ผู้รับทุนต้องการศึกษา
2.หากเป็นพนักงานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์และบุตรพนักงาน จะมอบเงินสนับสนุนเพิ่มเติมอีก 235,500  บาท ( 5,000 ปอนด์) จากปกติ 592,200 - 812,160 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมดกว่า 827,200 - 1,047,160 บาท
โดยมหาวิทยาลัย De Montfort เปิดรับสมัครทุกคณะที่มีการเรียนการสอน ประกอบด้วย 4 คณะ ได้แก่ 1.Faculty of Art, Design and Humanities  2.Faculty of Business and Law3.Faculty of Health and Life Sciences 4.Faculty of Technology

สำหรับ “ขั้นตอน” เปิดรับสมัครเริ่มตั้งแต่วันนี้-วันที่ 31 ตุลาคม 2560 เข้าไปดาวโหลดใบสมัครทาง website ของมหาวิทยาลัย De Montfort (www.dmu.ac.uk) search หาทุนการศึกษาจากบริษัท คิง เพาเวอร์ (http://www.dmu.ac.uk/documents/international-documents/dmu-international-application-form.pdf) พร้อมแนบรายละเอียดของคุณสมบัติและเอกสารที่ทางมหาวิทยาลัยต้องการ  เตรียมเอกสารให้ครบ พร้อมเขียน statement 500 คำ ให้ครอบคลุม 1. Why should you be awarded a scholarship? 2. Your understanding of, and passion for, your chosen area of study 3. How a DMU education would benefit you in the future? 4.How you would make a positive contribution to King Power and DMU?
สำหรับบุคคลทั่วไปสามารถส่งใบสมัครและเอกสารมาที่ International Admissions Office E-mail: iao@dmu.ac.uk /  ส่วนพนักงานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และบุตรพนักงาน ส่งเอกสารมาที่ คุณชลรัศกมล Chonratkamol_s@kingpower.com

ข่าวที่ 2 “ททท.ยกอาหารถิ่น5ภาคจัดแหลมแท่นบางแสน”

นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ด้านตลาดในประเทศ เปิดเผยว่าได้เปิดมหกรรม “เที่ยวอาหารถิ่นกินข้ามภาค” ระหว่างวันที่ 28-30 กรกฎาคม 2560 ที่แหลมแท่น บางแสน จังหวัดชลบุรี คัดเลืออาหารถิ่น 5 ภูมิภาค ทั้ง ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคใต้ เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้จ่ายเงินภายใน 3 วัน  ให้ได้ถึง 25 ล้านบาท แล้วในเดือนตุลาคม 2560 เป็นต้นไป จะโปรโมต “เที่ยวอาหารถิ่น กินตามตำนาน” ให้คนไทยและนานาชาติรู้จักอาหารไทยอย่างลึกซึ้ง แล้วหันมาใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นในหมวดอาหาร จากปัจจุบันนักท่องเที่ยวใช้เงินเพื่อบริโภคอาหารไทยสัดส่วนประมาณ 20 % ของรายได้ท่องเที่ยวรวมปีละ 2.76 ล้านล้านบาท

นางสาวสุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพัทยา ททท.5 ภูมิภาค ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ร่วมมือกันจัดทำกิจกรรมการตลาด จะจัดมหกรรม “เที่ยวข้ามถิ่น กินข้ามภาค @บางแสน” เป็นการยกเทศกาลอาหารถิ่นประเทศไทยมาไว้ชายหาด  ระหว่าง 28-30 กรกฎาคม นี้ จัดต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยปีนี้จะใช้พื้นที่บริเวณแหลมแท่น หาดบางแสน ระยะทางยาว 1 กม.

ภายในงานชูไฮไลต์การรวมสุดยอดเมนูอาหารถิ่นจาก 5 ภูมิภาค ททท.ทั่วประเทศมาไว้ในที่เดียวกัน หารับประทานอาหารยาก ต้องไปถึงที่นั้น ๆ จึงจะได้ลิ้มรส การจัดครั้งนี้จึงเน้นระดมเมนูเด็ดของ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก มาไว้ในงานเดียวกัน เลือกมาภูมิภาคละ 10 ร้านเด็ดร้านดัง 50 ร้านโดยได้จัดแบ่งตามโซนอาหารถิ่นและอาหารแต่ละภูมิภาคเพื่อความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวได้เลือกชิม และช้อป ประกอบด้วย

โซนแรก “อาหารถิ่น” ได้แก่ “ภาคตะวันออก” ข้าวคลุกพริกเกลือ จันทบุรี หรือปลาคก ชลบุรี ซึ่งทำจากปลาตะเพียนต้มเค็ม “ภาคกลาง” นำเสนอเต้าหู้ดำ ราชบุรี “ภาคใต้” ก็มี หมึกดำหั่นตะไคร้ กระบี่
 “โซนที่สอง” อาหารพิเศษซึ่งจัดทำเป็น “บางแสน ฟู้ดสตรีท” ของแต่ละร้านอาหารชั้นนำ ผนวกกับเข้าเมนูขึ้นชื่อ รวม ๆ กันจำนวน 100 ร้าน ดังนั้นภายในงานเมื่อรวมจำนวนอาหารถิ่นกับฟู้ดสตรีทเข้าด้วยกันแล้วจะมีมากกว่า 250 ร้าน

“โซนที่สาม” อาหารกินตามตำนาน จะจัดนิทรรศการและกิจกรรมให้ความรู้ เล่าเรื่องราวของอาหารซึ่งแต่ละเมนูมีความเป็นมาผูกพันกับวิถีชีวิตคนไทยมานาน ตัวอย่างเช่น “ไก่ต้มกระวาน” บอกถึงวัตถุดิบ ส่วนผสม ซึ่งเป็นเครื่องปรุงทั้งหมด แหล่หารับประทานได้ที่ไหน พร้อมสาธิตวิธีปรุงเมนูดังกล่าวโดยมีเชฟมาสาธิตบนเวที แสดงให้เห็นถึงพื้นที่แหล่งวัตถุดิบ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเชื่อมโยงการเดินทาง และองค์ความรู้ของอาหารเหล่านั้นเอาไว้ด้วย

ผลตอบรับของนักท่องเที่ยวที่สนใจจะเข้าร่วมงานได้เลือกจัดเทศกาลอาหารถิ่นประเทศไทยช่วงวันหยุดยาว ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์” ซึ่งพื้นที่ชลบุรี บางแสน เป็นสถานที่ยอดนิยมท่องเที่ยววันหยุด เพราะเดินทางได้ง่าย คาดการณ์ปีนี้ได้ทำยอดผู้เข้าร่วมงานได้มากกว่า 60,000 คน ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
ในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยวน่าจะเหมาะกับการเดินทางเที่ยวระยะใกล้แถบภาคตะวันออก ส่วนในชลบุรีมีสถานที่แนะนำใหม่ ๆ อย่าง พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ ฟรอสท์เมจิกคอลไอซ์ ออฟ สยาม

ข่าวที่ 3 “บางจากควบรวมธุรกิจรุกพลังงานสีเขียว”

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท บางจากฯ มีมติอนุมัติให้ควบบริษัท (Amalgamation) ระหว่างบริษัท บีบีพี โฮลดิ้ง จำกัด (BBH) เป็นบริษัทย่อย ที่บางจากฯ ถือหุ้น 99.99 % กับบริษัท เคเอสแอลจีไอ จำกัด (KSLGI) ที่จะได้รับการจัดตั้งขึ้น เพื่อรับโอนและเข้าถือหุ้น 99.99 % ในบริษัท เคเอสแอล กรีน อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KGI โดย KSLGI เป็นบริษัทย่อยของ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) (KSL) จะเข้าถือหุ้น 99.99 %

การร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจครั้งนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชีวภาพ (Bio Based) ได้แก่ เอทานอล และไบโอดีเซล (B100) ประมาณเดือนตุลาคมนี้ จะใช้ชื่อบริษัทใหม่ว่า บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (BBGI) มีทุนจดทะเบียน 2,532 ล้านบาท จะเป็นบริษัทหลัก (flagship company) ที่มีบางจากฯ ถือหุ้น 60 % และบริษัท น้ำตาลขอนแก่นฯ ถือหุ้น 40 %

บทบาทของบริษัทใหม่จะประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีกำลังการผลิตรวมมากกว่า 1,710,000 ลิตรต่อวัน แบ่งเป็นเอทานอลรวม 900,000 ลิตรต่อวัน และไบโอดีเซล 810,000 ลิตรต่อวัน เป็นการเพิ่มขีดความสามารถและสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งสามารถกระจายความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบหลัก ประกอบด้วย มันสำปะหลัง กากน้ำตาล น้ำมันปาล์มดิบ พร้อมเป็นการสนับสนุนในด้านวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องกัน ช่วยเพิ่มโอกาสเติบโตในอนาคต ส่งผลดีต่อการขยายธุรกิจในระยะยาว และเพิ่มโอกาสให้เกษตรกรปลูกพืชพลังงาน สร้างรายได้มากยิ่งขึ้นและลดความเสี่ยงจากการทำเกษตรอื่นเพียงอย่างเดียว

ในอนาคตวางแผนจะพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ชีวภาพตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบางจากฯที่พร้อมก้าวสู่ Evolving Greenovation ผู้นำนวัตกรรมสีเขียวชั้นนำในเอเชียที่มีบรรษัทภิบาลที่ดีและดำเนินธุรกิจด้วยแนวทางการมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืน

ข่าวที่ 4 “แอร์เอเชียลดเที่ยววันธรรมดาทั่วไทย50%”

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และเครือข่ายภาคีพันธมิตรจัดกิจกรรมกระตุ้นการเดินทางใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวในประเทศกับมหกรรม “วันธรรมดาน่าเที่ยว” ล่าสุดสายการบิน “ไทย แอร์เอเชีย” ทุ่มนำตั๋วโดยสารเครื่องบินลดสูงสุดถึง 50 % ทุกเส้นทางบินในประเทศ ปลุกกำลังซื้อ “เที่ยววันธรรมดา” ไม่ว่ามุมไหน ก็สุขได้เต็ม ๆ สามารถเข้าไปซื้อตั๋วแอร์เอเชียได้ตั้งแต่วันนี้-30 กรกฎาคม 2560 แล้วนำไปใช้เดินทางได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 26 ธันวาคม นี้

ไฮไลต์เที่ยววันธรรมดา สุราษฎร์ธานี ไปเขาสก เขารูปหัวใจ ล่องทะเลชมธรรมชาติอันหลากหลาย ทำให้ ชีวิตดีดี๊ได้ทุกวันธรรมดา จันทร์-พฤหัสบดี ของทุกสัปดาห์ หรือจะเป็นเที่ยวบินข้ามภาคจาก “หาดใหญ่” สู่เมืองหมอแคน “ขอนแก่น” เพื่อไปชิมอาหารรสแซบสไตล์อีสาน ร่วมสานกิจกรรมท้ากินอาหารถิ่นข้ามภาค

เข้าไปจองตั๋วราคาลดพิเศษวันธรรมดาท่องเที่ยวได้ทั่วไทยถูกกว่าปกติ 50 % ที่ www.airasia.com

ช่วงที่ 2 ไปเมืองต้องห้ามพลาดจันทบุรี เยี่ยมชม 2 โครงการพระราชดำริ “บ้านอ่างเอ็ด-อ่าวคุ้งกระเบน” แล้วดูแลสุขภาพด้วย 5 อาหารอารมณ์ดี และข่าวการบิน

@เยือน 2โครงการพระราชดำริเมืองจันทน์

ไปจันทบุรีชม 2 โครงการพระราชดำริ “บ้านอ่างเอ็ด-อ่าวคุ้งกระเบน”
สัปดาห์นี้มีโอกาสได้มาสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวแถบชายฝั่งทะเลตะวันออกจังหวัดจันทบุรี โดยมีโครงการพระราชดำริให้เยี่ยมชม 2  โครงการที่มีเรื่องราวน่าสนใจ
โครงการแรก “โครงการพัฒนาป่าชุมชนบ้านอ่างเอ็ด” ที่ตำบลตกพรม อำเภอขลุง เป็นโครงการในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ดำเนินงานโดยมูลนิธิชัยพัฒนา พัฒนา “ป่าชุมชน” เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าไม้ สนับสนุนให้ชุมชนเข้าใจเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถสร้างประโยชน์อย่างยั่งยืนได้
ภายในโครงการมีสวนเกษตรและแปลงสาธิตการปลูกพืชแบบผสมผสานทั้งสวน มังคุด ทุเรียน ลองกอง เงาะโรงเรียน เก็บเกี่ยวตามฤดูกาล ปาล์มน้ำมัน การปลูกมะนาวในบ่อซีเมนท์ การเผาถ่านน้ำส้มควันไม้ การผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพ การเพาะเห็ดเศรษฐกิจ ค่ายวิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา และงานวิจัยมากมายเกี่ยวกับพืช สัตว์ สมุนไพรพื้นบ้าน
สามารถเข้าไปเดินศึกษาธรรมชาตินำรวจป่าตามหาสัตว์สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก ระยะทาง 1.5 กม. หรือชมพิพิธภัณฑ์เหมืองพลอย จากอดีตสู่ปัจจุบัน
อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับกลุ่มศึกษาดูงาน มีพื้นที่กางเต็นต์นอนได้สูงสุด 60 คน ลานเอนกประสงค์ ขนาด 100 คน
สอบถามได้ที่ 089-833-8600 หรือ www.chaipat.or.th

 โครงการที่ 2 “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ในตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ โครงการอันเกิดจากการฟื้นฟูและจัดการทรัพยากรชายฝั่งทะเลจากยอดเขาสู่ท้องทะเล ขนาด 4,000 ไร่ สถานที่เหมาะแก่การดูงานอย่างมาก มีเรื่องราวน่าค้นหาในการทำการเกษตรแบบผสมผสานอีกแห่ง และความหลากหลายของการสาธิตเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ผลิตภัณฑ์หญ้าแฝก การผลิตปุ๋ยหมักจากดินเลนนากุ้ง
หรือจะร่วมปลูกป่าชายเลนร่วมกันได้ที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ และกิจกรรมทำลูก EM BALL สารจุลินทรีย์ช่วยบำบัดน้ำเสีย
ภายในโครงการมี “ห้องประชุม” ให้ใช้บริการได้ตั้งแต่ขนาดห้องละ 30-200 คน “ห้องพัก” เลือกได้ตั้งแต่พักรวมห้องละ 12-15 คน และ “ห้องอาหาร” ขนาดนั่งได้ 90 คน
สอบถามได้ที่ โทร.039-433-216-8 หรือ www.fisheries.go.th/cfkung_krabaen

@เลือกกิน5 อาหารอารมณ์ดี
ปัจจุบันที่รีบเร่ง จะขอแนะนำให้ทำกิจกรรมเพื่อลดความวิตกกังวลจะช่วยบำบัดรักษาอาการป่วยให้ดีขึ้น “สารอาหาร” ใกล้ตัวเราบางชนิดที่เราๆ อาจจะไม่คาดคิดกลับมีคุณสมบัติวิเศษที่จะช่วยนำพาความสุขและคืนอารมณ์ขันได้ด้วย 5 อาหารหารับประทานง่าย ๆ
1.ปลา
เนื่องจากเมื่อร่างกายเกิดความวิตกกังวลหรือความเครียดจะส่งผลให้ร่างกายหลั่งสารฮอร์โมนที่เกี่ยวกับความเครียด กระตุ้นให้ร่างกายทำงานเกินกว่าปกติ ทำให้อ่อนล้าเพลียแรง ห่อเหี่ยว ซึ่งการรับประทานอาหารประเภท “ปลา” ที่มีกลุ่มกรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นบทบทสำคัญต่อการทำงานของระบบสมอง ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ epa (eicosapentaenoic acid) และ dha (docosahexaenoic acid) ที่ช่วยจัดกระบวนการความคิดการเรียนรู้ให้ดีขึ้น การรับประทานโอเมก้า 3 จึงทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียด ป้องกันอาการทางจิตอื่นๆ ที่จะตามมาหากความเครียดสะสม
2.ถั่วเปลือกแข็ง
เนื่องจากอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 เช่นเดียวกับปลาน้ำลึกอย่าง ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรลและปลาแซลมอน ถั่วยังเต็มไปด้วยสารอาหารอื่นๆ อาทิ วิตามินอี สารต้านอนุมูลอิสระ กรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ทำหน้าที่ป้องกันความเครียดที่เกิดจากปฏิกิริยาของอนุมูลอิสระ เช่นมลพิษจากสิ่งแวดล้อม รังสีความร้อนและอาหารไขมันสูง ที่สำคัญยังมีสารซีโรโทนิน สารจากธรรมชาติที่ช่วยลดความเครียด สารไทโรซีน ซึ่งเป็นสารที่ส่งผลต่ออารมณ์ให้มีความตื่นตัว กระฉับกระเฉง มีสมาธิ ซึ่งสารนี้จำเป็นจะต้องใช้สารอาหารอย่างโปรตีนที่พบมากอย่างในถั่วเหลืองไปช่วยให้สมองมีความกระฉับกระเฉงตื่นตัวมากขึ้นนั้นเอง
3.ผลไม้ ผักใบเขียวต่างๆ
อาทิ ใบตำลึง ผักขม บล็อกโคลี่ มะเขือเปราะ ส้ม มะนาว ฝรั่ง และมะขามป้อม เพราะนอกจากจะมีสารซีโรโทนินสารจากธรรมชาติที่ช่วยลดความเครียดแล้วนั้น ยังเต็มไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยลดฮอร์โมนความเครียดและเพิ่มให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานดีขึ้น โดยเฉพาะลดระดับที่มากเกินไปของฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ถูกขับออกมาในขณะที่ร่างกายมีความเครียด เพื่อช่วยให้ร่างกายเพิ่มพลังในการต่อสู้กับความเครียด ยิ่งไปกว่านั้นในผักใบเขียวและผลไม้ส่วนใหญ่จะพบว่ามีวิตามินบีรวมสูง ซึ่งวิตามินบีรวมนี้มีบทบาทสำคัญในการสร้างพลังงานจากสารอาหารให้กับสมองและระบบประสาท เพราะขณะเครียดสมองต้องใช้พลังงานมากขึ้นทวีคูณ วิตามินบีจึงถูกใช้หมดลงอย่างรวดเร็วส่งผลให้สมองขาดพลังงานในการทำงาน ก่อให้เกิดความเครียดมากขึ้น ผู้ที่ขาดวิตามินบีถึงแม้จะได้รับสารอาหารมากมายเท่าไรก็ตาม สารอาหารเหล่านั้นก็ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานให้สมองได้ สมดุลของร่างกายและอารมณ์แปรปรวนอันนำไปสู่ความซึมเศร้าท้ายที่สุด
4.นม
หรือผลิตภัณฑ์จากนมประเภทต่างๆ อย่าง นมเปรี้ยว โยเกิร์ต หรือไอศกรีม เพราะเป็นแหล่งอาหารที่มีสารแมกนีเซียมสูง ซึ่งผลจากการศึกษาพบว่า แมกนีเซียมและแคลเซียม ในนมมีฤทธิ์ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย บรรเทาความรู้สึกกดดัน คลายการเกร็งตัวของระบบประสาทที่ทำให้เกิดความเครียด ยังประกอบด้วยทริปโตเฟน (กรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่เป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ ต้องได้รับจากอาหารอื่นซึ่งสมองสามารถนำไปใช้เมื่อรวมเข้ากับวิตามินบี3 วิตามินบี 6 และแมกนีเซียม) ช่วยทำให้จิตใจสงบ
5.ไข่ไก่และเนื้อไก่
แหล่งโปรตีนชั้นดีเป็นคลังโภชนาการของมนุษย์เลยก็ว่าได้ เพราะอุดมด้วยกรดอะมิโนและทริปโตเฟนทำหน้าที่ช่วยให้ผ่อนคลาย สงบ นอกจากนี้ยังมีสารเลซิตินที่มีคุณประโยชน์ในการบำรุงสมอง ทำให้ถ้ารู้สึกสมองไม่สดใส เมื่อยล้า เลซิตินในไข่แดงจะช่วยฟื้นฟูบำรุงสมองให้ความสดใส และ วิตามินบี ที่มีประโยชน์คลายความเครียด บรรเทาความเมื่อยล้าและฟื้นฟูกำลังวังชา

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก“รัฐบาลลุงตู่”เทงบอู่ตะเภา760ล้านดึงจีนร่วมEEC

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2560 เพิ่มเติม งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (ค่าใช้จ่ายตามแผนการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ กองทัพเรือ) วงเงิน 760.77 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายตามแผนการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ กองทัพเรือ วงเงิน 690.77 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาจัดทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ วงเงิน 70 ล้านบาท สำหรับรองรับโครงการสำคัญภายใต้แผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี (พ.ศ.2560-2564) ซึ่งประกอบด้วย 12 โครงการ

โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบความเหมาะสมของราคาโครงการก่อสร้างอาคารเรียน ในวงเงินดังกล่าว โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 1,260 วัน คาดจะเริ่มการก่อสร้างได้ภายในกันยายน 2560จะแล้วเสร็จภายในปี 2564

รวมทั้งมีรายงานว่า ทางสำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(สกรศ.) ภายในเดือนสิงหาคมนี้ เตรียมเดินทางไปลงนามข้อตกลงความเข้าใจความร่วมมือเบื้องต้น (MOU) กับทางสนามบินเจิ้งโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ต้นแบบเขตเศรษฐกิจพิเศษมาประยุกต์ใช้พัฒนาระบบการเชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภากับเครือข่ายโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพทั้งทางบก ทางนํ้า ในการแลกเปลี่ยนเที่ยวบิน การท่องเที่ยว และสนับสนุนอุตสาหกรรมรอบเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC การผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน การทำ Free Trade Zone

สำหรับแผนแม่บทการพัฒนาระบบโลจิสติกเชื่อมโยงสนามบินอู่ตะเภาพับEEC นั้นรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ได้อนุมัติให้เดินหน้าโปรเจ็กต์การก่อสร้างในสนามบินอู่ตะเภาเพิ่มเติม ประกอบด้วย

1.ทางขับเครื่องบินแบบธรรมดาและความเร็วสูง (High Speed Taxi Way และ Taxi Way) อยู่ระหว่างออกแบบแล้วเสร็จภายในธันวาคม 2560 เพื่อเริ่มก่อสร้างในปี 2561 ให้แล้วเสร็จตามกำหนดปี 2562

2.ติดตั้งระบบสารสนเทศอาคารผู้โดยสารสมัยใหม่หลังที่ 2 เพื่อความรวดเร็วในการขนถ่ายผู้โดยสาร ควรจะทำให้แล้วเสร็จเดือนสิงหาคมนี้ ก่อนเปิดใช้อาคารผู้โดยสารหลังที่2อย่างเต็มขีดความสามารถตั้งแต่ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป


ข่าวที่สอง “ททท.ผนึกเดอะมอลล์กรุ๊ปชูผู้หญิงเที่ยวส.ค.4แพกเกจ

นายวิบูลย์ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ททท.ร่วมกับเดอะ มอลล์ กรุ๊ป จัดโครงการ "ผู้หญิงเที่ยวไทย 2017 Best for Mom สิงหาพาแม่เที่ยว" ชวนท่องเที่ยวในเส้นทางขอพรไหว้พระ กับ อาจารย์คฑา ชินบัญชร ที่จะนำเกร็ดความรู้ต่าง ๆ มานำเสนอและส่งเสริมความสัมพันธ์อันอบอุ่นในครอบครัว โดยมีให้เลือกเที่ยวได้ 5 จังหวัดหลัก ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา สกลนคร-นครพนม, สุโขทัย และขอนแก่น 4 แพกเกจ

1.One Day Trip พาแม่เที่ยวไหว้พระ ที่พระนครศรีอยุธยา 5 ส.ค. 2.พาแม่เที่ยว ตามรอยผ้าที่สกลนคร-ไหว้พระธาตุตามวันเกิด ที่นครพนม11-13 ส.ค. 3.ไหว้พระแม่ย่า และ 8 สิ่งที่ต้องทำกับแม่ที่สุโขทัย 19-20 ส.ค.และ 4.พาแม่เที่ยวขอนแก่น สะสมบุญ อุ่นใจ ที่ขอนแก่น 26-27 ส.ค. นี้
นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้อำนวยการ ใหญ่อาวุโสการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ทางเดอะมอลล์พร้อมมอบสิทธิพิเศษแก่สมาชิกบัตร M CARD ที่เข้าร่มโครงการท่องเที่ยวเดือนแห่งวันแม่ทั้ง 4 แพ็กเกจ

1.One Day Trip พาแม่เที่ยวไหว้พระที่พระนครศรีอยุธยา คนละ 1,999 บาท รับ 40 คน สมาชิก M Card ลด10%

2.พาแม่เที่ยวตามรอยผ้าที่สกลนคร-ไหว้พระธาตุตามวันเกิดที่ นครพนม ราคาคนละ 10,500 บาท รับ 20 ท่าน สมาชิก M CARD รับฟรี voucher ที่พัก 3 วัน 2 คืน (2 คน) มูลค่า 6,000 บาท ที่ถาวร ปาล์ม บีช ภูเก็ต 10 ใบ

3.M CARD Exclusive Trip ไหว้พระแม่ย่า และ 8 สิ่งที่ต้องทำ กับแม่ที่สุโขทัย : เดินทาง 19-20 ส.ค. 2560 พิเศษวันที่ 12 สิงหาคม สมาชิก M CARD 6 คู่แม่ลูก รับฟรี M Cards Exclusive Trip ไหว้พระแม่ย่า และ 8 สิ่งที่ต้องทำกับแม่ที่สุโขทัย มูลค่า 15,999 บาท เมื่อช็อปในห้างและศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ครบ 20,000 บาท

4.พาแม่เที่ยวขอนแก่น สะสมบุญ อุ่นใจ ที่ขอนแก่น : เดินทาง 26-27 ส.ค. 2560 คนละ 7,999 บาท รับ 30 คน สมาชิก M CARD รับฟรี voucher ที่พัก 3 วัน 2 คืน ( 2 คน)  มูลค่า 6,000 บาท ที่ถาวร ปาล์ม บีช ภูเก็ต 10 ใบ
ดูรายละเอียดได้ที่ www.budgetd.com/ผู้หญิงเที่ยวไทย 2017 ตั้งแต่วันนี้-31 สิงหาคม 2560

ข่าวที่สาม “ชวนปั่นเที่ยวอันดามัน3จังหวัด13-14ส.ค.”

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดึงศักยภาพของกลุ่มจังหวัดในเขตพัฒาการท่องเที่ยวอันดามัน เพิ่มขีดความสามารถของ Sport Tourism โดยจัดกิจกรรม Tour de Andaman  2 กิจกรรมการปั่นจักรยาน คือ

กิจกรรมแรก ปั่นจักรยานท่องเที่ยววิถีชุมชน Tour de Andaman (Touring) จะจัดวันที่ 13-14 สิงหาคม 2560 ให้นักท่องเที่ยวได้ปั่นตามเส้นทาง 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต พังงา กระบี่ รวมระยะทางกว่า 160 กิโลเมตร ในสโลแกน “ปั่นชมธรรมชาติ ผ่านชุมชน ยลวัฒนธรรมท้องถิ่น” เส้นทางปั่นจักรยานจะผ่านแหล่งท่องเที่ยว เช่น ประตูเมืองภูเก็ต จุดชมวิวเสม็ดนางชี ชุมชนบ้านสามช่องเหนือจังหวัดพังงา ชุมชนแหลมสักจังหวัดกระบี่

กิจกรรมที่ 2 จัดแข่งขันจักรยานทางไกล Tour de Andaman (Racing) จะจัดวันที่ 18-20 สิงหาคม 2560 ในฝั่งอันดามันระยะทางกว่า 410 กิโลเมตร ตามเส้นทาง 5 จังหวัด คือ สตูล ตรัง กระบี่ พังงา และภูเก็ต  ด้วยสโลแกน “สัมผัสอันดามัน เสน่ห์ล้ำ สวรรค์แดนใต้”

แบ่งการแข่งขันจักรยานทางไกลประเภทจักรยานเสือหมอบ แบ่งการแข่งขันออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่ 1.ประเภท Open ชาย ไม่จำกัดอายุ 2.ประเภทชายอายุ 18-29 ปี 3.ประเภทชายอายุ 30-39 ปี 4.ประเภทชายอายุ 40-49 ปี 5.ประเภทชายอายุ 50 ปีขึ้นไป และ 6.ประเภท Open หญิง ไม่จำกัดอายุ
จุดสตาร์ตเริ่มจาสตูล แบ่งออกเป็น 3 สเตจ คือ สเตจที่ 1 สตูล-ตรัง สเตจที่ 2 ตรัง-กระบี่ สเตจที่ 3 กระบี่-พังงา-ภูเก็ต

 สอบถามข้อมูลได้ที่ 08 1817 7510 และ 08 1334 6647

ข่าวที่สี่ “ไทยเร่งแก้เพิ่ม49ข้อจ่อปลดธงแดงICAO”

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า ผลการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนตามโครงการ USAP-CMA ที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เข้ามาตรวจสอบเมื่อวันที่ 11-21 ก.ค.60 ระบุให้ไทยปรับปรุงมาตรฐานที่ควรแก้ไขให้ดียิ่งขึ้นอีก 49 ประเด็น หลังจากนั้นภายในอีก 30 วัน จะเป็นช่วงเวลาที่เปิดโอกาสให้ประเทศไทยเสนอข้อโต้แย้ง หรือยืนยันการยอมรับรายงานผลการตรวจสอบ โดย ประเทศไทยจะต้องยื่นเสนอแผนปรับปรุงแก้ไขกลับไปให้ ICAO อีกครั้ง

ทาง ICAO แนะนำให้ไทยต้องดูแลเป็นพิเศษและจัดทำแผนรักษาความปลอดภัยทั้ง 38 สนามบิน ทางด้านหลัก ๆ คือ 1เพิ่มกำลังคนรักษามาตรฐานการรักษาความปลอดภัย ทั้งในส่วนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการบินของ กพท. และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของแต่ละสนามบิน เนื่องจากท่าอากาศยานในไทยที่ให้บริการทั้งอาคารในและระหว่างประเทศต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน ดูแลไม่ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเหนื่อยล้าจนเกินไป

ข่าวที่ 2 “ลั่นสิ้นปี’60ได้ดีดีใหม่-ครัวบินไทยจ่อเข้าตลาดMAI”

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะกรรมการ (บอร์ด) และประธานคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน ) มติที่ประชุมบอร์ดการบินไทยเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ให้เร่งสรุปผู้ที่จะสรรหาเข้ามารับตำแหน่งดีดีการบินไทยคนใหม่ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2560 โดยจะพยายามปลดล็อกคุณสมบัติที่ขัดแย้งต่อเกณฑ์ในเรื่องของผู้สมัครต้องชัดเจนกรณีไม่ขัดผลประโยชน์ส่วนตน และผลประโยชน์ส่วนรวม (Conflict of Interests)

หลังจากต้องล้มการสรรหาเมื่อครั้งแรก เนื่องจากการเปิดรับผู้สมัครส่วนใหญ่มีปัญหาขัดแย้งกับหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ( สคร.) โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งทางด้านคุณสมบัติที่กล่าวไปข้างต้น

ทางด้าน “นางวรางคณา ลือโรจน์วงศ์” กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายครัวการบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “THAI”  กล่าวว่า ขณะนี้วางแผน 3 ปีข้างหน้า ระหว่าง 2561-2563 จะเพิ่มรายได้ธุรกิจครัวการบินไทย โดยได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาวงเงิน 15 ล้านบาท เร่งศึกษาภายใน 3 เดือนนี้ วางกลยุทธ์พัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ เพิ่มรายได้ในอนาคตให้ถึงปีละ 10,000 ล้านบาท จากปัจจุบันทำได้ 7,600 ล้านบาท รองรับการปูทางนำธุรกิจครัวการบินไทยเข้าตลาดหลักทรัพย์ M A I ต่อไป

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai