ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ท่องเที่ยวปี’65“ทัวร์ไทย+ทั่วโลก”กลายพันธุ์เกิด7เทรนด์ใหม่ ซูเปอร์โพลล์“วีซ่า-กสิกร-แบงก์ชาติ”ชี้ทางออกธุรกิจเที่ยวปีเสือดุ

ผ่าท่องเที่ยวปี’65“ทัวร์ไทย+ทั่วโลก”กลายพันธุ์เกิด7เทรนด์ใหม่

ซูเปอร์โพลล์“วีซ่า-กสิกร-แบงก์ชาติ”ชี้ทางออกธุรกิจเที่ยวปีเสือดุ

คิงเพาเวอร์แจกสุขช้อปออนไลน์สินค้าใหม่ส่งถึงบ้านลดแรง30 %

แจกจริง!!คิงเพาเวอร์จัดมหกรรมถุงขนมHaapyBagวันนี้-3ม.ค.65

ททท.หนุนอยุธยาจัดใหญ่อะเมซิ่งเคาน์ดาวน์มรดกโลก27-31 ธ.ค.

บางจากคว้า2รางวัลInfluentailBrandsTopBrand-จรรยาบรรณดี

TCEBชี้ช่องใช้ไฮเทค4นวัตกรรมจัดVirtual Eventดึงคนได้เพียบ

เที่ยวกรุงเทพฯเติมพลังบุญที่“วัดแขก”ชมฟรีพิพิธภัณฑ์ฯพระนคร

“8นิสัย” รีบแก้ไขเพื่อชีวิตที่ดีกว่าให้รางวัลตัวเองรับปีใหม่ 2565

ททท.”บูมเคาน์ดาวน์ระยองทำเงินสะพัด400ล้าน27-31ธ.ค.64

ก.ท่องเที่ยวเปิดโพลล์ปี64ต่างชาติ+คนไทยชอบไม่ชอบเที่ยวไทย


 

 วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2564 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #AmazingCountdown #ท่องเที่ยวปี2565กลายพันธุ์เกิด7เทรนด์ใหม่ #เที่ยววัดแขกสีลม #พิพิธภัณฑ์แห่งชาติพระนคร

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้  https://fb.watch/a7Gb1o2ETR/

ช่วงที่ 1 ผ่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวปีเสือกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ปี’65 ธุรกิจเตรียมตัวให้พร้อมขานตลาดกลายพันธุ์ใหม่ตามโควิด 7 เทรนด์ใหญ่ “GOAT/เที่ยวตามใจแบบมีแผน-NEO/เที่ยวสะอาดปลอดภัยยืดหยุ่น-WONDERLUST/เที่ยวตามคลิปหนังซีรีย์-STAYCATION/เที่ยวใกล้บ้าน-WORKATION/ทำงานเที่ยวได้-BLESUREทำธุรกิจพักผ่อนด้วย-HYBRID/เที่ยวผสมผสานด้วยไฮเทคจากทุกที่” พร้อมใช้คู่มือซูเปอร์โพลล์ 3 ค่ายใหญ่ “วีซ่า-กสิกรไทย-แบงก์ชาติ” พลิกวิกฤตเป็นโอกาสฟื้นเศรษฐกิจผงาดสู่ความยั่งยืน

สัปดาห์สุดท้ายปี 2564 ที่ “ไวรัสโควิด-19” ยังคงอยู่กับคนไทยและทั่วโลกมายาวนาน 22 เดือน ทำให้ “ภูมิคุ้มกันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” ภาพรวมของประเทศไทยปีเสือ 2565 จากเดิมเคยสว่างโชติต้องอับแสงลง สถิติก่อนเกิดโควิดเมื่อปี 2562 ท่องเที่ยวจ้างงานคึกคักทางตรงทางอ้อม 4.4 - 7 ล้านคน สร้างายได้สะพัดสู่ระบบเศรษฐกิจ 3.2 ล้านล้านบาท สร้างจีดีพี 18% เป็นอุตสาหกรรมที่กระจายรายได้ดีที่สุด ลงลึกถึงภาคครัวเรือนและรากหญ้าได้มากที่สุด แต่โควิด-19 ทำให้ทุกสถิติหายวับไปกับตา “รายได้” ท่องเที่ยวรวมต่างตลาดในและต่างประเทศรวมร่วงเหลือ 1 ล้านล้านบาท หายไปราว 70%

 

ปี 2565 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยังคงกัดฟันประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวมุมบวกบนสมมุติฐานขยับไปมาจากกรณีดีสุดปีหน้าจะมีรายได้ 1.9 ล้านล้านบาท แต่ตอนนี้ต้องถอยร่นไปตั้งหลักเป้าหมายตรง 1.12 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 6.3 ล้านบาท ในประเทศเที่ยวไทยอีก 4.9 แสนล้านบาท ท่ามกลางสถานการณ์พลิกผันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ ที่จะต้องหยุด ชะลอ และแก้ไขทุกอย่างไปตามจังหวะอาการวิกฤตเป็นระยะ ๆ

 

ตลอด 22 เดือนโควิด-19 กลายพันธุ์ได้ก่อให้เกิด “ปรากฏการณ์ “การท่องเที่ยวกลายพันธุ์” อย่างหลากหลายด้วยเช่นกัน ผู้คนในประเทศและทั่วโลกพากันปรับพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวกลายพันธุ์ใหม่ 7 เทรนด์มาแรงปี 2565 คือ

 


พันธุ์แรก “GOAT” (Greatest of All Trips) เมื่อเร็ว ๆ นี้ Expedia เปิดเผยรายงานแนวโน้มการท่องเที่ยวปี 2565 ผลสำรวจนักท่องเที่ยว12,000 คน ใน 12 ประเทศ พบว่า 73% วางแผนท่องเที่ยวแบบจัดเต็มในทริปหน้า ในรูปแบบการเดินทางแบบ “No Regrets :ตัดสินใจเที่ยวโดยไม่กลัวอะไรอีกแล้วซึ่ง Expedia เรียกนักท่องเที่ยวเผ่าพันธุ์นี้ว่า “GOAT -Greatest of All Trips

 

เอ็กซ์พีเดียชี้เป้าเรื่อง “การพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวในอนาคต” จึงต้องตระหนักถึงความสำคัญของ “การบริหารจัดการการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพและยั่งยืน” ให้ชัดเจนใน 3 องค์ประกอบหลัก

 

1.ควรเน้นคำว่า “กำไร” มากกว่าคำว่า “รายได้” ในความหมายที่แตกต่างจากปัจจุบันคือ “กำไร” ในความหมายใหม่ เรื่องการทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยมีความสมดุลกัน ระหว่าง อุปสงค์/Demand ซึ่งเป็นความต้องการของนักท่องเที่ยว กับ อุปทาน/Supply การสร้างสรรค์สินค้ากับบริการทางการท่องเที่ยว

 

2. “ผู้ประกอบการหรือธุรกิจ” ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานการท่องเที่ยว (Tourism Supply Chain) ต้องคิดใหม่ ทำใหม่ เรื่องการทำ “กำไรมากกว่าขาดทุน” ด้วยการเลิกเบียดเบียนต้นทุน อีกทั้งยังต้อง “เติมต้นทุนที่ดี” เข้าไปด้วยโดยการต้องคำนึงถึงเรื่องสังคม วิถีชีวิต และทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเป็นสำคัญ เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

 

การท่องเที่ยวพันธุ์ GOAT น่าจะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศไทยตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับ 13 ที่กระตุ้นทุกองค์กรหันมาท่องและทำเรื่อง BCG-เศรษฐกิจที่มีความเชื่อมโยงกัน 3 ส่วน คือ 1. Bio Economy -เศรษฐกิจชีวภาพ 2.Circular Economy-เศรษฐกิจหมุนเวียน 3. Green Economy-เศรษฐกิจสีเขียว

 

โดยนำจุดแข็งของประเทศไทยที่มีความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมมาต่อยอดและยกระดับมูลค่าสินค้าและบริการ ระยะแรกเน้น 4 สาขา คือ 1.เกษตรและอาหาร 2.สุขภาพและการแพทย์ 3.พลังงาน วัสดุ และเคมีชีวภาพ 4.การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์

 


พันธุ์ที่ 2 NEO Tourism ล่าสุดวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล” ได้บรรญัติศัพท์NEO Tourism เป็นคำนิยามใหม่รูปแบบการท่องเที่ยวหลังโรคระบาด ผ่านการถอดบทเรียนจากสถานการณ์โควิด-19 อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะต้องรวมพลังกันก้าวข้ามจาก New Normal ไปสู่ Next Normal นั่นคือการท่องเที่ยวจะแปลงโฉมกลายพันธุ์หันไปเน้นเรื่อง “ความสะอาด-สุขอนามัย-ยืดหยุ่น” ในการให้บริการการท่องเที่ยวมากขึ้น เริ่มจาก 3 เทรนด์ใหม่

            

                เทรนด์ที่ 1  Nature Seeking - ตามหาธรรมชาติ ในการเปลี่ยนบรรยากาศการพักผ่อนช่วยบำบัด ช่วยคลายเครียด ช่วงการล็อกดาวน์ทำให้ธรรมชาติฟื้นฟูกลับมาอุดมสมบูรณ์ เมื่อเปิดประเทศผู้คนจึงอยากเปลี่ยนบรรยากาศที่เคยอยู่บ้านมานานมองหาจุดหมายที่อยากออกเดินทางไปอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ

 

เทรนด์ที่ 2 Hygieneaholic – ติดสะอาด ตราบเท่าที่โควิดยังไม่คลี่คลาย นักท่องเที่ยวจะต้องการความมั่นใจโดยให้ความสำคัญเรื่องสุขอนามัยและความสะอาด แหล่งท่องเที่ยว ที่พัก การให้บริการ เลือกใช้ที่มีมาตรการป้องกันโรคที่ดี เช่น โครงการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย หรือ SHA : Amazing Thailand Safety & Health Administration : SHA

         

เทรนด์ที่ 3 Flexi Needed – ต้องการความยืดหยุ่น จากความไม่แน่นอนเรื่องโรคระบาดเดี๋ยวเปิดเดี๋ยวปิด ทำให้นักท่องเที่ยวต้องเตรียมความพร้อมรับมือ มองหาบริการที่มีประกันความเสี่ยง รวมทั้งทริปเดินทางที่มีความยืดหยุ่นสูงจะได้รับความนิยมมากขึ้น ดังนั้นธุรกิจจึงควรปรับบริการให้ได้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา

 

             วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ศึกษาพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนไทยหลังโควิด-19 ในหัวข้อ “NEO Tourism ท่องเที่ยวมิติใหม่ เจาะอินไซต์นักเดินทาง” ผ่าน 2 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ กลุ่มคนรุ่นใหม่ อายุระหว่าง 18-35 ปี และ 2.กลุ่มครอบครัว ที่มีบุตรหรือมีสมาชิกมากกว่าสองเจนเนอเรชั่น มีผลลัพธ์ที่น่าสนใจ 6 เรื่อง คือ

 

1.การตัดสินใจออกมาเที่ยวอีกครั้ง ของทั้งสองกลุ่ม 48% พร้อมจะท่องเที่ยวเมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศต่ำกว่า 500 คน กับเมื่อคนในประเทศได้รับวัคซีนเกิน 70 % ของทั้งหมดแล้ว

 

             2.รูปแบบการท่องเที่ยว ทั้งสองกลุ่มอยากไปมากที่สุด คือ “การท่องเที่ยวธรรมชาติ” คนรุ่นใหม่ต้องการถึง 70% และ กลุ่มครอบครัวต้องการมากสุด 92% เพราะหลังจากกักตัวอยู่บ้านนาน ๆ ต่างก็ต้องการออกไปพักผ่อนคลายเครียดใกล้ชิดธรรมชาติ

                3.จังหวัดเป้าหมายการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ จะได้ความนิยมสูงสุด 3 จังหวัดแรก “กลุ่มคนรุ่นใหม่” เลือกเชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี “กลุ่มครอบครัว” เลือก เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี

            4.งบประมาณกับระยะเวลาจัดทริปหลังโควิด-19 ทั้งสองกลุ่มเลือกใกล้เคียงกัน คือ ใช้เวลาเที่ยว 3-4 วันครั้ง และใช้เงินเที่ยวไทย 3,000-5,000 บาท/คน/ทริป  

5.การตรวจหาเชื้อโควิด ทั้งสองกลุ่มเห็นตรงกันว่าต้องตรวจ กลุ่มคนรุ่นใหม่ 70.7% และกลุ่มครอบครัว 65.5%

6.การหาข้อมูลท่องเที่ยว ก่อนเดินทาง “กลุ่มคนรุ่นใหม่” นิยมดูข้อมูลทางแพลตฟอร์ม เฟซบุ๊ก 31.1% เว็บไซต์ Google 29.4% และ YouTube 21.9% “กลุ่มครอบครัว” นิยมดูข้อมูลจาก Google 38.6% Facebook 29.8% และ YouTube 19.8% โดยเน้นหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ต้องรู้ก่อนเที่ยวคือ 1. สถานที่ไปมีมาตรการป้องกันโควิด 2. จำนวนผู้ติดเชื้อในพื้นที่ 3. ข้อมูลการให้บริการ เช่น การปรับเปลี่ยนเวลาเปิด-ปิด อย่างไร


พันธุ์ที่ 3 Wanderlust Streaming เป็นพฤติกรรมใหม่ในการตัดสินออกเดินทางอีกครั้ง จากการ “ดูรายการท่องเที่ยวผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ” ทำให้เกิดความอยากเที่ยวด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าตามแบบในคลิปที่เคยดู พร้อมกับดีไซน์ให้เป็นไปในรูปแบบของ Wanderluster ต้องการจะเดินทางในแบบเฉพาะของตนเอง มีรูปแบบ มีสไตล์เฉพาะตัว เช่น บางกลุ่มเน้นเรื่องกิจกรรม บางกลุ่มจะเน้นเรื่องศิลปะ วัฒนธรรม และอีกหลากหลายความต้องการเฉพาะตัว

 Wanderlust ก็เป็นการบรรญัติศัพท์ใหม่ตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปคือ “Wanderการเดินทางท่องเที่ยวเตร็ดเตร่ไปทั่ว บวกกับคำว่าlust มีความปรารถนาอย่างแรงกล้านั่นเอง

ผลพวงจากช่วงล็อกดาวน์ผู้คนได้แต่ดูสื่อสตรีมมิ่ง กับเนื้อหาดิจิทัลอื่น ๆ เป็นเวลาหลายเดือนลดความน่าเบื่อทั้งหลาย กระทั่งสิ่งนี้ส่งผลทำให้ผู้คนจำนวนมากความปรารถนาในการเดินทาง เช่น เพิ่งดูซีรี่ยส์เกาหลีเรื่องหนึ่งทาง Netflix จบไปและชอบมาก จึงเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าถ่ายทำที่เมืองไหน ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ค้นรายละเอียดได้รวดเร็วและง่ายขึ้น กระตุ้นความปรารถนาที่จะออกไปเที่ยวมากขึ้นนั่นเอง              


พันธุ์ที่ 4 สเตเคชั่น/Staycation -เที่ยวไม่ไกลจากบ้าน หรือเที่ยวในจังหวัดบ้านเกิดตัวเอง เป็นผลพวงจากการล็อกดาวน์ช่วงโควิดแล้วห้ามเดินทางข้ามจังหวัด เป็นแรงผลักทำให้คนหันมาเที่ยวอยู่รอบ ๆ กรุงเทพฯ หรือเขตชานเมือง เที่ยวแบบไม่ใกล้ไม่ไกล ไม่ต้องเดินทางมากมาย หรือไม่ต้องใช้เวลายาวนาน สามารถหอบงานไปทำด้วยได้ เหมือนเปลี่ยนสถานที่ทำงานไปในตัว

ปรากฎการณ์นี้เทรนด์สเตเคชั่นเกิดขึ้นมานานแล้วในสหรัฐอเมริกา แต่เริ่มมาฮิตเป็นเทรนด์ในประเทศเราช่วงล็อกดาวน์จากโควิด-19 ไม่มีเที่ยวบิน มีเงื่อนไขการเดินทางข้ามพื้นที่มากขึ้น สร้างแสงสว่างปลายอุโมงให้ธุรกิจโรงแรมรอบพื้นที่ทั้ง 4 ดาว 5 ดาว  6 ดาว ตื่นตัวทำโปรโมชั่นพิเศษชวนดึงเงินจากผู้คนหันมาเปลี่ยนบรรยากาศเลือกใช้โรงแรมเป็นสถานที่ทำงานและพักผ่อนได้ในราคาไม่แพงนัก



พันธุ์ที่ 5 เวิร์คเคชั่น/Workation (Work + Vacation) หนึ่งในกระแสที่มาแรงทำงานไปด้วย พักผ่อนและท่องเที่ยวไปด้วย ตอนนี้ “กรุงเทพ” ติดอันดับเบอร์ 1ของโลกเมืองที่น่ามาเวิร์คเคชั่น ส่วนภูเก็ตติดอันดับ 10 ของโลก

ททท.เดินหน้ากระตุ้นตลาดในประเทศผ่านแคมเปญ Workation Thailand ทำงานเที่ยวได้ รวมใจช่วยชาติ” ภายใต้แนวคิด “Working Outing & Meeting from Somewhere” ความอิสระที่องค์กรและหน่วยงานสามารถเปลี่ยนทุกที่ของประเทศไทยให้กลายเป็นที่ทำงาน พบปะ พูดคุย สังสรรค์ และจัดประชุม ท่ามกลางบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิม นำร่องเชิญชวนบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ องค์กร และหน่วยงาน เที่ยว5 ประเภท คือ

1.CSR Outing ทำงานแบบสุขกาย สุขใจ ได้ตอบแทนสังคมและรักสิ่งแวดล้อม

2. Special Interest ท่องเที่ยวไปกับความสนใจพิเศษที่คุณเลือกได้ เรียนรู้ควบคู่ไปกับการทำงาน สัมผัสเสน่ห์วัฒนธรรมและโบราณสถานทั่วไทย ผ่อนคลายได้สุขภาพ สนุกกับการค้นพบประสบการณ์ใหม่

3. Community สร้างทีมเวิร์ค ความผูกพันของบุคลากรในหน่วยงาน ด้วยกิจกรรมท่องเที่ยววิถีชุมชน

4. Luxury & Gastronomy พบปะหารือ ประชุมบนเรือยอร์ช แบบ Exclusive เสิร์ฟอาหารแบบ Farm to Table วัตถุดิบคุณภาพ สดจากฟาร์ม

5. Special Deal เสนอส่วนลดพิเศษสุด พร้อมสิทธิพิเศษอื่น ๆ มากมาย เช่น แพคเกจทัวร์ Vouchers ต่าง ๆ มากมาย

พันธุ์ที่ 6 เบลเชอร์/Bleisure -เที่ยวด้วยทำธุรกิจได้ หรือBusiness Travel + Leisure Time สามารถเพิ่มวันพักในแต่ละสถานที่นานวันขึ้น โดยรวม 2 ประสบการณ์ ทั้งการทำงานและความสุขเข้าด้วยกัน นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีสัญญาณเติบโตสูงตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2564 ในไทยมีคืนพักเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า เปรียบเทียบกับปี 2562 เพิ่มขึ้นมากทั้ง 1.การสำรองห้องพักวันหยุดยาว 2.เดินทางเป็นครอบครัว สถิติมกราคม-สิงหาคม 2564 การจองที่พักขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

 


พันธุ์ที่ 7 Hybrid Working หรือ Remote Work เป็นการท่องเที่ยวอีกรูปแบบผสมผสานในเวลาเดียวกันโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเป็นเครื่องมือ ในการทำงานจากออฟฟิศ จากที่บ้าน หรือจากพื้นที่อื่น ๆ ขณะนี้บริษัทในต่างประเทศหลายแห่งเริ่มใช้นโยบายการทำงานแบบนี้แล้ว โดยให้อิสระกับพนักงานสามารถเลือกรูปแบบการทำงานได้ด้วยตัวเอง ตัวอย่าง ของ 4 ธุรกิจยักษ์ใหญ่โลก

 

          Google ให้พนักงานเข้าออฟฟิศสัปดาห์ละ 3 วัน หรือจะเลือกทำงานโดยไม่เข้าออฟฟิศเลยจากที่ไหนก็ได้ 100%  Twitter ให้พนักงานสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ตลอดไป Dropbox ลดพื้นที่สำนักงานและเปลี่ยนพื้นที่ออฟฟิศให้เป็นห้องประชุมและ Co-working space และ Uber ให้พนักงานเข้าออฟฟิศสัปดาห์ละแค่ 3 วันพนักงาน 2 ใน 3 พากันชื่นชอบทำงานไฮบริด

มีข้อมูลจาก Airbnbยืนยันผลสำรวจความเห็นของพนักงาน 6 ประเทศ พบว่า ปี 2565 คนทั่วโลกยังคงมีความปรารถนาจะออกเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง และเชื่อท่องเที่ยวจะกลับมาแข็งแกร่งกว่าปีที่ผ่านมา เพราะคนยังโหยหาการรวมตัวของทั้งกลุ่ม ครอบครัว เพื่อน และผู้ร่วมงาน จะเกิดขึ้นมากกว่าที่เคยเป็น โดยผู้คนจะยังไม่สามารถแบ่งแยกการทำงาน การเดินทาง และชีวิตส่วนตัวได้อย่างชัดเจน พฤติกรรมจึงออกมาในรูปแบบผสมผสานไฮบริดนั่นเอง


ปี 2565 บรรดา “ซูเปอร์โพลล์ท่องเที่ยว” ดาหน้ากันสะท้อนการเกิด “เทรนด์ท่องเที่ยวประเทศไทย” ที่น่าสนใจของ 3 ค่ายหลัก ดังนี้

 

ค่ายแรก “วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล” เปิดโพลล์ปี 2565 คนไทย 51% เลือกเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศต อีก 23% วางแผนเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ มีแรงจูงใจที่รู้สึกสบายใจที่จะได้เดินทางอีกครั้งจาก 3 ปัจจัย 67% ได้รับวัคซีน  55% จำนวนการติดเชื้อทั่วโลกลดลง  41% มีประกันโควิด-19 

 

            คนไทยเลือกจุดหมายปลายท่องเที่ยวต่างประเทศมากที่สุด 6 ลำดับ 6 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีนออสเตรเลีย เกาหลีใต้ แคนาดา ฝรั่งเศส

กิจกรรมยอดฮิตของนักท่องเที่ยวชาวไทย ช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมา 51% ดูวิดีโอท่องเที่ยวผ่านยูทูบ 41% ดูเว็บไซต์ท่องเที่ยวผ่านโซเชียลมีเดีย 30% เดินทางไปท่องเที่ยวยังเมืองใกล้เคียง

               

ค่ายที่ 2 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” พยากรณ์ไว้เมื่อ 8 พฤศจิกายน 2564 ระบุปี 2565 หากไม่มีโควิดระบาดซ้ำการท่องเที่ยวภายในประเทศจะเริ่มฟื้นตัวกลับมา 109-155 ล้านคน-ครั้ง ​​เริ่มจากคนไทยจะเดินทางในฤดูท่องเที่ยว 2 เดือนสุดท้ายปี 2564 นักท่องเที่ยวในประเทศจะเดินทาง 29.1 ล้านคน-ครั้ง ลดลงจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 14.2% ถ้าเปรียบเทียบช่วงม.ค.-ต.ค. 2564  จะดีขึ้นจากค่าเฉลี่ยต่อเดือน 3.8 ล้านคน-ครั้ง

               

ส่งผลให้ตลอดปี 2564 การท่องเที่ยวในประเทศทำได้ 66.71 ล้านคน-ครั้ง ลดลงจากปีก่อน 26.3% มูลค่ารายได้รวมประมาณ 296,895 ล้านบาท ลดลง 38.2%

               

ค่ายที่ 3 “ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ” ประเมินการท่องที่ยวปี 2565 กรณีเลวร้ายที่สุด (worst caseworst caseworst caseworst case worst caseworst caseworst caseworst caseworst case) นักท่องเที่ยวต่างชาติจะฟื้นตัวช้ากว่ากรณีฐานค่อนข้างมากปี 2564 และ 2565 จะมีเพียงปีละ 1 แสนคน ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยช่วง 2 ปีดังกล่าวหดตัวตามลำดับร้อยละ 1.7 และ 0.3

 

ภายใต้ข้อสมมุติฐานคือ ทั่วโลกยังต้องเผชิญหน้ากับ “ไวรัสกลายพันธุ์รุนแรงในหลายประเทศ” ทำให้วัคซีนด้อยประสิทธิภาพลง จนไม่สามารถลดอัตราการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตได้ จึงต้องพัฒนาวัคซีนขึ้นใหม่และเริ่มฉีดได้ช่วงต้นปี 2566 ส่งผลให้การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเลื่อนเป็นช่วงครึ่งหลังของปี 2566

 

รวมทั้ง “ความล่าช้าของการพัฒนาวัคซีน” จะกระทบเศรษฐกิจไทยผ่านการส่งออก เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าชะลอตัวลงจากมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดและกระทบห่วงโซ่การผลิต

 

เมื่อนำผลพยากรณ์ต่าง ๆ มาวิเคราะห์อนาคต “ภาพวรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวปี 2565 ปัจจัยจากการโควิดกลายพันธุ์ คือตัวแปรหลักที่จะส่งผลทำให้ “ตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ” ไม่สดใส  ดังนั้นจึงต้องพึ่งพา “ตลาดในประเทศ” เป็นกำลังสำคัญ แต่ก็มีแรงกดดันเรื่อง “การทำรายได้” ซึ่งปัจจุบันค่าเฉลี่ยเที่ยวไทยใช้จ่ายเพียง 4,500-6,000 บาท/คน/ทริป น้อยกว่าถึง 10 เท่าของ “ตลาดต่างประเทศ” ที่ใช้จ่ายเฉลี่ย 60,000 บาท/คน/ทริป

 

            ปี 2565 เป็นการก้าวสู่การ “กลายพันธุ์” ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เป็นอีกช่วงจังหวะ เวลา ที่ธุรกิจท่องเที่ยวต้องปรับกลยุทธ์เพื่อกลับมาฟื้นคืนชีพ ก้าวต่อไปข้างหน้าอีกครั้งอย่างยั่งยืน

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

 


ข่าวที่ คิงเพาเวอร์แจกสุขช้อปออนไลน์สินค้าใหม่ส่งฟรีถึงบ้านลดแรง 30 %

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มีของขวัญปีใหม่ทยอยแจกต่อเนื่องช่วงสัปดาห์ส่งท้ายปี สัปดาห์นี้ พบกับ “NEW ITEMS ADDED! SUPER BONUS PRICE หรือสินค้าส่งบ้านราคาดิวตี้ฟรี ลดสูงสุด 30% พาเหรดแบรนด์เนมและผลิตภัณฑ์ไทยกว่า 10,000 รายการ พร้อมกับแนะนำสินค้าเข้าใหม่ประจำเดือนธันวาคม 2564 ช้อปได้เลย! ทาง คิง พาวเวอร์ ออนไลน์ www.kingpower.com  ขนขบวนความสุข ให้คุณได้ช้อปส่งท้ายปีในราคาพิเศษ  รหัสส่วนลด DECSPBN ช้อปเลย1 - 31 ธ.ค. 64 ที่ - https://bit.ly/3lItvXL 

ห้ามพลาดบริการ 1.ส่งฟรี! ทั่วประเทศ เมื่อช้อปครบ 699 บาทสุทธิ  2.จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่เข้าร่วมรายการสามารถแบ่งจ่าย 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน 3.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 100%*  > http://bit.ly/2OzUV1k  4.รับเลย! ส่วนลด 200 บาท เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ > http://bit.ly/2S4uJyi   และ 4.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท สุทธิ  https://bit.ly/3lyQbrs

 


ข่าวที่ 2 แจกจริง!!คิงเพาเวอร์จัดมหกรรมถุงขนมHaapyBagวันนี้-3ม.ค.65

ชวนกันมาสนุกที่ “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ”  กับการเลือกขนมหลากหลายชนิดในงาน King Power Celebration 2022 กิจกรรม King Power Roll Dispenser ส่งต่อของขวัญแห่งความสุขด้วย “King Power Happy Bag ถุงขนมแห่งความคิดถึง” ตั้งแต่วันนี้– 3 ม.ค. 2565 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. พิกัดที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ https://bit.ly/324yknM

            สำหรับ “King Power Happy Bag ถุงขนมแห่งความคิดถึง” ไม่มีจำหน่าย จะต้องเข้าร่วมสนุกกับแคมเปญนี้เท่านั้น เพียงแสดงใบเสร็จรับเงิน รับได้ฟรีที่บูธกิจกรรม ชั้น 3 คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ใบเสร็จจากการซื้อสินค้ามูลค่า 5,000 บาท (สุทธิ) ภายในวันที่ทำการแลกรับ จำกัด 1 สิทธิ์ / คน / วัน จำกัด 100 สิทธิ์ / วัน

ทุกการช้อปสบายใจได้ ทาง คิง เพาเวอร์ ดำเนินการตามสุขลักษณะป้องกันการเเพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเคร่งครัด สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ King Power Contact Centre 1631


ข่าวที่ 3 ททท.หนุนอยุธยาจัดใหญ่อะเมซิ่งเคาน์ดาวน์มรดกโลก27-31ธ.ค.64

นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จากมติศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศบค.) ที่ได้อนุมัติจัดงาน Amazing Thailand Countdown 2022 ในประเทศ พื้นที่ 5 จังหวัดหลัก ได้แก่ เชียงใหม่ ระยอง นครราชสีมา ภูเก็ต และพระนครศรีอยุธยา ทำเป็น Global Countdown Destination ภายใต้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

โดย “พระนครศรีอยุธยา” เป็นพื้นที่ตัวแทนของภาคกลาง นำร่องจัดแล้วภายใต้ชื่องาน Amazing New Chapters @ Phra Nakhon Si Ayutthaya จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-31 ธันวาคม 2564 บริเวณหน้าวัดพระราม ตอกย้ถึงสัญลักษณ์ก้าวผ่านสู่การเริ่มต้นใหม่ปี 2565 อย่างมีพลังใจและมีความหวัง จัดในธีมอู่ข้าวอู่น้ำ ตามคอนเซ็ปต์ The Flow of Life ร้อยโยงความผูกพันสายน้ำกับการใช้ชีวิต พร้อมอำนวยอวยชัยให้ปีใหม่ชีวิตลื่นไหลไร้อุปสรรค เหมือนสายน้ำเย็นที่ไหลหล่อเลี้ยงชีวิต  ควบคู่การแสดงให้ทั่วโลกได้เห็นว่าประเทศไทยมีเสน่ห์ สวยงาม และมีเอกลักษณ์โดดเด่นหาจากที่ใดไม่ได้    

นางสรัลพัชร ประโมทะกะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เผยว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีความภาคภูมิใจอย่างมากที่ได้รับเกียรติเป็นหนึ่งในจังหวัดที่จัดงาน Amazing Thailand Countdown 2022 ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่ยิ่งใหญ่ เนื่องจากพระนครศรีอยุธยา ครบรอบ 3 ทศวรรษการขึ้นทะเบียนมรดกโลกอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และการได้รับเลือกเป็นหนึ่งในจังหวัดภายใต้โครงการ The Michelin Guide Thailand 2022 ภายในงาน "Amazing New Chapters @ Phra Nakhon Si Ayutthaya" มีโซนต่าง ๆ ที่น่าสนใจ เช่น

1.โซนตลาดน้ำวิถีไทยภาคกลาง เล่าเรื่องราวความผูกพันของคนไทยกับสายน้ำผ่านมัลติมีเดียแสง

2.โซนเวทีการแสดง โดยแรงบันดาลใจจาก "พระปรางค์" อันเป็นสิ่งก่อสร้างประเภทหนึ่งในงานสถาปัตยกรรมไทย โดยหยิบยกรูปทรงของพระปรางค์และนำมาผสมผสานกับเทคโนโลยีอันทันสมัย

3.โซนกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การแสดงดนตรีไทยพื้นบ้านภาคกลางประยุกต์และร่วมสมัย วงดนตรีท้องถิ่น (Local Band) ตลาดวิถีไทย (Thai Street Market) มหกรรมอาหารไทย ภาคกลาง และช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์จาก SME ภาคกลาง

ส่วนคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ททท. ได้จัดเตรียม กิจกรรมการนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่ อาทิ การตกแต่งประดับไฟสวยงาม / ขบวนพาเหรดพร้อมการแสดงชุดพิเศษ "ปีใหม่สุขใจไทยระรื่น"/ การแสดงพลุมัลติมีเดีย / การแสดงสุดพิเศษของแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ และวงรัตนโกสินทร์ เบรคคิน ครูว / การแสดงโขนสมมุติชุดใหญ่ 30 คน ให้ความรู้และควบคุมการแสดง โดย ครูมืด ประสาท ทองอร่าม / คอนเสิร์ตวง Richman Toy และสวนพลู คอรัส / การแสดงพลุ 7 องก์


ข่าวที่ 4 บางจากคว้า2รางวัลInfluentailBrandsTop Brand-จรรยาบรรณดีเด่น

 

นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เป็นตัวแทนรับรางวัล Influential Brands Top Brand 2021 Thailand ในฐานะแบรนด์ในธุรกิจพลังงานเพียงแบรนด์เดียวที่ได้รับรางวัล โดยเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภครุ่นใหม่สูงสุดของปี 2021

จากการสำรวจความพึงพอใจโดยนิโอ ทาร์เก็ต และ Influential Brands ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลก ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและสำรวจข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคในเอเชียมากกว่า 20 ปี โดยใช้การสำรวจความคิดเห็นออนไลน์ของผู้บริโภคชาวไทยกลุ่ม millennials (อายุ 29-39 ปี) ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่และเป็นกลุ่มคนที่นักการตลาดทั่วโลกให้ความสำคัญว่าเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลสูงสุดในการเลือกแบรนด์ที่ตนชื่นชอบในปัจจุบัน

สำหรับรางวัลนี้มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานในพิธีประกาศผล “2021 Asia’s CEO Summit & Award Ceremony”

ขณะที่ นายโชคชัย อัศวรังสฤษฎ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบริหารและพัฒนาศักยภาพองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าได้รับมอบ “รางวัลจรรยาบรรณดีเด่น” ภายในงานประกาศเกียรติคุณจรรยาบรรณดีเด่น หอการค้าไทย ประจำปี 2564 โดยมีศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี ณ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

รางวัลดังกล่าวจัดทำขึ้นโดยหอการค้าไทย เพื่อยกย่อง เชิดชูเกียรติ และเป็นขวัญกำลังใจให้ภาคธุรกิจเอกชน ที่ประกอบธุรกิจโดยมีจรรยาบรรณ ตามหลักบรรษัทภิบาลและการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยยึดถือความโปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต มีความรับผิดชอบต่อลูกค้าและผู้บริโภค พร้อมทั้งยังแบ่งปันประโยชน์กลับคืนสู่สังคมและชุมชน ตลอดจนมีจิตสำนึกใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าควบคู่ไปกับการรักษาให้ยั่งยืน

ทำให้ได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจจากกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างรอบด้าน สอดคล้องกันกับวัฒนธรรมองค์กรของบางจากฯ ที่มุ่งพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคม

 


ข่าวที่ 5 TCEBชี้ช่องเลือกใช้ไฮเทค4นวัตกรรมจัดVirtual Eventดึงคนได้เพียบ

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB นำเสนอวิธีจัดอีเวนต์เสมือนจริงหรือ Virtual Event ออนไลน์ ผู้จัดและผู้ร่วมจะทำให้แต่ละงานได้รับความนิยมมาก ๆ มีความท้าทายเรื่องการสร้างสรรค์งานให้น่าสนใจ แล้วผู้จัดงานจะทำอย่างไรเพื่อตอบโจทย์และสร้างความประทับใจให้แก่ผู้เข้าร่วมงานได้บ้าง

นวัตกรรมที่ 1 การฟังคอนเทนต์ด้วยเสียง หรือ Audio-only Streaming  ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ปัจจุบันคนยุคนี้ชอบทำกิจกรรมหลายอย่างพร้อมกัน ดังนั้นผู้จัดงาน Virtual Event ควรคำนึงถึงการมีตัวเลือกให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถเลือกรับชมหรือรับฟังได้ทั้งแบบภาพและเสียงตามความสะดวก รวมถึงมีการอัดเป็นพอดแคสต์ให้สามารถเข้าไปฟังย้อนหลังได้ เพื่อให้ผู้ฟังไม่พลาดการติดตามเนื้อหาและเข้าถึงกลุ่มคนได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น

นวัตกรรมที่ 2 การใช้ AR Remote Assistance หรือ AR ที่มีฟังก์ชันให้ผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมงามสามารถขีดเขียนลงบนวีดีโอ แล้วเรื่องราวที่เขียนจะไปปรากฏแบบเรียลไทม์บนหน้าจอของอีกฝ่าย เทคโนโลยีนี้จึงสามารถนำมาปรับใช้กับงานอีเวนต์ที่มีเวิร์กชอป เพื่อให้ผู้จัดงานสามารถให้คำแนะนำ คอมเมนต์งานได้อย่างละเอียด โดยไม่มีอุปสรรคทางการสื่อสารอีกต่อไป

นวัตกรรมที่ 3 ใช้ Gamification นำกลไกอันสนุกของเกมที่มีกติกา คะแนน และของรางวัล มาปรับใช้เพื่อจุดประสงค์อื่นอย่างการเรียนรู้ หรือทำการตลาด อีกทั้ง Virtual Event ยังนำมาใช้ในรูปแบบของกิจกรรมร่วมสนุก เช่น การจัดให้มีช่วงตอบคำถามชิงรางวัล เพื่อดึงความสนใจผู้เข้าร่วมงานให้ตั้งใจรับฟังคอนเทนต์

นวัตกรรมที่ 4 เลือกใช้เทคโนโลยี Avatar สร้างความเสมือนจริงมากยิ่งขึ้นให้ Virtual Event ด้วยการนำมาใช้แทนผู้เข้าร่วมงานให้สามารถเดินโลดแล่นไปในงานได้แบบเสมือนจริงในรูปแบบ 3D แม้ตัวจะอยู่ห่างไกลจากพื้นที่จัดงานขนาดไหน เทคโนโลยี Avatar ช่วยได้เสมอ แถมยังทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับประสบการณ์ใหม่แบบ Metaverse อีกด้วย

สำหรับนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่นำมาใช้ใน Virtual Event ทั้งแบบเสียง ภาพ เกม ไปจนถึงแบบ 3D นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้จัดงานแล้ว ยังช่วยให้ผู้เข้าร่วมงามสนุกและได้รับประสบการณ์ที่ดีไม่น้อยกว่าการจัดงานแบบปกติ

                ช่วงที่ 2 สัปดาห์นี้ชวนออกเที่ยว “กรุงเทพฯ” เติมพลังบุญต้องที่ “วัดแขก-พระศรีอุมาเทวี” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอพร พระแม่อุมาเทวี พระแม่ลักษมี พระพิฆเนศ เทพแห่งความสำเร็จ การเงิน การงาน ความรัก แล้วไปเที่ยวฟรี “พิพิธภัณฑ์แห่งชาติพระนคร” ได้จนถึงวันที่ 3 มกราคม 2565 แล้วสิ่งที่ต้องทำ “แก้8นิสัยส่วนตัวรับปีใหม่” ลงมือทำเร็วเห็นผลไว อำลาปีนี้กับข่าว “ททท.บูมเคาน์ดาวน์ระยอง” หวังเงินสะพัด 400 ล้านบาท 27-31 ธ.ค.นี้ และ “เปิดโพลล์ปี64” ต่างชาติ คนไทย ชอบหรือไม่ชอบอะไรในการเที่ยวเมืองไทย


พาเที่ยว-เที่ยวกรุงเทพฯเติมพลังบุญที่ “วัดแขก”ชมฟรีพิพิธภัณฑ์ฯพระนคร

 

ทริปเที่ยวในกรุง ช่วงส่งท้ายปี 2564 ต้อนรับปีเสือ 2565 ชวนออกไปเพิ่มพลังขอพรตามความเชื่อของชาวพุทธทั้งเรื่องงาน เงิน ความรัก การเรียน ความสำเร็จ ก้าวหน้า  เติมชีวิตชีวาจุดประกายความหวังดำเนินชีวิตในปีเสือ 2565 อย่างมีความสุข

 


การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกรุงเทพฯ แนะนำไปขอพรจากเทพศักดิ์สิทธิ์ “วัดแขก-วัดพระศรีมหาอุมาเทวี” บริเวณถนนสีลม ตอนนี้กลับมาเปิดให้เข้าไปขอพรได้แล้ว  สามารถสักการะ “พระแม่อุมาเทวี” เทพแห่งการขอพรด้านความรัก งาน เงิน ความสำเร็จ “พระพิฆเนศ” เทพแห่งการพร การเรียน การงาน ความสำเร็จ ปัญญา  “พระแม่ลักษณมี” เทพแห่งการเงิน ทริคคือให้นำเงินใส่ในดอกบัวแล้วอธิษฐานขอพร อีกจุดหนึ่งที่ขอพรเรื่องการเงินได้ก็คือยันต์พระแม่ลักษมีที่ประดิษฐานอยู่ในวัด

            เพื่อให้เกิดความถูกต้องควรจะอ่านคำแนะนำการปฏิบัติเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่ละองค์เทพของวัดแขกที่จะอธิบายไว้อย่างชัดเจน รวมถึงผู้ที่จะเข้าไปควรมีศีลธรรมที่ดีด้วย



การเดินทางไป “วัดแขก” สะดวกสบาย  ขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสไปลงตรงสถานี “สุรศักดิ์” แล้วเดินชมสองข้างทางปีราว 800 เมตร ก็ถึงแล้ว จะเปิดให้นักท่องเที่ยวหรือผู้มีจิตศรัทธาเข้าสักการะได้ ทุกจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 06.00-20.00 น. วันศุกร์ 06.00-21.00 น.  วันเสาร์-อาทิตย์ 06.00-20.30 น.

 

หรือจะไปชมฟรี “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร” ตอนนี้ทางกระทรวงวัฒนธรรม มอบของขวัญปีใหม่ให้คนไทยและนักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำกับคุณค่าของศิลปะมากมายที่รวบรวมไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เข้าชมฟรีตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 3 มกราคม 2565  พร้อมกับจัดกิจกรรมพิเศษ  “ของขวัญปีใหม่ จากใจกระทรวงวัฒนธรรม” เติมพลังบุญได้ดังนี้

 

กิจกรรมแรก สักการะพระพุทธรูปวังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน “นบพระนำพร บวรสถานพุทธปฏิมามงคล 2565” ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ได้ตั้งแต่วันนี้– 9 มกราคม 2565 โดย “มีพระพุทธสิหิงค์” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) เป็นพระประธาน

พร้อมการอัญเชิญพระพุทธรูปมงคลโบราณอีก 9 องค์ ทรงคุณค่าด้วยพุทธศิลป์อันงดงาม มีคติตำนานการสร้างและนามอันเป็นสิริมงคลมาประดิษฐานให้พุทธศาสนิกชนและผู้มีจิตศรัทธาได้สักการบูชาเพื่ออำนวยความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลในวาระแห่งการเริ่มต้นศักราชใหม่


 

กิจกรรมที่ 2  ฟังดนตรียามเย็น ที่สนามสังคีตศาลา วันนี้ 26 ธันวาคม 2564 ตั้งแต่ 5 โมงเย็น-ทุ่มครึ่ง

พร้อมกับชมโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุดพระรามเดินป่าฆ่าตรีปักกัน

 

กิจกรรมที่ 3 ชมพิพิธภัณฑ์ยามค่ำ -Night at The Museum ค่ำวันที่ 26 ธันวาคม นี้ ตั้งแต่ 4 โมงเย็น– 2 ทุ่ม  เรื่อยไปจนถึงการดื่มด่ำกับความงดงามของโบราณสถาน พระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า)

 

เปิดให้ผู้สนใจลงทะเบียนหน้าได้ ในการนำชมพิเศษ 2 รอบ ตอน 5 โมงเย็น กับ 6 โมงเย็น ตื่นตากับความงดงามแห่งโบราณสถานพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) นิทรรศการใหม่ในทุกอาคาร ได้แก่ นิทรรศการประวัติศาสตร์โบราณคดี – ไทย นิทรรศการประณีตศิลป์ไทย นิทรรศการราชรถ นิทรรศการวิถีชีวิตไทย

          ออกมาเที่ยวกรุงเทพฯ กันเถอะ เดินสาย เติมพลังบุญ เสริมศรัทธา เพื่อให้ชีวิตมีกำลังใจเดินหน้าต่ออย่างมีความสุขทุกคน

 

สุขภาพ - 8นิสัย” รีบแก้ไขเพื่อชีวิตที่ดีกว่าให้รางวัลตัวเองรับปีใหม่ 2565

ใกล้จะเข้าปีใหม่แล้ว มาลองปรับเปลี่ยนนิสัยต้อนรับปีเสือที่จะถึงนี้ กันดีกว่า

1. นิสัยตามใจปาก แก้เป็น นิสัยกินเป็นเวลา หยุดกินเมื่ออิ่ม ตามใจปากมาก ๆ พาสุขภาพเสียได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะโรคร้ายสุดฮิตอย่าง โรคความดัน เบาหวาน โรคอ้วน และสารพัดโรคได้ 

2. นิสัยติดซีรี่ส์ทั้งวัน แก้เป็น ดูซีรี่ส์สลับออกกำลังกาย ด้วยสูตร 2/30  ดูซีรี่ส์ 2 ชั่วโมง ออกกำลังกาย 30 นาที  เพราะการนั่งดูทั้งวันโดยที่ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายแล้ว ตอนดูก็มักมีของกินและเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยแป้งและน้ำตาลไปด้วย แถมดูมาก ๆ ก็ชวนตาล้าด้วย

3. นิสัยไม่กินข้าวเช้า แก้เป็น “กินข้าวเช้าสม่ำเสมอ” รู้หรือไม่? ถ้าไม่กินมื้อเช้า จะทำให้ร่างกายขาดพลังงาน ไร้เรี่ยวแรงทั้งวัน ทำให้ร่างกายไม่กล้าเผาผลาญ พร้อมสะสมเอาไว้จนน้ำหนักเกิน แถมยังทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย อย่างน้อยควรมีของกินติดบ้านเพื่อจะได้กินมื้อเช้าแบบง่าย  เช่น ดื่มนม กินโยเกิร์ต หรือธัญญพืช อาหารที่มีประโยชน์ต่อเรา

4. นิสัยติดโซเชียล  แก้เป็น “นิสัยปิดแจ้งเตือน” เพื่อลดการใช้งานเช็คข้อมูลเฉพาะเรื่องสำคัญ ๆ แล้วเอกาเวลาไปทำงานอดิเรกอย่างอื่นที่ได้ประโยชน์ดีกว่า เช่น ปลูกต้นไม้ ออกกำลังกาย เพราะการติดโชเชียลมีแต่ผลเสียกับเสียแถมยังทำให้มีปฎิสัมพันธ์กับคนรอบข้างน้อยลง สมาธิสั้นขึ้น เพราะพะวงกับการแจ้งเตือนต่างๆด้วย

5. นิสัยนอนทั้งวัน แก้เป็น “นิสัยกระฉับกระเฉง” หันมาเปลี่ยนท่านั่งทุก 20 นาที หรือขยับแขนขาเป็นระยะ ๆ  เพราะมนุษย์ควรมีการเคลื่อนไหวบ้าง ไม่ใช่นอนเล่น หรือนั่งแช่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ไม่งั้นอาจทำให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้ไม่ดี

 

6. นิสัยจุดเดือดต่ำ โมโหง่าย แก้เป็น “นิสัยใจเย็น” ด้วยวิธีหายใจเข้าออกลึก ๆ ตั้งสติ รับรู้อารมณ์ของตนเอง เพราะทุกครั้งเมื่อร่างกายโกรธและโมโห จะปล่อยฮอร์โมน  คอร์ติซอล ซึ่งกระตุ้นการหลั่งน้ำตาลในเลือด ทำให้โรคอ้วนถามหาได้ แถมความโกรธ ยังทำให้หัวใจทำงานหนัก เสี่ยงmyh’โรคหัวใจและความดัน

 

7. นิสัยชอบแบกโลกอยู่คนเดียว แก้เป็น “นิสัยปล่อยวาง” เมื่อกังวล คิดมากประจำ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมา ทำให้น้ำดันสูง น้ำตาลพุ่ง เบิร์นได้น้อยลง แรกๆอาจทำให้อ้วน ปล่อยไว้นาน ๆ ไปอาจรุนแรงถึงขั้นเส้นเลือดในสมองแตกได้ ปล่อยวางเสียบ้างแล้วหันมาออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ชอบแทน

 

                8. นิสัยเผางานนาทีสุดท้าย แก้เป็น “นิสัยทำงานตามแผน” โดยจัดตารางงานให้เป็นระบบ จะง่ายและทำให้ร่างกายจิตใจผ่อนคลาย ไม่ต้องอดหลับอดนอน ฝืนทำจนเสร็จ จนไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ แถมยังอาจมีมื้อดึก ซึ่งนำไปสุ่ปัญหาโรคกรดไหลย้อน โรคเครียดลงกระเพาะซ้ำเข้ามาอีก

                หันมาแก้ไขนิสัยเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อชีวิตปีใหม่ที่ดีกว่าของตัวเราเอง

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง



ข่าวแรก “ททท.”บูมเคาน์ดาวน์ระยองทำเงินสะพัด400ล้าน27-31ธ.ค.64

 

นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ได้จัดโครงการเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565 จังหวัดระยอง ภายใต้ชื่องาน AMAZING THAILAND COUNTDOWN 2022 - AMAZING NEW CHAPTERS @Rayong ระหว่าง 27-31 ธันวาคม 2564 ณ หาดแหลมเจริญ อำเภอเมือง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงฤดูท่องเที่ยวปลายปี ททท. หวังกระตุ้นการท่องเที่ยวเข้าสู่ระยอง และจังหวัดใกล้เคียง ตลอดการจัดงาน 5 วัน จะมีคนเข้าร่วมไม่น้อยกว่า 15,000 คน สร้างรายได้หมุนเวียนในพื้นที่กว่า 400 ล้านบาท

โดยจะจัดเป็นกิจกรรมนำร่องที่ดำเนินการภายใต้มาตรการสาธารณสุขและมาตรฐาน SHA เน้นกิจกรรมกระตุ้นท่องเที่ยวภายในจังหวัดและเพิ่มจำนวนวันพักค้างคืน สร้างรายได้หมุนเวียนและมูลค่าเพิ่มต่อระบบเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ

ตลอดงานได้ยกความมหัศจรรย์เมืองระยอง พร้อมของดีภาคตะวันออกมาส่งท้ายปี ให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและชาวต่างชาติ สัมผัสการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ เอกลักษณ์ประเพณี มนต์เสน่ห์วิถีชีวิตชาวเล ในบรรยากาศชายหาดสุดชิล พร้อมนับถอยหลังเริ่มต้นศักราชใหม่คืนวันที่ 31 ธันวาคม 2564 มีไฮไลท์การแสดงพลุสุดอลังการ 10 ชุด สื่อความหมายถึง "เมืองระยอง ยิ่งมอง ยิ่งเพลิน" การันตีความยิ่งใหญ่และสวยงามโดยแชมป์พลุโลก ซึ่งพลุที่ใช้ผลิตจากวัสดุธรรมชาติเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อสะเก็ดพลุตกลงสู่ทะเล จะเป็นอาหารปลาและสัตว์น้ำได้

                อิ่มอร่อยกับร้านอาหารชื่อดังของเมืองระยองกว่า 50 ร้านค้า การออกร้านขายสินค้าวิสาหกิจชุมชน การแสดงศิลปวัฒนธรรม การแสดงดนตรีจากศิลปินพื้นถิ่น และศิลปินดารานักร้องชื่อดังของเมืองไทย อาทิ เจ-เจตริน, วงซิลลี่ ฟูล, โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร, แสตมป์-อภิวัชร์, แว่นใหญ่ แอนด์ โมนิก และบอย พีชเมคเกอร์

 

รวมจุดเช็กอินแลนด์มาร์กของงานที่ประดับตกแต่งไฟอย่างงดงาม ลุ้นรับของที่ระลึก นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมงานได้อย่างมีความสุข สนุกสนาน

 

ข่าวที่สอง ก.ท่องเที่ยวเปิดโพลล์ปี64ต่างชาติ+คนไทยชอบไม่ชอบเที่ยวไทย

 

นายอารัญ บุญชัย รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า หลังเป็นประธานการประชุมเชิงวิชาการเพื่อนำเสนอผลการสำรวจทัศนคติและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยมีผู้แทนภาคการท่องเที่ยวทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมประชุม ได้ประกาศผลการสำรวจทัศนคติและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางท่องเที่ยวในไทย และคนไทยเที่ยวในประเทศแบบ Face to Face 2,000 คน ในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวหลัก 10 จังหวัด ช่วงกรกฎาคม – ธันวาคม 2564 ใน 14 ประเภทบริการ ซึ่งได้แก่

 

1.สนามบิน 2. บริการขนส่งโดยสารสาธารณะ 3. ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 4. แหล่งท่องเที่ยวทางทะเล/ชายหาด 5. แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ 6. แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ 7. บริการสถานที่พักแรม 8. ภัตตาคาร/ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 9. ร้านขายสินค้า/ของที่ระลึก 10. บริการเชิงสุขภาพ 11. บริการนำเที่ยว 12. มัคคุเทศก์ 13. ประชาชน และ 14. เว็บไซต์ Thailand Tourism Directory

 

พบว่า “ผลสำรวจนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเที่ยวเมืองไทย” มีความพึงพอใจเฉลี่ยโดยรวม 87.7 %เพิ่มขึ้นจากปี 2563 มากถึง 84.9 % ประกอบด้วย

 

บริการที่ได้ “คะแนนความพึงพอใจสูงสุด” 3 อันดับแรก ได้แก่

 

อันดับที่ 1 คนไทยมีความเป็นมิตรและมีอัธยาศัยไมตรีชอบช่วยเหลือนักท่องเที่ยว

 

อันดับที่ 2 บริการเชิงสุขภาพ  มีเอกลักษณ์ ความหลากหลายและราคาไม่แพง

 

อันดับที่ 3 บริการสถานที่พักแรมของไทยได้มาตรฐานทั้งบริการและราคา มีความสะดวกในการใช้บริการ รวมทั้งมีมาตรฐาน SHA และ SHA+ 

 

บริการที่ได้ “คะแนนความพึงพอใจน้อยสุด” 3 อันดับแรก ได้แก่

อันดับที่ 1 เว็บไซต์ Thailand Tourism Directory ต่างชาติรู้จักน้อย

 

อันดับที่ 2 แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ยังมีปัญหาเรื่องห้องน้ำและค่าบริการที่ยังไม่มีมาตรฐานเท่าที่ควร

 

อันดับที่ 3 แหล่งท่องเที่ยวทางทะเล/ชายหาด ยังปิดการให้บริการ และมีปัญหาเรื่องความสะอาดและทัศนียภาพ รวมทั้งห้องน้ำที่หายากและไม่สะอาด (เนื่องจากเป็นการสำรวจในช่วงสถานการณ์โควิด-19)

 

 

ผลการสำรวจความพึงพอใจ “คนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศ” แบบ Face to Face18,000 คน ในพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก 10 จังหวัด และท่องเที่ยวรอง 24 จังหวัด ช่วงเดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2564 ใน 14 ประเภทบริการ พบว่า ความพึงพอใจเฉลี่ยโดยรวม 86.7 % เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ทำได้แค่ 81.6 %

 

บริการที่ได้ “คะแนนความพึงพอใจสูงสุด” 3 อันดับแรก ได้แก่ 

อันดับที่ 1 ความเป็นคนไทยที่สื่อสารกันได้และความเป็นมิตรมีอัธยาศัยไมตรีชอบช่วยเหลือนักท่องเที่ยวของคนไทย

 

อันดับที่ 2 มัคคุเทศก์ของไทย มีความตั้งใจให้บริการและมีความเป็นมิตรรวมทั้งมีความรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว

 

อันดับที่ 3 บริการสถานที่พักแรม สะดวกในการให้บริการ มีความสะอาด และมีความปลอดภัยในการให้บริการ รวมทั้งช่วงเกิดโควิด-19 สถานที่พักแรมมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติน้อยลง จึงทำให้ไม่เกิดความแออัดและสามารถให้บริการได้ทั่วถึง

 

บริการที่ได้ “คะแนนความพึงพอใจน้อยสุด” 3 อันดับแรก ได้แก่

 

อันดับที่ 1 บริการขนส่งโดยสารสาธารณะ เนื่องจากอัตราค่าบริการที่ไม่มีมาตรฐานและห้องน้ำภายในสถานีไม่สะอาด

 

อันดับที่ 2 ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว หาค่อนข้างยาก บางครั้งไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ให้บริการ และห้องน้ำให้บริการมีน้อยและไม่สะอาด

 

อันดับที่ 3 บริการเชิงสุขภาพ คะแนนจะอยู่ท้าย ๆ แต่ก็อยู่ในระดับมาก เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวไทยเห็นว่าบริการเชิงสุขภาพ มีค่าบริการที่ไม่คุ้มค่ากับบริการที่ได้รับและห้องน้ำบางที่ไม่ได้มาตรฐาน

 

            ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai