ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ชี้อนาคตเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังปี'58 โดย4องค์กรเศรษฐศาสตร์ชั้นนำ



4องค์กรเศรษฐศาสตร์ชี้การเงินอนาคตเศรษฐกิจไทย
แนะรัฐบาลบิ๊กตู๋“ผ่าทางตัน-หาทางออก”ครึ่งหลังปี’58
 
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน : rakdeethai@gmail.com
(เจ้าของผู้ดำเนินรายการ "รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์" ทาง FM 97.0 MHz.สวท.กรมประชาสัมพันธ์ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.)

หลังจาก “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้นำรัฐบาล และ นายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2557-31 มีนาคม 2558 ถึงสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ได้ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ภายใต้ข้อจำกัดมากมาย โดยพยายามจัดระเบียบทุกเรื่อง
           ทั้งเรื่องการเดินหน้าจัดทำโครงสร้างกฎหมายใหม่เพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการประเทศ โดยกำหนดขั้นตอนสร้างความโปร่งใสตรวจสอบได้ทุกประเด็น ควบคู่ไปการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการแก้ปัญหาความตกต่ำทุกเรื่องภายในประเทศ ทั้งการบริโภค การผลิต การลงทุน การเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อคืนความสุขที่คนไทยตั้งตารอ

รวมทั้งการสร้างความเข้าใจกับนานาประเทศ ด้วยการเจรจากับเครือข่ายประเทศภาคีพันธมิตรที่จะเข้ามาเป็นคู่ค้าและเข้ามาลงทุนในประเทศไทยตามปกติ การสร้างความมั่นใจเรื่องการใช้มาตรา 44 บริหารประเทศในช่วงรอผ่านร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ

หากแต่ในสถานการณ์เศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังของปีงบประมาณ 2558 ตั้งแต่ 1 เมษายน - 30 กันยายน 2558 ในมุมมองขององค์กรชั้นนำทางเศรษฐศาสตร์แถวหน้าของประเทศไทยแล้ว มองเรื่องนี้อย่างไร มีข้อแนะนำดี ๆ จากฝ่ายต่าง ๆ ได้วิเคราะห์เหตุและปัจจัยซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการนำไปใช้กำจัดจุดอ่อนเสริมจุดแข็ง "ผ่าทางตัน-หาทางออก" ให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต ซึ่งมีปัจจัยที่จะต้องดูแลอย่าใกล้ชิดประกอบด้วย
 
ปัจจัยภายในประเทศ
ปัจจัยลบ

1.การบริโภคภายในประเทศลดลง
2.การลงทุนภายในประเทศของภาครัฐช้าเกินไป ทำให้การจ้างแรงงานขาดประสิทธิภาพ

3.ราคาผลผลิตภาคการเกษตรตกต่ำลง ทั้งข้าว ยางพารา   ปาล์มน้ำมัน (เป็นพืชเศรษฐกิจที่ส่งออก 90%)
4.ค่าครองชีพสูงขึ้นจากความผันผวนของราคาสินค้าอุปโภค บริโภค

5.สัดส่วนหนี้ภาคครัวเรือนเพิ่มสูงเกือบ 2 ใน 3  ในขณะที่ “รายได้ภาคครัวเรือน” มีเพียงประมาณร้อยละ 0.6 ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ
6.การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมาย ส่งผลให้สภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจเคลื่อนไหวช้าตามไปด้วย

7.ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าติดอันดับต้น ๆ ของโลก ส่งผลถึงสินค้าและกลุ่มธุรกิจการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศทั่วโลก ถดถอย มีขีดความสามารถทางการแข่งขันกับนานาประเทศลดน้อยลง

ปัจจัยบวก
1.การท่องเที่ยวเติบโตคนไทยหันมาเดินทางเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นเติบโตเป็น 2 หลัก รวมทั้งนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มเป็น 2 หลักเช่นกัน โดยจะเติบโตเฉลี่ยเกินกว่า 10 %

2.การผลิตภาคอุตสาหกรรมปี 2558 ขยายตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกับปี 2556, 2557
3.ราคาพลังงานภายในประเทศราคาถูกลง โดยได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันตลาดโลกลดต่ำลง
4.การประกาศพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่จะก่อให้เกิดการจ้างแรงงานเพิ่ม และ การผลิตขยายการค้าและการลงทุน

5.การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โลจิสติกส์ การคมนาคมขนส่งและการสร้างศูนย์ค้าส่งสินค้าจากต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ผนวกกับการลงทุนทางด้านสาธารณูปโภค เมกะโปรเจ็กต์โครงการน้ำ ที่จะใช้ภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และ การบริหารจัดการแบบครบวงจร
6.การขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ซึ่งมีผลทั้งสองด้าน คือ ด้านบวก เพิ่มกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ และด้านลบเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการขึ้นราคาสินค้าตามไปด้วย


ปัจจัยภายนอกประเทศ

ปัจจัยลบ

1.กำลังซื้อและการบริโภคทั่วโลกลดต่ำลงจากสภาพเศรษฐกิจถดถอย กระทบภาคการส่งออก2\ระหว่างประเทศของไทยเติบโตแบบติดลบหรือเฉลี่ยทั้งปีนี้อาจจะเป็น 0 หรือไม่เกิน 1 %

2.ต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FED รับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายช่วงครึ่งปีหลังปีนี้

        ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์และนักการเงินแถวหน้าของประเทศจาก 4 แห่ง วิเคราะห์ตัวแปรซึ่งเป็นดัชนี้ชี้วัดเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อให้ทั้งภาครัฐและเอกชนนำไปพิจารณาประกอบการฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยมีสาระที่น่าสนใจดังนี้

แห่งที่ 1 ธนาคากรุงเทพ

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ วิเคราะห์ว่า ตอนนี้ เศรษฐกิจไทยอ่อนแรงเติบโตไม่ได้ตามที่คาดการณ์ไว้ ผนวกกับยังมีปัญหาเรื่องรายได้จากภาคการส่งออก และความอ่อนแอของการบริโภคภายในประเทศ

ดังนั้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลังยังคงไม่น่าจะราบรื่น เนื่องจากยังอยู่ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยง 3 ด้าน ได้แก่ 1.เงินบาทที่แข็งค่ามากที่สุดติดอันดับโลก 2.ยังต้องเผชิญความเสี่ยงที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ 3.การเบิกจ่ายของภาครัฐก็ไม่ได้ตามเป้าหมาย 

การพลิกสถานการณ์ : ดร.กอบศักดิ์แนะนำว่ารัฐบาลจะต้องใช้ช่วงเวลาที่เหลือของปีบริหารจัดการสิ่งต่าง ๆ ให้เข้ารูปเข้ารอยและปลุกภาคเอกชนลุกขึ้นมายืนได้ รวมถึงผลักดันนโยบายที่ดีช่วงครึ่งปีหลัง 2 นโยบาย ได้แก่ นโยบายแรก การประกาศเขตเศรษฐกิจพิเศษ แต่ก็มีเงื่อนไขว่าต้องใช้เวลากว่าเม็ดเงินจริงจะลงสู่ระบบ หรือ นโยบายที่สอง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานถึงจะประกาศชัดเจน  แต่กว่าเม็ดเงินจะลงไปในระบบได้จริงต้องใช้เวลาอีกกว่ากว่า 9 เดือน อย่างเร็วประมาณต้นปี 2559 หรืออาจจะช้ากว่านี้หรือไม่ต้องรอดูวิธีบริหารจัดการของรัฐบาลที่มีบทเรียนจากการบริหารประเทศมาแล้วถึง 10 เดือน

แห่งที่ 2 สถาบันอนาคตไทยศึกษา

ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ  ประธานกรรมการบริหาร สถาบันอนาคตไทยศึกษา และหนึ่งในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) สะท้อนมุมมองช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมองไม่เห็น “ตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ชัดเจน” โดยยังดูไม่ค่อยออกว่าจะมีตัวใดที่ทำให้เศรษฐกิจกลับมาคึกคักกว่านี้

เครื่องจักรขับเคลื่อนสำคัญ ตัวแรกคือ “การบริโภคของภาคเอกชน” ซึ่งเป็นความหวังหลักที่จะให้มาช่วยพยุงเศรษฐกิจประเทศ พบว่าช่วงนี้ต่อเนื่องถึงปลายปีอ่อนแรงมาก   จากข้อจำกัดคือรายได้จากสินค้าเกษตรตกลงมาก และภาระหนี้ของครัวเรือนยังสูง

ตัวที่สองคือ “การส่งออก” ตัวเลขสองเดือนแรกปีนี้ก็ติดลบ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่จึงตั้งข้อสังเกตตรงกันว่า ตอนนี้เศรษฐกิจโลกไม่ได้แย่มากเหมือนปี 2557 แต่เหตุใดส่งออกไทยจึงไม่ดีขึ้น 

ดร.เศรษฐพุฒิอธิบายว่า อาจมีคนพูดเรื่อง “ค่าเงินบาทแข็ง” ทำให้ส่งออกไม่ดี แนวคิดนี้ประเมินถูกในมุมของ “ส่วนต่างกำไรจากรายได้” หรือ margin ที่ลดลง แต่ในมุมของ “ยอดขายหรือปริมาณการส่งออก” ต้องตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดจึงยังติดหล่ม ทั้งๆ ที่ประเทศคู่ค้าไทยกับหลายประเทศนั้นสถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับไม่ได้ตกต่ำเหมือนเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา

ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องกลับมาดู “การส่งออก” ให้ละเอียดเป็น “รายอุตสาหกรรม” 

ตัวที่สาม คือ “การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ” ที่หลายฝ่ายฝากความหวังไว้กลับถูกนำมามาใช้ได้ช้ากว่าที่คาด

ทั้งนี้มีภาคอุตสาหกรรมเพียงหนึ่งเดียวที่ยังคงเป็นความหวังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจช่วงครึ่งหลังปี 2558 คือ “การท่องเที่ยว” โดยเฉพาะจากตลาดนักท่องเที่ยวจีน
 

ดร.เศรษฐพุฒิฉายภาพว่าโดยรวมแล้วเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัว แต่ด้วยอัตราเร่งที่ช้ามาก ๆ ถ้าปล่อยให้สถานการณ์เป็นอย่างนี้ต่อไป ก็ไม่ดี จึงเสนอให้รัฐบาลใช้วิธีปลุกความเข้มแข็ง

ภาคเอกชน” เนื่องจากปัจจุบันเอกชนไทยจำนวนมากยังมีงบดุลที่แข็งแกร่ง มีอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำ รวมทั้งจะได้รับอานิสงส์จาก 1.ภาวะดอกเบี้ยต่ำ 2.ผนวกกับค่าเงินยูโรและเงินเยนที่อ่อนค่าหนุนให้ราคาเครื่องจักรนำเข้าถูก แล้วถ้าเป็นลูกค้าชั้นดีสถาบันการเงินหรือธนาคารทั้งหลายก็พร้อมจะปล่อยเงินกู้อย่างแน่นอน

หมัดเด็ดที่รัฐควรนำมาใช้เพื่อปลุกภาคเอกชน ในการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วคือ ควรเพิ่มมาตรการลดหย่อนทางภาษีชั่วคราว ซึ่งมาตรการนี้กรมสรรพากรเคยใช้แล้วเมื่อคราวน้ำท่วมปลายปี 2554 ถึงจะไม่ได้ผลเต็ม 100 % ก็ยังจะดีกว่าปล่อยเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังให้ขยายตัวไปตามยถากรรม ซึ่งยิ่งจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ามากขึ้น

แห่งที่ 3 สำนักงานวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบีไทย

ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย สะท้อนความเห็นในมุมบวกว่า ประเมินการขยายตัวทางเศรษฐกิจไตรมาส 1/2558 น่าจะเติบโตได้ที่ระดับ 3-3.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ดูแล้วอาจเป็นตัวเลขที่เติบโตค่อนข้างดี แต่แท้จริงเป็นเพราะไตรมาส 1/2557 ตัวเลขไม่ค่อยดีนักโดยหากเทียบกับไตรมาส 4/2557 ก็อาจติดลบ 0.8% ด้วยซ้ำ

ปัจจัยที่ยังเป็นโอกาสของไทยในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไปที่จะมาจากความชัดเจนในเรื่อง 1.การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2.การเร่งเบิกจ่ายของภาครัฐ  3.รายได้จากการท่องเที่ยวและ 4.ยอดรายได้จากการค้าชายแดน แต่ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายก็อาจกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงดึงจีดีพีให้ต่ำ 3% ได้  

สำหรับข้อดีของเศรษฐกิจไทยตอนนี้คือแม้จะไม่มีแรงส่ง แต่เราก็ไม่ได้มีแรงฉุดที่รุนแรงมากนัก แล้วยังมีเรื่องน่าเป็นห่วงอีกอย่างว่า หากเศรษฐกิจจะฟื้นตัวล่าช้า จนทำให้ความเชื่อมั่นภาคเอกชนนิ่งสนิทได้

ส่วนเรื่อง”ความเสี่ยง” ดร.อมรเทพให้น้ำหนักมากสุดที่ "ภาคส่งออก" เพราะปัจจุบันการส่งออกของไทยมีสัดส่วนถึง 60% ของจีดีพี แต่เวลานี้อยู่ในภาวะตกต่ำจากความต้องการในตลาดโลกที่ยังไม่ฟื้น โดยเฉพาะตลาดจีน ขณะเดียวกันไทยก็ยังมีปัญหาเชิงโครงสร้างเน้นผลิตสินค้าเทคโนโลยีขั้นต่ำ ที่แม้ว่าความต้องการในตลาดโลกกลับมาก็อาจไม่ต้องการบริโภคสินค้าไทย และน่าจะทำให้การส่งออกของไทยตกต่ำไปอีกนาน

สำหรับประเด็น “หนี้ครัวเรือน” นับเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ “กดดันการบริโภค” มานาน และน่าจะเป็นปัจจัยกดดันต่อไปอีกสักระยะ ขณะที่ปัญหาใหม่ของปีนี้ คือ “รายได้ภาคเกษตรย่ำแย่” กระทบต่อการบริโภคของคนมีรายได้น้อยเป็นอย่างมาก 

ขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังรอทาง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะแถลงกลางเดือน พ.ค.ถ้าสรุปออกมาไม่ดี ในการประชุม กนง.วันที่ 10 มิถุนายน 2558 ก็อาจได้เห็น กนง. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีกครั้ง

ผลที่จะตามมานั่นคือ ก็อาจทำให้เงินทุนไหลออกมากขึ้นในช่วงกลางปี และเงินบาทอาจทยอยอ่อนค่าลงจนถึงระดับ 34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

แห่งที่ 4 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร

          ผู้บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร คาดการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งปีหลังอยู่ด้วยความไม่แน่นอน เพราะสัญญาณเศรษฐกิจและตัวเลขต่าง ๆ ที่ออกมา ทำให้มีแต่ถดถอยลดต่ำลง 

เบื้องต้นช่วงครึ่งปีหลังเพียงแค่สามารถรักษาระดับไม่ให้แย่ลงไปกว่าครึ่งปีแรกก็น่าจะดีแล้ว เพราะหลังสงกรานต์ทางสถาบันการเงินคงต้องปรับประมาณการส่งออกและจีดีพีอีกครั้ง เนื่องจากมีนักลงทุนต่างชาติสอบถามเป็นจำนวนมากถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นเมื่อใด ยิ่งปล่อยไว้นานความน่าสนใจในการลงทุนก็จะลดลง ดังนั้นถ้าครึ่งปีหลัง หากตัวเลขเศรษฐกิจเช่นการลงทุนไม่ชัดเจน ก็น่ากังวล

 ผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงเศรษฐศาสตร์และการเงินแถวหน้าของประเทศทั้ง 4 แห่ง ได้สะท้อน “ปัจจัยบวก-ปัจจัยลบ” ที่กำลังส่งผลต่อ “ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยในช่วงครึ่งปีหลังให้ภาครัฐ ภาคเอกชน และ ภาคประชาชน เตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับเหตุการณ์ใกล้ตัวที่กำลังจะเกิดขึ้นกับการดำรงชีวิตความเป็นอยู่ของคนในประเทศทั้ง 70 ล้านคน
 

ก่อนจะต้องเผชิญความท้าทายใหม่ในการเปิดประชาคมอาเซียนหรือ AEC 1 มกราคม 2559

หน้าที่ของคนไทยคือตอนนี้ต้องช่วยกันคนละไม้ละมือ “หาทางออก-แก้ปัญหา-ผ่าทางตัน”  เศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าอย่างราบรื่นต่อไป เพราะ “ตัวแปรทางเศรษฐกิจ” ไม่ได้พิสดารไปกว่าในอดีต เพียงแต่ที่ผ่านมา “ขาดการป้องกัน” เมื่อเข้าสู่กระบวน “การแก้ไข” จึงค่อนข้างยุ่งยากและต้องอาศัยการเลือกใช้เครื่องมือแก้ให้ถูกจุด โดยมี “เงื่อนเวลา” จี้คอรัฐบาลปัจจุบันและอนาคต ผนวกกับความพึงพอใจและไม่พึงพอใจของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเหล่านี้มาตลอดทุกยุคทุกสมัย
 
ขอขอบคุณภาพประกอบ - จากเว็บไซต์ต่าง ๆในแสดงอยู่ใน www.google.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai