เศรษฐกิจ-ททท.ท่องเที่ยว-บูมWomen's Journey Thailand-คิงเพาเวอร์3แบรนด์

ไทยบูมWomen's Journey Thailand

โชว์พลังหญิงไทย-เทศแห่ท่องเที่ยวค้ำเศรษฐกิจ

คิงเพาเวอร์เดินหน้า3แบรนด์5กลยุทธ์
ทอท.จับมือCLMVรับตลาดบิน15ปีหน้า

 

เช้าวันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม 2559   เวลา 11.00-12.00 น.พบกันทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย” FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” รู้ทันข่าวและสารคดีท่องเที่ยวอัพเดททุกสถานการณ์

ช่วงแรกเวลา 11.15 น.  



ศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิก ททท.

 

คุณศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  แม่งานหลักการจัดกิจกรรมโครงการ “Women’s Journey Thailand”ปลุกกระแสพลังผู้หญิงในเมืองไทยและ ต่างชาติทั่วโลก เพื่อเข้ามากระหน่ำใช้เงินเที่ยวตลอดเดือนแม่สิงหาคม 2559 ซึ่งเป็นเทรนด์ตลาดหลักที่อยู่ในแผนการท่องเที่ยวแห่งชาติในปีงบประมาณ 2560 ด้วยนั้น ต้องฟังให้ดี ๆ ว่า สตรีเหล็กอย่างรองผู้ว่า “ปิ๋ง-ศรีสุดา” เตรียมไม้เด็ดการจัดกิจกรรมชวนผู้หญิงออกไปเที่ยวทั่วไทยช่วยค้ำยันเศรษฐกิจชาติและชุมชนท้องถิ่น ด้วยโครงการอะไรบ้าง รวมถึงการโชว์ฝีมือโกยรายได้ต่อเนื่องถึงปี 2560 ที่ต้องรับผิดชอบทำให้ได้กว่า 5.7 แสนล้านบาท นั้น ตลาดเอเชียและแปซิฟิก รวมถึงเหล่าขาใหญ่ใน “อาเซียน” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความหวังของคนไทย จะเข้มและเต็มไปด้วยเหล่าสตรีผู้สร้างเศรษฐกิจที่ออกมาช่วยกันสร้างงานและสร้างเงินให้โลกของการท่องเที่ยวสดใสสวยงาม

สำหรับสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่ ททท.กับภาคเอกชนตกลงกันไว้แล้วที่จะนำออกสู่ตลาดตลอดสิงหาคมมี 5 กลุ่ม คือ 1.Beautiful Look สินค้าและบริการด้านสุขภาพและความงาม เช่น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง โปรแกรมตรวจสุขภาพ และแพ็กเกจด้านศัลยกรรมความงาม 2.Beautiful Shape สินค้าและบริการด้านดูแลรูปร่าง เช่น ฟิตเนส ค่ายมวย โยคะเพื่อการออกกำลังกาย และกอล์ฟ 3.Beautiful Retreat สินค้าและบริการประเภทสปา เช่น สปา นวดแผนโบราณ และการบำบัด 4.Beautiful Mind สินค้าและบริการเพื่อการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ อย่าง แพ็กเกจปฏิบัติธรรม แพ็กเกจโยคะเพื่อการทำสมาธิ และ 5.Beautiful Experience สินค้าและบริการอื่น ๆ

จากนั้นมาฟังข่าวที่น่าสนใจ

อัยวัฒน์(ซ้าย)-วิชัย (ขวา) ศรีวัฒนประภา เจ้าของคิง เพาเวอร์

ข่าวที่ 1 “ซีอีโอคิงเพาเวอร์เดินหน้า3ธุรกิจ5กลยุทธ์”

(อ่านฉบับเต็มในมติชนรายวันฉบับวันที่ 25 กรกฎาคม 2559)

“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์  ก็สามารถจัดทำโครงสร้างผนวกธุรกิจ 3 แบรนด์ เข้าด้วยกัน วางแผนขับเคลื่อนด้วย 5 กลยุทธ์ อันจะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเศรษฐกิจประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 เติบโตอย่างเข้มแข็ง

            โดย คิง เพาเวอร์ เตรียมเปิดตัวเต็มรูปแบบ “ซูเปอร์บิ๊กแคมเปญ” พร้อมกันทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ประมาณไตรมาสสุดท้ายหรือช่วงเดือนตุลาคม 2559 เพื่อนำเสนอเทรนด์การค้าเชิงรุกแนวใหม่ของทั้ง 3 แบรนด์”  ประกอบด้วย “คิง เพาเวอร์” เจ้าของธุรกิจร้านค้าปลอดอากร (duty free) “ไทย แอร์เอเชีย” เจ้าของธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำรายใหญ่ที่สุดในไทยและเอเชีย “เลสเตอร์ ซิตี้” เจ้าของธุรกิจกีฬาและสโมสรฟุตบอลในอังกฤษ

            “อัยยวัฒน์” เปิดเผยว่า ได้วางโครงสร้างทำการตลาดเชิงรุกเพื่อนำความสำเร็จมาสู่ธุรกิจทั้ง 3 แบรนด์ ด้วย 5 กลยุทธ์ คือ “กลยุทธ์แรก”  การจัดทำโครงสร้าง “แบรนด์” ในเรื่องการตลาดให้เป็นเนื้อเดียวกันเพื่อ “ขยายฐานลูกค้า” ของ “คิง เพาเวอร์” เข้าสู่ฐานใหม่ในกลุ่มผู้ใช้บริการทั่วไปจำนวนมากทั้งผู้ใช้บริการและประเภทสินค้า (mass) แตกต่างจากปัจจุบันจะเน้นกลุ่มเฉพาะ (niche) ช้อปสินค้าหรูหราตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ

            โดยจะทำแคมเปญนำร่อง “ซูเปอร์เซฟ : ช้อปดิวตี้ฟรีบินฟรีไทยแอร์เอเชีย” ซึ่งตอบโจทก์การขยายฐานลูกค้ากลุ่มเฉพาะของคิง เพาเวอร์ ซึ่งมีอยู่ไม่ต่ำกว่า 500,000 สมาชิก ขยายเพิ่มสู่ผู้ใช้บริการทั่วไปจำนวนมากที่มาจากแอร์เอเชียซึ่งมีปีละกว่า 14 ล้านคน

กลยุทธ์ที่ 2 คิงเพาเวอร์กับไทยแอร์เอเชีย จะรวมตัวกันสร้างเทรนด์นำนักท่องเที่ยวต่างชาติจากตลาดขนาดใหญ่ที่สุดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามาใช้จ่ายเงินในไทยมากกว่าปัจจุบัน เพื่อเพิ่มรายได้ทั้งในระบบเศรษฐกิจประเทศเข้มแข็งยิ่งขึ้น

รูปแบบการตลาดจะใช้เครือข่ายเส้นทางบินที่ศักยภาพของ ไทย แอร์เอเชีย ขณะนี้บินตรงจากไทยไปกลับหลายเมืองในจีน ส่วน คิง เพาเวอร์ มีฐานข้อมูลลูกค้านักท่องเที่ยวจีนปีละ 5-6 ล้านคน ซึ่งทำสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายไว้ตลอด สามารถนำจุดเด่นของทั้ง 2 แบรนด์มาแลกเปลี่ยนแชร์กันทั้งฐานข้อมูลลูกค้า ผลวิจัยพฤติกรรม และการวางแผนทำตลาด แล้วนำไปพิจารณาต่อยอดขยายเส้นทางบินใหม่ ๆ ในจีนให้สอดคล้องกับกระแสความนิยมอย่างต่อเนื่องระยะยาว เพื่อเพิ่มรายได้ให้ทั้งคิง เพาเวอร์ และไทย แอร์เอเชีย ประการสำคัญที่สุดคือช่วยสร้างเงินหมุนเวียนเข้าสู่อุตสาหกรรมการเดินทางและท่องเที่ยวทำให้เศรษฐกิจประเทศมั่นคงเข้มแข็ง

กลยุทธ์ที่ 3 มอบสิทธิพิเศษและโปรโมชั่นที่เหนือกว่า ด้วยการทำไตรแบรนด์ เจรจากับธนาคารหลัก 1 แห่ง เข้าร่วมผลิตบัตรเครดิตวันสต็อปเซอร์วิสมีทั้ง คิง เพาเวอร์ ไทยแอร์เอเชีย และโปรดักซ์การเงิน รองรับโปรโมชั่นแพกเกจกระตุ้นยอดขายอย่างสม่ำเสมอควบคู่การขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ได้ด้วย

สำหรับการให้สิทธิพิเศษ (privillege) จะสามารถรับร่วมกันได้ระหว่างลูกค้าคิง เพาเวอร์ กับ ไทยแอร์เอเชีย นั่นคือ สมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ระดับ VEGA และ CROWN จะได้รับบริการลำดับแรกก่อนผู้โดยสารปกติของไทย แอร์เอเชีย ทั้งการเช็คอิน การขึ้นเครื่องบิน หรือใช้คะแนนสะสมแล้วนำไปแลกตั๋วเครื่องบิน อาหาร เพิ่มน้ำหนักกระเป๋าเดินทาง  และอื่น  ๆ   ส่วนใช้ลูกค้าไทย แอร์เอเชีย ก็รับสิทธิ์ใช้บริการ คิง เพาเวอร์ เลาจน์ ในดิวตี้ฟรีสนามบินและสาขาในเมือง หรือการใช้คะแนนแลกสินค้าร่วมกันได้เท่า ๆ กันทั้ง 2 ธุรกิจ

สินค้าโอท็อปที่คิง เพาเวอร์ เปิดพื้นที่ให้วางจำหน่ายในสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ

 

           กลยุทธ์ที่ 4 สนับสนุนขยายประเภทสินค้าชุมชนหรือโอท็อปไทยเติบโตในตลาดโลก พร้อมกับเปิดโอกาสทางการค้าให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) นำผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ ๆ หลากหลายที่ได้มาตรฐานสากล เข้ามาจำหน่ายผ่านหน้าร้านดิวตี้ฟรีทุกแห่ง โดยให้ความสำคัญเรื่องต้องดูแลผู้ประกอบการผลิตและการออกแบบบรรจุภัณฑ์ (packaging) ด้วยแนวคิดสร้างสรร เพื่อการเก็บรักษาคุณภาพให้ได้มาตรฐานตามเงื่อนไขการค้านานาชาติ
          ขณะที่ช่องทางการจำหน่ายแนวใหม่ของทั้ง 3 แบรนด์ จะเน้นเพิ่มส่วนแบ่งตลาดและรายได้จากการขาย “ออนไลน์ครบวงจร” ซึ่งจะเป็นหัวหอกสำคัญในการขยายฐานลูกค้าและรายได้ครอบคลุมธุรกิจในเครือทั้งหมด ขณะนี้มีเว็บไซต์ www.kingpower.m.tmall.com ยอดนิยมมากในจีนที่ร่วมพัฒนาธุรกิจนำสินค้าโอท็อปไทยจากคิง เพาเวอร์ ไปขายเติบโตดีมาก และยังมีเว็บไซต์ www.airasia.com ของแอร์ เอเชียที่ให้บริการสำเร็จรูปทั้งจองตั๋วโดยสารกับจำหน่ายอาหารสินค้าที่ระลึกบนเครื่องบิน www.kingpoweronline.com  ของ คิง เพาเวอร์ ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนาให้ใช้งานทำตลาดการขายเต็มรูปแบบ
         “คิง เพาเวอร์ ได้พัฒนาร่วมกับผู้ผลิตในท้องถิ่นแบรนด์ไทยขายผ่านทั้งหน้าร้านดิวตี้ฟรี รุกช่องทางขายออนไลน์เต็มรูปแบบทั้งในประเทศและต่างประเทศ บวกกับเว็บไซต์ของแอร์เอเชียได้พัฒนาแพกเกจสินค้าเพื่อขายร่วมกัน เช่น ซื้อตั๋วโดยสารไทยแอร์เอเชียแล้วได้บัตรช้อปสินค้าไทยและดิวตี้ฟรีราคาพิเศษมากๆ เป็นการโปรโมตอีกรูปแบบ จึงต้องเร่งทำเต็มที่เพราะเห็นถึงโปรดักซ์แบรนด์ไทยมีศักยภาพอยู่หลายอย่างมาก เช่น ทองม้วนติดแบรนด์ ถั่วสูตรใหม่ ล้วนสามารถยกระดับโอท็อปไทยเติบโตได้อีกยาวไกลมาก”
         “ตามเป้าหมายปี 2559 จะทำรายได้เข้าประเทศ 85,000 ล้านบาท โดยมีการท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนสำคัญที่สุด ประเมินผลจากนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามามากที่สุด เกิดจากมั่นใจความปลอดภัยในประเทศ ดังนั้นคิง เพาเวอร์ จึงต้องคิดต่อยอดจะทำอย่างไรให้จีนใช้เงินช้อปปิ้งมากขึ้น หากทุกฝ่ายช่วยกันก็จะทำให้การสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ทางเศรษฐกิจ เติบโตเข้มแข็งได้อย่างแน่นอน” อัยยวัฒน์กล่าว

กลยุทธ์ที่ 5  การทำบิ๊กแคมเปญโฆษณาประชาสัมพันธ์ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนกำลังพิจารณาเลือกผลิตและใช้ “สื่อโฆษณา” อย่างคุ้มค่า ร่วมกับช่องทางขยายเครือข่ายการเดินทาง ได้แก่ ช่องทางการซื้อตั๋วโดยสาร เช็คอิน  สร้างโลโก้คิง เพาเวอร์ กับเลสเตอร์ ซิตี้ ใน “ฝูงบินไทยแอร์ เอเชีย” เช่น แล็ปโลโก้ของทั้ง 3 แบรนด์ บนลำตัวเครื่องบิน พิมพ์ในตั๋วโดยสาร และอุปกรณ์ภายในเครื่องบิน เช่น บนถาดอาหาร ช่องเก็บสัมภาระกระเป๋า แมกกาซีน

 รวมถึงการใช้ประโยชน์จาก “สนามฟุตบอลคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม” ในเมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ทำโฆษณาอีกช่องทาง โดยวางแผนเปิดตัวสินค้าให้ครบทุกธุรกิจ พัฒนาระบบออนไลน์เต็มรูปแบบ จากนั้นจึงโปรโมตในเลสเตอร์ ถ่ายทอดสู่ผู้ชมหรือแฟนคลับจำนวนกว่า 1,000 ล้านคน โดยมีทั้งสินค้าดิวตี้ฟรี ไทยแอร์เอเชีย สินค้าโอท็อปไทย

“อัยยวัฒน์” ซีอีโอรุ่นใหม่ไฟแรงย้ำว่าจะต้องปรับแพลตฟอร์มธุรกิจทั้ง 3 แบรนด์ ให้มีประสิทธิภาพสูงถึงจุดที่โชว์ให้ทั่วโลกเห็นว่าคนไทยทำได้ในระดับธุรกิจแถวหน้าทัดเทียมนานาชาติ

นับเป็นก้าวแห่งการเปลี่ยนแปลงที่กำลังได้รับความสนใจจากคนไทยด้วยกันและต่างประเทศ เมื่อ “คิง เพาเวอร์” กลายเป็น “คนไทยกลุ่มแรก” ที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของโลกเข้าถือหุ้นใหญ่ 3 ธุรกิจ สร้างชื่อเสียงความสำเร็จมาสู่ “ประเทศไทย” และยังนำเศรษฐกิจชุมชนเชื่อมสู่ตลาดโลกได้ในระยะยาว

ข่าวที่ 2 “นำร่องLADY RUNฮาล์ฟมาราธอน14ส.ค.”

“จิราณี พูนนายม” ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดประวัติศาสตร์สนามแรกในไทยชวนผู้หญิงทั่วไทยเข้าร่วมกิจกรรมภายใต้แคมเปญ“LADY NON STOP JOURNEY @ภาคกลาง” ในโครงการ “Lady Run ปราณบุรีฮาล์ฟมาราธอน” จ.ประจวบคีรีขันธ์ วันที่ 14 สิงหาคม 2559 เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ คาดการณ์จะมีผู้เข้าร่วมกว่า 1,500 คน  โดยแบ่งการแข่งขันวิ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ฮาล์ฟมาราธอน 21 กิโลเมตร มินิมาราธอน 10.5 กิโลเมตร และ FUN RUN 4 กิโลเมตร พร้อมชมมินิเอ็กซ์โปสินค้ากีฬาราคาพิเศษจากผู้สนับสนุนอีกมากมาย

สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2678 3712 หรือ www.refillmarathon.com หรือดูข้อมูลได้ที่ www.เที่ยวภาคกลาง.com หรือ Facebook Fanpage : TAT_Tiewpakklang

ข่าวที่ 3 “ท้าวัยเก๋าขึ้นดอยที่แม่ฮ่องสอน4วัน

พระธาตุดอยกองมู

ท้าวัยเก๋าไปขึ้นดอยแม่ฮ่องสอน โดยกองตลาดภาคเหนือ ททท. ชวนวัยเก๋าเอ้าท์ติ้ง เยือนเมือง 3 หมอก แบบเบา ๆ  4 วัน 3 คืน ระหว่าง 18-21 สิงหาคม 2559 ที่ “แม่ฮ่องสอน ปาย ปางมะผ้า”  ไปล่องแพไม้ไผ่ชมถ้ำลอด-ถ้ำผีแมน ชมบ้านรักไทย หมู่บ้านจีนยูนนานชายแดนไทย-พม่า อันแสนสงบงดงามท่ามกลางขุนเขาเมืองสามหมอก สักการะพระธาตุดอยกองมู วัดจองคำ-วัดจองกลาง เยี่ยมชมชุมชนกะเหรี่ยงคอยาว บ้านห้วยเสือเฒ่า "ชมสะพานซูตองเป้" หรือ "สะพานอธิษฐานสำเร็จ"

ข่าวที่ 4 “บัตรบางจากจ่ายซูเปอร์เซฟที่ซูกิชิ-โซลกริลล์”

บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ผนึกความร่วมมือกับร้านอาหารชั้นนำในเครือ “ซูกิชิและโซลกริลล์” เพียงแค่แสดงใบเสร็จสะสมคะแนนบัตรบางจาก ระหว่าง 16 กค. –31 สค.59  ทานบุฟเฟ่ต์เพียง 299 บาท จากราคาปกติ 349 บาท  ใช้สิทธิ์รับประทาน 2 ท่าน ที่ร้าน Sukishi Tokyo Buffet และ Seoul Grill ทุกสาขา

ข่าวที่ 5 “รุกไมซ์นานาชาติ5อุตฯฮ็อตดิจิตอล”

            คุณศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB พร้อมจะนำ TCEB โชว์กลยุทธ์ปี’60 กวาดไมซ์เทรนด์อินเตอร์ยุคดิจิตอล ซูเปอร์เทคทั้ง 5 อุตสาหกรรม เลือกไทยเป็นศูนย์กลางจัดงานทั้ง “เกษตร-พลังงาน-ยานยนต์-สุขภาพสาธารณสุข-อินฟราสตรั๊คเจอร์” ระบุใช้เครื่องมือส่งเสริม 4 แนวใหม่

ด้วยวิธีจะขยายผลสร้างการเติบโตในตลาดพุ่งเป้าไปยังเทรนด์ไมซ์มาแรงทั้งระดับประเทศและโลกจาก 5 อุตสาหกรรม ได้แก่ เกษตร พลังงาน ยานยนต์ โครงสร้างพื้นฐาน และสุขภาพองค์รวม ส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ เกษตรเทคโนโลยี สาธารณสุข เครื่องมืออุปกรณ์อัจฉริยะ ตัวใหม่คืออุตสาหกรรมดิจิตอล อินเตอร์เน็ต สุดท้ายสำคัญมากซึ่งเกี่ยวข้องทั้งกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและไมซ์คือ “กลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์” รวมถึงวัฒนธรรมที่มีอยู่จะสร้างให้เกิดคุณค่ากับมูลค่าควบคู่กันไป

พร้อมใช้เครื่องมือใหม่ในการส่งเสริมสนับสนุน 4 ประเภท ได้แก่ 1.เลือกงานที่ยกระดับ อยู่ในประเทศแล้วด้วยการเพิ่มจำนวนแรงกระตุ้นการจัด 2.รวมงานย่อย ๆ ที่จัดแต่ละช่วงมารวมเป็นงานจัดในช่วงเดียวกัน 3.กำหนดสเป็กงานเพราะเทรนด์โลกจะเป็นงานเฉพาะขนาดเล็กลง เช่น หมวดอาหารเฉพาะสาขามากขึ้น 4.การพัฒนางาน Cloaning แยกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรก พิจารณางานที่ประสบความสำเร็จในกรุงเทพฯ กระจายไปจัดตามหัวเมืองคลัสเตอร์ เขตเศรษฐกิจพิเศษ ส่วนที่ 2 งานใหม่ที่พัฒนาโดยประมูลงานที่มีชื่อเสียงของโลกหรือเอเชียมาจัดเป็นรายการประจำในประเทศไทย ลดค่าใช้จ่ายและสามารถเปิดโอกาสให้รายย่อยกลุ่มสตาร์ต อัพ ขนาดกลางและขนาดย่อม เข้ามาร่วมศึกษาเรียนรู้ได้ด้วย

ข่าวที่ 6 “ไทยจับมือCLMVแอร์พอร์ตรับตลาดบิน16ล้านล้านดอลล์”

ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การวางกลยุทธ์ช่วงครึ่งปีหลัง 2559 ให้สอดคล้องกับปี 2560 นอกจากเร่งแผนพัฒนา 3 สนามบินหลัก ทั้งโครงการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิเฟส 2 ที่ทยอยเปิดประมูลการก่อสร้าง 7 งานหลัก การปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการทางนวัตกรรมสนามบินนานาชาติดอนเมือง และ การเร่งอาคารผู้โดยสารสนามบินนานาชาติภูเก็ตเปิดอย่างเป็นทางการภายในสิงหาคม 2559 แล้ว

ยังมีภารกิจสำคัญการพัฒนาความร่วมมือทำ “คลัสเตอร์ แอร์พอร์ต” หรือกลุ่มสนามบินระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศอาเซียนใหม่ CLMV ตามแผนงานอนาคต ทอท.ตั้งเป้าจะขยายผลตลาดและบริการ โดยเฉพาะงานบริการอุปกรณ์ภาคพื้นดิน (Handling groud service) ระบบจัดการจราจรขนส่งสินค้าทางอากาศ บริการแบบครบวงจรในสนามบิน เพื่อใช้ศักยภาพความเป็นมืออาชีพที่พนักงานและผู้บริหาร ทอท.สั่งสมมาเกือบ 40 ปี พัฒนาร่วมกับสนามบินนานาชาติประเทศอาเซียนเติบโตไปพร้อมกับไทย

ทั้งนี้เพื่อปูพรมเตรียมให้ “ไทยและอาเซียน” เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงเครือข่ายการบินภูมิภาคเอเชีย ที่สามารถรองรับการเติบโตทางรายได้ที่มาจากปริมาณ “จราจรทางอากาศและผู้โดยสาร” ตามที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) พยากรณ์ไว้ในอนาคตอีก 15 ปีข้างหน้า ระหว่างปี 2560-2575 ปริมาณจราจรทางอากาศจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของ “รายได้จากขนส่งผู้โดยสารต่อกิโลเมตร” (RPK) จะพุ่งจากปี 2560 ประมาณ  6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2575 จะขยับเป็น 16 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

ข่าวที่ 7 “ตั๋วบินฉลองแชมป์แสนประหยัด380”        

สายการบิน ไทย แอร์เอเชีย ฉลองที่ได้รับรางวัลสายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุด 8 ปีซ้อน โดยจัดมหกรรมขอบคุณผู้โดยสารด้วยแคมเปญ “บินอย่างแชมป์” ให้เลือกซื้อตั๋วโดยสารเครื่องบินเส้นทางในประเทศและต่างประเทศ เริ่มต้นที่ 380 บาท ให้รีบเข้าไปจองด่วนตั้งแต่ตอนนี้จนถึง 24 กรกฎาคม 2559 ที่ www.airasia.com ซื้อแล้วนำไปใช้เดินทางได้ตลอด 8 เดือนปีหน้า เริ่มตั้งแต่ 4 มกราคม-21 สิงหาคม 2560

ช่วงที่ 2 เวลา 11.45 น. ท้าครอบครัวหรรษาจูงมือกันไปเปิดหูเปิดตาที่ “เมืองแพร่” ไปพร้อม ๆ กับเลือกกินอาหาร 6 อย่างช่วยลดพุง และ ฟังข่าวใหม่ ๆ ในรอบสัปดาห์

@สุขแท้ที่เมืองระนอง

            ได้เวลาออกเดินทางไป พลัส ความสุข กับ “เมืองต้องห้ามพลาด” สายใหม่กันที่ “ระนอง”

เมื่อเดินทางไปถึงสุดเขตแดนอันดามัน “ระนอง” แล้วสามารถเติมเต็มความสุขได้ทุกวินาที กิจกรรมแรก ที่แนะนำให้นักท่องเที่ยวลงมือทำเลยคือ “นั่งเรือหัวโทง” ฝ่าเกลียวคลื่นมุ่งหน้าสู่ “เกาะพยาม” อำเภอเมือง ตามหากองทัพปูเสฉวนบนเกาะแห่งนี้ แล้วก็ลงไปเดินทอดน่องริมชายหาดบริเวณ “อ่าวเขาควาย” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับเขาหินปูนรูปร่างแปลกตา 

บ่อน้ำแร่ร้อน รักษะวาริน

            หรือช่องรูทะลุวกไปมาหลายช่อง แต่ละช่วงเวลาสวยงามต่างกันไป โดยเฉพาะบรรยากาศขอฟ้าสีทองตอนดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้ายามเย็นสุดแสนโรแมนติกมาก ๆ

แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมต้องเป็นบ่อน้ำแร่ร้อน “รักษะวาริน” แห่งเดียวในเมืองไทยที่ไม่มีกำมะถันปนเปื้อน ภาพคุ้นตาที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นวิถีชาวระนองแวะเวียนมาช่วงเช้าซึ่งกำลังมีไอพุ่งขึ้นมาแล้วชาวบ้านบางส่วนก็จะตักน้ำใส่ขวดไปดื่มกิน หรือบางจุดจัดเตรียมไว้ให้ลงไปแช่ตัว ได้ฟรี เป็นการบำบัดรักษาโรคนั่นเอง

ที่ต้องห้ามพลาดอีกจุดคือ การไปดื่มด่ำความงดงามของ “พระราชวังรัตนรังสรรค์” (จำลอง) ได้ชื่อว่าเป็นพลับพลา  1 ใน 19 แห่งที่มีอยู่ในหัวเมืองไทย ทำด้วยไม้สักทองและไม้ตะเคียนทอง ตัวพระราชวังเดิมเคยถูกไฟไหมจึงปลูกสร้างขึ้นใหม่กลางเมือง

พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์การเสด็จประทับแรมของพระมหากษัตริย์ 3 พระองค์ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2433 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พ.ศ.2452 และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 พ.ศ.2471

สำหรับมุมนั่งชมวิวทะเลเมืองระนองแบบ 360 องศา ต้องขึ้นไปปที่ “ประภาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา” สูงที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องแวะไปเติมความสุข “เมืองต้องห้ามพลาด พลัส” ที่ระนองกันเถอะชาวไทย

สอบถามรายละเอียดก่อนเดินทางได้ที่ เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย 1672

@6 อาหารลดพุงสำหรับคนฟิตแอนด์เฟิร์ม

การปฏิบัติตัวอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนที่ต้องการคุมน้ำหนักหรือลดความอ้วน ไม่เพียงแต่การออกกำลังกายที่คุณต้องให้ความเอาใจใส่ เรื่องการเลือกกินอาหารที่ดีและประโยชน์ต่อร่างกาย  ลองมาฟังนักโภชนาการและสุขภาพ แนะนำ  6 อาหารช่วยลดพุงทานง่ายอยู่ท้องมากประโยชน์ให้ลองเลือกรับประทานกัน

1. เม็ดแมงลัก อาหารลดพุงแสนคลาสสิกแต่ประโยชน์ล้น เพราะในเม็ดแมงลักมีวิตามินเอที่สูงและมีเส้นใยละลายน้ำ (Soluble fiber) ที่คล้ายวุ้นใส ซึ่งจะช่วยพองในท้องให้อิ่มแต่ไม่อ้วน โดยวิธีการกิน คือนำไปแช่น้ำให้พองเต็มที่ก่อน จากนั้นค่อยมาปรุงอาหารหรือรับประทาน

2. ถั่วลิสง ของกินช่วยลดหิวที่สามารถนำมาแทนของว่างให้โทษอย่างมันฝรั่งทอดได้ โดยในถั่วลิสงจะมีใยอาหารและโปรตีนอยู่สูง ซึ่งจะช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง และลดการทานอาหารขยะน้อยลง ลดเสี่ยงพุง

3. แอปเปิ้ลเขียว ใครที่ชอบทานเล็กทานน้อยตลอดเวลา แอปเปิ้ลเขียวสามารถช่วยคุณ เนื่องจากในแอปเปิ้ลเขียวอุดมไปด้วยเพคตินซึ่งช่วยให้อิ่ม แถมยังมีน้ำตาลน้อยกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ ช่วยให้คุณได้ประโยชน์ถึง 2 เด้ง ทั้งช่วยให้อยู่ท้องไม่หิวบ่อย และยังเป็นการลดเสี่ยงจากโรคอ้วนลงพุงให้คุณอีกด้วย

4. มะนาว ด้วยรสชาติที่ความเปรี้ยวที่โดดเด่น ผสมกับรสขมจากเปลือก เมื่อคุณทานทานน้ำมะนาวจะช่วยให้รู้สึกหายหิวได้ นอกจากนี้การทานเมี่ยงคำใส่ชิ้นมะนาวแทนเลม่อนพายก็ดีไม่ใช่น้อย

5. ทูน่า ปลาจากทะเลน้ำลึก เป็นอีกหนึ่งอาหารที่ช่วยให้คุณอยู่ท้องไม่หิวบ่อย โดยในทูน่าอัดแน่นไปด้วยโปรตีนและโอเมก้า 3 ซึ่งทั้ง 2 คุณประโยชน์จะช่วยให้คุณไม่อ้วนและลดแก่ก่อนวัยได้

6. ไข่ต้ม เมนูไข่แสนง่ายของทุกๆ บ้านอย่างไข่ต้ม มีประโยชน์อัดแน่นมากกว่าที่คุณคิด โดยการทานไข่ต้มสามารถช่วยลดไขมันได้ ในไข่ขาวที่อัดแน่นไปด้วยโปรตีนจะช่วยให้คุณไม่โทรมเมื่อลดน้ำหนัก เพราะมันสร้างกล้ามเนื้อที่เผาผลาญไขมันโดยธรรมชาติ แถมยังช่วยให้อิ่มท้องได้นานอีกด้วย

สำหรับข่าวท้ายชั่วโมงมีหลายเรื่องที่น่าสนใจ

ข่าวแรก “UNWTOชี้ยอดทัวร์พ.ค.-ส.ค.นี้พุ่ง500ล้านคน”

องค์การสหประชาชาติด้านการท่องเที่ยว (UNWTO) พยากรณ์อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในช่วง4 เดือน ระหว่างพฤษภาคม-สิงหาคม 2559 ทั่วโลกจะมีการเดินทางมากถึง 500 ล้านคน เป็นผลมาจากเป็นช่วงวันหยุดของคนครึ่งซีกโลกเหนือจึงเป็นฤดูการท่องเที่ยว หลังจากในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ มกราคม-เมษายน มีนักท่องเที่ยวกระจายการเดินทางสู่จุดหมายปลายทางทั่วโลกไปแล้วกว่า 348 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5 % แบ่งเป็น เอเชียและแปซิฟิก เพิ่ม 9 % ตะวันออกกลาง แอฟริกา เพิ่มขึ้นพื้นที่ละ 7 % อเมริกา เพิ่ม 6 % ยุโรป เพิ่ม 4 %ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อประเทศที่ได้รับความนิยมทางด้านการท่องเที่ยว รวมถึงประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในจำนวนนี้ด้วย

และในเดือนสิงหาคมนี้ จะต้องจับตาแรงกระเพื่อมจากการมหกรรม “โอลิมปิกฤดูร้อน” ที่กรุงริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล ที่จะมีขึ้นช่วงสิงหาคมนี้ ซึ่งถูกจับตาถึงผลกระทบเรื่องจำนวนคนเดินทางจะมีมากขึ้นหรือไม่ และมาตรการความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทั่วโลกช็อกฉับพลันจากเหตุการณ์ BREXIT หรือการลงประชามติของชาวอังกฤษเพื่อให้รัฐบาลประกาศถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ซึ่งมีผลกระทบระยะสั้นๆ ต่อการเดินทางท่องเที่ยวของทั่วโลกเพียงชั่วขณะเท่านั้น

 ข่าวที่สอง “จับตาคมนาคมคว้างบเกือบ2แสนล้าน”

กระทรวงคมนาคมแย้มข้อมูลการจัดสรรงบประมาณปี 2560 ภายในเดือนสิงหาคม 2559 นี้ โดยมีรายงานว่าจะได้กว่า 1.95 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบลงทุนกว่า 1.53 แสนล้านบาท หรือ 78.49% ที่เหลือเป็นงบประจำ 4.2 หมื่นล้านบาท หรือ 21.51% ขณะนี้คณะกรรมาธิการงบประมาณอยู่ระหว่างการพิจารณา จะสรุปภายในส.ค.นี้ ก่อนเสนอเข้าสู่การพิจารณาวาระ 3 ต่อที่ประชุมรัฐสภาเดือน ก.ย.2559 ในแผนการดำเนินงานปีงบประมาณ 2560 นั้นคมนาคมเสนอทำโครงการหลักๆ คือ แผนการลงทุนใน 5 ยุทธศาสตร์ 8 แผนบูรณาการสูงถึง 1.03 แสนล้านบาท

ข่าวที่สาม “แผนเศรษฐกิจฉบับ12หลังพิงท่องเที่ยว”

“ปรเมธี วิมลศิริ” เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เปิดเผยถึง “ร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 – 2564)” ว่า รัฐบาลเตรียมประกาศใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ระหว่างปี 2560 – 2564 ในเดือนตุลาคมนี้ โดยในแผนดังกล่าวจะยึดหลักและประยุกต์การใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงยึดคนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม การพัฒนาที่ยึดหลักสมดุล ยั่งยืน การกระจายรายได้และการพัฒนาอย่างเท่าเทียม มีนิเวศน์ที่ดี สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

โดยมียุทธศาสตร์การพัฒนาที่สำคัญ 10 ด้าน 1 ในแผนฉบับ 12 ของ สศช.คือ ประเทศไทยหวังพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 3 ล้านล้านบาทต่อปี และการต้องเร่งเพิ่มอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่

พบกับสาระข่าวดี ๆ ได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.

ดำเนินรายการโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน และ นฤมล พุกยม

ติดตามฟังรายการย้อนหลังเข้าไปที่ www.google.com พิมพ์คำว่า รวยด้วยข่าว97.0 หรือทาง www.facebook.com/rauydauykhao และ ข่าววิเคราะห์เจาะลึกทางบล็อกเกอร์ :gurutourza.blogspot.com

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรายการ ขอให้พักผ่อนอย่างมีความสุขตลอดวันหยุด

เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน -ผู้จัดรายการ และบล็อกเกอร์ :gurutourza.blogspot.com