สทอ.นำอุตฯท่องเที่ยวรุกจัดทัวร์วิถีข้าว
ตามรอยพระบาทวิถีพอเพียง5ภูมิภาค
ชมเกษตรศิลปาชีพเขาหินซ้อนฉะเชิงเทรา
สวัสดีเช้าวันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2559 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย” FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” รู้ทันข่าวและสารคดีท่องเที่ยวอัพเดททุกสถานการณ์
ช่วงแรกเวลา 11.15 น.
“คุณวสุมน เนตรกิจเจริญ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท
วิน วิน สมาย จำกัด และบริษัทสมาชิกของสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย
(สทอ.หรือTEATA) จะมาพูดคุยให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ
ถึงการทำบิ๊กโปรเจ็กต์ใหม่ของเอกชนและหน่วยงานรัฐวงการท่องเที่ยวจะพร้อมใจกันโครงการ
“ตามรอยพระบาท วิถีข้าว วิถีพอเพียง” โดย
สทอ.ได้เดินหน้าแล้วในการรณรงค์ให้สมาชิกกลุ่มบริษัทจัดนำเที่ยวอย่างยั่งยืนปี 2560 ทำโครงการดังกล่าวตามที่คนไทยได้ทราบกันมาตลอดถึงในหลวงของปวงชนชาวไทยได้วางรากฐานทุกเรื่องไว้จนมีความแข็งแรง
ทั้งเรื่อง ทรัพยากรน้ำ ดิน หญ้าแฝก ทฤษฎีใหม่ เกษตรพอเพียง ไว้ให้ทุกคนแล้ว
ต่อจากนี้ไปเป็นหน้าที่ของคนไทยแล้วที่จะตามรอยพระบาทพระองค์เพื่อให้ประเทศของเราก้าวไปข้างหน้าในด้านการท่องเที่ยวที่มีความยั่งยืนอย่างแท้จริง
การเชื่อมโยงพื้นที่หลักนำร่องโครงการตามรอยพระบาท “วิถีข้าว
วิถีพอเพียง” ทางสมาคมได้หารือกับสมาชิกผู้ประกอบการใน สทอ.ทำเป็นพหุภาคี 5 ภูมิภาค
จับมือกับหน่วยงานรัฐ เอกชน ประชาชน ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจากส่วนกลาง
จับมือร่วมมือจูงมือกันตามรอยพระบาท ทำร่วมกันทั้งประเทศ
พอได้ข้อสรุปแล้วทางสมาคมจะลงพื้นที่คุยกับสมาชิกผู้ประกอบการซึ่งกระจายอยู่ในทั้ง
5 ภูมิภาค
สามารถเข้าร่วมโครงการได้ โดยมีแกนหลักในพื้นที่นำร่อง
ซึ่งจะมีมหาวิทยาลัยในแต่ละภาคเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงประสานงานความร่วมมือโครงการนี้ในพื้นที่ต่าง
ๆ
ขั้นตอนขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.)
ซึ่งเป็น “ผู้นำตลาด” ส่งเสริมโครงการดี ๆ ในท้องถิ่น
นอกจากชุมชนแล้วยังเปิดช่องทางให้นักท่องเที่ยว องค์กรส่วนกลาง
บริษัทนำเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ ทยอยพานักท่องเที่ยวลงพื้นที่แนะนำการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
โดยไปร่วมกับกิจกรรม
ทดลองทำภารกิจตามรอยพระบาทให้สอดคล้องกลมกลืนกับชีวิตชุมชนจริง ๆ
ทางผู้ดำเนินการจะเน้น “เรื่องข้าว” เป็นหลัก
ซึ่งพระองค์ท่านได้วางระบบที่สมบูรณ์ไว้ให้พวกเราเป็นอย่างดีแล้ว
ทั้ง 5 ภูมิภาค โดยเฉพาะใน “ภาคอีสาน” เป็นแหล่งสารพัดข้าวขึ้นชื่อ
ทั้งข้าวเหนียว ข้าวเจ้า แต่ด้วยคอนเซ็ปต์โครงการทำทั่วประเทศ จึงต้องใช้ระบบ
“พื้นที่นำร่อง” เริ่มจาก “จังหวัดขอนแก่น”
เพราะเป็นพื้นที่มีมหาวิทยาลัยขอนแก่นตั้งอยู่เพื่อเป็นเซนเตอร์ โดยจะเริ่มจากอีสานตอนล่าง
มีชื่อเสียงโด่งดังแหล่งปลูกข้าว ตามเส้นทางหลัก ได้แก่ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด
มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ในขณะที่จังหวัดอื่นลำดับต่อไปก็มี อุบลราชธานี ยโสธร
อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ นครราชสีมา
เส้นทางในภาคอื่น ๆ ได้นำสินค้าของ ททท.กำหนดแต่ละภูมิภาค
ด้วยการชูเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น ประกอบด้วย ภาคเหนือ-วิถีข้าว วิถีถิ่นล้านนา
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ-สืบสานประเพณี วิถีข้าวชาวอีสาน
ค่อนข้างมีงานเทศกาลประเพณีเกี่ยวกับข้าว นำมาเป็นหนึ่งในการท่องเที่ยว
ภาคกลาง-ปั่นสำราญ วิถีข้าว ชาวนาไทย เน้นกิจกรรมการปั่นจักรยานไปเที่ยวเส้นทางการปลูกข้าว
ภาคตะวันออก-เที่ยวหรรษา สนุกรู้ ข้าวไทย นำไปเรียนรู้สัมผัสประสบการณ์ใหม่
ภาคใต้-สุขสุดใจ หลากหลายข้าววิถี
มีสถานที่ซ่อนอยู่ที่ในหลวงทรงช่วยพัฒนาการเกษตรและการปลูกข้าว
เราจะพาไปชมข้าวสังหยด
กิจกรรมสนุกรู้ Local
Experient 1.สัมผัสพื้นที่การปลูกข้าวซึ่งแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน
2.ร่วมกับชาวบ้านและปราชญ์ท้องถิ่น
สำคัญที่สุดเพราะการปลูกข้าวและการรับประทานโดยเฉพาะข้าวเกษตรอินทรีย์
เป็นอย่างไรบ้าง 3.นำแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ บริเวณใกล้เคียง
แหล่งท่องเที่ยวหลักตามธรรมชาติของแต่ละเส้นทางที่สวยงาม
ขณะนี้
ททท.ตอบรับส่งเสริมท่องเที่ยวภายใต้โครงการ “วิถีข้าว วิถีพอเพียง”
จะเริ่มเดินหน้าจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวภายใต้โครงการนี้ได้ตั้งแต่มกราคม 2560 เป็นต้นไป และทางผู้ประกอบการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
มีความมุ่งมั่นจะทำการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามรอยพระบาทตลอดไป ในเชิงเกษตรและอื่น
ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งภาคประชาชน ชาวนา และนักท่องเที่ยว
ซึ่งสามารถทำไปได้ตลอดไป
สำหรับนโยบายของ “สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย” มีการประชุมพูดคุยโดยได้วางโครงสร้างปี 2560
เริ่มจากเส้นทางตามรอยพระบาท นั่นหมายถึง 1.โครงการพระราชดำริ 2.พื้นที่พระองค์เคยเสด็จไป
ตามรอยโดยสามารถปฏิบัติได้ทุกเส้นทางทุกพื้นที่ 3.ทำการท่องเที่ยวเชิงการเกษตร
ส่วนเส้นทางอื่น ๆ จะทำให้สอดคล้องกับแผนงานของ
ททท.ซึ่งปีงบประมาณนี้มุ่งเน้นรณรงค์ท่องเที่ยว 70
เส้นทางตามรอยพระบาท นำเสนอ 9 เส้นทาง 5 ภูมิภาค
สรุปแล้วในปี 2560 สทอ.จะทำ 2 โครงการหลัก
คือ 1.วิถีข้าววิถีพอเพียง 5 ภูมิภาค และ 2.ตามรอยพระบาท 9 เส้นทาง 5 ภูมิภาค
ตัวอย่าง 9 เส้นทางหลัก ล้อไปกันไป 2 เส้นทาง
ภาคเหนือ เชียงราย ยั่งยืนแต้ๆ เชียงใหม่ มีโครงการหลวงจำนวนมาก
และบริเวณจังหวัดรอบ ๆ อีสาน เน้นจังหวัดสกลนคร มีภูพาน นครพนม
ที่มีภาพของคุณยายตุ้มถือดอกบัวมารอรับเสด็จในหลวง และภาคอีสานใต้ ในอุบลราชธานี
ยโสธร อำนาจเจริญ เป็นเส้นทางตามรอยเสด็จเช่นกัน ภาคกลาง ได้แก่ นครปฐม กาญจนบุรี
สุพรรณบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ตะวันออก ปราจีนบุรี สระแก้ว ภาคใต้
นครศรีธรรมราช เป็นหลัก
ในฐานะผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องการเห็น
“ท่องเที่ยวเป็นสื่อกลางหลัก” ต่อไปนี้จะพัฒนาให้ประเทศมีนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ
และการเดินทางควรจะก่อเกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่ายโดยมีทัวร์คุณภาพลงไปหาชุมชนโดยให้ชุมชนมีส่วนร่วมด้วย
ทุกคนได้มีส่วนอนุรักษ์วิถีชีวิตท้องถิ่นซึ่งเป็นหัวใจสำคัญสูงสุด
เพราะเป็นเสน่ห์ดึงดูดทั้งคนไทยเอง เพราะจากการทำทัวร์นักท่องเที่ยวคนไทยทั้ง 100 %
มีความสุขที่ย้อนวิถีไทยและสัมผัสท้องถิ่น
เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศผู้จัดทัวร์เองก็อยากจะเห็น “ความสุข”
ของทุกประเทศที่เดินทางไปสัมผัสชุมชนไทยทั่วประเทศ
มาร่วมกันทำสิ่งที่
“สานต่อที่พ่อทำ” โดยการ ตามรอยพระบาท ตามวิถีข้าว วิถีพอเพียง ไปกับ สทอ.และ
ททท.ด้วยกัน
จากนั้นมาฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1
“คิงเพาเวอร์หนุนเครื่องหนังไทย”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
ผู้บุกเบิกร้านค้าดิวตี้ฟรีของเมืองไทย มานานกว่า 27 ปี ประกาศสนับสนุนนโยบาย “ประชารัฐ”
คัดเลือกสินค้าชุมชนมาวางจำหน่ายในร้านค้าทั้งสินค้าอุปโภค บริโภค และแฟชั่น
โดยได้ทำต่อเนื่องมากว่า 13 ปี ด้วยการร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ และตั้งแต่วันนี้-30
พฤศจิกายน 2559 ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย
เมื่อซื้อสินค้าในแผนกเครื่องหนังไทย, เครื่องประดับ ที่
คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รับส่วนลดได้ทันที่ 15 % เพื่ออุดหนุนสินค้าแบรนด์ไทยให้เติบโตอย่างแข็งแรงมั่นคงต่อไป สอบถามเพิ่มเติมโทร 1631 หรือ www.kingpower.com
ข่าวที่
2 “ท่าเตียนมีดีกว่าที่เห็น”
บริเวณท่าเตียน คือหนึ่งในพื้นที่เชื่อมโยง
“การพัฒนาพื้นที่รอบพระบรมมหาราชวัง” ซึ่งมีความวิถีความเก๋เที่ยวได้ในแบบชีล ชิค
ใจกลางกรุง บนถนนมหาราช
เริ่มต้นจาก “ท่าเตียนแกลเลอรี่” อยู่บนถนนมหาราช
เลขที่ 310 ในบริเวณชั้น 2 ของร้านขายของที่ระลึก ของกลุ่มศิลปิน Art8tra ชมได้ทุกวันทุกวัน อังคาร-อาทิตย์ 10:00-18:00 น. ภายในแกลลอรี่นำเสนอผลงานศิลปะฝีมือชาวไทย
เปิดให้เข้าชมฟรี ในขณะนี้ได้จัดแสดงพระบรมสาทิศลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ซึ่งก่อนหน้านี้ได้จัดแสดงเกี่ยวกับงานจิตรกรรม
ภาพวาด ภาพเขียน สนใจแวะไปชมโทร. 096-245-6292
หรือถ้าต้องการพักผ่อนในโฮสเตลมีสไตล์
ก็ต้องที่ “ Arom D Hostel” อยู่ติดถนนใหญ่ตรงข้ามวัดโพธิ์ มีทั้งห้องพักรวมและหญิงล้วน
สนนราคาราว 800 บาทต่อห้องต่อคืน ส่วนห้องประเภทเตียงคิงไซซ์และเตียงคู่
ราคาเริ่มต้น 1,200 บาทต่อห้องต่อคืน แถมมีบริการอาหารเช้าด้วย โทร. 02-622-1055
ข่าวที่ 3 “ททท.นำวิถีข้าวกระหึ่มWTM2016”
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า ได้นำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย 48 ราย เข้าร่วมงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่มีความสำคัญที่สุดในสหราชอาณาจักร
คืองาน “World Travel Market
2016” (WTM 2016) ซึ่งประเทศไทยเข้าร่วมงานนี้เป็นปีที่ 36 ระหว่าง 7-9 พฤศจิกายน 2559 ได้ชูจุดขาย “The Unique Local Thai Experience” เชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาสัมผัสวิถีชีวิตไทยอย่างลึกซึ้ง
ปลุกตลาดสหราชอาณาจักรเติบโตตามเป้าหมายปี 2559 เพิ่มอีก 10 % คิดเป็นรายได้เข้าประเทศ ประมาณ 73,410
ล้านบาท
สำหรับสถานการณ์ 8 เดือนแรกปี 2559 ยังมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
8 %
นักท่องเที่ยวสหราชอาณาจักรที่เดินทางมายังไทยเป็นตลาดระดับกลาง-บน ถึง 70 % มีรายได้เฉลี่ย 20,000 – 60,000 เหรียญสหรัฐ/คน/ปี แต่ละทริปมีวันพักที่ค่อนข้างนานและใช้จ่าย 4,283 บาท/คน/วัน จึงเป็นสัญญาณที่ดีต่อเนื่องในปี 2560 การเติบโตที่สดใส
พร้อมกระจายรายได้ให้เข้าสู่ชุมชนเพิ่มมากขึ้นด้วย
สำหรับการตกแต่งไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน ในการงาน WTM 2016 ททท.ได้สำรองพื้นที่ขนาด 420
ตารางเมตร นำเสนอแคมเปญ “Discover Amazing
Stories in Amazing Thailand” โดยชูจุดขาย
“The Unique Local Thai Experience” ฉายเรื่องราวผ่าน VDO Wall พร้อมจัดสรรพื้นที่และลูกเล่นมากมายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
อาทิ “PA-SA-THAI- Machine” หรือ ตู้ภาษาไทย
ให้นักท่องเที่ยวเรียนรู้การออกเสียงคำในภาษาไทยง่ายๆ
พร้อมลุ้นรับรางวัลของที่บ่งบอกความเป็นไทย “รถตุ๊กตุ๊ก” ซึ่งตกแต่งด้วยสินค้าท่องเที่ยววิถีไทย
ซึ่งสามารถสแกน AR Code
ส่วนการเข้าคลิปวิดีโอเกี่ยวกับ Local Experience ผู้ที่แวะมาเยี่ยมเยือนไทยแลนด์
พาวิลเลี่ยน ก็จะได้สัมผัสกับการชม อาทิ มวยไทย ผ้าไทย อาหารการกินริมทาง (Street Food) “วิถีชีวิตชุมชนเส้นทางข้าว”
และรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards)” และ “IT
Zone” นำเสนอประเพณีลอยกระทงผ่านเทคโนโลยี
Virtual Reality อีกทั้งยังมีพื้นที่จัดแสดงของหน่วยงานภายนอก
อาทิ สถาบันสิริกิติ์ (ศิลป์แผ่นดิน) การกีฬาแห่งประเทศไทย และสายการบิน Bangkok Airways
ข่าวที่ 4 “บางจาก9เดือนโกยกำไรเกือบ4พันล้าน”
นายชัยวัฒน์
โควาวิสารัช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม
เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ของปี 2559 ว่าบริษัทในเครือบางจาก
มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 36,686 ล้านบาท
ลดลง 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 4%
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 1,132 ล้านบาท
และเป็นกำไรสุทธิในส่วนของบริษัทใหญ่ 1,178 ล้านบาท
คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.86 บาท หากรวมผลดำเนินงาน 9 เดือน มีกำไร 3,642 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.64 บาท
ข่าวที่ 5 ไมซ์ต้องไปเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงที่“สวนลุงนิล”
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) หรือ TCEB และมูลนิธิเปิดทองหลังพระ
ได้แนะนำเส้นทางเลือกดี ๆ
ในการจัดประชุมหรือดูงานได้ที่สวน “ปราชญ์พอเพียงลุงนิล”
ลุงนิล หรือ นายสมบูรณ์ ศรีสุบัติ เกษตรกรวัย 66 ปี
เจ้าของ “สวนลุงนิล” ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 6 ตำบลช่องไม้แก้ว อำเภอทุ่งตะโก
จังหวัดชุมพร เป็นหนึ่งใน 25
ปราชญ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพียงที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.)
คัดเลือกผู้เคยได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจปีพ.ศ. 2540
จนมีหนี้สินมากมายและหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้
แต่เมื่อหันมายึดแนวทางตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
เขาสามารถปลดหนี้
กลายเป็นผู้มีรายได้จากการทำเกษตรผสมผสานและเกษตรทฤษฏีใหม่นับล้านบาทต่อปี
ลุงนิลเป็นชาวตำบล ช่องไม้แก้ว
อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร ด้วยองค์ความรู้ที่ศึกษา ลองผิดลองถูกด้วยตนเอง
ปัจจุบันเขาสามารถขยายผลองค์ความรู้และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้กับชุมชน
และผู้สนใจที่ติดต่อเข้ามาศึกษาดูงานบนเนื้อที่ 17.13 ไร่ถูกนำมาเป็นสถานที่ศึกษาเรียนรู้ด้านการทำการเกษตรแบบครบวงจร
ทั้งปลูกพืชผัก ไม้ผล ไม้ยืนต้น
เลี้ยงปลาและทำปศุสัตว์ที่สามารถให้ผลผลิตนำไปจำหน่ายได้ทุกวัน
ทั้งรายได้แบบรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน จนถึงรายปี
ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตลอด
ก่อนปีพ.ศ. 2540 ลุงนิลทำการเกษตรแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว
ซึ่งได้แก่ทุเรียนกว่า 700 ต้น แต่ต้องประสบภาวะขาดทุน
เพราะขาดความรู้ในการบริหารจัดการกลายเป็นมีหนี้สินหลายแสนบาทจนท้อแท้และหาทางออกไม่ได้
แต่เมื่อได้ฟังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผ่านทางโทรทัศน์เมื่อปีพ.ศ.
2540
เกี่ยวกับเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงทำให้เกิดความคิด
และหันมาปรับเปลี่ยนชีวิตแบบรู้จักประมาณตน
มีความพอเพียงและพอดีและเริ่มปลูกพืชผักที่กินอยู่ประจำทุกวันโดยไม่ต้องเสียเงินไปซื้อและกินทุกอย่างที่ปลูก
ทำให้ช่วยลดรายจ่ายในครัวเรือน
ต่อมาเมื่อผลผลิตมากพอก็เอาไปแจกจ่ายให้กับเพื่อนบ้าน
และเริ่มขยายไปสู่การเพาะปลูกไม้ผล เลี้ยงปลา เลี้ยงหมู
จนสามารถนำผลผลิตไปจำหน่ายได้ ภายในเวลา 7 ปีก็สามารถปลดหนี้ให้กับตนเองได้
จุดเด่นที่ “สวนลุงนิล” ได้รับความสนใจจากผู้ไปศึกษาเรียนรู้คือเรื่องเกษตรผสมผสานและเกษตรทฤษฎีใหม่
ที่เน้นใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยปลูกพืชหลักและพืชแซมพร้อมกับเลี้ยงสัตว์ซึ่งนายสมบูรณ์เรียกว่า
ปลูกพืชแบบคอนโด 9 ชั้น
ชั้นที่ 1 เป็นบ่อน้ำเพื่อเลี้ยงปลา ชั้นที่ 2 ปลูกพืชใต้ดิน ประเภทหัว เช่นกอย กระชาย ข่าเหลือง ชั้นที่ 3 ปลูกพืชหน้าดิน อาทิ พริกขี้หนู ยอดเหลียง มะเขือ ชั้นที่ 4 ปลูกส้มจี๊ด ชั้นที่ 5 ปลูกกล้วยเล็บมือนาง
ชั้นที่ 6 ปลูกทุเรียน ชั้นที่ 7 ปลูกต้นลองกอง มังคุด พริกไทยทุกชนิด โดยให้เครือของพริกไทย
เลื้อยไปตามต้นไม้ที่ปลูกไว้ เป็นการเลี้ยงพืชแบบกาฝาก และชั้นที่ 9 คือปลูกไม้ยางนา
นอกจากนี้มีการทำบัญชีครัวเรือนเกิดการรับรู้รายรับ
รายจ่ายและปรับลดตัวเลขรายจ่าย
อาทิค่าปุ๋ยที่ใช้ปุ๋ยหมักจากพืชและมูลสุกรมาทดแทนทำให้ประหยัดต้นทุน
และเริ่มแปรรูปสินค้าเกษตรที่มีอยู่เพื่อจำหน่าย เช่น น้ำส้มควันไม้ ทุเรียนกวน
และน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพจนสร้างรายได้ต่อปีจำนวนมาก
รายได้ที่เกิดขึ้นรายวัน เช่น พืชผักสวนครัววันละ 2,000-3,000
บาท ตัดกล้วยขายต่อสัปดาห์ และต่อเดือนเป็นการจำหน่ายหมูหลุม
ส่วนรายปีเป็นผลไม้ตามฤดูกาลที่เป็นไม้ยืนต้น
“สวนลุงนิล”ได้รับการจัดตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชนแห่งหนึ่งของจังหวัดชุมพรเพื่อขยายผลปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่ประชาชนที่สนใจทั้งในพื้นที่จังหวัดชุมพร
และจงหวัดอื่น ๆ
ข่าวที่ 6 “แอร์เอเชียนำNEOsบริการตั๋วถูกสุดๆธ.ค.นี้”
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทย
แอร์เอเชีย เปิดเผยว่า เตรียมทยอยนำเข้าฝูงบินรุ่นใหม่ แอร์บัส
A319 NEOs
ซึ่งเป็นรุ่นที่มีคุณสมบัติพิเศษ
ประหยัดเชื้อเพลิงการบินจากปกติได้เฉลี่ยสูงถึง 15 % ด้วยความโดดเด่นดังกล่าวจะเป็นผลดีต่อ
“ผู้โดยสาร” เพราะทางสายการบินจะสามารถทำราคาขายตั๋วโดยสารเครื่องบินได้ถูกและประหยัดเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ซึ่งจะทยอยรับมอบเครื่องบินเข้ามาให้บริการภายใน 2 ปีนี้ รวม 11 ลำ
เริ่มจากในปลายปี 2559 เพิ่ม 6 ลำ ลำที่ 1 และ 2 จะเข้ามาให้บริการในเมืองไทยเริ่ม 15 ธันวาคม 2559 เป็นต้นไป และในปี 2560
จะรับเพิ่ม 5 ลำ วางกลยุทธ์นำมาใช้เปิดเพิ่มความถี่และบริการในเส้นทางบินใหม่
ๆ ครอบคลุมในอาเซียน จีน อินเดีย ที่มีประชากรรวมกันกว่า 2,880 ล้านคน รวมทั้งจะจับมือกับพันธมิตรกลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ ผู้ถือหุ้นในไทย แอร์เอเชีย ผนวกจุดแข็งเข้าด้วยกันสร้างการเติบโตทางการตลาดดังกล่าว
ทำให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศมั่นคงเข้มแข็งในระยะยาว
ช่วงที่ 2 เวลา 11.45 น.ฟังเรื่องดี ๆ 70 เส้นทางตามรอยพระบาท
“เขาหินซ้อน” ฉะเชิงเทรา การดูแลสุขภาพปลายฝนต้นหนาว และข่าวฮ็อตในรอบสัปดาห์
@ทัวร์เกษตรศิลปาชีพศูนย์ฯเขาหินซ้อน
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 7 ม.2 ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
ท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เปิดให้ชมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น.
จากการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ทั้ง
ดิน น้ำ และป่าไม้ภายใต้การดูแลของกรมพัฒนาที่ดิน กรมชลประทาน กรมป่าไม้
และกรมปศุสัตว์ 4 หน่วยราชการที่มีส่วนร่วมกัน
พัฒนาพื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่อง มาจากพระราชดำริ
จนกลายมาเป็นศูนย์ศึกษาและพัฒนาด้านเกษตรกรรมและงานศิลปาชีพแก่เกษตรกรและผู้สนใจทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สามารถแวะมาสัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่ายพอเพียงตามแนวคิดของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในปี พ.ศ. 2522 ราษฎรในหมู่ที่ 2 ตำบลเขาหินซ้อน
น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินจำนวน 264 ไร่ ตำบลเขาหินซ้อน
อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา และได้ถวายที่ดินเพิ่มอีก 497 ไร่ รวมกับที่ดินบริเวณสวนรุกขชาติและ สวนพฤกษ์ศาสตร์
และที่ดินพระราชทานจากในหลวง ในพื้นที่ติดกับศูนย์ฯ รวมเป็น 1,895 ไร่ ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ชื่อว่า ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ในวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2523
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ
ปัจจุบันเป็น สถานที่พักผ่อนในวันหยุดที่ประชาชนให้ความสนใจ เข้าเยี่ยมชม
และศึกษาเรียนรู้ทั้งแบบครบครัวและหมู่คณะ โดยเป็น" แหล่งฝึกอบรม และศึกษาเชิงวิชาการ เพื่อพัฒนาการเกษตรและอาชีพให้กับเกษตรกรในภาคตะวันออก
"
ทริปตัวอย่าง 2 วัน 1 คืน เส้นทางท่องเที่ยว
จ.ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา
วันแรก : ชลบุรี ช่วงเช้า เดินทางไปวัดญาณสังวรารามมหาวรวิหาร
เยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้ชุมชนบ้านโรงสี ช่วงบ่าย เที่ยวชมป่าสิริเจริญวรรษ และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน
พักค้างคืนที่บางเสร่
วันที่สอง : ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา ช่วงเช้า เยี่ยมชมวิหารเซียน
ชมแหล่งผลิต เครื่องจักสาน ณ ชุมชนพนัสนิคม ช่วงบ่าย เยี่ยมชมศูนย์การพัฒนาเขาหินซ้อน
จ.ฉะเชิงเทรา
สถานที่เที่ยวห้ามพลาด พระตำหนักสามจั่ว หรือบ้านสามจั่ว
บ้านพักรับรอง เป็นบ้านไม้สองชั้นยกพื้นสูง ซึ่งพระบาทสมเด็จ-พระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ในการก่อสร้าง
ทั้งยังทรงออกแบบด้วยพระองค์เอง รวมถึงโรงสีข้าวพระราชทาน
สามารถเข้าชมกระบวนการสีข้าว ก่อนบรรจุใส่กระสอบในชื่อศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน
และต้องห้ามพลาดใช้บริการห้องอบและห้องนวดสมุนไพร เปิดบริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-16.00 น.
กิจกรรมห้ามพลาด ชมการสาธิตวิธีการเตรียมดินให้เหมาะสมกับการปลูกพืช
แต่ละชนิด
ชิมผลไม้สดๆ จากต้น พร้อมเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
โทร. 0-3855-4982
ชิมผลไม้สดๆ จากต้น พร้อมเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
โทร. 0-3855-4982
การเดินทาง จากอำเภอพนมสารคาม
ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 304 ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ช่วงกิโลเมตรที่ 51-52
@ผลิตภัณฑ์โครงการเพื่อสุขภาพ8รายการ
เมนูอร่อยและของดีจากโครงการหลวง
อาหารเพื่อสุขภาพอันเนื่องมาจากโครงการในพระราชดำริ สามารถเลือกซื้ออาหารเพื่อสุขภาพในโครงการพระราชดำริได้ที่ร้าน
Golden Place ร้านโครงการหลวง
และซูเปอร์มาร์เกตทั่วไป
จากพระราชดำริเริ่มแรกที่มีพระประสงค์ให้เกษตรกรมีอาชีพเลี้ยงตัวเองได้
และประกอบอาชีพในสิ่งที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย รวมทั้งไม่เป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ช่วยสร้างอาชีพให้เกษตรกรและพลิกฟื้นผืนดินที่แห้งแล้งทำมาหากินยากแล้ว
ผลผลิตจากการเกษตรอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อประชาชนชาวไทยได้มีของกินดี ๆ
ในราคาที่ไม่สูงมาก มีรายการอาหารเพื่อสุขภาพ จากโครงการหลวง ยอดนิยมดังนี้
1.นมโครงการหลวง นมโคแท้ ๆ 100% ที่ไม่ปรุงแต่งรส
ไม่มีส่วนผสมของนมผงใด ๆ
เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้ดื่มนมที่คงประโยชน์อยู่อย่างเต็มเปี่ยม
ซึ่งหลายคนอาจยังไม่ทราบว่า นอกจากนมโคแท้ตราจิตรลดาแล้ว
ยังมีนมชั่งหัวมันจากโครงการชั่งหัวมัน ที่เป็นนมโคเต็มมันเนย มีคุณค่าทางอาหารยังคงอยู่เกือบครบ
สามารถเก็บไว้ได้นานถึง 1 ปี โดยไม่ต้องแช่เย็น อร่อย มีประโยชน์
2. นมถั่วเหลือง โครงการหลวงมีนมถั่วเหลืองที่ผลิตจากถั่วเหลืองแท้
100%
และเป็นถั่วเหลืองที่ไม่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพทางเลือก
3. น้ำมะเขือเทศดอยคำ 100% เป็นน้ำมะเขือเทศแท้ ๆ
ที่คัดมาอย่างดี และยังมีน้ำผัก-ผลไม้ 100% ชนิดอื่น ๆ ให้เลือก เช่น
น้ำสตรอว์เบอร์รี 100% น้ำลิ้นจี่ 100% น้ำฝรั่ง 100%
4. น้ำสมุนไพรพร้อมดื่ม สกัดมาจากสมุนไพรมีประโยชน์
แถมยังมีหลายรสชาติ ทั้งชาเขียวสูตรต้นตำรับ น้ำเห็ดหลินจือผสมน้ำผึ้ง น้ำฟักเขียว
หรือน้ำตะไคร้
5. ผลไม้อบแห้ง จากการแปรรูปผลไม้สดให้อยู่ได้นานขึ้น อบแห้งบรรจุซอง
มีทั้งสตรอว์เบอร์รีอบแห้ง มะม่วงอบแห้ง ฝรั่งอบแห้ง และมะเขือเทศเชอร์รี่
6. แยมผลไม้ เป็นผลิตภัณฑ์ทาขนมปังที่ผลิตจากผลไม้สดกวนจนเหนียวข้น โดยไม่ผสมน้ำตาลมีด้วยกัน
3 รสชาติ คือ สตรอว์เบอร์รี มัลเบอร์รีทา
และพีช
7. ข้าวกล้อง ทั้งข้าวกล้องหอมมะลิงอก 100% กลุ่มวิสาหกิจชุมชนใน อ.เต่างอย
จ.สกลนคร นำมาผ่านการเพาะงอก หรือการรวมข้าวกล้องงอก
3 ชนิดไว้ในถุงเดียวกัน คือ ข้าวกล้องหอมนิลงอก 100%, ข้าวกล้องมันปูงอก 100%
และข้าวกล้องงอกไตรทิพย์
8. ข้าวเกรียบฟักทอง ของกินเล่นที่ได้ประโยชน์จากฟักทองเต็ม
ๆ อีกทั้งยังมีธัญพืชและผักชนิดอื่น ๆ รวมอยู่ด้วย กินเพลิน ๆ
ติดตามฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
“งดปล่อมโคมยิงลำแสงรอบสุวรรณภูมิรัศมี8กม.”
นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท
ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กล่าวว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.)
พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมมือกันรณรงค์การงดปล่อยโคมลอย ลูกโป่ง พลุไฟ
และการยิงลำแสงขึ้นสู่ท้องฟ้าในช่วงเทศกาลลอยกระทง ภายในรัศมี 8 กิโลเมตร โดยรอบสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ
ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ความปลอดภัยในการเดินอากาศ เพราะอาจเป็นอันตรายกับอากาศยาน
ชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลอื่น ทำให้เสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศ
และมีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา
229 และ 232 จึงขอประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบ
เกี่ยวกับอันตรายของการปล่อยโคมลอย ลูกโป่ง พลุไฟ
และยิงลำแสงขึ้นสู่ท้องฟ้าที่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยด้านการบิน
และขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายด้วย
ข่าวที่สอง
“ปราบทัวร์จีน0เหรียญตลาดดิ่งเหวหนัก”
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว
(แอตต้า) เปิดเผยว่า ต้องเร่งสร้างความเข้าใจ
เพื่อให้กระแสการเดินทางของตลาดทัวร์จีนกลับมาดีขึ้นภายในเดือนธันวาคมนี้
และดีต่อเนื่องไปจนถึงช่วงเทศกาลตรุษจีน ปี 2560
ซึ่งเป็นช่วงที่คนจีนนิยมเดินทางเที่ยวไทยสูงที่สุด เนื่องจากในปี
2559 คาดการณ์จะมีนักท่องเที่ยวมาไทย 10 ล้านคน แต่พอเกิดเหตุการณ์ในประเทศและผลกระทบที่เกิดจากนโยบายปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ
ยอดจึงต่ำเป้าลดลงมาเพียง 9.5 ล้านคน
ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ จะนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไปทำโร้ดโชว์ในจีน
โดยจะพยายามเร่งทำราคาแพ็กเกจทัวร์ใหม่ในนำเสนอคู่ค้าแบ่ง 3
ระดับ คือ ซิลเวอร์, โกลด์ และแพลทินัม
เพื่อเพิ่มยอดจีนเข้ามาเพิ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมปีนี้ต่อเนื่องไปจนถึงเทศกาลตรุษจีนต้นปีหน้า
สำหรับปี 2560 แอตต้าคาดการณ์แนวโน้มจะมีนักท่องเที่ยวจีนมาไทยเพียง
11 ล้านคน ต่ำกว่าเดิมเคยตั้งไว้ตลอดทั้งปีจะมากถึง 12-13 ล้านคน
ข่าวที่ 3 “สมคิดนำคณะจับเข่าคุยกับจีนธ.ค.นี้”
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์
และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เตรียมข้อมูลก่อนนำคณะเดินทางไปเยือนจีน
9-11 ธ.ค.2559 ในการดึงดูดนักลงทุนจากจีนเข้ามาในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันในอุตสาหกรรมดิจิตอล
ไอที สตาร์ทอัพ อาหารและเกษตร
ทั้งนี้ ดร.สมคิดมีกำหนดจะเข้าหารือกับรองนายกรัฐมนตรีของจีน
และเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการความร่วมมือทางการค้าไทย-จีน (เจซี) ประเด็นสำคัญ อาทิ
การผลักดันการขยายการค้าสองฝ่ายให้เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ภายใน 5 ปี
หรือในปี 2563 รวมถึงการทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจไทย-จีน ระยะ 5 ปี
การหารือความร่วมมือโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
การเพิ่มความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตร การเงิน พลังงาน และการท่องเที่ยว
พบกับสาระข่าวดี ๆ ได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.
ดำเนินรายการโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน และ นฤมล พุกยม
ติดตามฟังรายการย้อนหลังเข้าไปที่ www.google.com พิมพ์คำว่า รวยด้วยข่าว97.0 หรือทาง www.facebook.com/rauydauykhao
และ ข่าววิเคราะห์เจาะลึกทางบล็อกเกอร์ :gurutourza.blogspot.com
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรายการ ขอให้พักผ่อนอย่างมีความสุขตลอดวันหยุด
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน คอลัมนิสต์-การบิน/ท่องเที่ยว และผู้ดำเนินรายการรวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์สวท.FM97.0 MHz |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น