รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ตั้ง กรอ.ไมซ์พ.ย.59-9เส้นทางททท.ตามรอยพระบาท-บินไทยเปิดบินใหม่ฤดูหนาวปี59-60

ชงรัฐบาลลุงตู่ชี้ชะตาตั้ง“กรอ.ไมซ์”พ.ย.นี้

ททท.ชูก้าวแรกสู่9ยิ่งใหญ่ตามรอยพระบาท

บินไทยเพิ่มจุดบินใหม่ทั่วยุโรปหลังขาดทุนอื้อ

จัดToiet Tourism Awardsปี60

สวัสดีเช้าวันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2559 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย” FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” อัพเดทไปด้วยกันกับข่าวท่องเที่ยวทั่วฟ้าเมืองไทย

ช่วงแรกเวลา 11.15 น.

อรรคพล สรสุชาติ ประธานอนุกรรมการฯ อุตไมซ์

“คุณอรรคพล สรสุชาติ” ประธานอนุกรรมการภาครัฐและเอกชนเพื่อการลดอุปสรรคและพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถอุสาหกรรมไมซ์  ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ ถึงการจัดตั้ง “กรอ.ไมซ์” ที่จะนำเสนอตามขั้นตอนเพื่อให้รัฐบาล “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี พิจารณาออกมาภายใน พฤศจิกายนหรือธันวาคม 2559 หลังจากที่ภาครัฐกับเอกชนเคยหารือเบื้องต้นกันแล้วถึง 3-4 ครั้ง ในช่วงที่ 5 เดือนที่ผ่านมา โดยได้ทำการศึกษางานใหญ่ 2 งาน และนำภาครัฐกับเอกชนรายใหญ่มาร่วมแก้อุปสรรคปัญหาจากจริง ก่อนอื่นต้องขออธิบายถึงสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน.-TCEB นั้นพระราชกฤษฎกาจัดตั้งตามกฎหมาย แต่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับไมซ์มีมากถึง 215 ฉบับ หากจะไปไล่แก้กฎหมายทั้งหมดคงจะยากลำบาก จึงหารือกันหันมาตั้ง “คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมไมซ์” จะมีความคล่องตัวเกิดประโยชน์ต่อประเทศในเวลาอันรวดเร็วได้มากกว่าใช้วิธีแก้กฎหมายที่ผูกพันอยู่ทั้งหมด

ขณะเดียวกันก็ได้ไปพบว่าในสมัยพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี พ.ศ.2550 มีการจัดตั้ง “คณะกรรมการส่งเสริมความร่วมมืออุตสาหกรรมไมซ์” แต่ครั้งนั้นโครงสร้างหลักเป็นการตั้งหน่วยงานรัฐเข้ามาร่วมหารือกันเพื่อแก้ปัญหาอุตสาหกรรมไมซ์ แต่ว่าตอนนี้ 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดอุตสาหกรรมไมซ์นั้นเติบโตอย่างมหาศาล ดังนั้นคณะกรรมการชุดนี้จึงต้องมีนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแล มาเป็นประธาน จึงได้หารือกันเพื่อเชื่อมยุทธศาสตร์ไมซ์ให้สอดคล้องกับท่องเที่ยวที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ สอดประสานกับนโยบายพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สามารถทำทุกอย่างให้สอดคล้องประสานไปพร้อม ๆ กัน

จากการประชุมร่วมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทางอนุกรรมการฯ ได้ประชุมร่วมกันกับ TCEB แล้ววางขั้นตอนสรุปเพื่อนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) TCEB ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2559 เพื่อลงมติเห็นชอบกรอบแนวทางการจัดตั้ง “คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ไมซ์” โดยใช้โครงสร้างเดิมของ “คณะกรรมการส่งเสริมความร่วมมือพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์” พ.ศ.2550 ปรับปรุงโครงสร้างกรรมการและภารกิจที่เหมาะสม จากนั้นก็นำเสนอรองนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในขั้นตอนต่อไป คิดว่าตามกระบวนการทั้งหมดน่าจะแล้วเสร็จได้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2559

การเดินหน้า กรอ.ไมซ์เมื่อสำเร็จแล้วจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศอย่างไรนั้น คุณอรรคพลย้ำว่าอุตสาหกรรมไมซ์นับเป็นพลังดึงดูรายได้เข้าประเทศ ดังนั้นเมื่อมีคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เข้ามาก็จะได้ประชุมร่วมกันทุก ๆ ไตรมาส (3เดือน) แตกต่างจากอุตสาหกรรมอื่น เพราะสามารถรู้ก่อนล่วงหน้าเป็นปฏิทินการจัดงานไมซ์ แต่ละเดือนจะมีงานใหญ่ ๆ เข้ามาจัดในประเทศไทยบ้าง รวมทั้งสามารถเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยกับภูมิภาคเอเชีย ทุกฝ่ายเองก็ต้องการเห็นไทยเป็นผู้นำ เพราะทุกวันนี้สิงคโปร์กับฮ่องกงเป็นคู่แข่งขันระดับเอเชียและระดับโลก เพราะฉะนั้นถ้าไทยเดินหน้าจัดตั้ง กรอ.ไมซ์ ได้เร็ว การแข่งขันก็จะเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

ส่วนการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ทั้งทางรายได้และจำนวนงานขนาดใหญ่นั้น ต้องนับเรื่องโอกาสในการเป็นประเทศจัด “งานขนาดใหญ่” มากขึ้น หากกฎระเบียบมีการปรับให้สอดคล้องกับมาตรฐานของนานาชาติ น่าจะเติบโตได้มากกว่าปัจจุบันเฉลี่ยปีละเกิน 10 % ขณะที่การทำรายได้ในปัจจุบัน แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ “รายได้โดยตรง” จากการใช้จ่ายของจัดงาน ปีละประมาณเกือบ 200,000 ล้านบาท และ “รายได้ทางอ้อม” จากการขายสินค้าแต่ละงาน หรือการท่องเที่ยวของคนที่เข้ามาเยี่ยมชมแต่ละวัน สามารถขยายผลได้ปีละกว่า 100,000 ล้านบาท ยอดรายได้รวมก็ไม่ต่ำกว่า 300,000 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับอีกหลายประเทศแล้วไทยก็อยู่ในอันดับต้น ๆ

แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคคือทุกวันนี้อุตสาหกรรมไมซ์ของไทยทำไปตามกฎเกณฑ์ที่มีอยู่ได้ เปรียบเทียบกับสิงคโปร์ สถานที่จัดงานก็ไม่ได้เหนือกว่าไทย อีกทั้งไทยยังมีความได้เปรียบมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ มีความหลากหลายมากกว่าคู่แข่งขัน หรือแม้แต่โครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมโยงเส้นทางไปสู่กลุ่มประชาคมอาเซียนก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทว่าต้องทำให้โลจิสติกส์ไมซ์ของไทยคล่องตัวหรือยืดหยุ่นได้มากกว่านี้

ศักยภาพของ M-I-C-E หรือไมซ์นั้น ตัวที่ทำรายได้โดดเด่น คือ C-การจัดประชุมประชุมนานาชาติ กับ E-Exhibition จัดแสดงสินค้านานาชาติ ด้วยเพราะประเทศไทยมีสถานที่จัดงานมาตรฐานอินเตอร์สู้กับหลายประเทศได้อย่างเข้มแข็ง เพียงแต่การโลจิสติกส์ไมซ์ตั้งแต่การเริ่มเดินทางเข้ามาคือขอวีซ่า การนำเข้าอุปกรณ์ตามกฎระเบียบ พิธีการต่าง ๆ ยังติดขัด จึงควรจะร่วมมือกันทำให้มีคล่องตัวมากกว่านี้ เพราะไมซ์เป็นตลาดศักยภาพสูง

ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมไมซ์ยังเป็นฐานสำคัญสามารถเชื่อมโยงเข้ากับการขับเคลื่อนนโยบายประชารัฐได้ด้วย ดูจากคณะกรรมการที่รัฐบาลตั้งมาในการขับเคลื่อนประชารัฐภาคบริการ โดยมีคุณชนินทร์ โทณวณิก เจ้าของเครือดุสิตธานี เป็นประธาน เมื่อหันมาพิจารณาถึงโครงสร้างของ “คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ไมซ์” ชุดใหม่ จะมีความเป็นไปได้สูงมากเพราะเดินไปทางเดียวกันสามารถส่งเสริมทั้ง 2 ข้างไปพร้อมกัน

ดังนั้นจึงเป็นแนวทางใหม่ ระยะแรกจึงต้องอาศัยความเข้าใจ พบปะกันบ่อย ๆ ระหว่างคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ บทบาทหน้าที่ของสื่อมวลชนก็จะเป็นอีกช่องทางที่จะช่วยทำให้ส่วนรวมเข้าใจ “อุตสาหกรรมไมซ์” ซึ่งยังเป็นเรื่องใหม่ของประเทศ ทว่าประโยชน์ที่จะทำให้ไทยเป็นเจ้าภาพที่ดีและร่วมมือกันแก้ไขอุปสรรคปัญหาให้ผ่านพ้นไปได้ “อุตสาหกรรมไมซ์ของไทย” ก็จะสดใสในระยะยาวต่อไปอย่างแน่นอน

แล้วมารับฟังข่าวช่วงแรก

ข่าวที่ 1 “10ธนาคารหนุนเติมเงินช้อปสินค้าคิงเพาเวอร์”

กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ร่วมกับ10 ธนาคาร ได้แก่ ไทยพาณิชย์ กสิกรไทย กรุงเทพ ทหารไทย กรุงศรีอยุธยา เคทีซี ยูโอบี  ซิตี้แบงก์ สแตนดาร์ดชาเตอร์ส  ธนชาติ เปิดให้สมาชิกคิง เพาเวอร์ เติมเงินผ่านบัตรเครดิต วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 2559 เพื่อช้อปในร้านค้าของคิง เพาเวอร์สาขาต่อไปนี้ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต รับฟรี Gift Voucher สูงสุด 12,000 บาท  โดยยอดเงินในบัตรสมาชิก และ Gift Voucher หมดอายุวันที่ 5 ธันวาคม 2559 ดูรายละเอียดเพิ่มที่ www.kingpower.com หรือคอลเซนเตอร์ 1631

ข่าวที่ 2 “ชมบ้านหมอหวานในเกาะรัตนโกสินทร์”

การท่องเที่ยวรอบพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์และพระบรมมหาราชวัง ที่ควรค่าจะไปเยี่ยมชมอีกแห่งขอแนะนำ “บ้านหมอหวาน” ซึ่งเปิดให้เข้าชมฟรี เมื่อครั้งอดีตบ้านหลังนี้เกิดขึ้นจาก “นายหวาน รอดม่วง” แพทย์แผนโบราณซึ่งมีชีวิตอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 5-8 มุ่งมั่นจะสืบทอดแพทย์แผนไทยเอาไว้ภายใต้คอนเซ็ปต์  ‘บำรุงชาติสาสนายาไทย’ นับเป็นความตั้งใจที่สวนกระแสสังคมในยุคหลัง พ.ศ. 2466 (หลังมีพระราชบัญญัติการแพทย์ฉบับแรก) สมัยนันคนไทยหันไปพึ่งแพทย์แผนตะวันตกจนวิชาแพทย์แผนไทยเกือบสูญหาย

ทุกวันนี้ “บ้านหมอหวาน” ปลูกสร้างในแบบโคโลเนียล เป็นศูนย์รวมยาหอมสารพัดอย่าง ภายในบ้านยังมีของเก่าแก่ให้ชม อาทิ อุปกรณ์ปรุงยาแบบโบราณ ขวดยาเก่า ได้รับการดูแลรักษาไว้เป็นอย่างดี แล้วต้องห้ามพลาดซื้อยาหอมสูตรโบราณเป็นของฝาก มีอยู่ 4 สูตรเด็ด ได้แก่ สุรามฤทธิ์ อินทรโอสถ ประจักร์ หรือสว่างภพ  สนใจเข้าไปชมบ้านหมอหวานโทร.สอบถามได้ที่  02-221-8070

ข่าวที่ 3 “9แห่งความยิ่งใหญ่ตามรอยพระบาทเที่ยวไทย”

“นายยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ร่วมกับภาคเอกชนจัดกิจกรรมส่งเสริมเส้นทางท่องเที่ยวฤดูหนาวตั้งแต่ปลายปีนี้ไปจนถึงปี 2560 โดยได้เลือก 2โครงการหลัก ประกอบด้วย โครงการแรก “70 เส้นทางตามรอยพระบาท” เชื่อมโยงกับพื้นที่“12 เมืองต้องห้าม .. พลาด” และ “12 เมืองต้องห้าม .. พลาดพลัส”  และ 2.กิจกรรมการแสดงดนตรี “แจ๊สแห่งความทรงจำ” 2 พื้นที่ ในบรรยากาศสบายๆ ต้นฤดูหนาว ระหว่าง 26 – 27 พฤศจิกายน 2559 พื้นที่แรก ณ วัดพระราม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายใต้แนวคิด “Jazz in the World Heritage” ดนตรีป็อปแจ๊สผสานกับวงออร์เคสตร้า ซาบซึ้งกับดนตรีคลาสสิกท่ามกลางบรรยากาศเมืองราชธานีเดิมของไทย และพื้นที่ 2 แหลมแท่น ตำบลแสนสุข จังหวัดชลบุรี ในแนวคิด “Jazz on the Beach” ได้รับเกียรติจาก ดร.ภาธร ศรีกรานนท์ นักดนตรีวง อ.ส. วันศุกร์ หรือ อัมพรสถานวันศุกร์ ซึ่งเป็นวงดนตรีในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาร่วมบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ และเล่าเรื่องราวอันสุดประทับใจ

ภายในบรรยากาศงานแจ๊สทั้งสองแห่งจะเบิกโรงด้วยบทเพลงพระราชนิพนธ์ “ลมหนาว”  พร้อมกับนำเสนอร้านอาหารถิ่น นิทรรศการอันเกี่ยวกับโครงการตามพระราชดำริ โครงการตามพระราชเสาวนีย์ โครงการหลวง โครงการทดลองทางการเกษตร พื้นที่ทรงงาน ซึ่งปรากฏในหนังสือคู่มือท่องเที่ยว “70 เส้นทางตามรอยพระบาท” โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและชลบุรี อาทิ ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร พระราชวังบางประอิน ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล เป็นต้น ผู้เข้าชมไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

            สำหรับกิจกรรม 70 เส้นทางตามรอยพระบาท ได้นำร่องจัด “ก้าวแรกสู่ 9 ที่ยิ่งใหญ่” เลือกพื้นที่ท่องเที่ยว 9 เส้นทาง คัดเลือกโครงการตามพระราชดำริหรือสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินเพื่อเยี่ยมเยือนพสกนิกรเป็นครั้งแรก ทำให้เกิดเป็นโครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อความเป็นอยู่ของประชาชนสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยว และเกิดเหตุการณ์อันน่าประทับใจเล่าขานมาถึงปัจจุบัน นำมาผูกโยงเป็นเส้นทางท่องเที่ยว ทั้ง 9 เส้นทาง ททท. จะนำเสนอสมาคมธุรกิจนำเที่ยวและสายการบินต่างๆ ทำเป็นแพ็กเกจท่องเที่ยวให้ประชาชนได้เลือกเดินทาง ได้แก่

 

 เส้นทางที่ 1 : บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี - โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ – ศูนย์การศึกษาพัฒนาห้วยทราย จังหวัดเพชรบุรี – อ่างเก็บน้ำเขาเต่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

 

 เส้นทางที่ 2 : โครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ – ชุมชนบางกะเจ้า –  สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ จังหวัดสมุทรปราการ

 เส้นทางที่ 3 : ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี
 

             เส้นทางที่ 4 : สวนกุหลาบห้วยผักไผ่ - สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง – บ้านนอแล - พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงบ้านยาง  จังหวัดเชียงใหม่

 

 เส้นทางที่ 5 : โครงการหลวงแม่โถ – สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ – อุทยานแห่งชาติแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่

 

 เส้นทางที่ 6 : ศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมัน – พระตำหนักดอยตุง – สวนแม่ฟ้าหลวง – หอแห่งแรงบันดาลใจ – หอฝิ่นอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ จังหวัดเชียงราย

 

             เส้นทางที่ 7 : ศูนย์การศึกษาพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ – โครงการสวนพฤกษศาสตร์ในจังหวัด ชายแดนภาคใต้ ตำบลกะลุวอ จังหวัดนราธิวาส

 

 เส้นทางที่ 8 : ศูนย์การศึกษาพัฒนาภูพาน จังหวัดสกลนคร

 

 เส้นทางที่ 9 : หาดราไวย์ – น้ำตกวังขี้อ้อน จังหวัดภูเก็ต – ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่ จังหวัดกระบี่

         นักท่องเที่ยวสามารถดาวน์โหลดคู่มือท่องเที่ยว “70 เส้นทางตามรอยพระบาท” ได้ที่ http://70waysofking.tourismthailand.org หรือเบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย 1672  

 ข่าวที่ 4 “บางจากคาดปี’60EBIDAสดใส-ราคาน้ำมันฉลุย”

“นายสุรชัย โฆษิตเสรีวงศ์” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานด้านบัญชีและการเงิน บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) กล่าวว่า คาดว่าปี 2560 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จะดีขึ้นกว่าปี 2559 เนื่องจากปีหน้าไม่มีกำหนดการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ส่งผลให้สามารถเดินเครื่องกลั่นน้ำมันได้เต็มที่ โดยคาดปริมาณการกลั่นปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.01 แสนบาร์เรล/วัน จากปีนี้น่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 9.6 หมื่นบาร์เรล/วัน เพราะมีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในช่วงต้นปีนี้ราว 45 วัน

สำหรับการประเมินทิศทางราคาน้ำมันปี 2559 เฉลี่ยอยู่ที่ 42 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนปี 2560 คาดว่าราคาน้ำมันน่าจะอยู่ที่ระดับ 50-55 เหรียญ/บาร์เรล

ข่าวที่ 5 อินเซนทีฟ-เอ็กซิบิชั่นนำโด่งในตลาดไมซ์59

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือTCEB ได้นำภาพรวมของอุตสาหกรรมไมซ์ (A MICE MARKET OVERVIEW) มานำเสนอ ใน 4 เสาหลัก M-I-C-E

          M-Meeting หรือการจัดสัมมนา แนวโน้มเม็ดเงินที่ใช้จ่ายในการจัดประชุมทั่วโลกจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในภูมิภาคเอเชีย แปวิฟิก ที่มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลก 2.1 % ตามด้วยอเมริกาเหนือ เพิ่มขึ้น 1.9 % สาเหตุหลักมาจาก ซัพพลายเออร์ โรงแรม สายการบิน พร้อมกันปรับขึ้นค่าบริการ

          I –Incentive การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล เมื่อปี 2558 ได้รับนิยมพุ่งสูงมากเป็นพิเศษ พอมาถึงปี 2559 เส้นกราฟความนิยมก็ยังคงพุ่งแรง โดยมีคนในกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจำนวนสูงถึง 36 % แจกอินเซ็นทีฟกัน ด้วยในส่วนนี้มีคนมากถึง 14 % วางแผนใช้เงินส่วนนี้มากกว่า 4,000 เหรียญสหรัฐต่อคน

          C : Convention การประชุมและแสดงสินค้าระดับนานาชาติ โดยเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกาเพิ่มต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2555-2558 เพิ่มทุกปีเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละ 3.6 %

          E: Exhibition การจัดแสดงสินค้ารูปแบบเทรดโชว์ ก็เป็นอีกตลาดที่เติบโตตลอดปี 2559 ไม่ต่ำกว่า 2.4 % นิยมจัดการแสดงสินค้ากลุ่มมาแรงสุด ๆ เกี่ยวกับธุรกิจก่อสร้าง ซ่อมแซมที่อยู่อาศัย มีสัญญาณเติบโตมาตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2558 ต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เติบโตขึ้น 11.8 %

ข่าวที่ 6 “แอร์เอเชียจัดเยียร์เอนด์เซลตั๋ว0บาท”

ไทยแอร์เอเชียและแอร์เอเชียเอ็กซ์ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยโปรโมชั่น Year End Sale จำหน่ายตั๋วโดยสารเครื่องบิน ราคา 0 บาท และเส้นทางบินทั้งในและต่างประเทศ เปิดให้จองมาตั้งแต่14 พ.ย. จนถึง 20 พ.ย. 2559 ซื้อแล้วนำเก็บไว้ใช้ได้ข้ามปี ระหว่าง1 พฤษภาคม 2560 - 6 กุมภาพันธ์ 2561 แต่0tต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้า ที่ www.airasia.com

 ช่วงที่ 2 เวลา 11.45 น.ฟังเรื่องดี ๆ มีความสุขกับการได้ไปเยี่ยมชมโครงการหลวง การดูแลสุขภาพ และ ข่าวท้ายชั่วโมง

@โครงการหลวงแม่โถ อ.ฮอด เชียงใหม่

ก้าวแรกสู่ 9 ที่ยิ่งใหญ่ ใน 70 เส้นทางตามรอยพระบาท ไปเยี่ยมชมโครงการพระราชดำริ ที่ “โครงการหลวงแม่โถ” อ.ฮอด เชียงใหม่” ซึ่งมีกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงเกษตร  นำชมแปลงส่งเสริมผลผลิตเกษตรกรมากมาย เช่น กะหล่ำปลี ผักกาดหวาน เบบี้ฮ่องเต้ คอสสลัด เรดโครอล โอ๊คลีฟแดง ผักโขมแดง การปลูกผักในโรงเรือนไม้ไผ่ ชมแปลงส่งเสริมไม้ผล เช่น อะโวคาโด พลับ แบล๊คมัลเบอร์รี่ ชมแปลงดอกอัสสโตรมีเรีย
 

ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ ต.บ่อสลี อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ที่บ้านแม่โถ ซึ่งมีชาวเขาเผ่าม้งและกะเหรี่ยงอาศัยอยู่เดิมยึดอาชีพปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอยขาดความรู้และความเอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อม ต้องต่อสู้กับความยากลำบากยากจน เรื่อยมาจน กระทั่งปี พ.ศ. 2539 ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถได้จัดตั้งขึ้นตามแนวนโยบายส่งเสริมอาชีพเกษตรกรแผนใหม่ เพื่อทดแทน การปลูกฝิ่นและการลดใช้สารเคมีกะหล่ำปลี ลักษณะพื้นที่ตั้งศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ เป็นภูเขาสลับซับซ้อน ทอดยาวตามแนว เหนือใต้ สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 800-1200 เมตร คลอบคลุม 2 อำเภอ คือ อ.ฮอดและอำเภอแม่แจ่ม

มาแล้วจะได้ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวม้งและชาวปะกาเกอะญอ ไปพร้อมกันได้ด้วย และเที่ยวเชิงธรรมชาติ ในจุดชมวิวทิวทัศน์ดอยแม่โถ บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่โถ ด้วยทัศนียภาพของเทือกเขาและผืนป่ากว้างไกล ช่วงฤดูหนาว ยามเช้าจะมีทะเลหมอกปกคลุมสวยงาม

ที่พักและอาหาร  ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ มีบ้านพัก 1 หลัง พักได้ประมาณ 10 ท่าน คิดราคาคนละ 150 รวมถึงเต้นท์ให้บริการ ค่าบริการอาหารต่อคน มื้อเช้า 80 บาท กลางวัน 100 บาท มื้อเย็น150 บาท และมีรถบริการนำเที่ยวโรงเรือนปลูกผักและจุดชมวิว คันละ 500 บาท

สอบถามการไปท่องเที่ยวโครงการหลวงแม่โถ ได้ที่จังหวัดโทรศัพท์ 088-434-4902

@แพทย์รณรงค์หันมากินข้าวไทย9ชนิดดีต่อสุขภาพ

นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ กรมอนามัย แนะนำคนไทยเรื่องการเลือกรับประทาน “ข้าว” ซึ่งเป็นแหล่งสารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานแก่ร่างกายและสมอง ข้าวสวย 1 ทัพพี ปริมาณ 60 กรัม หรือข้าวเหนียว 1/2 ทัพพี ปริมาณ 35 กรัม จะให้พลังงานประมาณ 80 กิโลแคลอรี เทียบได้กับขนมปัง 1 แผ่น หรือ ขนมจีน 1 จับ ในเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้หญิงวัยทำงาน กินวันละ 7-8 ทัพพี

ในผู้ชายวันละ 10-12 ทัพพีแนะให้เลือกข้าวขัดสีน้อยจำพวกข้าวกล้องหรือข้าวสีต่างๆ เพราะจะได้ใยอาหารเพิ่มขึ้น ย่อยช้า ทำให้รู้สึกอิ่มนาน ช่วยควบคุมน้ำหนักและการขับถ่ายให้ดีขึ้น ซึ่งในประเทศไทยมีข้าวให้เลือกหลากหลาย

มีคุณค่าทางโภชนาการแตกต่างกันไป อาทิ

1.ข้าวหอมมะลิ เมล็ดข้าวยาวเรียว มีความใส แกร่ง เลื่อมมัน มีกลิ่นหอมคล้ายใบเตย

2.ข้าวไรซ์เบอรี่ เป็นข้าวที่ได้รับการพัฒนาจากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างข้าวเจ้าหอมนิล กับข้าวขาวดอกมะลิ เมล็ดมีลักษณะเรียวยาว สีม่วงเข้ม มีสารต้านอนุมูลอิสระสังกะสีและโฟเลตสูง ลดความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ต้านมะเร็ง ช่วยควบคุมน้ำตาล ช่วยบำรุงโลหิตสำหรับผู้ที่เป็นโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก

3.ข้าวสังข์หยด เป็นข้าวที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาประกาศรับรอง ให้เป็นสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์พันธุ์แรกของไทย ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายในสิทธิของชุมชนผู้ผลิต คือ จังหวัดพัทลุง มีสารต้านอนุมูลอิสระ oryzanol และ GABA มีวิตามินบี 3 สูง ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบผิวหนังและประสาท ถ้าขาดวิตามินนี้จะทำให้เกิดโรค Pellagra ทำให้มีอาการผิดปกติทางระบบประสาท ความจำเสื่อม ทำให้ผิวหนังที่ถูกแสงแดดจะอักเสบเป็นผื่นแดงและลอก

4.ข้าวสีนิล หรือ ข้าวหอมนิล หรือ ข้าวก่ำ มีสีม่วงดำ ส่วนของเยื่อหุ้มเมล็ดสีม่วงประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระช่วยการหมุนเวียนของระบบเลือด ชะลอการเสื่อมของเซลล์ ป้องกันโรคหัวใจ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชลล์มะเร็งปอด เซลล์มะเร็งกระเพาะ ลดคอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ เพิ่มระดับไขมันดีในเลือด มีผลต่อการทำงานของต่อมใต้สมอง ยับยั้งการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร ยับยั้งการรวมตัวของเกล็ดเลือดและลดน้ำตาลในเลือด

5.ข้าวเจ๊กเชยเสาไห้ เป็นเป็นข้าวที่ได้รับการจดทะเบียนสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์เป็นข้าวพื้นเมืองของอำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี เป็นพันธุ์ที่หุงขึ้นหม้อ เมล็ดสวย ไม่บูดง่าย ไม่ยุบตัวเมื่อราดแกง มีปริมาณอะมิโลสสูง

6.ข้าวเหนียวเขี้ยวงู เป็นข้าวเหนียวนิยมปลูกทางภาคเหนือ มีรสชาติอร่อย นิ่ม หอม หุงขึ้นหม้อ ข้าวที่นึ่งแล้วมีลักษณะเรียวยาวเป็นมันวาว นิยมนำมานึ่งเป็นข้าวเหนียวมูน

7.ข้าวเหนียวลืมผัว เป็นข้าวเหนียวชนิดข้าวไร่ของชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง เยื่อหุ้มเมล็ดมีสีม่วงดำเรียกว่าข้าวเหนียวดำหรือข้าวก่ำ มีกลิ่นหอม รสชาติอร่อย เมื่อเคี้ยวจะรู้สึกมันนุ่ม มีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินอีและสารแกมม่า-โอไรซานอล

8.ข้าวสินเหล็ก เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างข้าวเจ้าหอมนิลกับข้าวขาวหอมมะลิ มีสีขาวกลิ่นหอม เมล็ดเรียวยาว มีธาตุเหล็กสูง ลดกลไกการอักเสบในเลือด ช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ในเลือด มีวิตามินบี 1 สูงช่วยป้องกันโรคเหน็บชา

9.ข้าวเล็บนก เป็นข้าวพื้นเมืองที่นิยมปลูกในภาคใต้ รสชาติดี เคี้ยวนุ่มปาก อร่อย มีวิตามินอี และ GABA สูงถึง 10 เท่า ช่วยด้านความจำ ควบคุมความดันโลหิต ลดไขมันในเลือด

นพ.วัชระย้ำว่าในประเทศไทยมีข้าวให้เลือกมากมายหลายสายพันธุ์ ตอนนี้ชาวนากำลังประสบปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ประชาชนสามารถเลือกซื้อข้าวสารที่ชาวนานำมาจำหน่ายเอง เพื่อเป็นการส่งเสริมและช่วยเหลือชาวนาให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกทาง

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “ไทยจัดแอร์เรซวันบูมทัวร์กีฬาคุณภาพ”

พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 19-20 พฤศจิกายน 2559 ไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดสุดยอดกีฬามอเตอร์สปอร์ตหรือการแข่งการบินทางอากาศที่เร็วสุดที่สุดในโลก เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชีย คือ "AIR RACE 1 THAILAND Presented by Chang" ณ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา (ระยอง-พัทยา) ดึงดูดการท่องเที่ยวเชิงกีฬากลุ่มคุณภาพเข้าประเทศ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเร็วจะได้พบกับนักซิ่งทางอากาศจากทั่วโลกโชว์ลีลาฉวัดเฉวียนให้ชม นำโดย ธอม ริชาร์ด แชมป์เก่าชาวอเมริกัน และชมนิทรรศการการบินกลางอากาศ การโชว์บินผาดแผลง การแสดง Fancy Drill ที่น่าตื่นตาตื่นใจจากกองทัพเรือ และกิจกรรมหลากหลายตลอดงาน

            การแข่งขันครั้งนี้จะเป็นเตรียมความพร้อมของไทย ในการจัดแข่งขัน "AIR  RACE 1 WORLD CUP2017 (Thailand)" สนับสนุนเนื่องในโอกาส 50 ปี ก่อตั้งอาเซียน ต่อไปในปี 2560

ข่าวที่สอง “ทุ่ม1.47หมื่นล้านทำสนามบินภูเก็ตเฟส2-3”

นายประสงค์ พูนธเนศ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.กล่าวว่าที่ประชุมมีมติเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2559 เเห็นชอบแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต  ระยะ(เฟส) ที่ 2 และ 3 ระหว่างปี 2560-2568 วงเงินรวม 1.47 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย เฟสที่ 2 ปี 2560 – 2565 วงเงินลงทุนประมาณ 2,700 ล้านบาท เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจาก 12.5 เป็น 18 ล้านคนต่อปี ก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์ด้านหน้าอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ  1,500 คันขยายพื้นที่อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ขยายลานจอดอากาศยาน ปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคต่างๆ และก่อสร้างทางเชื่อมยกระดับจากสถานีรถไฟฟ้ารางเดี่ยวเข้าสนามบิน เฟสที่ 3 ปี 2566 – 2568 เงินลงทุน 1.2 หมื่นล้านบาท เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจาก 18 ล้านคนต่อปี เป็น 25 ล้านคนต่อปี
ข่าวที่สาม “บินไทยเพิ่มจุดบินฤดูหนาวในยุโรปเพียบ”

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยหลังประกาศผลขาดทุนไตรมาส 3 เกือบ 1,600 ล้านบาท ว่า การบินไทยได้ปรับตารางการบินฤดูหนาวระหว่าง 30 ตุลาคม 2559 – 25 มีนาคม 2560 แบ่งเป็น

1. เปิดเส้นทางบินใหม่ในแถบยุโรปด้วยเครื่องบิน โบอิ้ง 777-200ER เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-มอสโคว์ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์  เริ่ม 15 ธันวาคม 2559 “กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-แฟรงก์เฟิร์ต”  3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

2. เพิ่มความถี่เที่ยวบินต่อสัปดาห์สู่ยุโรป กรุงเทพฯ- โคเปนเฮเกน-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ 2 เริ่ม 9 ธันวาคม 2559 “กรุงเทพฯ-สตอกโฮล์ม-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ” 2 เที่ยว เริ่ม 10 ธันวาคม 2559 กรุงเทพฯ-ลอนดอน จาก 12 เป็น 14 เที่ยว ด้วยแอร์บัส  เอ 380 รวม 7 เที่ยว และโบอิ้ง 777-300ER 7 เที่ยว ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และจะใช้เครื่องโบอิ้ง 777-300ER บินตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปในเส้นทาง “กรุงเทพฯ-ออสโล” จาก 5 เป็น 7 เที่ยว  “กรุงเทพฯ-บรัสเซล” จาก 3 เป็น 4 เที่ยว

            เพิ่มความถี่กรุงเทพฯสู่อาเซียนและเอเชีย “กรุงเทพฯ-มะนิลา” จาก 10 เป็น 14 เที่ยว เริ่ม 1 ธันวาคม 2559 กรุงเทพฯ-ธากา จาก 7  เป็น 11 เที่ยว เริ่ม 1 มกราคม 2560

3. เพิ่มเส้นทางที่ใช้เครื่องบินรุ่นใหม่ที่ทันสมัยในแต่ละสัปดาห์ ประกอบด้วย แอร์บัส เอ 350 รุ่นใหม่ล่าสุด มาให้บริการกรุงเทพฯ-โรม 4 เที่ยว กรุงเทพฯ-มิลาน 3 เที่ยว และบางเที่ยวบิน กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป  ส่วน แอร์บัส เอ 380 จะให้บริการ กรุงเทพฯ-โอซากา  TG672/673 เริ่ม 16 มกราคม 2560 เป็นต้นไป

             ผู้โดยสารดูรายละเอียได้ที่ www.thaiairways.com หรือ THAI Contact Center โทรศัพท์ 0-2356-1111 (ตลอด 24 ชั่วโมง) รวมทั้งตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสารของการบินไทยทุกแห่ง

ข่าวที่สี่ “ปลุกทั่วโลกประกวดToilet Tourism Awards”

นายบราวน์วิน ไวท์ ผู้ร่วมก่อตั้ง MyTravelResearch.com กล่าวว่า ในโอกาสที่สหประชาชาติ (United Nations ) ประกาศให้วันที่ 19 พฤศจิกายน ของทุกปีเป็นวันส้วมโลก UN International Toilet Day นั้นทาง MyTravelResearch.com จึงได้ถือจังหวะนี้จัดทำโครงการ “Toilet Tourism Awards-รางวัลห้องน้ำสถานที่ท่องเที่ยว” ตามที่สหประชาชาติตั้งเป้าหมายใน พ.ศ. 2573 หรืออีก 13 ปีข้างหน้า จะพัฒนาให้เกิดห้องน้ำในสถานที่ท่องเที่ยวตามมาตรฐานสากล เนื่องจากเล็งเห็นว่าปัจจุบันส้วมหรือห้องน้ำเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีความสำคัญต่อการเจ็บป่วย เป็นสิ่งแวดล้อมที่มีความท้าทายอย่างมากต่อสุขภาพของคน จึงจะรณรงค์ให้คนทั่วโลกหันมาร่วมมือกันเรื่องสุขลักษณะส้วมซึ่งเป็นต้นเหตุหลักของโรคต่าง ๆ อีกทั้งยังไม่มีความปลอดภัยสำหรับผู้หญิงด้วย

ปัจจุบันหลายประเทศได้หันมาให้ความสำคัญในการพลิกโฉมการสร้างส้วมหรือห้องน้ำในสถานที่ท่องเที่ยว เพราะมีส่วนต่อการพัฒนาเศรษฐกิจรวมอยู่ด้วยที่จะดึงดูดคนเข้าไปใช้บริการ ด้วยสิ่งที่ดีที่สุดทางด้านทำเลที่ตั้ง การออกแบบ และนวัตกรรมสมัยใหม่เข้าถึงได้อย่างสะดวกสบาย

ในการจัดประกวด “Toilet Tourism Awards ทาง MyTravelResearch.com เปิดรับสมัครผู้ที่สนใจได้ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึง 1 เมษายน 2560

ส่วนชิงรางวัลชนเลิศในปี 2560 มูลค่า 2,000 เหรียญออสเตรเลีย พร้อมกับผลการวิจัยซึ่งมีค่ามากกว่า 8,000 เหรียญสหรัฐ และยังได้นำรายละเอียดจากโครงการไปนำเสนอในงานคอนเฟอร์เรนท์โลก Travel and Tourism Research Association international conference in Quebec, Canada, 22 June 2017 นำไปใช้ประโยชน์ต่อเนื่องในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่ชนะเลิศการประกวดดังกล่าวต่อไป

เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่  www.MyTravelResearch.com Email: carolyn@mytravelresearch.com or bronwyn@mytravelresearch.com

พบกับสาระข่าวดี ๆ ได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.

ดำเนินรายการโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน และ นฤมล พุกยม

ติดตามฟังรายการย้อนหลังเข้าไปที่ www.google.com พิมพ์คำว่า รวยด้วยข่าว97.0 หรือทาง www.facebook.com/rauydauykhao , www.facebook.com/penroong yaisamsen   

เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
บล็อกเกอร์และคอลัมน์นิสต์ การบิน/ท่องเที่ยว และผู้ดำเนินรายการ