บิ๊กบินไทยปรับใหญ่โปรดักซ์ทั้งระบบ
103ปีดอนเมืองปูทาง5ปีหน้ารับ40ล้านคน
ททท.ดึงกินเนสต์บุ๊คบันทึกมวยไทยโลก
แอร์บัสปลุกฝันศูนย์ซ่อมอู่ตะเภา-EEC
ขึ้น3ดอยเมืองน่านไปดูดอกชมพูภูคา
สวัสดีเช้าวันเสาร์ที่ 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังสดทางมือถือเลือก FM 97.0 หรืออ่านใน www.facebook.com/penroong และ gurutourza.blogspot.com)
ธีรพล โชติชนาภิบาล
รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการพาณิชย์ บมจ.การบินไทย
|
ช่วงแรก “ธีรพล โชติชนาภิบาล” รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการพาณิชย์ (DN ) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มาพูดคุยกันในรายการถึง เป้าหมายในปี 2560 การบินไทย ในฐานะสายการบินแห่งชาติ ได้ยกเครื่องโปรดักซ์ใหม่แทบทั้งหมด เพื่อทวงความเป็น “ผู้นำแอร์ไลน์แห่งเอเชีย” กลับคืนมา โดยจะเปลี่ยนแปลงทั้งฝูงบินที่มีนวัตกรรม บริการช่องทางการ “จองตั๋วโดยสารออนไลน์” การรื้อ“เมนูอาหารผู้โดยสารชั้นประหยัด” ให้ได้สิทธิอย่างเต็มที่ตามที่ลูกค้าต้องการ
“ธีรพล” อธิบายการปรับปรุงโปรดักซ์ทางการบินครั้งสำคัญ เรื่องแรก “ฝูงบินใหม่” แอร์บัส A350 ลำตัวกว้าง ซึ่งเป็นนวัตกรรมล่าสุดของ บริษัท แอร์บัส จำกัด ผู้ผลิตเครื่องบินพาณิชย์รายใหญ่ของโลก ทางการบินไทยนำเข้ามาแล้ว 2 ลำ ปีนี้จะมาใหม่อีก 5 ลำ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าผู้โดยสารคนไทยส่วนใหญ่ได้ทดลองนั่งบ้างแล้วหรือยัง ที่น่าใช้เครื่องรุ่นนี้จุดแรกคือ ความดันอากาศภายในเครื่องบินไม่จางและป้องกันความชื้นได้ ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสดชื่นไม่อ่อนเพลียหรือเจ็ตแล็ค เรื่องที่สอง เครื่องบินทุกลำติด Wifi หมดแล้ว สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย
ฝูงบินนวัตกรรมใหม่นี้การบินไทยนำไปให้บริการในเส้นทางหลักบินระยะไกลไปยุโรป อาทิ โรม มิลาน อังกฤษ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น
สำหรับ “ราคาตั๋วโดยสารการบินไทย” ซึ่งถูกมองว่า “แพง” กว่าทั่วไป นั่นเป็นเพราะ “พฤติกรรมของผู้ใช้บริการ” บางส่วนตัดสินใจนาทีสุดท้าย จึงได้ตั๋วราคาสูง ซึ่งตามปกติแล้วควรจะต้อง “วางแผนล่วงหน้า” จะได้ความคุ้มค่าในราคาสมเหตุสมผล ใกล้เคียงกับสายการบินนานาชาติทั่วไป
สำหรับการเปลี่ยนแปลง “เมนูอาหาร” ภายในปี 2560 นี้จะปรับใหญ่ใน “ชั้นประหยัด” ที่กำลังเตรียมจัดระบบใหม่ในการเลือกเสิร์ฟให้เพียงพอตามความต้องการของผู้โดยสารทั้งหมดตอบสนองได้ทุกการเลือกเมนู เพราะปัจจุบันการบินไทยมีเที่ยวบินระหว่างประเทศออกจากเมืองไทยไม่ต่ำกว่า 200 เที่ยว ต้องยอมรับด้วยว่าก่อนจะเปลี่ยนแปลงต้องเตรียมความพร้อมพนักงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นธุรกิจบริการจึงต้องฝึกอบรมพนักงานให้รับทราบทั่วกันที่ต้องมีผู้โดยสารมากถึงปีละ 20ล้านคน ส่วนลูกเรือก็มีประมาณ 8,000 คน ที่จะต้องเข้ามารับรู้และเข้าอบรมมาตรฐานความพร้อมที่จะให้บริการตามคอนเซ็ปต์ใหม่ด้วย
ขณะเดียวกันทางด้านของ “นวัตกรรมบริการระบบสำรองที่นั่ง” เข้าถึงลูกค้าอย่างรวดเร็วในประเทศและทั่วโลก “การบินไทย” มุ่งพัฒนาช่องทางการขายตั๋วโดยสารผ่าน “อินเตอร์เน็ต” เป็นหลัก จากสถิติผู้ใช้บริการปัจจุบันส่วนใหญ่ซื้อตั๋วผ่านระบบออนไลน์เกินกว่า 50 % พิสูจน์ได้ว่าการบินไทยเดินมาถูกทาง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการบินไทยไม่สนใจบริษัทตัวแทนจำหน่าย ก็ยังให้ความสำคัญอยู่ในระดับหนึ่งด้วย
โดยภาพรวมเพื่อความรวดเร็วการเข้าอินเตอร์เน็ตเว็บไซต์ www.thaiairways.com ขณะนี้จะดีกว่าช่องทางอื่น และเร็ว ๆ นี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการขยายผลเข้าไปสู่ช่องทาง “จองผ่านสมาร์ทโฟนหรือมือถือ” ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างพัฒนาระบบแพลตฟอร์มให้สมบูรณ์มากที่สุด จะไม่เน้นการย่อส่วนจากจอใหญ่ไปอยู่จอเล็ก
นอกจากนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต “สามารถเปลี่ยนแปลงโปรแกรมการจองตั๋ว-เปลี่ยนเที่ยวบิน-จ่ายเงินเพิ่ม” ทำทุกอย่างแบบ วัน สต็อป เซอร์วิส เพื่อสร้างความสะดวกแก่ลูกค้าอย่างเต็มที่
หากมีข้อสงสัยใด ๆ ตอนนี้มีข้อมูลที่สามารถค้นหาทุกคำตอบได้ใน www.thaiairways.com รวมทั้ง “การบินไทย” ยังเน้นการใช้เครือข่ายภาคีพันธมิตรการบิน โดยเฉพาะ “ไทยสไมล์” และสตาร์อัลไลแอนซ์ ในการเชื่อมต่อจากจุดเริ่มไปสู่จุดหมายปลายทางโดยไม่ต้องไปหาตั๋วทีละสายการบิน แต่บริการใหม่ของการบินไทยสามารถซื้อจากจุดเดียวแล้วมีจัดการให้จนครบ โดยไม่
เน้นการเสริมศักยภาพของเที่ยวบิน ด้วยกลยุทธ์ “เพิ่มความถี่เที่ยวบิน” ในแต่ละเส้นทางที่ต้องทำให้เป็น เที่ยวบินประจำวัน (daily Flight) หรือเพิ่มเป็นวันละ 2 เที่ยว และการเชื่อมเที่ยวบินแต่ละจุดกับพันธมิตรสายการบินให้เสมือนเป็นการใช้ “การบินไทย” เพียงสายเดียว
สัดส่วนผู้โดยสารที่ใช้บริการการบินไทย เที่ยวบินระหว่างประเทศ เดินทางเข้า-ออก ยุโรป จะมีชาวต่างชาติในภูมิภาคนั้น ๆ อยู่ประมาณ 85 % มีคนไทยเพียง 15 % เท่านั้น หรือแม้แต่ออสเตรเลียก็จะเป็นคนในท้องถิ่นนั้นเกือบ 100 % ญี่ปุ่นมีเกินกว่า 50 % จีนก็มีมาไม่ต่ำกว่านี้ด้วยเช่นกัน
อัตราการเติบโตของผู้โดยสารของการบินไทย จะใช้กลยุทธ์ “เพิ่มความถี่” ในการเร่ง “เพิ่มปริมาณผู้โดยสาร” ปีนี้จะสร้างการเติบโตให้ได้เกิน 10 % ขึ้นไป
การบินไทยเดินหน้าเข้าไปมีส่วนร่วมสนับสนุนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ตัวอย่างเมกะโปรเจ็กต์ความร่วมมือทางการลงทุน “พัฒนาศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา” ระหว่างการบินไทยกับแอร์บัส ที่สามารถนำไฮเทคโนโลยีมาบ้านเรา ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มได้สูงมาก เพราะใช้ทักษะทางเทคโนโลยีที่เข้มแข็ง ควบคู่กับการทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการซ่อมอากาศยานเอเชีย
เมื่อสามารถผนวกการลงทุนกับกลุ่มใหญ่ได้แล้ว ผลที่จะตามมาเป็นวงกว้างคือการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในแถบพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งทะเลตะวันออก (Eastern Economic Coridor :EEC) ก็จะดีตามไปด้วย
ฉะนั้นจึงขอให้คนไทยให้การสนับสนุนสายการบินของประเทศ ที่พยายามจะเปลี่ยนแปลงและสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลเดินไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง มั่นคง และกลับมาเป็นผู้นำสายการบินแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างสง่างามอีกครั้ง
สำหรับในวันที่ 26 มีนาคม 2560 เป็นต้นไป การบินไทยได้จับมือกับ ไทยสไมล์ และการท่องเที่ยวมาเลเซีย เปิดเส้นทางบินใหม่ ไป-กลับ กรุงเทพฯ-โคตาคินาบาลู รัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อตอกย้ำมาตรฐานการบินและบริการยอดเยี่ยมระดับโลก มุ่งรองรับกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยว นักผจญภัยระดับกลางถึงระดับบนที่ต้องการความสะดวกสบายจากการเดินทางด้วยมาตรฐานการให้บริการเต็มรูปแบบ (Full Service)
ขณะนี้การบินไทยกับไทยสไมล์ ได้ทำโปรโมชั่นตั๋วโดยสารไป-กลับ กรุงเทพฯ-โคตาคินาบาลู ชั้นประหยัด ราคาเริ่มต้นที่ 5,500 บาท ไม่รวมภาษีน้ำมัน, สนามบิน ประกันการเดินทาง สามารถเข้าไปจองได้ตั้งแต่วันนี้-31 พฤษภาคม 2560 ซื้อแล้วนำไปใช้เดินทางระหว่าง 26 มีนาคม-28 ตุลาคม 2560
ทั้งนี้ในเวทีงาน International Travel Broser :ITB 2017 ระหว่าง 8-12 มีนาคม 2560 ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธาณรัฐเยอรมัน ทางกลุ่มบริษัท แอร์บัส ได้ประกาศความยิ่งใหญ่ด้วยการนำผลสำรวจพฤติกรรมของผู้โดยสารของนวัตกรรมบริการเทรนด์ใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า “RouteHappy” ซึ่งติดตั้งในฝูงบินใหม่หลายรุ่น ทั้งการช้อปปิ้งบนเครื่อง เอนเตอร์เทนเมนท์ เทคโนโลยีอีกมากมายที่สอดคล้องกับโลกยุคใหม่ นำร่องทดลองให้เครือข่ายสายการบินหลัก ๆ บริการ ได้แก่
เอมิเรตส์ คาเธย์แปซิฟิก ลุฟท์ฮันซ่า และสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส สำรวจความพึงพอใจ ได้ผลตอบรับออกมาดีเกินคาด จนกลายเป็นอาวุธทางธุรกิจที่จะสร้างความยิ่งใหญ่ให้แอร์บัสผงาดในตลาดโลกเหนือกว่าคู่แข่ง รวมถึงทำให้สายการบินที่เลือกใช้ฝูงบินแอร์บัสกลายเป็นขวัญใจของผู้โดยสารและนักเดินทางทั่วโลกได้ด้วย
ฟังข่าวความเคลื่อนไหวในวงการท่องเที่ยว
ข่าวที่ 1 บินฟรีทันทีแบบไม่ต้องลุ้น!
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนมาร่วมมหกรรมสนุก ๆ กับแคมเปญ “บินฟรีทันทีแบบไม่ต้องลุ้น” สู่ฮ่องกง,ญี่ปุ่น,สิงคโปร์,มาเก๊าและอีกหลายเส้นทางเพียงซื้อ Cash Card ช้อปเลยที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ,ศรีวารี,พัทยา และภูเก็ต ตั้งแต่วันนี้ – 20 เมษายน 2560 แล้วรับสิทธิ์ดังนี้
บินฟรีสายการบิน “คาเธย์ แปซิฟิก” เมื่อซื้อแคชการ์ดคิงเพาเวอร์ 25,000 บาท บินฟรี กรุงเทพฯ-ฮ่องกง ซื้อ 50,000 บาท บินฟรีกรุงเทพฯ-ญี่ปุ่น
บินฟรีไทย แอร์เอเชีย เมื่อซื้อแคชการ์ดคิงเพาเวอร์ 25,000 บาท เพื่อบิน กรุงเทพฯ- มาเก๊า สิงคโปร์ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และภูเก็ต-ฮ่องกง หรือภูเก็ต-กัมพูชา รับโวเชอร์อีก 1,000 บาท หากซื้อแคชการ์ด 50,000 บาท บินฟรีกรุงเทพฯ-ญี่ปุ่น
หรือถ้าช็อป CASH CARD ผ่านบัตรเครดิต SCB Private Banking, FIRST, PRIME, BEYOND และบัตรเครดิตร่วมคิง เพาเวอร์ - ไทยพาณิชย์มูลค่า 25,000 บาท รับเลยคูปองส่วนลด 1,000 บาท โดยจะต้องช็อปสินค้ามูลค่า 2,000 บาทขึ้นไป หรือรับคูปองส่วนลด 500 บาท ในการช็อปสินค้าตั้งแต่ 1,000 บาท
สอบถามรายละเอียดได้ที่ คอลเซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 “103ปีดอนเมืองปูทาง5ปีหน้ารับ40ล้านคน"
นายเพ็ชร ชั้นเจริญ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “ทอท.” เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ทดม.มีศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารปีละ 30 ล้านคน ปี 2559 มีจำนวนผู้โดยสารมาใช้บริการมากกว่า 35.2 ล้านคน ในโอกาสท่าอากาศยานดอนเมืองก้าวเข้าสู่ปีที่ 103 และได้ทำแผนแม่ทบทระยะที่ 3 ช่วงที่ 1 (ปี 2560-2565) กำหนดจะทำให้แล้วเสร็จปี 2565 เพื่อรองรับผู้โดยสารให้ได้ปีละ 40 ล้านคน สามารถรองรับปริมาณเที่ยวบิน 40-50 เที่ยวบินต่อชั่วโมง
โครงการพัฒนา ทดม. ระยะที่ 3 ช่วงที่ 1 ประกอบด้วย 3 กลุ่มงานหลัก 19โครงการ ประกอบด้วย กลุ่มงานแรก “Airside” รวม 8 โครงการ ได้แก่ 1. งานก่อสร้างขยายลานจอดอากาศยานด้านทิศเหนือ พร้อมทางขับเชื่อมและระบบเติมน้ำมันอากาศยาน 2. งานปรับปรุงหลุมจอดอากาศยานด้านทิศเหนือ พร้อมระบบเติมน้ำมันอากาศยาน 3. งานก่อสร้างลานจอดอากาศยานสำหรับกิจกรรมการบิน General Aviation 4. งานปรับปรุงหลุมจอดอากาศยานด้านทิศใต้ พร้อมระบบเติมน้ำมันอากาศยาน
5. งานก่อสร้าง Rapid Exit Taxiway บริเวณทางวิ่ง 21 และ Exit Taxiway เชื่อมต่อทางขับสาย B และ C 6. งานปรับปรุงพื้นที่ด้านทิศเหนือเพื่อรองรับอาคารซ่อมบำรุงอากาศยาน 7. งานปรับปรุงพื้นที่ด้านทิศใต้เพื่อรองรับอาคารซ่อมบำรุงอากาศยาน 8. งานก่อสร้างอาคารสถานีย่อยระบบเติมน้ำมันอากาศยาน
กลุ่มงานที่สอง “งานอาคารผู้โดยสาร และอาคารสนับสนุน” อีก 7 โครงการ ได้แก่ 1. งานก่อสร้างขยายอาคารเทียบเครื่องบิน ด้านทิศเหนือ พร้อมติดตั้งสะพานเทียน จำนวน 3 ชุด 2. งานปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร อาคาร 1,อาคารเทียบเครื่องบิน ด้านทิศเหนือ และอาคารเทียบเครื่องบินหมายเลข 2-4 3. งานก่อสร้างอาคาร Junction Building และอาคารจอดรถยนต์ผู้โดยสาร 4. งานก่อสร้างอาคารทางเดินเชื่อม ด้านทิศใต้
5. งานปรับปรุงอาคารผู้โดยสารภายในประเทศเดิม และอาคารเทียบเครื่องบิน หมายเลข 6 พร้อมติดตั้งสะพานเทียบ จำนวน 8 ชุด 6. งานก่อสร้างอาคารจอดรถพนักงาน และอาคารสำนักงาน ทดม. และอาคารรับรองพิเศษ (VVIP)
7. งานปรับปรุงคลังสินค้า หมายเลข 1 และ 2
กลุ่มงานที่สาม “ระบบสาธารณูปโภค” 4 โครงการ ได้แก่ 1. งานปรับปรุงระบบถนนภายใน ทดม. 2. งานก่อสร้าง Curb Side ด้านหน้าอาคาร Junction Building 3. งานปรับปรุงระบบระบายน้ำภายใน ทดม. และ 4. งานปรับปรุงระบบพักขยะ
ข่าวที่ 3 “ททท.ชูไหว้ครูมวยไทยโลกเข้ากินเนสต์บุ๊คปี61”
นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านสินค้าและกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ( ททท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 17-20 มีนาคม นี้ ได้จัดกิจกรรมยิ่งใหญ่ในรอบปีด้วยการรวมคนรักมวยไทยเข้าร่วมงานแห่งปีคือ “ไหว้ครูมวยไทยโลก” ทั้งจากคนไทยและชาวต่างชาติ 53 ประเทศ รวม1,200 คน โดยได้วางแผนจะใช้ปีงานปีนี้เตรียมลงกินเนสต์บุ๊คใน 2561 ซึ่งจะใช้สถานที่เดียวกันนี้นำคนเข้ามาร่วมให้ถึง 1,500 คน เพราะขณะนี้ได้ยื่นขอจดทะเบียนงานดังกล่าวกับหน่วยงานที่ดูแลการบันทึกสถิติโลกเรียบร้อยแล้ว
สำหรับ “กิจกรรม” ทีน่าสนใจในงานไหว้ครูมวยโลก 17-20 มีนาคม 2560 ณ วัดหลังคาขาว วัดจุฬามณี วัดมหาธาตุ และอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ททท.จะโชว์เรื่อง ความศักดิ์สิทธิ์การสักยันต์ ตีดาบ เชิดชูบรรพชนไทย และการจับคู่ของนักมวยไทยชาย-หญิง ชาวไทยและต่างชาติ เข้ามาร่วมงานเพื่อโชว์ศึกมหัศจจรย์มวยไทย โลก เพื่อเป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์ ส่งเสริมศิลปะมวยไทย ให้ทั่วโลกรู้จักมากยิ่งขึ้น อนาคตจะหานักมวยที่มีชื่อเสียงเข้ามาร่วมเพื่อให้งานยิ่งใหญ่มากขึ้นทุกปี
นายนพดล จึงของเชิญชวนพี่น้องขาวไทยสร้างสรรความเป็นไทยที่มีเอกลักษณ์ศิลปะป้องกันไทยแท้ ๆ ที่จะให้ มวยไทยอยู่คู่กับเวทีโลกตลอดไป
ขณะนี้มี 4 สมาคมยังคงผลิตนักมวย ส่วนในงานผู้เข้าร่วมพิธีไหว้ครูมวยไทยโลก 2,500 คน ขยายผลการเติบโตในตลาดโลกหลังจากจัดมาแล้ว 13 ครั้ง ชาวต่างชาติอย่าง 1. ยุโรป นิยมนำไปใชเออกกำลังกาย 2.ชาติที่เข้าร่วม 53 ชาติ จะเห็นความชัดเจน จีน อังกฤษ อูเบกิซสถาน
งานมหกรรมไหว้ครูมวยไทยโลก จะเป็นกิจกรรมสร้างจุดขายการท่องเที่ยวเชิงกีฬาควบคู่ไปกับการขยายตลาดโลกไปพร้อม ๆ กัน คือ 1.เป็นกลไกการตลาด กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวซื้อแพกเกจมาเรียนมวยไทย และ 2.สร้างทาตรฐานสถาบันมวยอาชีพ 15 สมาคม การเติบโตไม่เกิน 10 %
ข่าวที่ 4 “ททท.นำไทยปลุกจุดขายITB3กิจกรรมใหญ่”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้นำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย 88 ราย เข้าร่วมเจรจาซื้อขายการท่องเที่ยวรายการใหญ่ของโลกในงาน International Tourism Borse (ITB) 2017 ครั้งที่ 51 ระหว่าง 8–12 มีนาคม 2560 ณ Messe Berlin Exhibition Ground กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี
โดย “ไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน” มีพื้นที่ขนาด 540 ตารางเมตร ออกแบบตกแต่งด้วยแคมเปญ Amazing Thailand ภายใต้แนวคิด Discover Amazing Stories in Amazing Thailand เน้นนำเสนอสินค้าและบริการที่บ่งบอกถึง The Unique Thai Local Experiences เผยแพร่ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวประเทศไทยแก่ผู้สนใจ ไฮไลต์ทำประชาสัมพันธ์ 3 เรื่อง คือ เรื่องแรก กิจกรรม The LINK Projects : กิจกรรมส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวที่อาศัยการเชื่อมโยงในหลายมิติ
เรื่องที่สอง “กิจกรรมเปิดตัว Thai-licious Journey” นำเสนอการท่องเที่ยวผ่านอาหารไทยนานาชนิดที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก และตอกย้ำวิถีไทยด้วยการจัดกิจกรรมสาธิตการเพนท์ผ้าบาติก และการสาธิตการทำผลิตภัณฑ์จากกระจูด และหน่วยงาน สถาบันสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ร่วมออกบูธเพื่อเผยแพร่และส่งเสริมความรู้ที่ยั่งยืนเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านการอนุรักษ์ศิลปหัตถกรรมไทย เรื่องที่สาม นำเสนอการท่องเที่ยวเชิงกีฬา Sports tourism โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย
ระหว่างงาน นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ ผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกาและตะวันออกกลาง ททท. เป็นผู้แทนลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือร่วมมือ (MOU) กับ Mr. Klaus Henschel, LCC’s Managing Director จาก Lufthansa City Centre : LCC) ร่วมผลักดันให้ไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งปี “Destination of the Year”.
รวมถึง ททท.ได้เพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวเพื่อขยายตลาดใหม่ ๆ ด้วยการทำ Post ITB Road Show ในวันที่ 13 มีนาคม ที่เมืองแมดริด สเปน และวันที่ 15 มีนาคม ในเมืองมิลาน อิตาลี
ทั้งนี้ปี 2559 มีนักท่องเที่ยวเยอรมันเดินทางมาไทยประมาณ 833,000 คน ใช้จ่ายวันละ 3,757 บาท/คน/วัน พักเฉลี่ย 17 วัน โดยให้ความสนใจเที่ยวเมืองหาดทรายชายทะเลพื้นที่หลัก ๆ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่
ข่าวที่ 5 “บางจากลั่นสร้างบิ๊กเชนจ์เม.ย.นี้”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในโอกาสที่บางจากเติบโตก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 3 ดำเนินธุรกิจมากว่า 30 ปี เตรียมเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หรือ Big Change ด้วยกลยุทธ์การสร้างเอกลักษณ์ความเป็นตัวตนในช่วงธุรกิจขาขึ้น โดยจะเสนอที่ประชุมในวันที่ 5 เมษายน 2560 เปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท บางจากคอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)” โดยยังคงโลโก้ และชื่อย่อหลักทรัพย์ BCP ไว้ดังเดิม
การเปลี่ยนชื่อใหม่ก็เพื่อสร้างความชัดเจนถึงสถานะปัจจุบัน บางจากไม่ได้ทำเฉพาะธุรกิจปิโตรเลียมเท่านั้น แต่ทำธุรกิจหลากหลาย ทั้งธุรกิจโรงกลั่น ธุรกิจการตลาด โรงไฟฟ้า โดยบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ขยายการลงทุนในไทย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และพร้อมเดินหน้าขยายเพิ่มอีก 2 ธุรกิจ ได้แก่ 1.ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P) 2.ทางด้านชีวภาพ (Bio Product ) เพื่อต่อยอดการผลิตไบโอดีเซลและเอทานอล ซึ่งทั้งสองธุรกิจนี้ ปัจจุบันสามารถทำกำไรก่อนหักภาษีและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ได้ราว 300 ล้านบาท และอีก 2 ปีหน้าตั้งเป้าจะให้ได้ 1,000 ล้านบาท
ข่าวที่ 6 “ขั้นตอนการอนุรักษ์ตึกท่าเตียน”
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้อธิบายไว้ว่า “ตามกระบวนการวางแผนอนุรักษ์” ตึกแถว หน้าพระลาน ท่าช้าง ท่าเตียน ได้ดำเนินการให้สอดคล้องกับกระบวนการอนุรุกษ์ในกฎบัตรเบอร์ร่า และได้ปรับรายละเอียดบางขั้นตอนให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ของประเทศไทย โดยแบ่งเป็นขั้นตอน
เริ่มต้นจาก ขั้นที่ 1 “การทำความเข้าใจคุณค่าความสำคัญ” ประกอบด้วย “การศึกษาทางด้านเอกสาร” (archival study) ด้วยการใช้ แผนที่เก่า เกสารเก่า ภาพถ่ายเก่า ประวัติศาสตร์บอกเล่า แบบอาคารเก่า “การศึกษาด้านกายภาพ” (physical study) โดยการสำรวจบันทึกสภาพโครงสร้างฐานราก สภาพภายนอก ภายใน การปรับปรุงต่อเติมสภาพความเสียหาย ผัง รูปด้าน รูปตัด สภาพปัจจุบัน และศึกษาทางโบราณคดี และ “การจัดทำแบบสันนิษฐาน” (assumed original design)
ขั้นที่ 2 “การเลือกวิธีการอนุรักษ์” แบ่งเป็น 1.วิธีการอนุรักษ์ ด้วยการ สงวนรักษา บูรณะ ฟื้นฟูสภาพ สร้างขึ้นใหม่ และสื่อความหมาย 2.ปัจจัยการพิจารณา หลัก ๆ ได้แก่ บูรณภาพและความแท้ หลักฐานที่พบ นโยบายแผนงานการใช้งานในอนาคต ข้อกำหนดกฎหมายปัจจุบัน เทคโนโลยีสมัยใหม่ งบประมาณ และอื่น ๆ
ขั้นที่ 3 “การบริหารจัดการ” ประกอบด้วย มาตรฐานการเงิน การบริหารงานก่อสร้าง คู่มือการบำรุงรักษา ฯลฯ
ทั้ง 3 ขั้นตอน สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ นำมาใช้อนุรักษ์ตึกแถวในพื้นที่รอบพระมหาบรมราชวัง รอบเกาะรัตนโกสินทร์ คงไว้ซึ่งคุณค่าอย่างครบวงจร จนกลายเป็นสถานที่ศึกษาเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศทุกวันนี้
ครั้งต่อไปจะมาเล่าถึง “คุณค่าความสำคัญ” นั้นมีความหมายอย่างยิ่งต่อการพัฒนาท่าเตียน
ฟังช่วงรวยเรื่องดี ๆ มีความสุข กับการได้ไปสัมผัส “โครงการไม้เมืองหนาวในเบตง” การล้างผักอย่างถูกวิธีปลอดภัยจากสารเคมี และข่าวอุตสาหกรรมการบินในยุคเปลี่ยนผ่านเร็วแรง
@ทัวร์ไม้ดอกเมืองหนาวฯที่เบตง
ภาคใต้ของไทย จะปลูกไม้เมืองหนาวได้อย่างไร เป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้ จึงขอนแนะนำให้ลองแวะมาที่ “โครงการไม้ดอกเมืองหนาว อันเนื่องมาจากพระราชดําริ” บ้านปิยะมิตร ตําบลตะเนาะ แมเราะ อําเภอเบตง จังหวัดยะลา แล้วจะได้พบกับคำตอบ
ภายในโครงการแห่งนี้คือดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็น " ศูนย์รวมพันธ์ุไม้เมืองหนาว ประจำภาคใต้ ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา " มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเหมือนแอ่งกระทะ โอบล้อมด้วยภูเขาเคล้าสายหมอก ซึ่งทำให้ มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี เข้าชมได้ทุกวันตลอดทั้งปี ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. ภายในโครงการมีที่พักบริการ พร้อมเสิร์ฟเมนูเด็ดอาหารปักษ์ใต้ ไก่เบตง และอื่น ๆ
โครงการไม้ดอกเมืองหนาว ก่อตั้งขึ้นตาม แนวพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยได้รับความร่วมมือจากจังหวัดยะลา และศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจาก พระราชดำริ พัฒนาโครงการนี้ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ศึกษาและพัฒนาการปลูกไม้ดอกเมืองหนาวหลากหลายสายพันธุ์อาทิ เบญจมาศ เยอบีร่า หน้าวัว และไฮเดรนเยีย เป็นต้น เพื่อเป็นต้นแบบให้ชาวบ้าน และเกษตรกรในพื้นที่นำไปประยุกต์ใช้ และสร้างเสริมอาชีพ เลี้ยงดูตนเองได้อย่างยั่งยืน
นอกจากเป็นแหล่งเรียนรู้ โครงการไม้ดอกเมืองหนาวฯ ยังกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจ สำหรับคนในพื้นที่ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาชื่นชมดอกไม้เมืองหนาว ที่เบ่งบานชูช่อกันอย่างสวยงาม
การไปท่องเที่ยว จ.ยะลา
วันแรก “ช่วงเช้า”เดินทางไปยังตำบลตะเนาะแมเราะ โครงการดอกไม้เมืองหนาว ชมแปลงดอกไม้นานาพันธุ์ “ช่วงบ่าย” นั่งแช่น้ำพุร้อน เพื่อผ่อนคลาย
วันที่สอง “ช่วงเช้า”สัมผัสไอหมอกยามเช้าท่ามกลางสวนสวย “ช่วงบ่าย”เที่ยวชมอุโมงค์ปิยะมิตร และน้ำตกอินทสร
สถานที่เที่ยวห้ามพลาด สวนไม้ดอกเมืองหนาว ชมไม้ดอกเมืองหนาวอย่างใกล้ชิดเสมือนอยู่ภาคเหนือ อุโมงค์ปิยะมิตรหรืออุโมงค์เบตง (สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง) ที่ตั้งอยู่ถัดไปจากสวนไม้ดอกเมืองหนาว บ่อน้ำพุร้อน ชมน้ำพุร้อนบ่อใหญ่ ที่สามารถต้มไข่ให้ได้สุกในเวลา เพียง 7 นาที และผ่อนคลายกับ การแช่น้ำน้ำพุร้อนบ่อเล็ก ที่ลดองศาเดือดลงมาเล็กน้อย
“กิจกรรมห้ามพลาด” ตื่นเช้าสัมผัสไอหมอกท่ามกลางสวนสวย
สนใจไปเที่ยว โครงการไม้ดอกเมืองหนาว อันเนื่องมาจากพระราชดําริ บ้านปิยะมิตร ต.ตะเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา โทร. 0-7336-0856 www.pikunthong.com
การเดินทาง จากตัวอำเภอเบตง ใช้เส้นทางหมายเลข 410 (เบตง-ยะลา) วิ่งมาประมาณ 4 กม. สังเกตป้ายบอกให้เลี้ยวซ้าย ให้ขับตรงมาอีกราวๆ 16 กม.
@วิธีล้างผักอย่างปลอดภัยต่อสุขภาพ
องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้กินผักและผลไม้วันละ 400 กรัม (ทุกวัน) จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ได้แก่ หัวใจขาดเลือด (ร้อยละ 31) หลอดเลือดในสมองตีบ (ร้อยละ 19) ลดอัตราการป่วยและเสียชีวิตจากมะเร็ง เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร (ร้อยละ 19) มะเร็งปอด (ร้อยละ 12) มะเร็งลำไส้ใหญ่ (ร้อยละ 2) เป็นต้น แต่คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป มีเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่กินผักและผลไม้อย่างเพียงพอ
ขณะที่ผลการคัดกรองความเสี่ยงของสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรคได้ทำการเจาะเลือดกลุ่มเกษตรกรที่เป็นผู้สัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช เฉลี่ย 5 ปี ย้อนหลัง (ตั้งแต่ปี 2555-2559) อยู่ที่ร้อยละ 33 ในปี 2559 อยู่ที่ร้อยละ 37 จะเห็นได้ว่า เกษตรกรมีความเสี่ยง และไม่ปลอดภัยจากการสัมผัสสารเคมีสูงขึ้น เนื่องจากมีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในผักและผลไม้มากขึ้นทำให้ผักและผลไม้ที่ขายนท้องตลาดมีสารเคมีตกค้างเพิ่มขึ้นด้วย
ผู้ซื้อสามารถใช้ทางเลือกอื่นที่เหมาะสม “ล้างผัก” ได้แก่
1. ล้างด้วยผงฟู (เบกกิ้งโซดา) โดยผสมผงฟูครึ่งช้อนโต๊ะกับน้ำ 10 ลิตร แช่ผักผลไม้ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ช่วยลดสารพิษได้ร้อยละ 95
2. ล้างด้วยน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำ 4 ลิตร แช่ผักทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด จะช่วยลดสารเคมีได้ร้อยละ 60-84 ซึ่งวิธีนี้สามารถใช้ล้างไข่พยาธิในผักสดได้อีกด้วย โดยปริมาณสารพิษตกค้างที่ลดลงจะขึ้นอยู่กับชนิดของสารเคมีและปริมาณผัก ผลไม้ในแต่ละครั้งของการล้าง
ปิดท้ายด้วยการเสิร์ฟข่าวร้อน ๆ ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการบิน
ข่าวแรก “รัฐบาลปลื้มแอร์บัส-บินไทยทำศูนย์ซ่อมอู่ตะเภา”
รัฐบาลตีปีกรับแอร์บัสร่วมลงทุนบินไทย ลุยเมกะโปรเจ็กต์ศูนย์ซ่อมอู่ตะเภาขานรับEEC
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลัง เป็นสักขีพยานการลงนามสัญญาร่วมมือพัฒนาศูนย์ซ่อมอากาศยานแห่งใหม่ (MRO) ณ สนามบินานาชาติ อู่ตะเภา ระหว่าง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท แอร์บัส จำกัด โดยมี นางอุษณีย์ แสงสิงห์แก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD) และ Mr.Frabric Bregier ประธาน แอร์บัส คอมเมอร์เชียล แอร์คราฟ
รองนายกฯ สมคิด กล่าวว่า “นายฟาบริซ เบรฌิเยร์” ( Mr.Frabric Bregier) ประธาน แอร์บัส คอมเมอร์เชียล แอร์คราฟ ได้เข้าพบ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งพอใจอย่างมากที่มีนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาพัฒนาธุรกิจในไทย โดยเฉพาะแอร์บัสซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของโลก สามารถตอกย้ำให้ทั่วโลกเห็นว่าไทยมีศักยภาพของอาเซียนและเอเชีย แปซิฟิก ซึ่งจะทำให้การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งตะวันออก (EEC) เติบโตตามเป้าหมายของรัฐบาลภายในเร็ววันนี้
นางอุษณีย์ แสงสิงห์แก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD) การบินไทย กล่าวว่า ภายในเดือนธันวาคม 2560 การบินไทยกับแอร์บัสจะร่วมกันศึกษาโครงการความเป็นไป แล้วจากนั้นในช่วงเดือนมกราคม 2561 จึงเริ่มเข้าสู่กระบวนการหาพันธมิตรร่วมทุน สำหรับมูลค่าการลงทุนทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นหลักหมื่นล้านหรือแสนล้านบาทก็ตาม มั่นใจว่ารัฐบาลจะให้การสนับสนุนการบินไทยเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นเมกะโปรเจ็กต์ที่มีผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศในระยะยาว
อันจะส่งผลให้ไทยเป็นศูนย์กลางศูนย์ซ่อมอากาศยานแห่งภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิก เบื้องต้นร่วมกันศึกษา โดยให้มีนวัตกรรม สอดคล้องกับไทยแลนด์ 4.0
กัปตันมนตรี จำเรียง รองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายวางแผน การบินไทย กล่าวในฐานะเจ้าของโครงการดังกล่าวว่า จะใช้ศักยภาพของแอร์บัสที่มีเครือข่ายลูกค้าทั้งเครื่องบินและอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้ามาใช้บริการศูนย์ซ่อมอากาศยานของการบินไทยที่อู่ตะเภา อีกทั้งยังจะช่วยดึงดูดอุตสาหกรรมซัพพลายเชนเข้ามาสู่พื้นที่โดยรอบอีกมากมาย
ตามเป้าหมายที่วางไว้ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นหลัก ๆ ได้แก่
1.Good Partnership คือการร่วมทุนกับบริษัทผู้ผลิตอากาศยาน ที่มีศักยภาพ
2. สร้าง 4 Great Pillars ใน 4 กิจกรรม ศูนย์ซ่อมยุคใหม่ที่ก้าวหน้าและมั่นคงด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ล้ำสมัย
2.1 มีศูนย์ซ่อมอากาศยานลำตัวกว้างและแคบ
2.2 มีโรงซ่อมบำรุงอากาศยานอัจฉริยะ Smart Hangar &, Smart Shop
2.3 ศูนย์ซ่อมวัสดุผสมสังเคราะห์
2.4 ศูนย์ฝึกอบรมช่างฝีมืออากาศยานขั้นสูง
3. เกิด 3 Base Mission คือพัฒนาปรับปรุงศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานเดิม ที่ดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ด้วยเทคโนโลยีดิจิตอล และนวัตกรรมที่มีมาตรฐานสากล
“นายฟาบริซ เบรฌิเยร์” ( Mr.Frabric Bregier) ประธาน แอร์บัส คอมเมอร์เชียล แอร์คราฟ ยืนยันว่เข้ามาแลกเปลี่ยนการค้ากับการบินไทยมายาวนานกว่า 46 ปีกระทั่งปัจจุบันได้กลายเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่เข้มแข็ง
ในโอกาสอันดีที่แอร์บัสจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยรัฐบาลไทยขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ "เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก : Eastern Economic Coridor /EEC อย่างเป็นรูปธรรม
ประการสำคัญแอร์ตั้งเป้าหมายการผลิตเครื่องบินพานิชย์เพื่อจำหน่ายทั่วโลกในอีก 20 ปีหน้า จะเพิ่มจากปัจจุบันปีละ 6,000 ลำ เป็น 15,000 ลำ ซึ่งจะมีผลดีต่อการลงทุนศูนย์ซ่อมอากาศยานของการบินไทย ณ สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา
ข่าวที่สอง “ทัวร์ดอกชมพูภูคา3ดอย” เมืองแพร่
น.ส.เอิบลาภ ศรีภิรมย์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแพร่ รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดน่าน เปิดเผยว่าปี 2560 เข้าสู่เทศกาลเที่ยดอกชมพูภูคาเมืองน่าน บน 3 ดอย คือ ดอยภูคา ดอยมณีพฤกษ์ และอุทยานแห่งชาติขุนสถาน เทศกาลนี้นับเป็นสัญลักษณ์ส่งท้ายฤดูหนาว จึงเป็นโอกาสเดียวในรอบปีที่นักท่องเที่ยวจะได้มาชมพันธ์ไม้ที่หายากที่สุดในโลก กำลังเริ่มบานไปจนถึงกลางเดือนมีนาคม นี้
ส่วนในอุทยานแห่งชาติดอยขุนสถานอีกทั้งยังมีดอก้เอื้อง สิงโตสยาม ซึ่งเป็นกล้วยไม้ป่าหายาก กุหลาบพันปี คำขาว ให้ชมความงดงามด้วยเช่นกัน
ผอ.เอิบลาภอธิบายเพิ่มว่า ดอกชมพูภูคาเป็นไม้เมืองหนาว จะบานในช่วงกุมภาพันธ์ – มีนาคม ของทุกปี เคยพบทางตอนใต้ประเทศจีน และ ทางตอนเหนือของเวียดนามก่อนจะหายไปจากบัญชีรายชื่อไม้งาม ที่ไม่มีรายงานการค้นพบอีกเลย
กระทั่งเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว พบต้นชมพูภูคาอีกครั้งที่ อ.ปัว จ.น่าน ในอุทยานแห่งชาติดอยภูคา และปัจจุบันมีในอุทยานแห่งชาติดอยขุนสถาน และดอยมณีพฤกษ์
กระทั่งเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว พบต้นชมพูภูคาอีกครั้งที่ อ.ปัว จ.น่าน ในอุทยานแห่งชาติดอยภูคา และปัจจุบันมีในอุทยานแห่งชาติดอยขุนสถาน และดอยมณีพฤกษ์
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
คอลัมนิสน์-การบิน/ท่องเที่ยว
เจ้าของรายการ "รวยด้วยข่าเสาร์-อาทิตย์" สวท.FM 97.0 MHz.
|
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น