คิงเพาเวอร์เปิดแผนลงทุนปี60-พลิกโฉมไลฟ์สไตล์ดิวตี้ฟรีแนวใหม่-โครงการพัฒนาป่าไม้ภูหินร่องกล้าตามพระราชดำริ
ทายาทคิงเพาเวอร์บิ๊กเชนท์ลงทุน3โปรเจ็กต์
พบโฉมใหม่ไลฟ์สไตล์ดิวตี้ฟรีรางน้ำต.ค.60
ขึ้นดอยตามไปดูป่าไม้ของพ่อที่ภูหินร่องกล้า
ทุนใหญ่เครือทีซีซีทุ่มทุนชิงแชร์ธุรกิจโรงแรม
ซี.พี.แลนด์จ่อเปิดศูนย์ประชุมขอนแก่นธ.ค.นี้
จับตารัฐเทงบเร่งขยายสนามบินขอนแก่นปี61
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม 2560 เวลา
11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM
97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังรายการสดได้ทางมือถือเลือก
FM 97.0 หรืออ่านใน www.facebook.com/penroong
และ gurutourza.blogspot.com)
ช่วงที่ 1 เจาะลึกถึงรวยด้วยข่าวเศรษฐกิจกับสัมภาษณ์พิเศษ
“ทายาทธุรกิจรุ่นใหม่กลุ่มคิง เพาเวอร์” ตามด้วยข่าวหลากมิติของวงการท่องเที่ยว
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
|
คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ทายาทธุรกิจรุ่นที่ 2 ให้สัมภาษณ์ในรายการโดยมีไฮไลต์ 3 ประเด็น ประกอบด้วย 1.การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางการลงทุนที่จะใช้เงินกว่า 2,500 ล้านบาท ปรับปรุงร้านค้าปลอดอากร (duty
free) สาขาใหญ่ใจกลางกรุง คิง
เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ 2.การเพิ่มสินค้าไทยแลนด์โปรดักซ์
กลุ่มสมุนไพรที่โดนใจนักช้อปจีนและเอเชีย เข้ามาเสริมทัพในร้านดิวตี้ฟรี 3.เนรมิตไลฟ์สไตล์ลานบันเทิงเปิดโล่งแห่งใหม่ใจกลางกรุง
การวางแผนธุรกิจของกลุ่มคิง
เพาเวอร์ ปี 2560
ที่ตั้งเป้าหมายจะช่วยสร้างยอดขายหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประเทศไทยให้ได้ไม่ต่ำกว่า
92,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 20
% (จากปีที่ผ่านมาทำได้ประมาณ 75,000 ล้านบาท) ด้วยการวางกลยุทธ์อย่างระมัดระวัง
เพราะเป็นเป้าหมาย “ท้าทายมาก” เนื่องจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกยังกระเตื้องน้อยมาก
ผนวกกับการบริโภคความหรูหราของตลาดในประเทศก็น้อยลง
และนักท่องเที่ยวจีนยังคงได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์จีนศูนย์เหรียญ
ดังนั้นสถานการณ์การค้าในประเทศของห้างสรรพสินค้า ค้าปลีก
กำลังซื้อก็ถดถอยลงไปเช่นเดียวกัน
กลุ่มกำลังซื้อเป้าหมายของคิง
เพาเวอร์ ยังคงเป็น จีน และอาเซียน เป็นหลัก ตลาดที่เพิ่มจนน่าตกใจคือ เวียดนาม
รองลงมาเป็นเมียนมา มาเลเซีย ทั้ง 3
ตลาดสร้างยอดขายเติบโตเฉลี่ยเกิน 20 % มีสัญญาณเป็นตลาดใหม่ดาวรุ่งมาแรง
โดยเฉพาะเมียนมานิยมซื้อเหล้า บุหรี่ เป็นแบรนด์ของฝาก
ขณะเดียวกันก็เน้น
“แคมเปญโปรโมชั่น” โดยเมื่อปี 2559
ได้ทำแคมเปญ “สกาย ร็อคเก็ต” กระตุ้นกำลังซื้อจากนักช้อปปิ้งทั้งจากชาวต่างชาติและคนไทยต่อเนื่องปี
2560 ออกแคมเปญใหม่
“ซื้อแคชการ์ดบินฟรีทันทีไม่ต้องลุ้น” ร่วมมือกับภาคีพันธมิตร 2 สายการบิน ได้แก่ คาเธย์ แปซิฟิก และ ไทย
แอร์เอเชีย (ครอบครัวคิง เพาเวอร์ ถือหุ้นใหญ่) บินฟรีสู่ปลายทางทั่วเอเชีย 7 ประเทศ
มีทั้งญี่ปุ่น ฮ่องกง มาเก๊า กัมพูชา สปป.ลาว เวียดนาม และเมียนมา
เป็นโปรโมชั่นที่ต้องการกระตุ้นคนไทยซื้อสินค้าในประเทศ
โดยจัดเตรียมตั๋วไว้จำนวน 10,000
ใบ ก็หวังว่าจะขายได้หมดภายในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ถึงแม้เงื่อนไขการซื้อแคช การ์ด 25,000 บาท จะสิ้นสุดในวันที่ 20 เมษายน 2560 แต่สามารถซื้อและรับตั๋วบินฟรีไปเรียบร้อยแล้วก็สามารถเก็บแคช
การ์ดไว้ใช้ช้อปปิ้งได้จนถึงเดือนพฤษภาคมนี้
ส่วนการเพิ่มยอด
“สมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์” ขณะนี้ได้ขยายเครือข่ายผู้เข้าร่วมบริการ โดยลงทุนทำ
“เลาจน์รับรองที่ท่าอากาศยานดอนเมือง”อยู่บริเวณชั้น 2 ใกล้ช้อปจำหน่ายสินค้า ควบคู่กับการทำโปรโมชั่นไปพร้อม ๆ
กัน รวมถึง 2
สัปดาห์สุดท้ายในเดือนเมษายน 2560
ก่อนปิดปรับปรุงครั้งใหญ่ “คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ”
จะทำโปรโมชั่นครั้งใหญ่ส่งท้ายกันอีกครั้ง หลังจากนั้นตั้งแต่ 1 พฤษภาคม-
ระหว่างการปิดซ่อมปรับปรุง
ก็จะย้ายสินค้าดิวตี้ฟรีทั้งหมด ไปปวางจำหน่าย ณ โรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์
กรุงเทพฯ โดยได้ปิดพื้นที่บริเวณห้องจัดเลี้ยง ห้องสัมมนา
แปลงโฉมเป็นร้านค้าจำหน่ายสินค้าชั่วคราวตั้งแต่ 26 เมษายน นี้ จนกว่าพื้นที่ใหม่ในคิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์
รางน้ำ จะเปิดบริการด้วยโฉมใหม่อีกครั้งในวันที่ 1 ตุลาคม 2560
เป็นต้นไป
การลงทุนปรับปรุงคอมเพล็กซ์ใหม่ซึ่งดำเนินการมากว่า
10 ปีแล้ว
ด้วยความตั้งใจจะอำนวยความสะดวกให้แก่ตลาดนักช้อปคนไทย
กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางอิสระ (F.I.T.) มาใช้บริการได้รวดเร็วกว่าจะต้องไปช้อปปิ้งที่คิง เพาเวอร์
คอมเพล็กซ์ ศรีวารี (ใกล้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ)
ซึ่งเน้นรองรับนักท่องเที่ยวที่มาเป็นหมู่คณะหรือกรุ๊ปทัวร์เป็นหลัก
เมื่อปรับปรุงและเปิดบริการตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้
จะเห็นการเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ ดังนี้ 1.มีสินค้าระดับโลกแบรนด์ใหม่วางจำหน่าย
บริเวณชั้น 1 อาทิ มองเฟลอร์ (Mont Fleur) , CUCCI, PRADA และสปอตแวร์หรือผลิตภัณฑ์แฟชั่นกีฬาต่าง ๆ ชั้น
2
จะเน้นสินค้านาฬิกาแบรนด์ระดับโลกทั้งหมด มีพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น
รุ่นที่สวยและจำนวนแบรนด์มีให้เลือกมากกว่าปัจจุบัน ชั้น 3 จำหน่ายสินค้าไทยแลนด์แบรนด์ ผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ฟามาซีสมุนไพรไทย สินค้าแฟชั่นไทยสไตล์ไทย
ดีไซเนอร์โปรโมตให้แบรนด์ไทยก้าวไกลไปมากขึ้น
และการลงทุนใหม่ล่าสุดใน
คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ คือ “ร้านอาหาร” เตรียมคัดเลือกแบรนด์ดัง ๆ 5-6 ร้าน พร้อมอาหารทะเล
ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนไทย จีน และต่างชาติ ขั้นตอนการเลือกอยู่ระหว่างพิจารณาพื้นที่และดูคุณสมบัติของแบรนด์ที่นำมาเปิดบริการ
จะได้ข้อสรุปภายในเร็ว ๆ นี้ ไฮไลต์อีกโปรเจ็กต์คือ จะเพิ่มร้าน “คาเฟ่แบรนด์เนม”
กำลังติดต่อทาง สตาร์บรั๊ค อมาร์นีคาเฟ่ มาเปิดด้วยเช่นกัน
ซึ่งจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดคน โดยเฉพาะร้านสไตล์ชิคที่คนชอบเข้ามาชิมและถ่ายรูปแชร์ไปยังสื่อโซเชียล
สำหรับ
“บริเวณลานน้ำพุ” ด้านหน้าอาคารคิง เพาเวอร์
ก็จะตกแต่งใหม่ทำเป็นลานเอนกประสงค์ขนาดใหญ่กว่าลานพาราก้อน 3 เท่า
วางแผนเปิดบริการรองรับงานจัดกิจกรรมการแสดงแบบเปิดโล่งหรือ outdoor สามารถจัดอีเวนต์ งานคอนเสิร์ต
จัดการแสดงโชว์ต่าง ๆ รถ ศิลปะ ดนตรี
ส่วนการเพิ่มสินค้าไทยแลนด์แบรนด์ประเภท
“ฟามาซี” สมุนไพรไทยขณะนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจีนและอาเซียน
จึงได้ขยายพื้นที่จำหน่ายสินค้าดังกล่าวในร้านดิวตี้ฟรี
ส่งเสริมสินค้าของคนไทยด้วยกัน เนื่องจากต่างชาติชอบซื้อเป็นของฝาก อีกทั้งยังเป็น
“กลยุทธ์” สนับสนุนนโยบาย “ประชารัฐ” ของรัฐบาลโดยคิง เพาเวอร์
เข้าไปมีส่วนร่วมโปรโมตสินค้า SMEs และ
โอท็อป กับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม ส่งเสริมเครือข่ายผู้ผลิตตามชุมชนต่าง
ๆ ต่อเนื่องมาตลอด
ตัวอย่างเช่น “ถั่ว” ในภาคใต้ ทั้งถั่วหิมพาน
ถั่วลิสง นำมาทำแพกเกจจิ้งใหม่สวยงาม น่าซื้อ
ก็สามารถช่วยชุมชนเพิ่มยอดจำหน่ายจากเดือนละ 30,000 บาท เป็นเดือนละ 1,000,000 บาท ได้
นอกจากนี้ในการลงทุนปรับโฉมควบคู่กับการขยาย
“ร้านอาหาร-คาเฟ่แบรนด์เนม” และลานเอนกประสงค์จัดกิจกรรม เข้ามาเสริมทัพนั้น
จะเป็นจุดขายเพิ่มส่วนแบ่งรายได้เติบโตขึ้นอีกประมาณ 15-20 % จากเดิมมีเพียงร้านอาหารรามายณะ กับ ลามูน
เท่านั้น พอเปลี่ยนเป็นแบรนด์เพิ่มร้านอาหาร 5-6 แห่ง ถึงการลงทุนจะเพิ่มแต่ยอดขายก็ทำไปเพิ่มตามมาด้วย
“อัยยวัฒน์”
อธิบายถึงแผนบูรณาการตลาด 3
ธุรกิจ ดิวตี้ฟรี คิงเพาเวอร์ ไทย แอร์เอเชีย และสโมสรฟุตบอลระดับอินเตอร์เลสเตอร์
ว่า แต่ละธุรกิจมีความชัดเจน ขณะนี้ได้ลงทุน “แร็พโลโก้คิง เพาเวอร์”
ลงบนลำตัวเครื่องบินไทย แอร์เอเชีย ฝูงแรก 4 ลำ มีบางลำนำไปบริการบินตามเส้นทางต่าง ๆ แล้ว
เป็นกลยุทธ์การโปรโมตรูปแบบหนึ่ง ส่วนอีก 3
ลำ จะเพิ่มการแร็พโลโก้ทีมเลสเตอร์กับคิง เพาเวอร์ ออนไลน์ ด้วย
การทำตลาดเลสเตอร์อาจจะไม่ต้องทำอะไรมาก
สามารถเดินหน้าไปตามปกติ ส่วนคิง เพาเวอร์ จะใช้ฝูงบินของ “ไทย แอร์เอเชีย”
แร็พโฆษณาประชาสัมพันธ์ทั้งภายในและภายนอกลำตัวเครื่องบิน
โดยตกลงซื้อโฆษณาด้วยวิธีดังกล่าวรวม 44
ลำ หรือนับได้ว่าเกือบครบทั้งฝูงบิน
เป้าหมายต้องการให้นักเดินทางที่ขึ้นเครื่องได้เห็นคิง เพาเวอร์ ก่อนทุกครั้ง
เพื่อแนะนำผู้ใช้บริการทั่วโลกรับรู้ได้มากยิ่งขึ้นไป
ทั้ง 3
ประเด็น เป็นความท้าทายทางธุรกิจ ที่ทายาท คิง เพาเวอร์
พร้อมจะเดินหน้าสร้างความสำเร็จให้ได้ภายในปี 2560
ฟังข่าวช่วงแรก
ข่าวที่ 1 “คิง
เพาเวอร์คืนประโยชน์โปรเจ็กต์ช้างไทย”
นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง
เพาเวอร์ กล่าวว่า ได้เข้าร่วมงานกาล่าดินเนอร์การกุศล“ระดมทุนช่วยเหลือช้างไทย”
โดยมี คุณวิลเลียม อี. ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้ง และประธาน บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
และประธานการจัดซึ่งงานดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันโปโลช้าง
ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งที่ 15
อีกทั้งในปี
2560 กลุ่มคิง เพาเวอร์
มุ่งเน้นเพิ่มความเข้มข้นในการทำกิจกรรมพัฒนาธุรกิจควบคู่ไปกับการคืนกำไรสู่สังคมหรือ
CSR นอกจากการให้ความช่วยเหลือดูแลช้างไทยแล้ว
ยังมีกิจกรรมการสนับสนุนทางด้านการศึกษาโรงเรียนตามแนวชายแดน และอื่น ๆ
อย่างต่อเนื่องอีกหลายโครงการ
ข่าวที่ 2 “ทอท.ครองใจตลาดหุ้นคว้าขวัญใจฯบริการ”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.กล่าวว่า
ทอท.ได้รับรางวัลหุ้นขวัญใจมหาชน
ประจำกลุ่มบริการ (Service) ประจำปี
2559 โดยรางวัลดังกล่าวมาจากการประเมินความนิยมของนักลงทุนอย่างแท้จริงประมาณ
4,000 คน
ที่มีต่อบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทุกกลุ่มประมาณ 650
บริษัท ระหว่างช่วงเวลาซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่ 1 เมษายน –
31 ธันวาคม 2559
โดยแบ่งออกเป็น
2 กลุ่มคือ บริษัทยอดนิยมสูงสุด 1 รางวัล คือรางวัล สุดยอดหุ้นขวัญใจมหาชน (The Ultimate
Popular Stock Award) และอีก 9 รางวัล
ซึ่งแบ่งเป็นรางวัลหุ้นขวัญใจมหาชน (Popular Stock Award ในแต่ละกลุ่มบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ 8 กลุ่ม และรางวัลหุ้นขวัญใจมหาชนตลาดหลักทรัพย์
เอ็มเอไอ (mai) อีก 1 กลุ่ม รวมจำนวน
9 รางวัล
การได้รับรางวัลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและคุณภาพที่โดดเด่นขององค์กรที่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งของ ตลาดทุนไทย และเป็นไปตามปณิธานของ
ทอท.ที่จะดำเนินธุรกิจท่าอากาศยานให้มีความสมดุลทั้งในด้าน การให้บริการและการทำกำไรที่ยั่งยืน
ซึ่งส่งผลต่อเนื่องสู่การสร้างความยั่งยืนให้แก่
ทอท.และสร้างผลตอบแทนแก่ผู้มีส่วนได้เสียอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ข่าวที่ 3 “ระยอง-จันทน์”
ลุยจัดแพกเกจทัวร์อาหารถิ่น
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) รายงานว่า ระหว่างวันที่ 31
มีนาคม-2 เมษายน 2560
จังหวัดจันทบุรี
เชิญชวนร่วมงาน “ประติมากรรมทรายและอาหารถิ่น@แหลมแม่พิมพ์ " ที่นักท่องเที่ยวจะได้สร้างประสบการณ์ภายในงานกับ
5 กิจกรรม ได้แก่ 1.ประติมากรรมทรายขนาดใหญ่
2.การออกร้านอาหารถิ่นระยองที่หารับประทานยาก 50 ร้านค้า 3.การแสดงนิทรรศการ
ศูนย์วิจัยทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตะวันออก 4.การแสดงพื้นบ้านจากศิลปินท้องถิ่น
5.การประกาศผู้เข้ารอบ 10 คนสุดท้ายที่จะได้เป็นสุดยอดเชฟระยอง
ขณะเดียวกันในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
ในจังหวัดจันทบุรี ก็ได้จัดมหกรรม “อาหารถิ่น...จันทบุรี” บริเวณหาดเจ้าหลาว พร้อมทั้งการขายเป็นแพ็กเกจแบบคู่พร้อมที่พัก
1 คืน และกิจกรรมต่างๆ อาทิ ชมแหล่งท่องเที่ยวชุมชน
เพื่อไปตามรอยแหล่งวัตถุดิบของอาหารถิ่นเมืองจันทบุรี
ผู้ซื้อแพ็กเกจจะได้ไปเที่ยวในชุมชนหนองบัว หรือชุมชนแปลกที่มีอายุเก่าแก่มากกว่า
200 ปี สัมผัสบรรยากาศบ้านเรือนเก่าๆ ความน่ารักของชาวบ้านในชุมชน แวะชิมขนมโบราณหารับประทานยาก
ได้แก่ ขนมติดคอ ขนมตะลุ่ม ข้าวเกรียบอ่อน ข้าวพอง ตังเมน้ำอ้อย ทองม้วนอ่อน
มะกอกคลุกเกลือ-น้ำตาล ข้าวตอกน้ำอ้อย (ลูกระเบิด) ข้าวเหนียวเผือก
รวมไปถึงเมนูของคาวอย่าง ร้านก๋วยเตี๋ยวโบราณ (เส้นบะหมี่ทำเอง)
ที่เปิดขายเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์
ช่วงจัดงานทางยังจะได้พบกับ
"เชฟปิง-สุรกิจ เข็มแก้ว " ซึ่งเป็นชาวเมืองจันทบุรี จะนำวัตถุดิบแท้ๆ
ของเมืองจันท์มาผสมผสานออกมาเป็นอาหารฟิวชั่นรูปแบบใหม่ ที่พร้อมจะยกระดับอาหารถิ่นของเราให้สู่ระดับนานาชาติมากขึ้น และยังได้เตรียมผลิตเมนูอาหารเซตมาปรุงช่วงเดือนเมษายนนี้ เน้นวัตถุดิบซึ่งเป็นอาหารถิ่นของเมืองจันท์เพิ่มขึ้น เช่น
เมนูหอยนางรม หรือผลไม้ต่างๆ ที่ขณะนี้กำลังเริ่มทยอยออกผลจำนวนมาก
สอบถามข้อมูลได้ที่
ททท. สำนักงานระยอง (รับผิดชอบ ระยอง-จันทบุรี) โทร.0-3865-5420-1 หรือคอลเซ็นเตอร์
1672
ข่าวที่ 4
“บางจากเล็งต้นแบบพลังงานทางเลือกรัสเซีย”
นายชัยวัฒน์
โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามโร้ดแมฟของบางจากนั้นได้ให้ความสำคัญการขยายธุรกิจพลังงานและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
ทั้งด้านธุรกิจโรงกลั่น ธุรกิจตลาดและธุรกิจสีเขียว
ซึ่งเป็นพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งในและต่างประเทศ
เพื่อสร้างความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
โดยได้พัฒนายกระดับศูนย์วิจัยและพัฒนา เป็นศูนย์นวัตกรรม
Bangchak Initiative
Innovation Center : BIIC เพื่อนำผลวิจัยมาต่อยอดและขยายธุรกิจใหม่
เป็น New S Curve สนับสนุนเศรษฐกิจไทยยุค
4.0 อาทิ โครงการผลิตภัณฑ์ชีวภาพ Bio Product โครงการการบริหารการใช้พลังงานผ่าน
Energy Storage
ล่าสุดบางจากนำทีมผู้บริหารและสื่อมวลชนไปศึกษาดูงานด้านพลังงานในรัสเซีย
ซึ่งเน้นการศึกษาเทคโนโลยีด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานน้ำ ของ RusHydro บริษัทผลิตไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย
มีกำลังการผลิตมากถึง 38,900 เมกะวัตต์
รวมถึงมีโครงการลงทุนในแหล่งพลังงานทดแทนกระจายอยู่ทั่วรัสเซียกว่า 90 แห่ง
และการเข้าชมใน Russian Association of Wind Power
Industry ซึ่งจะเป็นแนวทางการนำมาประยุกต์ใช้พัฒนาพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของบางจากด้วยอีกทาง
ข่าวที่ 5 “การอนุรักษ์โดยจัดทำแบบสันนิษฐาน”
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
อธิบายถึง อาคารอนุรักษ์ส่วนใหญ่หากมิได้มีมาตรการป้องกันอย่างพอ
มักจะมีการดัดแปลงและต่อเติมจนไม่สามารถเข้าใจรูแบบอาคารดั้งเดิมได้
ในกรณีของตึกหน้าพระลาน ท่าช้าง ท่าเตียน ผู้เช่าได้มีการดัดแปลงต่อเติมอาคารที่มีหลายรูปแบบ
รวมทั้งการรื้อทำลายองค์ประกอบบางส่วน
ในการวางแผนการอนุรักษ์จึงต้องมีการัดทำแบบอาคารดั้งเดิมขึ้นมาใหม่
เรียกแบบ “สันนิษฐาน”
ซึ่งแบบที่ได้นี้มาจากวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่งประกอบกันแล้วสรุปจนได้รูปแบบที่น่าจะเป็นแบบดั้งเดิม
หรือใกล้เคียงรูปแบบดั้งเดิมมากที่สุด
ตัวอย่างแหล่งข้อมูลที่ใช้ประกอบการวิเคราะห์ในการ
“จัดทำแบบสันนิษฐาน” มีดังนี้
การสำรวจสภาพทางกายภาพ
ในกรณีตึกแถวจะคัดเลือกห้องที่ถูกรบกวนน้อยที่สุด
เพื่อนำมาเป็นพื้นฐานการบันทึกข้อมูลทางสถาปัตยกรรม
การขุดตรวจทางโบราณคดีซึ่งเป็นประโยชน์มากทั้งทางด้านความดั้งเดิมของวัสดุ
โครงสร้าง สีที่ใช้ ระบบฐานราก กระเบื้องหลังคา ฯลฯ
แผนที่เก่า
ซึ่งควรเป็นแผนที่ที่
สำรวจในปีที่ใกล้เคียงกับปีที่ก่อสร้างอาคารมากที่สุด
โดยมากจะใช้ในการหาขอบเขตดั้งเดิมของอาคาร ลักษณะการวางผังบริเวณ
แบบก่อสร้างดั้งเดิม
ตัวอย่างเช่น แบบก่อสร้างตึกแถวริมน้ำชุมชนท่าเตียน
การสัมภาษณ์ผู้อยู่อาศัย
ผู้เคยอยู่อาศัย เจ้าของเดิม
การวิเคราะห์ทางประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม
โดยเฉพาะการเทียบเคียงจากอาคารที่ก่อสร้างในยุคเดียวกันทั้งในและต่างประเทศ
รวมทั้งวัสดุและเทคนิควิธีการที่ใช้ในการก่อสร้าง
แบบสันนิษฐานนี้
มีประโยชน์ในการนำมาใช้ในการตัดสินใจด้วยว่าในการอนุรักษ์จะนำสภาพดั้งเดิมทั้งหมดมาได้หรือไม่
และยังนำมาใช้ในการเปรียบเทียบกับแบบของสภาพปัจจุบันก่อนบูรณะ
เพื่อประเมินเนื้องานอนุรักษ์ว่าจะต้องดำเนินการมากน้อยเพียงใด
ทำให้สามารถประมาณการค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ในการอนุรักษ์ได้
ช่วงที่ 2 ขึ้นดอยไปดูป่าของพ่อใน “ภูหินร่องกล้า”
แล้วมาฟังมนุษย์เงินเดือนจะนอนอย่างไรให้หลับลึกได้ ส่งท้ายด้วยข่าวฮ็อต
@ขึ้นดอยไปชมป่าไม้ของพ่อที่ภูหินร่องกล้า”
ตามรอยพ่อขึ้นดอยไปดู
โครงการพัฒนาป่าไม้ ตามแนวพระราชดำริ ภูหินร่องกล้า อันเป็น
แหล่งเรียนรู้การพัฒนาป่าไม้เพาะชำกล้าไม้หายากที่ควรอนุรักษ์
พันธุกรรมไว้เพื่อปลูกตามแนวพระราชดำริ ตั้งอยู่ม.10
บ้านร่องกล้า ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลกอช.ภูหินร่องกล้า เปิดให้เข้าชม
ทุกวัน ช่วงที่นิยมท่องเที่ยวอยู่ในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ สำหรับเดือนอื่น ๆ ก็เที่ยวได้เช่นกัน
นักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาสูดอากาศสดชื่นท่ามกลางภูเขาเขียวขจีสัมผัสอากาศเย็นสบายกันที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
จังหวัดพิษณุโลก ที่นี่ยังมีแหล่งเรียนรู้การพัฒนาป่าไม้และเพาะชำกล้าไม้หายาก
อันเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ
ภูหินร่องกล้าจัดตั้งขึ้นเพื่อการฟื้นฟูสภาพป่า เพาะชำกล้าไม้ และ
ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับราษฎร
ที่โครงการฯยังมีแปลงปลูกกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า แปลงสาธิต
การปลูกสตรอว์เบอร์รีพันธุ์พระราชทาน ปลอดสารพิษ
ซึ่งเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้อย่างใกล้ชิด
พื้นที่ในโครงการฯ มีแนวหินผาเป็นจุดชมวิวถึง 6 จุดสำคัญ
ได้แก่ ผาไททานิค ผาพบรัก ผาบอกรัก ผาคู่รัก ผารักยืนยง และผาสลัดรัก
สามารถยืนชมทิวทัศน์ผืนป่าเขียวชอุ่ม
ไม่เพียงแค่ทุ่งดอกกระดาษและหน้าผาแห่งรักเท่านั้น ในช่วงฤดูหนาว
ที่นี่ยังเป็นจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทยผลิบานอีกหนึ่งจุดด้วย
เส้นทางท่องเที่ยว จ.พิษณุโลก
วันแรก “ช่วงเช้า” เยี่ยมชมศาลสมเด็จพระนเรศวร
และพระพุทธชินราชที่วัดพระศรีมหาธาตุ “ช่วงบ่าย” เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์จ่าทวี เดินเล่นถนนคนเดินพิษณุโลก
ร่วมรำวงย้อนยุค
วันที่สอง “ช่วงเช้า”อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า “ช่วงบ่าย” อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
เที่ยวในโครงการฯทุ่งดอกกระดาษ ผาบอกรัก
วันที่สาม “ช่วงเช้า” แวะจุดชมวิวภูทับเบิก
และวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วรับประทานอาหารกลางวันที่เขาค้อทะเลภู “ช่วงบ่าย” เยี่ยมชมไร่บีเอ็น
และ Route 12
สถานที่เที่ยวห้ามพลาด ทุ่งดอกกระดาษหรือดอกบานไม่รู้โรย
อันเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวสำคัญ ของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องเกล้า ลานหินปุ่ม
ชมสัญลักษณ์ของภูหินร่องกล้า ที่ลานหินริหน้าผา ผาชูธง
จุดชมอาทิตย์ยามอัสดงที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย
กิจกรรมห้ามพลาด เดินชมทุ่งดอกกระดาษที่ผาพบรักและต้นเมเปิลเปลี่ยนสี
ที่โรงเรียนการเมือง ในช่วงฤดูหนาว ลัดเลาะเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
ลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก ระยะทางประมาณ 2,460
เมตร
โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ
ภูหินร่องกล้า โทร.08-1596-5977
การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข
12 สายพิษณุโลก-หล่มสัก ถึงสามแยกบ้านแยง
แยกขวาผ่านบ้านห้วยตีนตั่ง- บ้านห้วยน้ำไซ-ฐานพัชรินทร์ สู่ที่ทำการอุทยานฯ
รวมระยะทางประมาณ 31 กม.
@แนะมนุษย์เงินเดือนเฮลท์ตี้โดยหลับลึก8วิธี
การนอนให้หลับลึกและสุขภาพดี
ตามสไตล์มนุษย์เงินเดือนซึ่งปกติมักจะงานยุ่งและหลับยากจึงขอแนะให้ปฏิบัติ 8 วิธี ดังนี้
1.การจัดบรรยากาศในห้องนอนด้วย อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส
ปิดไฟแสงสว่างให้มืดสนิท ทำให้อากาศที่ไม่ได้ถูกถ่ายเทอย่างสะดวกมากพอ
2. ห้ามใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วยได้อันเป็นความเชื่อผิด ๆ
เพราะขณะที่ร่างกายหลับจะเผาผลาญแอลกอฮอล์ไปด้วย
ทำให้เมื่อตื่นขึ้นมาจะรู้สึกว่านอนเหมือนไม่ได้นอน’ ไม่สดชื่น
และยังมีอาการง่วงอยู่
3. งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในช่วงบ่าย ทั้ง ชา กาแฟ ซึ่งจะมีต่อเนื่องไปถึงช่วงเวลานอนยามค่ำคืน
4. ไม่เอางานกลับมาทำที่บ้าน เพราะนอกจากจะกินเวลาพักผ่อนและทำให้นอนดึกมากขึ้นแล้ว
ยังทำให้ร่างกายอ่อนล้า สมองถูกกระตุ้น สายตาทำงานหนัก ในเวลาที่ระบบต่างๆ
ในร่างกายควรได้พักผ่อน
5. ปิดแจ้งเตือน หลังจากเลิกงานแล้วเราแนะนำให้ปิดแจ้งเตือนบนสมาร์ทโฟนของคุณไม่ว่าจะเป็นอีเมล
ไลน์ หรือช่องทางอื่นๆ ที่จะสร้างความกังวลใจได้
6. อาหารมื้อเย็น ตามหลักการของการทานอาหาร
3 มื้อของวัน
มื้อเช้าจะต้องเป็นมื้อที่หนักที่สุด แล้วค่อยลดลงมาเป็นมื้อเย็นเบาที่สุด
แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือนหลายคนจะทำตรงข้ามกัน ซึ่งการนอนหลังจากทานอาหารจะทำให้ระบบย่อยทำงานไม่สมบูรณ์
แถมยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคกรดไหลย้อน รวมถึงอาการอึดอัดที่มักทำให้นอนไม่หลับ
เพราะฉะนั้นเวลาของอาหารมื้อเย็นควรจะอยู่ที่ไม่เกิน 19.00 น. เป็นอาหารประเภทที่ย่อยง่าย
7. งดแชทงดเช็ค งดเสพดราม่า
เพราะแสงสีฟ้าจะทำให้นอนไม่หลับ แถมสมองยังต้องขบคิดวุ่นวายใจ ทำให้หลับๆ ตื่นๆ
ตลอดคืน เมื่อวางสมาร์ทโฟนของคุณลงได้แล้ว ก็อย่าลืมเอามันไปไว้ไกลๆ ตัว
8.ฝึกตื่นโดยไม่พึ่งนาฬิกาปลุก การจะตื่นโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกได้นั้นต้องเริ่มจากการเข้านอนเป็นเวลาอย่างต่อเนื่องทุกวันอย่างน้อย
1 สัปดาห์
เพื่อให้ร่างกายคุ้นชิน
ฟังข่าวฮ็อตช่วงท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “
นายนิชันท์
โกรเวอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น
จำกัด ในเครือทีซีซีกรุ๊ป เปิดเผยว่า ทางกลุ่มทีซีซีเตรียมวางแผนการลงทุนภายใน 5
ปี ระหว่าง 2560-2564 ตั้งเป้าเปิดโรงแรมกระจายทั่วเมืองไทย 50 แห่ง
แต่ระหว่างนี้ต้องเร่งปรับโครงสร้างทางการเงินให้สอดคล้องกับแผนการพัฒนาธุรกิจในอนาคตด้วย
ส่วนปี
2560 ตั้งเป้าจะเพิ่มรายได้จากกิจการโรงแรมเติบโตไม่ต่ำกว่า 30 % สอดคล้องกับการเตรียมเปิดอีก 3 โรงแรม เลือกใช้เชนสากล Marriott
International มาบริหาร
1 แห่ง และบริหารเอง 2 แห่ง ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2560 ได้เปิดบริการโปรเจ็กต์ เดอะ ระวีกัลยา แบงค็อก ในพื้นที่ 3
ไร่ ขนาด 38 ห้อง
ข่าวที่สอง “ซีพีแลนด์เปิดศูนย์ประชุมขอนแก่นธ.ค.นี้”
นางสาวนราวดี
วรวณิชชา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จะใช้เงิน
1,800 ล้านบาท เข้าไปบุกเบิกการลงทุนพัฒนาธุรกิจศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการขนาดใหญ่สุดในภูมิภาคของไทย
ที่จังหวัดขอนแก่น โดยใช้ชื่อ “ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าขอนแก่น หรือ KICE
: Khon Kaen International Convention Center” บนถนนมิตรภาพ
ในพื้นที่ประมาณ 17 ไร่ กำหนดแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการราวเดือนธันวาคม
2560
โดยมีพื้นที่บริการรวม43,500 ตารางเมตร
ประกอบด้วย 5 ส่วน ได้แก่ 1.ห้องโถงนิทรรศการขนาด 7,510 ตารางเมตร 2.ห้องประชุมสัมมนาขนาด 994 ตารางเมตร Pre-Function 1-2 ขนาด 3,548 ตารางเมตร 3.ลานระเบียงชั้น 2 ขนาด 1,006
ตารางเมตร 4.โซนอาหารหรือฟู้ดคอร์ตขนาด 1,053 ตารางเมตร 5.ลานจอดรองรับได้ 1,000 คัน
ข่าวที่สาม “เร่งขยายเทอร์มินอลสนามบินขอนแก่นปี’61”
นายดรุณ
แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) กล่าวว่า ทางกรมมีแผนปรับปรุงพัฒนาท่าอากาศยานขอนแก่น
ในโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ตามกรอบงบประมาณรวม 2,500 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างขอรับการจัดสรรงบประมาณปี
2561 โครงการผูกพัน 3 ปี 2561-2563 และหากเป็นไปตามแผนดังกล่าวในปี 2564nจะเปิดใช้อาคารหลังใหม่ได้โดยสามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละไม่ต่ำกว่า
5 ล้านคน
โดยภาพรวมปัจจุบันสนามบินขอนแก่น
มีผู้ใช้บริการ 5 สายการบิน
จำนวนเที่ยวบินวันละ 20 เที่ยว สถิติปี 2559 มีปริมาณผู้โดยสาร 1,499,823 คน แตกต่างจากเมื่อปี 2556 มีเพียง 593,210 คน ภายในเวลาเพียง 3 ปี จำนวนผู้โดยสารเติบโตเพิ่มเกือบ 3 เท่า
ทั้งนี้ขอนแก่นมีพื้นที่ทั้งหมด
1,113 ไร่
อาคารที่พักผู้โดยสารเป็นอาคารสูง 3
ชั้น พื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 14,000
ตารางเมตร ประกอบด้วย ขนาดทางวิ่ง 3,050×45
เมตร ขนาดลานจอด 300×145 เมตร และ 180×80 เมตร ชั่วโมงที่มีผู้โดยสารหนาแน่นรองรับได้ 1,000
คนต่อชั่วโมง รองรับเครื่องบินขนาด B747 ได้ 2
ลำ ในเวลาเดียวกัน และ B737
ได้ 2 ลำ
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
คอลัมนิสต์ : การบิน/ท่องเที่ยว
เจ้าของรายการ "รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์" สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.
|
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น