มหาสงกรานต์ปี60-ททท.อุดรธานีริมฝั่งโขง-บางจากลากรถเสียฉุกเฉิน

ไทยบูมมหาสงกรานต์ริมฝั่งโขงปีระกา

ททท.อุดรใช้ดิจิตัลแจกใหญ่13-16เม.ย
มหัศจรรย์เที่ยว“โครงการช่างหัวมัน”
ดิเอราวัณปักธงHOP INN“ไทย-เออีซี”

สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังรายการสดทางได้มือถือเลือก FM 97.0 หรืออ่านได้ที่ www.facebook.com/penroong และ gurutourza.blogspot.com)

               

                ช่วงรวยด้วยข่าวเศรษฐกิจ ต้องฟัง “เสกสรร ศรีไพรวรรณ” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุดรธานี นำข้อมูล “มหาสงกรานต์ริมฝั่งโขง” และ “เที่ยวหน้าฝนพื้นที่ดาวรุ่งแห่งใหม่บึงกาฬ” มหัศจรรย์กว่าที่คิด ต่อเนื่องด้วยข่าวที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคการท่องเที่ยวในหลากหลายมิติ

เสกสรร ศรีไพรวรรณ

ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานอุดรธานี

“ผอ.เสกสรร ศรีไพรวรรณ” ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุดรธานี ดูแล 3 จังหวัด คือ อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ เรียกอีกอย่างตามคลัสเตอร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดที่ 1 ซึ่งพร้อมจะนำเสนอมหกรรมท่องเที่ยวเทศกาลใหญ่ประจำปี 2560 ประกอบด้วย

“เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ อีสาน” ในพื้นที่ภาคอีสาน “มหาสงกรานต์ริมฝั่งโขง” ในปีนี้เน้นพื้นที่ “หนองคาย” ตามปกติมีกิจกรรมที่จัดสืบต่อกันมาอย่างยาวนานคือสรงน้ำหลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย ทำบุญตักบาตรวันขึ้นปีใหม่ไทยเป็นงานของจังหวัดและคนในพื้นที่

 สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือ ททท.ต้องการให้นักท่องเที่ยวต่างพื้นที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมงานประเพณีสงกรานต์แต่ละท้องถิ่นซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะแตกต่างกันไป ดังนั้นตลอดสงกรานต์ 13-15 เมษายน นี้ จึงได้แบ่งงานออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่

ส่วนที่ 1 กิจกรรมออฟไลน์ “มหาสงกรานต์อีสานหนองคาย” วัดโพธิ์ชัย ปูพรมด้วยประเพณีท้องถิ่นสรงน้ำหลวงพ่อพระใส ผนวกกับการรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวแต่งผ้าไทย ในคอนเซ็ปต์ “แต่งไทย เที่ยวเก๋ไก๋ วิถีสงกรานต์” โดยใช้สามล้อถีบที่มีชมรมผ้าไทยในหนองคายรวมกลุ่มกันปั่นบริการนักท่องเที่ยว หรือกิจกรรมเล่าเรื่องเมืองประวัติศาสตร์ พร้อมทั้งให้นักท่องเที่ยวพร็อบพื้นที่ส่วนตัวบริเวณโซนพญานาคช่วงเวลายามเย็นแสงทองฉาบท้องฟ้าสะท้อนผ่านสายน้ำ

ททท.และหน่วยงานในพื้นที่จะจัดมหาสงกรานต์ 13-16 เมษายน 2560 มีทั้งกิจกรรม “ก่อหินทราย” ริมแม่น้ำโขง “ตลาดแลงย้อนยุค” คล้ายถนนคนเดิน ด้วยการรณรงค์สวมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายสมัย รศ.112 หรือแต่งแบบสงกรานต์ลายดอก และจัดการ “เต้นแบบบาสโล้บ” เป็นรอบ ๆ ละ 10 คน มีครูสอนเต้น พร้อมมีชุดให้เปลี่ยนเป็นผ้าพื้นเมืองลายดอก ลายขิด ของอุดรธานี หนองคาย สร้างบรรยากาศรอบบริเวณจัดงานให้นักท่องเที่ยวเกิดความรู้สึกอยากมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมสงกรานต์ริมฝั่งโขง

ส่วนที่  2 กิจกรรมออนไลน์นำ “โซเชียลมีเดีย” โดยไม่ต้องใช้เงินในฐานะที่บึงกาฬเป็นจังหวัดที่ 76 ของประเทศ เป็นแหล่งท่องเที่ยว “ดาวรุ่ง” มีกายภาพทางธรณีที่น่าสนใจอย่างมาก เช่น “หินสามวาฬ” เหตุที่ต้องเรียกเช่นนี้ก็เพราะมองดูจากมุมบนเหมือนวาฬ 3 ตัว พ่อ-แม่-ลูก แหวกว่ายอยู่ มองลงมาด้านล่างเป็นชะง่อนหินและป่าธรรมชาติ พร้อมวิวแม่โขง ฝั่งตรงกันข้ามก็เป็น “เมืองปากซัน” แขวงบอลบอลิคำไซ สปป.ลาว มาชวนนักท่องเที่ยวได้ชีล แชะ แชร์ ภาพร่วมลุ้นรางวัลได้ตลอดช่วงสงกรานต์ปีนี้ ของแจกคือ “ผ้าไทยลายตำรับโบราณอีสาน” ทั้งอุดรธานี หนองคาย

ขณะที่ “กิจกรรมการท่องเที่ยวหน้าฝนในอีสาน” ผอ.เสกสรร ย้ำว่ามีจังหวัดดาวรุ่งมาแนะนำนั่นคือ “บึงกาฬ” นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและนานาชาติเมื่อมาถึง “จังหวัดบึงกาฬ” แล้วต้องไปถ่ายรูปที่แลนด์มาร์ค “หินสามวาฬ” คล้ายกับการไปเที่ยวอลิโซน่าก็ต้องไปถ่ายรูปตรงแกรนด์แคนยอน

ส่วนผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติสไตล์สมบุกสมบันในช่วงหน้าฝนบึงกาฬจะมี “น้ำตกถ้ำพระ” เดินทางโดยรถยนต์ไม่ได้ ต้อนั่งเรือได้อย่างเดียว ผ่านป่า ผ่านคลองเล็ก ๆ ลัดเลาะเข้าไป แล้วจะเห็นน้ำตกแปลกตา “สีแดงคล้ายสนิมเหล็ก” เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ระหว่างทางก่อนเดินเท้าจะผ่านวิวสองข้างทางมีถ้ำมีพระพุทธรูปอยู่ภายใน มีความตื่นเต้นอยู่ในตัว

เป็นเส้นทางท้าทายที่รถไม่เข้าถึงจึงสามารถสร้างกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้สนุกตลอดการท่องเที่ยว ใช้เวลาประมาณ 1 วัน โดยรอบบริเวณมีโรงแรม ร้านอาหาร ได้มาตรฐานไว้รองรับด้วย

“การเดินทาง” กรุงเทพฯ สู่บึงกาฬ เริ่มจาก รถประจำทางปรับอากาศ 2 เส้นทาง คือ เส้นทางแรก สกลนคร-นครพนม-บึงกาฬ เส้นทางที่สอง ตรงเข้าอุดรธานี-บึงกาฬ หากเดินทางมาจากภาคเหนือ เชียงใหม่ เชียงราย ก็มีรถ บขส.ปรับอากาศ เชื่อมเข้ามาบึงกาฬ เป็นการเดินทางท่องเที่ยว “ข้ามภูมิภาค”

นอกจากนี้ยังมี “รถไฟ” ไปลงหนองคายแล้วเช่ารถต่อเข้าบึงกาฬ ที่สะดวกสุดคือ “สายการบิน” มาลงอุดรธานี เช่ารถต่อไป เป็นการตอบโจทก์บินแล้วเช่ารถขับ Fly & Drive

ขณะที่การขยับเพิ่ม “นักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย” เข้าสู่คลัสเตอร์ท่องเที่ยวอีสานตอนบนเขต 1 นั้น ผอ.เสกสรรแสดงความมั่นใจว่าไม่ห่วงเพราะสามารถทำยอดได้ตามเป้าหมาย ทั้ง อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของนักเดินทางพักผ่อนหรือ Leisure และนิยมมาวันหยุดสุดสัปดาห์และนักขัตฤกษ์ รวมทั้งเดินทางเป็นฤดูกาลบ้าง (seasonal) โดยอุดรธานี กับหนองคาย มีตลาดประชุม สัมมนา เข้ามาใช้บริการทั้งวันธรรมดาและวันหยุด เนื่องจากวันหยุดอุดรธานีจะเป็นฮับอีสาน โดยมีเที่ยวบินขึ้นลงวันละประมาณ 30 เที่ยว อัตราการบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย (cabin factor) เกิน 90 % สามารถเชื่อมโยงการเดินทางไปยังจังหวัดใกล้เคียง เช่น หนองคาย หรือ บึงกาฬ

สถิติอย่างเป็นทางการ จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2558 เข้าสู่คลัสเตอร์นี้มีกว่า 3.2 ล้านคน 8,000 ล้านบาท เติบโตเกิน 8 % ปี 2559 ก็ยังมีสัญญาณเติบโตเพิ่มขึ้น จะมีตัวแปรเป็นปัจจัยรอบด้านบ้าง เช่น จากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจบ้านเมือง สภาพภูมิอากาศ ส่วนปี 2560 ภูมิอากาศเอื้ออำนวยต่อการท่องเที่ยว เช่น ทะเลบัวแดงบานตามฤดูกาล และอีกหลายพื้นที่ที่จึงจุดขายสำคัญ ๆ ขึ้นมาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์

มาร่วมด้วยช่วยกันปลุกกระแสทำให้พื้นที่นำร่อง “คลัสเตอร์ท่องเที่ยวอีสานเขต 1” คึกคักทั้งจำนวนและรายได้ตลอดปี 2560

 ฟังข่าวช่วงต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “ช้อปดิวตี้ฟรีบนเครื่องลดทันที20ดอลล์”

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า ขณะนี้ได้จัดแคมเปญเชิงรุกเพิ่มยอดขายสินค้าบนเครื่องบิน In-Flight Duty Free ระหว่างวันนี้-31 พฤษภาคม 2560 โดยรับส่วนลดได้ทันที 20 เหรียญสหรัฐ เมื่อช้อปครบ120 เหรียญสหรัฐขึ้นไปต่อ 1 ใบเสร็จรับเงิน พิเศษ! สมาชิกคิง เพาเวอร์ รับ CARAT 3 เท่า

เงื่อนไข

เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ และสำหรับการซื้อสินค้าบนเครื่องสายการบินไทย สายการบินไทยแอร์เอเชีย และสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ เที่ยวบินระหว่างประเทศเท่านั้น และสามารถรับสิทธิ์ได้เพียงแสดงบัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ หรือใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตร่วม คิง เพาเวอร์ กับธนาคารสามารถใช้ส่วนลดได้โดยไม่จำกัดใบเสร็จรับเงิน

สมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ทุก 100 บาท รับ 1 CARAT และรับ 2 CARAT พิเศษ รวมเป็น 3 CARAT

สมาชิกบัตรเครดิต คิง เพาเวอร์ ร่วมกับธนาคาร ทุก 100 บาท รับ 1.25 CARAT และรับ 1.75 CARAT พิเศษ รวมเป็น 3 CARAT

CARAT จะคำนวณคืนภายใน 45 วัน หลังทำรายการ

ข่าวที่ 2 “เชียงใหม่คว้าที่3สนามบินโลกลุยแผน10ปีหน้า”

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) 1 ใน6 ท่าอากาศยาน 6 ของ ทอท.ได้เข้าร่วมโครงการจัดอันดับท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการให้บริการดีที่สุดของโลก (Airport Service Quality Program: ASQ) ของสภาสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศ (Airports Council International: ACI) โดย ทชม.ได้คะแนนความพึงพอใจจากผู้โดยสารและผู้ใช้บริการเป็นอันดับที่ 3 ในประเภทกลุ่มท่าอากาศยานที่มีผู้โดยสารปีละ 5-15 ล้านคน จากทั้งหมด 82 ท่าอากาศยานที่เข้าร่วมโครงการ

         

นายนิตินัย ย้ำว่าได้รางวัลดีเด่นอันดับ 3 ของโลกประจำปี 2559 ถือเป็นความสำเร็จที่น่าพึงพอใจของท่าอากาศยานเชียงใหม่ ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินการปรับปรุงทางด้านกายภาพและพัฒนาประสิทธิภาพในการให้บริการทุกด้านของท่าอากาศยานเชียงใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนราชการ ผู้ประกอบการ และบริษัทการบินต่างๆ ที่ช่วยให้ท่าอากาศยานเชียงใหม่ประสบความสำเร็จดังกล่าว ซึ่งการเข้าร่วมโครงการ ASQ นั้น  ทาง ACI ได้ทำการสำรวจด้วยแบบสอบถามมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกเกี่ยวกับบริการของท่าอากาศยานรวม 34 หัวข้อ

“น.อ.วิสูธ จันทนา” ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า ปัจจุบันท่าอากาศยานเชียงใหม่รองรับผู้โดยสารได้ 8 ล้านคน/ปี แต่ปริมาณเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมากตั้งแต่ปี 2555 ทั้งจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสาร ล่าสุดในปี 2559 มีจำนวนผู้โดยสารกว่า 9.45 ล้านคน จึงดำเนินการแผนแม่บทท่าอากาศยานเชียงใหม่  

ช่วงที่ 1 แผนพัฒนาระยะสั้นกับระยะกลาง 10 ปี ระหว่าง พ.ศ.2559-2568 ตั้งเป้าหมายรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 18 ล้านคน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยว่าจ้างบริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ คาดจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ในช่วงกลางเดือน มี.ค.นี้ ใช้เวลาทำ EIA และขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ภายใน 2 ปี จึงเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป

ข่าวที่ 3 “ททท.ชวนทัวร์เปิดโลกทะเลชุมพร17-21มี.ค.”

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้สนับสนุนจังหวัดชุมพร จัดงานเปิดโลกทะเลชุมพร ประจำปี 2560 ระหว่างวันที่ 17-21 มีนาคม 2560 ณ ชายทะเลปากน้ำชุมพร ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองฯ จังหวัดชุมพร เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวต่อเนื่องเป็นปีที่ 27 โดยกำหนดจัดขึ้นในวันศุกร์สัปดาห์ที่ 3 เดือนมีนาคมของทุกปี ระยะเวลา 3-5 วัน เริ่มจัดครั้งแรกตั้งแต่ปี 2533

สำหรับปี 2560 เตรียมกิจกรรมที่น่าสนใจไว้รองรับนักท่องเที่ยวเช่น นิทรรศการโลกทะเล นิทรรศการแหล่งเรียนรู้เรือหลวงไทยใต้ทะเล นิทรรศการภาพถ่าย การปล่อยพันธุ์สัตว์ทะเลหายาก (เต่ากระ) กิจกรรมดำน้ำเก็บขยะ ชมปะการัง สาธิตและโชว์เรือใบโบราณ

 การแข่งขันกีฬาทางบกและทางน้ำ เช่น การแข่งขันฟุตบอลชายหาด แข่งขันวิ่งมาราธอน ปั่นจักรยานพิชิตเขามัทรี จัดคาราวานสินค้า OTOP อีกครั้งกับประติมากรรมทรายชายหาด มหกรรมอาหารทะเล....สด สด น้ำจิ้มรสแซบ

 รวมทั้งมีกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น แพ็คเกจทัวร์ เปิดโลกทะเลชุมพรราคาประหยัด วันเดย์ทริป ทริปดำน้ำ ชมปะการัง พร้อมสัมผัสความมหัศจรรย์ของหัตถ์พระเจ้าหรือหินผาฝ่ามือพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นเกาะหินปูนที่มีลักษณะคล้ายรูปฝ่ามือหนึ่งเดียวในโลก

จังหวัดชุมพรได้ชื่อว่าเป็นประตูสู่ภาคใต้มีศักยภาพโดดเด่นด้านการท่องเที่ยว อยู่ติดทะเลอ่าวไทย มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามมากมาย โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวประเภท หมู่เกาะ หาดทราย ชายทะเลที่ยาวถึง 222 กิโลเมตร “หาดทรายสวยสี่ร้อยลี่” เป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การดำน้ำชมปะการังที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย

ข่าวที่ 4 “บางจากจัดลากรถเสียฟรีช่วงสงกรานต์”

บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ร่วมมือกับ AXA Assistance จัดแคมเปญให้สมาชิกบัตรบางจากต้อนรับเทศกาลเดินทางตลอดสงกรานต์ ระหว่าง 11-17 เมษายน 2560 สมาชิกบัตรบางจาก รับสิทธิ์ฟรี!!!  บริการให้ความช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชม.

        โดยเข้าไปลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ - 9 เม.ย.2560  จะเปิดให้รับสิทธิ์ 100,000 คนแรกเท่านั้น เพื่อรับบริการความช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชม. เริ่มคุ้มครอง 11 เม.ย-สิ้นสุด 17 เม.ย. 2560 ตามกติกาดังนี้

1.จำกัดการใช้สิทธิ์ 1 หมายเลขสมาชิก ต่อ 1 รายการ

2.ท่านสมาชิกฯ ต้องมียอดเติมน้ำมัน 2,000 บาทต่อเดือน โดยประมาณ  (ยอดเติม ธ.ค.59 – ก.พ.60)

3.รับเฉพาะ รถยนต์ 4 ล้อ สำหรับใช้ส่วนบุคคล  ไม่รวมถึงยานพาหนะรับจ้างขนส่ง ยานพาหนะสาธารณะ ยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ และรถจักรยานยนต์

4.เมื่อลงทะเบียนแล้ว ท่านสมาชิกฯจะได้รับ SMS ยืนยันการได้รับสิทธิ์ในวันทำการถัดไป  (หากวันถัดไปเป็นวันหยุด จะได้รับ SMS ในวันทำการ)

       

        ทั้งนี้ บริการช่วยเหลือฉุกเฉินดังกล่าว เฉพาะกรณีที่รถยนต์ของสมาชิกขัดข้องหรือขับเคลื่อนไม่ได้ เนื่องมาจากรถเสียฉุกเฉิน ในขณะที่สมาชิกขับรถยนต์อยู่บนท้องถนนภายในประเทศไทย และจะให้บริการเฉพาะทะเบียนรถที่ระบุไว้ตอนลงทะเบียนเท่านั้น หากสมาชิกต้องการเปลี่ยนแปลงแก้ไขทะเบียนรถ สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าบางจาก 1651 กด 4  ภายในวันที่ 9 เม.ย.2560

ช่วงที่  2 มีเรื่องดี ๆ หลายแง่มุมมานำเสนอ ด้วยการพาไปชมแหล่งเรียนรู้ 70 เส้นทางตามรอยพระบาท “โครงการช่างหัวมัน”

ข่าวที่ 5 “คุณค่าความสำคัญการอนุรักษ์ท่าเตียน”

      

สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กล่าวถึงเรื่อง “คุณค่าความสำคัญ” ว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจก่อนเป็นอันดับแรกในกระบวนการอนุรักษ์ เพราะจะทำให้เกิดความตระหนักว่า อาคารหรือสถานที่นั้นมีคุณค่าและความสำคัญทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรมต่อสังคมและชุมชนอย่างไร เป็นจุดเริ่มต้นหลักเหตุผลว่าทำไมจึงต้องอนุรักษ์

       การทำความเข้าใจคุณค่าความสำคัญของพื้นที่หมายถึงการศึกษาค้นคว้าและวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ทราบว่าอาคารหรือแหล่งมรดกวัฒนธรรมนั้นมีความสำคัญอย่างไร โดยทั่วไปมักทำการศึกษาทางประวัติศาสตร์โบราณคดี สถาปัตยกรรม วิศวกรรม รวมถึงความงาม

      

นอกจากนั้นในขั้นตอนยัง “รวมถึงการประเมินสภาพปัจจุบันด้วย” ว่ายังคงเหลือหลักฐานของประวัติศาสตร์มากน้อยเท่าใด ผลที่ได้ในขั้นตอนได้แก่การสรุปคุณค่าความสำคัญของพื้นที่ (statement of significance) ซึ่งจะนำมาใช้เป็นกรอบในการตัดสินใจขั้นต่อไปว่า จะใช้วิธีการใดในการอนุรักษ์เพื่อให้สามารถรักษาหรือส่งเสริมคุณค่าความสำคัญนั้นให้คงอยู่ต่อไป

      

หลังจากศึกษาข้อมูลด้านต่าง ๆ ดังกล่าวแล้วอาจทำการสรุปคุณค่าความสำคัญของอาคารตึกแถวหน้าพระลาน ท่าช้าง และท่าเตียน ได้เป็นข้อ ๆ ดังนี้

      

1.เป็นหลักฐานของการพัฒนาประเทศในยุคโลกาภิวัฒน์ช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ที่โดดเด่นจากประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชีย ด้วยพระราโชบายของพระมหากษัตริย์ที่โปรดให้ออกแบบอาคารที่มีความสวยงามเป็นพิเศษเพื่อใช้รับแขกชาวต่างประเทศจากตะวันตก

       2.เป็นแบบอย่างของการพัฒนาตลาดและชุมชนตึกแถวของกรุงเทพมหานครในยุคแรกเริ่ม ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาชุมชนเมืองในพื้นที่อื่น ๆ ในเวลาต่อมา

       3.เป็นหลักฐานของการพัฒนาสถาปัตยกรรมในด้านเทคโนโลยีการก่อสร้างสมัยใหม่ที่นำ “คอนกรีตเสริมเหล็กแบบฟอร์โรซีเมนต์” มาใช้เป็นแห่งแรก ๆ ของประเทศ

       4.เป็นตัวอย่างการพัฒนาเมืองในยุคใหม่แทนที่เมืองยุคก่อน โดยการสร้างถนนและตึกแถวทับบนกำแพงเมืองและกำแพงวัง และยังคงมีการใช้สอยตึกแถวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

       ในการได้มาซึ่งคุณค่าความสำคัญข้างต้น ต้องมีการศึกษาแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนย่อย ได้แก่ การศึกษาด้านเอกสาร ด้านการกายภาพ และการจัดทำแบบสันนิษฐาน นั่นเอง

       สัปดาห์หน้าจะเล่าถึง “วิธีการศึกษา” แต่ละด้านอย่างละเอียด อันทำให้คุณค่าของท่าเตียนคงอยู่ตลอดไป

@ทัวร์โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ จ.เพชรบุรี

หัวหินนอกจากจะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญแล้ว ยังเป็นที่ทราบกันดีว่า เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ณ วังไกลกังวล ซึ่งที่นี่คือจุดกำเนิดของโครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่ 1 ม. 5 บ้านหนองคอไก่ ต.เขากระปุก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เปิดให้เข้าชมได้ทุกวันตลอดทั้งปี เวลาตั้งแต่ 08.00-16.00 น.

โครงการมีที่มาจาก “มันเทศ” และความห่วงใยที่มีต่อพสกนิกร ที่ประกอบอาชีพ ด้านการเกษตรกรรมในพื้นที่ของพระองค์ เป็น " หนึ่งโครงการ ในพระราชดำริ ศูนย์รวมพืชเศรษฐกิจ พัฒนา และส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมของ จังหวัดเพชรบุรี "

เรื่องเล่าจากที่มาของโครงการชั่งหัวมันนั้น เกิดจาก ชาวบ้านในพื้นที่ ได้นำมันเทศมาถวายแด่ในหลวงที่พระราชวังไกลกังวล ซึ่งพระองค์ท่านรับสั่งให้ข้าราชบริพารนำไปเก็บไว้ที่ตราชั่งในห้องทรงงาน ก่อนจะเสด็จกลับกรุงเทพฯในเดือนต่อมาพระองค์ท่านเสด็จกลับมาประทับ ที่หัวหิน ทรงพบว่ามันเทศดังกล่าวเกิดแตกใบออกมา จึงมีพระราชดำริให้รีบจัดหาที่ดินเพื่อทำการเกษตร โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อที่ดินจำนวนกว่า 250 ไร่ ใจกลางหุบเขาในเขตบ้านหนองคอไก่ อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เพื่อพัฒนาพื้นที่แห้งแล้งนี้ ให้เป็นศูนย์รวบรวมพืชเศรษฐกิจของจังหวัดเต็มรูปแบบ

โครงการชั่งหัวมัน มีแปลงปลูกข้าวและพืชผักเศรษฐกิจหลากหลายชนิด อาทิ มันเทศ สับปะรด มะพร้าว มีฟาร์มเลี้ยง โคและไก่ ตลอดจนติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้า แผงโซล่าเซลล์พร้อมระบบจำหน่ายไฟฟ้าเพื่อใช้ภายในโครงการ และจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยเปิดให้ประชาชนได้แวะมาท่องเที่ยว เรียนรู้ และจับจ่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับเกษตรกรท้องถิ่น

 เส้นทางท่องเที่ยว จ.ประจวบคีรีขันธ์

วันแรก “ช่วงบ่าย”เดินทางสู่โครงการชั่งหัวมัน ในพระราชดำริแหล่งเรียนรู้ และแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรนมัสการหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ณ วัดห้วยมงคล

วันที่สอง  “ช่วงเช้า” เข้าไปชมอุทยานราชภักดิ์ สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์บูรพกษัตริย์ทั้ง 7 พระองค์ สูดอากาศบริเวณอ่างเก็บน้ำเขาเต่า โครงการในพระราชดำริด้านแหล่งน้ำแห่งแรกของไทย ชมพระพุทธศากยมหาราช เยี่ยมชมศูนย์ทอผ้าบ้านเขาเต่า ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่ป่าชายเลนสิรินาถราชินี

“ช่วงบ่าย” ไปดูสถานีรถไฟหัวหินและพลับพลาที่ประทับ สถานที่ยอดนิยมในการถ่ายรูปของนักท่องเที่ยว เยี่ยมชมและทำบุญที่ศูนย์อนุรักษ์สุนัขหัวหิน โครงการในพระราชดำริที่แก้ปัญหาสุนัขจรจัด

โกลเด้น เพลส สาขา 1 หรือ 2 ซื้อผักปลอดสารพิษและผลิตภัณฑ์แปรรูปของโครงการ

สถานที่เที่ยวห้ามพลาด พระตำหนักทรงงาน ชมบ้านไม้สองชั้นแบบเรียบง่ายตามวิถีพอเพียงของในหลวงศาลาพักผ่อนบริเวณแปลงเกษตรผสมผสาน หลบร้อนพร้อมเก็บภาพแปลงเกษตรผสมผสาน ร้านโกลเด้น เพลซ ช่วยกันอุดหนุนสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของโครงการ

กิจกรรมห้ามพลาด นั่งรถรางของโครงการ ชมแปลงปลูกข้าวและพืชผักเศรษฐกิจหลากหลายชนิด

สนใจท่องเที่ยวโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ  1 ม. 5 บ้านหนองคอไก่ ต.เขากระปุกอ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี  โทร. 0-3247-2700-1

บัตรเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท หากมาเป็นหมู่คณะแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนล่วงหน้า

การเดินทาง ระยะทางประมาณ 47 กม. จาก อ.ท่ายาง ผ่านโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรีไปทางตำบลท่าไม้รวก ผ่านที่ทำการเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขากระปุก - เขาเตาหม้อผ่านโรงเรียนบ้านทุ่งโป่ง ถึงโครงการชั่งหัวมัน

@เก็บสัมภาระบนรถให้ปลอดภัยในการขับขี่

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่มักจัดเก็บสิ่งของไว้ในห้องโดยสาร เมื่อประสบอุบัติเหตุ ความเร็วและแรงปะทะของรถ จะเพิ่มแรงเหวี่ยงให้สิ่งของในรถพุ่งกระแทกผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทำให้ได้รับบาดเจ็บรุนแรงและเสียชีวิตได้ เพื่อความปลอดภัย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะการจัดเก็บสิ่งของในห้องโดยสารและบนหลังคารถอย่างถูกวิธีดังนี้

การจัดเก็บสิ่งของในห้องโดยสาร จัดเก็บสิ่งของให้เป็นระเบียบ โดยเฉพาะสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก วัสดุแหลมคม อาทิ อุปกรณ์ซ่อมเครื่องยนต์ กรรไกร ควรจัดเก็บไว้ในลิ้นชักเก็บของในห้องโดยสาร หรือเก็บใส่กล่องที่มีฝาปิดมิดชิดไว้บริเวณกระโปรงท้ายรถ ผูกยึดสิ่งของที่มีน้ำหนักมากให้แน่นหนา เพื่อป้องกันสิ่งของพุ่งกระแทกผู้ที่อยู่ในห้องโดยสาร ทำให้ได้รับอันตราย

ไม่วางสิ่งของที่กลิ้งได้บริเวณใต้เบาะที่นั่งคนขับ อาทิ ขวดน้ำ รองเท้า ถังดับเพลิงเคมีขนาดเล็ก เพราะอาจกลิ้งเข้าไปติดใต้แป้นเบรก หากเกิดเหตุฉุกเฉิน จะไม่สามารถหยุดรถได้ทัน

ไม่วางสิ่งของที่มีน้ำหนักมากซ้อนสูงพิงเบาะหลังรถ เพราะเมื่อประสบอุบัติเหตุ เบาะหลังรถไม่สามารถต้านทานน้ำหนักของสิ่งของ ทำให้สิ่งของพุ่งทับผู้โดยสารได้

ไม่วางสิ่งของไว้ในตำแหน่งที่ติดตั้งถุงลมนิรภัย เพราะกีดขวางการทำงานของถุงลมนิรภัย กรณีประสบอุบัติเหตุแล้วถุงลมนิรภัยทำงาน จะได้รับอันตรายจากการถูกสิ่งของพุ่งกระแทก

ไม่วางสิ่งของบดบังทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทาง เพราะจะทำให้เกิดจุดบอดและบดบังการมองเห็นเส้นทาง จึงเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้

การบรรทุกสิ่งของบนหลังคารถ

ตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างหลังคารถ ต้องยึดติดกับตัวรถอย่างหนาแน่น เพื่อป้องกันสิ่งของร่วงหล่น ก่อให้เกิดอันตรายได้

จัดให้มีตาข่ายหรือผ้าคลุมครอบสิ่งของ พร้อมจัดเก็บสิ่งของให้เป็นระเบียบ ไม่วางซ้อนกันเป็นจำนวนมาก เพื่อป้องกันสิ่งของร่วงหล่น

เพิ่มความระมัดระวังเมื่อขับรถผ่านเส้นทางที่มีการจำกัดความเร็วสูง อาทิ จุดกลับรถ ลอดใต้สะพาน อุโมงค์ทางลอด สะพานลอย เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

ลดความเร็วในการขับรถ เพราะการขับรถเร็วขณะบรรทุกสิ่งของบนรถ จะทำให้เกิดแรงลมปะทะ จึงส่งผลต่อประสิทธิภาพในการควบคุมรถ โดยเฉพาะขณะขับรถเข้าโค้ง ทำให้เสี่ยงต่อการ ประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำได้ ทั้งนี้ การจัดเก็บสิ่งของในห้องโดยสารและบรรทุกสิ่งของบนหลังคารถอย่างถูกวิธี จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง

ฟังสรุปข่าวฮ็อตในรอบสัปดาห์ช่วงท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “ดิเอราวัณกรุ๊ปทุ่มเปิดHOPINNทั่วAEC”

นางกมลวรรณ วิปุลากร กรรมการผู้จัดการใหญ่ดิเอราวัณ กรุ๊ป เปิดเผยถึงแผนพัฒนาการลงทุนโรงแรมว่า ทางดิเอราวัณ กรุ๊ปได้วางเป้าหมายต่อเนื่องใช้เงินราว 10,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี ระหว่าง 2559-2563 เปิดโรงแรมเทรนด์ราคาประหยัดแบรนด์ HOP INN ให้ครบ 95 แห่ง ห้องพักจำนวนรวมกว่า 10,000 ห้อง ขณะนี้ก็ทำตามแผน 4 ปีหน้า หลังจากเมื่อปี 2559 ใช้เงินลงทุนไปแล้ว 900 ล้านบาท ทำโรงแรมฮ็อปอินน์ในไทย 7 แห่ง ฟิลิปปินส์ 1 แห่ง

สำหรับปี 2560-2562 จะสร้างในไทยทั้งหมด 22 แห่ง รวมห้องพัก 2,680 ห้อง จะทยอยเปิดบริการตามแผน 8 แห่ง แบ่งเป็น “อีโคโน” 4 แห่ง ได้แก่ โรงแรมโนโวเทล+ไอบีส สไตล์ ซอยนานา ขนาด 318 ห้อง ลงทุน 900 ล้านบาท เปิดให้บริการไตรมาส 4 ปี 2561 โรงแรมเมอร์เคียว และไอบิส สุขุมวิท 24 ขนาด 500 ห้อง ลงทุน 1,500 ล้านบาท เปิดไตรมาส 4 ปี 2562

ส่วนแบรนด์ฮ็อปอินน์ 12 แห่ง จะกระจายไปตามเมืองท่องเที่ยวรอง อาทิ เชียงราย ลำปาง นครสวรรค์ หัวหิน แม่สอด (ตาก) ระยอง บุรีรัมย์ ขอนแก่น

ขณะที่การลงทุนโรงแรมในต่างประเทศ จะปักธงนำที่ฟิลิปปินส์ 20 แห่ง ด้วยการเล็งทำเลที่น่าสนใจไว้ได้แก่ Makati, Aseana, Alabang,Quezon City และ Ortigas และจะขยายโรงแรมในเวียดนามด้วยเช่นกัน

ข่าวที่สอง “Let’s Relaxบูมซิกเนเจอร์ออนเซนสปาในไทย”

นายณรัล วิวรรธนไกร กรรมการบริหารและผู้อำนวยการฝ่ ายการตลาด บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ "SPA" ผู้นำด้านธุรกิจสปาของไทย ผู้บริหารแบรนด์ Let's Relax Spa กล่าวว่า "Let's Relax Onsen & Spa Thonglor ออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่น เป็นออนเซ็นที่สมบูรณ์แบบที่สุ ดใจกลางทองหล่อ กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 1,800 ตารางเมตร เน้นจุดขายสปาสไตล์ออนเซ็น พร้อมการนวดสปาด้วยสมุนไพรสดแท้ แบบไทยต้นตำรับไทย และผู้เชี่ยวชาญด้านออนเซ็ นจากญี่ปุ่น นำ 2 ศาสตร์อันเป็นที่สุดแห่งเอเชีย

ด้วยบริการสปาและออนเซ็นสมบูรณ์แบบแห่งแรกในเมืองไทย มีบ่อออนเซ็นมากที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ได้แก่ 1.บ่อน้ำแร่ (Gero Hot Springs Bath) ช่วยต่อต้านแบคทีเรีย ลดอาการคัน 2.บ่อซิลค์บาธ (Silk Bath) ช่วยเติมออกซิเจนให้ผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น 3.บ่อโซดา (Soda Bath) ช่วยขับสารพิษ ความอุ่นของน้ำจะช่วยการหมุนเวียนของเลือดให้ดียิ่งขึ้น 4.บ่อน้ำเย็น (Cold Bath) ช่วยเพิ่มความสดชื่น

ติดตามฟังรายการย้อนหลังทาง youtube ได้ที่ www.facebook.com/rauydauykhao

เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน คอลัมนิสต์การบิน/ท่องเที่ยว

เจ้าของรายการ "รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์ สวท.FM 97.0 MHz.