เจาะลึก4องค์กรใหญ่พยากรณ์เศรษฐกิจท่องเที่ยวพุ่งปี62
ชี้ไทยเร่งปั้นจุดแข็งปิดจุดอ่อนรับมือ”สหรัฐ-จีน”เขย่าโลก
คิงเพาเวอร์มอบพลังความสุข300เด็กไทยส่งท้ายปี’61
ททท.ชวนเที่ยวเคาน์ดาวน์จัดกระหึ่มเมืองรองทั่วประเทศ
บางจากให้สมาชิกเติมน้ำมันFurioช่วงปีใหม่ฟรีไส้กรอง
ดอนเมืองจัดเต็มเพิ่มบริการในสนามบินทุกรูปแบบ7วัน
ทัวร์เมืองรอง”ปัตตานี”ความงดงามถนนวัฒนธรรม3สาย
9เคล็ดลับการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงต้อนรับศักราชปี62
ททท.ลุยเที่ยวในประเทศปี62ภาคเหนือโกย1.5แสนล้าน
เอกชนจ่อผุดเมกะโปรเจ็กต์ตฤณนคราเชียงแสนหนุนทัวร์
คมนาคมเร่งสร้างถนนลัดพหล-ลำลูกกาเปิดใช้ก.พ.ปี62
โรงแรมดิโอกุระอัดโปรโมชั่นสปาแพกเกจ3เดือนรับปีใหม่
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 ผ่าเศรษฐกิจปีหมู 2562 กับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” คอลัมนิสต์และผู้ดำเนินรายการ วิเคราะห์ด้วยข้อมูลของโหรเศรษฐกิจระดับประเทศและโลก 4 องค์กร “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย-EIC ไทยพาณิชย-สภาพัฒน์-ธนาคารโลก” ชี้ชะตาอนาคต “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” ตลอดปีหน้ายังสดใสสามารถทำเงินเติบโตได้อีก 6-8 % เป็นดาวรุ่งมาแรง ท่ามกลางสถานการณ์รอบโลกมีปัจจัยเสี่ยงจากมหาอำนาจ “จีน-สหรัฐ” เล่นเกมเตะตัดขาการค้าระหว่างประเทศ จึงต้องระวังภัยเหล่านี้ไว้บ้าง เพราะมีผลกระทบข้างเคียงต่อนานาประเทศด้วยเช่นกัน ส่วนไทยต้องชิงดันจุดแข็งปิดจุดอ่อนเรื่องท่องเที่ยว และดันเมืองรอง ชุมชน ผงาดอย่างแข็งแกร่ง
ปลายปี 2561 หน่วยงานพยากรณ์เศรษฐกิจหลายสำนัก 4 องค์กรหลัก ได้แก่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ศูนย์วิเคราะห์(EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารโลก ประจำประเทศไทย ได้สะท้อนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศไทยปี 2562 “ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว” ยังคงอยู่ในอารมณ์ที่สดใส แตกต่างจากอุตสาหกรรมอื่น ๆ อย่าง รายได้การส่งออกสินค้า การค้าระหว่างประเทศ สงครามการต่อสู้และเตะตัดขาของ 2 ยักษ์ใหญ่โลก สหรัฐอเมริกากับสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่อาจจะกระทบเป็นวงกว้าง
ทว่าความตื่นของทุกภาคส่วน ภาครัฐนำโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภาคเอกชน ที่มีคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ชุดใหม่ที่จะเข้ามาแสดงความเป็นมืออาชีพทำให้ท่องเที่ยวของประเทศที่เข้มแข็งขึ้นกว่าช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการตลาดเติบโตด้วยกระแสทางธรรมชาติ โดยไม่ได้รับแรงขับเคลื่อนมากนักจากเอกชนอย่างเต็มที่นั้น ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป น่าจะเห็นปรากฎการณ์ใหม่ด้านการท่องเที่ยวดีขึ้นกว่าเดิม
โดย ททท.เตรียมจะสร้างเงินและรายได้ต้อนรับตั้งแต่เริ่มเปิดศักราชใหม่ด้วยการจัดมหกรรม “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562” นำแหล่งท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์สินค้า และแพกเกจท่องเที่ยว มาจำหน่ายตลอดงาน ระหว่างวันที่ 23-27 มกราคม 2562
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศจากการวิเคราะห์ของทั้ง 4 หน่วยงาน แถวหน้าของประเทศ คือ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประจำประเทศไทย ได้นำเสนอข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจในเรื่องภาคการท่องเที่ยวจะเป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่งมาแรงในการสร้างรายได้กระจายสู่ท้องถิ่นอย่างมีแข็งแกร่งในปี 2562
เริ่มจากหน่วยงานแรก “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ได้จัดงานเสวนาเรื่อง “จับอุณหภูมิเศรษฐกิจปี 62…หมูจริงหรือไม่?” เมื่อ 7 ธันวาคม 2561 ตอกย้ำว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศตั้งแต่เดือนธันวาคมปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้าฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ สะท้อนความสดใสทั้งเรื่องรายได้ จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งตลาดทั่วโลกที่จะเดินทางเข้ามาและคนไทยท่องเที่ยวในประเทศ เนื่องจากรัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้นที่ดี จึงทำให้เศรษฐกิจภาพรวมเกิดการขยายตัวดีขึ้นมาตั้งแต่ไตรมาส 4 กว่า 4 % จากไตรมาส 3 โตเพียง 3.3 % ส่วนการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังรักษาระดับการขยายตัวไว้ได้ระดับดี
หน่วยงานที่ 2 Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยปี 2562 จะเติบโตประมาณ 6% ซึ่งอาจจะต่ำกว่าปี 2561 เติบโตมากถึง 8% ดังนั้นจะต้องเร่งเพิ่มประสิทธิภาพแก้ไขจุดอ่อนสำคัญเพื่อทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีพลังการเติบโตมากขึ้นอีกครั้ง โดยเร่งทำ 2 เรื่องหลัก
1.ปรับปรุงการบริหารจัดการและประชาสัมพันธ์เพื่อทำความเข้าใจกับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นกำลังตลาดขนาดใหญ่ที่สุดมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไทยสัดส่วน 30% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ปรากฏการณ์ชัดเจนที่เกิดขึ้นช่วงเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ตทำให้ตลาดจีนลดลงเป็นบทเรียนสำคัญ ถึงแม้ในช่วงไตรมาส 3 จะมีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียเพิ่มขึ้นมาก็ยังไม่สามารถทดแทนได้
2.ความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวที่สนามบินนานาชาติของไทยขณะนี้ใช้เต็มแล้วทั้ง สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และจะเป็นข้อจำกัดสำคัญในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2562
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2561 ขยายตัว 4.5% ยังอยู่ในระดับที่ดี เนื่องจากตัวเลขการส่งออกและรายได้การท่องเที่ยวที่ยังเป็นแรงหนุนสำคัญ ส่วนปี 2562 คาดว่า GDP จะขยายตัวลดลงที่ 4% เนื่องจากผลกระทบของนโยบายกีดกันการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่ EIC ประเมินว่าจะรุนแรงและส่งผลกระทบในวงกว้างมากยิ่งขึ้น เชื่อว่าเป็นเกมการเตะตัดขาธุรกิจไอทีของจีนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งอุตสาหกรรมนี้ยังเป็นพื้นที่สำคัญที่สหรัฐอเมริกาต้องรักษาความได้เปรียบเอาไว้ให้ได้
สำหรับภาคการส่งออกของประเทศไทยที่ถือเป็นพระเอกในช่วงที่ผ่านมา ซึ่ง EIC คาดว่าตัวเลขการส่งออกได้ผ่านจุดสูงสุดมาแล้วในปีนี้ที่การขยายตัว 8.5% ซึ่งมีปัจจัยจากสภาพเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมันที่ดีดตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่จะเติบโตลดลงในปีหน้า
สอดคล้องกับภาพรวมการค้าโลกที่ขยายตัวลดลงที่ 4.7% ขณะนี้เห็นสัญญาณชะลอตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอย่างชัดเจนทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายสำคัญของไทยทั้งสิ้น และมีผลต่อภาคการส่งออกของไทยอย่างเลี่ยงมิได้
ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศคือการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเกิดภาวะเงินทุนไหลออกในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ รวมทั้งประเทศไทย ทำให้ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น
ทั้งนี้ทาง EIC ยังเห็นว่าพื้นฐานเศรษฐกิจและภาคการเงินไทยยังคงแข็งแกร่งและสามารถรับมือกับภาวะการไหลเข้าออกของเงินทุนต่างประเทศได้ดีอยู่ โดยเชื่อว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนธันวาคมปีนี้ หรือการประชุม กนง. ครั้งแรกต้นปี 2562 เป็นช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยยังอยู่ในระดับสูงและจะได้รับผลกระทบชัดเจน
หน่วยงานที่ 3 ธนาคารโลก ตามที่ ดร.เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ประจำประเทศไทย ธนาคารโลก ชี้ถึงสิ่งที่ประเทศไทย จะต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับคลื่นเศรษฐกิจปีหน้า จะสดใสดีเพราะมี 2 ปัจจัยที่มาพร้อมกันพอดี คือ “ปัจจัยภายนอก” เรื่องการส่งออกสินค้าแล้วก็การท่องเที่ยว เพราะว่าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวค่อนข้างดีแล้วก็การท่องเที่ยวจากจีนจากภูมิภาค “ปัจจัยภายในประเทศ” ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอาจจะไม่ค่อยดี แตกต่างจากอนาคตอันใกล้นี้ ภาครัฐได้ทุ่มการลงทุนหลายๆ โครงการอย่างต่อเนื่อง
ประการสำคัญทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้อง “ต้องยึดข้อดีและปรับปรุงข้อด้อย”
ข้อดีมีอยู่ 2 เรื่อง ก็คือเรื่องภูมิศาสตร์ เราอยู่ในภูมิศาสตร์ที่ดีมาก แล้วก็เพื่อนบ้านก็กำลังเติบโตดี มีประชาชน มีตลาด มีโอกาสเยอะสำหรับผู้ประกอบการไทย สองปัจจัยพื้นฐานของเราดีมาก คือความเสี่ยงจากวิกฤตเศรษฐกิจของเราต่ำมาก เพราะว่าหนี้สาธารณะต่ำ เงินทุนสำรองแบงก์ชาติสูง เพราะฉะนั้น ประเทศไทยพร้อมที่จะลงมือทำหลายอย่างโดยที่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจมากเท่ากับเพื่อนบ้าน นี่คือข้อดี
ข้อด้อย ซึ่งหลายเรื่องไทยได้ปฏิรูป ทั้งการลงทุนภาครัฐ มีเรื่องภาษี การกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจ คือแบงก์ชาติตอนนี้ก็รับผิดชอบดีมาก
หน่วยงานที่ 4 “สำนักยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ” (สศช.) ประเมินสถานการณ์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทย ปี 2562 ไว้ดังนี้
“ภาคการท่องเที่ยว” มีการเพิ่มขึ้นของแรงขับเคลื่อนโดดเด่นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังและตลอดปี 2561 และคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวภาพรวมช่วงปลายไตรมาสแรกปี 2562 เป็นแรงส่งช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2562 ได้อย่างมีนัยสำคัญต่อไป
หลังจากช่วงครึ่งปีแรก 2561 จำนวนและรายรับจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าปกติ เพราะสาเหตุสำคัญ 3 เรื่อง
1.การแข่งขันฟุตบอลโลกในเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม 2561 ที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางออกนอกประเทศน้อยลงและนักท่องเที่ยวจากประเทศยุโรปอื่น ๆ เปลี่ยนทิศทางการท่องเที่ยวไปยังรัสเซียมากขึ้น และส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากรัสเซียและยุโรปเดินทางมายังประเทศไทยต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ ช่วง 9 เดือนแรกปี 2561 ไทยมีส่วนแบ่งตลาดนักท่องเที่ยวจากยุโรป18.4 % ขยายตัวเพียง 4.8 % เปรียบเทียบแล้วต่ำกว่าอัตราเฉลี่ย 10.1 % ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560
2.จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลง 27.7 % ปี 2561 อาจอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ แต่รัฐบาลได้แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในด้านการเพิ่มความเข้มงวดด้านมาตรฐานความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และเพิ่มดำเนินมาตรการเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเพิ่มเติมทั้งในตลาดจีนและตลาดหลักอื่น ๆ เมื่อรวมกับการปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติของนักท่องเที่ยวยุโรป
ปี 2562 เศรษฐกิจของประเทศไทย ยังได้รับแรงหนุนหลัก ๆ ทำให้ยังสามารถรักษาดุลความแข็งแกร่งอยู่ได้ คือ
เรื่องที่ 1 “การลงทุนภาครัฐและเอกชน” ปรับตัวดีขึ้น ตามแนวโน้มการเร่งตัวขึ้นของการลงทุนภาครัฐที่มีปัจจัยสนับสนุนจากความคืบหน้าของโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ๆ ที่เข้าสู่ขั้นตอนของการก่อสร้างมากขึ้นตามลำดับประกอบด้วย
1.โครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2559 (Action Plan 59) มีโครงการที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างแล้วจำนวน 14 โครงการ มูลค่า 705,451 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวนโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างเพียง 8 โครงการ มูลค่า 442,388 ล้านบาท โดยมีโครงการสำคัญที่เริ่มการก่อสร้าง คือ โครงการรถไฟไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพ-หนองคาย ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา โครงการรถไฟทางคู่อีก 3 เส้นทาง (ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ และช่วงนครปฐม - ชุมพร และโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่อยู่ในขั้นตอนการประมูลและลงนามในสัญญา 3 โครงการ มูลค่า 399,706 ล้านบาท
2. โครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2560 (Action Plan 60) อยู่ในระหว่างการก่อสร้างแล้วจำนวน 5 โครงการ มูลค่า 3,592 ล้านบาท อยู่ในขั้นตอนการประมูลและลงนามในสัญญา 4 โครงการ มูลค่า 42,391 ล้านบาท และผ่านขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติของ ครม. แล้วจำนวน 1 โครงการ คือ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ มูลค่า 85,345 ล้านบาท
3. โครงการภายใต้แผน EEC คณะรัฐมนตรีอนุมัติเรียบร้อยแล้ว 5 โครงการ ได้แก่ โดยโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อประมูลเสร็จสิ้นแล้ว รอลงนามในสัญญาต้นปีหน้า ส่วนที่เหลือ 4 โครงการ ได้แก่ โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 และโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562
ส่วนการลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ และต่อเนื่องตาม คือ
1.การเพิ่มขึ้นของอัตราการใช้กำลังการผลิตในปี 2561 ช่วง 9 เดือนแรกเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 68.5 รวมทั้งยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2562 ตามแนวโน้มการขยายตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่การส่งออกได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงทิศทางทางการค้าที่เกิดจากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
2.ความคืบหน้าของการลงทุนภาครัฐฯ ที่เริ่มมีบทบาทในการสนับสนุนการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชนมากขึ้นซึ่งจะเห็นได้จากการลงทุนของภาคเอกชนในด้านการก่อสร้างในไตรมาสที่สามของปี 2561 ซึ่งเริ่มกลับมาขยายตัวอย่างชัดเจนมากขึ้น
3. การย้ายฐานการผลิตและการลงทุนของบริษัทต่างชาติที่มีปัจจัยสนับสนุนมาจากการเพิ่มขึ้นของมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศเศรษฐกิจหลัก
ทั้ง 4 หน่วยงานเอกชนและรัฐ ได้จัดทำข้อมูลเพื่อใช้ฐานสำคัญกับห่วงโซ่ธุรกิจที่จะผนึกกำลังกันทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมีทิศทาง พร้อมจะเป็นเสาหลักกระจายรายได้สู่ชุมชนทั่วประเทศ ให้อยู่ดีกินดีอย่างยั่งยืน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิง เพาเวอร์มอบพลังความสุขเด็กไทยส่งท้ายปี’61”
โดยได้ชวนตัวแทนเยาวชนจากโรงเรียนต่าง ๆ 300 คน เข้ามาเที่ยวชมงาน King Power and Disney’s Endless Celebrations ฉลองครบรอบ 90 ปี มิคกี้ เม้าส์ จากค่าย เดอะ วอลท์ ดีสนีย์ ณ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ เพื่อสร้างประสบการณ์และความทรงจำสุดพิเศษกับเหล่าคาแรคเตอร์ดีสนีย์ที่ทุกคนชื่นชอบ เพื่อมอบเป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงเร็ว ๆ นี้
“นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา” ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า โครงการ ‘คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย มอบความสุขส่งท้ายปีด้วยโครงการ “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย” พาน้องท่องโลกการ์ตูนดีสนีย์ในงาน King Power and Disney’s Endless Celebrations เติมเต็มความสุข พร้อมจินตนาการสัมผัสประสบการณ์ตรงนอกห้องเรียน ซึ่งเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นดำเนินโครงการเพื่อสังคมของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีมีประโยชน์ให้กับเยาวชนไทย ไม่เพียงแต่สนับสนุนทุนการศึกษา หรือเปิดพื้นที่ให้เยาวชนไทยได้แสดงศักยภาพผ่านกิจกรรมในโครงการต่างๆเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้มาเยี่ยมชมงานจัดแสดงการ์ตูนดีสนีย์ที่ยิ่งใหญ่ และเป็นคาแรคเตอร์ที่ได้รับความนิยมในระดับโลก
เป็นการเปิดโลกทัศน์ และต่อยอดให้เกิดความคิดสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาศักยภาพต่อไป โดยร่วมกับ 5 โรงเรียน ที่เคยได้รับการส่งมอบสนามฟุตบอลหญ้าเทียมจากโครงการ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ 100 สนามฟุตบอล สร้างพลังเยาวชนไทย ได้แก่
โรงเรียนศรีอยุธยา ในพระอุปถัมภ์ ฯ, โรงเรียนวัดหนองน้ำส้มวิทยาคม จ.พระนครศรีอยุธยา
โรงเรียนวัดหนองศาลา จ.นครปฐม โรงเรียนวัดบางโฉลงใน จ.สมุทรปราการ และโรงเรียนพระโขนงพิทยาลัย โดยพาน้อง ๆ จาก 5 โรงเรียนดังกล่าว รวม 300 คน เข้าเยี่ยมชมงานฉลองครบรอบ 90 ปี มิคกี้ เมาส์ ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ กรุงเทพฯ
งานนี้เด็ก ๆ ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจกับคาแรคเตอร์การ์ตูนในฝัน อาทิ มิคกี้ เม้าส์ มินนี่ เม้าส์ พลูโต กู๊ฟฟี่โดนัลด์ ดั๊ก เดซี่ ดั๊ก และชิปแอนด์เดล พร้อมร่วมเล่นเกมส์ และกิจกรรมเวิร์คช็อปเสริมสร้างทักษะในด้านต่าง ๆ อย่างสนุกสนาน ประสบการณ์ครั้งนี้จึงนับเป็นอีกก้าวสำคัญในการเปิดโลกทัศน์ให้แก่เยาวชนได้เป็นอย่างดี
ก้าวแรกที่น้อง ๆ ได้เข้ามาภายในงานฉลองครบรอบ 90 ปี มิคกี้ เมาส์ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารู้สึกตื่นเต้นที่ได้มาเห็นสวนสนุกในฝันละลานตา ซึ่งมีตัวแทนนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ เป็นตัวแทนเล่าถึงความรู้สึกประทับใจที่ได้มีโอกาสดี ๆ เช่นนี้
โดยน้อง ๆ ได้ร่วมผจญภัยไปกับเหล่าผองเพื่อนจากดีสนีย์ทั้งหมด 6 โซนหลัก ประกอบด้วย
1. เซเลเบรชั่น เอ็กซ์เพรส รถไฟมหาสนุกที่มีหน้าตาเป็นรูปมิคกี้ เม้าส์
2. การ์เด้น ออฟ ดรีมส์ สวนกลางถนนรางน้ำที่ตกแต่งในธีมมิคกี้ เม้าส์ ละลานตาด้วยดอกไม้สีสันสวยงาม
3. มิคกี้ แอนด์ เฟรนด์ส บูเลอวาร์ด ออกแบบให้มีบรรยากาศเหมือนย่านการค้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตัวการ์ตูนดีสนีย์ในท่าทางต่าง ๆ
4. มิคกี้ ฮอลล์เวย์ ผนังอินเตอร์แอคทีฟขนาดยาวที่จะมีการแสดงภาพกราฟิกน่ารัก ๆ
5. เมกา สโตร์ พบกับสินค้าลิขสิทธิ์คอลเลกชั่นพิเศษจากดีสนีย์
6. มิคกี้ แกลเลอรี่ นิทรรศการศิลปะสุดแนวในชื่อ “ขอต้อนรับมิคกี้สู่ประเทศไทย” ที่สร้างสรรค์ลวดลายบนหุ่นโมเดลมิคกี้ เมาส์ โดย 9 ศิลปินไทย นักแสดงระดับแถวหน้าและคนดังมากมาย
นอกจากได้ร่วมสนุกกับกิจกรรมในโซนต่าง ๆ แล้ว น้องๆ ยังได้ร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อป อาทิ เปเปอร์ ทอย (Paper Toy) เสริมสร้างสมาธิ และการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก พร้อมรับกลับบ้านเป็นที่ระลึกจากการเยี่ยมชมในครั้งนี้อีกด้วย
ข่าวที่ 2 “ททท.จัดเคาน์ดาวน์กระหึ่มปลุกรายได้4เมืองรอง”
นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าชวนคนไทยออกมาร่วมงานยิ่งใหญ่ Amazing Thailand Countdown 2019” ที่จัดพร้อมกันในวันที่ 31 ธันวาคม 2561 – 1 มกราคม 2562 โดยกระจายเมืองรอง 4 จังหวัด ได้แก่
จังหวัดเชียงราย Amazing Thailand Countdown @ Chiang Rai ณ หอนาฬิกานครเชียงราย ถนนบรรพปราการ อำเภอเมือง นำเสนอความเป็นเมืองศิลปะร่วมสมัย ในรูปแบบของ Street Art และการแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนา กิจกรรม Street Art / Body Paint ถนนคนเดิน การนำเสนอภาพ Motion Graphic และการจัดกิจกรรมร่วมสนุกรับปฏิทิน ททท. ประจำปี 2562
จังหวัดนครพนม Amazing Thailand Countdown @ Nakhon Phanom วันที่ 30-31 ธันวาคม 2561 ณ หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ ถนนสุนทรวิจิตร อำเภอเมือง มีกิจกรรมบันเทิงมากมาย ได้แก่ การแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินที่มีชื่อเสียง อาทิ จินตหรา พูนลาภ หญิงลี ศรีจุมพล น้องนนท์ เดอะวอยซ์ ใหม่ เจริญปุระ ลำไย ไหทองคำ เป็นต้น ขบวนพาเหรดโบโซ่ พลุเฉลิมฉลองต้อนรับศักราชใหม่ โดยมีกิจกรรมไฮไลท์ในเวลา 23.45 น.
จังหวัดราชบุรี Amazing Thailand Countdown @ Ratchaburi วันที่ 29 ธันวาคม 2561 - 1 มกราคม 2562 ณ ริมน้ำตรงข้ามตลาดเก่าโคยกี๊ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ตามแนวคิด Art & แบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ได้แก่ All About ART Zone, All About EAT Zone ชิมอาหารพื้นถิ่นเลื่องชื่อ All About STREET SHOW Zone สนุกสนาน ตื่นตากับ STREET SHOW ที่ยกขบวนกันมาสร้างสีสันส่งท้ายปี ร่วมนับถอยหลังสู่วันใหม่กับโชว์พลุประกอบเพลงที่เรียบเรียงขึ้นใหม่และบรรเลงโดย โก้ Mr.Saxman ในชื่อชุด Miracle Of Light
จังหวัดสตูล Amazing Thailand Countdown @ Satun วันที่ 30 ธันวาคม 2561 - 1 มกราคม 2562 ณ ปากบาราวิวพอยท์ อำเภอละงู จังหวัดสตูล ตามแนวคิด “นับถอยหลังข้ามกาลเวลา...สู่อุทยานธรณีโลกสตูล” ชมอุโมงค์ไฟ หุ่นโคมไฟฟอสซิล ขบวนแห่คาร์นิวัล ชุดอเมซิ่งสตูล Wonderful & Color กิจกรรมสาธิตการทำอาหารจากวัตถุดิบโบราณ อาทิ การสาธิตปรุงอาหารดึกดำบรรพ์ท้องถิ่นภาคใต้ ข้าวผัดนอติลอยด์ (ข้าวผัดปลาหมึก) และกิจกรรม CSR ทำความสะอาดเก็บขยะบริเวณจัดงานเช้าวันที่ 1 มกราคม 2562
ททท. ยังได้สนับสนุนการจัดกิจกรรมเคาท์ดาวน์ในกรุงเทพมหานครอีกหลายจุด ได้แก่งาน AIS Bangkok Countdown 2019 วันที่ 31 ธันวาคม 2561 ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และบริเวณถนนราชดำริ งาน The Gallery of Light 2019 วันที่ 21 ธันวาคม 2561 - 6 มกราคม 2562 ณ ถนนพระราม 1 ตั้งแต่ผ่านใต้สถานีรถไฟฟ้าสยามจนถึงแยกปทุมวัน กรุงเทพมหานคร งาน Ratchaprasong Lighting and Countdown Festival 2019
ข่าวที่ 3 “บางจากให้สมาชิกเติมFurioรับไส้กรองฟรีช่วงปีใหม่”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มอบของขวัญปีใหม่ให้สมาชิกผู้ถือบัตรบางจากทุกประเภท โดยการมอบรส่วนลดสูงสุด 20% เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ FURiO F1 หรือ FURiO F2 ตามสถานีบริการน้ำมันสาขาที่ร่วมรายการ จำนวน 27 สาขา ซื้อแล้วรับของแถมฟรี ไส้กรองน้ำมันเครื่องเริ่มต้น 120 บาท ระหว่างวันนี้– 31 มกราคม 2562 เพื่อเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนออกเดินทางปีใหม่ ปลอดภัยทุกระยะทาง”
วิธีรับสิทธิ์ : แสดงบัตรสมาชิกบางจากก่อนรับสิทธิ์ ในช่วงจัดรายการวันนี้ – 31 มกราคม 2562
ข่าวที่ 4 “สนามบินดอนเมืองเพิ่มบริการเต็มเหนี่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่”
นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 จะมีผู้โดยสารเดินทางท่องเที่ยวและเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยใช้บริการ จำนวนมากเพื่อให้การบริการในช่วงดังกล่าวเป็นไปด้วยความปลอดภัย สะดวกและรวดเร็ว จึงได้จัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 (Passenger Facilitation Center)” เพื่อเป็นศูนย์อำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ เปิดไปจนถึงวันที่ 7 มกราคม 2562 บริเวณห้องปฏิบัติงานเวรบริการข้อมูลข่าวสารการบิน (AIS) ชั้น 3 อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ อาคาร 2 (ใกล้กับห้องศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทดม.) หมายเลขโทรศัพท์ 0 2535 3861 และ 0 2535 1192 โทรสาร 0 2535 3864 ตลอด 24 ชั่วโมง
พร้อมกับเพิ่มเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเก็บรถเข็นกระเป๋าจากเดิม 50 เป็น 60 คนต่อวัน เพิ่มจำนวนรถเข็นกระเป๋าขนาดกลาง 215 คัน จากเดิม 2,285 2,500 คัน จัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่จัดเรียงและขนย้ายกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารให้เป็นระเบียบและง่ายต่อการค้นหา ณ บริเวณสายพานรับกระเป๋าขาเข้า ชั้น 1 อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 โดยปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนของพื้นที่ช่องตรวจศุลกากร ได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่และช่องตรวจสัมภาระผู้โดยสาร โดยเพิ่มช่องไม่มีสิ่งของต้องสำแดง (ช่องสีเขียว) จาก 1 ช่องเป็น 2 ช่อง ณ บริเวณช่องตรวจศุลกากรผู้โดยสารขาเข้า ชั้น 1 อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ทดม.เพื่อให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรสามารถอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารได้รับการตรวจสัมภาระได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
โดยประมาณสนามบินดอนเมือง ช่วงเดินทางปีใหม่ระหว่าง 25 ธันวาคม 2561 - 7 มกราคม 2562 จะมีจำนวนเที่ยวบินรวมทั้งสิ้น 9,447 เที่ยว เฉลี่ยวันละ 787 เที่ยว เพิ่มขึ้น 5.25% แบ่งเป็น เที่ยวบินระหว่างประเทศ 3,613 เที่ยวเพิ่มขึ้น 15.54% เที่ยวบินภายในประเทศ 5,834 เที่ยวบิน ลดลง 0.26% มีจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 1,507,726 คน เฉลี่ยวันละ 125,644 คน เพิ่มขึ้น 9.27% แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 632,619 คน เพิ่มขึ้น 22.63% และผู้โดยสารภายในประเทศ 875,107 คน พิ่มขึ้น 1.29%
ช่วงที่ 2 ขอชวนลงใต้สุดไปสัมผัสความงดงาม “ปัตตานี” เมืองต้องท่องเที่ยวในด้านถนนวัฒนธรรม 3 สาย ใจกลางเมือง ที่มีทั้งแบบ ยุโรป มุสลิม และไทย อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ทั่วจังหวัดมีสถานที่สวย ๆ และศักดิ์สิทธิ์ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ให้สักการะด้วย ส่วนเรื่องสุขภาพ ต้องฟัง “9 เคล็ดลับสุขภาพรับปีกุล 2562” และข่าวท้ายชั่วโมง “ททท.เร่งปั๊มตลาดเที่ยวในประเทศปี 2562” ตั้งเป้าภาคเหนือทำยอดพุ่ง 1.5 แสนล้านบาท “เปิดเมกะโปรเจ็กต์ตฤนครา เชียงแสน” เขตเศรษฐกิจพิเศษ “คมนาคม” แจกของขวัญปีใหม่เร่งทำเส้นทางลัดพหลโยธิน-ลำลูกกา
@ดื่มด่ำสถาปัตยกรรมวัฒนธรรมเมืองปัตตานี
เมืองท่องเที่ยว 1 ใน 3 จังหวัดภาคใต้ “ปัตตานี” เมืองที่มีสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมแสนงามซ่อนอยู่มากมาย เริ่มตั้งแต่ ถนนย่านเมืองเก่าใจกลางเมือง “ถนนอาเนาะรู” บริเวณเทศบาลเมืองปัตตานี ที่ได้ชื่อว่า “ ถนน 3 สายวัฒนธรรม” เรื่องแรก ความโดดเด่นของสถาปัตยกรรมการก่อสร้างบ้านเรือน อาคารพาณิชย์ แบบชิโนโปตุกีส พร้อมข้าวของเครื่องใช้ ที่ยังเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี เป็นชุมชนเก่าแก่ เมื่อครั้งอดีตเคยเป็นท่าเรือของชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาค้าขาย
เรื่องที่สอง สถาปัตยกรรมของ “มัสยิดกลางปัตตานี” เป็นศาสนสถานศูนย์รวมจิตใจของผู้นับถือศาสนาอิสลามภาคใต้ที่สำคัญ มีความงดงามเกินพรรณนา ตามรูปทรงต้นแบบทัชมาฮาล ยอดโดมสีขาวขนาดใหญ่เป็นเอกลักษณ์
เรื่องที่สาม มีพระราชวังยะหริ่ง วังเก่าสร้างสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นอาคารครึ่งปูนครึ่งไม้ทรงเรือนไทยมุสลิม ผสมผสานเข้ากับแบบบ้านยุโรป ภายในบริเวณวังได้เก็บหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นไว้เป็นอย่างดี
เมื่อไปถึงเมือง “ปัตตานี” แล้ว แนะนำให้ไปสักการะ “ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว” ตำนานของสตรีชาวจีนที่พี่ชายเดินทางเมืองไทย ด้วยใจอันกล้าหาญ มีวาจาสิทธิ์จึงยอมพลีชีพ ทำให้ชาวจีน ไทย ชาวมุสลิมเชื้อสายจีน ศรัทธาต่อความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่ จึงมักจะต้องแวะมาสักการะ แต่ละปีทุกวันขึ้น 15 เดือน 3 จะมีพิธีแห่เจ้าไปแม่ลิ้มกอเหนี่ยวไปทั่วตามถนนต่าง ๆ เพื่อให้ผู้คนได้สักการะกันอย่างทั่วถึง
แล้วก็ต้องแวะชม “มัสยิดกรือแซะ” ที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน สันนิษฐานว่าสร้างสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นศิลปะหลายแบบผสมผสานเข้าด้วยกัน มีทั้ง โกธิค ตะวันออกกลาง สวยงามแปลกตาไปอีกแบบ
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวยุคใหม่ก็มี “สกาย วอล์ค” ที่ได้สร้างสะพานที่สูงเท่าตึก 4 ชั้นไว้ในนักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปเดินชม ธรรมชาติของพรรณไม้ ป่าชายเลน ทะเลอ่าวไทย และทิวทัศน์เมืองปัตตานี
ปัตตานีเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมความงดงามครบทุกด้าน สักครั้งหนึ่งในชีวิตควรไปท่องเที่ยวกันให้ได้
@9 เคล็ดลับสุขภาพดี ตลอดปี 2562
เคล็ดลับสุขภาพดี เทรนด์ปีนี้กำลังมา เมื่อปีเก่ากำลังจะผ่านไป ปีใหม่กำลังจะมา สัญญากับตัวเองว่าอย่างไรกันบ้าง ทำได้กันกี่ข้อเอ่ย… สำหรับใครที่ยังไม่เริ่ม หรือยังทำไม่สำเร็จ ในปี 2562
1. กินน้ำตาลน้อยลง -น้ำตาลเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคเรื้อรังหลายอย่าง โดยเฉพาะโรคทางระบบเมตาบอลิก หรือระบบการเผาผลาญพลังงาน เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และรวมไปถึงอาการต่างๆที่มีงานวิจัยชี้จัดเเล้วว่า น้ำตาลเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เจ็บเป่วย เช่น อาการไมเกรน ต่อมหมวกไตหล้า
2. กินเกลือ ลดโซเดียม - เกลือ โซเดียม และแร่ธาตุโพเเทสเซียม ในร่างกายที่ไม่สมดุล หรือกินมากจนเกินไป อาจทำให้ร่างกายต้องเสี่ยงกับการเกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือดสมองได้ โดยเฉพาะถ้าพบเกลือหรือโซเดียมในปริมาณสูง เเละเเร่ธาตุโพเเทสเซียมในปริมาณต่ำ อาหารที่มีเเร่ธาตุโพเเทสเซียมสูง เช่น กล้วย ถั่ว ผักโขม และผักชี
3. กินไขมันดีมากกว่าไขมันเลว - ไขมัน เป็นสารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย และเป็นส่วนประกอบของฮอร์โมน ในการทำงานของร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การเลือกกินปริมาณไขมันที่เหมาะสมสามารถป้องกันการเกิดโรค NCDs ได้ เช่น โรคอ้วน โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง และโรคมะเร็งบางชนิด อาหารไขมันชนิดดี เช่น อะโวคาโด เม็ดกระบก หัวเเห้วหมู เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และกระจับ (เขาควาย)
4. ดื่มน้ำมากขึ้น - น้ำ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในเซลล์ของร่างกาย เเละเป็นตัวช่วยทำให้เซลล์ของเราสามารถทำงาน เป็นตัวกลางในการทำปฏิกริยาเคมี เมตาบอลิซึมในร่างกาย เนื่องจากในเเต่ละวันเราต้องสูญเสียน้ำออกจากร่างกายจากกระบวนการเผาผลาญและการขับของเสียออกจากร่างกาย ประมาณวันละ 2.6 ลิตร เพราะถ้าร่างกายต้องขาดน้ำอาจทำให้เซลล์เหี่ยว และช็อคได้ จึงควรดื่มน้ำวันละ 2-3 ลิตร เลือกกินผักผลไม้ 500 กรัม เท่ากับเราดื่มน้ำประมาณ 400 ซีซี เช่น แตงโม ขึ้้นช่าย แตงกวา ฟัก ผักแพว
5. กินอาหารสุขภาพ - ซูเปอร์ฟู้ด อาหารสุขภาพ เป็นอาหารชั้นดีที่ควรกินให้มากขึ้น เพราะสามารถช่วยบรรเทาอาการ รักษา และป้องกันการเกิดโรคได้ เนื่องด้วยอุดมด้วยสารอาหาร และแหล่งพลังงานที่เหมาะสมต่อร่างกาย เช่น สารเเอนติออกซิเเดนท์ ที่ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ สารไฟโตเคมิคัล ช่วยในการักษาโรค ใยอาหาร ช่วยระบบขับถ่ายและย่อยอาหาร รวมไปถึงวิตามิน และแร่ธาตุต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย เลือกกินซูเปอร์ฟู้ด ผักผลไม้วันละ 400 กรัม หรือ มะรุม ขมิ้นชัน อะโวคาโด ผักเชียงดา กระเทียม และเห็ด
6. ออกกำลังกายวันละ 35 นาที - นอกจากการกินอาหารที่ดีเเล้ว การมีกิจกรรมเคลื่อนไหว หรือการออกกำลังกาย สามารถเป็นเกราะป้องกันให้กับร่างกายในการต่อสู้กับโรคได้อีกด้วย เช่น การเวทเทรนด์นิ่ง ช่วยทำให้กล้ามเนื้อทุกมัดได้ออกกำลังกายนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย การคาร์ดิโอ ช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ และการควบคุมน้ำหนัก สุดท้ายการยืดเหยียด ช่วยลความเครียดให้กับกล้ามเนื้อ ลดอาการบาดเจ็บได้ ควรออกกำลังกาย ให้ได้อย่างต่ำวันละ 35 – 40 นาที หรือสัปดาห์ละ 5 วัน
7. เดินมากขึ้น - รู้หรือไม่ว่า การเดินสลับช้าเร็ว สามารถช่วยลดน้ำหนัก และทำให้หัวใจเราเเข็งเเรงมากยิ่งขึ้น เพราะการเดินสลับช้าเร็ว เป็นการสลับเปลี่ยนโหมดการออกกำลังกายไปมา หรือเรียกว่า HITT เป็นการออกกำลังกายหนักเบาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอช่วยทำให้เราเผาผลาญได้ดียิ่งขึ้น เดินสลับช้าเร็ว วันละ 30 นาที
8. ใช้โทรศัพท์ เล่นโซเชียลให้น้อยลง -มีงานวิจัยระบุว่า ในเเต่ละวันคนไทยใช้เวลากับหน้าจอโทรศัพท์ เฉลี่ยวันละ 463 นาที ซึ่งในระยะยาวอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะโรคออฟฟิศซินโดรม โรควิชชั่นซินโดรม ทำให้เกิดอาการปวดกล้าเนื้อเบริเวนบ่าไหล่ อาการปวดศีรษะ ปวดหลัง ปวดข้อมือ สายตาหล้า สายตาขี้เกียจ ตาแห้ง และน้ำตาไหลเองได้
9. คิดบวก -ข้อสุดท้าย เป็นการฝึกฝนตัวเองเพื่อให้รู้จักมองโลกได้ง่ายขึ้น เพราะทุกอย่างบนโลกนี้เราไม่สามารถควบคุมได้ไปหมดทุกอย่าง ในทางกลับกันเราสามารถจัดการกับตัวเราเองได้เพื่อให้พร้อมกับทุกสถานการณ์ที่เราพบเจอ นั่นคือ การคิดบวกเพราะทุกอย่างมีทางแก้และสามมารถจัดการได้ เช่น ในบางครั้งที่เราป่วย ในแง่ดีมันจะทำให้เรารู้จุกการดูแลตัวเองมากขึ้นไปอีก ด้วยวิธีฝึกสมาธิ วิปัสนา ควบคุมลมหายใจเข้าออก
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
@ททท.ลุยปั๊มเที่ยวในประเทศเป้าภาคเหนือนำโด่ง1.51แสนล้าน”
ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าปี 2562 นี้ ททท.ยังคงมุ่งต่อยอดโครงการ Amazing ไทยเท่ #เที่ยวเท่ ๆ แบบไทย ๆ ด้วยแนวคิด Go For More เน้นนำเสนอการท่องเที่ยววิถีไทยแบบลึกซึ้งถึงประสบการณ์ท้องถิ่นมากกว่าเดิม เพิ่มคุณค่าทางอัตลักษณ์ให้กับการท่องเที่ยวชุมชนท้องถิ่น เพื่อดึงดูดใจคนไทยให้เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากยิ่งขึ้น
โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศปี 2562 แบ่งเป็น สร้างรายได้ให้ถึง 1.18 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4% ทำจำนวนนักท่องเที่ยว 179 ล้านคน-ครั้ง ประกอบด้วย ภาคเหนือ 20.1 ล้านคน-ครั้ง ทำรายได้ 151,629 ล้านบาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 28 ล้านคน-ครั้ง รายได้ 100,745 ล้านบาท ภาคกลาง 90 ล้านคน-ครั้ง ทำรายได้ 560,748 ล้านบาท ภาคตะวันออก 17.7 ล้านคน-ครั้ง ทำรายได้ 149,647 ล้านบาท และภาคใต้ 22.8 ล้านคน-ครั้ง ทำรายได้ 224,072 ล้านบาท
@จ่อผุดเมกะโปรเจ็กต์ตฤณนคราเชียงแสนหนุนทัวร์-การค้า”
นายตฤณ นิลประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตฤณ อินโนเวชั่น กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ได้วางแผนร่วมทุนกับหลายประเทศลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ “ตฤณ นครา โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล” โดยจะใช้เงินทุนกว่า 40,000 ล้านบาท เนรมิตพื้นที่กว่า 3,139 ไร่ ในบริเวณเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย อำเภอเชียงแสน จ.เชียงราย ให้เป็น One Stop Service City ไอคอนของเชียงแสน แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของไทยที่รู้จักไปทั่วโลกหวังกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน สังคม การลงทุน จ.เชียงรายอย่างยั่งยืน
ภายใต้แนวคิด “เมืองแห่งความสุข” หรือ The City of Harmonious Living โดยมีไฮไลต์ พร้อมจับมือไทรเด้นท์ ซัพพอร์ตฯ จากสหรัฐอเมริกาสร้างเสาธงชาติไทยสูงที่สุดในโลก 189 เมตร เตรียมบันทึกลงใน Guinness World Records
ด้วยศักยภาพของเชียงแสนเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางยุทธศาสตร์สูงในหลากหลายมิติ ตามที่รัฐบาลได้กําหนดให้เชียงรายคือหนึ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ระยะที่ 2 ผนวกกับแผนพัฒนาจังหวัดทำไว้ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมการท่องเที่ยวประเทศไทย 4.0”หรือ Tourism Innovation Thailand 4.0 ที่มุ่งสนับสนุนให้เชียงรายเป็น “เมืองแห่งการค้าการลงทุน การเกษตรและการท่องเที่ยว รุ่งเรืองด้วยวัฒนธรรมล้านนาประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข”
ขณะเดียวกันเชียงแสนก็มีทำเลทองเป็นจุดยุทธศาสตร์ของแนวรอยต่อพรมแดน 3 ประเทศ ทั้งตั้งอยู่ ณ จุดศูนย์กลางของแนวเขตระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงแนวเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor) สามารถพัฒนาโครงการต่าง ๆ ด้านการเชื่อมโยงคมนาคมเพื่อความสะดวกด้านการค้าระหว่างประเทศจากจีนทางตอนใต้เข้ามายัง ไทย ผ่านเมียนมา และสปป.ลาว ซึ่งมีโอกาสพัฒนาให้เติบโตควบคู่กันทั้งเรื่องการท่องเที่ยว การค้าชายแดน ที่ยังมีตลาดอยู่อีกมูลค่ามหาศาล
@คมนาคมเร่งสร้างถนนลัดพหล-ลำลูกกาเปิดก.พ.62”
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงคมนาคมมอบหมายให้ รฟม. เร่งก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต บริเวณจุดเชื่อมต่อถนนลำลูกกา (กม.ที่ 4.2) ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี รวมถึงงานก่อสร้างที่สำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทางที่สะดวก รวดเร็ว และช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรที่ติดขัดในเขตกรุงเทพมหานคร
โดยจะทำให้แล้วเสร็จและเปิดใช้งานประมาณเดือนกุมภาพันธ์2562 มอบเป็นของขวัญที่จะสร้างความสุขในทุกการเดินทางให้แก่ประชาชนต่อไป
@ดิโอกุระโหมโปรสปาแพกเกจ3เดือนรับปีใหม่ม.ค.-มี.ค.62”
โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ จัดแพกกจผ่อนคลายกับสปาทรีทเม้นท์ต้อนรับศักราชใหม่ “รูบี้ รีจูวิเนชั่น” ระหว่าง 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2562 ด้วยโปรโมชั่นราคาสุดพิเศษ ทรีทเม้นท์ 120 นาที ราคาคนละ 4,200++ บาท ให้บริการที่ ดิ โอกุระ สปา
ดิ โอกุระ สปา ให้บริการบำบัดผิวและผ่อนคลายกล้ามเนื้อในสปาหรูใจกลางกรุง ด้วยทรีทเม้นท์ “รูบี้ รีจูวิเนชั่น” ที่ผสมผสานการขัดผิวอย่างอ่อนโยนเข้ากับการนวดผ่อนคลายด้วยน้ำมันหอมระเหยและไม้ไผ่อุ่น ๆ ได้อย่างลงตัว ต้อนรับทุกท่านด้วยน้ำสมุนไพรเย็น ๆ เพิ่มความสดชื่น ก่อนที่จะเริ่มขัดผิวทั่วร่างกายด้วยเจลขัดผิวทับทิมที่มีส่วนผสมของเมล็ดแอปริคอตป่นละเอียดเป็นเวลา 30 นาที แอปริคอตเป็นแหล่งวิตามินเอที่ช่วยบำรุงผิว และมีพืชสมุนไพรที่ช่วยในการผ่อนคลายทุกชนิด
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 แล้วพบกันศักราชใหม่ปี 2562 ขอให้มีความสุขตลอดปีกุล
ชี้ไทยเร่งปั้นจุดแข็งปิดจุดอ่อนรับมือ”สหรัฐ-จีน”เขย่าโลก
คิงเพาเวอร์มอบพลังความสุข300เด็กไทยส่งท้ายปี’61
ททท.ชวนเที่ยวเคาน์ดาวน์จัดกระหึ่มเมืองรองทั่วประเทศ
บางจากให้สมาชิกเติมน้ำมันFurioช่วงปีใหม่ฟรีไส้กรอง
ดอนเมืองจัดเต็มเพิ่มบริการในสนามบินทุกรูปแบบ7วัน
ทัวร์เมืองรอง”ปัตตานี”ความงดงามถนนวัฒนธรรม3สาย
9เคล็ดลับการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงต้อนรับศักราชปี62
ททท.ลุยเที่ยวในประเทศปี62ภาคเหนือโกย1.5แสนล้าน
เอกชนจ่อผุดเมกะโปรเจ็กต์ตฤณนคราเชียงแสนหนุนทัวร์
คมนาคมเร่งสร้างถนนลัดพหล-ลำลูกกาเปิดใช้ก.พ.ปี62
โรงแรมดิโอกุระอัดโปรโมชั่นสปาแพกเกจ3เดือนรับปีใหม่
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 ผ่าเศรษฐกิจปีหมู 2562 กับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” คอลัมนิสต์และผู้ดำเนินรายการ วิเคราะห์ด้วยข้อมูลของโหรเศรษฐกิจระดับประเทศและโลก 4 องค์กร “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย-EIC ไทยพาณิชย-สภาพัฒน์-ธนาคารโลก” ชี้ชะตาอนาคต “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” ตลอดปีหน้ายังสดใสสามารถทำเงินเติบโตได้อีก 6-8 % เป็นดาวรุ่งมาแรง ท่ามกลางสถานการณ์รอบโลกมีปัจจัยเสี่ยงจากมหาอำนาจ “จีน-สหรัฐ” เล่นเกมเตะตัดขาการค้าระหว่างประเทศ จึงต้องระวังภัยเหล่านี้ไว้บ้าง เพราะมีผลกระทบข้างเคียงต่อนานาประเทศด้วยเช่นกัน ส่วนไทยต้องชิงดันจุดแข็งปิดจุดอ่อนเรื่องท่องเที่ยว และดันเมืองรอง ชุมชน ผงาดอย่างแข็งแกร่ง
ปลายปี 2561 หน่วยงานพยากรณ์เศรษฐกิจหลายสำนัก 4 องค์กรหลัก ได้แก่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ศูนย์วิเคราะห์(EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารโลก ประจำประเทศไทย ได้สะท้อนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศไทยปี 2562 “ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว” ยังคงอยู่ในอารมณ์ที่สดใส แตกต่างจากอุตสาหกรรมอื่น ๆ อย่าง รายได้การส่งออกสินค้า การค้าระหว่างประเทศ สงครามการต่อสู้และเตะตัดขาของ 2 ยักษ์ใหญ่โลก สหรัฐอเมริกากับสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่อาจจะกระทบเป็นวงกว้าง
ทว่าความตื่นของทุกภาคส่วน ภาครัฐนำโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภาคเอกชน ที่มีคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ชุดใหม่ที่จะเข้ามาแสดงความเป็นมืออาชีพทำให้ท่องเที่ยวของประเทศที่เข้มแข็งขึ้นกว่าช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการตลาดเติบโตด้วยกระแสทางธรรมชาติ โดยไม่ได้รับแรงขับเคลื่อนมากนักจากเอกชนอย่างเต็มที่นั้น ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป น่าจะเห็นปรากฎการณ์ใหม่ด้านการท่องเที่ยวดีขึ้นกว่าเดิม
โดย ททท.เตรียมจะสร้างเงินและรายได้ต้อนรับตั้งแต่เริ่มเปิดศักราชใหม่ด้วยการจัดมหกรรม “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562” นำแหล่งท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์สินค้า และแพกเกจท่องเที่ยว มาจำหน่ายตลอดงาน ระหว่างวันที่ 23-27 มกราคม 2562
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศจากการวิเคราะห์ของทั้ง 4 หน่วยงาน แถวหน้าของประเทศ คือ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประจำประเทศไทย ได้นำเสนอข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจในเรื่องภาคการท่องเที่ยวจะเป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่งมาแรงในการสร้างรายได้กระจายสู่ท้องถิ่นอย่างมีแข็งแกร่งในปี 2562
เริ่มจากหน่วยงานแรก “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ได้จัดงานเสวนาเรื่อง “จับอุณหภูมิเศรษฐกิจปี 62…หมูจริงหรือไม่?” เมื่อ 7 ธันวาคม 2561 ตอกย้ำว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศตั้งแต่เดือนธันวาคมปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้าฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ สะท้อนความสดใสทั้งเรื่องรายได้ จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งตลาดทั่วโลกที่จะเดินทางเข้ามาและคนไทยท่องเที่ยวในประเทศ เนื่องจากรัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้นที่ดี จึงทำให้เศรษฐกิจภาพรวมเกิดการขยายตัวดีขึ้นมาตั้งแต่ไตรมาส 4 กว่า 4 % จากไตรมาส 3 โตเพียง 3.3 % ส่วนการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังรักษาระดับการขยายตัวไว้ได้ระดับดี
หน่วยงานที่ 2 Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยปี 2562 จะเติบโตประมาณ 6% ซึ่งอาจจะต่ำกว่าปี 2561 เติบโตมากถึง 8% ดังนั้นจะต้องเร่งเพิ่มประสิทธิภาพแก้ไขจุดอ่อนสำคัญเพื่อทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีพลังการเติบโตมากขึ้นอีกครั้ง โดยเร่งทำ 2 เรื่องหลัก
1.ปรับปรุงการบริหารจัดการและประชาสัมพันธ์เพื่อทำความเข้าใจกับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นกำลังตลาดขนาดใหญ่ที่สุดมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไทยสัดส่วน 30% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ปรากฏการณ์ชัดเจนที่เกิดขึ้นช่วงเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ตทำให้ตลาดจีนลดลงเป็นบทเรียนสำคัญ ถึงแม้ในช่วงไตรมาส 3 จะมีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียเพิ่มขึ้นมาก็ยังไม่สามารถทดแทนได้
2.ความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวที่สนามบินนานาชาติของไทยขณะนี้ใช้เต็มแล้วทั้ง สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และจะเป็นข้อจำกัดสำคัญในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2562
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2561 ขยายตัว 4.5% ยังอยู่ในระดับที่ดี เนื่องจากตัวเลขการส่งออกและรายได้การท่องเที่ยวที่ยังเป็นแรงหนุนสำคัญ ส่วนปี 2562 คาดว่า GDP จะขยายตัวลดลงที่ 4% เนื่องจากผลกระทบของนโยบายกีดกันการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่ EIC ประเมินว่าจะรุนแรงและส่งผลกระทบในวงกว้างมากยิ่งขึ้น เชื่อว่าเป็นเกมการเตะตัดขาธุรกิจไอทีของจีนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งอุตสาหกรรมนี้ยังเป็นพื้นที่สำคัญที่สหรัฐอเมริกาต้องรักษาความได้เปรียบเอาไว้ให้ได้
สำหรับภาคการส่งออกของประเทศไทยที่ถือเป็นพระเอกในช่วงที่ผ่านมา ซึ่ง EIC คาดว่าตัวเลขการส่งออกได้ผ่านจุดสูงสุดมาแล้วในปีนี้ที่การขยายตัว 8.5% ซึ่งมีปัจจัยจากสภาพเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมันที่ดีดตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่จะเติบโตลดลงในปีหน้า
สอดคล้องกับภาพรวมการค้าโลกที่ขยายตัวลดลงที่ 4.7% ขณะนี้เห็นสัญญาณชะลอตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอย่างชัดเจนทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายสำคัญของไทยทั้งสิ้น และมีผลต่อภาคการส่งออกของไทยอย่างเลี่ยงมิได้
ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศคือการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเกิดภาวะเงินทุนไหลออกในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ รวมทั้งประเทศไทย ทำให้ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น
ทั้งนี้ทาง EIC ยังเห็นว่าพื้นฐานเศรษฐกิจและภาคการเงินไทยยังคงแข็งแกร่งและสามารถรับมือกับภาวะการไหลเข้าออกของเงินทุนต่างประเทศได้ดีอยู่ โดยเชื่อว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนธันวาคมปีนี้ หรือการประชุม กนง. ครั้งแรกต้นปี 2562 เป็นช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยยังอยู่ในระดับสูงและจะได้รับผลกระทบชัดเจน
หน่วยงานที่ 3 ธนาคารโลก ตามที่ ดร.เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ประจำประเทศไทย ธนาคารโลก ชี้ถึงสิ่งที่ประเทศไทย จะต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับคลื่นเศรษฐกิจปีหน้า จะสดใสดีเพราะมี 2 ปัจจัยที่มาพร้อมกันพอดี คือ “ปัจจัยภายนอก” เรื่องการส่งออกสินค้าแล้วก็การท่องเที่ยว เพราะว่าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวค่อนข้างดีแล้วก็การท่องเที่ยวจากจีนจากภูมิภาค “ปัจจัยภายในประเทศ” ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอาจจะไม่ค่อยดี แตกต่างจากอนาคตอันใกล้นี้ ภาครัฐได้ทุ่มการลงทุนหลายๆ โครงการอย่างต่อเนื่อง
ประการสำคัญทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้อง “ต้องยึดข้อดีและปรับปรุงข้อด้อย”
ข้อดีมีอยู่ 2 เรื่อง ก็คือเรื่องภูมิศาสตร์ เราอยู่ในภูมิศาสตร์ที่ดีมาก แล้วก็เพื่อนบ้านก็กำลังเติบโตดี มีประชาชน มีตลาด มีโอกาสเยอะสำหรับผู้ประกอบการไทย สองปัจจัยพื้นฐานของเราดีมาก คือความเสี่ยงจากวิกฤตเศรษฐกิจของเราต่ำมาก เพราะว่าหนี้สาธารณะต่ำ เงินทุนสำรองแบงก์ชาติสูง เพราะฉะนั้น ประเทศไทยพร้อมที่จะลงมือทำหลายอย่างโดยที่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจมากเท่ากับเพื่อนบ้าน นี่คือข้อดี
ข้อด้อย ซึ่งหลายเรื่องไทยได้ปฏิรูป ทั้งการลงทุนภาครัฐ มีเรื่องภาษี การกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจ คือแบงก์ชาติตอนนี้ก็รับผิดชอบดีมาก
หน่วยงานที่ 4 “สำนักยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ” (สศช.) ประเมินสถานการณ์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทย ปี 2562 ไว้ดังนี้
“ภาคการท่องเที่ยว” มีการเพิ่มขึ้นของแรงขับเคลื่อนโดดเด่นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังและตลอดปี 2561 และคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวภาพรวมช่วงปลายไตรมาสแรกปี 2562 เป็นแรงส่งช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2562 ได้อย่างมีนัยสำคัญต่อไป
หลังจากช่วงครึ่งปีแรก 2561 จำนวนและรายรับจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าปกติ เพราะสาเหตุสำคัญ 3 เรื่อง
1.การแข่งขันฟุตบอลโลกในเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม 2561 ที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางออกนอกประเทศน้อยลงและนักท่องเที่ยวจากประเทศยุโรปอื่น ๆ เปลี่ยนทิศทางการท่องเที่ยวไปยังรัสเซียมากขึ้น และส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากรัสเซียและยุโรปเดินทางมายังประเทศไทยต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ ช่วง 9 เดือนแรกปี 2561 ไทยมีส่วนแบ่งตลาดนักท่องเที่ยวจากยุโรป18.4 % ขยายตัวเพียง 4.8 % เปรียบเทียบแล้วต่ำกว่าอัตราเฉลี่ย 10.1 % ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560
2.จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลง 27.7 % ปี 2561 อาจอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ แต่รัฐบาลได้แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในด้านการเพิ่มความเข้มงวดด้านมาตรฐานความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และเพิ่มดำเนินมาตรการเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเพิ่มเติมทั้งในตลาดจีนและตลาดหลักอื่น ๆ เมื่อรวมกับการปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติของนักท่องเที่ยวยุโรป
ปี 2562 เศรษฐกิจของประเทศไทย ยังได้รับแรงหนุนหลัก ๆ ทำให้ยังสามารถรักษาดุลความแข็งแกร่งอยู่ได้ คือ
เรื่องที่ 1 “การลงทุนภาครัฐและเอกชน” ปรับตัวดีขึ้น ตามแนวโน้มการเร่งตัวขึ้นของการลงทุนภาครัฐที่มีปัจจัยสนับสนุนจากความคืบหน้าของโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ๆ ที่เข้าสู่ขั้นตอนของการก่อสร้างมากขึ้นตามลำดับประกอบด้วย
1.โครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2559 (Action Plan 59) มีโครงการที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างแล้วจำนวน 14 โครงการ มูลค่า 705,451 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวนโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างเพียง 8 โครงการ มูลค่า 442,388 ล้านบาท โดยมีโครงการสำคัญที่เริ่มการก่อสร้าง คือ โครงการรถไฟไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพ-หนองคาย ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา โครงการรถไฟทางคู่อีก 3 เส้นทาง (ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ และช่วงนครปฐม - ชุมพร และโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่อยู่ในขั้นตอนการประมูลและลงนามในสัญญา 3 โครงการ มูลค่า 399,706 ล้านบาท
2. โครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2560 (Action Plan 60) อยู่ในระหว่างการก่อสร้างแล้วจำนวน 5 โครงการ มูลค่า 3,592 ล้านบาท อยู่ในขั้นตอนการประมูลและลงนามในสัญญา 4 โครงการ มูลค่า 42,391 ล้านบาท และผ่านขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติของ ครม. แล้วจำนวน 1 โครงการ คือ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ มูลค่า 85,345 ล้านบาท
3. โครงการภายใต้แผน EEC คณะรัฐมนตรีอนุมัติเรียบร้อยแล้ว 5 โครงการ ได้แก่ โดยโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อประมูลเสร็จสิ้นแล้ว รอลงนามในสัญญาต้นปีหน้า ส่วนที่เหลือ 4 โครงการ ได้แก่ โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 และโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562
ส่วนการลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ และต่อเนื่องตาม คือ
1.การเพิ่มขึ้นของอัตราการใช้กำลังการผลิตในปี 2561 ช่วง 9 เดือนแรกเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 68.5 รวมทั้งยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2562 ตามแนวโน้มการขยายตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่การส่งออกได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงทิศทางทางการค้าที่เกิดจากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
2.ความคืบหน้าของการลงทุนภาครัฐฯ ที่เริ่มมีบทบาทในการสนับสนุนการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชนมากขึ้นซึ่งจะเห็นได้จากการลงทุนของภาคเอกชนในด้านการก่อสร้างในไตรมาสที่สามของปี 2561 ซึ่งเริ่มกลับมาขยายตัวอย่างชัดเจนมากขึ้น
3. การย้ายฐานการผลิตและการลงทุนของบริษัทต่างชาติที่มีปัจจัยสนับสนุนมาจากการเพิ่มขึ้นของมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศเศรษฐกิจหลัก
ทั้ง 4 หน่วยงานเอกชนและรัฐ ได้จัดทำข้อมูลเพื่อใช้ฐานสำคัญกับห่วงโซ่ธุรกิจที่จะผนึกกำลังกันทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมีทิศทาง พร้อมจะเป็นเสาหลักกระจายรายได้สู่ชุมชนทั่วประเทศ ให้อยู่ดีกินดีอย่างยั่งยืน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิง เพาเวอร์มอบพลังความสุขเด็กไทยส่งท้ายปี’61”
โดยได้ชวนตัวแทนเยาวชนจากโรงเรียนต่าง ๆ 300 คน เข้ามาเที่ยวชมงาน King Power and Disney’s Endless Celebrations ฉลองครบรอบ 90 ปี มิคกี้ เม้าส์ จากค่าย เดอะ วอลท์ ดีสนีย์ ณ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ เพื่อสร้างประสบการณ์และความทรงจำสุดพิเศษกับเหล่าคาแรคเตอร์ดีสนีย์ที่ทุกคนชื่นชอบ เพื่อมอบเป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงเร็ว ๆ นี้
“นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา” ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า โครงการ ‘คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย มอบความสุขส่งท้ายปีด้วยโครงการ “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย” พาน้องท่องโลกการ์ตูนดีสนีย์ในงาน King Power and Disney’s Endless Celebrations เติมเต็มความสุข พร้อมจินตนาการสัมผัสประสบการณ์ตรงนอกห้องเรียน ซึ่งเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นดำเนินโครงการเพื่อสังคมของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีมีประโยชน์ให้กับเยาวชนไทย ไม่เพียงแต่สนับสนุนทุนการศึกษา หรือเปิดพื้นที่ให้เยาวชนไทยได้แสดงศักยภาพผ่านกิจกรรมในโครงการต่างๆเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้มาเยี่ยมชมงานจัดแสดงการ์ตูนดีสนีย์ที่ยิ่งใหญ่ และเป็นคาแรคเตอร์ที่ได้รับความนิยมในระดับโลก
เป็นการเปิดโลกทัศน์ และต่อยอดให้เกิดความคิดสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาศักยภาพต่อไป โดยร่วมกับ 5 โรงเรียน ที่เคยได้รับการส่งมอบสนามฟุตบอลหญ้าเทียมจากโครงการ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ 100 สนามฟุตบอล สร้างพลังเยาวชนไทย ได้แก่
โรงเรียนศรีอยุธยา ในพระอุปถัมภ์ ฯ, โรงเรียนวัดหนองน้ำส้มวิทยาคม จ.พระนครศรีอยุธยา
โรงเรียนวัดหนองศาลา จ.นครปฐม โรงเรียนวัดบางโฉลงใน จ.สมุทรปราการ และโรงเรียนพระโขนงพิทยาลัย โดยพาน้อง ๆ จาก 5 โรงเรียนดังกล่าว รวม 300 คน เข้าเยี่ยมชมงานฉลองครบรอบ 90 ปี มิคกี้ เมาส์ ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ กรุงเทพฯ
งานนี้เด็ก ๆ ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจกับคาแรคเตอร์การ์ตูนในฝัน อาทิ มิคกี้ เม้าส์ มินนี่ เม้าส์ พลูโต กู๊ฟฟี่โดนัลด์ ดั๊ก เดซี่ ดั๊ก และชิปแอนด์เดล พร้อมร่วมเล่นเกมส์ และกิจกรรมเวิร์คช็อปเสริมสร้างทักษะในด้านต่าง ๆ อย่างสนุกสนาน ประสบการณ์ครั้งนี้จึงนับเป็นอีกก้าวสำคัญในการเปิดโลกทัศน์ให้แก่เยาวชนได้เป็นอย่างดี
ก้าวแรกที่น้อง ๆ ได้เข้ามาภายในงานฉลองครบรอบ 90 ปี มิคกี้ เมาส์ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารู้สึกตื่นเต้นที่ได้มาเห็นสวนสนุกในฝันละลานตา ซึ่งมีตัวแทนนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ เป็นตัวแทนเล่าถึงความรู้สึกประทับใจที่ได้มีโอกาสดี ๆ เช่นนี้
โดยน้อง ๆ ได้ร่วมผจญภัยไปกับเหล่าผองเพื่อนจากดีสนีย์ทั้งหมด 6 โซนหลัก ประกอบด้วย
1. เซเลเบรชั่น เอ็กซ์เพรส รถไฟมหาสนุกที่มีหน้าตาเป็นรูปมิคกี้ เม้าส์
2. การ์เด้น ออฟ ดรีมส์ สวนกลางถนนรางน้ำที่ตกแต่งในธีมมิคกี้ เม้าส์ ละลานตาด้วยดอกไม้สีสันสวยงาม
3. มิคกี้ แอนด์ เฟรนด์ส บูเลอวาร์ด ออกแบบให้มีบรรยากาศเหมือนย่านการค้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตัวการ์ตูนดีสนีย์ในท่าทางต่าง ๆ
4. มิคกี้ ฮอลล์เวย์ ผนังอินเตอร์แอคทีฟขนาดยาวที่จะมีการแสดงภาพกราฟิกน่ารัก ๆ
5. เมกา สโตร์ พบกับสินค้าลิขสิทธิ์คอลเลกชั่นพิเศษจากดีสนีย์
6. มิคกี้ แกลเลอรี่ นิทรรศการศิลปะสุดแนวในชื่อ “ขอต้อนรับมิคกี้สู่ประเทศไทย” ที่สร้างสรรค์ลวดลายบนหุ่นโมเดลมิคกี้ เมาส์ โดย 9 ศิลปินไทย นักแสดงระดับแถวหน้าและคนดังมากมาย
นอกจากได้ร่วมสนุกกับกิจกรรมในโซนต่าง ๆ แล้ว น้องๆ ยังได้ร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อป อาทิ เปเปอร์ ทอย (Paper Toy) เสริมสร้างสมาธิ และการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก พร้อมรับกลับบ้านเป็นที่ระลึกจากการเยี่ยมชมในครั้งนี้อีกด้วย
ข่าวที่ 2 “ททท.จัดเคาน์ดาวน์กระหึ่มปลุกรายได้4เมืองรอง”
นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าชวนคนไทยออกมาร่วมงานยิ่งใหญ่ Amazing Thailand Countdown 2019” ที่จัดพร้อมกันในวันที่ 31 ธันวาคม 2561 – 1 มกราคม 2562 โดยกระจายเมืองรอง 4 จังหวัด ได้แก่
จังหวัดเชียงราย Amazing Thailand Countdown @ Chiang Rai ณ หอนาฬิกานครเชียงราย ถนนบรรพปราการ อำเภอเมือง นำเสนอความเป็นเมืองศิลปะร่วมสมัย ในรูปแบบของ Street Art และการแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนา กิจกรรม Street Art / Body Paint ถนนคนเดิน การนำเสนอภาพ Motion Graphic และการจัดกิจกรรมร่วมสนุกรับปฏิทิน ททท. ประจำปี 2562
จังหวัดนครพนม Amazing Thailand Countdown @ Nakhon Phanom วันที่ 30-31 ธันวาคม 2561 ณ หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ ถนนสุนทรวิจิตร อำเภอเมือง มีกิจกรรมบันเทิงมากมาย ได้แก่ การแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินที่มีชื่อเสียง อาทิ จินตหรา พูนลาภ หญิงลี ศรีจุมพล น้องนนท์ เดอะวอยซ์ ใหม่ เจริญปุระ ลำไย ไหทองคำ เป็นต้น ขบวนพาเหรดโบโซ่ พลุเฉลิมฉลองต้อนรับศักราชใหม่ โดยมีกิจกรรมไฮไลท์ในเวลา 23.45 น.
จังหวัดราชบุรี Amazing Thailand Countdown @ Ratchaburi วันที่ 29 ธันวาคม 2561 - 1 มกราคม 2562 ณ ริมน้ำตรงข้ามตลาดเก่าโคยกี๊ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ตามแนวคิด Art & แบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ได้แก่ All About ART Zone, All About EAT Zone ชิมอาหารพื้นถิ่นเลื่องชื่อ All About STREET SHOW Zone สนุกสนาน ตื่นตากับ STREET SHOW ที่ยกขบวนกันมาสร้างสีสันส่งท้ายปี ร่วมนับถอยหลังสู่วันใหม่กับโชว์พลุประกอบเพลงที่เรียบเรียงขึ้นใหม่และบรรเลงโดย โก้ Mr.Saxman ในชื่อชุด Miracle Of Light
จังหวัดสตูล Amazing Thailand Countdown @ Satun วันที่ 30 ธันวาคม 2561 - 1 มกราคม 2562 ณ ปากบาราวิวพอยท์ อำเภอละงู จังหวัดสตูล ตามแนวคิด “นับถอยหลังข้ามกาลเวลา...สู่อุทยานธรณีโลกสตูล” ชมอุโมงค์ไฟ หุ่นโคมไฟฟอสซิล ขบวนแห่คาร์นิวัล ชุดอเมซิ่งสตูล Wonderful & Color กิจกรรมสาธิตการทำอาหารจากวัตถุดิบโบราณ อาทิ การสาธิตปรุงอาหารดึกดำบรรพ์ท้องถิ่นภาคใต้ ข้าวผัดนอติลอยด์ (ข้าวผัดปลาหมึก) และกิจกรรม CSR ทำความสะอาดเก็บขยะบริเวณจัดงานเช้าวันที่ 1 มกราคม 2562
ททท. ยังได้สนับสนุนการจัดกิจกรรมเคาท์ดาวน์ในกรุงเทพมหานครอีกหลายจุด ได้แก่งาน AIS Bangkok Countdown 2019 วันที่ 31 ธันวาคม 2561 ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และบริเวณถนนราชดำริ งาน The Gallery of Light 2019 วันที่ 21 ธันวาคม 2561 - 6 มกราคม 2562 ณ ถนนพระราม 1 ตั้งแต่ผ่านใต้สถานีรถไฟฟ้าสยามจนถึงแยกปทุมวัน กรุงเทพมหานคร งาน Ratchaprasong Lighting and Countdown Festival 2019
ข่าวที่ 3 “บางจากให้สมาชิกเติมFurioรับไส้กรองฟรีช่วงปีใหม่”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มอบของขวัญปีใหม่ให้สมาชิกผู้ถือบัตรบางจากทุกประเภท โดยการมอบรส่วนลดสูงสุด 20% เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ FURiO F1 หรือ FURiO F2 ตามสถานีบริการน้ำมันสาขาที่ร่วมรายการ จำนวน 27 สาขา ซื้อแล้วรับของแถมฟรี ไส้กรองน้ำมันเครื่องเริ่มต้น 120 บาท ระหว่างวันนี้– 31 มกราคม 2562 เพื่อเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนออกเดินทางปีใหม่ ปลอดภัยทุกระยะทาง”
วิธีรับสิทธิ์ : แสดงบัตรสมาชิกบางจากก่อนรับสิทธิ์ ในช่วงจัดรายการวันนี้ – 31 มกราคม 2562
ข่าวที่ 4 “สนามบินดอนเมืองเพิ่มบริการเต็มเหนี่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่”
นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 จะมีผู้โดยสารเดินทางท่องเที่ยวและเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยใช้บริการ จำนวนมากเพื่อให้การบริการในช่วงดังกล่าวเป็นไปด้วยความปลอดภัย สะดวกและรวดเร็ว จึงได้จัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 (Passenger Facilitation Center)” เพื่อเป็นศูนย์อำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ เปิดไปจนถึงวันที่ 7 มกราคม 2562 บริเวณห้องปฏิบัติงานเวรบริการข้อมูลข่าวสารการบิน (AIS) ชั้น 3 อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ อาคาร 2 (ใกล้กับห้องศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทดม.) หมายเลขโทรศัพท์ 0 2535 3861 และ 0 2535 1192 โทรสาร 0 2535 3864 ตลอด 24 ชั่วโมง
พร้อมกับเพิ่มเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเก็บรถเข็นกระเป๋าจากเดิม 50 เป็น 60 คนต่อวัน เพิ่มจำนวนรถเข็นกระเป๋าขนาดกลาง 215 คัน จากเดิม 2,285 2,500 คัน จัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่จัดเรียงและขนย้ายกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารให้เป็นระเบียบและง่ายต่อการค้นหา ณ บริเวณสายพานรับกระเป๋าขาเข้า ชั้น 1 อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 โดยปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนของพื้นที่ช่องตรวจศุลกากร ได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่และช่องตรวจสัมภาระผู้โดยสาร โดยเพิ่มช่องไม่มีสิ่งของต้องสำแดง (ช่องสีเขียว) จาก 1 ช่องเป็น 2 ช่อง ณ บริเวณช่องตรวจศุลกากรผู้โดยสารขาเข้า ชั้น 1 อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ทดม.เพื่อให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรสามารถอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารได้รับการตรวจสัมภาระได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
โดยประมาณสนามบินดอนเมือง ช่วงเดินทางปีใหม่ระหว่าง 25 ธันวาคม 2561 - 7 มกราคม 2562 จะมีจำนวนเที่ยวบินรวมทั้งสิ้น 9,447 เที่ยว เฉลี่ยวันละ 787 เที่ยว เพิ่มขึ้น 5.25% แบ่งเป็น เที่ยวบินระหว่างประเทศ 3,613 เที่ยวเพิ่มขึ้น 15.54% เที่ยวบินภายในประเทศ 5,834 เที่ยวบิน ลดลง 0.26% มีจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 1,507,726 คน เฉลี่ยวันละ 125,644 คน เพิ่มขึ้น 9.27% แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 632,619 คน เพิ่มขึ้น 22.63% และผู้โดยสารภายในประเทศ 875,107 คน พิ่มขึ้น 1.29%
ช่วงที่ 2 ขอชวนลงใต้สุดไปสัมผัสความงดงาม “ปัตตานี” เมืองต้องท่องเที่ยวในด้านถนนวัฒนธรรม 3 สาย ใจกลางเมือง ที่มีทั้งแบบ ยุโรป มุสลิม และไทย อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ทั่วจังหวัดมีสถานที่สวย ๆ และศักดิ์สิทธิ์ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ให้สักการะด้วย ส่วนเรื่องสุขภาพ ต้องฟัง “9 เคล็ดลับสุขภาพรับปีกุล 2562” และข่าวท้ายชั่วโมง “ททท.เร่งปั๊มตลาดเที่ยวในประเทศปี 2562” ตั้งเป้าภาคเหนือทำยอดพุ่ง 1.5 แสนล้านบาท “เปิดเมกะโปรเจ็กต์ตฤนครา เชียงแสน” เขตเศรษฐกิจพิเศษ “คมนาคม” แจกของขวัญปีใหม่เร่งทำเส้นทางลัดพหลโยธิน-ลำลูกกา
@ดื่มด่ำสถาปัตยกรรมวัฒนธรรมเมืองปัตตานี
เมืองท่องเที่ยว 1 ใน 3 จังหวัดภาคใต้ “ปัตตานี” เมืองที่มีสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมแสนงามซ่อนอยู่มากมาย เริ่มตั้งแต่ ถนนย่านเมืองเก่าใจกลางเมือง “ถนนอาเนาะรู” บริเวณเทศบาลเมืองปัตตานี ที่ได้ชื่อว่า “ ถนน 3 สายวัฒนธรรม” เรื่องแรก ความโดดเด่นของสถาปัตยกรรมการก่อสร้างบ้านเรือน อาคารพาณิชย์ แบบชิโนโปตุกีส พร้อมข้าวของเครื่องใช้ ที่ยังเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี เป็นชุมชนเก่าแก่ เมื่อครั้งอดีตเคยเป็นท่าเรือของชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาค้าขาย
เรื่องที่สอง สถาปัตยกรรมของ “มัสยิดกลางปัตตานี” เป็นศาสนสถานศูนย์รวมจิตใจของผู้นับถือศาสนาอิสลามภาคใต้ที่สำคัญ มีความงดงามเกินพรรณนา ตามรูปทรงต้นแบบทัชมาฮาล ยอดโดมสีขาวขนาดใหญ่เป็นเอกลักษณ์
เรื่องที่สาม มีพระราชวังยะหริ่ง วังเก่าสร้างสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นอาคารครึ่งปูนครึ่งไม้ทรงเรือนไทยมุสลิม ผสมผสานเข้ากับแบบบ้านยุโรป ภายในบริเวณวังได้เก็บหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นไว้เป็นอย่างดี
เมื่อไปถึงเมือง “ปัตตานี” แล้ว แนะนำให้ไปสักการะ “ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว” ตำนานของสตรีชาวจีนที่พี่ชายเดินทางเมืองไทย ด้วยใจอันกล้าหาญ มีวาจาสิทธิ์จึงยอมพลีชีพ ทำให้ชาวจีน ไทย ชาวมุสลิมเชื้อสายจีน ศรัทธาต่อความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่ จึงมักจะต้องแวะมาสักการะ แต่ละปีทุกวันขึ้น 15 เดือน 3 จะมีพิธีแห่เจ้าไปแม่ลิ้มกอเหนี่ยวไปทั่วตามถนนต่าง ๆ เพื่อให้ผู้คนได้สักการะกันอย่างทั่วถึง
แล้วก็ต้องแวะชม “มัสยิดกรือแซะ” ที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน สันนิษฐานว่าสร้างสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นศิลปะหลายแบบผสมผสานเข้าด้วยกัน มีทั้ง โกธิค ตะวันออกกลาง สวยงามแปลกตาไปอีกแบบ
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวยุคใหม่ก็มี “สกาย วอล์ค” ที่ได้สร้างสะพานที่สูงเท่าตึก 4 ชั้นไว้ในนักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปเดินชม ธรรมชาติของพรรณไม้ ป่าชายเลน ทะเลอ่าวไทย และทิวทัศน์เมืองปัตตานี
ปัตตานีเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมความงดงามครบทุกด้าน สักครั้งหนึ่งในชีวิตควรไปท่องเที่ยวกันให้ได้
@9 เคล็ดลับสุขภาพดี ตลอดปี 2562
เคล็ดลับสุขภาพดี เทรนด์ปีนี้กำลังมา เมื่อปีเก่ากำลังจะผ่านไป ปีใหม่กำลังจะมา สัญญากับตัวเองว่าอย่างไรกันบ้าง ทำได้กันกี่ข้อเอ่ย… สำหรับใครที่ยังไม่เริ่ม หรือยังทำไม่สำเร็จ ในปี 2562
1. กินน้ำตาลน้อยลง -น้ำตาลเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคเรื้อรังหลายอย่าง โดยเฉพาะโรคทางระบบเมตาบอลิก หรือระบบการเผาผลาญพลังงาน เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และรวมไปถึงอาการต่างๆที่มีงานวิจัยชี้จัดเเล้วว่า น้ำตาลเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เจ็บเป่วย เช่น อาการไมเกรน ต่อมหมวกไตหล้า
2. กินเกลือ ลดโซเดียม - เกลือ โซเดียม และแร่ธาตุโพเเทสเซียม ในร่างกายที่ไม่สมดุล หรือกินมากจนเกินไป อาจทำให้ร่างกายต้องเสี่ยงกับการเกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือดสมองได้ โดยเฉพาะถ้าพบเกลือหรือโซเดียมในปริมาณสูง เเละเเร่ธาตุโพเเทสเซียมในปริมาณต่ำ อาหารที่มีเเร่ธาตุโพเเทสเซียมสูง เช่น กล้วย ถั่ว ผักโขม และผักชี
3. กินไขมันดีมากกว่าไขมันเลว - ไขมัน เป็นสารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย และเป็นส่วนประกอบของฮอร์โมน ในการทำงานของร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การเลือกกินปริมาณไขมันที่เหมาะสมสามารถป้องกันการเกิดโรค NCDs ได้ เช่น โรคอ้วน โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง และโรคมะเร็งบางชนิด อาหารไขมันชนิดดี เช่น อะโวคาโด เม็ดกระบก หัวเเห้วหมู เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และกระจับ (เขาควาย)
4. ดื่มน้ำมากขึ้น - น้ำ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในเซลล์ของร่างกาย เเละเป็นตัวช่วยทำให้เซลล์ของเราสามารถทำงาน เป็นตัวกลางในการทำปฏิกริยาเคมี เมตาบอลิซึมในร่างกาย เนื่องจากในเเต่ละวันเราต้องสูญเสียน้ำออกจากร่างกายจากกระบวนการเผาผลาญและการขับของเสียออกจากร่างกาย ประมาณวันละ 2.6 ลิตร เพราะถ้าร่างกายต้องขาดน้ำอาจทำให้เซลล์เหี่ยว และช็อคได้ จึงควรดื่มน้ำวันละ 2-3 ลิตร เลือกกินผักผลไม้ 500 กรัม เท่ากับเราดื่มน้ำประมาณ 400 ซีซี เช่น แตงโม ขึ้้นช่าย แตงกวา ฟัก ผักแพว
5. กินอาหารสุขภาพ - ซูเปอร์ฟู้ด อาหารสุขภาพ เป็นอาหารชั้นดีที่ควรกินให้มากขึ้น เพราะสามารถช่วยบรรเทาอาการ รักษา และป้องกันการเกิดโรคได้ เนื่องด้วยอุดมด้วยสารอาหาร และแหล่งพลังงานที่เหมาะสมต่อร่างกาย เช่น สารเเอนติออกซิเเดนท์ ที่ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ สารไฟโตเคมิคัล ช่วยในการักษาโรค ใยอาหาร ช่วยระบบขับถ่ายและย่อยอาหาร รวมไปถึงวิตามิน และแร่ธาตุต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย เลือกกินซูเปอร์ฟู้ด ผักผลไม้วันละ 400 กรัม หรือ มะรุม ขมิ้นชัน อะโวคาโด ผักเชียงดา กระเทียม และเห็ด
6. ออกกำลังกายวันละ 35 นาที - นอกจากการกินอาหารที่ดีเเล้ว การมีกิจกรรมเคลื่อนไหว หรือการออกกำลังกาย สามารถเป็นเกราะป้องกันให้กับร่างกายในการต่อสู้กับโรคได้อีกด้วย เช่น การเวทเทรนด์นิ่ง ช่วยทำให้กล้ามเนื้อทุกมัดได้ออกกำลังกายนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย การคาร์ดิโอ ช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ และการควบคุมน้ำหนัก สุดท้ายการยืดเหยียด ช่วยลความเครียดให้กับกล้ามเนื้อ ลดอาการบาดเจ็บได้ ควรออกกำลังกาย ให้ได้อย่างต่ำวันละ 35 – 40 นาที หรือสัปดาห์ละ 5 วัน
7. เดินมากขึ้น - รู้หรือไม่ว่า การเดินสลับช้าเร็ว สามารถช่วยลดน้ำหนัก และทำให้หัวใจเราเเข็งเเรงมากยิ่งขึ้น เพราะการเดินสลับช้าเร็ว เป็นการสลับเปลี่ยนโหมดการออกกำลังกายไปมา หรือเรียกว่า HITT เป็นการออกกำลังกายหนักเบาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอช่วยทำให้เราเผาผลาญได้ดียิ่งขึ้น เดินสลับช้าเร็ว วันละ 30 นาที
8. ใช้โทรศัพท์ เล่นโซเชียลให้น้อยลง -มีงานวิจัยระบุว่า ในเเต่ละวันคนไทยใช้เวลากับหน้าจอโทรศัพท์ เฉลี่ยวันละ 463 นาที ซึ่งในระยะยาวอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะโรคออฟฟิศซินโดรม โรควิชชั่นซินโดรม ทำให้เกิดอาการปวดกล้าเนื้อเบริเวนบ่าไหล่ อาการปวดศีรษะ ปวดหลัง ปวดข้อมือ สายตาหล้า สายตาขี้เกียจ ตาแห้ง และน้ำตาไหลเองได้
9. คิดบวก -ข้อสุดท้าย เป็นการฝึกฝนตัวเองเพื่อให้รู้จักมองโลกได้ง่ายขึ้น เพราะทุกอย่างบนโลกนี้เราไม่สามารถควบคุมได้ไปหมดทุกอย่าง ในทางกลับกันเราสามารถจัดการกับตัวเราเองได้เพื่อให้พร้อมกับทุกสถานการณ์ที่เราพบเจอ นั่นคือ การคิดบวกเพราะทุกอย่างมีทางแก้และสามมารถจัดการได้ เช่น ในบางครั้งที่เราป่วย ในแง่ดีมันจะทำให้เรารู้จุกการดูแลตัวเองมากขึ้นไปอีก ด้วยวิธีฝึกสมาธิ วิปัสนา ควบคุมลมหายใจเข้าออก
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
@ททท.ลุยปั๊มเที่ยวในประเทศเป้าภาคเหนือนำโด่ง1.51แสนล้าน”
ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าปี 2562 นี้ ททท.ยังคงมุ่งต่อยอดโครงการ Amazing ไทยเท่ #เที่ยวเท่ ๆ แบบไทย ๆ ด้วยแนวคิด Go For More เน้นนำเสนอการท่องเที่ยววิถีไทยแบบลึกซึ้งถึงประสบการณ์ท้องถิ่นมากกว่าเดิม เพิ่มคุณค่าทางอัตลักษณ์ให้กับการท่องเที่ยวชุมชนท้องถิ่น เพื่อดึงดูดใจคนไทยให้เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากยิ่งขึ้น
โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศปี 2562 แบ่งเป็น สร้างรายได้ให้ถึง 1.18 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4% ทำจำนวนนักท่องเที่ยว 179 ล้านคน-ครั้ง ประกอบด้วย ภาคเหนือ 20.1 ล้านคน-ครั้ง ทำรายได้ 151,629 ล้านบาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 28 ล้านคน-ครั้ง รายได้ 100,745 ล้านบาท ภาคกลาง 90 ล้านคน-ครั้ง ทำรายได้ 560,748 ล้านบาท ภาคตะวันออก 17.7 ล้านคน-ครั้ง ทำรายได้ 149,647 ล้านบาท และภาคใต้ 22.8 ล้านคน-ครั้ง ทำรายได้ 224,072 ล้านบาท
@จ่อผุดเมกะโปรเจ็กต์ตฤณนคราเชียงแสนหนุนทัวร์-การค้า”
นายตฤณ นิลประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตฤณ อินโนเวชั่น กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ได้วางแผนร่วมทุนกับหลายประเทศลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ “ตฤณ นครา โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล” โดยจะใช้เงินทุนกว่า 40,000 ล้านบาท เนรมิตพื้นที่กว่า 3,139 ไร่ ในบริเวณเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย อำเภอเชียงแสน จ.เชียงราย ให้เป็น One Stop Service City ไอคอนของเชียงแสน แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของไทยที่รู้จักไปทั่วโลกหวังกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน สังคม การลงทุน จ.เชียงรายอย่างยั่งยืน
ภายใต้แนวคิด “เมืองแห่งความสุข” หรือ The City of Harmonious Living โดยมีไฮไลต์ พร้อมจับมือไทรเด้นท์ ซัพพอร์ตฯ จากสหรัฐอเมริกาสร้างเสาธงชาติไทยสูงที่สุดในโลก 189 เมตร เตรียมบันทึกลงใน Guinness World Records
ด้วยศักยภาพของเชียงแสนเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางยุทธศาสตร์สูงในหลากหลายมิติ ตามที่รัฐบาลได้กําหนดให้เชียงรายคือหนึ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ระยะที่ 2 ผนวกกับแผนพัฒนาจังหวัดทำไว้ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมการท่องเที่ยวประเทศไทย 4.0”หรือ Tourism Innovation Thailand 4.0 ที่มุ่งสนับสนุนให้เชียงรายเป็น “เมืองแห่งการค้าการลงทุน การเกษตรและการท่องเที่ยว รุ่งเรืองด้วยวัฒนธรรมล้านนาประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข”
ขณะเดียวกันเชียงแสนก็มีทำเลทองเป็นจุดยุทธศาสตร์ของแนวรอยต่อพรมแดน 3 ประเทศ ทั้งตั้งอยู่ ณ จุดศูนย์กลางของแนวเขตระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงแนวเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor) สามารถพัฒนาโครงการต่าง ๆ ด้านการเชื่อมโยงคมนาคมเพื่อความสะดวกด้านการค้าระหว่างประเทศจากจีนทางตอนใต้เข้ามายัง ไทย ผ่านเมียนมา และสปป.ลาว ซึ่งมีโอกาสพัฒนาให้เติบโตควบคู่กันทั้งเรื่องการท่องเที่ยว การค้าชายแดน ที่ยังมีตลาดอยู่อีกมูลค่ามหาศาล
@คมนาคมเร่งสร้างถนนลัดพหล-ลำลูกกาเปิดก.พ.62”
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงคมนาคมมอบหมายให้ รฟม. เร่งก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต บริเวณจุดเชื่อมต่อถนนลำลูกกา (กม.ที่ 4.2) ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี รวมถึงงานก่อสร้างที่สำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทางที่สะดวก รวดเร็ว และช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรที่ติดขัดในเขตกรุงเทพมหานคร
โดยจะทำให้แล้วเสร็จและเปิดใช้งานประมาณเดือนกุมภาพันธ์2562 มอบเป็นของขวัญที่จะสร้างความสุขในทุกการเดินทางให้แก่ประชาชนต่อไป
@ดิโอกุระโหมโปรสปาแพกเกจ3เดือนรับปีใหม่ม.ค.-มี.ค.62”
โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ จัดแพกกจผ่อนคลายกับสปาทรีทเม้นท์ต้อนรับศักราชใหม่ “รูบี้ รีจูวิเนชั่น” ระหว่าง 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2562 ด้วยโปรโมชั่นราคาสุดพิเศษ ทรีทเม้นท์ 120 นาที ราคาคนละ 4,200++ บาท ให้บริการที่ ดิ โอกุระ สปา
ดิ โอกุระ สปา ให้บริการบำบัดผิวและผ่อนคลายกล้ามเนื้อในสปาหรูใจกลางกรุง ด้วยทรีทเม้นท์ “รูบี้ รีจูวิเนชั่น” ที่ผสมผสานการขัดผิวอย่างอ่อนโยนเข้ากับการนวดผ่อนคลายด้วยน้ำมันหอมระเหยและไม้ไผ่อุ่น ๆ ได้อย่างลงตัว ต้อนรับทุกท่านด้วยน้ำสมุนไพรเย็น ๆ เพิ่มความสดชื่น ก่อนที่จะเริ่มขัดผิวทั่วร่างกายด้วยเจลขัดผิวทับทิมที่มีส่วนผสมของเมล็ดแอปริคอตป่นละเอียดเป็นเวลา 30 นาที แอปริคอตเป็นแหล่งวิตามินเอที่ช่วยบำรุงผิว และมีพืชสมุนไพรที่ช่วยในการผ่อนคลายทุกชนิด
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 แล้วพบกันศักราชใหม่ปี 2562 ขอให้มีความสุขตลอดปีกุล
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน คอลัมนิสต์ และผู้ดำเนินการ |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น