เจาะลึก รมว.วีระศักดิ์ ผ่านโยบายท่องเที่ยวปี62 ล้างมาเฟีย- ครม.สัญจร14-15ม.ค.62ผุดเทรนด์เดินเที่ยวชุมชน-ชวนเที่ยว ระยอง 5 MORE FUN
เจาะลึก“รมว.วีระศักดิ์”ผ่านโยบายท่องเที่ยวปี’62
เพิ่มพลังรายได้3.4ล้านล.-ครม.บูมเดินทัวร์ชุมชน
คิงเพาเวอร์ชูแคมเปญLucky Drawช้อปทัวร์ฟรี
ททท.จัดใหญ่เทศกาลเที่ยวเมืองไทย23-27ม.ค.
บางจากผนึกบัตรกรุงศรีโหมยิ่งเติมยิ่งได้เงินคืน
ชวนเที่ยวระยองสนุกไปกับเทรนด์5More Fun
จัดหนักลดโรคเครียดจากประกาศเตือนภัยพิบัติ
ท่องเที่ยวล้างบางมาเฟีย9กลุ่มจับกว่า2หมื่นคดี
ครม.สั่งยุบแล้วพิงคนครโอน2กระทรวงรับไม้ต่อ
รองฯสมคิดชูธงผุดระบบรางทั่วกทม.-ปริมณฑล
สวัสดีปีใหม่ 2562 ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 5 มกราคม 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 ประเทศไทยเปิดศักราชใหม่ 2562 กับภารกิจเฝ้าระวังพายุปาบึกโชว์ความสามารถบริหารจัดการความปลอดภัยกันอย่างเต็มที่ ส่วนในรายการขอเจาะลึก“ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะนำทัพอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและพลังรายได้จากนักท่องเที่ยวคนไทยจะหันมาเที่ยวในประเทศปีละ 170 ล้านคน-ครั้ง ต่างชาติก็กำลังไหลบ่าเข้ามาอีกเกือบ 40 ล้านคน จะสร้างสมดุลกระจายเม็ดเงิน 3.4 ล้านล้านบาท ให้ถึงมือชาวบ้านจริง ๆ ได้อย่างไร จะสร้างต้นแบบปลุกกระแสใหม่เดินเที่ยวชุมชนได้จาก “ครม.สัญจร” นัดปฐมฤกษ์ในพื้นที่ลำปาง เชียงใหม่ 14-15 มกราคม นี้ ส่วนมาตรการปราบมาเฟียท่องเที่ยวกลุ่มต่าง ๆ ให้สิ้นซากจะเดินเกมไหน และนโยบาย “สะอาด ปลอดภัย เที่ยวอย่างรับผิดชอบ” เร่งเครื่องอย่างเข้มข้นเน้นลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม
ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า นโยบายการท่องเที่ยวต้อนรับศักราชใหม่ปี 2562 จะต้องทำให้คุณภาพของการท่องเที่ยวยั่งยืนโดยที่ผ่านมาประเทศได้ทั้งผลประโยชน์คือตัวเลขเป้าหมายและจำนวนนักท่องเที่ยว โดยมีต่างชาติเข้ามาใช้จ่ายเงินในไทยเกือบ 2 ล้านล้านบาท และคนไทยเที่ยวในประเทศ 1.4 ล้านล้าน สะท้อนถึงผลลัพธ์สำคัญ ๆ คือ 1.เงินของคนไทยเที่ยวไทยใหญ่เกินกว่าจีนเที่ยวไทย 2.นโยบายการกระจายนักท่องเที่ยวสู่เมืองรอง แล้ว
ทำให้เห็นเสน่ห์ของเมืองไทยยังมีอยู่เยอะมากทั้ง วิถีชุมชน สินค้าชาวบ้าน สามารถกระจายเงินไปถึงมือของชาวบ้านในถิ่นไกล ๆ ส่วนที่เป็นบทเรียนจากท่องเที่ยวเติบโตอย่างรวดเร็วขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ นั้น ปี 2561 ที่เพิ่งจบไปนั้น ชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทยทะลุ 37 ล้านคน เกินเป้าหมายซึ่งตั้งไว้เพียง 35 ล้านคน และมีจำนวนชาวต่างชาติเกินกว่าครึ่งของประชากรไทยที่มีอยู่ราว 70 ล้านคน โดยการท่องเที่ยวสามารถทำนิวไฮในหลายตลาดด้วยกัน ได้แก่ เวียดนาม เกิน 1 ล้านคน อเมริกา 1 ล้านคน สิงคโปร์ 1 ล้านคน และจีน 10 ล้านคน สถิติเพียงเท่านี้ชี้ให้เห็นการเติบโตเชิงปริมาณเพียงพอแล้ว ต่อไปนี้จะต้องเอาใจใส่เรื่องแรก “สะอาด ปลอดภัย” ทั้งของเจ้าบ้านในพื้นที่และนักท่องเที่ยว จะต้องไม่ลดขยะ ไม่นำพลาสติก การใช้โฟม และเรียนรู้ทั้งการทิ้งให้ถูกที่ เป้าหมายใหญ่ต้องลดการทิ้งขยะ กำลังจะล้นเมือง ซึ่งเน้นการลดใช้พลาสติก โดยชักชวนให้ใช้วัสดุท้องถิ่น ไม้ไผ่ ใบตอง ใบตาน โดยจะต้องสร้างวัฒนธรรมความสะอาด ทั้งเรื่องอาหารการกิน และห้องน้ำในแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเอกชนเข้ามาลงทุน โดยให้ท้องถิ่นมาดูแลรักษา สร้างวัฒนธรรมการใช้แบบรักษาความสะอาด ปลอดภัย
เรื่องที่ 2 ลดการใช้น้ำ จะต้องเริ่มทำอย่างจริงจัง สำหรับ “ความปลอดภัย” ขณะนี้นโยบายการท่องเที่ยว 55 เมืองรอง เกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวอย่างจริงจัง โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ส่งเสียงให้ได้ยินแล้วถึงมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไปใช้บริการจำนวนเพิ่มขึ้น ส่วนการคมนาคมขนส่งทางบก ทางน้ำ ที่จะรองรับการเคลื่อนย้ายนักท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ โครงการนำร่องช่วงท้ายปี 2561 ต้อนรับเทศกาลปีใหม่ 2562 นับเป็นปีแรกที่รัฐบาลเดินหน้าบูรณาการความร่วมมือระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข คมนาคม ร่วมกับหน่วยตำรวจ ทหาร ท้องถิ่น ไม่ใช่ดูแลเฉพาะเรื่องมาตรการปลอดภัย 7 วันอันตราย แต่สั่งการให้ทำตลอดทุกวันทั้งปี
ทั้งสองเรื่องคือสะอาด ปลอดภัย นับตั้งแต่ต้นปี 2562 ต้องเดินควบคู่กันไปตลอด หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกเมื่อวันอังคารที่ 2 มกราคม 2562 ได้กลับมาสั่งการให้ทุกหน่วยในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรณีของสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด (ทกจ.) กระบี่ เป็นต้นแบบการทำรายงานสถานการณ์ตลอดเทศกาลท่องเที่ยวได้ดีมาก นำเสนอทั้งแบบรายวัน รายสัปดาห์ ทำต่อเนื่องรายปี เริ่มต้นปี 2562 กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จึงมอบหมายท่องเที่ยวและกีฬาทุกจังหวัดทำรายงานแบบนี้เข้ามาตลอด เพื่อใช้สถิติวิเคราะห์สถานการณ์ถึงอุบัติเหตุหรือปัญหาได้อย่างทันท่วงที เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีการทำแบบนี้ในหลายพื้นที่ไม่เห็นความสำคัญเพราะจะมองเพียงคนเที่ยวเฉพาะช่วงเทศกาล แต่ต่อไปนี้คนกระจายท่องเที่ยว 55 เมืองรองมากขึ้นจะมีอิทธิพลสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ดังนั้นจึงต้องทำให้มาตรการดูแลความปลอดภัยให้เป็นมาตรฐาน ขณะนี้ตำรวจท่องเที่ยวทุกจังหวัดกำลังทำเรื่องมาตรการความปลอดภัยอย่างเข้มข้น ในปีหมูทองจะต้องให้แน่ใจปริมาณนักท่องเที่ยวจำนวนมากนั้น ทุกฝ่ายจะต้องมาร่วมมือกันทำให้นักท่องเที่ยวปลอดภัยได้อย่างไร เป็นเป้าหมายสำคัญที่จะต้องช่วยกันทำให้เกิดผลอย่างชัดเจน ดร.วีระศักดิ์ กล่าวว่า นโยบายกระตุ้นคนไทยเที่ยวไทยปี 2562 ขณะนี้แนวโน้มการขยายตัวจะได้ถึงปีละ 170 ล้านคน-ครั้ง สิ่งที่จะต้องเร่งเข้าไปทำคือความปลอดภัย การให้ข้อมูลแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว การทำกิจกรรมในพื้นที่ และประโยชน์ที่จะเกิดกับท้องถิ่น เพราะท่องเที่ยวจะต้องก้าวไปเป็นเครื่องมือลดความเหลื่อมล้ำ เพราะเงินจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจะต้องเข้าไปถึงคนในท้องถิ่นทุกกลุ่มได้รับประโยชน์ร่วมกัน สร้างความภาคภูมิใจให้นักท่องเที่ยวด้วย ในการ “ท่องเที่ยวช่วยชาติ” เพราะเที่ยวแล้วทำให้คนในท้องถิ่นมีชีวิตอยู่ดีกินดีมากขึ้น ส่วนอีกเรื่องคือ การทำป้ายบอกทาง เกิดความเป็นธรรม ขณะนี้มอบหมายให้ตำรวจท่องเที่ยวเร่งมาตรการความปลอดภัย ลดการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว โดยมีสถิติส่งเข้ามาแล้วจะได้ตัวเลขอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ เพื่อทำให้เห็นถึงบรรดาคนที่เข้าไปฉกฉวยประโยชน์จากนักท่องเที่ยวและท้องถิ่น จะต้องโดนปราบปรามแก๊งหรือจับกุมเต็มรูปแบบ ปี 2561 สถิติการจับกุมพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะมาตรการดูแลความปลอดภัย และปลอดจากการเอารัดเอาเปรียบจากมิจฉาชีพทุกกลุ่ม
นโยบายดังกล่าวจะเป็นสัญญาณสำคัญของประเทศไทยในการเดินหน้าขับเคลื่อน “สะอาด ปลอดภัย” โดยสะอาดทั้งสถานที่ท่องเที่ยว อาหารการกิน น้ำกินน้ำใช้ ส่วนปลอดภัยทั้งอุบัติภัย เอารัดเอาเปรียบ เพื่อนำไปสู่การล้างบางมาเฟียในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้สิ้นซาก จะสังเกตได้จากตลอดปี 2561 ผมได้ลงพื้นที่ถี่มากในการเป็นประธานปล่อยหน่วยกำลัง ประกอบไปด้วย รหน่วยทหาร ตำรวจ ทีมปราบปรามยาเสพติด ไปจนกระทั่งหน่วยของกรมเจ้าท่า ขนส่งทางบก เพราะการออกไปแต่ละครั้งมีเป้าหมายอะไร เพียงแต่ไม่ได้บอกเจตนารมณ์ เพราะส่วนใหญ่มิจฉาชีพจะรู้ว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางไปไหนแล้วก็จะตามไปเอารัดเอาเปรียบ ฉ้อโกง หลอกลวง ขายของแพง พอทางหน่วยราชการได้รับการร้องเรียนก็ติดตามไปแก้ปัญหาทันที ปีนี้ได้ร่วมกับทางเครือข่าย จส.100 ซึ่งมีอาสาสมัครกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 600,000 คน ทำงานร่วมกัน เพื่อให้ประชาชน คนท้องถิ่น ร้องผ่านเครือข่ายดังกล่าวถึงเรื่องพบเจอทั้งหลายแล้วไม่เป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพื่อสร้างความร่วมมือและเชื่อมต่อทั้งกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เรื่อยมายังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และช่วยศูนย์เหลือนักท่องเที่ยว และ 155 ของตำรวจท่องเที่ยว เพื่อขจัดเหลือบของการท่องเที่ยวแบบครบวงจร
ดร.วีระศักดิ์ กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 14-15 มกราคม 2562 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะนำทีมคณะรัฐมนตรีสัญจร ลงพื้นที่ภาคเหนือ เชียงใหม่ ลำปางซึ่งยังไม่เคยไป มีเรื่องท่องเที่ยวเชิงชุมชนจำนวนมาก ส่วนเชียงใหม่จะพุ่งเป้าเพิ่มการกระจายรายได้ให้ถึงมือชาวบ้านเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นจังหวัดที่มีความเข้มแข็งด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม แล้วยังมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เข้าไปลงทุนท่องเที่ยวเทรนด์สมัยใหม่ เช่น ร้านกาแฟชิค ชิค ทั้งหลาย หรือบูติกรีสอร์ต รัฐบาลจึงต้องการส่งเสริมให้ชาวบ้านได้รับโอกาสเข้าถึงประโยชน์จากวิธีคิดเหล่านี้ของเมืองแฟชั่นรุ่นใหม่ ดึงดูดนักท่องเที่ยวยุคใหม่เข้าไปเพิ่มขึ้น เพราะธรรมชาติของเมืองทางเหนืออย่างเชียงใหม่ซึ่งไม่ได้จุดขายเรื่องชายหาดทะเล ก็จะค้นหาวิธีการนำเสนอความสนใจของพื้นที่ตนเอง อันมาจากมุมเล็ก ๆ แต่มีเสน่ห์
ดังนั้น ครม.จึงต้องการไปเน้นการท่องเที่ยวโดยชุมชน หรือการเดินชมเสน่ห์ท้องถิ่น Treking & Trail เดินผ่านป่าชุมชน สวน ลำธาร การเดินด้วยเท้า นอกจากการสัมผัสธรรมชาติแล้วยังได้ชมวิถีชีวิต สินค้าและบริการของชุมชน ในอดีตนักท่องเที่ยวจะเดินทางด้วยเครื่องบิน รถยนต์ ซึ่งวิ่งไปยังเฉพาะจุดหมายปลายทางซึ่งได้ประโยชน์เพียงบางจุดเท่านั้น โดยผ่านอีกหลายพื้นที่อื่น ๆ ไปแทนที่จะกระจายประโยชน์อย่างทั่วถึง เมื่อปี 2561 จึงได้ทำกิจกรรมปั่นจักรยานท่องเที่ยวรวมแล้วมากถึง 600 ครั้ง และจัดวิ่ง ทั้ง วิ่งและปั่น เปิดกี่ครั้งก็มีผู้สมัครเต็มทั้งหมด เพราะผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถที่จะไปสัมผัสกับวิถีชาวบ้านได้โดยตรง
ปี 2562 จะหันมาเพิ่มเรื่องการจัดกิจกรรมการเดินตามแหล่งท่องเที่ยว เพราะชาวบ้านที่นำสินค้าท้องถิ่นเข้ามาร่วมก็จะได้รับความสนใจ เห็นได้จากถนนคนเดินทุกจังหวัดล้วนประสบความสำเร็จได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด ที่ผ่านมาได้กล่าวถึงนโยบาย Slow Travelling คือเที่ยววันละไม่กี่แห่ง แต่นับจากปีนี้เป็นต้นไปคอนเซ็ปต์จะเปลี่ยนเป็นการเที่ยวแบบช้า ๆ ด้วยการเดินแวะชิม ชม และยอง ๆ เลือกกินเลือกช้อปได้ตลอดเส้นทาง ทั้งสินค้า ศิลปะท้องถิ่น ดังจะเห็นได้จากเมื่อปีที่ผ่านมากระแสออเจ้า ผนวกกับงานอุ่นไอรัก ปีที่ 2 ทำให้คนไทยหันมาใส่เสื้อผ้าย้อนยุคเดินกันอย่างภาคภูมิใจ แล้วยิ่งได้เดินร่วมกันมาก ๆ ก็ทำให้เกิดการย้อนบรรยากาศ แวะชมข้าวของสินค้าชุมชน นโยบายการปลุกกระแสเดินท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ จะช่วยตอบสนองตลาดการท่องเที่ยวครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งเด็ก ครอบครัว ผู้สูงวัย คนพิการ หรือที่เรียกว่าการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล Tourism for All ซึ่งจะมีทางเรียบสะดวก รูปแบบของการเดินจะสร้างการซึมซับประสบการณ์ตรงทำให้ได้ประโยชน์
สำหรับการท่องเที่ยวปี 2562 ขอให้ทุกคนช่วยกันท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ทั้งในฐานะของเจ้าบ้าน ที่คอยต้อนรับ ให้คำแนะนำ ดูแล รักษา และในฐานะนักท่องเที่ยวต้องเคารพ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม สถานะทางสังคม เศรษฐกิจความรู้สึกของคนพื้นที่ ด้วยความนุ่มนวล อ่อนน้อม ซึ่งความรับผิดชอบจึงไม่ได้จำกัดเฉพาะเพียงแค่การลดขยะเท่านั้น ปี 2562 จะทำให้การท่องเที่ยวเกิดการขยายตัวเป็นวงกว้างทางด้าน การปลุกกระแส “เมืองแห่งความรับผิดชอบ” พร้อมต้อนรับคนไทยกว่า 170 ล้านคน-ครั้ง และต่างชาติอีก 37-40 ล้านคน เพื่อเป้าหมายสูงสุดทำให้ “กองทัพของพลังการใช้จ่ายเงิน” จากนักท่องเที่ยวทั้งหมดกระจายถึงมือชุมชนทุกกลุ่มได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์จัดLucky Drawช้อปรับโชคเที่ยวฟรีโตเกียว”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มอบของขวัญต้อนรับศักราชใหม่ปีกุล ให้นักช้อปได้เพลิดเพลินตลอดเดือนมกราคม ระหว่างวันนี้ จนถึง 31 มกราคม 2562 กับ แคมเปญ “Lucky Draw Promotion” ที่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ สำหรับสมาชิก คิง เพาเวอร์ รับสิทธิพิเศษ เพียงแค่ซื้อสินค้าครบทุก 5,000 บาท (สุทธิ) ลุ้นรับทริปท่องเที่ยวมหานครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อซื้อสินค้าภายในงานดิสนีย์ รับคูปองทันทีเพื่อลุ้นได้ถึง 2 สิทธิ์ด้วยกัน เตรียมช้อปกันให้เต็มที่ตลอดเดือนมกราคม นี้ แล้วรอติดตามฟังข่าวดี การจับรางวัล และประกาศผลภายในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 สมาชิกที่ได้รับของรางวัลที่มีมูลค่า 1,000 บาทขึ้นไป จะต้องชำระค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 5% ส่วนกติกาการช้อปปิ้ง จะคำนวณยอดใช้จ่ายเฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ ซึ่งสามารถตรวจสอบสินค้าเพิ่มเติม ณ จุดขาย และใช้ร่วมกับส่วนลดจากบัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ ส่วนยอดซื้อแผนกเหล้า บุหรี่ ไม่สามารถใช้ร่วมรายการได้
ข่าวที่ 2 “ททท.ประเดิมจัดใหญ่เทศกาลเที่ยวเมืองไทย23-27ม.ค.62”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนร่วมมหกรรมท่องเที่ยวไทยสุดยิ่งใหญ่ ต้อนรับศักราชปี 2562 กับงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 39” Thailand Tourism Festival 2019 ระหว่าง 23-27 มกราคม 2562 ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เวลา 12.00-22.00 น. เสาร์-อาทิตย์ 11.00-21.00 น. ปี 2562 ผู้เข้าร่วมชมงานเตรียมพบกับกิจกรรมท่องเที่ยวมากมาย ร่วมลิ้มชิมรสอาหารถิ่น ช้อปสินค้าของดีจากทั่วไทย สนุกเพลิดเพลินไปกับซุ้มกิจกรรมมากมาย สำหรับไฮไลต์ปีนี้จะเป็นปีแรกที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยว สามารถซื้อแพกเกจท่องเที่ยวได้ อีกทั้ง ททท. 5 ภูมิภาค ได้จัดเตรียมคัดสรรการท่องเที่ยว ในชุมชนเด่น ๆ จาก 55 เมืองรอง มากถึง 90 เส้นทาง มานำเสนอให้ได้เลือกกันอย่างจุใจ จะได้ซื้อเก็บไว้ท่องเที่ยวหลายโปรแกรมได้ตลอดทั้งปี 2562
ตลอดเทศกาลท่องเที่ยวเมืองไทย ประจำปี 2562 ในบริเวณสวนลุมพินี จะได้ชมความอลังการของ สถาปัตยกรรมการจัดแสดงหมู่บ้าน 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และกรุงเทพมหานคร จะนำวัฒนธรรม การแสดง สินค้า แฟชั่น อาหารถิ่น ของใช้ ผ้าไทย มาให้ได้ชิม ช้อป ชมความงดงามอลังการ ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ในปีที่ผ่านมา ๆ รวมทั้งยังได้จัดเวทีกลางให้เหล่าศิลปินชั้นนำขึ้นเวทีสร้างความบันเทิง เรื่อยไปจนถึงการจัดคาร์นิวัลแนะนำแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของแต่ละภาค สร้างความคึกคักตลอด
งาน
ข่าวที่ 3 “บางจากผนึกบัตรกรุงศรีอัดแคมเปญยิ่งเติมยิ่งได้ถึง28ก.พ.62”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้จับมือกับบัตรเครดิตกรุงศรี จัดแคมเปญ“ยิ่งเติม ยิ่งได้ รับคุ้มกว่าเดิม กับบัตรเครดิตกรุงศรี ระหว่างวันนี้- 28 กุมภาพันธ์ 2562 เมื่อใช้บัตรเครดิตกรุงศรีเติมน้ำมันในสถานีบริการบางจาก รับไปเลยเงินคืนรวมสูงสุด 15% + เติมมากรับเพิ่มอีก 1% พิเศษ 1 รับเครดิตเงินคืนทันทีสูงสุด 3% - เมื่อเติมน้ำมันบางจากครบทุก 800 บาท/ใบเสร็จ สำหรับ บัตรเครดิต กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ซิกเนเจอร์ รับเงินคืน 3% / บัตรเครดิต กรุงศรี ซิกเนเจอร์, บัตเครดิต กรุงศรี คอร์ปอเรท การ์ด,บัตรเครดิต ทีซีซี พริวิเลจการ์ด รับเงินคืน 2% / บัตรเครดิต กรุงศรี ประเภทอื่น ๆ รับเงินคืน 1% พิเศษ 2 แลกรับเครดิตเงินคืนเพิ่ม 12% - เพียงมียอดใช้จ่ายครบ 800 บาทขึ้นไป/เซลล์สลิป + แลก 800 คะแนน = เครดิตเงินคืน 96 บาท (ตรวจสอบโค้ดการแลกคะแนน ณ จุดขาย หรือรอรับโค้ดผ่านมือถือ) โดยจำกัดการรับเครดิตเงินคืนสัปดาห์ละ 1 ครั้งสูงสุด 384 บาท/บัญชีบัตรหลัก/เดือน พิเศษ 3 เติมมากรับเพิ่มทุกหน้าบัตร เครดิตเงินคืน 1%- เมื่อสะสมยอดเติมน้ำมันบางจากต่อเดือนครบตั้งแต่ 4,801-8000 บาท
ขั้นตอนการรับสิทธิพิเศษเงินคืน จะต้องลงทะเบียนรับเครดิตเงินคืนก่อนทำรายการ (ลงทะเบียนครั้งเดียวตลอดรายการ) พิมพ์ BC2 (วรรค) บัตรเครดิต 16 หลัก ส่งไปที่ 081 - 927 - 9999 รอรับข้อความยืนยันจากระบบ (ค่าบริการขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ) โดยเครดิตเงินคืนจะโอนภายใน 7 วันหลังจบสิ้นของแต่ละเดือน
ช่วงที่ 2 เตรียมวางแผนสนุกกับ 5 MORE FUN “ระยอง” เที่ยวมุมใหม่ที่มีให้เลือกมากกว่าทะเล และในช่วง 2-3วันนี้คนไทยฟังพายุปาบึกจนครียด ต้องหาวิธีดูแลสุขภาพ “ลดเครียดจากประกาศภัยพิบัติ” ส่วนข่าวรับปีใหม่ “รัฐสั่งลุยกวาดล้างมาเฟียท่องเที่ยว 9 กลุ่ม จับแล้ว 20,000 คดี ปีหมูทองขอเตือนผู้ที่ยังฝืนทำผิดโดนยาแรงแน่ ๆ “ครม.ยุบแล้วพิงคนคร” โอนให้ 2 กระทรวง คลังกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับช่วงไปดูแล โละพนักงานทิ้งเรียบ “ดร.สมคิด” รุกคมนาคมมอบสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จับเข่าคุย JICA ญี่ปุ่น ผุดระบบรางใน กทม.และปริมณฑล เต็มรูปแบบ
@เที่ยวระยองต้องห้ามพลาด 5More Fun
เข้าสู่ศักราชใหม่ปี 2562 เตรียมตัวให้พร้อมเข้าสู่ More Fun กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคภาคตะวันออก ที่ “ระยอง” เมืองท่องเที่ยวธรรมชาติพบกับความสนุกมากกว่าในมุมใหม่ที่มีมากกว่าทะเล กับ 5 More Fun
สนุกแห่งแรก ที่ “Rayong Smile Plants-ศูนย์การเรียนรู้พืชกินแมลงจังหวัดระยอง” เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร Young Smart Farmer ที่ควรไปสักครั้งในชีวิต ตั้งอยู่ในตำบลนาขวัญ อำเภอเมืองระยอง เป็นแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รวบรวมพันธุ์หม้อข้าวหม้อแกงลิงกว่า 500 สายพันธุ์ ปลูกเป็นสวนผสมพื้นที่ 30 ไร่ เพื่อขายให้นักสะสมและนักพัฒนาพันธุ์ พร้อมส่งออกต่างประเทศแถบสแกนดิเนเวีย สหรัฐอเมริกา เชื่อหรือไม่ว่าสามารถทำรายได้เดือนละ 200,000-250,000 บาท แล้วหม้อข้าวหม้อแกงลิงบางสายพันธุ์ทำราคาได้ถึงต้นละ 9,000 เหรียญสหรัฐ ความมหัศจรรย์มากกว่านั้นคือ การรังสรรค์มาทำเป็นอาหารถิ่นจานเด็ด รสจัดจ้านทุกเมนู ไม่ว่าจะเป็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงชุบแป้งทอด ส้มตำหม้อข้าวหม้อแกงลิง ดัดแปลงใส่เนื้อทุเรียนสด หรือ เนื้อมะพร้าวอ่อน ลงไป รสชาติถูกปากนักท่องเที่ยวทุกวัยจริง ๆ ระยอง สไมล์ แพลนท์ ของไทยได้รับการจัดชั้นให้เป็นศูนย์การเรียนรู้พืชกินแมลงที่มีพันธุ์หม้อข้าวหม้อแกงลิงสวยติด 1 ใน 4 ของโลก ไม่แพ้ในโลกอีก 3 แห่ง คือ Garden Bay สิงคโปร์ สวนพฤกษศาสตร์ CUTE ในอังกฤษ และ Monkey Club เมืองปีนัง มาเลเซีย
สนุกที่ 2 “พิพิธภัณฑ์บ้านครูกัง” เป็นแหล่งเรียนรู้แห่งใหม่ ของครูสองสามีภรรยาที่ได้รวบรวมของสะสมมายาวนานกว่า 40 ปี เนรมิตบ้านในพื้นที่เกือบ 2 ไร่ ให้กลายเป็นเมืองของเล่น มีของเก่าโบราณมาจัดแสดงไว้มากมาย อาทิ ของใช้สอยต่าง ๆ รถโบราณ ธนบัตร ตะเกียง รถเข็น เครื่องครัว เครื่องดนตรี มีชาวต่างชาติมาเที่ยวแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ประเทศ ส่วนคนไทยเข้าไปเที่ยวปีละกว่า 6 หมื่นคน
สนุกที่ 3 “สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำระยอง” หรือ Rayong Aquarium ศูนย์รวมพันธุ์ปลาสวยงามหายาก นักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวต้องห้ามพลาดพาลูกหลานมาเปิดโลกทัศน์ภาพจำลองโลกของธรรมชาติใต้ทะเล
สนุกที่ 4 “วัดป่าประดู่” เหล่าสาวกสายบุญทั้งหลาย ต้องแวะชมวัดเก่าแก่ของระยอง ภายในมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ตะแคงซ้าย แวะไปเพื่อขอพรพระศักดิ์สิทธิ์ เสริมสิริมงคลแก่ชีวิต
สนุกที่ 5 “บ้านเพ” ส่วนแฟนคลับที่ขาดทะเลไม่ได้ ก็นั่งรถเลียบหาด เพื่อกินลมชมวิวทะเล ลัดเลาะผ่านหาดสวนสนบนถนนอุโมงค์ต้นสนอันร่มรื่น เส้นทางเชื่อมต่อไปยังแหล่งช้อปปิ้งสินค้าทะเลได้ด้วย หรือถ้าจะเที่ยวเพื่อทำประโยชน์ต่อสังคม แนะนำให้ไปยัง “สะพานรักษ์แสม” สะพานแขวนทางเดินไม้ที่ทอดผ่านป่าชายเลนคลองท่าตาโบ๊ย บ้านเนินฆ้อ อำเภอแกลง ลุยทำกิจกรรม CSR ปล่อยพันธุ์ปู ทำบ้านปลา ธนาคารปู คืนธรรมชาติให้สัตว์น้ำได้พักอาศัยในระยะยาว
“ระยอง” เมือง More Fun ที่มีมากกว่าทะเล ลองมาแล้วจะรับรู้และสัมผัสได้ถึงมหัศจรรย์ที่ให้เลือกเติมความสุขได้ตลอดทุกวันทุก ๆ ปี
@ลดโรคเครียดจากประกาศเตือนภัยพิบัติ
ช่วงนี้มีประกาศเตือนพายุโซนร้อนปาบึก สภาวะเช่นนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ เกิดความวิตกกังวล ความกลัว ใจสั่น เหนื่อย และเคร่งเครียดตามลำดับ ดังนั้นในสภาวะที่มีภัยพิบัติเกิดขึ้น โรคหนึ่งที่จะมาเคียงคู่เสมอ ก็คือ โรคเครียด ที่มีสาเหตุจากการได้สัมผัส รับรู้ หรือได้รับผลกระทบถึงการสูญเสียอย่างรุนแรง อันเกี่ยวเนื่องจากอุบัติภัย หลายคนเริ่มต้นด้วยอาการนอนไม่หลับ เคร่งเครียด ปวดหัว ปวดขมับ ปวดเมื่อยเนื้อตัว เพลียๆ เบื่ออาหาร เหนื่อยง่าย ใจสั่น เบื่อง่าย เป็นกังวล ขี้ตกใจ ขวัญอ่อน ไม่อยากพบผู้คน ซึมเศร้า เป็นต้น
ดังนั้น ระหว่างที่เกิดเหตุการณ์ร้ายๆ เช่นนี้ขึ้น จึงควรหมั่นสังเกตตนเอง คนในครอบครัว เพื่อนบ้าน หรือเพื่อนที่ทำงาน ว่ามีอาการผิดปกติเหล่านี้หรือไม่ พร้อมทั้งพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบ ให้กำลังใจ ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อจะได้ช่วยกันประคับประคองจิตใจให้ผ่านพ้นสภาวะนี้ให้จงได้ ขณะเดียวกันก็ควรหากิจกรรมทำ อย่าอยู่นิ่งเฉย หรืออยู่ตัวคนเดียว เพื่อที่กิจกรรมต่างๆ จะช่วยเบนความสนใจ เป็นการปรับทุกข์ซึ่งกันและกัน และจะเป็นการดียิ่งขึ้นถ้ามีโอกาสได้ออกไปช่วยงานสาธารณประโยชน์ ทำงานจิตอาสา
นอกจากนี้ การออกกำลังกาย นันทนาการ หรือการสวดมนต์ นั่งทำสมาธิ รำมวยจีน ฝึกโยคะ ก็เป็นกิจกรรมดีๆ ที่จะช่วยเสริมความเข้มแข็งให้กับจิตใจ ให้สามารถต่อสู้กับภัยพิบัติได้เป็นอย่างดี สำหรับรายที่มีอาการปวดหัว ปวดขมับ ก็อาจเลือกใช้ยาพาราเซตามอล ขนาดเม็ดละ 500 มิลลิกรัม ครั้งละ 1-2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง เวลาที่มีอาการปวด แต่ไม่ควรใช้เกินวันละ 8 เม็ด และไม่ควรใช้ติดต่อกันเกินกว่า 1 สัปดาห์ เพราะจะเกิดผลข้างเคียงเป็นอันตรายได้ หากอาการยังไม่ดีขึ้น ก็แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “รัฐสั่งลุยล้างมาเฟียท่องเที่ยว9กลุ่มจับแล้ว2หมื่นคดี”
กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้รายงานถึงมาตรการด้านความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว ตามนโยบายของ ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงดำเนินการกวาดล้างผู้กระทำผิดต่อนักท่องเที่ยวและคนเดินทาง สร้างความไม่ปลอดภัยและขัดขวางการเติบโตของท่องเที่ยว จึงได้เร่งดำเนินการจับกุมทั้งหมด 9 กลุ่ม รวมกว่า กว่า 20,000 ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจท่องเที่ยวในช่วงระหว่าง มกราคม-ตุลาคม 2561 ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะเดินหน้าต่อในปี 2562 โดยเตือนไปยังผู้ที่ยังกระทำผิดต่อนักท่องเที่ยวและคนเดินทางทั้งหลายว่ารัฐมีนโยบายที่จะจับกุมดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป
ตำรวจท่องเที่ยวทั่วประเทศได้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีในช่วง 9 เดือน ปี 2561 ดังนี้
1.จับกุมทัวร์ด้อยคุณภาพ 6,333 คดี 2.จับกุมผู้หลอกลวงให้ซื้อสินค้าบริการด้อยคุณภาพและในวงเงินสูง 26 คดี
3.จับกุมแท็กซี่ ประกอบด้วย 3.1 เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว 12,679 คดี เช่น ปฏิเสธผู้โดยสาร 5,668 ราย มากกว่าปี 2560 จับได้เพียง 1,681 ราย 3.2 จับแท็กซี่ไม่เปิดมิเตอร์ ปี 2561 จับกุมเพิ่มเป็น 3,408 ราย จาก ปี2560 จับได้ 255 ราย 3.3 จับแท็กซี่ข้อหาเรียกค่าโดยสารเกินอัตรา ปี 2561 จับได้ 1,659 ราย มากกว่าปีที่ผ่านมา 120 ราย
4.จับสถานบริการที่ผิดกฏหมาย 35 คดี 5.จับยาเสพติดในแหล่งท่องเที่ยว 1,406 คดี 6.จับคดีอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบกับนักท่องเที่ยว 9,533 คดี 7.จับกุมผู้มีอิทธิพล มาเฟีย ผู้พกพาอาวุธในสถานที่ท่องเที่ยว 161 คดี
8.จับมัคคุเทศก์เถื่อน1,581 ราย สูงกว่าปี 2560 จับได้ 132 ราย 9.จับsitting ไกด์หรือการยินยอมให้ผู้อื่นทำหน้าที่มัคคุเทศก์แทน 390 ราย ปี 2560จับได้เพียง 9 ราย
ข่าวที่สอง “ครม.สั่งยุบพิงคนครโอนย้ายให้คลัง-ทรัพยากรธรรมชาติ”
คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ 2 มกราคม 2562 มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกายุบเลิกสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ และให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป โดยสาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา 1.ให้โอนศูนย์ประชุมฯ ซึ่งเป็นของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) (สพค.) และบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ งบประมาณ และรายได้ในส่วนของศูนย์ประชุมฯ ไปเป็นของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง (กค.) และให้เจ้าหน้าที่ของ สพค. ซึ่งปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวกับศูนย์ประชุมฯ ตามบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนครกำหนด พ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของ สพค. เพราะเลิกหรือยุบตำแหน่ง และได้รับค่าตอบแทนการเลิกจ้างและเงินช่วยเหลือเยียวยาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2561
2.ให้โอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซึ่งเป็นของ สพค. และบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ งบประมาณ และรายได้ของ สพค. ในส่วนของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ไปเป็นขององค์การสวนสัตว์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และให้เจ้าหน้าที่ของ สพค. ซึ่งปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวกับสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี พ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของ สพค. เพราะเลิกหรือยุบตำแหน่ง และได้รับค่าตอบแทนการเลิกจ้างและเงินช่วยเหลือเยียวยาตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และให้ สพค. มีอำนาจบริหารจัดการสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีและกิจการที่ต่อเนื่องจนกว่าการดำเนินการดังกล่าวจะแล้วเสร็จ 3.การคัดเลือกผู้ปฏิบัติงานของ สพค. เพื่อไปปฏิบัติงานเป็นบุคลากรของกรมธนารักษ์ กค. หรือ องค์การสวนสัตว์ ทส. ให้กรมธนารักษ์ กค. หรือ องค์การสวนสัตว์ ทส. ทำความตกลงกับ สพค. เกี่ยวกับเงินเดือนหรือค่าจ้างและประโยชน์ตอบแทนอื่นของบุคลลากรนั้น และอาจตกลงกันให้นับเวลาการทำงานต่อเนื่องจากการปฏิบัติงานใน สพค. ได้
ข่าวที่สาม “ไทยผุดระบบรางในกทม.-ปริมณฑลเต็มรูปแบบ”
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ต้อนรับศักราชใหม่ปี 2562 โดยเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงคมนาคม ประชุมร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ทำหน้าที่เลขานุการ พิจารณาเรื่องหลักคือ “ผลการศึกษาการจัดทำทิศทางและนโยบายการพัฒนาแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (พื้นที่ต่อเนื่อง) ระยะที่ 2 มอบให้ สนข. ไปประสานความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นผ่านองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency : JICA)ดำเนินการศึกษาแผนแม่บทดังกล่าว ให้เป็นตามวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดทิศทางและแนวทางการพัฒนาแผน M-MAP 2
รวมทั้งปรับปรุงแบบจำลองการเดินทางระดับกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (extended Bangkok Urban Model : eBUM) นำมาใช้วิเคราะห์และคาดการณ์ปริมาณความต้องการเดินทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เรื่อยไปจนถึงจัดทำแผนดำเนินงานระยะกลางและระยะยาว
โดยมีพื้นที่ศึกษาครอบคลุมพื้นที่นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสงคราม มีวิสัยทัศน์ “มุ่งสร้างสังคมการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน” ทั้งนี้ ทิศทางและนโยบายการพัฒนาแผน M-MAP 2 สนอง 5 นโยบายหลัก ได้แก่
1.เพื่อบรรเทาการจราจรติดขัดในพื้นที่ศูนย์กลางเมืองกรุงเทพมหานคร 2.เพื่อส่งเสริมและพัฒนาโครงข่ายรถไฟในภาพรวมในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลให้มีประสิทธิภาพ 3.เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงสถานี 4.เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ 5.เพื่อเพิ่มการเข้าถึงสนามบิน (Global gateways) ซึ่งแผนการดำเนินงาน M-MAP 2 แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย แผนระยะสั้นปี 2561 - 2565 แผนระยะกลาง ปี 2566 – 2570 และแผนระยะยาว ปี 2571 – 2580 ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 11.00-12.00 น. ทาง FM97.0
เพิ่มพลังรายได้3.4ล้านล.-ครม.บูมเดินทัวร์ชุมชน
คิงเพาเวอร์ชูแคมเปญLucky Drawช้อปทัวร์ฟรี
ททท.จัดใหญ่เทศกาลเที่ยวเมืองไทย23-27ม.ค.
บางจากผนึกบัตรกรุงศรีโหมยิ่งเติมยิ่งได้เงินคืน
ชวนเที่ยวระยองสนุกไปกับเทรนด์5More Fun
จัดหนักลดโรคเครียดจากประกาศเตือนภัยพิบัติ
ท่องเที่ยวล้างบางมาเฟีย9กลุ่มจับกว่า2หมื่นคดี
ครม.สั่งยุบแล้วพิงคนครโอน2กระทรวงรับไม้ต่อ
รองฯสมคิดชูธงผุดระบบรางทั่วกทม.-ปริมณฑล
สวัสดีปีใหม่ 2562 ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 5 มกราคม 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 ประเทศไทยเปิดศักราชใหม่ 2562 กับภารกิจเฝ้าระวังพายุปาบึกโชว์ความสามารถบริหารจัดการความปลอดภัยกันอย่างเต็มที่ ส่วนในรายการขอเจาะลึก“ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะนำทัพอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและพลังรายได้จากนักท่องเที่ยวคนไทยจะหันมาเที่ยวในประเทศปีละ 170 ล้านคน-ครั้ง ต่างชาติก็กำลังไหลบ่าเข้ามาอีกเกือบ 40 ล้านคน จะสร้างสมดุลกระจายเม็ดเงิน 3.4 ล้านล้านบาท ให้ถึงมือชาวบ้านจริง ๆ ได้อย่างไร จะสร้างต้นแบบปลุกกระแสใหม่เดินเที่ยวชุมชนได้จาก “ครม.สัญจร” นัดปฐมฤกษ์ในพื้นที่ลำปาง เชียงใหม่ 14-15 มกราคม นี้ ส่วนมาตรการปราบมาเฟียท่องเที่ยวกลุ่มต่าง ๆ ให้สิ้นซากจะเดินเกมไหน และนโยบาย “สะอาด ปลอดภัย เที่ยวอย่างรับผิดชอบ” เร่งเครื่องอย่างเข้มข้นเน้นลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม
วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา |
ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า นโยบายการท่องเที่ยวต้อนรับศักราชใหม่ปี 2562 จะต้องทำให้คุณภาพของการท่องเที่ยวยั่งยืนโดยที่ผ่านมาประเทศได้ทั้งผลประโยชน์คือตัวเลขเป้าหมายและจำนวนนักท่องเที่ยว โดยมีต่างชาติเข้ามาใช้จ่ายเงินในไทยเกือบ 2 ล้านล้านบาท และคนไทยเที่ยวในประเทศ 1.4 ล้านล้าน สะท้อนถึงผลลัพธ์สำคัญ ๆ คือ 1.เงินของคนไทยเที่ยวไทยใหญ่เกินกว่าจีนเที่ยวไทย 2.นโยบายการกระจายนักท่องเที่ยวสู่เมืองรอง แล้ว
ทำให้เห็นเสน่ห์ของเมืองไทยยังมีอยู่เยอะมากทั้ง วิถีชุมชน สินค้าชาวบ้าน สามารถกระจายเงินไปถึงมือของชาวบ้านในถิ่นไกล ๆ ส่วนที่เป็นบทเรียนจากท่องเที่ยวเติบโตอย่างรวดเร็วขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ นั้น ปี 2561 ที่เพิ่งจบไปนั้น ชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทยทะลุ 37 ล้านคน เกินเป้าหมายซึ่งตั้งไว้เพียง 35 ล้านคน และมีจำนวนชาวต่างชาติเกินกว่าครึ่งของประชากรไทยที่มีอยู่ราว 70 ล้านคน โดยการท่องเที่ยวสามารถทำนิวไฮในหลายตลาดด้วยกัน ได้แก่ เวียดนาม เกิน 1 ล้านคน อเมริกา 1 ล้านคน สิงคโปร์ 1 ล้านคน และจีน 10 ล้านคน สถิติเพียงเท่านี้ชี้ให้เห็นการเติบโตเชิงปริมาณเพียงพอแล้ว ต่อไปนี้จะต้องเอาใจใส่เรื่องแรก “สะอาด ปลอดภัย” ทั้งของเจ้าบ้านในพื้นที่และนักท่องเที่ยว จะต้องไม่ลดขยะ ไม่นำพลาสติก การใช้โฟม และเรียนรู้ทั้งการทิ้งให้ถูกที่ เป้าหมายใหญ่ต้องลดการทิ้งขยะ กำลังจะล้นเมือง ซึ่งเน้นการลดใช้พลาสติก โดยชักชวนให้ใช้วัสดุท้องถิ่น ไม้ไผ่ ใบตอง ใบตาน โดยจะต้องสร้างวัฒนธรรมความสะอาด ทั้งเรื่องอาหารการกิน และห้องน้ำในแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเอกชนเข้ามาลงทุน โดยให้ท้องถิ่นมาดูแลรักษา สร้างวัฒนธรรมการใช้แบบรักษาความสะอาด ปลอดภัย
เรื่องที่ 2 ลดการใช้น้ำ จะต้องเริ่มทำอย่างจริงจัง สำหรับ “ความปลอดภัย” ขณะนี้นโยบายการท่องเที่ยว 55 เมืองรอง เกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวอย่างจริงจัง โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ส่งเสียงให้ได้ยินแล้วถึงมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไปใช้บริการจำนวนเพิ่มขึ้น ส่วนการคมนาคมขนส่งทางบก ทางน้ำ ที่จะรองรับการเคลื่อนย้ายนักท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ โครงการนำร่องช่วงท้ายปี 2561 ต้อนรับเทศกาลปีใหม่ 2562 นับเป็นปีแรกที่รัฐบาลเดินหน้าบูรณาการความร่วมมือระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข คมนาคม ร่วมกับหน่วยตำรวจ ทหาร ท้องถิ่น ไม่ใช่ดูแลเฉพาะเรื่องมาตรการปลอดภัย 7 วันอันตราย แต่สั่งการให้ทำตลอดทุกวันทั้งปี
ทั้งสองเรื่องคือสะอาด ปลอดภัย นับตั้งแต่ต้นปี 2562 ต้องเดินควบคู่กันไปตลอด หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกเมื่อวันอังคารที่ 2 มกราคม 2562 ได้กลับมาสั่งการให้ทุกหน่วยในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรณีของสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด (ทกจ.) กระบี่ เป็นต้นแบบการทำรายงานสถานการณ์ตลอดเทศกาลท่องเที่ยวได้ดีมาก นำเสนอทั้งแบบรายวัน รายสัปดาห์ ทำต่อเนื่องรายปี เริ่มต้นปี 2562 กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จึงมอบหมายท่องเที่ยวและกีฬาทุกจังหวัดทำรายงานแบบนี้เข้ามาตลอด เพื่อใช้สถิติวิเคราะห์สถานการณ์ถึงอุบัติเหตุหรือปัญหาได้อย่างทันท่วงที เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีการทำแบบนี้ในหลายพื้นที่ไม่เห็นความสำคัญเพราะจะมองเพียงคนเที่ยวเฉพาะช่วงเทศกาล แต่ต่อไปนี้คนกระจายท่องเที่ยว 55 เมืองรองมากขึ้นจะมีอิทธิพลสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ดังนั้นจึงต้องทำให้มาตรการดูแลความปลอดภัยให้เป็นมาตรฐาน ขณะนี้ตำรวจท่องเที่ยวทุกจังหวัดกำลังทำเรื่องมาตรการความปลอดภัยอย่างเข้มข้น ในปีหมูทองจะต้องให้แน่ใจปริมาณนักท่องเที่ยวจำนวนมากนั้น ทุกฝ่ายจะต้องมาร่วมมือกันทำให้นักท่องเที่ยวปลอดภัยได้อย่างไร เป็นเป้าหมายสำคัญที่จะต้องช่วยกันทำให้เกิดผลอย่างชัดเจน ดร.วีระศักดิ์ กล่าวว่า นโยบายกระตุ้นคนไทยเที่ยวไทยปี 2562 ขณะนี้แนวโน้มการขยายตัวจะได้ถึงปีละ 170 ล้านคน-ครั้ง สิ่งที่จะต้องเร่งเข้าไปทำคือความปลอดภัย การให้ข้อมูลแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว การทำกิจกรรมในพื้นที่ และประโยชน์ที่จะเกิดกับท้องถิ่น เพราะท่องเที่ยวจะต้องก้าวไปเป็นเครื่องมือลดความเหลื่อมล้ำ เพราะเงินจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจะต้องเข้าไปถึงคนในท้องถิ่นทุกกลุ่มได้รับประโยชน์ร่วมกัน สร้างความภาคภูมิใจให้นักท่องเที่ยวด้วย ในการ “ท่องเที่ยวช่วยชาติ” เพราะเที่ยวแล้วทำให้คนในท้องถิ่นมีชีวิตอยู่ดีกินดีมากขึ้น ส่วนอีกเรื่องคือ การทำป้ายบอกทาง เกิดความเป็นธรรม ขณะนี้มอบหมายให้ตำรวจท่องเที่ยวเร่งมาตรการความปลอดภัย ลดการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว โดยมีสถิติส่งเข้ามาแล้วจะได้ตัวเลขอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ เพื่อทำให้เห็นถึงบรรดาคนที่เข้าไปฉกฉวยประโยชน์จากนักท่องเที่ยวและท้องถิ่น จะต้องโดนปราบปรามแก๊งหรือจับกุมเต็มรูปแบบ ปี 2561 สถิติการจับกุมพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะมาตรการดูแลความปลอดภัย และปลอดจากการเอารัดเอาเปรียบจากมิจฉาชีพทุกกลุ่ม
นโยบายดังกล่าวจะเป็นสัญญาณสำคัญของประเทศไทยในการเดินหน้าขับเคลื่อน “สะอาด ปลอดภัย” โดยสะอาดทั้งสถานที่ท่องเที่ยว อาหารการกิน น้ำกินน้ำใช้ ส่วนปลอดภัยทั้งอุบัติภัย เอารัดเอาเปรียบ เพื่อนำไปสู่การล้างบางมาเฟียในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้สิ้นซาก จะสังเกตได้จากตลอดปี 2561 ผมได้ลงพื้นที่ถี่มากในการเป็นประธานปล่อยหน่วยกำลัง ประกอบไปด้วย รหน่วยทหาร ตำรวจ ทีมปราบปรามยาเสพติด ไปจนกระทั่งหน่วยของกรมเจ้าท่า ขนส่งทางบก เพราะการออกไปแต่ละครั้งมีเป้าหมายอะไร เพียงแต่ไม่ได้บอกเจตนารมณ์ เพราะส่วนใหญ่มิจฉาชีพจะรู้ว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางไปไหนแล้วก็จะตามไปเอารัดเอาเปรียบ ฉ้อโกง หลอกลวง ขายของแพง พอทางหน่วยราชการได้รับการร้องเรียนก็ติดตามไปแก้ปัญหาทันที ปีนี้ได้ร่วมกับทางเครือข่าย จส.100 ซึ่งมีอาสาสมัครกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 600,000 คน ทำงานร่วมกัน เพื่อให้ประชาชน คนท้องถิ่น ร้องผ่านเครือข่ายดังกล่าวถึงเรื่องพบเจอทั้งหลายแล้วไม่เป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพื่อสร้างความร่วมมือและเชื่อมต่อทั้งกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เรื่อยมายังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และช่วยศูนย์เหลือนักท่องเที่ยว และ 155 ของตำรวจท่องเที่ยว เพื่อขจัดเหลือบของการท่องเที่ยวแบบครบวงจร
ดร.วีระศักดิ์ กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 14-15 มกราคม 2562 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะนำทีมคณะรัฐมนตรีสัญจร ลงพื้นที่ภาคเหนือ เชียงใหม่ ลำปางซึ่งยังไม่เคยไป มีเรื่องท่องเที่ยวเชิงชุมชนจำนวนมาก ส่วนเชียงใหม่จะพุ่งเป้าเพิ่มการกระจายรายได้ให้ถึงมือชาวบ้านเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นจังหวัดที่มีความเข้มแข็งด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม แล้วยังมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เข้าไปลงทุนท่องเที่ยวเทรนด์สมัยใหม่ เช่น ร้านกาแฟชิค ชิค ทั้งหลาย หรือบูติกรีสอร์ต รัฐบาลจึงต้องการส่งเสริมให้ชาวบ้านได้รับโอกาสเข้าถึงประโยชน์จากวิธีคิดเหล่านี้ของเมืองแฟชั่นรุ่นใหม่ ดึงดูดนักท่องเที่ยวยุคใหม่เข้าไปเพิ่มขึ้น เพราะธรรมชาติของเมืองทางเหนืออย่างเชียงใหม่ซึ่งไม่ได้จุดขายเรื่องชายหาดทะเล ก็จะค้นหาวิธีการนำเสนอความสนใจของพื้นที่ตนเอง อันมาจากมุมเล็ก ๆ แต่มีเสน่ห์
ดังนั้น ครม.จึงต้องการไปเน้นการท่องเที่ยวโดยชุมชน หรือการเดินชมเสน่ห์ท้องถิ่น Treking & Trail เดินผ่านป่าชุมชน สวน ลำธาร การเดินด้วยเท้า นอกจากการสัมผัสธรรมชาติแล้วยังได้ชมวิถีชีวิต สินค้าและบริการของชุมชน ในอดีตนักท่องเที่ยวจะเดินทางด้วยเครื่องบิน รถยนต์ ซึ่งวิ่งไปยังเฉพาะจุดหมายปลายทางซึ่งได้ประโยชน์เพียงบางจุดเท่านั้น โดยผ่านอีกหลายพื้นที่อื่น ๆ ไปแทนที่จะกระจายประโยชน์อย่างทั่วถึง เมื่อปี 2561 จึงได้ทำกิจกรรมปั่นจักรยานท่องเที่ยวรวมแล้วมากถึง 600 ครั้ง และจัดวิ่ง ทั้ง วิ่งและปั่น เปิดกี่ครั้งก็มีผู้สมัครเต็มทั้งหมด เพราะผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถที่จะไปสัมผัสกับวิถีชาวบ้านได้โดยตรง
ปี 2562 จะหันมาเพิ่มเรื่องการจัดกิจกรรมการเดินตามแหล่งท่องเที่ยว เพราะชาวบ้านที่นำสินค้าท้องถิ่นเข้ามาร่วมก็จะได้รับความสนใจ เห็นได้จากถนนคนเดินทุกจังหวัดล้วนประสบความสำเร็จได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด ที่ผ่านมาได้กล่าวถึงนโยบาย Slow Travelling คือเที่ยววันละไม่กี่แห่ง แต่นับจากปีนี้เป็นต้นไปคอนเซ็ปต์จะเปลี่ยนเป็นการเที่ยวแบบช้า ๆ ด้วยการเดินแวะชิม ชม และยอง ๆ เลือกกินเลือกช้อปได้ตลอดเส้นทาง ทั้งสินค้า ศิลปะท้องถิ่น ดังจะเห็นได้จากเมื่อปีที่ผ่านมากระแสออเจ้า ผนวกกับงานอุ่นไอรัก ปีที่ 2 ทำให้คนไทยหันมาใส่เสื้อผ้าย้อนยุคเดินกันอย่างภาคภูมิใจ แล้วยิ่งได้เดินร่วมกันมาก ๆ ก็ทำให้เกิดการย้อนบรรยากาศ แวะชมข้าวของสินค้าชุมชน นโยบายการปลุกกระแสเดินท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ จะช่วยตอบสนองตลาดการท่องเที่ยวครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งเด็ก ครอบครัว ผู้สูงวัย คนพิการ หรือที่เรียกว่าการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล Tourism for All ซึ่งจะมีทางเรียบสะดวก รูปแบบของการเดินจะสร้างการซึมซับประสบการณ์ตรงทำให้ได้ประโยชน์
สำหรับการท่องเที่ยวปี 2562 ขอให้ทุกคนช่วยกันท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ทั้งในฐานะของเจ้าบ้าน ที่คอยต้อนรับ ให้คำแนะนำ ดูแล รักษา และในฐานะนักท่องเที่ยวต้องเคารพ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม สถานะทางสังคม เศรษฐกิจความรู้สึกของคนพื้นที่ ด้วยความนุ่มนวล อ่อนน้อม ซึ่งความรับผิดชอบจึงไม่ได้จำกัดเฉพาะเพียงแค่การลดขยะเท่านั้น ปี 2562 จะทำให้การท่องเที่ยวเกิดการขยายตัวเป็นวงกว้างทางด้าน การปลุกกระแส “เมืองแห่งความรับผิดชอบ” พร้อมต้อนรับคนไทยกว่า 170 ล้านคน-ครั้ง และต่างชาติอีก 37-40 ล้านคน เพื่อเป้าหมายสูงสุดทำให้ “กองทัพของพลังการใช้จ่ายเงิน” จากนักท่องเที่ยวทั้งหมดกระจายถึงมือชุมชนทุกกลุ่มได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์จัดLucky Drawช้อปรับโชคเที่ยวฟรีโตเกียว”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มอบของขวัญต้อนรับศักราชใหม่ปีกุล ให้นักช้อปได้เพลิดเพลินตลอดเดือนมกราคม ระหว่างวันนี้ จนถึง 31 มกราคม 2562 กับ แคมเปญ “Lucky Draw Promotion” ที่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ สำหรับสมาชิก คิง เพาเวอร์ รับสิทธิพิเศษ เพียงแค่ซื้อสินค้าครบทุก 5,000 บาท (สุทธิ) ลุ้นรับทริปท่องเที่ยวมหานครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อซื้อสินค้าภายในงานดิสนีย์ รับคูปองทันทีเพื่อลุ้นได้ถึง 2 สิทธิ์ด้วยกัน เตรียมช้อปกันให้เต็มที่ตลอดเดือนมกราคม นี้ แล้วรอติดตามฟังข่าวดี การจับรางวัล และประกาศผลภายในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 สมาชิกที่ได้รับของรางวัลที่มีมูลค่า 1,000 บาทขึ้นไป จะต้องชำระค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 5% ส่วนกติกาการช้อปปิ้ง จะคำนวณยอดใช้จ่ายเฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ ซึ่งสามารถตรวจสอบสินค้าเพิ่มเติม ณ จุดขาย และใช้ร่วมกับส่วนลดจากบัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ ส่วนยอดซื้อแผนกเหล้า บุหรี่ ไม่สามารถใช้ร่วมรายการได้
ข่าวที่ 2 “ททท.ประเดิมจัดใหญ่เทศกาลเที่ยวเมืองไทย23-27ม.ค.62”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนร่วมมหกรรมท่องเที่ยวไทยสุดยิ่งใหญ่ ต้อนรับศักราชปี 2562 กับงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 39” Thailand Tourism Festival 2019 ระหว่าง 23-27 มกราคม 2562 ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เวลา 12.00-22.00 น. เสาร์-อาทิตย์ 11.00-21.00 น. ปี 2562 ผู้เข้าร่วมชมงานเตรียมพบกับกิจกรรมท่องเที่ยวมากมาย ร่วมลิ้มชิมรสอาหารถิ่น ช้อปสินค้าของดีจากทั่วไทย สนุกเพลิดเพลินไปกับซุ้มกิจกรรมมากมาย สำหรับไฮไลต์ปีนี้จะเป็นปีแรกที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยว สามารถซื้อแพกเกจท่องเที่ยวได้ อีกทั้ง ททท. 5 ภูมิภาค ได้จัดเตรียมคัดสรรการท่องเที่ยว ในชุมชนเด่น ๆ จาก 55 เมืองรอง มากถึง 90 เส้นทาง มานำเสนอให้ได้เลือกกันอย่างจุใจ จะได้ซื้อเก็บไว้ท่องเที่ยวหลายโปรแกรมได้ตลอดทั้งปี 2562
ตลอดเทศกาลท่องเที่ยวเมืองไทย ประจำปี 2562 ในบริเวณสวนลุมพินี จะได้ชมความอลังการของ สถาปัตยกรรมการจัดแสดงหมู่บ้าน 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และกรุงเทพมหานคร จะนำวัฒนธรรม การแสดง สินค้า แฟชั่น อาหารถิ่น ของใช้ ผ้าไทย มาให้ได้ชิม ช้อป ชมความงดงามอลังการ ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ในปีที่ผ่านมา ๆ รวมทั้งยังได้จัดเวทีกลางให้เหล่าศิลปินชั้นนำขึ้นเวทีสร้างความบันเทิง เรื่อยไปจนถึงการจัดคาร์นิวัลแนะนำแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของแต่ละภาค สร้างความคึกคักตลอด
งาน
ข่าวที่ 3 “บางจากผนึกบัตรกรุงศรีอัดแคมเปญยิ่งเติมยิ่งได้ถึง28ก.พ.62”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้จับมือกับบัตรเครดิตกรุงศรี จัดแคมเปญ“ยิ่งเติม ยิ่งได้ รับคุ้มกว่าเดิม กับบัตรเครดิตกรุงศรี ระหว่างวันนี้- 28 กุมภาพันธ์ 2562 เมื่อใช้บัตรเครดิตกรุงศรีเติมน้ำมันในสถานีบริการบางจาก รับไปเลยเงินคืนรวมสูงสุด 15% + เติมมากรับเพิ่มอีก 1% พิเศษ 1 รับเครดิตเงินคืนทันทีสูงสุด 3% - เมื่อเติมน้ำมันบางจากครบทุก 800 บาท/ใบเสร็จ สำหรับ บัตรเครดิต กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ซิกเนเจอร์ รับเงินคืน 3% / บัตรเครดิต กรุงศรี ซิกเนเจอร์, บัตเครดิต กรุงศรี คอร์ปอเรท การ์ด,บัตรเครดิต ทีซีซี พริวิเลจการ์ด รับเงินคืน 2% / บัตรเครดิต กรุงศรี ประเภทอื่น ๆ รับเงินคืน 1% พิเศษ 2 แลกรับเครดิตเงินคืนเพิ่ม 12% - เพียงมียอดใช้จ่ายครบ 800 บาทขึ้นไป/เซลล์สลิป + แลก 800 คะแนน = เครดิตเงินคืน 96 บาท (ตรวจสอบโค้ดการแลกคะแนน ณ จุดขาย หรือรอรับโค้ดผ่านมือถือ) โดยจำกัดการรับเครดิตเงินคืนสัปดาห์ละ 1 ครั้งสูงสุด 384 บาท/บัญชีบัตรหลัก/เดือน พิเศษ 3 เติมมากรับเพิ่มทุกหน้าบัตร เครดิตเงินคืน 1%- เมื่อสะสมยอดเติมน้ำมันบางจากต่อเดือนครบตั้งแต่ 4,801-8000 บาท
ขั้นตอนการรับสิทธิพิเศษเงินคืน จะต้องลงทะเบียนรับเครดิตเงินคืนก่อนทำรายการ (ลงทะเบียนครั้งเดียวตลอดรายการ) พิมพ์ BC2 (วรรค) บัตรเครดิต 16 หลัก ส่งไปที่ 081 - 927 - 9999 รอรับข้อความยืนยันจากระบบ (ค่าบริการขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ) โดยเครดิตเงินคืนจะโอนภายใน 7 วันหลังจบสิ้นของแต่ละเดือน
ช่วงที่ 2 เตรียมวางแผนสนุกกับ 5 MORE FUN “ระยอง” เที่ยวมุมใหม่ที่มีให้เลือกมากกว่าทะเล และในช่วง 2-3วันนี้คนไทยฟังพายุปาบึกจนครียด ต้องหาวิธีดูแลสุขภาพ “ลดเครียดจากประกาศภัยพิบัติ” ส่วนข่าวรับปีใหม่ “รัฐสั่งลุยกวาดล้างมาเฟียท่องเที่ยว 9 กลุ่ม จับแล้ว 20,000 คดี ปีหมูทองขอเตือนผู้ที่ยังฝืนทำผิดโดนยาแรงแน่ ๆ “ครม.ยุบแล้วพิงคนคร” โอนให้ 2 กระทรวง คลังกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับช่วงไปดูแล โละพนักงานทิ้งเรียบ “ดร.สมคิด” รุกคมนาคมมอบสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จับเข่าคุย JICA ญี่ปุ่น ผุดระบบรางใน กทม.และปริมณฑล เต็มรูปแบบ
@เที่ยวระยองต้องห้ามพลาด 5More Fun
เข้าสู่ศักราชใหม่ปี 2562 เตรียมตัวให้พร้อมเข้าสู่ More Fun กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคภาคตะวันออก ที่ “ระยอง” เมืองท่องเที่ยวธรรมชาติพบกับความสนุกมากกว่าในมุมใหม่ที่มีมากกว่าทะเล กับ 5 More Fun
สนุกแห่งแรก ที่ “Rayong Smile Plants-ศูนย์การเรียนรู้พืชกินแมลงจังหวัดระยอง” เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร Young Smart Farmer ที่ควรไปสักครั้งในชีวิต ตั้งอยู่ในตำบลนาขวัญ อำเภอเมืองระยอง เป็นแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รวบรวมพันธุ์หม้อข้าวหม้อแกงลิงกว่า 500 สายพันธุ์ ปลูกเป็นสวนผสมพื้นที่ 30 ไร่ เพื่อขายให้นักสะสมและนักพัฒนาพันธุ์ พร้อมส่งออกต่างประเทศแถบสแกนดิเนเวีย สหรัฐอเมริกา เชื่อหรือไม่ว่าสามารถทำรายได้เดือนละ 200,000-250,000 บาท แล้วหม้อข้าวหม้อแกงลิงบางสายพันธุ์ทำราคาได้ถึงต้นละ 9,000 เหรียญสหรัฐ ความมหัศจรรย์มากกว่านั้นคือ การรังสรรค์มาทำเป็นอาหารถิ่นจานเด็ด รสจัดจ้านทุกเมนู ไม่ว่าจะเป็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงชุบแป้งทอด ส้มตำหม้อข้าวหม้อแกงลิง ดัดแปลงใส่เนื้อทุเรียนสด หรือ เนื้อมะพร้าวอ่อน ลงไป รสชาติถูกปากนักท่องเที่ยวทุกวัยจริง ๆ ระยอง สไมล์ แพลนท์ ของไทยได้รับการจัดชั้นให้เป็นศูนย์การเรียนรู้พืชกินแมลงที่มีพันธุ์หม้อข้าวหม้อแกงลิงสวยติด 1 ใน 4 ของโลก ไม่แพ้ในโลกอีก 3 แห่ง คือ Garden Bay สิงคโปร์ สวนพฤกษศาสตร์ CUTE ในอังกฤษ และ Monkey Club เมืองปีนัง มาเลเซีย
สนุกที่ 2 “พิพิธภัณฑ์บ้านครูกัง” เป็นแหล่งเรียนรู้แห่งใหม่ ของครูสองสามีภรรยาที่ได้รวบรวมของสะสมมายาวนานกว่า 40 ปี เนรมิตบ้านในพื้นที่เกือบ 2 ไร่ ให้กลายเป็นเมืองของเล่น มีของเก่าโบราณมาจัดแสดงไว้มากมาย อาทิ ของใช้สอยต่าง ๆ รถโบราณ ธนบัตร ตะเกียง รถเข็น เครื่องครัว เครื่องดนตรี มีชาวต่างชาติมาเที่ยวแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ประเทศ ส่วนคนไทยเข้าไปเที่ยวปีละกว่า 6 หมื่นคน
สนุกที่ 3 “สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำระยอง” หรือ Rayong Aquarium ศูนย์รวมพันธุ์ปลาสวยงามหายาก นักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวต้องห้ามพลาดพาลูกหลานมาเปิดโลกทัศน์ภาพจำลองโลกของธรรมชาติใต้ทะเล
สนุกที่ 4 “วัดป่าประดู่” เหล่าสาวกสายบุญทั้งหลาย ต้องแวะชมวัดเก่าแก่ของระยอง ภายในมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ตะแคงซ้าย แวะไปเพื่อขอพรพระศักดิ์สิทธิ์ เสริมสิริมงคลแก่ชีวิต
สนุกที่ 5 “บ้านเพ” ส่วนแฟนคลับที่ขาดทะเลไม่ได้ ก็นั่งรถเลียบหาด เพื่อกินลมชมวิวทะเล ลัดเลาะผ่านหาดสวนสนบนถนนอุโมงค์ต้นสนอันร่มรื่น เส้นทางเชื่อมต่อไปยังแหล่งช้อปปิ้งสินค้าทะเลได้ด้วย หรือถ้าจะเที่ยวเพื่อทำประโยชน์ต่อสังคม แนะนำให้ไปยัง “สะพานรักษ์แสม” สะพานแขวนทางเดินไม้ที่ทอดผ่านป่าชายเลนคลองท่าตาโบ๊ย บ้านเนินฆ้อ อำเภอแกลง ลุยทำกิจกรรม CSR ปล่อยพันธุ์ปู ทำบ้านปลา ธนาคารปู คืนธรรมชาติให้สัตว์น้ำได้พักอาศัยในระยะยาว
“ระยอง” เมือง More Fun ที่มีมากกว่าทะเล ลองมาแล้วจะรับรู้และสัมผัสได้ถึงมหัศจรรย์ที่ให้เลือกเติมความสุขได้ตลอดทุกวันทุก ๆ ปี
@ลดโรคเครียดจากประกาศเตือนภัยพิบัติ
ช่วงนี้มีประกาศเตือนพายุโซนร้อนปาบึก สภาวะเช่นนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ เกิดความวิตกกังวล ความกลัว ใจสั่น เหนื่อย และเคร่งเครียดตามลำดับ ดังนั้นในสภาวะที่มีภัยพิบัติเกิดขึ้น โรคหนึ่งที่จะมาเคียงคู่เสมอ ก็คือ โรคเครียด ที่มีสาเหตุจากการได้สัมผัส รับรู้ หรือได้รับผลกระทบถึงการสูญเสียอย่างรุนแรง อันเกี่ยวเนื่องจากอุบัติภัย หลายคนเริ่มต้นด้วยอาการนอนไม่หลับ เคร่งเครียด ปวดหัว ปวดขมับ ปวดเมื่อยเนื้อตัว เพลียๆ เบื่ออาหาร เหนื่อยง่าย ใจสั่น เบื่อง่าย เป็นกังวล ขี้ตกใจ ขวัญอ่อน ไม่อยากพบผู้คน ซึมเศร้า เป็นต้น
ดังนั้น ระหว่างที่เกิดเหตุการณ์ร้ายๆ เช่นนี้ขึ้น จึงควรหมั่นสังเกตตนเอง คนในครอบครัว เพื่อนบ้าน หรือเพื่อนที่ทำงาน ว่ามีอาการผิดปกติเหล่านี้หรือไม่ พร้อมทั้งพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบ ให้กำลังใจ ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อจะได้ช่วยกันประคับประคองจิตใจให้ผ่านพ้นสภาวะนี้ให้จงได้ ขณะเดียวกันก็ควรหากิจกรรมทำ อย่าอยู่นิ่งเฉย หรืออยู่ตัวคนเดียว เพื่อที่กิจกรรมต่างๆ จะช่วยเบนความสนใจ เป็นการปรับทุกข์ซึ่งกันและกัน และจะเป็นการดียิ่งขึ้นถ้ามีโอกาสได้ออกไปช่วยงานสาธารณประโยชน์ ทำงานจิตอาสา
นอกจากนี้ การออกกำลังกาย นันทนาการ หรือการสวดมนต์ นั่งทำสมาธิ รำมวยจีน ฝึกโยคะ ก็เป็นกิจกรรมดีๆ ที่จะช่วยเสริมความเข้มแข็งให้กับจิตใจ ให้สามารถต่อสู้กับภัยพิบัติได้เป็นอย่างดี สำหรับรายที่มีอาการปวดหัว ปวดขมับ ก็อาจเลือกใช้ยาพาราเซตามอล ขนาดเม็ดละ 500 มิลลิกรัม ครั้งละ 1-2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง เวลาที่มีอาการปวด แต่ไม่ควรใช้เกินวันละ 8 เม็ด และไม่ควรใช้ติดต่อกันเกินกว่า 1 สัปดาห์ เพราะจะเกิดผลข้างเคียงเป็นอันตรายได้ หากอาการยังไม่ดีขึ้น ก็แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “รัฐสั่งลุยล้างมาเฟียท่องเที่ยว9กลุ่มจับแล้ว2หมื่นคดี”
กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้รายงานถึงมาตรการด้านความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว ตามนโยบายของ ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงดำเนินการกวาดล้างผู้กระทำผิดต่อนักท่องเที่ยวและคนเดินทาง สร้างความไม่ปลอดภัยและขัดขวางการเติบโตของท่องเที่ยว จึงได้เร่งดำเนินการจับกุมทั้งหมด 9 กลุ่ม รวมกว่า กว่า 20,000 ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจท่องเที่ยวในช่วงระหว่าง มกราคม-ตุลาคม 2561 ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะเดินหน้าต่อในปี 2562 โดยเตือนไปยังผู้ที่ยังกระทำผิดต่อนักท่องเที่ยวและคนเดินทางทั้งหลายว่ารัฐมีนโยบายที่จะจับกุมดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป
ตำรวจท่องเที่ยวทั่วประเทศได้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีในช่วง 9 เดือน ปี 2561 ดังนี้
1.จับกุมทัวร์ด้อยคุณภาพ 6,333 คดี 2.จับกุมผู้หลอกลวงให้ซื้อสินค้าบริการด้อยคุณภาพและในวงเงินสูง 26 คดี
3.จับกุมแท็กซี่ ประกอบด้วย 3.1 เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว 12,679 คดี เช่น ปฏิเสธผู้โดยสาร 5,668 ราย มากกว่าปี 2560 จับได้เพียง 1,681 ราย 3.2 จับแท็กซี่ไม่เปิดมิเตอร์ ปี 2561 จับกุมเพิ่มเป็น 3,408 ราย จาก ปี2560 จับได้ 255 ราย 3.3 จับแท็กซี่ข้อหาเรียกค่าโดยสารเกินอัตรา ปี 2561 จับได้ 1,659 ราย มากกว่าปีที่ผ่านมา 120 ราย
4.จับสถานบริการที่ผิดกฏหมาย 35 คดี 5.จับยาเสพติดในแหล่งท่องเที่ยว 1,406 คดี 6.จับคดีอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบกับนักท่องเที่ยว 9,533 คดี 7.จับกุมผู้มีอิทธิพล มาเฟีย ผู้พกพาอาวุธในสถานที่ท่องเที่ยว 161 คดี
8.จับมัคคุเทศก์เถื่อน1,581 ราย สูงกว่าปี 2560 จับได้ 132 ราย 9.จับsitting ไกด์หรือการยินยอมให้ผู้อื่นทำหน้าที่มัคคุเทศก์แทน 390 ราย ปี 2560จับได้เพียง 9 ราย
ข่าวที่สอง “ครม.สั่งยุบพิงคนครโอนย้ายให้คลัง-ทรัพยากรธรรมชาติ”
คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ 2 มกราคม 2562 มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกายุบเลิกสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ และให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป โดยสาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา 1.ให้โอนศูนย์ประชุมฯ ซึ่งเป็นของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) (สพค.) และบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ งบประมาณ และรายได้ในส่วนของศูนย์ประชุมฯ ไปเป็นของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง (กค.) และให้เจ้าหน้าที่ของ สพค. ซึ่งปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวกับศูนย์ประชุมฯ ตามบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนครกำหนด พ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของ สพค. เพราะเลิกหรือยุบตำแหน่ง และได้รับค่าตอบแทนการเลิกจ้างและเงินช่วยเหลือเยียวยาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2561
2.ให้โอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซึ่งเป็นของ สพค. และบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ งบประมาณ และรายได้ของ สพค. ในส่วนของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ไปเป็นขององค์การสวนสัตว์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และให้เจ้าหน้าที่ของ สพค. ซึ่งปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวกับสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี พ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของ สพค. เพราะเลิกหรือยุบตำแหน่ง และได้รับค่าตอบแทนการเลิกจ้างและเงินช่วยเหลือเยียวยาตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และให้ สพค. มีอำนาจบริหารจัดการสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีและกิจการที่ต่อเนื่องจนกว่าการดำเนินการดังกล่าวจะแล้วเสร็จ 3.การคัดเลือกผู้ปฏิบัติงานของ สพค. เพื่อไปปฏิบัติงานเป็นบุคลากรของกรมธนารักษ์ กค. หรือ องค์การสวนสัตว์ ทส. ให้กรมธนารักษ์ กค. หรือ องค์การสวนสัตว์ ทส. ทำความตกลงกับ สพค. เกี่ยวกับเงินเดือนหรือค่าจ้างและประโยชน์ตอบแทนอื่นของบุคลลากรนั้น และอาจตกลงกันให้นับเวลาการทำงานต่อเนื่องจากการปฏิบัติงานใน สพค. ได้
ข่าวที่สาม “ไทยผุดระบบรางในกทม.-ปริมณฑลเต็มรูปแบบ”
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ต้อนรับศักราชใหม่ปี 2562 โดยเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงคมนาคม ประชุมร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ทำหน้าที่เลขานุการ พิจารณาเรื่องหลักคือ “ผลการศึกษาการจัดทำทิศทางและนโยบายการพัฒนาแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (พื้นที่ต่อเนื่อง) ระยะที่ 2 มอบให้ สนข. ไปประสานความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นผ่านองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency : JICA)ดำเนินการศึกษาแผนแม่บทดังกล่าว ให้เป็นตามวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดทิศทางและแนวทางการพัฒนาแผน M-MAP 2
รวมทั้งปรับปรุงแบบจำลองการเดินทางระดับกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (extended Bangkok Urban Model : eBUM) นำมาใช้วิเคราะห์และคาดการณ์ปริมาณความต้องการเดินทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เรื่อยไปจนถึงจัดทำแผนดำเนินงานระยะกลางและระยะยาว
โดยมีพื้นที่ศึกษาครอบคลุมพื้นที่นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสงคราม มีวิสัยทัศน์ “มุ่งสร้างสังคมการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน” ทั้งนี้ ทิศทางและนโยบายการพัฒนาแผน M-MAP 2 สนอง 5 นโยบายหลัก ได้แก่
1.เพื่อบรรเทาการจราจรติดขัดในพื้นที่ศูนย์กลางเมืองกรุงเทพมหานคร 2.เพื่อส่งเสริมและพัฒนาโครงข่ายรถไฟในภาพรวมในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลให้มีประสิทธิภาพ 3.เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงสถานี 4.เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ 5.เพื่อเพิ่มการเข้าถึงสนามบิน (Global gateways) ซึ่งแผนการดำเนินงาน M-MAP 2 แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย แผนระยะสั้นปี 2561 - 2565 แผนระยะกลาง ปี 2566 – 2570 และแผนระยะยาว ปี 2571 – 2580 ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 11.00-12.00 น. ทาง FM97.0
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน คอลัมนิสต์และดำเนินรายการ |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น