ททท.ชูเทศกาลเที่ยวเมืองไทยขาย90เส้นทางทัวร์55เมืองรอง-หวังเลือกตั้งสดใสไทยทัวร์ไทยใช้เงินพุ่ง 1.046ล้านล้าน-เดินสายกินเที่ยวในระยอง

ททท.เปิดแผน1แผน2ลุยปั๊มตลาดในประเทศเกิน1ล้านล้าน

 เทศกาลเที่ยวเมืองไทยขาย55เมืองรอง90ทัวร์-18คลัสเตอร์ 

อัยยวัฒน์นำคิงเพาเวอร์คว้าแชมป์ดิวตี้ฟรีโลกรับปีทอง’62 

คิงเพาเวอร์อัดแคมเปญช้อปลดแหลกรับตรุษจีน4-14ก.พ. 

ททท.ตะวันออกชวนสนุกกับ5More Fun23-27ม.ค. 

ก.ท่องเที่ยว-ททท.นำไทยเคลื่อนทัพทัวร์ในเวทีATF2019 

บางจาก-กสิกรทำBankgingAgentในอินทนิล/SPAR 

เที่ยวระยองตลุยเดินสายกินของอร่อยเมืองรองริมอ่าวไทย

5วิธีต้องปรับพฤติกรรมเร่งด่วนเพื่อสุขภาพดีในวันข้างหน้า

 บินไทยทำแผนใช้2แสนล้านซื้อ38ลำขาย20ลำได้4พันล. 

ดิโอกุระรับนิสิตชิงทุนแสนบาทเป็นเชฟบินฝึกเนเธอร์แลนด์ 

ดุสิตปักธงเปิดโรงแรมแรก”อาศัย ย่านขิ่น”ย่างกุง เมียนมา 

“เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ผู้ดำเนินรายการ ขอต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 9 มกราคม 2562 ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. เวลา 11.00-12.00 น. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์

ช่วงที่ 1 เปิดใจ “นพดล ภาคพรต” รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) งัดแผน 1 ยึดสวนลุมพินี 5 วัน 5 คืน จัดยิ่งใหญ่มหกรรม “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” ลุยขายครั้งแรก 90 เส้นทาง ท่องเที่ยว 55 เมืองรอง 5 ภูมิภาค 23-27 มกราคม 2562 เตรียมสำรองแผน 2 ขับเคลื่อนการขายคลัสเตอร์ท่องเที่ยว 18 กลุ่มจังหวัด หวังเพิ่มยอดรายได้คนไทยเที่ยวในประเทศทุบสถิติใหม่ทะลุเกิน 1.046 ล้านล้านบาท กระจายทั่วถึงมือชุมชน ลุ้นเลือกตั้งฉลุยดันท่องเที่ยวสดใส 

นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) 

นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า พร้อมขับเคลื่อนตลาดในประเทศโดยจัดมหกรรม “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562” ระหว่างวันที่ 23-27 มกราคม 2562 เป็นครั้งแรกที่ได้นำแนวคิดการนำแพกเกจท่องเที่ยวมาขายรวม 90 เส้นทางจาก 55 เมืองรอง 5 ภูมิภาค ทั้งภาคตะวันออก ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคกลาง โดยกระจายอย่างทั่วถึงนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวที่มีความแตกต่างด้วยอัตลักษณ์อันโดดเด่นของแต่ละเส้นทาง ซึ่งจะก่อให้เกิดการท่องเที่ยวแบบเชื่อมโยงจากเมืองหลักสู่เมืองรอง เมืองรองสู่เมืองรอง หรือเมืองรองเพียงอย่างเดียว

เช่น ภาคอีสาน นำเสนอศักยภาพเส้นทางอาหารซึ่งเป็นทั้งแหล่งผลิตและแปรรูป กลายเป็นเส้นทางการกิน ทำเป็นเส้นทางเดินสายกินปลาแม่น้ำโขง โดยพยายามใส่ในเรื่องเมนูอาหารถิ่นเพื่อตอบโจทก์ให้น่าสนใจมากขึ้น

ททท.ภาคตะวันออก ดินแดนแห่งแหล่งท่องเที่ยวสวนผลไม้และ More Fun
ที่จะนำมาให่สนุกสนานในเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562

หรือภาคตะวันออกก็มีผลไม้ ความสนุก ผ่านแคมเปญ MORE FUN สนุกสนุนเกินกว่าที่คิด เช่น สามารถนำมะพร้าวสดมาชงกาแฟ ที่จะต้องเดินทางไปชิมในพื้นที่เท่านั้น จึงจะได้อรรถรส

ภาคใต้จะเน้นทะเลผนวกเข้าเรื่องที่มีมากกว่าทะเล โดยเฉพาะพื้นถิ่นใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ รวมทั้งมีอาหารการกินรสชาติเฉพาะตัว อีกหลายพื้นที่มีเอกลักษณ์ผสมผสานของไทยพุทธ มุสลิม มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เป็นเสน่ห์น่าสนใจดึงดูด

ภาคกลาง เน้นความเป็นมรดกแห่งสยาม เป็นสายน้ำแห่งศรัทธา หล่อเลี้ยงวิถีชีวิตผู้คน มีร้านค้า ร้านอาหาร มากมาย

ภาคเหนือ เน้นวิถีแห่งผ้า การทอ แหล่งปลูกผลิตภัณฑ์ ขณะนี้กำลังเกิดปรากฎการณ์คุยกับทางดีไซเนอร์ให้นำผ้าท้องถิ่นไปออกแบบแล้วนำมาสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้

การเปิดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย สุดอลังการเมื่อปี 2561

นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์แล้ว ยังจะเป็นแรงกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเกิดการจับจ่ายใช้สอยเงินในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่จริงมากขึ้น โดยจะกระจายนักท่องเที่ยวไปยังทั้ง 55 เมืองรอง เพื่อเพิ่มรายได้เติบโตตามเป้าหมายจะต้องทำสัดส่วนให้ได้เกินกว่า 120,000 ล้านบาท คิดเป็นเกินกว่า 20 % ของรายได้การท่องเที่ยวในประเทศทั้งหมด

ซึ่งการวางกลยุทธ์การผลิตแพกเกจมาขายในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยนั้น ททท.มอง 2 ด้าน คือ ด้านแรก เป็นพื้นที่ที่คนไทยเองก็ยังไม่ค่อยรู้จักเท่าเที่ยวเท่าที่ควร ดังนั้นเมื่อได้ออกแบบตามกลยุทธ์การขับเคลื่อน กลุ่มเป้าหมายที่จะสร้างการเติบโตทั้งจำนวนและรายได้ของแต่ละภาคนั้น จะใกล้เคียงกัน หลังเทศกาลเที่ยวเมืองไทยก็จะนำเส้นทางท่องเที่ยวไปนำเสนอขายต่อเนื่องในเว็บไซต์ของ ททท.www.tourismthailand.org

เที่ยวเมืองในภาคตะวันออกปี 2561 มาแรง

เพราะขณะนี้การท่องเที่ยวเมืองรองมีอัตราการเติบโตโดดเด่นมาก บางจังหวัดเติบโตมากกว่า 30 % ททท.พยายามดึงจุดเด่นของแต่ละจังหวัดมาร้อยเรียงเส้นทาง โดยนำมาปะกบกับเส้นทางยอดนิยม ความพิเศษภายในงานการซื้อขายแพกเกจท่องเที่ยว 90 เส้นทาง ททท.ยังได้เพิ่มความน่าสนใจโดยให้สิทธิรับฟรีโดยร่วมมือกับทางบริษํท TQM ทำประกันภัยการเดินทางระหว่างท่องเที่ยวตามโปรแกรมที่นักท่องเที่ยวได้ซื้อไป เพียงแค่สแกนคิวอาร์โค้ด ใส่ข้อมูลรายละเอียดส่วนตัว ให้ครบก็รับสิทธิ์การคุ้มครองทันที 100,000 บาท ระยะเวลาอยู่ภายใน 3 เดือน เนื่องจากต้องการให้คนเดินทางเร็วที่สุด

เตรียมพบกับApplication ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ของ ททท.

ขณะนี้วางแผนจะจับมือกับทางบัตรเครดิต และสร้าง Application ให้นักท่องเที่ยวออกแบบการเดินทางได้ด้วยตัวเอง ตั้งแต่การเลือกวิธีการเดินทาง ที่พัก ช้อปปิ้ง ตามแคทีกอรี่ที่มีอยู่ เพื่อให้อิสระตอบโจทก์พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่ชอบความเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งจะมีความน่าสนใจอย่างมาก น่าจะเริ่มเปิดบริการอย่างจริงจังหลังเสร็จสิ้นงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย หรือหากเป็นกลุ่มผู้สูงวัยซึ่งต้องการให้มีคนออกแบบการเดินทางสำเร็จรูปให้เลย ทาง ททท.ก็จะผลิตโปรแกรมตอบสนองวัยเก๋าที่มีความต้องการซื้อโปรแกรมท่องเที่ยวในลักษณะดังกล่าวให้ด้วยเช่นกัน

Application ท่องเที่ยวใหม่ที่ ททท.ในประเทศจะเปิดให้บริการจะมุ่งเน้นตอบสนองความต้องการครอบคลุมทุกกลุ่ม ทุกวัย เดินทางด้วยความถี่สูง ๆ ตลอดทั้งปี เพื่อการกระจายรายได้และเพิ่มการใช้จ่ายเข้าถึงท้องถิ่นให้ได้มากที่สุด

นายนพดลกล่าวว่า ปี 2562 มีความท้าทายในการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ จะต้องทะลุเกินกว่า 1.046 ล้านล้านบาท หลังจากปี 2561 สามารถสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ทุบสถิติได้เกิน 1 ล้านล้านบาทไปเรียบร้อยแล้ว แต่สถานการณ์เศรษฐกิจและกำลังซื้อของตลาดในประเทศปีนี้อาจจะมีหลายปัจจัย ที่ภาวะแซกซ้อน ทำให้คนใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ซึ่ง ททท.ก็ได้แก้ไขสถานการณ์มาได้ด้วยดีตลอด รวมทั้งต้องขอเวลาคิดกลยุทธ์ที่ดี ๆ มาใช้

ซึ่งขณะนี้กำลังเตรียมการขายเป็นคลัสเตอร์ท่องเที่ยว 18 กลุ่มจังหวัด เป็นการพยายามสร้างแผน 2 ไว้ตลอด แต่ก็ยังมีความหวังให้แผนราบรื่นไปตลอด ส่วนเรื่องกระแสการเลือกจะมีผลทำให้คนใช้จ่ายเงินมากขึ้น เพราะภาวะที่วิตกกังวลกันอยู่ไม่น่าจะเกิด โดยรวมต้องมองโลกในด้านดีการเลือกตั้งของประเทศจะผ่านไปด้วยดี

สำหรับปี 2562 จะวางกลยุทธ์ร้อยต่อกับปี 2563 โดยพุ่งเป้าสร้างรูปแบบ ไอเดีย ที่เป็นทั้งแบบปกติและพิเศษต่าง ๆ โดยเฉพาะปีนี้จะเน้นการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล หรือ Tourism for All ควบคู่กับการดูแลอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การรักษาความสะอาด ไม่ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรทางการท่องเที่ยวที่จะต้องดูแลให้เกิดความยั่งยืนและท่องเที่ยวอย่างมีส่วนรับผิดชอบให้มากที่สุด ตลอดปี 2562

ฟังข่าวต้นชั่วโมง 

ข่าวที่ 1 อัยยวัฒน์นำคิงเพาเวอร์คว้าแชมป์ดิวตี้ฟรีโลก” 

ยอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
นำคิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี คว้าแชมป์ดิวตี้ฟรีโลกประจำปี 2561

นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2562 คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ภายใต้การบริหารของ บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ธุรกิจของคนไทย ได้รับการประกาศให้ขึ้นแท่นครองตำแหน่งดิวตี้ฟรีอันดับ 1 ของโลก ในงาน World Travel Awards Grand Final ณ เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส โดยได้รับรางวัลชนะเลิศ World Travel Awards 2018 ด้าน Leading Airport Duty Free Operator สาขา ‘World's Leading Airport Duty Free Operator 2018หรือ ผู้ประกอบการดิวตี้ฟรีสนามบินยอดเยี่ยมประจำปี 2561เป็นรางวัลตอกย้ำถึงศักยภาพความสามารถของบริษัทคนไทยผู้ไม่แพ้ใครในโลก

เนื่องจากเป็นรางวัลอันทรงเกียรติสูงสุดของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการโรงแรมโลก 25th World Travel Awards สำหรับคว้ารางวัลชนะเลิศครั้งนี้ คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ได้ชนะโดยผ่านเกณฑ์การคัดเลือกทั้งหมดในรอบสุดท้าย 10 ราย ที่ได้รับการคัดมาจากจำนวนผู้ประกอบการหลายร้อยแห่งที่ร่วมชิงรางวัล โดยมีผู้บริหาร และหน่วยงานชั้นนำจากวงการท่องเที่ยวทั่วโลกเข้าร่วมงาน ทำให้เห็นถึงคุณภาพ ศักยภาพ ความสามารถของบริษัทคนไทยที่มีความโดดเด่น

อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยให้กับชาวไทยและต่างชาติครบทุกมิติ สร้างความภาคภูมิใจที่จะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนกิจการคนไทยเติบโตอย่างโดดเด่นก้าวไกลในเวทีโลกอย่างยั่งยืน

นายอัยยวัฒน์กล่าวว่าเมื่อเดือนธันวาคม 2561 คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ ฟรี ก็คว้ารางวัลชนะเลิศระดับภูมิภาค สาขา Asia's Leading Airport Duty Free Operator 2018 หรือ ผู้ปะกอบการดิวตี้ฟรีสนามบินยอดเยี่ยมแห่งภูมิภาคเอเชียประจำปีพ.ศ. 2561 มาแล้ว จาก World Travel Awards จัดขึ้นที่ฮ่องกง

จากนั้นในช่วงเดือนมกราคม 2562 ได้รับการนำเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลระดับโลก โดยได้รับคะแนนโหวตสูงสุดชนะผู้เข้าแข่งขันยักษ์ใหญ่ อีก 9 ราย ไม่ว่าจะเป็น China Duty Free Group สาธารณรัฐประชาชนจีน DFS สหราชอาณาจักร Dubai Duty Free สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ Dufry สวิตเซอร์แลนด์ Duty Free Americas สหรัฐอเมริกาHeinemann Duty Free เยอรมนี Lagardere Travel Retail ฝรั่งเศส Lotte Duty Free และ The Shilla Duty Free เกาหลีใต้

ทั้งนี้ ผู้จัดเวทีการประกวดคือ World Travel Awards™ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ2536 สร้างรางวัลอันทรงเกียรติสูงสุดของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการโรงแรมที่ได้รับการยอมรับระดับโลกที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เมื่อปี 2561จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 25 เพื่อมอบให้กับผู้ประกอบการ และองค์กรที่มีความเป็นเลิศ และประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจด้านการท่องเที่ยว และการโรงแรม เป็นที่ยอมรับในระดับภูมิภาค และระดับสากล มีการบริหารงาน การบริการลูกค้า และผลงานที่โดดเด่นเหนือมาตรฐาน

แบ่งรางวัลเป็น 3 ประเภทหลักได้แก่ ระดับโลก ระดับภูมิภาค และระดับประเทศ สำหรับรางวัลอันทรงเกียรติสูงสุด คือ รางวัลระดับโลก หรือ World Awards ใช้วิธีคัดเลือกจากผู้ที่ชนะรางวัลสาขาต่าง ๆ ในระดับภูมิภาคเท่านั้น โดยมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ตลอดจนผู้บริโภคจากหลากหลายประเทศร่วมพิจารณา และลงคะแนนในแต่ละปี

โดย คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ธุรกิจของคนไทย สามารถคว้าอันดับ 1 ของโลกมาครองได้ จึงนับเป็นรางวัลทรงคุณค่าแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและชื่อเสียงของประเทศต้อนรับเรื่องดี ๆ กันตั้งแต่ต้นปี 2562

ข่าวที่ 2 “คิง เพาเวอร์อัดส่วนลดรับตรุษจีน4-17ก.พ.นี้” 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนให้แวะมาร่วมรับความสุบต้อนรับตรุษจีนปีหมูทอง กับแคมเปญ KING POWER CHINESE NEW YEAR 2019 สำราญความสุข สมบูรณ์เงินทอง ระหว่างวันที่: 4 กุมภาพันธ์ – 17 กุมภาพันธ์ (14 วัน) เวลา: เที่ยงวัน – 21.00 น. ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ โดยได้รวบรวมสุดยอด ร้านอาหาร Street food และเครื่องดื่มชื่อดัง กว่า 50 ร้านในราคาย่อมเยาว์ จากทั่วประเทศ

พร้อมกิจกรรม การแสดงมากมายทุกวัน และการแสดงชุดพิเศษ จาก “ใหม่ ดาวิกา” แจกอั่งเปาโปรโมชั่นส่วนลดให้กับลูกค้าภายในงาน ร่วมถ่ายภาพสไตล์ย้อนยุค พร้อมสวมชุดในแบบจีน

ฟรี!! เมื่อมียอดใช้จ่าย 3,000 บาท ขอพรจาก 5 สิ่งมงคล ของเมืองจีน ที่ต้องสักการะ ต้อนรับปี 2019 รวมไว้ที่งาน Chinese New Year ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ

ข่าวที่ 3 “ททท.ตะวันออกชู5MORE FUN23-27ม.ค.62” 

วิบูลย์ นิมิตรวานิชอำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) 

“วิบูลย์ นิมิตรวานิช” ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมจัดเต็มการท่องเที่ยวภาคตะวันออกในมหกรรมงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ประจำปี 2562” ตลอด 5 วัน ระหว่างวันที่ 23-27 มกราคม 2562 เตรียมยกการท่องเที่ยว MORE FUN-สนุกกว่าที่คิด ของภาคตะวันออก มาไว้ใจกลางกรุง ณ บริเวณสวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร ทุกพื้นที่ระดมนำเสนอความสนุกสุดเหวี่ยงต้อนรับศักราชใหม่ปีหมูทอง ชวนนักท่องเที่ยว ชม ชิม ช็อป แชะ ชีล ครบทุกสไตล์ จะได้มาร่วมสร้างสรรค์ประสบการณ์แปลกใหม่ร่วมกันได้ทั้ง 9 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ

 โดย ททท.ภาคตะวันออก เตรียมจำลองบรรยากาศยกวิถีชุมชน เมืองหลัก เมืองรอง ดาหน้ากันเข้ามานำเสนอจุดขายการท่องเที่ยวเด่น ๆ เปิดให้ผู้เข้าชมงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ปี 2562 สนุกอย่างเต็มที่ที่ต้องห้ามพลาด ในประสบการณ์ความสุขทุกท้องถิ่นไปกับไฮไลต์การลงมือทำได้ทันที 5 กิจกรรม คือ

 1.“กิจกรรมสาธิต” เช่น ชุมชนตะเคียนเตี้ย จ.ชลบุรี จะมาโชว์การทำอาหารถิ่นขึ้นชื่อเมนู “ไก่กะลา” หรือชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว จ.ตราด จะโชว์เมนูการทำข้าวเกรียบยาหน้า หนึ่งเดียวในเมืองไทย ยังมีอีก

2.“กิจกรรมถ่ายภาพ” ของกลุ่ม Street Art จันทบูร จังหวัดจันทบุรี

3. “กิจกรรมซีเอสอาร์” ของแต่ละชุมชน เริ่มจาก ชาว “จังหวัดระยอง” จะโชว์การทำซั้งเชือกเป็นกิจกรรมสร้างบ้านให้ปลา กิจกรรมยอดฮิตคืนประโยชน์สู่ท้องถิ่น ซึ่งปัจจุบันแหล่งท่องเที่ยวในแถบชายฝั่งทะเลตะวันออก ระยอง พัทยา ชลบุรี จะนิยมรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวเข้ามามีส่วนร่วมทำเพื่อให้ปลาได้วางไข่ขยายพันธุ์ให้ได้รับประทานจำนวนมาก กิจกรรมนี้จะต้องใช้ความอดทนคลี่เชือกก่อนจะทำเป็นซั้ง

ส่วนชุมชนทางฝั่ง “อ่าวคุ้งกะเบน” จ.จันทบุรี ก็เตรียมนำเสนอกิจกรรมการทำอีเปะหย่อนลงไปในทะเลเป็นการสร้างบ้านให้หอยได้ขยายพันธุ์ด้วยเช่นกัน 4.“กิจกรรมช้อป-ชิม-แชร์” ตื่นตาตื่นใจกับโซนการท่องเที่ยว

ททท.ภูมิภาค ภาคตะวันออก จัดซุ้มโอท็อป 9 จังหวัด ซุ้มอาหารเด่นต่าง ๆ เมนูจานเด็ด นำชื่อเสียงเมืองผลไม้ขึ้นชื่อและอาหารโคตรอร่อยของแต่ละจังหวัดมาปรุงให้ชิมตลอดงาน ทั้ง มะม่วง สับปะรด สละ มะพร้าว เมล่อน และอาหารคาว และอาหารถิ่น กุ้งแม่น้ำเผา หอยนางรมของฟาร์มลุงทมป้าหลุย ข้าวคลุกพริกเกลือ ก๋วยเตี๋ยวกั้ง หอยจ๊อ ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ กุ้งเหยียด รวมทั้งอาหารทะเล และเครื่องจักรสาน แล้วยังมีโซนให้จิวเวอรี่ของจันทบุรี แหล่งหุงพลอยทำให้สีของพลอยมีความสวยงามแตกต่างกัน สามารถเจียระไนแล้วติดบนตัวเรือนเครื่องประดับได้

5.กิจกรรม “แวะช็อปแพกเกจท่องเที่ยว” ของ ททท.ภาคตะวันออก ในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562 ได้ตั้งแต่เปิดงานวันแรก 23 มกราคม 2562 โปรแกรมเรียกน้ำย่อย นำร่องก่อน 2 จังหวัด

โปรแกรมแรก เส้นทาง “ตราด More Fun & Fin” ชวนกันไปท่องเที่ยวพื้นราบ ด้วยการชม “พิพิธภัณฑ์เมืองตราด” ในเรือนไม้โบราณเก่าแก่ที่ได้รวบรวมเรื่องราวจากอดีตจนถึงปัจจุบันไว้ครบทุกอย่าง ก่อนข้ามไปเที่ยว “เกาะกูด” สนุกสนานกับการดำน้ำ หรือจะไปชม “บ้านน้ำเชี่ยว” ชุมชน 2 ศาสนา พุทธ มุสลิม ใน 3 วัฒนธรรม ไทย จีน อิสลาม จากนั้นก็ไปชิมข้าวเกียบยาหน้า แห่งเดียวในเมืองไทย

 โปรแกรมที่ 2 “จันทบุรี” นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยว “กิน เที่ยว ช็อป เช็ด” คำว่า เช็ด หมายถึงต้องกินให้หมด เป็นพื้นที่ใหม่ เที่ยวชุมชนเกษตรออร์แกนิกนั่งซาเล้งชมสวนต่าง ๆ ตามฤดูกาล เช่นหน้าทุเรียน เงาะ มังคุด และการเลี้ยงชันรงค์เป็นผึ้งพันธุ์ตัวเล็กเลี้ยงในแบบเฉพาะเป็นตัวผสมเกสรตามสวนผลไม้ สามารถชมชิมความหอมหวานน้ำผึ้งชันรงค์ และร่วมสร้างประสบการณ์พิเศษกับ Chef Table ของชาวบ้านจะทำอาหารมื้อกลางวันเสิร์ฟนักท่องเที่ยวกลางสวนผลไม้

และแนะนำให้แวะชมตลาดต่าง ๆ อาทิ ตลาดทุบหม้อ มีเมนูขาดไม่ได้คือ “ก๋วยเตี๋ยวน้ำกุ้งผัด” ของยายลั้ง ตัวจริงเสียงจริงจะปรากฎตัวปรุงเมนูอาหารถิ่นให้นักท่องเที่ยวได้ชิมในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย

รวมทั้งการทำกิจกรรม D.I.Y.ร่อนหาพลอย เมืองจันทบุรี หรือจะแวะไปดูกรรมวิธีของ “ลุงทมป้าหลุย” ใช้ภูมิปัญญาเปิดฟาร์มเลี้ยงหอยนางรมอย่างไรให้กลายเป็น “หอยนางรมยักษ์” นักท่องเที่ยวจะต้องทึ่งกับวิถีชาวประมงของปราชญ์อย่างลุงทมซึ่งสามารถดำลงใต้ทะเลลึกงมหอยนางรมสด ๆ มาให้ชิมถึงในกรุง สนนราคาขายเพียงตัวละ 150 บาท แตกต่างจากกรุงเทพขายราคา 300 บาทขึ้นไป

นอกจากนี้ยังมีการแสดงความสนุกสนาน นำเสนอในรูปแบบ “สวนสนุก” และอีกไฮไลต์คืออยากให้มาสัมผัสกับ “More Fun Cafe” มิใช่ร้านกาแฟแต่เป็นร้านขายน้ำผลไม้ปั่น มะพร้าว สละ สับปะรด มะปรี๊ดหรือน้ำส้มจี๊ดรสชาติเปรี้ยวโดนใจ ผสมกับกาแฟ ทำเค้กมะปรี๊ด ซึ่งเป็นอีกเสน่ห์ แต่ละร้านจะมีสูตรผสมแตกต่างกันไป เมื่อดื่มแล้วจะตื่นตัว สดชื่นทันที

 เกาะติด “ททท.ภุมิภาคภาคตะวันออก” ภาค 2 ใน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ประจำปี 2562”

 ข่าวที่ 4 “ก.ท่องเที่ยว-ททท.นำไทยผงาดในATF2019” 

ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา
นำทีม ททท.และเอกชนไปร่วมASEAN TOURISM FORUM2019 ฮาลอง เวียดนาม 16-18 ม.ค.62

ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ได้เข้าร่วมในการหารือกับรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน 9 ประเทศ ในการเปิดงาน Asean tourism forum 2019 : ATF ครั้งที่ 38 ระหว่าง 16-18 มกราคม 2562 ที่เมืองฮาลอง เวียดนาม ซึ่งเป็นงานใหญ่แห่งปีของสมาชิกอาเซียนที่จัดให้มีการประชุมนโยบายความร่วมมือระดับรัฐมนตรีอาเซียน การประชุมเชิงวิชาการขององค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยว และการจัดมหกรรมซื้อขายท่องเที่ยว Travel Exchange (Travex) ระหว่างภาคเอกชนจากตัวแทนการขายของประเทศสมาชิกอาเซียน กับ คู่ค้าที่เดินทางมาจากทั่วโลกในปี 2562 มีจำนวน 52 ประเทศ 362 ราย

นโยบายระดับรัฐมนตรีอาเซียนนั้น ไทยได้เสนอสมาชิกปลุกกระแสเดินท่องเที่ยวอย่างมีส่วนรับผิดชอบ และการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล Tourism for All รวมทั้งพบบริษัทตัวแทนท่องเที่ยวฮานอย ฮาลอง รายใหญ่ ทำโครงการส่งเสริมแลกเปลี่ยนการขายมายังไทย ที่เชียงใหม่ เชียงราย ในช่วงเทศกาลดอกไม้เดือนกุมภาพันธ์นี้ และการเปิดเส้นทางใหม่ ฮานอย-เวียงจันทน์-อุดรธานี-หนองคาย

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ปี 2562 ไทยได้รับเลือกให้เป็นประเทศเจ้าภาพอาเซียนโดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานอาเซียน ในภาคของการท่องเที่ยวจะต้องทำเรื่องที่มีความสำคัญนำความโดดเด่นเรื่อง

 1.การท่องเที่ยวแบบเกื้อหนุนกัน (collaborative) ไทยจะมองภาพอาเซียนเป็นภูมิภาคเดียวกัน ทำ Single VISA กระตุ้นการเดินทางแลกเปลี่ยนภูมิภาค ตามนโยบายนายกรัฐมนตรีให้ทำ Two Country One Destination และ Single Region ควบคู่กันไป ทำให้เกิด Tourism for All

2.เป็นผู้นำอาเซียนในบทบาทประเทศไทยทำให้ทุกประเทศส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ ทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อการเพิ่มขีดความสามารถในระยะยาว ททท.โดยรัฐบาลไทยจะเสนอให้อาเซียนขานรับนโยบายการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบดังนั้น นำร่องโดยขอให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วภูมิภาคอาเซียนลดการใช้พลาสติกลง ซึ่ง ททท.ริเริ่มทำมาแล้วปี 2561

ททท.จะเสนอใน 2 เรื่องดังกล่าวในเวทีการเป็นประเทศประธานอาเซียนปี 2562 ผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์ กล่าวว่าในเวที ASEAN TOURISM FORUM 2019 เมื่อ 14-18 มกราคม 2562 ได้นำภาครัฐและเอกชนโปรโมตการท่องเที่ยวใน 2 ส่วน คือ

1.การท่องเที่ยวแบบเกื้อหนุน และ 2.การท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ รวมทั้งเพิ่มโครงการชูเรือธงการท่องเที่ยวเชื่อมโยงสามารถทำร่วมกันแล้วขายได้ เช่น การท่องเที่ยวเชิงอาหาร : gastronomy Tourism จะบูมและแสวงหาความร่วมมือดังกล่าว

ตลาดอาเซียนมีความสำคัญต่อประเทศไทยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวปีละกว่า 10 ล้านคน ททท.เล็งเห็นถึงการเติบโต เพราะการเดินทางง่ายสะดวกสบายทั้งทางอากาศ ทางบก อีกทั้งเป็น 1 ในยุทธศาสตร์สำคัญต่อการกระจายนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เดินทางเข้ามาไปยังประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกัน เพื่อสร้างความสมดุลมากขึ้น ตอนนี้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มแต่รายได้ยังเพิ่มน้อย

ดังนั้น ททท.จะต้องเน้นกลยุทธ์ 1.เพิ่มรายได้จากตลาดนักท่องเที่ยวอาเซียนเฉลี่ยต่อคนต่อทริปให้สูงขึ้น เน้นท่องเที่ยวชุมชน เมืองรอง และโปรดักซ์ที่มีศักยภาพต่อการกระตุ้นให้ใช้จ่ายเงิน เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงการศึกษา มาโปรโมตให้มากขึ้น 2.ทำให้นักท่องเที่ยวอาเซียนมองไทยเป็นประเทศท่องเที่ยวเกรดพรีเมี่ยม สามารถเดินทางเข้ามาได้บ่อยที่สุดไม่เฉพาะช่วงวันหยุด Weekend เพียงอย่างเดียว แต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวโดนใจระดับไฮเอนด์ จึงต้องพยายามกระตุ้น 2 เรื่องนี้มากที่สุด

ข่าวที่ 5 “บางจากจับมือกสิกรทำBankgingAgentในอินทนิล/SPAR” 

นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ร่วมกับนายวิบูลย์ วงสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด และนายทิพากร สายพัฒนา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดตัว "เคแบงก์ เซอร์วิส" ในร้านกาแฟอินทนิล และร้านสะดวกซื้อสพาร์ (SPAR) ในฐานะเป็นตัวแทนธนาคาร (Banking Agent)

โดยจะให้บริการรับฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารวงเงินสูงสุด 20,000 บาทต่อรายการ และไม่เกิน 40,000 บาทต่อวันต่อหมายเลขบัตรประชาชน โดยคิดค่าธรรมเนียม 20 บาทต่อรายการ ซึ่งพร้อมให้บริการเบื้องต้น 17 สาขา

พร้อมทั้งจัดโปรโมชั่น วันนี้– 28 กุมภาพันธ์ 2562 ให้บริการด้วยค่าธรรมเนียมพิเศษเพียงรายการละ 10 บาทรวมทั้งมีแผนทยอยเปิดบริการขยายสาขาเพิ่มเป็น 170 สาขา ภายในไตรมาสที่ 2 ปีนี้จะเปิดให้บริการถอนเงินสด เปิดบัญชีเงินฝากในอนาคตต่อไป

ช่วงที่ 2 สัมผัสเมืองอาหารอร่อยฝั่งทะเลอ่าวไทย “ระยอง” เพื่อไปตลุยกินเที่ยวอย่างจุใจ ไปเรียนรู้วิถี “ผักกะชับ” ของชาวบ้านใน “ชุมชนบ้านทะเลน้อย” อำเภอแกลง แล้วตามไปชิม 10 เมนูต้องห้ามพลาด จากนั้นก็หันมาดูเรื่องสุขภาพด้วย “5วิธีเปลี่ยนพฤติกรรมด่วนเพื่อชีวิตที่ดี” และฟังข่าวท้ายชั่วโมง “การบินไทยลุยปรับฝูงบิน” หวังใช้เงิน2แสนล้านบาท ซื้อใหม่ 38 ลำ และเทขาย 20 ลำ มีรายได้เข้า 4,000 ล้านบาท “โรงแรมดิโอกุระ” เปิดให้นิสิตชิงทุน 1 แสนบาท ไปฝึกงานเป็นเชฟถึงเนเธอร์แลนด์ “ดุสิตอินเตอร์” ปักธงแรกในย่างกุ้งเปิดโรงแรมใหม่ “อาศัย ย่านขิ่น” ปี’63 

@ออกเที่ยวตลุยชิมของอร่อยทั่วเมืองรองระยอง(ฮิ)

ตะลอนเที่ยวเมืองรอง “ระยอง” อีกสักแห่งเพื่อไปดูดาวรุ่งมาแรงฝั่งอ่าวไทย ซึ่งมีเกาะน้อยใหญ่ขึ้นชื่อทั้ง เกาะช้าง เกาะเสม็ด เกาะเกร็ด และรากวัฒนธรรมอาหารการกินภูมิปัญญาพื้นบ้าน วัฒนธรรมท้องถิ่นเข้มแข็ง และรัฐบาลกำลังขยายการรองรับแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) “ระยอง” วันนี้มีแฟนพันธุ์แท้ต่างมุ่งหน้าเข้าไปค้นหา “แหล่งกินอาหารอร่อย” กันอย่างคับคั่ง

แกะรอยเส้นทาง “ผักกระชับ” เมนูเด็ดดังที่มีจุดกำเนิดอยู่ที่ “ชุมชนบ้านทะเลน้อย” ตำบลทางเกวียน อำเภอแกลง เป็นชุมชนเล็ก ๆ มีวิถีชีวิตพอเพียงเลี้ยงชีพอยู่ด้วยการพึ่งตาตนเองใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9

 ทุกวันนี้ระยองเป็นเมืองที่มี “อาหารถิ่น” ขึ้นชื่อ โดยเฉพาะเมนูมาแรง “ผักกระชับ” หนึ่งในวิถีพื้นบ้านของ “ชุมชนบ้านทะเลน้อย” ที่ชาวบ้านนำมาปรุงเป็น แกงส้ม ทอดกรอบ อร่อยเทียบชั้นเทมปุระ ชาวบ้านได้รังสรรค์การทำเมนูอื่น ๆ เพิ่มอยู่ตลอดเวลา สำหรับผักกระชับที่ปลูกในชุมชนบ้านทะเลน้อย ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมง โดยรอบพื้นที่มีต้นไม้ถิ่นออกลูกผลเพียงปีละครั้งเท่านั้น มีลักษณะขนแข็งแหลมคม เมื่อนำเมล็ดมาแช่น้ำใบไว้จะแตกยอดใบออกมาตามภูมิปัญญาดั้งเดิมหมอชาวบ้านบอกว่าสามารถนำมารักษาผู้ป่วยโรคกระดูกได้

จากนั้นก็ได้ขยายพันธุ์การปลูกสืบต่อกันมา แล้วนำมาทำเป็นอาหารด้วย เช่น แกงส้ม ผัดน้ำมัน ลวกต้มกินกับน้ำพริก กินอาหารเป็นยาไปในตัว

ชุมชนบ้านทะเลน้อย แหล่งปลูกผักกะชับ จ.ระยอง

เมื่อไปถึง “ชุมชนบ้านทะเลน้อย” จะมีสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนแบบสงบ ๆ ตามวิถีชาวบ้าน คือ “วัดราชบัลลังก์” มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เคยเสด็จผ่านมาในพื้นที่ก่อนจะเดินทัพรวมไพร่พลไปกอบกู้เมือง อีกทั้งได้สร้างพระพุทธรูปสำคัญไว้ในโบสถ์เก่าแก่ที่วัดราชบัลลังก์ด้วย ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวนิยมไปสักการะขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล

 บริเวณใกล้เคียงชุมชนสามารถแวะไปชมวิว “ป่าชายเลนแม่น้ำประแส” เพื่อชมวิถีการทำประมงพื้นบ้าน ช่วยกันอุดหนุนของทะเลสด ๆ ได้ด้วย สำหรับเส้นทางสายกินทั่วเมืองรองมี 10 เมนูอาหารอร่อยในระยอง ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ชวนไปชิมก็มีให้เลือกถึง 10 เมนูยอดนิยม ดังนี้

 เมนูแรก “ผัดผักกระชับไฟแดงปลากุเลาปากน้ำประแส” ความอร่อยอยู่ตรงผักกระชับที่ได้อารมณ์ร่วมเมื่อเติมปลากุเลาปากน้ำประแสเข้าไปฟีเจอริ่งเข้าด้วยกัน

 เมนูที่ 2 “แกงคั่วปูใบชะมวง” แกงกะทิหอมกลิ่นพริกแกงคั่วคลุกเคล้าใบชะมวง

เมนูที่ 3 “หลนกะปิกุ้งเคย” รสกลมกล่อมเข้มข้นด้วย ความหอมมันของกะทิ เต้าเจี้ยว ข้าวหมาก กุ้งลายเสือ

เมนูที่ 4 “ผัดขี้เมาไก่บ้านใส่หน่อกระทือ” รสเผ็ดซี้ดซ้าด นำไก่บ้านมาผักกับแขนงสับปะรดและหน่อกระทือทอดกรอบ เป็นวัตถุดิบหายากมีแห่งเดียวในระยองเท่านั้น

เมนูที่ 5 “ต้มกะทิปลาแดดเดียวใส่ผักกูด” นำปลา 3 น้ำ ทั้ง น้ำเค็ม น้ำจืด น้ำกร่อย ผสมอย่างลงตัวเป็นปลาแดดเดียวแล้วต้มกับกระทิหวานมันใส่ผักกูดเนื้อกรุบ ๆ ลงไป

เมนูที่ 6 “ต้มส้มปลากะพง (ระกำ)” ใช้เนื้อปลากะพงสดนำระกำผลไม้ถิ่นรสเปรี้ยวใส่ลงน้ำซุปคล้ายต้มส้ม อร่อยเกินบรรยาย

เมนูที่ 7 “ปลาหมึกแดดเดียวผักพริกเกลือ” นำปลาหมึกล้วน ๆมาผักกับพริกสีจัดจ้าน รสชาติร้อนแรง เมื่อตักเข้าปากรสชาติจี๊ดซี้ดกันเป็นแถว

เมนูที่ 8 “เส้นแกลงผัดทะเล” นำเส้นเหนียวหนึบมาผัดกับวัตถุดิบทะเลทั้ง กุ้ง หอย หมึก ปู ปลา แบบไม่ให้เส้นขาด เพียงแค่ชิมคำเดียวก็ฟินเหมือนได้อยู่ในทะเลระยองเลยทีเดียว

เมนูที่ 9 “ทะเลผัดพริกขี้หนูสวน” ได้รวมวัตถุดิบทั้งทะเลมารวมไว้ในจานเดียว มีทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา หมึก ปรุงรสสไตล์แซบสุดโรยด้วยกระเทียมเจียว อร่อยพอดี ๆ

เมนูที่ 10 “พุดดิ้งทุเรียน ซอสมังคุด” เป็นของหวานทำจากทุเรียนสดเนื้อเนียนเด้งดึ๋ง เสิร์ฟคู่กับซอสมังคุด อร่อยจนต้องชวนกันไปลองชิมให้ได้ ห้ามพลาดแหล่งแวะชิมอาหารถิ่นเมนูอร่อย ๆ ดินแดนผักกระชับแห่งเดียวในเมืองไทย

@5 พฤติกรรมต้องเปลี่ยนด่วนเพื่อชีวิตที่ดีกว่า 

การจะมีสุขภาพดีอยู่แค่การกินและการออกกำลังกายเท่านั้น การใช้ชีวิตประจำวันอาจจะส่งผลต่อสุขภาพได้เช่นกัน มาดูกันว่าพฤติกรรมต่อไปนี้ มีพฤติกรรมใดบ้างที่ต้องเร่งแก้ไขด่วนเพื่อชีวิตที่ดี

1.การเดิน - บุคลิกการเดินของแต่ละคนแตกต่างกันไป  ส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมที่เคยชิน บวกกับ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและความมั่นคงของ ข้อต่อ การเดินที่ผิดปกติจะส่งผลต่อข้อสะโพก กระดูกเชิงกราน หลัง การเดินผิดท่าต่อเนื่องยาวนาน สะโพกจะบิดหมุน ทำให้ขาผิดรูป ข้อเสื่อม เสี่ยงต่อการเคลื่อนของข้อสะโพก กระทบโดยตรงต่อกระดูก สันหลัง

 2.การยืน - หากเป็นผู้ที่ต้องยืนทำงานนาน ๆ มักมีอาการปวดเข่า ปวดหลัง ฯลฯ หากใส่รองเท้าที่ผิดจะเกิด แรงกระทำต่อข้อต่อของข้อเท้า ข้อเข่า อาจส่งผล ถึงคอ ทำให้คอเสื่อม กระดูกทับเส้นประสาท ปวดศีรษะรุนแรง ซึ่งต้นเหตุอาจมาจากการขึ้นลง น้ำหนักขาไม่เท่ากัน เกิดความไม่สมดุล ซึ่งจะทำให้สะโพกบิด กระทบต่อเนื่องไปถึงกระดูกสันหลัง

3.การนั่ง - โดยเฉพาะการนั่งหลังค่อม เมื่อหลังส่วนบนบริเวณสะบักค่อม จะทำให้หลังส่วนล่างค่อมหรือปูดออกทางด้านหลังมากขึ้น ทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังมีแรงกดเพิ่มขึ้น มีโอกาสที่จะปลิ้นไปทางด้านหลังได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเนื้อเยื่อด้านหลังถูกยึดให้หย่อนเป็นระยะเวลานาน

การนั่งกอดอก ทำให้หลังช่วงบนสะบัก และหัวไหล่ ถูกยึดยาวออก หลังช่วงบนค่อมและงุ้มไปด้านหน้า ทำให้กระดูกคอยื่นไปด้านหน้า มีผลต่อเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงแขน อาจทำให้มืออ่อนแรงหรือชาได้ นอกจากนี้ยังมีผลต่อหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง เพราะถ้ากระดูกคอผิดรูป จะทำให้กล้ามเนื้อคอเกร็ง จำกัดการไหลเวียนเลือดที่ไปเลี้ยงสมองเป็นสาเหตุของอาการปวดศีรษะ หรืออาจทำให้เป็นไมเกรนเรื้อรังได้

4.การนอน - เป็นช่วงเวลาที่ทำให้โครงสร้างร่างกายเสียสมดุลได้มากที่สุด เพราะในเวลา 6-8 ชั่วโมง หากนอนในท่าที่ผิด มีผลต่อกระดูก กล้ามเนื้อ ข้อต่อ การไหลเวียนเลือด เส้นประสาท น้ำเหลือง ระบบไหลเวียนที่ต้องหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ตื่นมาแล้วมีอาการปวดหัวไหล่ ปวดคอ ปวดศีรษะ ชามือ ชาเท้า ปวดหลัง รู้สึกเพลีย ไม่สดชื่น รู้สึกเหมือนนอนไม่พออยู่ตลอด

 5.การหิ้วของด้วยนิ้ว - ทำบ่อย ๆ มีผลทำให้มีพังผืดยึดตามข้อนิ้วมือ เพราะกล้ามเนื้อมือเป็นกล้ามเนื้อ มัดเล็ก มีหน้าที่หลักใช้หยิบหรือจับสิ่งที่ไม่หนัก หากต้องใช้จับหรือหิ้วหนัก ๆ จะทำให้เส้นเอ็นมีการเสียดสีและเกิดพังผืดในที่สุด ยิ่งหากนิ้วหนักมาก ๆ จะทำให้รั้งกล้ามเนื้อมัดอื่น ๆ และเกี่ยวโยงไปถึง กระดูกคอ ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งมากกว่าปกติ มีผลต่อ การทรุดของกระดูกและกดทับเส้นประสาทได้ หรือ มักทำให้เกิดอาการนิ้วล็อค

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง 

ข่าวแรก “บินไทยเปิดแผนซื้อ-ขายฝูงบินหวังได้เงินเพิ่ม4พันล้าน”

 นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในปี 2562 เตรียมเสนอแผนบริหารจัดการฝูงบินทั้งเก่าและใหม่ไปยังกระทรวงคมนาคม แบ่งเป็น 1.การเสนอจัดหาฝูงบินใหม่ตามนโยบายของรัฐบาลwไม่เกินวงเงินไม่เกิน 200,000 ล้านบาท จำนวน 38 ลำ ตามมติคณะรัฐมนตรีปี 2554

หากเป็นไปตามแผนการบินไทยก็จะมีฝูงบินรวม 110 ลำ เพิ่มจากปัจจุบันที่มี 101 ลำ โดยจะแบ่งการจัดซื้อฝูงบินใหม่ ล็อตแรก 25 ลำ เพื่อนำมาแทนฝูงบินเก่า 19 ลำ ล็อต 2 จัดซื้อ 13 ลำ มาแทนฝูงบินเก่า 12 ลำ ที่เหลือก็จะเป็นฝูงบินใหม่จริง ๆ 7 ลำ

โดยการบินไทยมีแผนการขายเครื่องบินเก่าออกจากฝูง 20 ลำ ตามมติกรรมการ (บอร์ด) อนุมัติให้ขายล็อตแรก 16 ลำ และมีผู้สนใจซื้อ 3 ราย ปี 2562 จะช่วยลดภาระค่าเสื่อมในไตรมาส 1 และรับรู้รายได้ทางบัญชีการขายเครื่องบินประมาณ 4,000 ล้านบาท ส่วนอีก 4 ลำ มี แอร์บัส A300-600 1 ลำ A340-500 1 ลำ โบอิ้ง B737-400 2 ลำ

เป้าหมายเมื่อทยอยนำฝูงบินเข้ามาให้บริการเสริมความถี่เส้นทางบินเดิม เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตผู้โดยสารเติบโตอีก 3 %

ข่าวที่สอง “โรงแรมดิโอกุระเปิดชิงทุนนักศึกษาฝึกเชฟในเนเธอร์แลนด์” 

โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ประกาศรับสมัครนิสิต นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสาขาวิชาการโรงแรม งานครัว และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่มีความสนใจการทำอาหาร และต้องการพัฒนาความสามารถในการปรุงอาหาร สมัครเข้าร่วมแข่งขันการทำอาหารชิงรางวัลทุนศึกษาดูงานที่ โรงแรม โฮเทล โอกุระ อัมสเตอร์ดัม กำหนดเริ่มเปิดรับสมัคร 18 กุมภาพันธ์-29 มีนาคม 2562 สามารถส่งรายละเอียดการสมัครตามเงื่อนได้ที่ แผนกทรัพยากรบุคคล ชั้น 23 ของโรงแรม ช่วงวันจันทร์ – วันศุกร์ 10.00 น. ถึง 15.00 น. ผู้ชนะจะได้ทุนไปฝึกงานที่เนเธอร์แลนด์ 9 วัน ช่วงกรกฎาคม-สิงหาคม 2562

พร้อมทั้งต้องจัดทำโพสต์คลิป VDO ความยาว 3 - 5 นาที แสดงการทำอาหารประเภทใดก็ได้ ลงในหน้าเฟสบุ๊คของตนเอง พร้อมส่งคลิป VDO มาที่ อีเมล์ hr@okurabangkok.com ภายในวันที่ 5 เมษายน 2562

ผู้ผ่านรอบแรกจะประกาศรายชื่อวันที่ 10 เมษายน 2562 และนัดหมายเพื่อการทดสอบการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ แบบตัวต่อตัวกับเชฟชื่อดังของ ดิ โอกุระ พร้อมกับต้องปฏิบัติตามขั้นตอนจนกว่าจะได้ชัยชนะ ในการเข้ารับรางวัลมูลค่ารวมกว่า 100,00 บาท จากสถาบันชื่อดังในวงการธุรกิจอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการของประเทศเนเธอร์แลนด์ คือ Stichting Vakbekwaamheid Horeca รางวัลรวมตั๋วเครื่องบิน ไป กลับ กรุงเทพฯ - อัมสเตอร์ดัม ที่พักที่ โรงแรม โฮเทล โอกุระ อัมสเตอร์ดัม 8 คืน มื้ออาหารกลางวันสุดพิเศษที่ห้องอาหารยามาซาโตะ 1 มื้อ มื้ออาหารค่ำที่ห้องอาหารซีเอลเบลอ 1 มื้อ โปรแกรมท่องเที่ยวในอัมสเตอร์ดัม 1 วัน การจัดทำวีซ่า ประกันการเดินทาง เงินรางวัล 10,000 บาท

 สอบถามรายละเอียดเพิ่มที่ฝ่ายสื่อสารการตลาด pr@okurabangkok.com โทร 02 687 9000

ข่าวที่สาม “ดุสิตปักธงแรกในย่างกุ้งเปิดรร.อาศัยย่านขิ่นปี’63” 

โรงแรมอาศัย ย่านขิ่น ของดุสิต อินเตอร์
ในย่างกุ้ง  เมียนมา จะเปิดบริการปี2563

บริษัท ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล หนึ่งในผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรมและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย เปิดเผยว่าได้ลงนามเซ็นสัญญากับกลุ่มบริษัท ริช มัณฑะเลย์ จำกัด เพื่อปักธงแรกโดยใช้แบรนด์บริหารภายใต้ชื่อ “อาศัย ย่านขิ่น” เปิดบริการในเมืองย่างกุ้ง เมียนมา เริ่มปี 2563

เป็นโรงแรมที่ออกแบบมารองรับตลาดนักท่องเที่ยวยุคมิลเลเนียล โดยตกแต่งห้องพักสไตล์ร่วมสมัย 111 ห้อง ขนาดห้องละ 15-22 ตารางเมตร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบ มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ไว้ให้พักผ่อนหรือทำงานได้อย่างเต็มที่ มีร้านอาหาร ห้องออกกำลังกายพร้อมอุปกรณ์ และร้านค้า 2 แห่ง เน้นการขายสินค้าและผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่น

ทำเลอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว เช่น ตลาดย่านขิ่น วัดฝูซาน ร้านอาหารบนถนนนิวยูนิเวอร์ซิตี้ ห้างเมียนมาร์พลาซ่า ศูนย์การค้าแห่งแรกของย่างกุ้งซึ่งอยู่ติดกับโรงแรมอาศัย ย่านขิ่น สามารถไปท่องเที่ยวเที่ยวรอบบริเวณโดยใช้เวลาเพียง 20 นาที คือ เจดีย์ชเวดากอง ทะเลสาบกันดอจี สวนสัตว์ย่างกุ้ง 

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 

เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
คอลัมนิสต์และผู้ดำเนินรายการ