ททท.โชว์แผนโหมใช้ดิจิทัลขับเคลื่อนท่องเที่ยวปี62 งัดChatBot แอพเกมพันธุ์บริการทัวร์-สุขยกกำลัง3ได้ที่ฉะเชิงเทรา
บิ๊กททท.โชว์แผนงัดใช้ดิจิทัลเทรนด์ใหม่บุกท่องเที่ยวปี62
ชู”Chat bot-VR-แอพทัวร์”ลุยสร้างตลาดพันธุ์ใหม่ฮือฮา
ตรุษจีนคิงเพาเวอร์ไหว้5สิ่งศักดิ์สิทธิ์-ชิม50ร้าน-รับอั่งเป่า
ททท.นำชุมชน5ภาคโกย400ล้านเทศกาลเที่ยวเมืองไทย
บางจากเปิดปั๊มB20รณรงค์รถใหญ่เติมเร่งลดฝุ่นควันพิษ
ทริปความสุขยกกำลัง3ไว้พระพิฆเนศ3ปาง@ฉะเชิงเทรา
9เทคนิคการชะลอวัยได้ชะงัดทำให้ไม่ต้องแก่เร็วเกินไป
ทอท.ชงบอร์ด20กพ.อนุมัติTORดิวตี้ฟรีเฟส2สุวรรณภูมิ
พยากรณ์เงินสะพัดตรุษจีน1.3หมื่นล้าน-คลังคืนVAT5%
นกแอร์เทหุ้นเพิ่มทุน908ล้านผ่าทางตันลดวิกฤตขาดทุน
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 26 มกราคม 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์
ช่วงที่ 1 เจาะลึก “ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร” รองผู้ว่าการด้านดิจิทัลวิจัยและพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คนแรกในประวัติศาสตร์ พร้อมจะผ่าแผนการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งประเทศ ขยับ 4 C บุกปั้น Chat bot มาให้บริการตอบทุกคำตอบเหนือชั้นกว่า คอล เซนเตอร์ และเทคโนโลยีเที่ยวเสมือนจริง VR กับแอพลิเคชั่นสร้างความฮือฮา Gamification เข้าถึงนักท่องเที่ยวพันธุ์ใหม่ JOMO พวกหลีกหนีความวุ่นวายไปหาความสงบ ส่วนข่าวต้อง “ตรุษจีนที่คิงเพาเวอร์” นำ5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาไว้ให้สักการะ พร้อมแจกอั่งเปา ชวนชิม50 ร้านดัง “ททท.” ปลุกมหกรรมเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562 ทำเงินเข้าเป้ากระจายถึงมือชุมชน 5 ภาค 400 ล้านบาท “บางจาก” เปิดปั๊มB20 หนุนรถบรรทุกใช้บริการช่วยรัฐลดฝุ่นควันพิษในอากาศ
นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัลวิจัยและพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย |
ส่วนที่ 1 ใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลเข้าไปในระบบการทำงานและทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง จากเดิมจะใช้ส่งแบบสอบถามไปยังคู่ค้าและพันธมิตรเกี่ยวข้อง แต่นับจากนี้เป็นต้นไปจะใส่เทคโนโลยีเข้าไปในระบบการทำงานทุกขั้นตอน ผ่านแอพลิเคชั่นใหม่
ส่วนที่ 2 ให้บริการด้วยฐานเทคโนโลยี หากเป็นหน่วยงานเครือข่ายพันธมิตรก็ต้องแชร์และใช้ผ่านไอทีดังกล่าวให้ได้ทั้งหมด ลดความสิ้นเปลืองกระดาษและวัสดุอุปกรณ์อื่น ๆ ก่อนจะมีฝ่ายดิจิทัลนั้น ที่มาคือ ททท.สานสัมพันธ์กับการให้บริการนักท่องเที่ยวตามพัฒนาการ 4 C คือ C-Counter information บูธให้ข้อมูลข่าวสารคนก็สนุกกับการเข้ามาสอบถามทาง จากนั้น C-Call Center โทรศัพท์เข้ามาสอบถาม ตอนนี้คือ 1672 ต่อด้วย C-Contract Center ทำเป็นวิดีโอแชตสามารถฝากข้อมูล 24 ชั่วโมงไว้ให้ตอบได้ พอมาถึงยุคนี้กำลังเข้าสู่การทำ C-Chat BOT เป็นการนำโรบ็อตเข้ามาตอบข้อมูลคำถามต่าง ๆ ของนักท่องเที่ยวทุกคน 24 ชั่วโมง
ดังนั้นปี 2562 ททท.ดิจิทัล จะเปิดปฐมฤกษ์ด้วยบริการ Chat BOT ในอนาคตจะทำให้ง่ายสุดเชื่อมโยงกับสิ่งที่ ททท.มีอยู่นั่นคือ
อันดับที่ 1 website www.tourismthailand.org เดิมให้ข้อมูลข่าวการท่องเที่ยวมานานแต่เปลี่ยนเนื้อหาอัพเดทอยู่เรื่อย ขณะนี้กำลังเพิ่มฟีเจอร์โดยวิธีฝังระบบ คนที่เคยเข้าระบบเดิมจะได้พบกับโฉมใหม่เร็ว ๆ นี้ สามารถเข้าไปขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับท่องเที่ยวหลากหลายเรื่องได้
อันดับที่ 2 Application ที่จะทำให้มีเพียงแอพพลิเคชั่นเดียว ของ ททท.เรียกว่า Amazingthailand Application สามารถดาวโหลดได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป นายศิริปกรณ์ย้ำว่า ขณะนี้ ททท.เน้นเรื่อง VOC : Voice of Customer รับฟังเสียงลูกค้าว่าต้องการ มองหาอะไรบ้าง แล้วนำมาปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว โดยมีแม้กระทั่ง listening สามารถร้องเรียน หรือบอกความต้องการ เป็นเสียงเพื่อให้ทางฝ่ายดิจิทัลนำไปปรับปรุงงานบริการของ ททท.ทั้งหมด ซึ่งเรียกว่าเป็น Thailand Experience
สำหรับ Chat BOT จะเริ่มใช้งานได้ในปี 2562 ขณะนี้อยู่ระหว่างการเก็บข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อนำไปบูรณาการเนื้อหาเข้าไปเพิ่มเป็นฟีเจอร์ของระบบให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยวอย่างแท้จริง เพื่อตอบคำถามได้อย่างตรงใจทุกกลุ่มนักเดินทางทั้งชาวไทยและต่างชาติทั่วโลก หมวดหลัก ๆ ที่ Chat BOT จะตอบนักท่องเที่ยวได้จะแตกต่างไปจากเดิม ซึ่งเคยแบ่งตามหมวด สถานที่ท่องเที่ยว อาหาร ที่พัก โรงแรม สายการบิน แต่ปัจจุบันและอนาคตจะเปลี่ยนมาใช้วิธีฟังความต้องการของนักท่องเที่ยวเป็นหลัก ยุคเดิม “สินค้าทางการท่องเที่ยว” จะพุ่งเป้าไปยังสถานที่ วิวสวย ๆ ในการถ่ายรูป แชร์โลเกชั่น แต่สิ่งที่ ททท.พบในโลกของโซเชียล มีเดีย เป็นคำใหม่เรียกว่า “ประสบการณ์-Experience” ทุกคนยอมรับว่าประสบการณ์คือสินค้าหลักทางการท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละครั้งในการเดินทางไม่ได้มาชมสถานที่หรือถ่ายรูปเท่านั้น แต่ออกมาเที่ยวเพราะต้องการประสบการณ์ที่ดี ๆ ได้ลงมือทำ ได้ช่วย ได้แชร์
ดังนั้นเนื้อหา Chat BOT ยุคใหม่ของ ททท.จะเทไปทางด้านการใส่เนื้อหาทางด้านประสบการณ์เข้าไป จึงจะนำเสนอการสร้างประสบการณ์ให้ได้ใช้บริการด้วยการพัฒนาคู่ขนานอีกระบบเพิ่มคือ Application : AmazingThailand Application Experience โดยทำ VR : Virtual Reality 360 องศา เช่น การไปยืนบนเขา 3 วาฬ เมื่อเข้าไปในแอพลิเคชั่นใหม่ของ ททท.ความรู้สึกที่ได้ขึ้นไปยืนยอดเขามีความรู้สึกอย่างไร หากนักท่องเที่ยวเข้าไปใน VR แล้วชอบก็วางแผนเดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่จริงได้เลย หรือจะเป็นการทำลองไปในงานประเพณีที่มีผู้คนจำนวนมากให้ความรู้สึกชอบก็ไปงานเทศกาลประเพณีของจริงได้เช่นกัน
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ททท.มีระบบที่คาดจะโดนใจอีกหลายกลุ่ม คือ Gamification เป็นเกมเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว โดยสร้าง 3 เรื่องหลัก คือ “ข้าว-ผ้าไทย-มวยไทย” เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและชาวไทยชื่นชอบแต่ไม่รู้ว่าอารมณ์ความรู้สึก ตั้งแต่เริ่มต้นเป็นอย่างไร เช่น มวยไทย การฝึกทักษะ การขึ้นเวที หรือจะเป็นการปลูกข้าว ในเกมจะสอนวิธีปลูก เก็บเกี่ยว เมล็ดพันธุ์ เรื่อยไปจนถึง สำรับกับข้าว ซึ่งเกมนี้จะเป็นโลกเสมือนจริง ฝังอยู่ในแอพลิเคชั่นเพื่อให้นักท่องเที่ยวสื่อสารกันกับ ททท.เป็น 2 ทาง เน้นการสร้างประสบการณ์ระหว่างนักท่องเที่ยวกับผู้ให้บริการ
ในอนาคตจะมีการคัดสรรนำกิจกรรมยอดนิยมเข้ามาใส่เพิ่มเข้าไป เช่น กิจกรรมหลักที่ทำได้ตลอดทั้งปี วันที่ 23-27 มกราคม 2562 ในเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ณ สวนลุมพินี ททท.ได้เปิดบูธ TAT Digital แนะนำ Amazingthailand Application นำ Gamification เข้าไปให้นักท่องเที่ยวและผู้เยี่ยมชมงานได้ทดลองเล่นเพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ผ่านเครื่องมือดิจิทัลเล่นและลองสัมผัสโลกเสมือนได้ทุกวันในงาน
การลงทุนไปเสร็จเรียบร้อยแล้วโดยนำดิจิทัลเข้ามาพัฒนาองค์กร ควบคู่กับอีกส่วนเป็นการร่วมกับภาคเอกชนเป็นเครื่องมือสำหรับผู้ประกอบการ “ในการเป็นเจ้าบ้านที่ดี” ร่วมมือกับนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เดินทางไปท่องเที่ยวตามพื้นที่ต่าง ๆ แล้วนำมาถอดแบบความต้องการว่า แต่ละครั้งที่เดินทางเข้ามาไทย เพื่อมองหาอะไรบ้าง แล้วนำข้อมูลทั้งหมดไปแชร์ผ่านระบบของ TAT Intelligent Center ซึ่งกำลังแปลงโฉมเป็น Tourism Smart DATA พร้อมนำไปวิจัยพัฒนาถึงให้เจ้าบ้านในพื้นที่ท่องเที่ยวได้รับรู้ถึง กลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวที่สนใจจะเข้าไปท่องเที่ยวในแต่ละท้องถิ่นเป็นใครบ้าง เช่น เดินทางคนเดียว คู่รัก สูงวัย และอื่น ๆ พอมาพักค้างแล้วสนใจทำกิจกรรมอะไรบ้าง หรือสนใจไปท่องเที่ยวเชื่อมโยงตามหมู่บ้านอื่น ๆ ที่ไหนบ้าง
หากเจ้าบ้านที่ดีได้เห็นถึงพฤติกรรมความต้องการของนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการ สะท้อนความเห็นต่อสถานที่ที่เข้าไป เช่น อาจติติงเรื่องระบบการจัดการขยะ พอเห็นข้อเสนอแนะทางเจ้าบ้านก็จะจัดการได้ทันที สร้างภาพลักษณ์เชิงบวก เป็นการรับข้อมูลตรงจากนักท่องเที่ยวได้โดยตรงแล้วสามารถนำไปใช้พัฒนาพื้นที่ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมความต้องการของนักท่องเที่ยวอย่างชัดเจนเช่นกัน เป็นกลยุทธ์เสริมทัพตลาดและการขายรูปแบบใหม่ผ่านเครื่องมือดิจิทัล ที่ ททท.กำลังนำเข้ามาใช้วางระบบเต็มรูปแบบเริ่มตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป
นายศิริปกรณ์ย้ำว่า ททท.จะประยุกต์พัฒนาเครื่องมือดิจิทัลให้ง่ายต่อการใช้งาน ชาวบ้านในท้องถิ่นเองก็สามารถใช้ได้แบบง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก เป็นระบบ TAT IC : Intelligent Center ซึ่งติดตั้งภาษาสื่อสารไว้หลากหลายภาษา คนในชุมชน ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ สามารถเข้ามาใช้ประโยชน์หรือดาวโหลดข้อมูลได้เท่าเทียมกัน ดูเทรนด์ของนักท่องเที่ยวมองหามานาน ตัวอย่างในอดีตเป็นการท่องเที่ยวในแบบ FOMO : Fear of Missing Out คือการกลัวตกเทรนด์ ต้องเที่ยวตามกระแสโซเชียลแล้วตามกันไปท่องเที่ยว
แต่ขณะนี้มีกลุ่มเทรนด์ท่องเที่ยวคู่ขนานเกิดขึ้นมานั่นคือ JOMO : Joint of Missing Out สนุกที่จะตกกระแสแต่มองหาสถานที่เงียบสงบ ไม่ต้องอยู่ในกระแส แต่ไปแล้วมีความสุข หากเข้าใจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวว่าไม่มีความต้องการตายตัวใด ๆ ตอบโจทก์ได้ทั่วโลก ทั่วไทย จึงต้องใช้วิธีแนะนำชุมชนหันมา “เจาะกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับพื้นที่” แล้วใช้เครื่องมือบุกเข้าไปหากลุ่มตลาดอย่างชัดเจน ปัจจุบัน ททท.ได้ใช้เครือข่ายหน่วยสินค้าการท่องเที่ยว ทำงานคู่ขนานกับตลาดในประเทศ แล้วนำทีม IT ททท.ลงไปพูดคุยตามพื้นที่ต่าง ๆ เพื่ออธิบายถึงการใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ ด้วยการรับฟังข้อมูลจากพื้นที่เพื่อปรับเนื้อหาให้ตรงกัน ช่องทางการฟังจะมีทั้งทางโซเชียล มีเดีย ของคู่ค้า เจ้าบ้าน หรือสื่อสารผ่านพันธมิตรต่าง ๆ
ปี 2562 ททท.จะทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นเรื่องง่าย เข้าถึงได้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งสามารถพลิกโฉมให้เป็นการท่องเที่ยว 4.0 ในตลาดโลกยุคใหม่อย่างสมบูรณ์แบบต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์จัดตรุษจีนด้วย5สิ่งศักดิ์50ร้านอาหาร”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดแคมเปญ “KING POWER CHINESE NEW YEAR 2019” ต้อนรับสำราญความสุข สมบูรณ์เงินทอง ต้อนรับปีหมู 2019 ต่อเนื่องกันยาวถึง 14 วัน ระหว่างวันที่: 4 กุมภาพันธ์ – 17 กุมภาพันธ์ 2562 มาร่วมสักการะ 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ยกมาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้โดยไม่ต้องบินไกลไปถึงเมืองจีน และชวนกันช้อปสินค้าไทยและแบรนด์เนม แวะชิมอาหาร 50 ร้านดัง กันอย่างมีความสุขได้ตั้งแต่ เที่ยงวัน ไปจนถึง 21.00 น. ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
โดยคิง เพาเวอร์ ได้รวบรวมสุดยอด ร้านอาหาร Street food และเครื่องดื่มชื่อดัง กว่า 50 ร้านในราคาย่อมเยาว์ จากทั่วประเทศ พร้อมกิจกรรม การแสดงมากมายทุกวัน และการแสดงชุดพิเศษ จาก “ใหม่ ดาวิกา” แจกอั่งเปาโปรโมชั่นส่วนลดให้กับลูกค้าภายในงาน ร่วมถ่ายภาพสไตล์ย้อนยุค พร้อมสวมชุดในแบบจีน ฟรี!! เมื่อมียอดใช้จ่าย 3,000 บาท ขอพรจาก 5 สิ่งมงคล ของเมืองจีน ที่ต้องสักการะ ต้อนรับปี 2019 รวมไว้ที่งาน Chinese New Year ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
ข่าวที่ 2 “ททท.นำชุมชน5ภาคโกย400ล้านเทศกาลเที่ยวเมืองไทยปี’62”
เปิดศักราชใหม่เดือนแรก “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) เร่งทำตลาดเชิงรุก “ท่องเที่ยวในประเทศ” จัดยิ่งใหญ่ “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ประจำปี 2562” ครั้งที่ 39 ระหว่าง 23-27 มกราคม 2562 ภายในบริเวณสวนลุมพินี โดยได้จำลองหมู่บ้านเสมือนจริง นำแหล่งท่องเที่ยว สินค้าชุมชน กิจกรรม DIY และอื่น ๆ มาไว้ในหมู่บ้าน 5 ภาค ได้แก่ ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีประสบการณ์ตรงเป็นแรงกระตุ้นให้นำข้อมูลที่ได้เดินทางตลอดปีนี้ต่อไป
“ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ผลักดันตลาดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่ปี 2561 มีสถิติคนไทยเที่ยวไทยสูงถึง 170 ล้านคน-ครั้ง สูงกว่าต่างชาติเที่ยวไทยถึง 5 เท่า นับเป็นสัญญาณที่ดีที่ต้องเพิ่มกองทัพนักท่องเที่ยวประเทศเติบโตอย่างยั่งยืนเป็นเสาหลักเศรษฐกิจอันมั่นคงในระยะยาว โดยเฉพาะในการจัดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยปีนี้ มีกิจกรรมกระตุ้นนักท่องเที่ยวที่ดีรวมถึงการดึงพันธมิตรเข้าร่วมในงานและการจัดโซนการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล โซนรณรงค์ลดการใช้ขยะต่าง ๆ
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ ททท. |
“ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า การจัดงาน "เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562" ตลอด 5 วัน มีแนวโน้มสร้างเงินหมุนเวียนในงานเข้าเป้า 390,536,265 บาท เพิ่มขึ้น 1.89% มีผู้เข้าชมงาน 687,783 คน เพิ่มขึ้น 8.64% รวมทั้งการสร้างแรงบันดาลใจกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวจริงไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ต่อเนื่องตลอดทั้งปีอีกกว่า 50 % ของผู้เข้าชมงานทั้งหมด และงานนี้ยังช่วยตอกย้ำการสร้างโอกาสใหม่ ๆ เพิ่มใน 55 เมืองรอง เติบโตคึกคักตลอดทั้งปีเกิน 10 % ตามที่ ททท. ได้นำเสนอส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 5 ภูมิภาค ซึ่งมีเอกลักษณ์ต่างกันด้วยจุดขายตามธีมตลอดปี 2562 ดังนี้
1. ภาคตะวันออก ภายใต้แนวคิด “More Fun” เปลี่ยนกิจกรรมท่องเที่ยวธรรมดา ให้เป็นเรื่องเล่นแสนสนุกที่เติมสีสันให้กับชีวิต 2.ภาคเหนือ ภายใต้แนวคิด “More Authentic” นำเสนอเรื่องราวของศิลปวัฒนธรรม ที่บอกเล่าวิถีชีวิตเอกลักษณ์ภาคเหนือ ท่ามกลางภูมิประเทศที่สวยงาม 3. ภาคกลาง ภายใต้แนวคิด “More Legacy : มรดกแห่งสยาม” 4.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายใต้แนวคิด “More Gastronomy” นำเสนออาหารเป็นตัวชูเอกลักษณ์และความโดดเด่น ร้อยเรียงเรื่องราวสู่การท่องเที่ยวเชิงศิลปะและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอาหาร 5.ภาคใต้ ภายใต้แนวคิด “More Inspired” เน้นศิลปะ/วัฒนธรรม ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ในพื้นที่ภาคใต้
วิบูลย์ นิมิตรวานิช(ซ้าย) ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก ททท. |
“วิบูลย์ นิมิตรวานิช” ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก ททท.ในฐานะผู้จัดการโครงการจัดงาน เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562 อธิบายว่า ตลอดงาน 5 วัน ได้สร้างสรรค์ “หมู่บ้านภาคตะวันออก” ชวนนักท่องเที่ยวร่วมสนุกสนานแล้วต่อยอดการขายภาคตะวันออก 9 จังหวัด ด้วยสีสัน 7 เรื่องราว More Fun จำลองให้ชมในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ได้แก่
More Fun เรื่องที่ 1 สัมผัสความสนุกสนาน แนวคิดภาพรวมของหมู่บ้านภาคตะวันออก : นำเสนอภายใต้แนวคิด “MORE FUN : เรื่องเล่น...แสนสนุก” โดยใช้กิจกรรมธรรมดา ให้เป็นเรื่องเล่นแสนสนุกและเติมสีสันให้กับชีวิต ใช้แลนด์มาร์ก จำลองเครื่องเล่นแสนสนุก แต่งเติมความแปลกใหม่ที่ดึงดูดใจผู้เข้าชม พร้อมเวทีบันเทิงโชว์ความสนุกและสีสันเต็มอิ่มตลอดงาน
More Fun เรื่องที่ 2 ชมและร่วมสนุกสนานกับกิจกรรมไฮไลท์ภายในหมู่บ้าน : นำเสนอกิจกรรมซีเอสอาร์แนวแปลกใหม่ ในชื่อ “คบเด็กสร้างบ้าน...ปลา” โดยสาธิตทำซั๊งเชือก/อีแปะ แล้วยังมีกิจกรรมกลางแจ้งทดสอบพลังกับการปีนผาจำลอง พร้อมกับจัดมุมน่ารักไว้ให้นั่งพักผ่อนเรียกว่า “More Fun Café” บริการเครื่องดื่มผลไม้หลากหลายชนิดที่เป็นเอกลักษณ์ของภาคตะวันออก
More Fun เรื่องที่ 3 ซึมซับความสนุกสนาน กับวิถีชุมชน กิจกรรมสาธิต และกิจกรรม DIY เด่น : มีเรื่องเล่าสนุก ๆ จากชุมชน ลานกิจกรรม เมนูท้องถิ่นแสนอร่อยปรุงจากวัตถุดิบที่ชุมชนปลูกเองเพื่อชวนกลุ่มครอบครัวมาร่วมทำอาหาร และจำลอง Street Art ชุมชนริมน้ำจันทบูรไว้ให้ถ่ายรูปเก๋ ๆ
More Fun เรื่องที่ 4 สนุกสนานกับความอร่อย ร้านอาหารและสินค้า OTOP เด่น : ทาง 9 จังหวัด จัด 50 ซุ้ม พร้อมสินค้าโอท็อปชุมชนต่าง ๆ อีก 30 ซุ้ม คือ 1. ผลไม้ขึ้นชื่อภาคตะวันออก ได้แก่ มะพร้าว มะม่วง สับปะรด สละ เมล่อน 2.อาหารขึ้นชื่อ ได้แก่ กุ้งแม่น้ำเผาปราจีนบุรี หอยนางรมสดจากฟาร์มป้าหลุยส์-ลุงทม ข้าวคลุกพริกเกลือ ก๋วยเตี๋ยวกั๊ง หอยจ๊อ ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ 3. ของฝากขึ้นชื่อ เช่น กุ้งเหยียด อาหารทะเลแห้ง เครื่องจักสาน เครื่องประดับอัญมณี น้ำมันเหลือง
More Fun เรื่องที่ 5 สนุกสนานในเส้นทางชุมชน : อาทิ
เส้นทางแรก Trat More Fun & Fin ชวนกันไปเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของตราดในพิพิธภัณฑสถานเมืองตราด ก่อนไปดื่มด่ำบรรยากาศเกาะในฝันที่ “เกาะกูด” สนุกกับการดำน้ำดูปะการัง เยี่ยมชมชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว ชมวิถีชีวิต 2 ศาสนา 3 วัฒนธรรม (พุทธ มุสลิม/ วัฒนธรรม ไทย จีน อิสลาม) ชิมข้าวเกรียบยาหน้า
เส้นทางที่ 2 “จันทบุรี กิน เที่ยว ช้อป เช่ด” ร่วมสัมผัสวิถีชีวิตเกษตรออร์แกนิก 100% ของชุมชนปัถวี ลองนั่งซาเล้งเที่ยวสวนผลไม้ ชิมน้ำหวานสด ๆ จากรังชันโรง กินมื้อเที่ยงในคอนเซ็ปต์ “Chef’s Table” โดยเชฟชุมชนจะนำผัก ผลไม้ปลอดสารในท้องถิ่นมาเป็นวัตถุดิบหลักปรุงเมนูต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวกินใต้ต้นผลไม้ แวะ“ตลาดทุบหม้อ” ลองเมนู “ก๋วยเตี่ยวน้ำกุ้งผักยายลั้ง” ร่วมทำ DIY ขุดหาพลอยเมืองจันท์ที่บ่อพลอยเหล็กเพชร หรือดูวิธีเลี้ยงหอยนางรมยักษ์ (หอยตะโกรม) และร่วมสร้างบ้านให้หอยนางรมที่ฟาร์มป้าหลุยลุงทม แวะแชะ ชิม ชิล ชุมชน 3 วัฒนธรรม “ชุมชนริมน้ำจันทบูร”
More Fun เรื่องที่ 6 สนุกสนานกับ การแสดงเด่นที่มาแสดงในงาน : เน้นโชว์ความสนุกสนาน ครื้นเครง และการแสดงร่วมสมัย” การแสดงของมากมาย
More Fun เรื่องที่ 7 สนุกสนานในการมีส่วนร่วมกิจกรรมรักษาสิ่งแวดล้อม : ร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้น ถุงผ้า ลด โลก เลอะ เพื่อลดใช้ถุงพลาสติกหันมาใช้ภาชนะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขณะที่ชุมชนต่าง ๆ ที่นำสินค้าการท่องเที่ยวเข้ามาร่วมขายในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ของทั้ง 5 ภูมิภาค ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าประสบความสำเร็จ ทำยอดขายสูงกว่าปีที่ผ่านมา 5-10 %
หัวใจสำคัญที่สุดคืองานนี้เป็น “ประตูบานใหญ่” เปิดให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักแล้วเดินทางเพิ่มเข้าไปในชุมชนท่องเที่ยวขนาดเล็ก ส่งผลดีต่อภาคครัวเรือนแต่ละท้องถิ่นมีรายได้เสริมเป็นกอบกำมากขึ้นทุกปี
ณัฐกานต์ ประกอบธรรม” กรรมการชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี |
“ณัฐกานต์ ประกอบธรรม” กรรมการชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ยืนยันว่าหลังจาก ททท.ชวนเข้าร่วมงานก็ทำให้สมาชิกตะเคียนเตี้ยซึ่งเป็นชาวสวนมะพร้าวรวมกันกว่า 8,000 ไร่สามารถขายท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์แปรรูปทั้งหมู่บ้านเฉลี่ยได้ปีละเกิน 1 ล้านบาท แถมกลุ่มแม่บ้านมีรายได้ขยับจากหลักพันบาทขึ้นเป็นหมื่นบาท
กัญญลักษณ์ พันธุ์อุดม(คนกลาง) ประธานวิสาหกิจชุมชนบ้านท่าทราย อ.เมือง จ.นครนายก |
“กัญญลักษณ์ พันธุ์อุดม” ประธานวิสาหกิจชุมชนบ้านท่าทราย อ.เมือง จ.นครนายก กล่าวว่า เข้าร่วมเทศกาลเที่ยวเมืองไทยครั้งแรก โดยนำผลิตภัณฑ์เทรนด์ใหม่ในฐานะชุมชนต้นตำรับของไทยซึ่งเกิดจากรวมตัวกันปลูกมะดันนับหมื่นต้นในพื้นที่ 400-500 ไร่ ทำ “มะดันแปรรูป” เป็นน้ำผลไม้มะดัน มะดันซีฟู้ด ไข่เค็มมะดันใบเตย มาแนะนำควบคู่กับเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวชุมชนให้คนรู้จักมากขึ้น กระแสตอบรับดีมากทั้งยอดขายสินค้าและความสนใจจองโปรแกรมท่องเที่ยว
งาน “เทศกาลเที่ยวกาลเที่ยวเมืองไทย” ของ ททท.จึงเป็นมากกว่าศูนย์รวมการขายสินค้าท่องเที่ยวหมู่บ้าน 5 ภาค 77 จังหวัด แต่ยังเป็น “ประตูบานใหญ่” ในการเชื่อมกำลังซื้อกระจายลงสู่ชุมชนรายเล็กรายน้อยทั่วประเทศได้อย่างแท้จริง
ข่าวที่ 3 “บางจากเปิดปั๊มหนุนรถบรรทุกใช้B20ร่วมลดฝุ่นละอองพิษ”
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ได้ประชุมหารือค่ายรถบรรทุกขนาดใหญ่ และผู้ค้าน้ำมัน เพื่อหาแนวทางขับเคลื่อนนโยบายขยายการใช้ B20 ในรถขนาดใหญ่ให้มากขึ้น โดยให้ค่ายรถยนต์เสนอรุ่นรถในเครือตนเองที่สามารถใช้ B20 ได้ โดยมี สถานีบริการน้ำมันของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกาศความพร้อม เข้าร่วมสนับสนุนอย่างเต็มที่ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
โดยมีตัวแทนผู้ค้าน้ำมันดีเซลเข้าร่วมภารกิจดังกล่าว 16 ราย ได้แก่ บมจ. บางจากคอร์ปอเรชั่น (BCP) บมจ.ปตท. (PTT) บจ. เชลล์แห่งประเทศไทย บมจ. เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO) บจ. เชฟรอน (ไทย) บมจ. ไทยออยล์ (TOP) บมจ. ไออาร์พีซี (IRPC) บมจ. ซัสโก้ (SUSCO) บจ. ซัสโก้ดีลเลอร์ส บจ. พี.ซี. สยามปิโตรเลียม บมจ. สยามเฆมี บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) บมจ.สตาร์ปิโตรเลียมรีไฟน์นิ่ง (SPRC) บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) บมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (PTTOR) และ บมจ. ปตท.บริหารธุรกิจค้าปลีก
ทุกฝ่ายพร้อมร่วมมือกันขานรับนโยบายของนายกรัฐมนตรี เพราะการขยายการใช้น้ำมัน B20 ในรถขนาดใหญ่เพิ่มเติมซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรสวนปาล์ม ลดค่าใช้จ่ายภาคขนส่ง และยังช่วยลดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM.2.5) ด้วย
อีกทั้งระหว่างการหารือมีนายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย บจ. ฮีโน่มอเตอร์เซลล์ (ประเทศไทย) บจ. เดมเลอร์ คอมเมอร์เชียล วีอีเคิลส์ (ประเทศไทย) และ บจ.ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ นำทีมรถบรรทุกค่ายใหญ่ ๆ เข้าร่วมพูดคุยด้วย
ช่วงที่ 2 ไปช้อปแพกเกจท่องเที่ยวดี ๆ ในงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” เสาร์ 26 -อาทิตย์ 27 มกราคม 2562 ในงานสวนลุมพินี แวะที่ “หมู่บ้านภาคตะวันออก” มีทริปท่องเที่ยว “ความสุขยกกำลัง3 :ไหว้พระขอพรพระพิฆเนศ@ฉะเชิงเทรา” แต่ละเส้นทางสนุกสไตล์ More Fun ใกล้กรุงเทพฯ แล้วไปฟัง “9เทคนิคการชะลอวัยไม่ให้แก่เร็ว” และข่าวฮ็อต ๆ “ทอท.พร้อมเสนอบอร์ด 20 ก.พ.นี้” เปิด TOR การประมูลพื้นที่ทำร้านค้าดิวตี้ฟรี และเดินหน้าก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิหลังที่ 2 ส่วน “เงินช่วงตรุษจีน” ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดจะสะพัดกว่า 1.356 หมื่นล้านบาท “คลัง” จับมือธนาคาร รับลงทะเบียน 1-15 ก.พ.62 ใช้เงินช่วงตรุษจีนผ่านบัตรและคิวอาร์โค้ดรับคืนเลย VAT 5 % ทางด้าน “นกแอร์” ยอมเพิ่มทุนแล้ว 908 ล้านบาท ทยอยล้างหนี้ผ่าวิกฤติการขาดทุนสะสมมาหลายปี
ทริป“ความสุขยกกำลัง3 More Fun@ฉะเชิงเทรา
เดินทางมาช้อปแพกเกจท่องเที่ยวดี ๆ ในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย วันเสาร์ 26-อาทิตย์ที่ 27 มกราคม 2562 ณ สวนลุมพินี แล้วออกไปท่องเที่ยวแบบสนุก ๆ กับ More Fun ของภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กันได้ตลอดทั้งปี เตรียมแพกกระเป๋าออกสำรวจ “ฉะเชิงเทรา” กัน สัก 2 วัน 1 คืน
ตามคำแนะนำของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) วันแรก ปักหลัก “เที่ยวตัวเมืองแปดริ้ว” ไหว้พระชมเมืองอย่างจุใจ ตั้งแต่เช้า 9 โมงครึ่ง ไป “วัดสมานรัตนาราม” สักการะพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข แล้วขับรถต่อไปยัง “วัดจีนประชาสโมสร (เล่งฮกยี่)“ สันนิษฐานกันว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยเป็นตำแหน่งของท้องมังกรที่นำความอุดมสมบูรณ์มาสู่ผู้เลื่อมใสศรัทธา เพลิดเพลินเจริญใจกันจนถึงมื้อเที่ยง แวะรับประทานอาหารถิ่นที่ “ตลาดบ้านใหม่” ตามปกติจะเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และนักขัตฤกษ์ เท่านั้น
เติมพลังเรียบร้อยแล้วมุ่งหน้าเดินทางต่อไปยัง “อำเภอบางน้ำเปรี้ยว” เพื่อสักการะพระพิฆเนศปางนั่งประทานพร ที่ “วัดโพรงอากาศ” นักท่องเที่ยวจะได้ชมโบสถ์สีทองสร้างด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างศิลปะของ 3 ชาติ คือไทย อินเดีย ศรีลังกา
ชมเสร็จนั่งรถกลับเข้าตัวเมือง มาแวะ ที่ “วัดโสธรวรารามวรวิหาร” เพื่อนมัสการ “หลวงพ่อโสธร” พร้อมกับดื่มด่ำกับความงดงามของสถาปัตยกรรมพระอุโบสถที่มีลักษณะของอาคารจัตรมุข ทรงปราสาท แล้วรอทำวัดเย็นพร้อมพระภิกษุกันที่วัดแห่งนี้ มื้อค่ำก็เดินหาอาหารอร่อย ๆ รับประทานก่อนเข้าที่พักค้าง 1 คืน
ตื่นเช้าวันที่สอง มีให้เลือ 2 เส้นทาง
เส้นทางแรก วางแผนไปเที่ยว “คลองเขื่อน-บางคล้า” ในอำเภอคลองเขื่อน ไฮไลต์คือ “เทวสถานอุทยานพระพิฆเนศ” นักท่องเที่ยวชื่นชอบไปสักการะพระพิฆเนศเนื้อสำริดปางยืน แล้วแวะ “ตลาดน้ำบางคล้า” ชิมผลิตภัณฑ์มะพร้าวขึ้นชื่อ ที่ Coco Cowboy มีทั้ง น้ำมะพร้าวสด ๆ และไอศรีมมะพร้าว เติมพลังก่อระหว่างทัวร์ตลาดน้ำ แหล่งแวะกินอาหารมื้อเที่ยงก็อยู่ใน “ตลาดน้ำบางคล้า” เปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ ช่วงบ่ายตั้งเข็มทิศไปชมและเลือกซื้อของฝากขึ้นชื่อตรง “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มขนมแม่บุญมี” มีทั้งหมี่กรอบ ขนมเปี๊ยะ
แล้วเดินทางต่อมายัง “วัดปากน้ำโจ้โล้” ชมพระพุทธรูปและโบสถ์สีทองริมแม่น้ำบางปะกง ก่อนกลับแวะ “วัดโพธิ์บางคล้า“ สักการะพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ขอพรก่อนกลับกรุงเทพฯ หรือจะเลือก
เส้นทางที่ 2 “เที่ยวคลองเขื่อน ชมสวนเกษตร” ตอนเช้าไปเริ่มต้นที่ เทวสถานอุทยานพระพิฆเนศ แล้วเลือกไปเที่ยว “สวนมะม่วงกับ อบต.คลองเขื่อน” เรียนรู้วิถีชุมชน “บ้านสามสาว” ทำขนมไทยพื้นบ้าน แล้วก็แวะ “สวนลุงปราโมทย์ วรชาติตระกูล” ดูการปลูกและชิมมะม่วงแสนอร่อยกว่า 40 สายพันธุ์ กลางวันก็แวะกินอาหารแบบพื้นบ้านในในชุมชน
ก่อนกลับให้ใช้เส้นทางนั่งรถเข้าตัวเมืองฉะเชิงเทรา เป้าหมายคือการแวะซื้อของฝากที่ “ร้านริน” ขึ้นชื่อมากเรื่องขนมเปี๊ยะ กระยาสารท ขนมหวานต่าง ๆ ทริปเที่ยวสวนมะม่วง กับ อบต.คลองเขื่อน นักท่องเที่ยวที่เดินทางเป็นหมู่คณะ 10 คนขึ้นไปให้ติดต่อไปก่อนล่วงหน้า จะได้ราคาพิเศษเพียงคนละ 380 บาท
เที่ยวใกล้กรุงในภาคตะวันออก มีสีสัน ความสนุกสนาน สมกับเป็น More Fun แห่งปีหมูทอง
@9 เทคนิคชะลอวัยป้องกันไม่ให้แก่เร็ว
หากไม่อยากให้เซลล์และระบบการทำงานต่าง ๆ ของอวัยวะภายใน ร่างกายเสื่อมไวกว่าอายุจริง ควรหมั่นดูแลทั้งสุขภาพภายในและภายนอกอย่างสม่ำเสมอ ดังนี้
1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง 2. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3. งดการสูบบุหรี่ 4. ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเป็นประจำ 5. ตรวจเช็คร่างกายสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยให้ร่างกายมีภาวะติดเชื้อเรื้อรังอันจะนำมาสู่โรคภัยใกล้เจ็บ 6. ดูแลเรื่องอาหารการกิน โดยเน้นผลไม้ที่มีวิตามิน เกลือแร่ กากใยไฟเบอร์ และน้ำเปล่าให้มาก ๆ เลือกกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
7. ไม่สะสมความเครียด หาทางกำจัดออกให้เร็วที่สุด 8. ฝึกสมองและทักษะความคิดอยู่เสมอ หมั่นเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ 9. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีมลภาวะหรือสภาพแวดล้อมไม่ดี เป็นเรื่องที่สามารถทำเองได้ทุก ๆ วัน
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ทอท.รอชงบอร์ดเดือนกพ.เปิดTORดิวตี้ฟรีปี63”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.เดือนหน้าวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 จะมีวาระหลัก ๆ เตรียมเสนอเสนอพิจารณา คือ เรื่องแรก เงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) เพื่อจัดหาผู้ประมูลสัมปทานบริหารพื้นที่ปลอดภาษี (duty free) ภายในพื้นที่อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขนาดรวมประมาณ 30,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย พื้นที่ในอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 ขนาด 20,000 ตารางเมตร และพื้นที่ในอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 หรืออาคารแซตเทิลไลท์ เบื้องต้นขนาด 10,000 ตารางเมตร
สำหรับ TOR การจัดหาผู้เข้ามาบริหารพื้นที่ดิวตี้ฟรีในขณะนี้ทีมงานเกี่ยวข้องได้ทำรายละเอียดแล้วเสร็จเกือบ 98 % แล้ว สามารถนำเข้าบอร์ดได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เรื่องที่ 2 แผนขยายการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 วงเงิน 42,084.564 ล้านบาท สามารถก่อสร้างได้ตามแผนปกติ เพื่อขยายขีดความสามารถการรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีกปีละ 30 ล้านคน
เพราะ ทอท.ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำทุกขั้นตอนโดยล่าสุดจัดประชุมร่วมกับคณะกรรมการ Airport Consultative Committee : ACC ซึ่งมีตัวแทนสายการบินและหน่วยงานเกี่ยวข้องต่าง ๆ กับการบิน ได้เสนอความต้องการหลายประเด็นเพื่อการใช้อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ซึ่งจะนำมาประมวลเรื่องหลักที่เป็นประโยชน์ก่อนเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ด ทอท.เดือนกุมภาพันธ์นี้
รายละเอียดการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิหลังที่ 2 มูลค่าการลงทุน 42,084.564 ล้านบาท นั้น จะมีการพัฒนา 7 งาน ได้แก่
1.งานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่สอง บริเวณทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน A ออกแบบทำเป็น มัลติ-เทอร์มินัล พื้นที่ 348,000 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารได้อีกปีละ 30 ล้านคน
2.งานก่อสร้างปรับปรุงอาคารเทียบเครื่องบิน A,B, C
3.งานก่อสร้างอาคารบริการท่าอากาศครบวงจร ทิศใต้ของอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ พื้นที่ 84,000 ตารางเมตร จอดรถยนต์ได้ 1,000-1,500 คัน และลานเอนกประสงค์ จอดรถยนต์ได้มากสุดถึง 2,000 คัน
4.งานระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติระยะทางบริการ 2.5 กม. เชื่อมต่อด้วยรถไฟฟ้าไร้คนขับระหว่างอาคารผู้โดยสารหลักกับอาคารเทียบเครื่องบิน A ปัจจุบัน แล้วยังเชื่อมต่อกับอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 กับแอร์พอร์ตลิงค์
5.งานระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารเชื่อมต่อกับระบบอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน ซึ่งเป็นบริการตามสัดส่วนของผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้นอีกปีละ 30 ล้านคน
6.งานก่อสร้างระบบถนนภายในท่าอากาศยานที่จะใช้เป็นทางเข้า-ออก ตรงบริเวณอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 และ
7.งานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคแบบครบวงจร
ข่าวที่สอง “คาดตรุษจีนสะพัด1.3หมื่นล้าน-คลังผนึกแบงก์คืนVAT5%”
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า เม็ดเงินค่าใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2562 จะอยู่ที่ประมาณ 13,560 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.9% แบ่งค่าใช้จ่ายเป็น 3 ส่วน 1.การ ทำบุญ/ท่องเที่ยวเป็นส่วนหลักที่คนใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้น 2.ค่าเครื่องเซ่นไหว้จะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา 3.เงินแต๊ะเอีย มีแนวโน้มปรับลดลงชัดเจนกว่ากิจกรรมอื่น ๆ
ผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ พบว่า มีมุมมอง ต่อทิศทางกำลังซื้อที่ค่อนข้างระมัดระวัง โดยส่วนใหญ่กว่าครึ่งมองว่ากำลังซื้อของตนเองไม่แตกต่างจากปีก่อน ส่วนใหญ่ก็ปรับลดงบประมาณลงเท่าที่จำเป็น แต่เป็นที่น่าสังเกตว่ากลุ่มที่มีรายได้ปานกลางลงล่าง มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยด้านกำลังซื้อ ก็อาจปรับลดค่าใช้จ่ายในส่วนกิจกรรมบางอย่างที่ทำได้
จากการสำรวจพบว่าส่วนใหญ่จะเน้นการประหยัด ทั้งการซื้อเครื่องเซ่นไหว้ การแจกเงินแต๊ะเอีย รวมถึงการทำบุญ และการท่องเที่ยว
ขณะที่ นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า คลังร่วมกับสมาคมธนาคารไทย ทำมาตรการส่งเสริมการชำระเงินซื้อสินค้าและบริการให้ผู้บริโภค โดยจะคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)ให้แก่ผู้จับจ่ายใช้สอยช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยต้องเข้าไปลงทะเบียนระหว่าง 1-15 กุมภาพันธ์ 2562 จะได้รับการชดเชยภาษีมูลค่าเพิ่มคืน 5% จากปกติ 7% สำหรับผู้ที่จ่ายเงินผ่านบัตรเดบิต หรือคิวอาร์โค้ด คนละไม่เกิน 1,000 บาท คำนวณสูงสุดจากยอดการซื้อสินค้าและบริการ 21,400 บาท
จากเดิมผู้เข้าร่วมโครงการลงทะเบียน 1 คน สามารถเลือก 1 ธนาคาร และ 1 บัญชี กระทรวงการคลังได้เพิ่มช่องทางอำนวยความสะดวกแก่ผู้สนใจมาตรการ โดยผู้ลงทะเบียนสามารถเลือกใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตหรือคิวอาร์โค้ดเช่นเดิม แต่ผู้ลงทะเบียน 1 คน สามารถใช้บัญชีได้สูงสุดไม่เกิน 10 เลขที่บัญชี
ข่าวที่สาม “นกแอร์เทขายหุ้นเพิ่มทุน 908ล้านผ่าวิกฤตขาดทุน”
นายประเวช องอาจสิทธิกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อ 22 มกราคม 2562 มีมติเห็นชอบให้เพิ่มทุนจดทะเบียน 908.79 ล้านบาท จากทุนเดิม 2,499.25 ล้านบาท เป็น 3,408.05 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 908.79 ล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่แต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering) ราคาหุ้นละ 2.75 บาท อัตราส่วนจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน 2.5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่ม
ทั้งนี้เพื่อบริหารจัดการการเงินอย่างมีประสิทธิภาพและพยายามเร่งภาระการขาดทุนต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 1.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น