เจาะลึกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่คัดกรองมะเร็งกลุ่มเสี่ยงทั่วไทย-ททท.ผนุกบางกอกแอร์แจกตั๋วบินฟรีเที่ยววันธรรมดา

เจาะลึก“หน่วยแพทย์เคลื่อนที่คัดกรองมะเร็งทั่วไทย”

เนื่องในโอกาสปีมหามงคลพระบรมราชาภิเษก2562

“คิง เพาเวอร์”ลุยชิงดิวตี้ฟรี-เชิงพาณิชย์สุวรรณภูมิ

ช้อปคิงเพาเวอร์รางน้ำรับฟรีบัตรกินอาหาร300บาท

ททท.-บางกอกแอร์รุกวันธรรมดาแจกตั๋วบิน100ใบ

ชูบอลลูนนานาชาติหาดใหญ่โกยมาเลย์ -สิงคโปร์

บางจากขยายสิทธิ์The1การ์ดเติม 1รับไปเลย 3เท่า

บางจากหนุนเด็กภาคเกษตรใช้นวัตกรรมพลังงาน

More Funจันทบุรีตลุยกินผลไม้เที่ยวต่อน้ำตกพลิ้ว

เคล็ดลับลดติดรสหวานมหันตภัยร้ายอันตรายสุดๆ

ทัวร์ผลไม้ทำโรงแรมเมืองจันทบุรียอดพักพุ่ง90 %

 TCEBหนุนจัดซูเปอร์ไฮเทคโลกIFSEA15-17พ.ค.

“วีระศักดิ์”อำลาเก้าอี้รมว.ท่องเที่ยวฝาก4นโยบาย

 ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าว #เที่ยวกับกู๋ #วันธรรมดาน่าเที่ยว #MoreFunตะวันออก #เที่ยวสวนผลไม้ #kingpower  #มูลนิะกายจนบารมี

 ช่วงที่ 1 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 “ดร.นายแพทย์สมยศ ดีรัศมี” ประธานมูลนิธิกาญจนบารมี เล่าเรื่องราวดี ๆ มาเล่าให้ฟังในรายการเกี่ยวกับแพทย์เคลื่อนที่โครงการ “คัดกรองมะเร็งเต้านมโดยเครื่องเอ็กซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ (Memogram) ในสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยอาสในโอกาสในพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ

 ดร.นายแพทย์สมยศ ดีรัศมี ประธานมูลนิธิกาญจนบารมี 

 ดร.นายแพทย์สมยศ ดีรัศมี ประธานมูลนิธิกาญจนบารมี เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงมีพระราชดำริให้ทรงก่อตั้งมูลนิธิฯ ขึ้นเพื่อป้องกันมะเร็งและสนับสนุนการทำงานของโรงพยาบาลมหาวชิราลงกรณ์ ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เริ่มต้นมูลนิธิกาญจนบารมี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2540 ตามพระราชดำริ จากนั้นปี 2555 พระองค์ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มูลนิธินำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ “โครงการมะเร็งเต้านมโดยเครื่องเอ็กซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ (Mammogram) ในสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาส ออกไปให้บริการประชาชนในถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศ

 ทางมูลนิธิฯ จึงเริ่มดำเนินการบริการเคลื่อนที่ตั้งแต่ปี 2556 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเข้าสู่ปีที่ 6 แล้ว เริ่มให้บริการวันละ 1 อำเภอ ในปี 2562 ทางกลุ่มแพทย์เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน เป็นต้นมา พื้นที่แรกในภาคอีสานคืออำเภอเอราวัณ จังหวัดเลย ต่อจากนั้นจะไปภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เมื่อครบรอบ 1 ปี จะให้บริการตรวจกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมคัดกรองมะเร็งทั่วประเทศได้ประมาณ 180-190 อำเภอ เนื่องจากมีวันหยุดนักขัตฤกษ์อยู่ด้วย 

การลงพื้นที่ของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่นั้นมูลนิธิกาญจนบารมี จะร่วมมือกับเครือข่ายกลุ่มสาธารณสุขอำเภอ จังหวัด และทีม อสม.ซึ่งทางมูลนิธิจะมีรถเคลื่อนที่หนึ่งขบวน 4 คัน ประกอบด้วย

 คันที่ 1 รถประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่ (Mobile Advertising Unit)

คันที่ 2 รถสาธิตและตรวจเต้านม (Mobile Check up Unit) ซึ่งมีแพทย์ พยาบาล และห้องตรวจประจำรถแต่ละคัน

รถคันที่ 3 รถนิทรรศการและให้ความรู้โรคมะเร็งและเต้านมเคลื่อนที่ (Mobile Learning) จะให้ความรู้แก่ประชาชนให้ความรู้และบอกรายละเอียดให้ทราบถึงขั้นตอน วินิจฉัย การรักษา เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจว่าเมื่อเป็นมะเร็งเต้านมแล้วสามารถรักษาให้หายได้

คันที่ 4 รถตรวจเอ็กซเรย์เต้านมเคลื่อนที่แบบประสิทธิภาพสูง (Mamogram) โดยทุกรายที่คุณหมอตรวจแล้วพบว่ามีความผิดปกติสงสัยจะเป็นมะเร็งเต้านมก็จะส่งเข้ารถแมมโมแกรมต่อไป สำหรับรถ Mamogram ของมูลนิธิเป็นอุปกรณ์ทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นรถเคลื่อนที่ขนาดใหญ่ประสิทธิภาพและคุณภาพดีมาก หากพบเจอมะเร็งขนาดเพียง 2-3 มิลลิเมตร ก็สามารถวินิจฉัยและส่งรักษาต่อได้อย่างทันท่วงที

การดำเนินงานของมูลนิธิทางด้าน โครงการมะเร็งเต้านมโดยเครื่องเอ็กซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ (Mammogram) ในสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาสในถิ่นทุรกันดาร แต่ละครั้งจะทำอย่างครบวงจร ตั้งแต่การให้ความรู้ สอนประชาชนในการตรวจเต้านมด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ เอ็กซเรย์เต้านมให้แก่บุคคลที่สงสัยหรือเป็นกลุ่มเสี่ยง เฉลี่ยทำได้วันละ 30-40 คน

ขณะนี้ทำไปได้ทั้งหมด 773 ครั้ง เอ็กซเรย์ได้จำนวน 18,000 ราย ซึ่งพบความผิดปกติประมาณกว่า 1,600 ราย ที่ได้รับการส่งต่อเพื่อวินิจฉัย รักษา อย่างถูกวิธี เพราะในจำนวนที่พบนั้นไม่ได้หมายความว่าจะเป็นมะเร็งทั้งหมด บางคนเป็นเนื้องอกธรรมดา ไม่ร้ายแรง แต่ผู้ที่เป็นมะเร็งจะได้รับการรักษาเป็นอย่างดีทุกขั้นตอน

ดร.นายแพทย์สมยศ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนโครงการมะเร็งเต้านมโดยเครื่องเอ็กซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ (Mammogram) ในสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาสในถิ่นทุรกันดาร 2 ประการหลัก ประกอบด้วย

 ประการแรก ทรงมีพระราชดำริให้ก่อตั้งหรือสร้างศูนย์มะเร็งเพื่อให้บริการประชาชนที่ป่วยเป็นมะเร็งไม่ให้ต้องรอนั้น เนื่องจากเมื่อปี 2533-2534 ประชาชนส่วนใหญ่ผู้ป่วยเป็นมะเร็งไม่ค่อยจะได้รับการรักษา เพราะมีโรงพยาบาลเพียงไม่กี่แห่งทั่วประเทศ มีเพียงโรงพยาบาลใหญ่ในมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลราชวิถี สถาบันมะเร็งแห่งชาติ เท่านั้นที่จะรักษาโรคมะเร็งได้ ฉะนั้นประชาชนที่ป่วยจึงต้องรอการรักษา ทั้งการฉายแสง เคมีบำบัด ด้วยข้อจำกัดที่มีโรงพยาบาลไม่เพียงพอ พอพระองค์ทรงทราบเรื่องทรงห่วงใยประชาชนที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม ต้องรอแพทย์เป็นเวลานาน พระองค์จึงทรงมีพระราชดำริให้ตั้งโรงพยาบาลหรือศูนย์มะเร็งขึ้น

 โดยพระองค์ทรงรับเป็นองค์ประธานระดมทุนจัดสร้างศูนย์มะเร็ง คือโรงพยาบาลมหาวชิราลงกรณ์ ธัญบุรี อันเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกร ต่อผู้ป่วยโรคมะเร็ง และประชาชนในบริเวณใกล้เคียง

 ทางมูลนิธิจึงได้ทำเรื่องกราบบังคมทูลขอพระราชานุญาตใช้พระนามของพระองค์ตั้งชื่อศูนย์มหาวชิราลงกรณ์ ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและถวายความจงรักภักดีต่อพระองค์ ประการที่ 2 พระราชทานพระราชานุญาตหรือโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มูลนิธิฯ ดำเนินการนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เดินทางไปทำโครงการ คัดกรองมะเร็งเต้านมโดยเครื่องเอ็กซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ในสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาส ในเขตทุรกันดารทั่วประเทศ

ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมามีประชาชนที่ผ่านการคัดกรองนับล้านคน แล้วมาตรวจต่อเนื่องหลายแสนคน ด้วยการแพทย์ที่เข้าไปให้การดูแล สอนการตรวจ เอ็กซเรย์ด้วยเครื่อง Mamogram ทันสมัยที่สุด เป็นเหตุผลทำให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการการแพทย์ที่ดี มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากที่สุด

 ดร.นายแพทย์สมยศกล่าวว่า ขณะนี้ทางมูลนิธิได้รับงบประมาณจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อนำมาจัดหาอุปกรณ์การแพทย์จัดซื้อเพิ่มรถติดตั้งเครื่อง Mamogram นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณปกเกล้าปกกระหม่อม ทำให้มีรถเคลื่อนที่พร้อมอุปกรณ์นำไปบริการประชาชนเพิ่มขึ้น เนื่องในโอกาสมหามงคล พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562

 โดยเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 ดร.นายแพทย์สมยศ นำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของมูลนิธิร่วมกับสาธารณสุขอำเภอ จังหวัด อสม.ลงพื้นที่ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยรถติดตั้งอุปกรณ์การแพทย์ทั้ง 4 คัน เป็นพื้นที่แรกในภาคอีสาน ประจำปี 2562 ณ ที่ว่าการอำเภอเอราวัณ จังหวัดเลย นับเป็นอำเภอที่ 636 และการออกหน่วยเป็นครั้งที่ 773 พื้นที่ต่อไปในอีสานทางมูลนิธิจะไปต่อเรียงตามลำดับ คือ จังหวัดหนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ ลงไปถึงบุรีรัมย์

แล้วจากนั้นไปเริ่มใหม่ในภาคเหนือ สระบุรีไปจนถึงเชียงราย แล้วลงภาคใต้ และกลับมาจบที่ภาคกลาง เป็นภารกิจตลอดปี 2562 ทางมูลนิธิดำเนินงานในโอกาสพิเศษปีมหามงคลพระบรมราชาภิเษก เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์ 

ดร.นายแพทย์สมยศแนะนำว่า ประชาชนผู้ต้องการจะตรวจคัดกรองมะเร็ง สามารถที่จะไปใช้บริการได้ที่ศูนย์หรือโรงพยาบาลมหาวชิราลงกรณ์ ธัญบุรี ได้ด้วย โดยจะมีแพทย์ พยาบาล พร้อมให้บริการ ดูแล ตรวจ วินิจฉัย ฉายแสง ฝังแร่ เคมีบำบัด สามารถไปได้ทุกวันตามเวลาราชการ

ทั้งนี้สถิติโดยรวมของมูลนิธิกาญจนบารมี โดยหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ได้ดำเนินการตรวจคัดกรองให้แก่ประชาชนสิ้นสุด ณ วันที่ 30 เมษายน 2562 รวม 231,900 ราย โดยใช้เครื่องเอ็กซเรย์ Mamogram ตรวจกว่า 16,096 ราย ส่งคนไข้ไปตรวจวินิจฉัย 1,791 ราย พบเจอผู้ป่วยโรคมะเร็งประมาณ 300 ราย

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

 ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์โชว์คนไทยมืออาชีพชิง2สัมปทานสุวรรณภูมิ 

กลุ่ม บริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานถึงความมุ่งมั่นการแข่งขันประมูลงานบริหารจัดการพื้นที่ธุรกิจภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” โดยจะขอใช้ศักยภาพความเป็นมืออาชีพในฐานะนักธุรกิจคนไทย ใช้ทักษะความสามารถของทีมบริหารคนไทยเสนอผลงานที่ดีมีประโยชน์ ในการชิงงานประมูลแข่งกับอีกหลายกลุ่มบริษัทซึ่งนำรายชื่อบริษัทต่างชาติเข้ามาร่วมในเวที

ตามที่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้แจ้งไปยัง ทอท. เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 โดยเสนอชื่อเดี่ยว ๆ บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด กับ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ไม่มีชื่อพันธมิตรเข้าร่วมทีม หากแต่จะใช้ศักยภาพความเป็นนักธุรกิจไทยมืออาชีพชิงชัยโครงการร้านค้าปลอดอากร (duty free) และร้านค้าเชิงพาณิชย์

 หลังจาก ที่ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) "ทอท/AOT" ได้โพสต์เฟสบุ๊คเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 ระบุรายชื่อ เอกชนที่ยื่นรายชื่อพันธมิตรที่เข้าร่วมการประมูลพื้นที่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) จำนวน 2 โครงการ โดยนำเสนอรายชื่อ Joint Venture (JV) ผู้ร่วมประมูล "กิจกรรมเชิงพาณิชย์และดิวตี้ฟรี" ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เมื่อหมดเขตยื่นรายชื่อเวลา 17.00น. ของวันที่ 8 พ.ค. 62 ประกอบด้วย

1. งานให้สิทธิประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (DUTYFREE) มีทั้งหมด 5 รายดังนี้

 1.1 บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด โดยไม่ได้ยื่นรายชื่อ JV

 1.2 บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด JV ประกอบด้วย 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด กับกลุ่มทุนต่างชาติ 1 ราย คือ บริษัท ดีเอฟเอส เวนเจอร์ สิงคโปร์ จำกัด

 1.3 บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ไม่ได้ยื่นรายชื่อ JV

 1.4 บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) JV ประกอบด้วย 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท บางกอกแอร์เวย์สโฮลดิ้ง จำกัด และกลุ่มทุนต่างชาติ 1 ราย คือ บริษัท โฮเต็ล ล็อตเต้ จำกัด

1.5 บริษัทโรงแรมรอยัลออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) JV ประกอบด้วย บริษัทโรงแรมรอยัลออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท เอ็มไพร์ เอเชีย กรุ๊ป จำกัด และต่างชาติ 1 ราย คือ WDFG UK LIMITED

 2. งานให้สิทธิประกอบกิจกรรมเชิงพาณิชย์ภายในอาคารผู้โดยสาร ณ ทสภ. มีทั้งหมด 4 ราย ไม่มีผู้ประกอบการรายใดยื่นรายชื่อ JV ประกอบด้วย

 2.1 บริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด

2.2 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) 2.3 บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด

2.4 บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เชั่นแนล จำกัด (มหาชน)

ข่าวที่ 2 “ช้อปคิงเพาเวอร์รับฟรีบัตรอาหาร300บาทถึง31พ.ค.” 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดรายการส่งเสริมการขาย รับคูปองทานอาหารฟรีสูงสุด 300 บาท ระหว่างวันนี้– 31 พฤษภาคม 2562ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ เชิญชวนสมาชิกคิง เพาเวอร์ ช้อปสินค้าตามเงื่อนไข แล้วรับสิทธิ์แบบเต็ม ๆ ดังนี้ 

1.ซื้อสินค้าครบ 2,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ)/ใบเสร็จรับเงิน แลกรับคูปองรับประทานอาหารในโซน และนอกโซน Thai Taste Hub มูลค่า 100 บาท

 2.ซื้อสินค้าครบ 4,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จรับเงิน แลกรับคูปองรับประทานอาหารในโซน และนอกโซน Thai Taste Hub มูลค่า 300 บาท (จำกัด 1 สิทธิ์ / ท่าน / วัน)

เพียงแค่สมาชิกทำตามกติกาการช้อปปิ้งในร้านคิง เพาเวอร์ รางน้ำ ดังนี้

 – เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ ตรวจสอบสินค้าร่วมรายการเพิ่มเติมที่จุดขาย

– สามารถ ใช้ร่วมกับส่วนลดจากบัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์

 – ผ่อนชำระ 0% สามารถร่วมรายการ – บัตรเครดิตร่วมคิง เพาเวอร์กับธนาคารไทยพาณิชย์ และกสิกรไทย สามารถร่วมรายการ

– คูปองนี้ สามารถใช้ได้ที่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ และคูปองนี้ หมดอายุภายในวันที่ทำรายการ

 ข่าวที่ 3 “ททท.-บางกอกแอร์แจกตั๋ว100ใบทัวร์วันธรรมดา3เดือน”  

นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมด้วย นายวิบูลย์ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการภูมิภาคตะวันออก ททท. เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส นำโดย นางสาวเพลินพิศ โกศลยุทธสาร ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการตลาดเที่ยววันธรรมดา จึงได้เปิดตัวแคมเปญ “บางกอกแอร์เวย์ส ชวนบินวันธรรมดา ลุ้นฟินแบบไม่ธรรมดา” มอบสิทธิ์ในการลุ้นรางวัลตั๋วโดยสารเครื่องบินบางกอกแอร์เวย์สทันที 50 รางวัล ๆ ละ 2 ที่นั่ง เมื่อซื้อตั๋วบินในประเทศ ไป-กลับ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม – 31 กรกฎาคม 2562 เพื่อเดินทางเที่ยววันธรรมดา ระหว่างวันจันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี

 เชิญชวนซื้อตั๋วบินเส้นทางหลัก ๆ ไป-กลับ จาก กรุงเทพฯ สู่ปลายทาง 5 เมือง เมืองละ 10 รางวัล รวมตั๋วแจกฟรี 100 ใบ ได้แก่ สมุย เชียงราย ลำปาง กระบี่ และตราด ผู้โดยสารสามารถลงทะเบียนร่วมกิจกรรมได้ที่ www.bangkokair.com/weekdayspecial ตั้งแต่ 15 พฤษภาคม - 2 สิงหาคม 2562 แล้วรอลุ้นการจับรางวัล 8 สิงหาคม นี้ จากนั้นจะประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัลวันที่ 15 สิงหาคม 2562 ผ่านทางเว็บไซต์ www.bangkokair.com/weekdayspecial https://xn--www-hol3cuf.facebook.com/flybangkokair

 นายวิบูลย์ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก ในฐานะผู้จัดการโครงการ “วันธรรมดา น่าเที่ยว” ททท.กล่าวว่า ตั้งเป้าจะเพิ่มการเดินทางใช้จ่ายเงินช่วงวันธรรมดาช่วงครึ่งปีหลัง 2562 ตลอด 3 เดือนที่ร่วมกับบางกอก แอร์เวย์ส จัดแคมเปญดังกล่าว กระจายไปยังเมืองท่องเที่ยวหลักและเมืองรองที่กำลังมาแรง ทั้ง 5 จังหวัด รวมทั้งมีโปรดักซ์และเส้นทางการท่องเที่ยวชุมชนใหม่ ๆ ภายในพื้นที่จะสร้างความคึกคัก ตื่นตาตื่นใจ เป็นแม่เหล็กดึงดูดความสนใจคนไทยเที่ยววันธรรมดาเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 1-2 % ได้

สถิติขณะนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเที่ยววันธรรมดา เฉลี่ยประมาณ 20-25 % ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด โดยมีจุดแข็งเรื่องความสะดวกสบาย ไม่แออัดมากจนเกินไปเหมือนช่วงวันหยุดต่อเนื่องหรือนักขัตฤกษ์ และยังมีราคาห้องพัก ตั๋วโดยสารเครื่องบิน หลากหลายให้เลือกซื้อได้มากกว่าวันหยุดสุดสัปดาห์หรือหยุดนักขัตฤกษ์

 ข่าวที่ 4 “ททท.ชูบอลลูนนานาชาติ@หาดใหญ่ปั๊มรายได้ 

 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้จัดงาน “เทศกาลสีสันบอลลูนนานาชาติ @ หาดใหญ่” (International Balloon Festival @ Hat Yai) ระหว่าง 10-12 พฤษภาคม 2562 ณ สนามกีฬาจิระนคร อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาสร้างกิจกรรมพิเศษระดับนานาชาติในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะตลาดระยะใกล้จากมาเลเซียและสิงคโปร์ อันจะก่อให้เกิดรายได้เข้าสู่พื้นที่และการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ

ตลอดงานมีกิจกรรมบอลลูนแบบครบวงจร พร้อมการจำหน่ายอาหารและกิจกรรมการแสดงบริเวณหน้าสนามกีฬา บอลลูนที่เข้าร่วมงาน มีจำนวน 15 ลูก จากทุกภูมิภาคทั่วโลก เช่น ประเทศไทย เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น ไต้หวัน บราซิล สเปน สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เวียดนาม ประกอบด้วย

 Normal Shape 3 ลูก ได้แก่ Amazing Thailand ไทย Painting เนเธอร์แลนด์ Peggy เวียดนาม 

Special Shape 9 ลูก ได้แก่ Saga Ebisu ญี่ปุ่น OH Bear ไต้หวัน บราซิล 3 ลูก คือ Bidu , Elvis, Farmer Pig อังกฤษ 1 ลูกคือ Busby สหรัฐ 2 ลูก คือ Wil the Police , Bundit และ Gnome สเปน 

Mini Balloon 3 ลูก จากไทย ได้แก่ Sukjai, Plai Puak, Lopoh นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ช่วงเช้า 6.00-8.00 น. และช่วงเย็น 17.00-22.00 น. ดังนี้

 ช่วงเช้า - Morning Free Flight การบินบอลลูนดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าร่วมงาน

 - Balloon Tethering การลอยบอลลูนในจุดที่กำหนด เปิดให้ผู้ชมงานร่วมกิจกรรมนี้ได้

 - Walk-in Balloon นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเรียนรู้โครงการภายในลูกบอลลูน โดยมีนักบินบอลลูนให้ความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและเกร็ดความรู้ต่าง ๆ

 - Balloon Display ลอยบอลลูนภายในสนามเพื่อสร้างสีสันกับกิจกรรมแชะแชร์ ช่วงเย็น

 - Balloon Night Glow เป็นไฮไลต์โชว์บอลลูนประกอบแสง เสียง สร้างความตื่นตา ตื่นใจ - Balloon Tethering ลอยบอลลูนในจุดที่กำหนด เชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้าร่วมได้

 - Walk-in Balloon เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเรียนรู้โครงการภายในลูกบอลลูน โดยมีนักบินบอลลูนให้ความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและเกร็ดความรู้ต่าง ๆ

 - Balloon Display ลอยบอลลูนภายในสนามเพื่อสร้างสีสันกับกิจกรรมแชะแชร์

ข่าวที่ 5 “บางจากชวนสมาชิกThe1Cardเติม1รับถึง 3 

 บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดแคมเปญ มากกว่า 1 ได้ถึง 3 โดยจับมือกับบัตรสมาชิก The1 เติมน้ำมันบางจากทุกผลิตภัณฑ์ รับคะแนนสะสม x3(มูลค่าส่วนลดสูงสุด 37.5 สต./ลิตร) ที่สถานีบริการน้ำมันบางจากที่ร่วมรายการทั่วประเทศ ระหว่างวันนี้ – 31 พฤษภาคม 2562

 • เติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 1 ลิตร ได้รับคะแนน 3 คะแนน (ปกติเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 1 ลิตร รับคะแนนสะสม 1 คะแนน)

 • เติมน้ำมันดีเซลครบ 4 ลิตร รับคะแนนสะสม 3 คะแนน (ปกติเติมน้ำมันดีเซล 4 ลิตร รับคะแนนสะสม 1 คะแนน) เพียงสมาชิกทำตามกติกาง่าย ๆ คือ • สมาชิก The 1 แจ้งเบอร์โทรศัพท์มือถือในการสะสมคะแนน The 1

• แสดงบัตรประชาชนในการแลกคะแนน ใช้คะแนน The 1 Card 800 คะแนน เพื่อแลกรับส่วนลดได้ 100 บาท (จำกัดการแลกคะแนน 1ครั้งต่อเดือน / ไม่เกิน 800 คะแนนต่อครั้ง)

• เมื่อแลกคะแนนสะสม The 1 สมาชิกจะไม่ได้รับคะแนนสะสมในใบเสร็จนั้น

• ไม่สามารถใช้สิทธิ์สะสมคะแนนร่วมกับ บัตรสมาชิกบางจากทุกประเภท , บัตรเอสซีจี ดีเบนเจอร์คลับ , บัตรเอไอเอส เซเรเนด ทุกประเภท และบัตรส่วนลดอื่นได้

• เติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ จำกัดการสะสมไม่เกิน 100 ลิตรต่อครั้ง / 1ครั้งต่อวัน / ไม่เกิน 400 ลิตรต่อเดือน • เติมน้ำมันดีเซล จำกัดการสะสมไม่เกินไม่เกิน 200 ลิตรต่อครั้ง / 1ครั้งต่อวัน / ไม่เกิน 1,000 ลิตรต่อเดือน)

• เฉพาะสถานีบริการน้ำมันบางจากที่ร่วมรายการทั่วประเทศ

• 1 คะแนนมีมูลค่า 12.5 สตางค์ • สอบถามเพิ่มเติมที่ call center 1651 กด 4

 ข่าวที่ 6 “บางจากฯ สนับสนุนโครงการพัฒนาธุรกิจเกษตร 

นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบริหารและพัฒนาศักยภาพองค์กร พร้อมผู้บริหารระดับสูง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้ร่วมกันมอบเงินสนับสนุนโครงการพัฒนาธุรกิจเกษตร โรงเรียนมีชัยพัฒนา จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อใช้ขยายระบบไฮโดรโปนิกส์ ทำโรงเรือนปลูกเมล่อน ติดตั้งระบบเพาะเลี้ยงผักไมโครกรีน และการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ในอาคารนวัตกรรมบางจาก

 โครงการนี้บางจากสนับสนุนการก่อสร้างอาคาร เพื่อขยายกิจกรรมการเกษตรแนวใหม่ที่เน้นการมีส่วนร่วมปฏิบัติ สร้างองค์ความรู้ทางนวัตกรรมเพื่อการศึกษาและการเกษตรแผนใหม่ให้กับนักเรียน ส่งเสริมการทำธุรกิจเพื่อสังคม รวมทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ในชุมชน โดยมีนายมีชัย วีระไวทยะ ประธานมูลนิธิมีชัยฯ และโรงเรียนมีชัยพัฒนา เป็นผู้รับมอบ

 สำหรับโรงเรียนมีชัยพัฒนา เป็นโรงเรียนต้นแบบระดับประเทศ ด้านการสร้างทักษะชีวิตและอาชีพ ตามภูมิสังคมที่เน้นการพึ่งพาตนเอง โดยบริหารจัดการด้วยแนวคิด “โรงเรียนต้องเป็นแหล่งเรียนรู้และศูนย์กลางในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและรายได้” เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้และพัฒนา สามารถขยายผลไปสู่ครอบครัวและชุมชนแวดล้อมนักเรียน

 ช่วงที่ 2 หิ้วกระเป๋าไป More Fun เทศกาลผลไม้เมืองจันทบุรี แล้วไปต่อยัง “อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว” พื้นที่เดียวเที่ยวได้ 4 อำเภอ แล้วต้องรู้เคล็ดลับ “กินหวานภัยร้ายสุดๆ” ส่วนข่าวแซบ “ทัวร์สวนผลไม้ทำโรงแรมจันทบุรี” ยอดพักทะลุเกิน 90 %ครั้งแรกในรอบหลายปี ด้าน“TCEB” นำสุดยอดงานซูเปอร์ไฮเทคโลก IFSEA มาจัดในไทย 15-17พ.ค.62 และ “เบื้องลึก รมว.วีระศักดิ์” อำลาเก้าอี้รัฐมนตรีท่องเที่ยว กับ 4 นโยบาย ใส่พานให้รัฐบาลใหม่ 

 @@
@More Fun สวนผลไม้ไปเที่ยวต่อน้ำตกพลิ้ว  

ชาว “จันทบุรี” เปิดสวนผลไม้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์แล้ว ตั้งแต่พฤษภาคม-มิถุนายน นี้ แฟนคลับทุเรียน เลิฟเวอร์ ห้ามพลาด สวนผลไม้ในจันทบุรีกกว่า 20 สวน ในทั้ง 4 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอมะขาม อำเภอแหลมสิงห์ อำเภอขลุง

 อิ่มหนำสำราญกับการเที่ยวสวนผลไม้แล้ว แนะนำให้เดินทางไปสูดโอโซนเย็นสบาย ๆ ที่ “
อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับสวนผลไม้ของชาวบ้านใน 4 อำเภอ เป็นอุทยานมีขนาดใหญ่อันดับ 11 ของประเทศ มีน้ำให้เล่นคลายร้อนตลอดทั้งปีคือ “น้ำตกพลิ้ว” แบ่งเป็น 2 สายธาร สายแรก มีขนาดเล็กไหลจากผาสูง 20 เมตร อีกสายใหญ่กว่าไหลลัดเลาะมาตามซอกหิน แล้วทั้งสองสายไหลมารวมกันในแอ่งใหญ่น้ำใสสะอาดเย็นสดชื่น มองเห็นพื้นน้ำสวยงาม รวมถึงมีปลายน้อยใหญ่อาศัยอยู่ ปลาในน้ำตกพลิ้วที่นักท่องเที่ยวตื่นตาคือ “ปลาพลวงหิน” แหวกว่ายมาทักทายนักท่องเที่ยว 

อีกทั้งรอบบริเวณน้ำตกพลิ้ว ยังได้จัดให้มีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ เพื่อเรียนรู้ปรากฎการณ์มากมาย สถานที่ท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว ก็จะมี น้ำตกคลองนารายณ์ อ่างศาลา อ่างสรง ถ้ำพระนารายณ์ น้ำตกรอกนอง น้ำตกมะกอก อ่างเก็บน้ำห้วยตาโบ รวมทั้งมีสถูปพระนางเรือล่ม สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปี 2424 เพื่อเป็นที่ระลึกแก่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี อันเป็นจุดชมทิวทัศน์แสนงดงามอีกแห่ง

เมื่อขึ้นไปยืนแล้วมองลงมาจะเห็นความอุดมสมบูรณ์ของอุทยานแห่งชาติ สวนผลไม้ สวนยาง และเขตที่อยู่อาศัยของแต่ละชุมชน อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว มีบริการพักค้างแรม กางเต็นท์ชมธรรมชาติได้ โทร.สอบถามที่ 039 434 4528, 039 434 4528

 ผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ ในอำเภอมะขาม มี “สวนสมุนไพรจันทบุรี” อยู่ตรงตำบลคีรี ครอบคลุมพื้นที่กว่า 144 ไร่ ปลูกสมุนไพรนานาพันธุ์มากกว่า 500 ชนิด ทำการผลิตแบบครบวงจร นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรีระหว่างวันจันทร์-วันศุกร์ เวลาตั้งแต่ 8.30-16.30 น.และสามารถร่วมกิจกรรมได้ ตั้งแต่ฟังการบรรยายสรรพคุณข้อเด่นและด้อยของพืชสมุนไพรแต่ละชนิด เลือกซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรแปรรูป อาหารเสริม เครื่องสำอาง และพันธุ์ไม้สมุนไพร เหมาะกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่รักสุขภาพ

หากไปเป็นหมู่คณะแนะนำให้แจ้งล่วงหน้าไปยังผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสมุนไพร โทร.039-413-3177, 02-589-9850-8 ต่อ 9042-3

 @เคล็ดลับลดการติดรสหวานอันตรายอันดับต้นๆ 

 การกินอาหารติดรสหวานไม่ใช่เรื่องดี เพราะเป็นบ่อเกิดของโรงเรื้อรังอย่างเบาหวาน เพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของตนเองโดยเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณสามารถเรียนรู้วิธีการลดความหวานจากพฤติกรรมอย่างค่อยเป็นค่อยไป แผนที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการปรับพฤติกรรม ซึ่งแผนที่ดีควรเป็นแผนที่เหมาะกับคนคนนั้น เหมาะกับวิถีชีวิต สภาพจิตใจ แรงจูงใจ และความพร้อมในการลงมือทำ มาดูกันว่าเราจะลดหวานได้อย่างไรด้วยวิธีดังนี้

1.หาแรงจูงใจให้ตัวเอง - ไม่ว่าจะเป็นแรงจูงใจทางบวกหรือทางลบ เช่น แรงจูงใจทางบวกอาจจะมาจากการอยากมีสุขภาพดีอายุยืน อยากหุ่นดี แรงจูงใจทางลบอาจมาจากการกลัวคนอื่นไม่ยอมรับ กลัวเป็นภาระให้คนที่รัก หรือกลัวใส่เสื้อผ้าได้ไม่ดูดี เป็นต้น

 2.มีเป้าหมายที่ชัดเจน - เช่น จะหยุดดื่มน้ำอัดลมให้ได้ภายในปีนี้ จะลดขนมหวานลงหนึ่งมื้อในทุกวัน ไม่กินขนมขบเคี้ยวระหว่างเล่นคอมพิวเตอร์ จะเดินอย่างน้อยวันละ 15 นาที จะฝึกหายใจด้วยท้องเพื่อผ่อนคลายเป็นเวลา 20 นาทีทุกคืน โดยให้อยู่ในขอบเขตที่ว่า เราจะทำอะไร และทำมากน้อยแค่ไหน ภายในเวลาเท่าไร1 วันแผนการลดหวานให้สำเร็จ

 ฟังข่าวท้ายชั่วโมง 

 ข่าวแรก “ทัวร์สวนผลไม้ทำโรงแรมจันทบุรียอดพักพุ่ง90%”  

นางสาวกนกพร ศานติวรพงษ์ เจ้าของจ้าวหลาวรีสอร์ต และกรรมการสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจันทบุรี เปิดเผยว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงเปิดเทศกาลเที่ยวสวนผลไม้ ปี 2562 เริ่มตั้งแต่กลางเดือนเมษายนมาจนถึงขณะนี้ ชาวสวนและธุรกิจท่องเที่ยวจันทบุรีคึกคักมาก มีนักท่องเที่ยวจองพักตามโรงแรมรีสอร์ตต่าง ๆ ทั่วจังหวัดเฉลี่ยอัตราการเข้าพักสูงเกิน 90 % เป็นปรากฏการณ์เชิงบวกที่สูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับในรอบหลายปีที่ผ่านมา 

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเดินทางเป็นครอบครัวเที่ยวสวนผลไม้ต่าง ๆ ในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีทั้งทุเรียน มังคุด ลองกอง และผลไม้อื่น ๆ ให้เลือกรับประทานต่อเนื่องไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2562 โดยมี 4 ปัจจัยหลักเป็นแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาได้แก่

1.สภาพอากาศในกรุงเทพฯ ร้อนอบอ้าว จันทบุรีเป็นเมืองที่มีทะเลและน้ำตกดับร้อนได้ 2.เป็นช่วงปิดเทอมครอบครัวคนไทยจำนวนมากนิยมขับรถเที่ยวในรัศมีใกล้กรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทาง 2-3 ชั่วโมง 3.ชื่นชอบการรับประทานผลไม้ตามฤดูกาล 4.ชื่นชอบการท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายและสามารถร่วมกิจกรรม D.I.Y.ได้ทั้งครอบครัว นางสาวกนกพรกล่าวว่า ในจันทบุรีมีสิ่งอำนวยความสะดวกการเข้าถึงสวนผลไม้ แหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย

และมีโรงแรมรีสอร์ตหลายระดับราคาให้นักท่องเที่ยวเลือกพักค้างคืนเป็นจำนวนมาก มีห้องพักตั้งแต่ระดับกลาง ราคาเริ่มต้น 350 บาท/ห้อง/คืน ไปจนถึงไฮเอนด์ 6,000-7,000 บาท/ห้อง/คืน สามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงนอกฤดูกาล และวันธรรมดาห้องพักราคาจะไม่เกิน 2,000 บาท/ห้อง

ข่าวที่สอง“TCEBหนุนไทยจัดซูเปอร์ไฮเทคโลกIFSEA15-17พ.ค.”  

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” รายงานว่า ได้สนับสนุน บริษัท เอ็กซ์โป อินเตอร์ จำกัด ร่วมกับ The AudioVisual and Integrated Experience Association (AVIXA™) และ InfoCommAsia Pte Ltd จัดงาน InfoComm Southeast Asia (IFSEA) ครั้งแรกในประเทศไทย ให้ได้ชมกันอย่างจุใจระหว่าง 15-17 พฤษภาคม 2562 ณ ไบเทค กรุงเทพฯ

ล่าสุดในตระกูลงาน InfoComm เน้นงานแสดงสินค้าเทคโนโลยีภาพและเสียงแบบบูรณาการระดับมืออาชีพชั้นนำของโลก ประกอบด้วย งาน InfoComm Show สหรัฐอเมริกา งาน Integrated Systems Europe เนเธอร์แลนด์ และงาน InfoComm China สาธารณรัฐประชาชนจีน

 ภายในงานจะแสดงสุดยอดเทคโนโลยีเฉพาะด้านและเน้นกลุ่มเป้าหมายองค์กรธุรกิจนี้ ได้รวบรวมเอาผู้เชี่ยวชาญด้านระบบภาพและเสียง ไอที ผู้แทนจากองค์กรชนนำต่างๆ และหน่วยงานรัฐจากทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาไว้ด้วยกัน โดย IFSEA2019 ได้รวมโปรแกรมสัมมนาที่น่าสนใจไว้ 3 วัน ได้แก่ AVIXA Seminar, Industry and Technology Forums, และ Manufacturers' Presentations ด้วยกัน เปิดโลกใหม่เรื่องมาตรฐานและเทคโนโลยีโซลูชั่นส์ เทรนด์ใหม่ล่าสุดต่าง ๆ มากมาย

 ข่าวที่สาม “วีระศักดิ์อำลาเก้าอี้รมว.ท่องเที่ยวทำไว้4นโยบาย”  

ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้โพสต์เฟสบุ๊ค ระบุการยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 และเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ทางสำนักนายกรัฐมนตรีได้ประกาศรายชื่อให้เป็น 1 ใน 15 รัฐมนตรีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามอนุมัติ สรุปการปฏิบัติภารกิจตลอด 18 เดือนของ รมว.วีระศักดิ์ คือการลงมือปฏิบัติเป็นตัวอย่างให้ข้าราชการ ภาคประชาชน และภาคธุรกิจ ได้เห็นถึงการทุ่มเททำนโยบายเชิงรุก

1.การสร้างความยั่งยืนของแหล่งท่องเที่ยว เน้น สะดวก สะอาด ปลอดภัย เริ่มต้นจากการลุยนำเก็บขยะทั้งพื้นราบ บนภูเขา ในทะเล ตอกย้ำถึงการลดปัญหาจากต้นตอจะช่วยสิ่งแวดล้อมโลกให้อยู่อย่างยั่งยืนได้ และยังสะท้อนถึงการปลูกฝังนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มให้มีความรับผิดชอบต่อทรัพยากรธรรมชาติด้วย 2.การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อให้คนทั้งมวลเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน : Tourism for All ทั้งผู้สูงวัย เด็ก ผู้บกพร่องทางกายทุกประเภท

 3.กระจายรายได้จากการท่องเที่ยวลงสู่เศรษฐกิจชุมชนฐานรากเมืองหลัก เมืองรอง ด้วยการทำให้แต่ละท้องถิ่นมีความเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ 4.ปฏิรูปกฎหมายทางตรงและทางอ้อม ควบคู่กับการเก็บกวาดอาชีพที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่นักท่องเที่ยว 

ทั้ง 4 นโยบายที่ รมว.วีระศักดิ์ขับเคลื่อนไว้ รอให้คณะรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาสานต่อเพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือเศรษฐกิจ สร้างความแข็งแกร่งแก่ชุมชนของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป

 ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.